วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ภาคพิเศษ : UCL Final 2012


...ให้เค้าไปเถอะ...
--------------------------------------------------------

บาร์เยิร์นเล่น 4-5-1 (ชไวสไตเกอร์ยืนต่ำกว่าโคลส,รอบเบน)

-----------------------โกเมส-----------------------
ริเบรี่--โคลส--ชไวสไตเกอร์--รอบเบน--มุลเลอร์
คอนเตโต้------บัวเต็ง-------ทีโมชุก--------ลาห์ม
----------------------นอยเออร์----------------------

เชลซีเล่น 4-2-3-1

----------------------ดรอกบา-----------------------
-----เบอร์ทราน-------มาต้า--------คาลู------------
-----------แลมพาร์ด---------มิเกล-----------------
โคล------------ลุยส์---------เคฮิล---------โบซิงวา
-------------------------เชค-------------------------

                นัดชิง UCL บาร์เยิร์นเปิดบ้าน(เพราะได้เล่นในบ้าน) รับเชลซี โดยทางบาร์เยิร์นพึ่งแพ้ "เละ" ต่อดอร์ทมุนต์ในนัดชิงเดเอฟเบ โพคาล 5-2 ส่วนเชลซีแม้จะหลุด Top 4 ในลีคแต่ได้ถ้วยเอฟเอคัพมาก่อนแล้วจากการเฉือนชนะลิเวอร์พูล นัดนี้ทั้งสองทีมขาดตัวหลักโดยเฉพาะแนวรับไปหลายตัวสภาพไม่ 100% กันทั้งคู่ ฝั่งบาร์เยิร์นเดิมพันเกมนี้ด้วยโอกาสเป็นทริปเบิ้ลรองแชมป์ตามรอยเลเวอร์คู เซ่นในอดีต ส่วนทางฝั่งเชลซีเดิมพันด้วยการไปเล่นบอลยูโรป้่า
-------------------------------------------------------

                 เริ่มเกมมาก็เป็นไปตามที่หลายคนคาด เชลซีเน้นกมรับรัดกุมไว้ก่อน ในขณะที่บาร์เยิร์นเล่นเร็วดาหน้าบุกใส่ เน้นการขึ้นเกมทางริมเส้นและยิงไกลทุกครั้งที่มีโอกาส เกมค่อนข้างเร็วเพราะทั้งสองฝ่ายพยายามฉวยโอกาสเปิดเกมรุกเร็วก่อนที่คู่ ต่อสู้จะลงไปแพคเกมรับทัน

                 ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกเป็นบาร์เยิร์นที่ครองบอลมากกว่า, ได้ลุ้นประตูมากกว่า ส่วนทางฝั่งเชลซีแม้ตกเป็นฝ่ายรับเสียมากแต่ก็ไม่ลนลาน(เพราะหนักกว่านี้ใน เกมบาร์ซ่าก็ผ่านมาแล้ว) ไม่สาดบอลทิ้งมั่วซั่ว พยายามเล่นบอลกับพื้นและเปิดเกมรุกเท่าที่โอกาสจะอำนวย

                บาร์เยิร์นบุกได้ต่อเนื่อง ส่งบอลเข้าไปในเขตโทษได้ก็มาก แต่จังหวะยิงโดนไล่ โดนดัก โดนบล็อคตลอดเวลา แม้จะได้ยิงเป็นระยะแต่ก็เป็นจังหวะยิงยากๆ แทบทั้งนั้น จังหวะที่หนีแนวรับเชลซีไปได้มาก็ยิงพลาดกันไปเองหมด แม้ว่าเชลซีจะโต้แทบไม่ขึ้นแต่ก็ยันสกอร์อยู่ที่ 0-0 ได้อยู่ดี

                 ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เกมเปิดมากขึ้นและเชลซีโต้ได้มาก,โต้ได้ดีขึ้นแต่ก็ไม่ถึงกับพลิกมาได้ เปรียบ ก่อนที่เกมจะยังยันอยู่ที่ 0-0 ทำอะไรกันไม่ได้และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

                เข้าครึ่งหลังเกมยังคล้ายท้ายครึ่งแรก เชลซีบุกได้ดีขึ้นแต่โดยรวมเกมยังเป็นรองบาร์เยิร์น บาร์เยิร์นนั้นแม้จะทำเกมรุกได้ต่อเนื่องแต่จังหวะสุดท้ายดันทำพลาดกันเยอะ โดยเฉพาะรอบเบนที่ยิงนกตายหมดเมืองมิวนิค, โกเมสที่ดึงจังหวะระดับ UCL แต่ยิงระดับลีควัน รวมไปถึงแถวสองที่สลับกันขึ้นมายิงก็แทบไม่ผ่านบล็อคของแนวรับเลย ส่วนเชลซีนั้นเกมรุกอาจยังไม่ดุดันนัก ไม่ถึงกับกดดันบาร์เยิร์นได้ แต่มีดีตรงแถวสองที่เก็บบอลได้ดี โดนบาร์เยิร์นวิ่งไล่ทุกจังหวะก็เอาตัวรอดกันไปได้เรื่อยๆ เสียบอลในแดนตัวเองค่อนข้างน้อย และปิดพื้นที่หน้าเขตโทษตัวเองได้ดีเอามากๆ

                ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไป บาร์เยิร์นเริ่มโหมเกมรุกบดหนักได้ต่อเนื่อง นาที 73 มาลูด้าได้ลงมาแทนเบอร์ทราน(ที่ไม่รู้ว่าได้ลงเป็นตัวจริงได้ยังไง)  เกมโดยรวมไม่เปลี่ยนมากนัก มาลูด้าเองก็แทบไม่ได้เล่นเกมรุก อย่างไรก็ตาม บาร์เยิร์นก็ยังทำได้เหมือนย่อหน้าข้างบน จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงท้ายเกม หมัดแย๊ปของบาร์เยิร์นก็ส่งเชลซีลงไปนับได้สักที นาที 83 จากบอลครอสทางมุมเขตโทษด้านซ้าย บอลข้ามมาเสาไกล มุลเลอร์ที่มีส่วนร่วมกับเกมน้อยกว่าตัวรุกคนอื่นๆ โหม่งกดลงพื้นเด้งข้ามเชคเช็ดคานเข้าไปได้ ให้บาร์เยิร์นนำ 1-0

                พอสกอร์ขยับ ตอเรสได้ลงมาแทนคาลูทันทีเช่นเดียวกับ ฟาน บุยเตน ที่ได้ลงมาแทนมุลเลอร์ เชลซีดันเกมรุกสูงขึ้นและเปิดพื้นที่ด้านหลังให้บาร์เยิร์นโต้มากขึ้น แต่เชลซีก็รุกได้ไม่ดุดันนักเช่นเดียวกับบาร์เยิร์นที่ใช้พื้นที่ว่างด้าน หลังแนวรับให้เป็นประโยชน์ไม่ได้ เกมทำท่าจะจบด้วยชัยชนะของบาร์เยิร์นแล้ว แต่นาที 88 เชลซีได้ลูกเตะมุม(ซึ่งได้ไม่กี่ครั้งในเกม) มาต้าเปิดมาเสาแรก ดรอกบาที่แทบไม่ได้ทำอะไรมากนักตลอดเกมโหม่งเสียบเสาแรกเข้าไปได้ ตีเสมอเป็น 1-1 ก่อนจะจบเกม 90 นาทีด้วยสกอร์ดังกล่าว

                ช่วงต่อเวลาครึ่งแรก เชลซีลงมาเปิดเกมรุกใส่ทันที ในขณะที่บาร์เยิร์นดูจะยังเสียขวัญจากการโดนตีเสมออยู่เกมดูช็อตไป แต่แล้วดรอกบาดันมาทำฟาลว์ใส่ริเบรี่เสียจุดโทษ โอกาสชนะของบาร์เยิร์นอยู่แค่เอื้อม(อีกรอบ)แต่รอบเบนดันยิงจุดโทษติดเซฟเชค จากจังหวะดังกล่าวริเบรี่เล่นต่อไ่ม่ไหว(เจ็บเอง ไม่ใช่ดรอกบาเสียบหนักมาก) โอลิชต้องลงมาเล่นแทน

                เข้าครึ่งหลังช่วงต่อเวลา กลายเป็นบาร์เยิร์นที่ลงมาเร่งอีกครั้ง ทำได้ดีเหมือนเดิมด้วย แต่โชคร้ายที่จังหวะสุดท้ายก็ดันเหมือนเดิมไปด้วยเลยต้องยิงจุดโทษตัดสิน บาร์เยิร์นได้ยิงก่อนและยิงทางฝั่งกองเชียร์บาร์เยิร์นเสียด้วย

ลาห์มยิงเข้า มาต้ายิงพลาดโดนเซฟ 1-0
โกเมสยิงเข้า ลุยส์ยิงเข้า 2-1
นอยเออร์(เอาโกลมายิงเลยล่ะ)ยิงเข้า แลมพาร์ดยิงเข้า 3-2
โอลิชยิงติดเซฟ โคลยิงเข้า 3-3
ชไวสไตเกอร์ยิงชนเสา ดรอกบายิงเข้า ทำให้เชลซีพลิกแซงในการดวลจุดโทษ 4-3

                เชลซีได้แชมป์ UCL ตามที่หวัง สมใจเจ้าของทีม, สร้างประวัติศาสตร์(ที่ไม่มีใครอยากได้)ทริปเบิ้ลรองแชมป์ให้กับบาร์เยิร์น รวมไปถึงทำเอาสเปอร์ใจสลายโควต้า UCL หายวับไปกับมือด้วย
 -----------------------------------------

                เป็นเกมนัดชิง UCL ที่มีคุณภาพและดูสนุกอีกนัดหนึ่ง แม้จะไม่ได้เปิดเกมรุกแลกกันบ้าคลั่งแต่ก็มีเกมรุกสวยงามของบาร์เยิร์นให้ ดู, เกมรับที่เหนียวแน่นรัดกุมของเชลซี, ไม่มีข้อผิดพลาดแบบน่าเกลียดทั้งจากนักเตะทั้งสองทีม รวมไปถึงการตัดสินก็ไม่มีอะไรค้านสายตาด้วย

                รูปเกมโดยรวมก็เป็นไปตามแทคติคที่ทั้งสองทีมเตรียมมา ทางฝั่งบาร์เยิร์นเล่นกันได้อย่างมีวินัย วิ่งไล่เพรซซิ่งได้ดีอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงเต็มๆ และหลังจากนั้นก็ไม่ได้เดินเล่น แต่ยังวิ่งไปปิดพื้นที่กันได้อยู่ เกมรุกดูเหมือนพึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวของรอบเบนและริเบรี่ไม่น้อย แต่นักเตะคนอื่นๆ ก็สนับสนุนการเล่นของทั้งสองคนอย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยให้เล่นไปคนเดียวเหมือนสถานการณ์ที่ดรอกบาหรือคาลูเจอ

                ทางฝั่งเชลซีเองเล่นเกมรับได้รัดกุมดี ข้อผิดพลาดส่วนบุคคลแทบไม่มีให้เห็น แผงหลังยืนตำแหน่งได้ดีไม่เปิดจังหวะให้บาร์เยิร์นจ่ายทะลุไปได้ บอลที่ครอสหรือผ่านเข้าเขตโทษจัดการได้ดีทั้งการสกัด, ประกบไม่ให้พลิกยิงและถึงแม้จะได้ยิงก็มีตัวบล็อคตัวเบียดอยู่ตลอด แผงกลางปิดพื้นที่อันตรายแถวหน้าเขตโทษได้เยี่ยม บาร์เยิร์นแม้จะได้ยิงไกลเยอะ แต่แทบทั้งหมดต้องแต่งบอลแล้วแต่งบอลอีก ไม่มีจังหวะไหนที่ได้วางเท้ายิงง่ายๆ หรือมีพื้นที่ให้ยิงโล่งๆ เลย

                สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้แน่นอนว่าเป็นความคมในการทำประตู บาร์เยิร์นถ้าเปรียบเป็นนักมวยก็วนแย๊ปอยู่จนหมัดตัวเองแทบพังแต่ไม่มีปัญญา น็อคคู่ต่อสู้ มีโอกาสยิงไม่น่าจะต่ำกว่า 20 ครั้ง ลูกเตะมุมก็เฉียดๆ จำนวนเดียวกันแต่เปลี่ยนเป็นประตูได้ลูกเดียว ในขณะที่เชลซียืนตั้งการ์ด หลังพิงเชือกอยู่เป็นชั่วโมงๆ มีโอกาสครั้งเดียวทำได้เลย

                ที่น่าเจ็บใจสำหรับบาร์เยิร์นเข้าไปอีก พวกเขามีโอกาสชนะอย่างน้อย 3 ครั้งแต่ทำกันไม่ได้เอง ครั้งแรกคือตอนที่ขึ้นนำได้แล้วและเวลาเหลือแค่ 7 นาที แต่เสียสมาธิจนโดนตีเสมอ ครั้งที่สองคือได้จุดโทษในช่วงต่อเวลาแต่ก็ดันยิงไม่เข้า ครั้งที่สามในช่วงยิงจุดโทษอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบมากแล้วจากการที่ เป็นฝ่ายยิงก่อนและเชลซีก็พลาดก่อน แต่สุดท้ายมาพลาดโดนพลิกแซงในช่วง 2 คนสุดท้าย กลับกันทางฝั่งเชลซีนั้นไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบเลยแม้แต่นาทีเดียว ตลอด 120 นาที รวมไปถึงช่วงยิงจุดโทษ 3 คนแรกด้วย แต่ครั้งเดียวที่ได้เปรียบ พวกเขาเป็นแชมป์เลย...

                ...ก็ให้แชมป์เขาไปเถอะ...

----------------------------------

บาร์เยิร์นเล่นได้ดี (ไม่นับจังหวะยิงประตู)

นอยเออร์ - ได้เซฟครั้งเดียวในเกมและไม่ยากนัก ยืนตำแหน่งได้ดี ตัดลูกกลางอากาศได้แม่นยำ มีความมั่นใจสูงมาก ยิงลูกโทษได้ดีอีกต่างหาก

คอนเตโต้ - เกมรับมีพลาดให้เห็นบ้าง แต่ไม่เยอะนัก อ่านเกมได้ดีไม่เข้าพรวด เกมรุกไม่มีอะไรโดดเด่น

บัวเต็ง - ประกบดรอกบาได้ดี ผ่านบอลได้ดีด้วยไม่มีสกัดทิ้งมั่วซั่ว เข้าบอลจวนเจียนจะเสียฟาลว์บ่อยครั้งแต่โดยรวมก็ถือว่าทำได้ดี

ทีโมชุก - สกัดจังหวะสุดท้ายได้ดีหลายครั้ง เข้าบอลแม่นยำมากทั้งลูกกลางอากาศและบนพื้น มีข้อผิดพลาดน้อย หลังจากบุยเต็นลงสนามโดนดันขึ้นไปเล่นแดนกลาง ดูเก้ๆ กังๆ ออกบอลช้าไปบ้างแต่ก็พอเอาตัวรอดไปได้

ลาห์ม - เกมรับแน่นมาก ใครมาก็ไม่ผ่าน เกมรุกมีจังหวะขึ้นไปวิ่งเล่นในเขตโทษคู่ต่อสู้หลายครั้งและมีส่วนร่วมกับ เกมรุกมากกว่ามุลเลอร์เสียอีก

ริเบรี่ - ได้บอลเยอะ (แต่น้อยกว่ารอบเบน) ทำเกมรุกได้ดีโดยเฉพาะเกมริมเส้น ผ่านบอลให้เพื่อนได้ลุ้นยิงประตูหลายครั้ง แต่ยิงเองแทบไม่ผ่านบล็อคเลย

โคลส - จ่ายบอลสั้นและเล่นบอลชิ่งได้ดี เล่นในพื้นที่แคบและหาช่องเปิดไปพื้นที่ว่างได้ดีมาก แต่จังหวะทะลุทะลวงหรือผ่านบอลให้เพื่อนยิงได้ค่อนข้างน้อย

ชไวสไตน์เกอร์ - เป็นกระดูกสันหลังของทีม เล่นเกมรับได้เีนียนมาก เสียฟาลว์น้อยแต่แม่นยำ เกมจากหลังมากลางจากกลางไปด้านหน้าขึ้นที่ชไวน์สไตน์เกอร์ตลอด คุมจังหวะช้าเร็วและเปลี่ยนรับเป็นรุกได้สุดยอด

รอบเบน - มีอิสระในการเล่นมาก วิ่งสลับตำแหน่งไปเรื่อย จังหวะพาบอลไปกับตัวกดดันแนวรับได้ดีตลอด แต่จังหวะยิงเองวันนี้ทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย

มุลเลอร์ - มีส่วนร่วมกับเกมรุกน้อยกว่ากองกลางคนอื่นๆ ทำเกมไม่ได้มากส่วนใหญ่ได้แค่เคาะให้เพื่อน แต่ทำประตูสำคัญให้ทีมได้

โกเมส - เชลซีแพคเกมรับแน่นและทำให้โกเมสอยู่ในดงนักเตะเชลซีตลอดเวลา เล่นลูกกลางอากาศได้ดีตราบเท่าที่ยังไม่อยู่ในเขตโทษ หาจังหวะยิงได้ดีเหลือเชื่อในพื้นที่แคบๆ ที่โดนประกบติดขนาดนั้น สวนทางกับการยิงที่ไม่ค่อยจะได้ลุ้นสักเท่าไหร่

ตัวสำรอง

ฟาน บุยเต็น - มีลูกเก๋าเรียกฟาลว์จากคู่ต่อสู้ได้เรื่อยๆ ยังแข็งแกร่งอยู่แต่สปีดไม่มีแล้ว (แต่ก่อนก็ไม่ค่อยจะเร็วเท่าไหร่อยู่แล้วด้วย)

โอลิช - ตอนพึ่งลงมาทำอะไรดูติดขัดไปหมด เล่นไปสัก 5 นาทีถึงได้เข้าที่ ทำเกมรุกได้วูบวาบไม่ด้อยไปกว่าริเบรี่สักเท่าไหร่

ฝั่งเชลซีก็เล่นได้ดีไม่แพ้กัน (แต่ส่วนใหญ่เป็นเกมรับ)

เชค - ยืนตำแหน่งได้สุดยอด ทำเอาบอลที่บาร์เยิร์นยิงมาเหมือนยิงใส่อกเชคอยู่ตลอด เซฟลูกโทษช่วยทีมไว้ได้ถึงสองลูก (รอบเบนตอนต่อเวลา, โอลิชตอนยิงจุดโทษ)

โคล - แทบไม่ได้ขึ้นไปทำเกมรุกตามถนัดเท่าไหร่ เกมรับทำได้น่าพอใจ ไม่โดนกระชากตัดหลังและครอสบอลผ่านเขาไปไม่ได้ง่ายๆ

ลุยส์ - เข้าสกัดได้เด็ดขาด ยังเสียฟาลว์ง่ายและเล่นเสี่ยงบ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่พื้นที่อันตรายและไม่แรงพอจะโดนใบเหลือง-แดง

เคฮิล - ดวลลูกกลางอากาศกับโกเมสได้ดีมาก บางลูกโหม่งไม่ได้แต่ก็เบียดไว้ได้ดีตลอด เข้ามาบล็อคจังหวะยิงคู่ต่อสู้ได้หลายครั้ง เผลอๆ มีวิ่งเติมขึ้นมาถึงแดนหน้าด้วย

โบซิงวา - งานหนักตลอดเกมและปิดเกมรุกริมเส้นไม่ค่อยจะได้ แต่ไม่ถึงกับรั่ว จังหวะที่คู่ต่อสู้ทำได้ไม่ดีจริงๆ ก็ไม่ผ่านโบซิงวาเหมือนกัน

เบอร์ทราน - เกมรุกทำอะไรไม่ได้เลย จะว่าลงมาช่วยเล่นเกมรับก็ทำหน้าที่นั้นได้ไม่ดีนัก บอลส่วนใหญ่เลยไปถึงโคลอยู่ดี

มาต้า - พลิกบอลได้ดี จังหวะพาบอลไปกับตัว 1-1 บาร์เยิร์นแย่งยากเหมือนกัน แต่ข้างหน้าไม่มีทางเลือกในการเปิดบอลเท่าไหร่ เล่นได้ดีตามแทคติคของทีมแล้ว

มิเกล - เกมรับทำได้ดี ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้เยี่ยม ไล่บอลดีไม่เ้ข้าพรวด เสียฟาลว์ไม่มากนัก แต่จังหวะขึ้นเกมยังต้องพึ่งแลมพาร์ดกับมาต้าค่อนข้างมาก

แลมพาร์ด - ยืนค่อนข้างต่ำ หน้าที่คือช่วยมิเกลเป็นหลัก อ่านเกมได้ดีมาก บอลเร็วของบาร์เยิร์นโดนแลมพาร์ดชลอไว้บ่อยครั้ง และสามารถเก็บบอลหรือผ่านบอลจังหวะสวนกลับได้ค่อนข้างดี (เทียบจากสัดส่วนนักเตะเชลซีที่ไม่ค่อยจะวิ่งเติมเกมรุก ทางเลือกน้อยแต่ยังอุตส่าห์เปิดบอลพอใช้ได้)

คาลู - เป็นอาวุธหลักในเกมโต้กลับของทีม บางช่วงของเกมไปยืนเป็นหน้าเป้าด้วยซ้ำ แต่ขึ้นไปแล้วก็ไม่ค่อยมีคนไปช่วย ทำผลงานใช้ได้คือกดแผงหลังบาร์เยิร์นไม่ให้ขึ้นสูงได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พอไม่มีพื้นที่ให้เล่น ในจังหวะตั้งเกมขึ้นไปธรรมดาไม่ได้โต้กลับ คาลูดับสนิท

ดรอกบา - ในฐานะกองหน้า โดนลอยคออยู่คนเดียว แทบไม่ได้ทำอะไร แต่มาโดดเด่นเอามากๆ ในจังหวะช่วยรับมือลูกตั้งเตะโดยเฉพาะลูกเตะมุมที่ดรอกบาโหม่งสกัดได้บ่อย ครั้งมาก มีจังหวะทำประตูไม่มากนักก็ยิงได้สำเร็จ สุดท้ายยังยิงจุดโทษพาทีมเป็นแชมป์อีกต่างหาก

ตัวสำรอง

มาลูด้า - เงียบสนิท ทำได้แทบไม่ต่างจากเบอร์ทราน

ตอเรส - จังหวะกระชากบอลทำได้สุดยอด แต่หลังจากนั้นดันไม่มีเพื่อนมาช่วย จะโซ่โล่เดี่ยวผ่านกองหลัง 3-4 คงไม่ไหว

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ปีเตอร์ เชค... ถ้าบาร์เยิร์นชนะคงเลือกชไวน์สไตเกอร์หรือรอบเบน ส่วนฝั่งเชลซีเองแม้ดรอกบาจะยิงตีเสมอ ยิงปิดกล่อง แต่การเซฟทั้งเกม(แม้ส่วนใหญ่จะไม่ยากนัก), เซฟจุดโทษ 2 ครั้ง โดดเด่นเกินหน้าเกินตาุทุกคนจริงๆ

ป.ล. ชื่อนักเตะบาร์เยิร์นถ้าสะกดอ่านยาก หรือสะกดเลียนเสียงผิดต้องขออภัยด้วย

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น