วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 0-0 แมนฯยูฯ (พรีเมียร์ลีค)




ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-------------------สเตอริดจ์------------------
-------เฟอมิโน่----------------มาเน่---------
---------คูตินโย่-------------ชาน-------------
------------------เฮนเดอร์สัน----------------
มิลเนอร์----ลอฟเรน------มาติป-----ไคลน์
--------------------คาริอุส--------------------

_______ แดงเดือดนัดแรกของฤดูกาลเล่นที่แอนฟิลด์ ลัลลาน่ายังไม่ฟิตพอเป็นตัวจริง ส่วนไวนัลดุมก็ยังเจ็บอยู่ 11 ตัวแรกและตำแหน่งการเล่นเลยออกมาแปลกตาหน่อยอย่างที่เห็น
-------------------------------------------------------

________ แมนฯยูฯ เริ่มต้นเกมด้วยวิธี “หนามยอกเอาหนามบ่ง” ไล่บอลเร็วบีบพื้นที่สูงถึงหน้าเขตโทษ ทำให้ลิเวอร์พูลเอาบอลขึ้นหน้าได้ลำบาก ต่อบอลสั้นกันไม่ได้นาน แต่ทางลิเวอร์พูลก็ไม่ก่อความผิดพลาด โดนเร่งยังไงอย่างน้อยสุดบอลยังไปเสียข้างหน้า และยังปิดเกมรุกริมเส้นแมนฯยูฯได้หมด

_______ ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมไป แมนฯยูฯเริ่มผ่อนการบีบพื้นที่ ทำให้ลิเวอร์พูลได้ครองบอลในแดนหน้ามากขึ้น แต่เกมรุกยังเจาะแนวรับไม่ได้ แผงหลังแมนฯยูฯ นอกจากจะประกบดีแล้ว ยังยืนตำแหน่งกันได้สุดยอด วิ่งส่ายวิ่งสอดยังไงก็ปิดช่องได้หมด จบครึ่งแรกยัง 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาพยายามเปลี่ยนจังหวะการเล่นให้เร็วและเติมขึ้นหน้ามากขึ้น แต่กลายเป็นว่าแมนฯยูฯเองกลับลงมาก็เพิ่มเกมรุกด้วยการส่งแบ็คมาสนับสนุนปีกมากกว่าเดิม 15 นาทีแรกของครึ่งหลังกลายเป็นแมนฯยูฯที่เล่นได้ดีกว่า แต่ยังเข้าเขตโทษแทบไม่ได้

_______ นาที 59 ลัลลาน่าลงมาแทนสเตอริดจ์ที่เดินหลงในพงหญ้าหาบอลไม่เจอตลอดเกม ลิเวอร์พูลขยับเฟอมิโน่ขึ้นไปข้างบน, คูตินโย่ไปซ้าย, ลัลลาน่ามาอยู่ตรงกลางพร้อมขยับชานขึ้นสูงบ่อยขึ้น ซึ่งเป็นตำแหน่งการเล่นที่ลงตัวในช่วงหลัง (ชานแทนไวนัลดุม) ส่งผลให้เกมรุกน่ากลัวขึ้นอย่างชัดเจน ได้โอกาสแทงบอลเข้าไปในกรอบได้บ้างแล้ว แต่ยังหาโอกาสยิงนับครั้งได้ ได้ยิงก็ติดเซฟติดบล็อค

_______ แมนฯ ยูฯ ยังคงเล่นเกมรับได้เหนียวแน่น แผงหลังทั้ง 4 คนไม่มีมั่วไม่มีหลอน ในขณะที่เออเรร่าก็เล่นในฟอร์มที่ไม่เกรงใจกัปตันทีมตัวจริงเอาซะเลย แม้ลิเวอร์พูลจะหาโอกาสยิงได้บ้างแต่ไม่มีครั้งไหนที่เป็นโอกาสจะแจ้ง ไม่โดนเร่งก็โดนบังไม่ก็ยิงไกล

_______ ส่วนทางลิเวอร์พูล เกมรุกช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายวูบวาบขึ้นเยอะแต่ไม่ดีพอจะทำประตู แต่กับเกมรับพวกเขาปิดเกมริมเส้นได้ดี ทั้งเกมแมนฯยูฯ โยนบอลเข้ามาได้ถึงเขตโทษไม่กี่ครั้ง (แต่หนึ่งในนั้นเกือบเป็นประตูนะ), เสียลูกตั้งเตะในตำแหน่งอันตรายน้อยมาก และทั้งเกมเสียลูกเตะมุมแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นักเตะตัวความหวังของแมนฯยูอย่างซลาตันก็แทบไม่ได้หันมาเห็นหน้าคาริอุสเลย เรียกว่าเป็นเกมที่เล่นเกมรับได้ยอดเยี่ยม

_______ จบเกม เลยต้องแบ่งกันไปคนละแต้มที่สกอร์ 0-0
-----------------------------------------

_______ ฮาไม่ค่อยออก คิดว่าทุกคนคงเข้าใจเนอะ

_______ นัดนี้ทั้งคล็อปทั้งมูรินโย่แสดงให้เห็นว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นผู้จัดการทีมระดับท็อป รู้ทันรู้ทางและใช้ศักยภาพของทีมตัวเองได้เต็มที่ดีมาก

_______ สำหรับมู แน่นอนว่าการไม่ใช้รูนี่ย์เป็นเรื่องฉลาดสุดๆ ลองนึกภาพรูนี่ย์เล่นแทนเออเรร่าหรือเฟอไลนี่ นัดนี้แมนฯยูฯ พรุนกลับบ้านแน่นอน, การเลือกบีบพื้นที่สูง, การใช้นักเตะที่เด่นทางพละกำลังอย่างซลาตัน, ป๊อกบา, เฟอไล่นี่ ค้ำบอลครองบอลได้ดี หลายครั้งที่โดนบีบโดนแซะแต่ยังเอาบอลไว้ได้หรือแตะให้เพื่อนได้ (ไม่ใช่ทุกจังหวะแต่ก็เยอะอยู่) ในจังหวะคล้ายๆ กันถ้าเป็นนักเตะคนอื่นของทีมอื่นโดนลิเวอร์พูลแซะเอาไปยิงไส้แตกแล้วครับ

_______ สำหรับคล็อป การไม่มีทั้งไวนัลดุมและลัลลาน่าที่จริงเป็นปัญหาใหญ่มาก แต่แก้ไขได้ดีด้วยการใช้คูตินโย่เล่นตรงกลางเพื่อช่วยเชื่อมเกม แม้จะมีส่วนลดประสิทธิภาพในเกมรุกแต่ทำให้ทีมสามารถครองบอลและเอาบอลขึ้นหน้าได้โดยไม่โดนตัดตั้งแต่ในแดนตัวเอง รวมถึงเมื่อลัลลาน่าลงสนามก็ปรับทีมมาเล่นเหมือนเดิมและเดินเกมบุกทันที ถ้าแผงกองหลังแมนฯยูฯ เล่นเนียนน้อยกว่านี้อีกนิด หรือเดแฮผิดฟอร์มกว่านี้หน่อยก็โดนไปแล้ว

_______ ที่สำคัญ ที่ต้องย้ำอีกครั้ง คือทีมปิดจุดอ่อนเรื่องลูกตั้งเตะและลูกกลางอากาศได้ดีมาก เสียฟรีคิกน้อย, เสียเตะมุมน้อย และการมีชานซึ่งเป็นนักเตะแดนกลางที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีอยู่ในสนามช่วยในเรื่องนี้ได้ดีเยี่ยม

_______ แม้ไม่ใช่เกมที่จบลงด้วยชัยชนะ, ไม่ได้เห็นแม้แต่ประตูเดียว แต่ในฐานะของคนที่ชอบดูรูปเกมและแทคติค เกมนี้สนุกมากครับ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดีตามแทคติค

คาริอุส - ออกบอลพลาดเยอะอยู่ หนึ่งในนั้นเกือบพาทีมเสียประตู ออกมาตัดบอลโด่งได้ไม่ดีเท่าที่ควร

มิลเนอร์ - โดนวาเลนเซียกดจนเติมไม่ถนัด เกมรับประคองตัวได้

ลอฟเรน - ชิงเข้าบอลก่อนซลาตันได้ดีแทบทุกจังหวะ ประกบแน่น

มาติป - เช่นเดียวกับลอฟเรน มีดีตรงแตะบอลขึ้นหน้าช่วยคลายความกดดันจากการโดนบีบพื้นที่ได้ด้วย

ไคลน์ - บอลไม่ค่อยมาฝั่งนี้ และไคลน์เองก็ไม่กล้าเติมสูงด้วย เกมรับรักษาพื้นที่ตัวเองได้เยี่ยม

เฮนเดอร์สัน - อ่านเกมดี เก็บบอลสองและตัดบอลจังหวะที่แมนฯยูฯจะเปลี่ยนรับเป็นรุกได้เยอะ

ชาน -  จังหวะการเล่นติดๆ ขัดๆ อยู่เป็นระยะ ช้าดึงจังหวะบ้าง เลี้ยงเยอะไปบ้าง แต่ไม่ก่อความผิดพลาดอะไร ช่วยเล่นลูกกลางอากาศได้เยอะ เก็บบอลสองใช้ได้ และจังหวะเติมสูงก็ทำได้ดีครั้งสองครั้ง (เหมือนน้อยแต่ครั้งสองครั้งที่ว่าเกือบได้ประตู)

คูตินโย่ - ช่วงเล่นตรงกลาง มีดีตรงไม่เสียบอลและผ่านบอลหนีตัวไล่ได้ แต่บอลเกมรุกก็ออกแทบไม่ได้ พอครึ่งชั่วโมงท้ายได้ปล่อยของรัวๆ ทั้งยิงไกล ทั้งคิลเลอร์พาส เสียดายที่พลาดได้ประตู

เฟอมิโน่ - ช่วงเล่นหน้าซ้ายช่วยทีมได้แค่เชื่อมเกมและวิ่งไล่ พอได้เล่นข้างหน้าเริ่มฉีกแนวรับได้บ้างแต่มาแรงหมดตะคริวกินเสียก่อน

มาเน่ - โดนตัดออกจากเกม โดนทั้งแบ็คทั้งกองกลางประกบหนักมากจนเล่นไม่ได้เลย

สเตอริดจ์ - หาไม่เจอทั้งช่องวิ่ง ทั้งบอล ทั้งเพื่อน ทั้งโอกาสยิงประตู เรียกว่าแทบไม่ได้ช่วยทีมเลย

ตัวสำรอง

ลัลลาน่า - ฟอร์มส่วนตัวไม่ถึงกับเด่นอะไรมาก คือวิ่งรับบอลได้เรื่อยๆ วิ่งสอดเข้ากรอบได้บ้าง แต่ที่สำคัญคือทำให้เพื่อนร่วมทีมได้เล่นในตำแหน่งและจังหวะการรุกที่ถนัด

โอริกิ - ลงมาแทนเฟอมิโน่ที่หมดแล้ว แต่ลงมาแล้วก็ไม่ได้สร้างโอกาสอะไร

โมเรโน่ - เวลาน้อยไม่ได้ทำอะไรมาก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โจเอล มาติป…นัดนี้ส่วนตัวแล้วชอบอยู่สองคนคือมาติปกับเฮนโด้ เฮนโด้ดักบอลที่กำลังจะรุกของคู่ต่อสู้ได้เด็ดขาดมาก แต่เลือกมาติปเพราะทำให้ซลาตันเล่นไม่ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงเกมรุกของแมนฯยูฯ, ของมูรินโย่ ในแทคติคที่เล่นระวังตัวแบบนี้แทบจะไม่เหลืออะไรมาเล่นงานเราเลย
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น