วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ลิเวอร์พูล 1 - 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้



เกือบแพ้...เกือบชนะ...จบเสมอ
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 4-5-1

---------------------ซัวเรส-----------------------
ดาวนิ่ง----อดัม----เฮนเดอร์สัน----ลูคัส---เค้าท์
เอนริเก้---แอกเกอร์----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า-----------------------

ภาคต่อของซีรี่ย์โหด ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับทีมจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ซิตี้ที่พึ่งไปสะดุดแพ้นาโปลีมาในเกมยุโรป นัดนี้ดัลกลิชใช้ซัวเรสเป็นหน้าเป้าคนเดียว อัดแผงกลางมา 5 คน โดยมีเฮนเดอร์สันและดาวนิ่งที่ได้กลับมาเป็นตัวจริง ส่วนแผงหลังยังใช้ชุดเดิมที่ทำผลงานได้ดีมาในหลายนัดหลัง ส่วนแมนซิตี้ใช้หน้าเป้าตัวเดียวเช่นกันคือ กุน แต่ส่งแผงกลางในฝันของใครหลายคนประกอบด้วย ตูเร่-แบรี่-มิลเเนอร์-ซิลบา-นาสรี่ ลงเป็นตัวจริง

-------------------------------------------------------

เริ่มเกมมาเป็นซิตี้ที่ใส่เกียร์ 5 วิ่งไล่บอลตั้งแต่แดนหน้าแล้วใช้บอลสั้นบนพื้นต่อเกมกันขึ้นไปกดดัน ส่วนลิเวอร์พูลใช้แผงกลาง 5 คนช่วยกันเล่นเกมรับแล้วเน้นใช้จังหวะฉาบฉวยในการเข้าทำ ไม่ครองบอลสู้ ช่วงต้นเกมเป็นซิตี้ที่ครองบอลได้มากกว่า แต่ยังผ่านบอลเข้าไปไม่ถึงในเขตโทษ

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปที่ ซิตี้ได้บอลบุกอย่างต่อเนื่องแต่ยังหาโอกาสจบสกอร์แทบไม่ได้ ส่วนลิเวอร์พูลได้ลุ้นิดหน่อยจากจังหวะฉวยโอกาสแต่ยังไ่ม่มีโอกาสจบสกอร์แบบเป็นชิ้นเป็นอันเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้ในเกมโอเพ่นพเลย์ซิตี้จะทำไม่ได้แต่มาได้จากลูกเซตเพลย์ นาที 31 ซิตี้ได้ลูกเตะมุม เป็นคอมพานีที่วิ่งโฉบมาเสาแรกโหม่งเสียบเสาสองเข้าไปให้ซิตี้ขึ้นนำ 1-0

หลังจากได้ประตูขึ้นนำยังไม่ทันจะหายเครียด นาทีถัดมา อดัมได้โอกาสยิงไกล เป็นเลสคอตที่ยื่นเท้าสกัดโดนไม่เต็มบอลแฉลบเปลี่ยนทางเข้าประตูไปให้ลิเวอร์พูลตามตีเสมออย่างรวดเร็ว 1-1

เมื่อเกมกลับมาเสมอ กลับเป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่ทำกันได้ดีขึ้น สามารถครองบอลได้มากขึ้นทำให้เกมเริ่มกลับมาสูสี แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำอะไรก็จบครึ่งแรกไปเสียก่อน

เข้าครึ่งหลังลิเวอร์พูลเริ่มเน้นครองบอลมากขึ้น รูปเกมยังคล้ายช่วงปลายครึ่งแรกที่ลิเวอร์พูลเริ่มเก็บบอลได้และเกมค่อนข้างสูสีอย่างไรก็ตาม คุณภาพการจ่ายบอลของซิตี้ที่แม่นยำมากในครึ่งแรกเริ่มลดถอยลง มีจังหวะที่จ่ายบอลเสียให้เห็นมากขึ้น ทำให้เกมค่อนข้างเทไปทางลิเวอร์พูลทีละน้อย

มันชินี่เริ่ม ขยับก่อนโดยการส่งบาโลเตลี่ลงมาแทนนาสรี่ที่เล่นไม่ออกในนาที 65 โดยให้ยืนหน้าคู่กุนปรับมาเล่น 4-4-2 ทำให้กดดันลิเวอร์พูลในแถวเขตโทษได้น่ากลัวขึ้น แต่เปิดพื้นที่แดนกลางให้ลิเวอร์พูลได้มีโอกาสเล่นมากขึ้นเช่นกัน เกมเริ่มเปิดแลกกันมากขึ้นกว่าช่วงครึ่งแรก

นาที 71 แฟนบอลลิเวอร์พูลหัวใจเกือบวายตายเมื่อสเคอเทลไปลื่น บอลเข้าทางบาโลเตลี่และทางข้างหน้าโล่งว่าง แต่ก่อนที่บาโลเตลี่จะทันทำอะไรก็ดันลื่นล้มไปเองซะอีกคน ถัดจากนั้น 5 นาที บาโลเตลี่ยังมาโดนใบเหลืองแบบโง่ๆ จากการวิ่งไปดึงเสื้อจอห์นสันจนล้มคว่ำ

เมื่อเกมเปิดลิเวอร์พูลก็มีโอกาสลุ้นทำประตูมากขึ้นแต่ยังไม่จะแจ้งนัก นาที 82 มันชินี่ส่งเซโก้ลงมาแทนกุนหวังจะปรับแทคติคเกมรุก แต่ต้องมาฝันสลายเมื่อนาทีถัดมา บาโลเตลี่ไปศอกใส่สเคอเทลในจังหวะที่จะเบียดโหม่ง ทำให้โดนใบเหลืองแดงไล่ออกไป ดัลกลิชไปเสียเวลาคิดมาก ส่งคาโรลลงไปแทนเค้าท์ทันที หวังจะอาศัยจังหวะเพลี่ยงพล้ำของซิตี้ซ้ำให้ตาย

เวลาที่เหลือลิเวอร์พูลพยายามโหมเกมรุก และได้ลุ้นเป็นระยะ ส่วนซิตี้ได้ลุ้นจากจังหวะที่เซโก้่กระชากหลุดขึ้นไปจ่ายซิลบาเกือบได้ยิง แต่ทำไม่สำเร็จ นาทีสุดท้ายของเกม โจ ฮาร์ท โชว์เซฟลูกโหม่งของคาโรลต่อด้วยลูกซ้ำมุมแคบของซัวเรสได้อย่างเหลือเชื่อ ทำให้จบเกมซิตี้รอดกลับออกไปได้ด้วยผลเสมอ 1-1
------------------------------------------

ดัลกลิชจัดทีมแบบระมัดระวังเต็มที่ ส่งกลางมาถึง 5 คน และเป็นกลางชุดที่เล่นเกมรับได้ดีทุกคน แต่นอกเหนือไปจากแทคติคแล้ว วันนี้ต้องให้เครดิตกับนักเตะเป็นอย่างมาก เพราะช่วยกันเล่นเกมรับได้ดี อีกทั้งหลังจากสกัดบอลได้แ้ล้วยังไม่สาดบอลทิ้งมั่วซั่วแต่เลือกที่จะเก็บบอลไว้อีกด้วย นอกจากนั้น ในช่วงท้ายเกมที่ซิตี้เหลือ 10 ดัลกลิชคงจะได้ใจแฟนบอลไปอีกไม่น้อย ที่ส่งคาโรลลงมาทันทีที่บาโลเตลี่ถูกไล่ออก ไม่เสียเวลาคิดนาน แสดงให้เห็นถึงความกล้าและความพร้อมที่จะบุกเอาชนะเมื่อโอกาสมาถึง แล้วรูปเกมหลังจากที่คาโรลลงมาแล้วมันก็เป็นไปในทางนั้นด้วย


อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนที่สำคัญของเกมนี้คงจะอยู่ที่การไล่ตีเสมอได้เร็ว ซิตี้นั้นนอกจากจะมีเกมรุกที่ดีแล้ว เกมโต้กลับก็มีประสิทธิภาพเอามากๆ ถ้าลิเวอร์พูลไม่สามารถตีเสมอได้ในจังหวะนั้น จะทำให้กลางซิตี้ไม่ต้องห่วงเกมรุกแล้วหันมาสนใจเกมรับได้มากขึ้น รวมไปถึงแบคที่ไม่ต้องเสี่ยงเติมขึ้นไปสูงๆ บ่อยนัก อาจทำให้เกมไหลไปเข้าทางซิตี้ แล้วจบลงด้วยการที่ลิเวอร์พูลต้องบุกเพื่อเอาประตูคืนแล้วโดนซิตี้โต้กลับจนไส้ไหลแบบที่หลายๆ ทีมโดนมาก็เป็นได้ ก็ต้องเรียกว่าเป็นโชคดีที่ลูกนั้นแฉลบเข้าไป

นอกจากนั้น ก็คงหนีไม่พ้นความบ้องตื้นของบาโลเตลี่ น่างสงสารมันชินี่ที่อุตส่าห์ส่งเซโก้ลงไปแล้ว ด้วยความเร็ว, ความแข็งแกร่งและการเล่นลูกกลางอากาศของทั้งเซโก้และบาโลเตลี่ อาจจะทำให้เกมรุกของซิตี้กลับมาวูบวาบได้อีกครั้ง แต่บาโลเตลี่ก็ทำฟาลว์แบบไม่จำเป็นทั้ง 2 ครั้ง ที่ต้องเป็นใบเหลืองแบบเถียงไม่ได้ทั้ง 2 ครั้งแล้วก็โดนไล่ออกไป ทำให้ท้ายเกมแทนที่จะเป็นซิตี้ที่มีตัวเลือกในม้านั่งสำรองมากกว่าได้ลุ้นกดดันเอาประตูชัย กลับต้องมาตั้งรับแล้วเกือบจะถึงขั้นแพ้เอาด้วยซ้ำ

...คบเด็กสร้างบ้านก็คงต้องทำใจหน่อยนะ มันชินี่...
----------------------------------

วันนี้เล่นกันได้ดีทุกคน

เรน่า - แม้จะไม่ต้องออกแรงเซฟจะๆ แต่ออกมาตัดบอลเร็วนอกเขตโทษได้ดีถึง 3-4 ครั้ง ไม่อย่างนั้นอาจโดนซิตี้ล่อเป้า แพ้เละเทะไปแล้วก็เป็นได้


เอนริเก้ - เกือบทำทีมเจ๊งในนาที 17 ที่ส่งบอลคืนหลังสั้นมากจนเกือบโดนซิตี้ตัดไปได้ แต่หลังจากนั้นก็เล่นได้ดีตลอด โดยเฉพาะเกมรับที่ซิตี้เจาะก็ไม่เข้า โยนก็ไม่ได้


แอกเกอร์ - ดักสกัดได้ดี เล่นลูกกลางอากาศได้เด็ดขาด แม้จะเสี่ยงเก็บบอลไว้กับตัวอย่างหวาดเสียวหลายครั้ง แต่ก็ไม่พลาด


สเคอเทล - เป็นฟอร์มที่ดีที่สุดอีกนัดนึงของสเคอเทล แม้จะมีหัวทิ่มหัวตำไปบ้าง แต่การประกบและชิงจังหวะเข้าสกัดก่อนบอลถึงกองหน้าทำได้ดีมาก นัดนี้สามารถตัดกุนออกไปจากเกมได้เลย


จอห์นสัน - เกมรับยังคงน่าห่วงอยู่บ้าง เมื่อปล่อยให้ซิตี้ได้โยนบ่อยมากๆ ยังดีว่าไม่มีจังหวะโดนเผาแบบวิ่งตัดหลัง แต่ในส่วนเกมรุกทำได้ดีในระดับน่าพอใจ เติมได้เร็วและประสานงานกับกองกลางกองหน้าได้ดี


ดาวนิ่ง - ครึ่งแรกเงียบมาก หนักไปทางวิ่งไล่ แต่พอเข้าครึ่งหลังที่เกมเปิดมากขึ้น พาบอลวิ่งจี้เข้าใส่กองหลังซิตี้ได้น่าพอใจ เสียดายที่จังหวะยิง 2-3 ครั้งยังไม่คม ไม่สามารถคุมบอลให้เข้ากรอบได้


อดัม - เป็นคนยิงจนนำมาซึ่งประตูตีเสมอ และยิงอีกครั้งเกือบทำให้ทีมนำแต่ติดเซฟ ถ่ายบอลออกด้านกว้างได้ดี แม้เกมรับจะเข้าบอลน่าหวาดเสียวไปบ้าง แต่ก็ถือว่าทำได้ดี


ลูคัส - องค์ลง ซิตี้ไม่มีโอกาสทำอะไรหน้าเขตโทษเลย ไม่ว่าจะยิงไกลหรือจ่ายทะลุเข้าเขตโทษ นอกจากจะสกัดได้แม่นยำเด็ดขาดแล้ว การเปิดบอลในวันนี้ยังไม่ค่อยพลาดให้เห็นด้วย


เฮนเดอร์สัน - ยังคงเล่นแบบเน้นชัวร์ไว้ก่อน ไม่ชอบเสี่ยง ไม่ว่าจะเกมรุกหรือเกมรับ ข้อดีคือทำให้บอลแดนกลางไหลลื่น แต่ข้อเสียคือจังหวะทีเด็ดทีขาดไม่ว่าจะจ่ายทะลุ, ครอสเร็ว หรือยิงประตูยังทำได้ไม่ดีนัก


เค้าท์ - มีส่วนร่วมกับเกมเยอะมากตั้งแต่ต้นเกม ไม่ว่าจะเกมรุกหรือเกมรับ เสียดายที่วันนี้อยู่ห่างจากเขตโทษมากไปหน่อยทำให้ไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมกับจังหวะจบสกอร์เลย


ซัวเรส - น่วมและเหนื่อย ต้องโดดเดี่ยวอยู่ภายใต้การประกบติดของทั้งเลสคอตและคอมพานี ทำได้ดีเท่าที่จะทำได้แล้ว ที่ดูน่าเสียดายอยู่บ้างคือจังหวะยิงที่หาได้ 2-3 ครั้งอย่างยากลำบากก็ทำไม่ได้


ตัวสำรอง


คาโรล - มีเวลาในสนามไม่มาก เพื่อนก็โยนไปไหนไม่รู้ซะเยอะ แต่จังหวะที่บอลโยนมาดีก็แสดงให้เห็นแล้วว่ายังทำได้ดีอยู่ น่าเสียดายที่ลูกโหม่งท้ายเกมไม่เป็นประตู


แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ลูคัส เลว่า กับฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นจากผู้ชายคนนี้

----------------------------------------------------------------
ป.ล. รอฟังคำว่า "ฟลุ๊ค" และ "ไม่มีปัญญาชนะ 10 คน" ได้เลย ให้ยิ้มแล้วตอบกลับไปด้วยว่า ลิเวอร์พูลเป็นทีมแรกที่เล่นกับซิตี้แล้วมีโอกาสยิงเข้ากรอบมากกว่า

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น