วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

ลิเวอร์พูล 2-1 เบิร์นลี่ย์ (พรีเมียร์ลีค)



คู่หูบัลลงดอร์!
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

-------------------โอริกิ-------------------
คูตินโย่---------ลัลลาน่า----------มาเน่
--------ไวนัลดุม-----------ชาน-----------
มิลเนอร์----คลาวาน---มาติป-----ไคลน์
-----------------มินโยเล่------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับโคตรทีมที่เคยไปแพ้มา 2-0 ตอนต้นฤดูกาลอย่างเบิร์นลี่ย์ นัดนี้ไอ้นั่นก็ลงไม่ได้ ไอ้นี่ก็เจ็บ ไอ้โน่นก็ไม่ฟิต สุดท้ายตัวจริงหน้าตาออกมาเป็นแบบนี้
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเกมนี้แบบระวัง ไม่ได้วิ่งใส่วิ่งไล่มากนัก อาศัยวางยาวไปที่ว่างด้านหน้าบ่อยครั้ง เอาบอลถึงหน้าเขตโทษได้บ้างแต่ไม่ต่อเนื่อง ส่วนทางเบิร์นลี่ย์เล่นบอลยาววางให้กองหน้า แล้วก็ทำได้ดีด้วยเมื่อแนวรับลิเวอร์พูลมีปัญหากับลูกโด่ง รวมถึงการคุมพื้นที่แย่มากปล่อยให้เบิร์นลี่ย์ได้เปิดบอลจากด้านข้างง่าย

_______ นาที 7 ก็ได้เรื่อง จากลูกจ่ายเร็วตัดแนวรับ ลิเวอร์พูลกองกลางก็เข้าไปจี้ไม่ทัน กองหลังจะดักล้ำหน้าก็ไม่ใช่ จะไล่ปิดทางเปิดก็ไม่เชิง โดนบาร์นที่อยู่เสาสองสอยซะ 1-0

_______ หลังสกอร์ขยับ ลิเวอร์พูลประคองเกมก็ตัวเองจนได้บอลครองนานขึ้น บอลไปถึงข้างหน้าได้เยอะ แต่จังหวะสุดท้ายติดบล็อคตลอด กลับกันทางฝั่งเบิร์นลี่ย์ไม่ได้ถอยไปรับต่ำแต่ดันหลังสูง บีบกลางแคบ ตัดได้วางยาวให้กองหน้า เล่นแค่นี้แต่สร้างโอกาสกดดันแนวรับลิเวอร์พูลได้เรื่อยๆ

_______ ช่องระหว่างเซ็นเตอร์กับแบ็คทั้งสองฝั่งของลิเวอร์พูลมีปัญหามาก แต่ยังดีว่าไม่โดนเพิ่ม แถมยังมาโชคดีเล็กๆ เมื่อช่วงทดเจ็บโอริกิที่ขยับออกไปรับบอลทางซ้าย เปิดยัดเข้ากลางให้ไวนัลดุม ดุมดีดจังหวะแรกโดนไม่เต็มแต่บอลตกตั้งให้ในระดับ “ยิงชั้นสิจ๊ะ” ดุมซ้ำจ่อๆ ไม่พลาด 1-1 และจบครึ่งแรกที่สกอร์นี้

_______ ครึ่งหลัง เบิร์นลี่ย์กลับลงมารับต่ำมากขึ้น ลิเวอร์พูลเองก็ต่อบอลขึ้นหน้าง่ายขึ้นเช่นกัน เอาบอลไปป้วนเปี้ยนแถวหน้ากรอบเขตโทษได้บ่อยๆ แต่จะเปิดจะยิงก็ผลลัพธ์คล้ายเดิมคือติดบล็อค ลูกเตะมุมที่ได้แล้วได้อีกก็ได้ไปเถอะ ไม่มีประโยชน์

_______ อย่างไรก็ตาม ยิ่งเล่นยิ่งเห็นความต่างจากครึ่งแรก แม้เบิร์นลี่ย์จะใช้บอลยาวโต้มาถึงเขตโทษได้เป็นระยะ แต่ยิ่งเล่นยิ่งโต้ได้น้อยลง แทบบอลสองเกมรุกที่เคยเก็บได้ดีมากในครึ่งแรกเริ่มเก็บไม่ค่อยได้

_______ นาที 60 คล็อปตัดสินใจส่งวู้ดเบิร์นลงมาแทนคูตินโย่ (อ่านไม่ผิดหรอก) และเพียงนาทีถัดมาทีมก็ทำได้...แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับวู้ดเบิร์น โอริกิออกไปรับบอลตรงกลางก่อนแปะให้ชาน ชานลากไปยิงไกลหน้ากรอบ บอลไม่แรงแต่เรียดเสียบเสา 2-1

_______ พอพลิกกลับมานำได้เกมก็เปลี่ยน เบิร์นลี่ย์หันมาเล่นเกมรุกมากขึ้น บอบ์มหนักขึ้น เกมไม่ปะติดปะต่อแต่ได้ลุ้นกว่าที่ผ่านมา ส่วนลิเวอร์พูลแนวรับยังคงมีปัญหาต่อเนื่อง เบียดไหล่ต่อไหล่เสียเปรียบทำให้โหม่งบอลไม่ค่อยขาด ตัวเก็บบอลสองก็ไม่ค่อยจะมี คุมเกมไม่ได้ โต้ไม่น่ากลัว แต่ที่ดีคือจังหวะครองบอลได้แล้วไม่เสียเร็ว ไม่ถอยมารับต่ำเกินไป

_______ นาที 79 ลูคัสได้ลงมาแทนโอริกิ เวลาสิบนาทีท้ายที่เหลือ เบิร์นลี่ย์เปิดโหมดบอลพักเที่ยง บอบ์มยาวมาหน้า-ในเขตโทษแทบทุกจังหวะที่ทำได้ แนวรับลิเวอร์พูลโหม่งได้อยู่แต่ไม่ค่อยขาด ส่วนจังหวะโต้ทำได้ดีขึ้นเมื่อบอลไปถึงเขตโทษได้บ้าง แต่จบไม่เด็ดขาดสักที

_______ เบิร์นลี่ย์ทำได้ดีสุดๆ ในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย จังหวะทุ่มไกลแล้วแนวรับโหม่งไม่ขาด(เหมือนเดิม) บอลเด้งไปเสาสองเข้าทางลอว์ตันได้ซ้ำเผาขน โชคดีจังหวะบอลเด้งยิงยาก แถมลูคัส(หรือคลาวานไม่แน่ใจ)ก็บีบได้ดีด้วย บอลเลยโด่งข้ามคานไป ลิเวอร์พูลรอดตายเอาชนะโคตรทีมไปได้ 2-1

-----------------------------------------

_______ ฉายาโรบินฮู้ด ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย

_______ นักเตะลิเวอร์พูลโดยเฉพาะแนวรับ สมาธิไม่ค่อยดี รวมไปถึงการเล่นลูกโหม่งหรือต้องเล่นเกมที่ใช้พละกำลังเบียดปะทะกันหนักๆ ก็ทำไม่ดี นัดนี้เบิร์นลี่ย์เล่นง่ายมาก (หมายถึงวิธีการ) แต่ได้ผลลัพธ์ที่งดงามเกินคาด ถ้าบอลเป็นใจหน่อยน่าจะมีแต้มกลับบ้านไปแล้ว

_______ ทัศนคติของนักเตะเป็นเรื่องต้องปรับปรุง ในเกมใหญ่เราจะเห็นพวกเขาเล่นละเอียดกว่านี้ มาก น้ำหนักบอลจะเนียนกว่านี้ การเบียดปะทะจะเด็ดขาดหนักหน่วงกว่านี้ แต่พอเล่นกับทีมเล็กสิ่งเหล่านี้หายไปหมดเลย

_______ เรื่องนอกจากนี้ก็เรื่องเดิมๆ ตัวสำรอง, คู่หูบัลลงดอร์, ลูกกลางอากาศ, ความเด็ดขาดในเกมรุก  ไม่บ่นแล้ว 555+

-----------------------------------------

นัดนี้เก็บสามแต้มได้ก็บุญล้าวว

มินโยเล่ - เล่นได้ดี ช่วยตัดลูกกลางอากาศได้พอสมควร ไม่ค่อยกล้ารับติดมือแต่ชกได้ไกลกรอบก็โอเคน่า

มิลเนอร์ - มีปัญหากับการปิดทางเปิดบอลเข้ากลาง ครึ่งแรกปล่อยให้เขาเปิดง่ายเกิน ครึ่งหลังบีบได้ดีขึ้นแต่ก็ยังน่าจะทำได้ดีกว่านี้

คลาวาน - ทำได้ดีทุกครั้งกับการดักจังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะบล็อคหรือสกัด แต่ทำได้ไม่ดีสักครั้งในจังหวะเบียดโหม่ง คือโหม่งอ่ะโหม่งได้ แต่แรงสู้ไม่ได้เลย เบียดไม่ได้เหลี่ยม โหม่งไม่ขาด

มาติป - ตัวสูงโหม่งถึงบอลจริง แต่โหม่งเหมือนไม่มีแรงพอกันกับคลาวาน

ไคลน์ - เปิดพื้นที่ตัวเองมากไปหน่อย แต่ทำได้ดีเรื่องขึ้นไปช่วยเกม

ไวนัลดุม - หายไป แล้วก็โผล่มายิง แล้วก็หายไป โผล่บ่อยหน่อยช่วงท้ายเกมที่เก็บบอลไว้กับทีมได้ดี

ชาน - เบียดโหม่งไม่เด็ดขาดเท่าไหร่ยังดีว่ายังถึงบอลเป็นส่วนใหญ่ จ่ายบอลน้ำหนักขาดๆ เกินๆ เก็บบอลก็ไม่ได้เป็นสัปปะรด แต่เกมนี้มีทีเด็ดช่วยยิงประตูชัยได้

คูตินโย่ - ทำอะไรไม่ค่อยได้ คือคู่ต่อสู้เข้ามาเบียดถึงตัวเมื่อไหร่จบ หนีไม่ออก แต่สำหรับการช่วยเชื่อมเกมก็ยังดีอยู่

มาเน่ -  กระชากผ่านไม่ได้ ทีเด็ดทีขาดไม่มี แต่หาพื้นที่ดีได้บอลบ่อย กดดันแนวรับและดึงกองหลังได้ดีทีเดียว

ลัลลาน่า -  กล้าปะทะและทำได้ดีกว่าตัวรุกคนอื่นในเรื่องนี้ คือโดนแซะบอลไม่ค่อยหลุด บีบบอลแย่งบอลก็ดี แต่จังหวะเข้าทำไม่เคยมีส่วนร่วมกับทีมเลย

โอริกิ -  หาพื้นที่ไม่ค่อยดี เก็บบอลไม่ค่อยอยู่ มีดีที่ขยันและสมาธิดี ไม่ค่อยฟาล์วไม่ค่อยโดนจับล้ำหน้า ไม่วิ่งทับตำแหน่ง แทบมีส่วนร่วมกับจังหวะได้ประตูทั้งสองครั้งซะอย่างนั้น

ตัวสำรอง

วู้ดเบิร์น - ทำทางไม่ดี แต่ความกล้าเล่นกับการตัดสินใจถือว่าดี

ลูคัส - ลงมาช่วยโหม่งได้ดี ถึงบอลแถมได้น้ำหนัก ท้ายเกมเกือบแอสซิสให้วู้ดเบิร์นยิงได้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เอ็มเร่ ชาน… วัดที่ฟอร์มล้วนๆ ผมชอบมาเน่หรือลัลลาน่ามากกว่า แต่ชานวันนี้ช่วยเกมรับได้ประมาณนึงโดยเฉพาะลูกโหม่งกับการปะทะ และมีทีเด็ดสำหรับประตูชัย ซึ่งทีเด็ดที่ว่านี่มันเป็นสิ่งที่ทีมขาดอยู่พอดี
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เลสเตอร์ 3-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)

This is the end. Hold your breath and count to ten...
___________________________

ลิเวอร์พูลเละด้วย 4-สยอง-3-1

-----------------เฟอมิโน่------------------
คูตินโย่---------ลัลลาน่า----------มาเน่
--------ไวนัลดุม-----------ชาน-----------
มิลเนอร์----มาติป-----ลูคัส-------ไคลน์
-----------------มินโยเล่------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนแชมป์เก่าที่เพิ่งปลดโค๊ชอย่างเลสเตอร์ นัดนี้คล็อปจัดแนวรุกที่ “เคย” ทำได้ผลงานได้ดีที่สุดเท่าที่ทำมาลงสนาม แต่ในเกมรับขาดทั้งเฮนเดอร์สันและลอฟเรน
-------------------------------------------------------

_______ ประมาณ 10 นาทีแรก เลสเตอร์วิ่งกันลืมตายใส่ไม่ยั้ง ดุดันเร่งเร็วตลอดทั้งตอนบอลอยู่กับเท้าและไม่อยู่ ลิเวอร์พูลพาบอลเกินครึ่งสนามไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ยังไม่โดนล่อเป้าเท่านั้นเอง

_______ ผ่าน 10 นาทีของเกมไปลิเวอร์พูลเริ่มทำได้ดีขึ้น เล่นเกมของตัวเองได้มากขึ้น แต่ไม่ได้สร้างเกมรุกกดดันได้ต่อเนื่องนัก เป็นเลสเตอร์ที่เล่นบอลไดเร็กต์กดดันได้มากกว่าด้วยซ้ำ

_______ นาที 20 ลางร้ายเริ่มมาเยือน ลูคัสเบียดวาร์ดี้ไม่อยู่ มาติปก็มาช่วยซ้อนไม่ทัน วาร์ดี้ได้ยิงในกรอบดีว่าไม่เต็มเท้านักมินโยเล่เลยเซฟเอาไว้ได้

_______ หลังจากนั้นไม่นานนัก มินโยเล่ก็ช่วยไม่ได้แล้ว นาที 27 จากจังหวะบอลกลางสนาม ไวนัลดุมทำบอลลั่นเข้าเท้าออลไบรตันจ่ายทะลุลึกเร็วจังหวะเดียวให้วาร์ดี้ได้วิ่งช่องหลุดไปยิง 1-0

_______ สกอร์นำแล้วก็ยังเป็นเลสเตอร์ที่เล่นได้ดุกว่า ลิเวอร์พูลแม้จะครองบอลได้ บุกได้ แต่ถ้าวัดความดุดันอันตรายสู้ไม่ได้เลย ที่แย่สุดเห็นจะเป็นบอลจังหวะสองที่ช้ากว่าและเก็บเล่นไม่ค่อยได้ไม่ว่าจะรุกจะรับ

_______ นาที 37 ดริ้งวอเตอร์มาวอลเล่ย์หน้ากรอบสุดสวยให้เลสเตอร์นำห่าง 2-0 ให้อะไรมันแย่เข้าให้อีก ก่อนจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาเร่งเกมรุกดุดันขึ้นผิดหูผิดตา ในขณะที่เลสเตอร์ก็ถอยไปไล่ในแดนเล่นรับโต้เต็มตัว ลิเวอร์พูลมาดีมากเมื่อพาบอลไปถึงเขตโทษได้เร็ว เอาบอลเข้าเขตโทษได้ด้วย แต่หันหน้าหาประตูไม่ได้เลย ยังไม่ได้ยิงแบบเป็นชิ้นเป็นอันอะไร นอกจากยิงไกลหรือโดนเบียดแซะจังหวะสุดท้าย

_______ ลิเวอร์พูลมีเกมที่ดีอยู่ราว 10 กว่านาทีก็เริ่มหมดมุข บอลเข้าเขตโทษน้อยลง ซ้ำร้ายนาที 60 จากจังหวะต่อเนื่องจากการที่เลสเตอร์โต้กลับ แนวรับลิเวอร์พูลเสียสมาธิ ปล่อยให้เลสเตอร์ได้ครอสเข้ากลางให้วาร์ดี้ได้เทคโหม่งคนเดียวเต็มหัว 3-0 ชนิดกองหลังไม่มีใครเบียด

_______ กว่าลิเวอร์พูลจะได้หันหน้ายิงในกรอบจริงๆ ก็ล่อไปนาที 65 เมื่อเฟอมิโน่ตอกส้นให้ลัลลาน่าได้เข้าไปยิงเล่นทางในกรอบ แต่ชไมเคิลไม่เล่นด้วยเซฟเอาไว้ได้

_______ นาที 66 คล็อปเปลี่ยนแท็คติคชนิดเลือดเข้าตา ส่งโมเรโน่กับโอริกิลงมาแทนมาเน่กับลัลลาน่า ปรับยืนหลังสาม เอาโมเรโน่เล่นวิงซ้าย ชาน ลูคัส มาติป ยืนเซ็นเตอร์ ดันมิลเนอร์ไปเล่นกลาง โอริกิหน้าเป้า เรียกว่าเปลี่ยนตำแหน่งยืนกันตั้งแต่หลังยันหน้าเลยทีเดียว

_______ หลังจากนั้นแค่สองนาที จะด้วยแนวรับเลสเตอร์ยังปรับตัวตามไม่ทันหรือไงไม่แน่ใจ ชานทำชิ่งกับโมเรโน่แล้วชานเป็นคนพาบอลขึ้นมาถึงมุมเขตโทษ แปะให้คูตินโย่ได้ยิงหน้าเขตโทษเข้าไปได้ 3-1

_______ แต่นั้นก็เป็นจังหวะเข้าทำที่ดีหนึ่งในสามครั้งของเกม(ครั้งแรกมาเน่ชิ่งจนพาบอลไปปาดเข้ากลางได้ ครั้งที่สองคือลัลลาน่าได้ยิง และเป็นครั้งที่ได้ประตูเป็นครั้งสุดท้าย) หลังจากนั้นลิเวอร์พูลแม้จะเอาบอลเข้าไปในเขตโทษได้บ้าง แต่วนลูปกลับไปที่พลิกบอลหันหน้าเข้าหาประตูไม่ได้เหมือนเดิม ลูกยิงไกลได้แค่ลุ้น ลูกโยนได้แค่โยน และหลายครั้งมีจังหวะที่โยนเข้าไปแบบ “เรื่องของเอ็งแล้วนะ โอริกิ” ลูกเตะมุมที่ไหลมาเทมาก็ไหลไปเทไป (จะโยน-โหม่งใส่เซ็นเตอร์อย่าง ฮูธ+มอร์แกนไหวมั้ยล่ะ)

_______ ทางด้านเลสเตอร์ยังโต้ขึ้นมาให้ได้เสียววูบๆ อยู่เป็นระยะ นาที 83 คล็อปเปลี่ยนแบบที่เค้าไม่เคยทำอีกครั้ง ด้วยการส่งวู้ดเบิร์นมาแทนลูคัส ซึ่งวู้ดเบิร์นก็ทำหน้าที่ดีสุดคือการหาพื้นที่เปิดบอลสองสามครั้ง ก็ไม่ได้อะไร

_______ จบเกมไปด้วยความครื้นเครงของเหล่ากองเชียร์ทั้งทางการและเฉพาะกิจของเลสเตอร์, ความเจ็บปวดของรานิเอรี่ คล็อปและค็อบที่สกอร์ 3-1

-----------------------------------------

_______ เกมรับเราก็ไม่ได้แข็งอะไรอยู่แล้ว แต่วันนี้หมดสภาพจริงจัง

_______ ในเรื่องรูปเกม พังสุดคือบอลสองตามที่บอก พอไม่มีเฮนโด้การเก็บบอลสองของทีมเข้าขั้นบรรลัย วิ่งถึงบอลช้ากว่า ปั้มบอลไม่อยู่ เก็บบอลไม่ได้

_______ ในเรื่องฟอร์มส่วนตัวนักเตะ วันนี้เป็นวันประหารลูคัสอย่างแท้จริง ลูคัสนัดนี้เกรียมสยองเยี่ยงโดนเผาให้ห้องปิดตายสามวันสามคืน ไม่เหลือสภาพเลย มีส่วนทั้งสามประตูที่เสียไป ซึ่งผมไม่โทษเค้านะ ก็สุดศักยภาพสภาพร่างกายแล้วมันได้แค่นี้จริงๆ คำถามคือคล็อปจะส่งเค้าขึ้นเมรุ เอ้ย ส่งลงสนามมาดวลกับวาร์ดี้ทำไม

_______ เช่นเดียวกับการจับคู่ของ โรนัลดุมกับเมสซี่ชานในแผน 4-สยอง-3-1 คู่นี้เล่นด้วยกันเก็บบอลไม่ได้ เกมรับแย่

_______ นับเป็นอีกนัดที่เราต้องมานั่งเจ็บปวดกับขนาดทีม เมื่อตัวหลักลงไม่ได้คนลงมาแทนไว้ใจได้ทุกคนว่าไว้ใจไม่ได้แน่ ไม่น่าเชื่อว่าเราปล่อยตลาดหน้าหนาวให้หลุดมือไปซะเฉยๆ

_______ แต่ในความเจ็บปวดก็ยังมีเรื่องดีอยู่นะ

_______ การเปลี่ยนตัวในวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าคล็อปก็เห็นก็คิดแบบเรานั้นแหละ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้เขาอาจจะยังเชื่อมั่นลูกทีมอยู่ ซึ่งวันนี้ไม่แล้ว การเปลี่ยนแท็คติคโดยที่แยกคู่หูบัลลงดอร์ออกจากกันก็ดี, การขยับมิลเนอร์ไปยืนกลางก็ดี, การถอดลูคัสออกก็ดี, การเปลี่ยนทั้งมาเน่กับลัลลาน่าที่ปกติขาไม่หักเกมไม่ขาดไม่เอาออกก็ดี, การส่งวู้ดเบิร์นลงในสถานการณ์ย่ำแย่ก็ดี มันแสดงให้เห็นแล้วว่า

_______ Change! แน่ๆ ทั้งตัวหลัก ทั้งตัวใหม่ ทั้งแท็คติคนั่นแหละ

_______ ….หวังว่าจะตามมาด้วย make Liverpool GREAT Again นะ

-----------------------------------------

นัดนี้ดูแล้วน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว

มินโยเล่ - ฟอร์มส่วนตัวไม่แย่ สามลูกที่โดนไปเจ้าตัวอาจอยากบอกเพื่อนๆ ว่า “มาเซฟกันเองมั้ยยยย” ยืนตำแหน่งดี ออกจากกรอบได้เร็วและเด็ดขาด

มิลเนอร์ - ว่ากันตามแท็คติคต้องยืนสูง ไอ้เรื่องลงไม่ทันก็คงเลี่ยงไม่ได้ แต่ที่พลาดวันนี้คือการเชื่อมเกมที่ไม่ค่อยลื่น ส่วนช่วงที่ขึ้นไปเล่นกองกลางก็คงพูดลำบากว่าโอเคมั้ยเพราะเกมมันเปลี่ยนไปแล้ว

ลูคัส - ลงเล่นอีกทีก็เทสติโมเนียลแม็ตช์เลยได้มั้ย

มาติป - วาร์ดี้ไม่บื้อพอจะมาจี้มาติป ไปจี้ลูคัสแทน มาติปช่วยซ้อนไว้ได้ประมาณนึง แต่ด้วยรูปเกมที่เปิดพื้นที่ให้คู่ต่อสู้มาก เขาก็ช่วยอะไรในเรื่องนั้นไม่ได้มากนัก

ไคลน์ - มีการเชื่อมเกมที่โอเค ทำได้ดีมากในเรื่องการเติมขึ้นไปรับบอลซึ่งถือเป็นตัวหลักในการรับบอลจังหวะตั้งเกมรุกเลย แต่บอลสุดท้ายไม่ไปไหน

ไวนัลดุม - เก็บบอลไม่อยู่ เติมขึ้นไปก็หาบอลไม่เจอ

ชาน - พอกันกับคู่หู แต่ยังได้บอลเยอะกว่าและเชื่อมเกมได้ดีกว่าหน่อย มีส่วนร่วมกับประตูตีไข่แตก และที่สำคัญท้ายเกมต้องเล่นเซ็นเตอร์...เล่นดีกว่าพี่ลูลู่เราอีกนะ

คูตินโย่ - ต้องลงมาล้วงบอลต่ำคอยช่วยเชื่อมเกม ไอ้เชื่อมน่ะได้ แต่อยู่ไกลประตูจนไม่ค่อยได้จ่ายบอลเข้าทำหรือได้จังหวะยิง

มาเน่ -  โดนประกบติและเข้าหนักจนเล่นไม่ค่อยออก เล่นดีอยู่แค่สักยี่สิบนาที (10-30)

ลัลลาน่า -  หาช่องไม่เจอ ทั้งวิ่งเข้าไปทั้งจ่ายบอล ดีหน่อยที่ช่วยวิ่งไล่ตัดบอลเก็บบอลได้ ไม่งั้นคู่หูมหาประลัยจะเด่นกว่านี้อีกเยอะ

เฟอมิโน่ -  เธอโผล่มาตอกส้นหนเดียวนั่นแหละ ทั้งเกมน่ะ

ตัวสำรอง

โมเรโน่ - ใจเกินร้อย วิ่งเร็วดี หาที่รับบอลได้ดีกว่ามิลเนอร์ แต่ได้บอลแล้วทำอะไรต่อไม่ได้นอกจากโยนใส่หัวคู่ต่อสู้

โอริกิ - ทำได้ดีมากในเรื่องเก็บบอล พักบอลได้ แต่พลิกไม่ได้ หาเพื่อนเล่นด้วยก็ไม่เจอ แถมท้ายๆ เกมเพื่อนโยนมาแต่ละลูกเจ้าตัวคงอยากบอกว่า “กรูไม่ใช่โซฟี กรูไม่มีปีก สลัด”

วู้ดเบิร์น - ก็..เล่นสไตล์เด็กดาวรุ่งอ่ะ ได้บอลแล้วก็วิ่งไปเปิด จบ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ลูคัส เลว่า…
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

ลิเวอร์พูล 1-2 วูลฟ์แฮมป์ตัน (เอฟเอคัพรอบ 4)


3 นัด 3 ถ้วย ...แอนฟิลด์ล้วนๆ
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-------------------โอริกิ-------------------
--------เฟอมิโน่----------วู้ดเบิร์น--------
-------อิจาเลีย-----------ไวนัลดุม-------
--------------------ลูคัส--------------------
โมเรโน่---คลาวาน---โกเมส---แรนดอล
------------------คาริอุส-------------------

_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านอีกนัด  คราวนี้เป็นเกมเอฟเอคัพกับวูล์ฟแฮมตัน  คล็อปปรับทีมเยอะ  หน้าตา 11 ตัวจริงออกมาแบบที่เห็น
-------------------------------------------------------

_______ แค่นาทีแรกก็ส่อแววโกโก้ครั้นช์มาแต่ไกล  เสียฟรีคิกแถวเส้นข้าง  วูล์ฟโยนลึกไปเสาสอง  แนวรับประกบกันไม่ดีปล่อยให้วูล์ฟได้โหม่งง่าย 1-0

_______ หลังจากเริ่มเกมแบบช็อคๆ ลิเวอร์พูลเล่นกันไม่ค่อยมีสมาธิ ขาตายหลายจังหวะโดยเฉพาะเกมรับที่ไม่ค่อยมีเขาไปแย่งบอล  วูล์ฟทำได้ทั้งเกมโต้และเปิดเกมรุกขึ้นมาเอง วางยาวก็มี หลุดเดี่ยวก็มา ดีว่ายังบวกเพิ่มไม่ได้  ส่วนลิเวอร์พูลจังหวะบุกที่เป็นชิ้นเป็นอันส่วนใหญ่คือการวางยาวไปที่ว่างมุมธง ด้านขวาได้เปิดบ่อยกว่าซ้าย แต่เกมเจาะตรงกลางหรือเกมในพื้นที่สุดท้ายอย่าถามถึง

_______ ผ่าน 20 นาทีไปลิเวอร์พูลถึงได้เล่นแบบมีสมาธิขึ้น  วันนี้คู่ต่อสู้อย่างวูล์ฟไม่ได้เน้นรับต่ำแต่หันมาวิ่งไล่ตัวเปิดบอล ทำให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสตักข้ามแนวรับบ้าง แต่ตัว(ควรจะ)รุกอย่างอิจาเรียกับไวนัลดุมออกบอลเกมรุกไม่ได้ กลายเป็นต้องไปพึ่งโมเรโน่กับลูคัสเป็นคนออกบอล บอลกับคนเลยไม่ค่อยได้มีวาสนามาเจอกัน

_______ เกมโดยรวมสูสี ลิเวอร์พูลคุมเกมไม่ได้และความดุดันสู้วูล์ฟไม่ได้เลย ท้ายครึ่งแรกนาที 41 ยังมาโดนเพิ่มอีกลูกจากจังหวะโต้กลับรวดเดียวจากเขตโทษอีกฝั่งมาอีกฝั่ง แนวรับลิเวอร์พูลเข้าแย่งบอลก็ไม่ได้ดักบอลก็ไม่ดี  สุดท้ายนักเตะวูล์ฟได้บอลไปกระชากหลบคาริอุสเข้าไปสอยซะ 2-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง  คูตินโย่ได้ลงแทนแรนดอลทันที ปรับมาเล่นหลัง 3 ถอยลูคัสไปยืนเซ็นเตอร์ วู้ดเบิร์นยืนวิงขวา โมเรโน่ยืนวิงซ้าย บอลเกมรุกของทีดีขึ้นมาก ไม่ได้เปิดผ่านทุกลูก(เอาจริงก็ไม่ค่อยผ่านหรอก) แต่กดดันแนวรับได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวรับวูล์ฟเองก็สกัดบอลไม่ค่อยขาด แต่ลิเวอร์พูลยังไม่มีลูกจากแถวสองหรือจังหวะสองที่ดีทำให้ไม่ค่อยได้ยิงแบบเป็นชิ้นเป็นอัน

_______ นาที 65 สเตอริดจ์ได้ลงมาแทนเฟอมิโน่ เกมส่วนใหญ่ลิเวอร์พูลครองบอลได้ดีแล้ว เปิดบอลเข้าไปกดดันได้บ้างแล้ว  โดยตรงกลางหนักไปทางยิงไกล ส่วนเปิดบอลหันไปพึ่งวู้ดเบิร์นทางมุมธงขวา แต่ปิดเกมของวูล์ไปไม่ได้  วูล์ฟยังคงโต้ได้เป็นระยะ

_______ นาที 74 ชานได้ลงมาแทนอิจาเรียเป็นไพ่ใบสุดท้าย ลิเวอร์พูลเร่งเกมหนักขึ้นและทำได้ดีขึ้นในเรื่องการเก็บบอลสองจังหวะรุก แต่การเข้าทำยังเจาะลำบาก กว่าจะได้ประตูไล่มาต้องรอถึงนาที 86 จากจังหวะเตะมุมที่วูล์ฟสกัดกันไม่ขาด สุดท้ายเป็นสเตอริดจ์ที่โหม่งจากเสาแรกข้ามไปเสาสองให้โอริกิวอลเล่ย์จ่อๆ เข้าไป 2-1

_______ หลังจากนั้นแค่นาทีเดียว จังหวะเดิมเป๊ะคือลูกเตะมุมแล้ววูล์ฟสกัดไม่ขาด บอลเข้าทางโอริกิได้ยิงอีกครั้ง แต่บอลมาเร็วจนคุมทิศทางไม่ได้โดนบล็อคออกไป

_______ นาทีถัดมาวูล์ฟได้โต้ขึ้นมาโดยการลากเดี่ยวขึ้นมาทางริมเส้นซ้าย ลูคัสวิ่งตามไม่ทันแต่ยังอุตส่าห์ไปช่วยบล็อคจังหวะยิงเอาไว้ได้ รักษาความหวังอันน้อยนิดได้ต่อไปจนต่อเวลา

_______ แต่ตลอดเวลาทดเจ็บลิเวอร์พูลก็ทำอะไรไม่ได้ อย่าว่าแต่ประตู โอกาสก็แทบไม่มี จบเกม  ...บ้านไป 2-1 เป็นการแพ้สามนัดติดในสามรายการในแอนฟิลด์ ควานหาชัยชนะไม่เจอต่อไป

-----------------------------------------

_______ เกมรับยวบเป็นทิชชู่เปียกน้ำที่โดนขยี้ซ้ำ ส่วนเกมรุกก็เผ็ดสุดๆ ...คือดูไม่จืดเลย

_______ นัดนี้ที่เห็นชัดคือความมั่นใจของทีมลดลงถึงระดับอันตรายแล้ว เล่นกันกล้าๆ กลัวๆ สมาธิไม่ค่อยดี นัดนี้อย่าว่าแต่บอลชิ่ง เอาแค่บอลสั้นให้เพื่อนยังน้ำหนักไม่ดีทิศทางไม่ได้ ถือเป็นเรื่องน่ากลัวยิ่งกว่าอาการบาดเจ็บหรือฟอร์มการเล่นเสียอีก

_______ ในส่วนของคล็อป ดูจากโจทย์เฉพาะหน้า เขาต้องจัดทีมแบบนี้แหละเพราะมีเกมใหญ่ที่สำคัญกว่ารออยู่ แต่นักเตะตอบสนองความต้องการไม่ได้เลย

_______ แต่ถ้ามองภาพกว้าง ก็คล็อปเองนี่แหละที่มีส่วนทำให้ทีมเล็กลงด้วยการปล่อยนักเตะบางคนไปแล้วไม่ซื้อมาเพิ่ม มันจะเพอร์เฟ็คมากถ้าเราได้นักเตะที่ต้องการจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้...เอาพวกที่พอใช้ได้มาแก้ขัดก่อนไหมมม

_______ สุดท้ายแล้ว  นี่คือคล็อป  ความสำเร็จของเขาได้มาจากการสร้างทีมที่เขาต้องการจริงๆ ไม่เคยใช้ใครแก้ขัด ดังนั้นเราทำได้แค่รอต่อไป

_______ ...อีกสักพัก

-----------------------------------------

นัดนี้ดูแล้วเพลีย

คาริอุส -  เซฟสำคัญได้ครั้งนึงในในครึ่งหลัง  แต่สองประตูที่เสียไปก็มีส่วนพลาดด้วย

โมเรโน่ - เล่นได้ดีกว่าคนอื่น เกมรับทีมบังคับให้ลอยสูงแต่เขายังมีความเร็วที่จะวิ่งตามลงมาช่วยทีมได้บ้าง ในขณะที่การเชื่อมเกมและการเล่นเกมรุก เขาเติมขึ้นไป “ทำอะไรสักอย่าง” แล้วคอยถอยลงมา ประสิทธิภาพอาจจะน้อย แต่ทัศนคติน่ะถูกแล้ว แปะไปแปะมามันไม่ได้อะไร

คลาวาน - จะทำอัลลัยดูวัยพี่บ้างง ไอ้นั่นก็ลอย ไอ้นู่นก็หลุด ไอ้นี่ก็พรวด จากนักฟุตบอลแทบจะกลายเป็นภารโรงคอยเก็บกวาดซากที่น้องๆ หนูๆ ทิ้งไว้ ซ้อนหลุดบ้างแต่ยังเก็บได้ประมาณนึง

โกเมส - เป็นนักเตะที่มีอนาคต ...แต่ไม่มีปัจจุบัน

ลูคัส - คล่องเมื่อวาน คลานวันนี้ ทางบอลดี เก็บบอลได้ แต่อย่าให้ไกลตัว ครึ่งก้าวก็ไม่ทันแล้ว

แรนดอล - ดับอนาคตของตัวเองที่ริบหรี่อยู่แล้วให้ดับสนิทในนัดนี้นี่แหละ

อิจาเรีย - ไม่กล้าออกบอลเกมรุก จังหวะจะเล่นด้วยการให้แล้วไปก็ไม่ถงไม่ถามเพื่อนสักคำว่าพร้อมมั้ย ครึ่งแรกแย่มาก ครึ่งหลังพอมีคูตี้มาช่วยแล้วดูแย่น้อยลง

ไวนัลดุม - น้องจะเลีย(อิจาเรีย) พี่จะคลึง จับบอลได้ต้องคลึงหายี่ห้อก่อนจะทำอะไรต่อ ส่วนนึงคือเจ้าตัวดูจะถนัดเป็นตัวรับบอลมากกว่าเปิดบอล แต่ด้วยสถานะที่เกินดาวรุ่งมาแล้วก็ควรทำอะไรได้มากกว่าน้องนุ่งมันมั่ง

วู้ดเบิร์น -  ทำได้ดีในเรื่องการวิ่งไปรับบอลที่ว่างแถวเส้นข้างหรือมุมธงแล้วเปิดย้อนเข้ามาในกรอบ แต่นั้นคือทั้งหมดที่เด็กวัย 17 คนนี้ทำได้

เฟอมิโน่ -  ฟอร์มส่วนตัวไม่ถึงกับแย่ ถ้าสังเกตหน่อยจะเห็นว่าเฟอมิโน่วิ่งตามช่องอยู่ตลอด แต่วิ่งแล้ววิ่งอีก วิ่งจนเดิน กองกลางพวกก็แปะมันอยู่นั่น แถมจังหวะยัดใส่ตัวมาให้ก็ไม่มีใครวิ่งสอดไปรับบอล เอวังพังพินาศ

โอริกิ -  เก็บบอลได้ประมาณนึง เรียกฟาล์วใช้ได้ แต่ให้ทำเกมเองไม่ใช่แนว ท้ายเกมเริ่มขาดสมาธิเสียฟาล์วง่าย ยังดีที่ทำประตูได้

ตัวสำรอง

คูตินโย่ - ช่วยเปิดบอลขึ้นหน้าได้ ไม่ใช่จ่าย 10 หลุด 10 แต่อย่างน้อยยังกดดันแนวรับได้บ้าง

สเตอริดจ์ - หาช่องไม่เจอ จะมาออกบอลเองก็ไม่ดี แต่มีดีที่ไหวพริบในจังหวะที่ทำให้ทีมตีไข่แตก ลูกนั้นถ้าเป็นกองหน้าโง่ๆ โหม่งยัดๆ ไม่ข้ามคานก็ติดบล็อคไปแล้ว

ชาน - โด้ออกเมสซี่เข้า ...ตามนั้น

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...อัลแบร์โต้ โมเรโน่… เป็นเกมที่เลือก MOM โคตรยากด้วยฟอร์มที่เห็นๆ กันอยู่ แต่ขอเลือกแบ็คตัวจริงที่ม้านั่งสำรองด้วยเหตุผลว่าพยายามจะทำอะไรมากกว่าคนอื่นก็แล้วกัน (เผื่อใครยังไม่รู้  ผมชอบสไตล์โมเรโน่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว 555+)
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

ลิเวอร์พูล 0-1 เซาท์แธมป์ตัน (ลีคคัพ)


เป๊ะแต่ชื่อ
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-----------------สเตอริดจ์-----------------
--------คูตินโย่-----------เฟอมิโน่--------
-------ลัลลาน่า-------------ชาน----------
----------------เฮนเดอร์สัน---------------
มิลเนอร์---มาติป---ลอฟเรน----อาโนลด์
------------------คาริอุส-------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นลีคคัพรอบรองชนะเลิศนัดสองกับเซาท์แธมป์ตัน ซึ่งนัดแรกเพิ่งไปแพ้เค้ามา 1-0 นัดนี้คล็อปเลือกใช้สเตอริดจ์ที่ได้เล่นถ้วยนี้มาตลอดเป็นตัวจริงตามเดิม
-------------------------------------------------------

_______ ช่วงต้นเกมยังเล่นระวังกันทั้งคู่ ลิเวอร์พูลครองบอลได้แต่ไม่เร่งเกม เน้นบุกทางซ้ายเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาคือครองบอลกันไม่เหนียวและเก็บบอลสองไม่ค่อยได้ ส่วนเซาท์แธมป์ตันได้บอลน้อยก็จริงแต่จังหวะเก็บบอลพวกทำได้ดี ไม่เสียเร็วและต่อบอลไปถึงด้านหน้าได้ โดยเฉพาะทางริมเส้น

_______ ผ่าน 20 นาทีแรก ลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลได้นานขึ้น แต่การเข้าทำเจาะไม่ได้เหมือนเดิม ทางเซาท์แธมป์ตันใช้พื้นที่ริมเส้นที่แบ็คลิเวอร์พูลลอยเอามาโจมตีได้เป็นระยะ โดยเฉพาะทางฝั่งอาโนลด์ เกือบได้ประตูชนิดยิงจาก 6-7 หลาอยู่สองครั้งแต่ติดเซฟคาริอุสสลับยิงพลาดไปเอง

_______ ลิเวอร์พูลยังควานหาโอกาสของตัวเองไม่เจอ และเซาท์แธมป์ตันสร้างโอกาสของตัวเองได้แต่ใช้ไม่คุ้ม จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

_______ กลับลงมาครึ่งหลัง เซาท์แธมป์ตันกะเอาตายด้วยการส่ง เชน ลอง ลงมาและหันมาไล่สูงพยายามจะเปิดเกมรุก แต่กลายเป็นลิเวอร์พูลที่พอมีพื้นที่ให้เล่นแล้วทำได้ดีกว่า ได้เล่นในจังหวะของตัวเองและเกมรุกเร็วขึ้น ได้เปิดจากด้านข้างเข้าไปลุ้นชาร์จลุ้นโหม่งแบบถึงบอลเป็นระยะ แต่คุมบอลให้เข้ากรอบยังไม่ได้

_______ ลิเวอร์พูลเร่งเกมเต็มที่ ทั้งทำทางและวิ่งไล่ แต่เมื่อไม่ได้ประตูและเวลาน้อยลงก็เริ่มเร่งจนพลาด แถมเซาท์แธมป์ตันที่เลือกบุกไม่ได้ผล พอพ้นนาที 70 ไปก็ถอยลงไปอุดกันเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลยังได้โยนจากด้านข้างเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่หลังเซาท์แธมป์ตันหันหน้าหาบอลหมดแล้วก็เลยสกัดได้หมด

_______ นาที 78 โอริกิได้ลงแทนชาน นาที 87 ไวนัลดุมได้ลงแทนคูตินโย่ แต่เวลาทั้งหมดลิเวอร์พูลเอาชนะแนวรับไม่ได้เลย ได้แค่เปิดบอลเข้าไปลุ้น พอเข้าช่วงทดเจ็บนาที ได้ลูกเตะมุมอยู่ดีๆ แต่เปิดมาโดนสกัดแล้วโดนโต้จนสุดท้ายบอลมาถึงเชน ลองได้ยิงในกรอบให้มันจบๆ ไป 1-0 ส่งเซาท์แธมป์ตันเข้าไปรอชิงด้วยการชนะลิเวอร์พูลได้ทั้งไปกลับในสกอร์เดียวกัน 1-0 ทั้งสองนัด

-----------------------------------------

_______ เซาท์แธมป์ตันเปิดหน้าอยู่แค่ 20 นาทีนิดๆ ของต้นครึ่งหลัง นอกนั้นพวกเขาเอาชนะได้หมด

_______ นัดนี้เป็นอีกนัดที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่หลายคนกังวลตั้งแต่ต้นฤดูกาลมันเป็นจริง ทั้งในเรื่องขนาดทีมที่เล็กและแทคติคที่ใช้พลังเยอะจนทำให้นักเตะฟิตไม่พอ

_______ ดูเฉพาะรายชื่อ ลิเวอร์พูลมีทีมที่ดีมากในช่วง 3-4 นัดหลังรวมนัดนี้ด้วย แต่ลงสนามจริงหลายคนไม่ได้อยู่ในสภาพ 100% มาติปเองเพิ่งได้ลงเต็มเกมหลังจากหายไปนานก็ฟอร์มหลุด, คูตินโย่ยังไม่ฟิตชัดเจน, เฮนโด้เองก็เคยวิ่งได้มากกว่านี้, ลัลลาน่าก็เจ็บช่วงครึ่งหลังจนเล่นได้ไม่เต็มที่ แม้กระทั่งสายอึดอย่างมิลเนอร์ยังมีอาการยุบ ขึ้นแล้วลงช้า(ในจังหวะที่ควรลงนะ)

_______ เรื่องจะให้คล็อปเปลี่ยนสไตล์ของเขาให้หันมาวิ่งน้อยลงมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นคล็อป(และเรา) คงต้องรอให้ทีมมีขนาดใหญ่กว่านี้อีกมากๆ ถ้าหวังจะประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันครับ

_______ ช่วงนี้ก็เป็นชิ้นเป็นอัน...แต่คนละความหมาย ไปพลางๆ ก่อนนะ

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นแค่พอใช้ได้

คาริอุส -  เซฟสำคัญได้ในครึ่งหลังช่วยให้แฟนบอลได้มีเวลาเจ็บปวดยาวนานขึ้น 555+

มิลเนอร์ - ต้นเกมเล่นหลุดเยอะเลย แต่เล่นไปสัก 15 นาทีแล้วเริ่มเข้าที่เข้าทาง เวลาส่วนใหญ่ขึ้นไปช่วยรับบอลไปเปิดเข้ากลางได้ดี บอลกดดันกว่าคนอื่นเปิด แต่ยังไม่ดีระดับชนะแนวรับ ส่วนเกมรับตัวเองเคยลงมาคุมพื้นที่ได้ดีกว่านี้

มาติป - อยู่เมืองไทยคงตกมอฯไซต์วินตายไปแล้ว ซ้อนไม่ดีอย่างแรง โดนแตะหลบได้ตลอด

ลอฟเรน - เข้าไปสกัดหรือประคองตัวที่ครองบอลอยู่น่ะดี แต่อ่านเกมวันนี้ไม่ค่อยดี ไปยืนเอ๋อๆ ในกรอบจังหวะคู่ต่อสู้เปิดบอลใส่กรอบหลายครั้ง  ไม่รู้ว่าจะประกบหรือบังทางบอลหรือยังไง

อาโนลด์ - โชว์ฟอร์มระดับซูเปอร์แมน...ตอนโดนแทงด้วยคริปโตไนท์

ชาน - ช่วยเข้าปะทะได้ดีหลายครั้ง หยุดการครองบอลของคู่ต่อสู้ได้ดี แต่เกมรุกอย่าถือสา เปลี่ยนรับเป็นรุกอย่าหาความ

เฮนเดอร์สัน - เปลี่ยนรับเป็นรุกพอใช้ เกมรับไม่แย่ ออกบอลหาที่ว่างดีกว่าคนอื่น แต่ถ้าเทียบกับมาตรฐานส่วนตัวต้องบอกว่าพี่กัปตันเราวันนี้น้ำหนักบอลไม่ค่อยนิ่งนะ

ลัลลาน่า -  ครึ่งแรกยังเงียบๆ แต่ต้นครึ่งหลังเล่นได้วูบวาบมาก พอมีพื้นที่เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ก่อนจะโดนอาการบาดเจ็บช่วงกลางๆ ครึ่งหลังพรากลงกระทะกลายเป็นกระดี่ผัดเผ็ดไป

คูตินโย่ -  ออกบอลตัดแนวรับได้น่ากลัวดี มีอยู่สองสามหนที่คนวิ่งตัดแนวรับเกือบได้หลุดไปยิงแล้ว พลิกบอลขึ้นหน้าได้ แต่ด้วยสภาพร่างกายทำให้คูตี้ยังไปกับบอลไม่น่ากลัว แถมยิ่งเล่นยิ่งหายไปจากเกม

เฟอมิโน่ - ได้บอลเยอะนะ แต่ทั้งหมดคือทำได้แค่เคาะคืนเพื่อน

สเตอริดจ์ - พอคู่ต่อสู้ดันสูงก็หาช่องได้อันนี้เก่งจริง ได้ชาร์จหนึ่งหนได้ซ้ำระยะหกหลากหนึ่งหนแต่คุมบอลไม่อยู่ ส่วนช่วงที่คู่ต่อสู้รับต่ำก็...ตามสภาพ

ตัวสำรอง

โอริกิ - เอาลงมาเป็นเป้ารับบอลโด่ง แต่บอลดีๆ ไม่เคยมาหา ช่วยไม่ได้มากนัก

ไวนัลดุม - ไม่ได้มีเวลาทำอะไร

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โคลด ปูแอล… เก็บกินได้สิ้นซาก แทคติคละเอียดกริ๊บ คือไม่ใช่แค่ยืนต่ำๆ รอสกัดบอล แต่พวกเขามีครบทั้งวิธีเก็บบอล โต้ ปิดช่องเปิดบอล แม้แต่ช่วงต้นครึ่งหลังที่ดูว่าเป็นรอง นั่นคือแกเสี่ยงลุ้นเอาประตูปิดเกม ซึ่งพอไม่ได้ก็ถอยไปรับในเวลาไม่นาน
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.