“ยิงได้ จบป้ะ” ...โอริกิไม่ได้กล่าวไว้ แต่น่าจะคิดในใจ
___________________________
___________________________
ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-2-1
-----------------------โอริกิ----------------------
คูตินโย่---------------------------------ลัลลาน่า
--------มิลเนอร์-------ชาน-----เฮนเดอร์สัน---
โมเรโน่------ซาโก้-------ลอฟเรน-------ไคลน์
----------------------มินโยเล่--------------------
_______ เกมยูโรป้าลีคนัดแรกของรอบก่อนรองฯ คล็อปพาทีมไปเยือนทีมเก่าอย่างดอร์ทมุนด์ นัดนี้มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร โอริกิได้ลงก่อนสเตอริดจ์ และแผงกลางปรับมาเล่นตรงกลาง 3 ถอยมิลเนอร์ลงไปช่วยบู๊ด้วยอีกคน
-------------------------------------------------------
________ เริ่มเกมแบบระวังตัวทั้งคู่ ลิเวอร์พูลเน้นไล่แดนกลางเร็วแต่ไม่ถลำไล่บนสักเท่าไหร่ ส่วนดอร์ทมุนด์ยืนใกล้ช่วยกันต่อบอลหนีตัวไล่ได้ดี เกมเป็นเจ้าบ้านดูดีกว่า ครองบอลได้มากกว่าแต่พื้นที่สุดท้ายยังเจาะไม่ได้ด้วยกันทั้งคู่
________ ผ่าน 15 นาทีแรกไป ดอร์ทมุนด์เริ่มกดดันด้วยการเจาะตรงกลางได้บ้าง พลิกหนีแผงกลางจนบอลหลุดมาถึงหน้าเขตโทษแต่ยังจ่ายเข้าทำหรือยิงแบบหวังผลไม่ได้อยู่ดี ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มโดนบี้จนต้องถอยลงมารับต่ำในแดนตัวเองมากขึ้น แต่ยังเก็บบอลเล่นพอได้อยู่ ไม่ได้ตกเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว
_______ เกมเล่นไปในทรงนั้นจนกระทั่ง นาที 36 โมเรโน่ตักบอลขึ้นหน้า มิลเนอร์โหม่งชงเข้าทางโอริกิได้บอลแล้วแตะขึ้นหน้าก่อนยิงเร็วหักข้อแฉลบกองหลังนิดๆ ย้อนเข้าเสาแรกไปให้ทีมนำ 1-0
_______ เกมเล่นไปในทรงนั้นจนกระทั่ง นาที 36 โมเรโน่ตักบอลขึ้นหน้า มิลเนอร์โหม่งชงเข้าทางโอริกิได้บอลแล้วแตะขึ้นหน้าก่อนยิงเร็วหักข้อแฉลบกองหลังนิดๆ ย้อนเข้าเสาแรกไปให้ทีมนำ 1-0
_______ พอได้ประตูขึ้นนำ ลิเวอร์พูลเล่นกันได้มั่นใจขึ้น กล้าออกบอลขึ้นหน้าและพาไปเองมากขึ้น แต่ดอร์ทมุนด์ไม่ได้ชะงัก คุณภาพเกมไม่ตกลงเลย ทำให้เกมออกมาสูสี เกมริมเส้นของดอร์ทมุนด์ทำอะไรไม่ได้แต่บอลเจาะตรงกลางกับบอลข้ามหัวแนวรับกดดันได้เรื่่อยๆ ส่วนลิเวอร์พูลมีเกมรุกทางขวาที่ไคลน์เติมได้ดีหลายครั้ง สลับกับการตัดแล้วทำเร็วมากดดันคู่ต่อสู้ได้เหมือนกัน
_______ ช่วงทดเจ็บดอร์ทมุนด์บุกขึ้นมาได้ยิงรัวๆ แต่ติดลอฟเรนติดมินโยเล่ จังหวะสุดท้ายก่อนหมดเวลา โอริกิได้หลุดเดี่ยว เดี่ยวชนิดต้องร้องว่า “โอ้โห มันหลุดอะไรได้ขนาดนั้น” แต่พอยิงเท่านั้นแหล่ะ “โอ้โห….” เลยเหมือนกัน จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0
_______ เข้าครึ่งหลัง ดอร์ทมุนด์ส่งซาฮินลงมาแทนดวร์มที่เล่นไม่ออก ส่วนลิเวอร์พูลส่งอัลเลนลงมาแทนเฮนเดอร์สันที่มีอาการเจ็บในท้ายครึ่งแรก แต่ยังไม่ทันเห็นอะไรเป็นอะไร นาที 48 ดอร์ทมุนด์ได้เตะมุม เล่นสั้นเปลี่ยนจุดก่อนเปิดเข้ามาให้ฮุมเมิลโหม่งตู๊ม~ ...1-1
_______ ลิเวอร์พูลเริ่มต้นครึ่งหลังด้วยการขยับสูงขึ้น ไล่ตรงกลางมากขึ้นกว่าช่วงท้ายครึ่งแรกที่ถอยมายืนในแดนตัวเองซะเยอะ แม้จะเสียประตูแล้วก็ยังเล่นเหมือนเดิมอยู่ และสามารถตัดบอลเอามาบุกกดันใส่คู่ต่อสู้ โดยเฉพาะช่วงนาทีประมาณ 50 ที่ได้ยิงรัวๆ 3-4 ครั้ง แต่ติดเซฟหมด ชวดได้โอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย
_______ ส่วนทางดอร์ทมุนด์ พวกเขาต่อบอลหนีตัวไล่ได้ดี แผงหลังจ่ายบอลสั้นได้ดีมากและแผงกลางเคาะหนี พลิกหนีตัวไล่ได้ตลอด ทำให้เล่นไปเล่นมาพวกเขาก็กลับมาครองบอลได้มาก แถมกดให้ลิเวอร์พูลต้องไปรับต่ำจนได้เพราะไล่บอลไม่จน
_______ ถึงประมาณนาที 60 เกมก็เปลี่ยนไปเป็นดอร์ทมุนด์ที่คุมเกมได้หมดแล้ว ได้ทั้งบอล ได้ทั้งโอกาส แผงหลังดันขึ้นขึ้นมาเกือบครึ่งสนามเก็บบอลสองเล่นกันได้ต่อเนื่อง ลิเวอร์พูลโต้ไม่ขึ้น เก็บบอลเล่นไม่ได้แล้ว อย่างเดียวที่ยังดีอยู่คือการคุมเขตโทษที่ยังสกัดบอลบล็อคบอลยิงได้หมด
_______ ยิ่งเวลาผ่านไปดอร์ทมุนด์ยิ่งดูดีขึ้นในแง่การคุมเกม ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มโงหัวจากเขตโทษไม่ขึ้น โอริกิ ลัลลาน่าเริ่มออกอาการหมดแรง คูตินโย่โดนตัดออกจากเกม ลอฟเรนยังดักได้จริงแต่สกัดบอลมั่วไปหมด แต่กว่าจะมีการเปลี่ยนตัวต้องรอจนนาที 77 เฟอมิโน่ได้ลงแทนลัลลาน่า
_______ รูปเกมยังไม่มีอะไรเปลี่ยนมากนัก นานๆ ลิเวอร์พูลจะพาบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษคู่ต่อสู้ได้สักหน ส่วนทางดอร์ทมุนด์พาบอลไปได้ทุกที่ในสนามยกเว้นในเขตโทษลิเวอร์พูล นาที 84 สเตอริดจ์ได้ลงแทนโอริกิ
_______ จากตำแหน่งการยืน สเตอริดจ์กับเฟอมิโน่ ยืนใกล้กัน ดูท่าจะเน้นให้ทั้งคู่เล่นร่วมกันในเกมเร็วหรือโต้กลับ แต่ทั้งคู่ไม่ได้บอล ทำให้เกมรุกไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากจังหวะฉาบฉวยเล็กน้อย
_______ ยิ่งเวลาผ่านไปดอร์ทมุนด์ยิ่งดูดีขึ้นในแง่การคุมเกม ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มโงหัวจากเขตโทษไม่ขึ้น โอริกิ ลัลลาน่าเริ่มออกอาการหมดแรง คูตินโย่โดนตัดออกจากเกม ลอฟเรนยังดักได้จริงแต่สกัดบอลมั่วไปหมด แต่กว่าจะมีการเปลี่ยนตัวต้องรอจนนาที 77 เฟอมิโน่ได้ลงแทนลัลลาน่า
_______ รูปเกมยังไม่มีอะไรเปลี่ยนมากนัก นานๆ ลิเวอร์พูลจะพาบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษคู่ต่อสู้ได้สักหน ส่วนทางดอร์ทมุนด์พาบอลไปได้ทุกที่ในสนามยกเว้นในเขตโทษลิเวอร์พูล นาที 84 สเตอริดจ์ได้ลงแทนโอริกิ
_______ จากตำแหน่งการยืน สเตอริดจ์กับเฟอมิโน่ ยืนใกล้กัน ดูท่าจะเน้นให้ทั้งคู่เล่นร่วมกันในเกมเร็วหรือโต้กลับ แต่ทั้งคู่ไม่ได้บอล ทำให้เกมรุกไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากจังหวะฉาบฉวยเล็กน้อย
_______ ส่วนดอร์ทมุนด์เองก็เจอแนวรับฟอร์มผีเข้าของลิเวอร์พูลจัดการสกัดไว้ได้หมดจด ไม่ว่าจะเปิดด้านข้าง ยิงไกล จ่ายทะลุ จ่ายตักข้ามหัว จะชิ่ง ฯลฯ ทุกทาง ทุกวิธีคือติดแนวรับเรียบชนิดมินโยเล่ไม่ได้โชว์ซูเปอร์เซฟเลยสักครั้ง ได้โชว์แค่การยืนตำแหน่งที่ดี และออกมาชกบอลแม่นเท่านั้น จบเกมที่สกอร์ 1-1 ไปว่ากันต่อที่แอนฟิลด์
-----------------------------------------
_______ ครึ่งแรก ดอร์ทมุนด์ครองบอลเยอะกว่าจริง แต่รูปเกมไม่เป็นรองเท่าไหร่ แต่ครึ่งหลังนี่เป็นรองเยอะเลย
_______ ผมทึ่งคล็อปกับการวางเกมรับในนัดนี้มากๆ เขาทำได้ดีเหลือเชื่อในการหยุดเกมรุกของดอร์ทมุนด์ได้ขนาดนี้ การถอยมิลเนอร์มากลางช่วยได้มากจริงๆ ในขณะที่วิธีการเล่นแบบไม่เคาะเยอะ (ครึ่งแรก) ก็ช่วยให้บอลไปตายไกล ไม่โดนตัด-ทำเร็วใส่ด้วย
_______ ต้องชมผู้เล่นด้วยที่หลายคนเล่นได้เข้าฟอร์มมาก และทุกคนเล่นตามแทคติคได้ดีที่เดียว
_______ แต่ครึ่งหลังโดยเฉพาะ 60+ ไปแล้วผมคิดว่าคล็อปเปลี่ยนตัวช้าไป คือรูปเกมเป็นรองนี่ไม่แปลก แต่กับสภาพของโอริกิที่วิ่งได้น้อยแล้ว สเตอริดจ์ควรได้ลงมาตั้งแต่ 75+ นู่น เลยทำให้แทคติคทำเร็วด้วย เฟอมิโน่+สเตอริดจ์ที่ยังสด มีเวลาในสนามน้อยไป
_______ อย่างไรก็ตาม ได้ผลที่ต้องการ (ไม่แพ้+ยิงได้) รวมถึงหยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ที่มีเกมรุกดุจัดได้ขนาดนี้ (โอบาเมยองได้ยิงในเกมเปิดแค่ 1-2 หนและติดบล็อคด้วย) ต้องถือว่าคล็อปทำงานของเขาได้ดีมากแล้ว
_______ ...นัดหน้าที่แอนฟิลด์มีอะไรให้ลุ้นเยอะครับ
-----------------------------------------
นัดนี้เล่นได้ดีหลายคน
มินโยเล่ - ตำแหน่งยืนดีมาก บอลไม่หนีมือจริงรับเข้าซองไม่มีกระฉอก ชกบอลแม่นยำ ออกมาตัดลูกกลางอากาศดี แย่อยู่เรื่องเดียว(และชวนหงุดหงิดมากด้วย) คือไม่ออกบอลเร็ว มีหลายครั้งมากๆ ที่คู่ต่อสู้ดันขึ้นมาเยอะแล้ว ถ้าขว้างสวน+เปิดสวนเร็ว มีสิทธิได้ลุ้นเลย แต่มินโยเล่เก็บบอลนานเกือบทุกจังหวะ
ไคลน์ - เป็นวันที่เล่นได้เยี่ยมมาก เกมรับหยุดคู่ต่อสู้ได้ดี เล่นเอาดวร์มต้องโดนถอดในพักครึ่ง และตลอดเกมคู่ต่อสู้บุกจากพื้นที่นี้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย และไคลน์ยังเติมขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมข้างหน้าได้ดีด้วย ขึ้นบ่อย เล่นไม่พลาด
ลอฟเรน - เล่นได้ดีโดยเฉพาะการเข้าถึงบอลเร็ว เล่นได้ก่อนบอลถึงคู่ต่อสู้เยอะมาก เข้าบอลแม่น สกัดเด็ดขาด ครึ่งหลังโดนกดดันเยอะขึ้นยังสกัดได้ถึงบอลดีอยู่ นับเฉพาะเรื่องสกัดเด็ดขาดเขาทำได้ดีกว่าซาโก้ด้วย แต่ทิศทางไม่เหลือแล้ว จุดพลุมั่ง สาดมั่วมั่ง
ซาโก้ - มีจังหวะงึกๆ งักๆ ล็อคหนีตัวไล่บ้างแต่ถือว่าน้อยและไม่ได้พลาดให้เห็นเท่าไหร่ แต่ที่เห็นชัดๆ คือการบล็อคลูกยิงกับดักบอลเปิดที่ทำได้เยอะมาก ครึ่งแรกช่วยเซฟไว้ได้สามหนเห็นจะได้ ครึ่งหลังก็ยังดักได้หมด เด็ดกว่าลอฟเรนตรงที่สกัดมีทิศทางกว่า
โมเรโน่ - ไม่ค่อยเติมเกมรุก ที่ขึ้นไปบ้างก็ช่วยได้น้อย กับเกมรับประมาณชั่วโมงแรกของเกมยังใช้ได้อยู่ หลวมไปบ้างแต่ยังประคองได้ แต่ครึ่งชั่วโมงท้ายของเกมนี่คุมพื้นที่ไม่ดีเลย ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้ขึ้นสูงแต่ปล่อยพื้นที่ตัวเองหลุดได้บ่อยๆ
ชาน - เสียใบเหลืองเร็วตั้งแต่นาที 7และเหมือนว่าจะเสียสมาธิไปด้วย ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกเล่นไม่ดีนัก แต่ช่วงท้ายครึ่งต่อครึ่งหลัง ชานอ่านเกมได้ดี เกมรับดักได้เยอะ เชื่อมเกมสั้นได้ ขยับหาที่รับบอลได้โอเคตลอดเกม
เฮนเดอร์สัน - สลับกับชาน ครึ่งชั่วโมงแรกเล่นได้ดีในเกมรับ ทำได้ทั้งไล่บอล วิ่งทำทาง เข้าปะทะก็ถือว่าไม่แพ้ใคร คุมพื้นที่ตั้งกว้างได้น่าประทับใจ มีแย่หน่อยก็เรื่องจ่ายบอลยัดตัวเพื่อนรัวๆ แต่สุดท้ายเจ็บราวๆ นาที 40 กลับลงมาได้ก็จริงแต่พักครึ่งก็ต้องเปลี่ยนออกอยู่ดี
ลัลลาน่า - ดูจะถูกวางให้ยืนใกล้กับโอริกิมากกว่าคูตินโย่ แต่ก็มีส่วนร่วมกับเกมรุกน้อย เล่นเกมรุกไม่ออก แม้จะได้บอลพอสมควรเลยก็ตาม แต่ขยันวิ่งดี ช่วยเกมรับแดนกลางได้เยอะ รวมไปถึงวิ่งตามคู่ต่อสู้ได้สุดทางดี
คูตินโย่ - ครึ่งแรกมีส่วนกับเกมเยอะ โดนบีบให้ต้องไปเล่นไกลเขตโทษบ่อยแต่ยังทำได้ดีเรื่องเชื่อมเกม ครึ่งหลังหลังจากได้โอกาสยิงในช่วงนาที 50 แล้วหายจากเกมไปเลย หายไปเลยจริงๆ ทั้งรับทั้งรุกหรือเปลี่ยนรับเป็นรุก
มิลเนอร์ - ปิดทองหลังพระจนทองมาล้นด้านหน้ากันเลยทีเดียว อ่านเกมดี เกมรับดีกว่าเฮนโด้ อัลเลน และวิ่งเยอะกว่าชาน ถอยไปช่วยสกัดบอลในเขตโทษได้พอควร เก็บบอลสองแถวๆ หน้าเขตโทษตัวเองได้เยอะ เกมรุกทำอะไรไม่ได้แต่วิ่งทำทางไม่หยุด บอลตายก็รีบวิ่งถอยไปคุมพื้นที่ แถมมีจังหวะสำคัญที่โหม่งชงให้โอริกิเอาไปยิงได้ด้วย
โอริกิ - ครึ่งแรกช่วยไล่บอลเยอะอยู่ ขยันเข้าไปปะทะเบียดโหม่ง เล่นได้ตามแท็คติค แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว โอริกิเล่นได้บรรลัยจักรมาก เก็บบอลไม่อยู่ เชื่อมเกมไม่ได้ ไปกับบอลไม่ชนะ กลางอากาศโหม่ง 10 แพ้ 10 แต่ดั๊น~ ได้โอกาสครั้งแรกยิงได้เลย ประตูสำคัญซะด้วย ครึ่งหลังเล่นได้ดีขึ้นบ้างแต่เริ่มหมดแรงตั้งแต่ช่วงประมาณ 60+
ตัวสำรอง
อัลเลน - ช่วยเชื่อมเกมได้พอควร แต่บีบคู่ต่อสู้ไม่น่ากลัว แย่งบอลคืนได้น้อย จังหวะที่อัลเลนเล่นได้ดีคือบอลรุกได้เกินครึ่งสนามแล้วเท่านั้น ถ้าบอลอยู่ที่เท้าคู่ต่อสู้ หรือบอลยังอยู่ในแดนตัวเองนี่มัน “โจ อัลลัย” ชัดๆ
เฟอมิโน่ - นี่ไม่ใช่แค่ระดับ “ไม่มีส่วนร่วม” หรือ “ได้บอลน้อย” เรียกว่า “ไม่ได้ลงมา” จะเห็นภาพมากกว่า
สเตอริดจ์ - เห็นความกระตือรือร้นที่จะเล่น แต่ได้บอลแค่สองครั้งจะให้ทำอะไรล่ะ ครั้งแรกที่ได้ก็ฝืนมากไปนิดด้วย
เฟอมิโน่ - นี่ไม่ใช่แค่ระดับ “ไม่มีส่วนร่วม” หรือ “ได้บอลน้อย” เรียกว่า “ไม่ได้ลงมา” จะเห็นภาพมากกว่า
สเตอริดจ์ - เห็นความกระตือรือร้นที่จะเล่น แต่ได้บอลแค่สองครั้งจะให้ทำอะไรล่ะ ครั้งแรกที่ได้ก็ฝืนมากไปนิดด้วย
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มามาดู ซาโก้…ที่เข้าตาอีกสองคนคือไคลน์กับมิลเนอร์ ฟอร์มดีเท่าๆ กันทั้งสามคนแต่เลือกซาโก้เพราะมีจังหวะเด่นให้เห็นมากกว่า
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น