วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 1-0 สวอนซี (พรีเมียร์ลีค)



...เค้ากลับมาแล้ว!...
___________________________

ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-2-1

-------------------------เบนเทเก้------------------------
--------------------------ลัลลาน่า-------------------ไอบ์
----------------ชาน-------------มิลเนอร์-----------------
โมเรโน่--------ลอฟเรน--------สเคอเทล-------ไคลน์
--------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลกลับมาเล่นเกมลีคเปิดบ้านรับสวอนซี นัดนี้คล็อปปรับทีมจากนัดก่อนเล็กน้อย ที่สำคัญคือการขยับมิลเนอร์มาเล่นกลางแทนที่ลูคัสที่โดนแบน
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเกมอย่างระวัง เคาะต่อบอลช้าเอาชัวร์ไม่เร่งเกม ส่วนสวอนซีบอกกันซื่อๆ ตั้งแต่ต้นเกมว่าจะเอาแค่แต้มเดียวนะ รับกันอยู่แต่ในแดนตัวเองและไม่ตั้งเกมรุก ทั้งยังโกงด้วยการส่งแบ็คลงสนามฝั่งละสองคน เล่นเอาเกมริมเส้นของลิเวอร์พูลดับสนิทได้แต่หาโอกาสเจาะตรงกลางเอา

________ ย่ิ่งเล่นลิเวอร์พูลก็ยิ่งกดดันได้มากขึ้น แดนหน้าและกลางไล่จนสวอนซีเก็บบอลเล่นไม่ได้ ลิเวอร์พูลครองบอลอยู่ข้างเดียว เกมรับไม่ถูกกดดัน ทั้งยังสามารถฉวยโอกาสเล่นบอลฉาบฉวยจนได้ลุ้นประตูจากไอบ์แต่ยังทำไม่สำเร็จ

_______ แต่หลังจากไล่อัดอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วไม่ได้ประตูสักที พอเข้า 15 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เกมรุกลิเวอร์พูลก็เริ่มตันๆ ไป เป็นโอกาสให้สวอนซีเริ่มเก็บบอลเล่นได้บ้างและได้ลุ้นนิดๆ หน่อยๆ พอให้ตื่นเต้นบ้างจากการเร่งโยนบอลตั้งแต่ยังไม่สุดเส้น แต่บอลเข้าเขตโทษไปก็โดนคู่เซ็นเตอร์เก็บกินหมด จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ไอบ์สลับไปเล่นฝั่งซ้ายบ้าง แต่เกมรุกของลิเวอร์พูลยังเหมือนเดิมคือเจาะไม่ได้ พาบอลมาข้างหน้าได้ก็จริงแต่ช้า และจ่ายบอลเอาชนะแนวรับไม่ได้เลยไม่ว่าจะตรงกลางหรือโยนจากริมเส้น ส่วนสวอนซีกลับลงมาเล่นคล้ายเดิม เพิ่มเติมคือแดนกลางไล่ถึงบอลเร็วกว่าเดิมอีก

_______ ลิเวอร์พูลป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ เขตโทษอยู่นาน เจาะเองไม่เข้าสุดท้ายมาได้กรรมการช่วยเจาะ นาที 63 ไอบ์(ซึ่งสลับกับมาฝั่งขวา) เปิดบอลไปโดนแขนเทเลอร์ในเขตโทษ ผู้ตัดสินจะไม่เป่าแล้วแต่ผู้ช่วยให้สัญญาณก็เลยเปลี่ยนใจเป่าให้ มิลเนอร์ซัดไม่พลาดพาเด็กๆ ขึ้นนำ 1-0

_______ นาทีถัดมา เฮนเดอร์สันได้ลงสนามทำให้ทีมเล่นครบ 11 คนสักที ถึงตรงนี้รูปเกมเปลี่ยนไปมาก สวอนซีที่โดนแล้วหันมาเปิดเกมรุกทันที แบ็คเบิ๊คลอยขึ้นมาหมดเล่นเกมรุกเต็มตัว ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มออกอาการแผ่วอย่างเห็นได้ชัด วิ่งไล่ถึงบอลได้ช้าลง ถอยลงไปรับมากขึ้น

_______ นาที 71 สเตอริดจ์ได้ลงแทนเบนเทเก้ ลิเวอร์พูลเล่นเน้นเอาชัวร์ เคาะบอลแดนหลังมาขึ้น ไล่ให้สวอนซีขึ้นมาไล่สูง ทำให้มีพื้นที่มุมธงให้เล่นแล้ว แต่ตัวเติมไม่มีสุดท้ายก็กลายเป็นพาบอลไปเปิดได้(บ้าง)แต่ไม่ได้ลุ้นอะไรจริงจัง

_______ ทางสวอนซียังได้ลุ้นบ้างจากการเปิดบอลจากริมเส้นตั้งแต่ยังไม่ถึงกรอบเขตโทษ แต่เข้าไม่ถึงบอล จังหวะหวาดเสียวส่วนใหญ่คือการโหม่งเคลียร์ไม่ขาดของแนวรับลิเวอร์พูลซึ่งสุดท้ายแล้วสวอนซีก็เก็บบอลไปส่องไม่ได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ

_______ ช่วง 10 นาทีท้าย ลิเวอร์พูลเริ่มเก็บบอลสองได้แย่ลง ขยับตัวเข้าหาบอลช้าลงมาก เกมโต้ก็ไม่ค่อยมีและทำไม่ดี เก็บบอลเล่นก็ไม่ค่อยจะอยู่ แต่สิ่งที่ทำได้ดีต่อเนื่องคือเกมรับ พื้นที่สุดท้ายปิดได้เหนียวแน่น โยนเข้ามาก็โหม่งเคลียร์ได้ สวอนซีอย่าว่าแต่จะลุ้นประตู เอาแค่ง้างเท้ายิงหรือโหม่งให้โดนบอลยังแทบไม่มีโอกาส

_______ ช่วงทดเจ็บที่ทดกันตั้ง 5 นาที ลิเวอร์พูลยืนต่ำ คุมเกมไม่ได้ แต่อาศัยเกมรับเหนียวแน่นเอาตัวรอดมาได้แบบไม่ต้องเสี่ยงหัวใจวายนักและมินโยเล่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย นาที 90+4 ตูเร่ได้ลงแทนไอบ์ สุดท้ายลิเวอร์พูลเฉือนชนะสวอนซีไปได้ 1-0
-----------------------------------------

_______ เกมนี้เล่นใช้ได้นะ ถึงแม้ว่าเกมรุกจะดูแล้วเศร้าแต่เกมรับดูดีทีเดียว ยิ่งถ้าเทียบกับโจทย์คือ พึ่งเล่นยูโรป้ามา + ไม่มีคูตินโย่กับลูคัส + คู่ต่อสู้มาเน้นรับ แล้วยังชนะได้ต้องถือว่าทำได้ดีมากๆ หลังเกมยูโรป้านี่มันเป็นเกมยากมากจริงๆ นะ

_______ 11 ตัวจริงผมแปลกใจที่ไม่เลือกอัลเลนแต่กลับเลือกขยับมิลเนอร์เข้ามา คือด้วยสไตล์การเล่นก็ดี, คู่ต่อสู้(ที่จะมารับ)ก็ดี, ผลงานของมิลเนอร์ตอนเล่นตรงกลางก็ดี มันชวนให้คิดว่าอัลเลนน่าจะเหมาะกว่า แต่พอนึกถึงผลงานของอัลเลนยามลงสนามก็...อือ...เข้าใจคล็อป

_______ ส่วนในเกม อย่างที่บอกตอนต้น เกมรุกวันนี้ดูแล้วเศร้ามาก การประสานงานอย่าเรียกว่าไม่ดีให้เรียกว่าไม่มีจะตรงกว่า แนวรุกต่อบอลให้กันนับครั้งได้ แถวสองไม่มีมาเลย ลูกเตะมุมที่ได้เยอะแต่กดดันอะไรไม่ได้เลย

_______ แต่ในทางกลับกัน เกมรับของทีมวันนี้ดีมาก ในช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกที่ยังมีแรงวิ่งกันอยู่ ทีมวิ่งตัดบอลกันได้ตั้งแต่สวอนซียังพาบอลไม่ถึงวงกลมด้วยซ้ำ คือบีบให้คู่ต่อสู้ต้องจ่ายขึ้นหน้ามาพลาดได้บ่อย จะวางมาให้เอเดอร์(หน้าเป้าสวอนซี)ก็จะโดนสเคอเทลตัดก่อน ต่อให้สเคอเทลพลาดก็ยังจะโดนลอฟเรนเก็บต่ออีกชั้น เรียกว่าเกมรุกของสวอนซีหมดพิษสงไปเลย

_______ และแม้แต่ในช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายที่วิ่งไม่ออกแล้ว เกมรับมุมธงของทีมก็ถือว่าทำได้ดี ช่องระหว่างแบ็คกับเซ็นเตอร์ที่เคยมีปัญหาวันนี้ไม่เห็นช่องเลย การปิดพื้นที่หน้าเขตโทษก็ทำได้ดีคู่ต่อสู้เล่นงานอะไรไม่ได้ ที่มีปัญหาอยู่บ้างคือการโหม่งเคลียร์ไม่ขาดที่เห็นหลายครั้ง แต่ก็อย่างที่บอกคือต่อให้เคลียร์ไม่ขาดแล้ว จังหวะถัดมาก็ยังช่วยกันเคลียร์ซ้ำได้อยู่ดี

_______ เกมนี้คือเกมที่ทีมเล่นรับได้ ดีที่สุด ตัั้งแต่คล็อปคุมทีมมาเลยครับ

______ ...เป็นสามแต้มที่คู่ควรแล้ว
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - ไม่ได้เซฟเลย ไม่โดนกดดันด้วย ไม่ต้องออกมาเล่นนอกเส้น ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ถ้าจะมีอะไรที่ดูไม่ดีอยู่บ้างก็คงเป็นการไม่ยอมออกมารับบอลโด่งที่บางลูกบอลมาลึกและช้าพอที่เขาควรจะออกมารับได้

โมเรโน่ - ช่วงครึ่งแรกหาโอกาสเติมขึ้นมาเปิดบอลได้ดีได้ลุ้นอยู่หลายครั้ง ทั้งเกมเชื่อมเกมได้ดีไม่มีพลาด วันนี้เล่นเกมรับใช้ได้ พื้นที่มุมธงไม่โดนแหกและคู่ต่อสู้ได้เปิดแต่ลูกยากๆ ยิ่งถ้ามองจากมุมว่าสวอนซีพยายามจะขึ้นทางนี้ต้องถือว่าโมเรโน่เล่นได้ดีทีเดียว

ลอฟเรน - อยู่ในฟอร์มที่ดี ซ้อนแบ็คได้เร็ว สกัดลูกกลางอากาศได้หมด(แม้บางลูกจะไม่ค่อยไปไหนก็เถอะ) บอลตามช่องที่คู่ต่อสู้จ่ายเข้าเขตโทษมาในพื้นที่ของเขาก็ตัดได้หมด เล่นเป็นตัวสุดท้ายได้ไม่พลาดด้วย

สเคอเทล - เล่นจังหวะประกบเอเดอร์ได้เด็ดขาดดี แต่วันนี้สเคอเทลอ่านจังหวะบอลตกยังไม่รู้ กะพลาดไปหลายลูก ซ้อนแบ็คก็ช้ากว่าลอฟเรน ยังดีว่าการสกัดลูกกลางอากาศที่เป็นอาวุธหลักในการเข้าทำของสวอนซี สเคอเทลไม่พลาด

ไคลน์ - เกมรุกเติมไม่สุดและไม่ค่อยขึ้น เกมรับตอนสกอร์ 0-0 นี่เก็บกินเรียบ มีความเร็วที่จะตามไปปิดได้ทั้งลูกวางยาวหรือการพาบอลขึ้นหน้าเองของคู่ต่อสู้ แต่พอ 1-0 แล้วคู่ต่อสู้เปลี่ยนมอนเทโร่ลงมา+แบ็คเติมช่วย ไคลน์มีปัญหากับการปิดพื้นที่แถวสุดเส้นให้เห็นเหมือนกัน

ชาน - โอ้โห~ หล่อนะนัดนี้ โอเค ก็จริงว่ายังมีจังหวะจับบอลนานให้เห็นเป็นระยะ แต่ก็โดนแซะน้อย ที่สำคัญคือเขาสามารถวิ่งเข้าถึงบอลได้เร็ว หรือถ้าเข้าไม่ทันก็ยังปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้เยี่ยมเลย ไม่มีจังหวะโดนพลิกให้เซ็นเตอร์ต้องงานเข้า เป็นกองกลางที่ฟอร์มดีที่สุดของทีมวันนี้

มิลเนอร์ - ครึ่งแรกโชว์แซะสวยๆ จนทีมเอาไปบุกฉาบฉวยได้ดีหลายครั้ง และยังเป็นหัวหอกสำคัญในการวิ่งไล่จนสวอนซีไปไม่เป็นเล่นไม่ได้ แต่พอครึ่งหลังก็เริ่มแผ่ว วิ่งได้น้อยลง เข้าถึงบอลช้าลง และทั้งเกมมีส่วนร่วมกับเกมรุกน้อย ลุ้นให้กองหลังสวอนซีจ่ายบอลพลาดยังตื่นเต้นน่าลุ้นกว่ารอมิลเนอร์จ่ายบอลดีๆ ให้เพื่อนอีก

ไอบ์ - ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าไอบ์เป็นคนที่มีส่วนร่วมกับเกมรุกมากที่สุดในทีม เขาทำได้ยอดเยี่ยมในการว่ิ่งทำทาง หาที่ว่างรับบอล เป็นแนวรุกคนเดียวที่กดดันคู่ต่อสู้ได้ แต่พอได้บอลแล้วคิดพลาดทำพังตลอดเวย์ ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่าเขานี่แหล่ะเรียกจุดโทษให้ทีมได้

ลัลลาน่า - นัดนี้เล่นสไตล์แมงหวี่ คืองุ้งงิ้งๆ อะไรอยู่รอบเขตโทษคู่ต่อสู้ตลอดเวลาแต่หาสาระไม่ได้ หลังจากโชว์จ่ายทะลุตามช่องให้ไอบ์หลุดในช่วงต้นเกมแล้วหลังจากนั้นลัลลาน่าก็เหมือนลงมาวิ่งไล่อย่างเดียว

เบนเทเก้ - เก็บบอลเล่นได้น้อย ประสานงานกับเพื่อนไม่ได้ โหม่งชงหรือจ่ายเมื่อไหร่มีค่าเท่ากับส่งคืนคู่ต่อสู้หมด แม้จะรักษาตำแหน่งและค้ำแนวรับได้ดี แต่เวลาอยู่ในเขตโทษเคลื่อนที่น้อยไป เป็นเป้านิ่งให้ประกบง่ายและเพื่อนจ่ายให้ยาก

ตัวสำรอง

เฮนเดอร์สัน - ลงมาวิ่งไล่กลางสนามได้ดี แต่นอกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร

สเตอริดจ์ - เสียงปรบมือดังสนั่นแอนฟิลด์ตอนเขาถูกเปลี่ยนลงมานับเป็นจังหวะที่น่าตื่นเต้นที่สุดแล้ว

ตูเร่ - ถ้าทด 10 นาทีก็คงได้ลงตอน 90+9 คือเปลี่ยนเพื่อทำลายจังหวะเกมคู่ต่อสู้อย่างเดียวเลย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เดยัน ลอฟเรน… ไม่มีคู่แข่งเลยครับ แนวรุกแต่ละคนนี่ต้องไปแย่งมั่วออฟเดอะแมทช์กันมากกว่า ลอฟเรนเล่นดีกว่าสเคอเทลเห็นๆ เด่นกว่าชานที่ไม่ใช่จุดโจมตีของคู่ต่อสู้ (สวอนซีเน้นโยนยัด ไม่เจาะกลาง) และเป็นคนจัดการการเข้าทำของคู่ต่อสู้ได้มากที่สุดในทีม  อ่านถึงตรงนี้คงพอเดาได้แล้วนะว่าคำโปรยวันนี้ผมไม่ได้หมายถึงแค่คนในรูป
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 2-1 บอร์กโดซ์ (ยูโรป้า)


...ห่วยเสมอต้นเสมอปลาย...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------เบนเทเก้------------------------
ไอบ์---------------------เฟอมิโน่--------------มิลเนอร์
----------------ลูคัส-------------อัลเลน-----------------
โมเรโน่--------ลอฟเรน-----------ตูเร่-----------ไคลน์
--------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับบอร์กโดซ์ในเกมยูโรป้านัดรองสุดท้าย นัดนี้คล็อปปรับทีมจากนัดกับซิตี้เยอะพอควร ที่สำคัญคือมีเบนเทเก้กลับมาเป็นหน้าเป้าและอัลเลนได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงคู่กับลูคัส
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาบอร์กโดซ์วิ่งไล่ยันสุดจอ ลิเวอร์พูลพยายามจะเล่นแบบเหนือชั้นด้วยการเคาะบอลหนีแต่ก็รอดบ้างไม่รอดบ้าง ยังดีว่าพอถูกตัดไปก็ตัดกลับมาได้เร็วเหมือนกัน ยังครองบอลกันไม่ต่อเนื่องทั้งคู่

________ 15 นาทีแรกนี้เกมทางซ้ายของลิเวอร์พูลโดยเฉพาะการเติมของโมเรโน่ทำได้ดีมีลุ้น เฟอมิโน่ขยับหาช่องเล่นได้ดี ทำให้บอลมาถึงข้างหน้าและได้เปิดบ่อยแต่ตายตอนจนตลอดเพราะเบนเทเก้ยังหาจังหวะตัวเองไม่เจอ เสียฟาล์ว ยืนไม่เช็คไลน์ จับบอลไม่อยู่

_______ กลางๆ ครึ่งแรก เกมของลิเวอร์พูลเริ่มแผ่วไป นาที 27 ตูเร่เซ็งเพื่อนหรือไงไม่รู้ เติมขึ้นมาเล่นเองยันเขตโทษคู่ต่อสู้แถมได้ยิงด้วย นาที 29 เบนเทเก้รับลูกจากไอบ์ยิงเข้าไปได้แต่ล้ำหน้าไปก่อน ส่วนมิลเนอร์กับไอบ์สลับฝั่งกันเล่นแล้ว

_______ แต่แล้วนาที 32 มินโยเล่ก็แสดงอภินิหาร จากจังหวะไม่มีอะไรเลย(โว้ย) มินนี่ถือบอลไป ไล่เพื่อนขึ้นหน้าไป แต่ไม่ยอมปล่อยบอลอยู่ร่วมๆ ครึ่งนาที ...จะเหลือเหรอ เสียตั้งเตะสองจังหวะในเขตโทษ ไซเวท์อัดคานตูมเข้าไป 1-0

_______ เห็นมินโยเล่โชว์ฟอร์มแล้วแนวรับบอร์กโดซ์ไม่ยอมน้อยหน้า นาที 37 มิลเนอร์โยนบอลจากริมซ้าย ซาเน่เซ็นเตอร์ของบอร์กโดซ์เหนี่ยวเบนเทเก้ซะไหล่แทบหลุดในเขตโทษ ในจังหวะที่เบนเทเก้ไม่ได้ใกล้เคียงจะถึงบอลเลยด้วยซ้ำ เสียจุดโทษ มิลเนอร์ยิงไม่พลาดตีเสมอ 1-1

_______ ช่วงท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูลยังสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลด้วยการเล่นพลาดเองอยู่เป็นระยะ แต่โดยรวมยังสามารถเก็บบอลเล่นได้ดีกว่ามาก ส่วนบอร์กโดซ์นั้น เกมรุกอย่าเรียกว่าเจาะไม่เข้า ให้เรียกว่าเอาบอลมาคืนแบบมีมารยาทจะเห็นภาพกว่า จบครึ่งแรกเสมอ...

_______ เดี๋ยวๆๆ ทดเจ็บนาทีแรก ไคลน์หาจังหวะพาบอลไปเปิดเองได้ดี บอลมาตรงตัวเบนเทเก้ที่หน้าเขตโทษ เบนเทเก้จับหนึ่งจังหวะก่อนตามไปยิงเข้าข้อทันที ช่วยให้ทีมพลิกแซงนำก่อนจบครึ่งแรก 2-1

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาเล่นได้อย่างมั่นใจขึ้น เกมรุกทางซ้ายที่ตอนนี้นำโดยมิลเนอร์เป็นหลัก โมเรโน่แทบไม่ขึ้นแล้ว ยังสามารถบุกอัดบอร์กโดซ์จนโงหัวไม่ขึ้น ได้เปิดบอลเข้าทำและได้ลุ้นประตูอยู่เป็นระยะ นาที 53 เบนเทเก้ชาร์จลูกเปิดของมิลเนอร์ได้ แต่โดนจับฟาล์วไปก่อน

_______ แต่พอผ่านนาที 60 ไป เกมของลิเวอร์พูลก็เริ่มแผ่วและเร่ิ่มถอยลงไปรับมากขึ้น ส่งผลให้บอร์กโดซ์เอาบอลมาเล่นในแดนลิเวอร์พูลได้มากขึ้น แต่ลูกเปิดลูกยิงอะไรก็อย่าได้ถามถึง

_______ นาที 67 ชานลงมาแทนอัลเลน ลิเวอร์พูลเน้นรับ-โต้เป็นหลัก ไม่ค่อยเติมกันขึ้นมาเล่นเกมรุกแล้ว ซึ่งยังไม่ค่อยได้ผลนัก นาที 73 ลัลลาน่าแทนเฟอมิโน่ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเน้นครองบอลมากขึ้นด้วย และการได้ลัลลาน่าลงมาช่วยไล่แถววงกลมก็ทำให้บอร์กโดซ์พาบอลไปถึงแดนหน้าได้ช้าลง

_______ ตลอดช่วง 20 นาทีท้าย เข้าใจว่าบอร์กโดซ์พยายามจะเร่งเกมรุกแล้วมั้ง เพราะเห็นส่งตัวรุกลงมาเพิ่มตลอด แต่จนแล้วจนรอดก็เจาะไม่เข้า กดดันไม่ได้ ลูกที่พอจะได้ลุ้นบ้างกลายเป็นจังหวะที่แนวรับสกัดไม่ขาด หรือจ่ายบอลขึ้นหน้าพลาด รวมไปถึงฟรีคิก ซึ่งสุดท้ายแล้วก็แทบไม่ได้ยิง ยิงทีก็ไม่ได้ลุ้นเพราะบอลข้ามแม้กระทั่งหัวนกที่บินอยู่

_______ ทดเจ็บนาทีแรก โอริกิได้ลงมาแทนไอบ์ เกมไม่มีอะไรเปลี่ยนก่อนจบด้วยสกอร์ 2-1 ลิเวอร์พูลรับประกันการเข้ารอบได้สำเร็จ
-----------------------------------------

_______ เอ่อ...เกมนี้เล่นไม่ดีเท่าไหร่นะ

_______ อันดับแรก จากโปรแกรมการแข่งขันก็ไม่แปลกว่า 11 ตัวจริงมันต้องมีเปลี่ยนกันบ้าง และที่เห็นในเกมนี้ก็ถือว่าตัวหลักยังอยู่กันเยอะ แต่การปรับเปลี่ยนตรงนี้ส่งผลกับการเล่นเยอะเลยทีเดียว

_______ เบนเทเก้ ไม่นับเรื่องฟอร์ม วิธีการเล่นของเขายังไปคนละทางกับทีมอยู่ คือเห็นความพยายามช่วยวิ่งไล่ แต่เขาไล่ช้า(แหงล่ะ) แถมยังเสียฟาล์วง่าย และไล่แบบไม่มีทิศทางเลยว่าจะบีบให้คู่ต่อสู้ออกบอลไปทางไหน พอไปรวมเข้ากับเฟอมิโน่ที่ยืนหน้าต่ำ(ไล่ไม่แย่แต่ไม่ค่อยตามลงต่ำ), อัลเลนที่ครึ่งแรกไม่ค่อยขยับไล่ข้างหน้า  ทำให้การไล่บอลในแดนคู่ต่อสู้และการตัดบอลจังหวะคู่ต่อสู้จะเปลี่ยนรับเป็นรุกที่เป็นจุดเด่นของทีมนัดนี้ดรอปลงไปเยอะ

_______ การประสานงานกันก็ยังติดขัดเยอะ เฟอมิโน่นี่ไม่ต้องสืบ ไม่รู้จะจ่ายใครหรือรับบอลยังไงเลย ในขณะที่คนอื่นๆ ก็มีหลายจังหวะที่เก็บบอลกับตัวนานเพราะไม่รู้จะจ่ายใคร ยิ่งในเกมรับเรื่องการประสานงานนี่เกือบทำทีมพังในนัดนี้เหมือนกัน ลูกกั๊กๆ จ่ายพลาดจนโดนตัดหรือต้องตัดฟาล์วนี่เกือบโดนอยู่หลายครั้ง

_______ มองในมุมของประสิทธิภาพก็ต้องบอกว่าตัวสำรองของทีมมีปัญหาเพราะเล่นออกมายังห่างจาก 11 ตัวแรก แต่ถ้ามองในมุมของผลลัพธ์ก็เรียกดีได้เต็มปาก เบนเทเก้เรียกความมั่นใจกลับมาได้มากจากเกมนี้, ไอบ์ได้โอกาสลงเล่นอย่างเต็มที่, อัลเลนเองยังแย่แต่กับฟอร์มประมาณนี้ ถ้าจะส่งลงมาเล่นในเกมไม่ยากนักก็ยังโอเค รวมไปถึงคนที่เจ็บหรือตั้งใจพักก็ไม่ต้องเร่งส่งลงมาแก้เกม

_______ ที่สำคัญคือได้ผลชนะด้วยไง ด้วยฟอร์มแบบนี้ ด้วยผู้เล่นชุดนี้นี่แหล่ะ

_______ สำหรับคล็อป ผมชอบการสลับฝั่งตัวริมเส้นตั้งแต่ช่วงนาที 30 คือปล่อยนานกว่านั้นอาจจะมีปัญหาได้เพราะทางซ้ายบุกเพลินจนข้างหลังเป็นบ่อระดับทะเลสาปเลย แต่นอกนั้นผมก็ว่าเค้าวางแทคติคและเปลี่ยนตัวไปตามเนื้อผ้าแค่นั้น

_______ อย่างไรก็ตาม จะไม่ยกเครดิตให้บอร์กโดซ์เลยก็ไม่ได้ คือบอร์กโดซ์เล่นได้ระดับเดียวกับที่เจอกันนัดแรกเลย เล่นซะไม่รู้เลยว่าเคยซ้อมเกมรุกกันมามั้ย เจาะไม่ได้ บุกไม่ขึ้น ถ้าไม่ได้อภินิหารมินโยเล่ช่วยไว้ก็คงยิงไม่ได้สักลูก ขนาดมีจังหวะฉาบฉวยหรือเก็บตกที่แนวรับพลาดให้ บอร์กโดซ์ก็ทำพลาดไปเองหมด คือถ้าเล่นกันได้แค่นี้ให้ลิเวอร์พูลเล่นแย่กว่านี้อีกสักหน่อยก็ยังจะชนะได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ

______ ชนะเพราะบอร์กโดซ์มันห่วยนี่แหล่ะครับ

______ ...และนั่นคือที่มาของคำนำวันนี้
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันไม่ค่อยดี

มินโยเล่ - คงต้องเปลี่ยนกติกากันใหม่ถ้าจะทำให้ลูกที่โดน 1-0 นั้นไม่โดนจับฟาล์วเพราะถือบอลนานมากกกกก ครึ่งแรกก็มีจังหวะออกมาโหม่งชงให้คู่ต่อสู้เกือบเอามาส่องไส้แตก แต่สำหรับจังหวะที่ดีก็มี มินโยเล่เซฟฟรีคิกสำคัญได้ในครึ่งหลัง รวมไปถึงการออกมาตัดบอลนอกเส้นก็ถือว่าถึงบอลได้เร็วตลอด

โมเรโน่ - ช่วง 15 นาทีแรกเติมเกมรุกได้อร่อยมาก ได้เปิดบ่อย แต่เปิดพื้นที่ข้างหลังไว้เพียบจนเป็นบ่อให้บอร์กโดซ์สวนขึ้นมาได้ตลอด ตลอดจริงๆ จนคล็อปต้องสลับฝั่งเอามิลเนอร์มาช่วยนั่นแหล่ะเกมทางซ้ายถึงได้ดูสมดุลย์ขึ้น

ลอฟเรน - สกัดบอลที่เปิดเข้ามาได้ดี รวมไปถึงออกไปซ้อนแบ็คได้เร็ว เกมรับถือว่าดีเลยล่ะ อยู่ในฟอร์มที่น่าอุ่นใจขึ้นเยอะ ถ้าจะมีอะไรพลาดก็เป็นเรื่องเปิดบอลขึ้นหน้าที่ดูเลิกลั่กไปนิด จ่ายพาเพื่อนเครียดหลายครั้ง เพื่อนโดนวิ่งจี้เห็นๆ ก็จ่ายยัดใส่ตัวมันซะงั้น

ตูเร่ - ไม่ค่อยโดนกดดันเท่าไหร่ คือบอลบอร์กโดซ์ที่ขึ้นมาบ้างก็จะไปทางซ้ายซะเยอะ ที่มาทางขวาก็ตายตั้งแต่ไคลน์ ที่มากลางก็ตายตั้งแต่ลูคัส ตูเร่เล่นง่ายมากและไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ทั้งการประกบหรือการเล่นลูกกลางอากาศ

ไคลน์ - เกมรับดี โดยเฉพาะการคุมพื้นที่ทำได้โดดเด่นมาก บอร์กโดซ์โจมตีฝั่งนี้แทบไม่ได้เลย เชื่อมเกมได้ตามเนื้อผ้า จะแย่หน่อยก็ตรงที่นัดนี้รวมๆ แล้วยืนต่ำไปนิดทำให้เกมฝั่งขวาเล่นกันไม่ค่อยลื่นเท่าไหร่ แต่ก็นะ ลูก 2-1 นั้นต้องให้เครดิตการหาพื้นที่เปิดของเขาเลย รวมไปถึงการเปิดบอลแค่ครั้งเดียวนั้นมีประโยชน์กว่าไอบ์กับโมเปิดกันทั้งครึ่งแรกอีก

ลูคัส - เกมรุกคู่ต่อสู้ง่อย ตัวเลี้ยงจี้เร็วๆ ก็ไม่มี ลูคัสเก็บกินได้หมด สภาพความฟิตดูดีขึ้น ท้ายๆ เกมมีขยับช้าให้เห็นบ้าง แต่ไม่มีเดินเล่นหรือยืนดูแล้ว เชื่อมเกมนัดนี้มีปัญหา ให้ไม่ค่อยดี แต่บอลขึ้นหน้าดีๆ ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง

อัลเลน - ครึ่งแรกเล่นไม่ดีเลย ยืนต่ำไป คือกับเกมที่บอร์กโดซ์ไม่ได้โหมรุก แต่อัลเลนก็ดันไปยืนระนาบเดียวกับลูคัสซะเยอะ แถมการวิ่งไล่ตัดเกมก็แย่งบอลได้น้อยไปหน่อย เสียฟาล์วง่ายไปนิด เชื่อมเกมดีกว่าลูคัสก็จริงแต่ถือว่าธรรมดามาก ครึ่งหลังลงมายืนสูงมากขึ้น เล่นดีอยู่ราว 10 นาที แล้วก็ค่อยๆ พลาดและแผ่วและโดนเปลี่ยนออกในที่สุด

ไอบ์ - ต้นเกมเล่นได้วูบวาบ แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งดับ แม้จะเสียบอลน้อยแต่ก็ถือว่ากดดันแนวรับได้น้อยไป หาที่รับบอลได้แต่หาทางไปต่อไม่ได้ ครึ่งหลังดูจะหงุดหงิดเสียฟาล์วง่ายด้วย

มิลเนอร์ - เล่นได้หุ่นยนต์มาก คือไล่ไม่เลิก ได้บอลใครว่างก็ให้ ใกล้เขตโทษเปิดได้ก็เปิด ไม่มีลีลาอะไรทั้งนั้น แต่กลายเป็นคนที่ช่วยทีมได้เยอะที่สุด การวิ่งไล่ช่วยแดนกลางไว้ได้เยอะ ตอนเล่นฝั่งซ้ายก็ช่วยปิดบ่อทางฝั่งนั้นได้ และเกมรุกที่ว่าทื่อๆ นั่นก็เปิดบอลจนทำให้เบนเทเก้เรียกจุดโทษได้, เปิดให้เบนเทเก้ยิงได้อีกครั้งด้วยแต่โดนจับฟาล์วไปก่อน

เฟอมิโน่ - เล่นได้วูบวาบมาก วิ่งตัดช่องแนวรับได้สวยๆ หลายครั้ง เจาะแนวรับคู่ต่อสู้ได้ดีตลอด เสียดายที่อยู่ในสนามแค่ราว 15 นาที

เบนเทเก้ - ต้นเกมเล่นได้หายนะมาก ผิดทุกอย่าง แต่ก็ค่อยๆ พาตัวเองกลับเข้าฝั่งมาอย่างช้าๆ จนสุดท้ายแม้โดยรวมจะไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีนัก, เสียฟาล์วโคตรบ่อย เก็บบอลไม่ดี แต่เขาก็เรียกจุดโทษได้ ทำประตูชัยด้วย รวมไปถึงสกัดบอลจังหวะตั้งรับเตะมุมได้แทบจะทุกลูก

ตัวสำรอง

ชาน - ไม่ได้ลงมากลิ้งไปกลิ้งมาแบบอัลเลน บอลเกมรุกก็ดูดีกว่า แต่มีส่วนร่วมกับเกมน้อยไป เกมรับก็ทำได้แค่ปิดพื้นที่ แย่งบอลได้ไม่เท่าไหร่

ลัลลาน่า - เกมรุกไม่มีเลย ไม่ว่าจะตั้งเกมหรือโต้กลับ แต่ช่วยวิ่งไล่แดนกลางได้ดีกว่าเฟอมิโน่เยอะ รวมไปถึงเป็นคนวิ่งหาที่รับบอลในช่วงท้ายเกมได้มากกว่าคนอื่น ช่วยในเรื่องการเก็บบอลไว้กับทีมได้

โอริกิ - ได้ลงมาตามหาอนาคต เสียดายเวลาหมดไปซะก่อน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...คริสเตียน เบนเทเก้… นัดนี้มีให้เลือก 3 คนครับ โดยรวมมิลเนอร์ช่วยทีมได้เยอะสุดเลย ยิงจุดโทษด้วย, โปโก้แบ็คขวาของบอร์กโดซ์ก็กดดันแนวรับตัวเองได้ตลอด 90 นาที แต่ที่ต้องเลือกเบนเทเก้เพราะเกมนี้ชนะหวุดหวิดมาก การเรียก 1 จุดโทษและยิงเองอีก 1 ลูกมันตัดสินเกมจริงๆ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แมนฯซิตี้ 1-4 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...คูตี้&เฟอมิโน่...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------เฟอมิโน่-------------------------
คูตินโย่-----------------ลัลลาน่า--------------มิลเนอร์
----------------ลูคัส----------------ชาน-----------------
โมเรโน่--------ลอฟเรน--------สเคอเทล-------ไคลน์
--------------------------มินโยเล่------------------------

_______ หลังกลับมาจากเกมทีมชาติ นัดนี้ลิเวอร์พูลออกไปเยือนแมนฯซิตี้โดยหน้าเป้ายังเป็นเฟอมิโนได้ลงก่อนทั้งสเตอริดจ์ที่พึ่งหายเจ็บและเบนเทเก้ที่พึ่งฟิต ส่วนแดนหลังซาโก้ยังเจ็บอยู่เลยเป็นโอกาสของลอฟเรนไป
-------------------------------------------------------

_______ ช่วงต้นเกม ลิเวอร์พูลพยายามวิ่งไล่แต่เก็บบอลเล่นเองไม่ค่อยได้ ส่วนทางซิตี้เน้นเกมริมเส้น มีเกมเลี้ยงจี้ที่ดี ทำให้รูปเกมดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด บอลไปถึงข้างหน้าได้ต่อเนื่องและเกมรับก็ยังไม่ได้โดนกดดันอะไรนัก จนกระทั่ง...

________ นาที 7 คูตินโย่ไปปั้มบอลมาได้จากซานญ่า ก่อนที่จะจ่ายให้เฟอมิโน่ไปเอาบอลที่สุดเส้นหลัง หักเรียดกลับเข้ากลาง มองกาล่าเข้าชาร์..เอ้อ สกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองไป 1-0

_______ หลังสกอร์ขยับ รูปเกมยังไม่เปลี่ยน ซิตี้ยังเป็นฝ่ายเก็บบอลเล่นได้มากกว่าและยังไม่เร่งเกม บอลยังไปถึงข้างหน้าได้แน่ยังเจาะแนวรับลิเวอร์พูลไม่ได้ ส่วนลิเวอร์พูลเองเก็บบอลเล่นได้ดี การตั้งเกมบุกอาจยังไม่ดีเท่าไหร่ แต่ทำได้ดีกับการไล่บอลแดนหน้าที่ตัดเอามาเล่นเร็วฉาบฉวยได้ดีหลายครั้ง

_______ ใกล้นาที 20 ซิตี้ค่อยๆ นวดจนลิเวอร์พูลเริ่มแบนติดเขตโทษตัวเองแล้ว แต่คู่หูต่างวัย เดมิสเคลิสกับมองกาล่าที่มีปัญหาตั้งแต่ช่วงต้นเกมก็มาแผลงฤทธิ์อีกครั้ง นาที 23 จากจังหวะที่ลิเวอร์พูลโต้เร็วขึ้นมา บอลเข้าทางกองหลังแล้วแท้ๆ แต่ปล่อยให้เฟอมิโน่เก็บบอลเล่นได้ก่อนจะจ่ายตัดแผงหลังมาให้คูตินโย่ที่อยู่อีกฝากได้ยิงโล่งๆ ในเขตโทษ 2-0

_______สกอร์ขยับห่าง คราวนี้ซิตี้เริ่มออกอาการ จ่ายบอลกันผิดพลาดมากขึ้น บอลไปถึงข้างหน้าน้อยลง แต่ในทางกลับกันแนวรับโดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์เริ่มโชว์ฟอร์มต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ เหมาะแก่การถ่ายคลิปเก็บเอาไว้เปิดคอร์ส “อะไรไม่ควรทำยามคุณเล่นเซ็นเตอร์” เป็นที่ยิ่ง สุดท้ายก็มาโดนเพิ่มจนได้ในนาที 32 คูตินโย่พลิกหาช่องยิงไกลได้แบบไม่มีตัวมาไล่ ฮาร์ทปัดได้ แต่ลิเวอร์พูลเก็บบอลได้ แล้วเป็นชานที่ได้บอลอยู่หน้าเขตโทษ ตอกส้นย้อนกลับเข้าไปให้คูตินโย่ได้บอลมุมแคบ เปิดเข้าในให้เฟอมิโน่รับบอลโล่งๆ และมีเวลาคิดว่าจะยิงดีหรือจะเลี้ยงเข้าดี เข้าแล้วจะดีใจแบบไหนดี ก่อนจะยิงเข้าไปง่ายๆ 3-0

_______ หลังจากสกอร์ขยับอีกครั้ง ซิตี้ก็เลิกเล่นสโลว์ไลฟ์สักที เร่งเกมเป็นจริงเป็นจังขึ้น แต่ผลลัพธ์ออกมากลายเป็นโดนโต้จนเกือบเสียประตูลูกที่สี่อีกหลายครั้ง แต่ยังดีที่ฮาร์ทช่วยเซฟเอาไว้ได้ ส่วนลิเวอร์พูลที่วิ่งไล่เอาบอลกลับไปยำซิตี้กันเพลินๆ มาพลาดเอาช่วงท้ายเกมนาที 44 สเคอเทลโดนบีบแล้วเปิดบอลหนีขึ้นหน้าไม่ดีติดคู่ต่อสู้ บอลย้อนกลับมาเข้าทางกุนได้บอลพลิกขึ้นหน้า แตะหนีลูกคัสก่อนยิงจากหน้าเขตโทษตูมเดียวหายช่วยให้ซิตี้ไล่มา 3-1 จบครึ่งแรกแบบเกมยังไม่ขาดได้สำเร็จ

_______ เข้าครึ่งหลัง เปเยกรินี่เปลี่ยนสองตัวและปรับแทคติคขนานใหญ่ ส่งแฟร์นันดินโย่กับเดล์ฟลงมาแทนตูเร่กับนาบาส เน้นให้ลูกทีมเข้าบอลเร็วขึ้น ปะทะให้หนักขึ้น ซึ่งได้ผล ลิเวอร์พูลมีปัญหาหนักมากในช่วงต้น เสียฟาล์วกันรัวๆ และโดนกดดันอยู่พักใหญ่

_______อย่างไรก็ตาม แม้เกมของซิตี้จะดีขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือ บอลมาถึงเขตโทษได้บ่อยขึ้นกว่าท้ายครึ่งแรก แต่ก็ยังเป็นลิเวอร์พูลที่ได้ลุ้นประตูมากกว่า ด้วยการเล่นเกมโต้กลับของคูตินโย่กับเฟอมิโน่ที่เข้าขารู้ใจกันสุดๆ ขึ้นไปแต่ละครั้งนี่ได้ลุ้นประตูตลอด แต่ยังติดนิดติดหน่อย ล้ำหน้าบ้าง เลยยังหนีห่างออกไปไม่ได้

_______ จังหวะควรโดนที่สุดของลิเวอร์พูลวันนี้อยู่ในนาที 62 มิลเนอร์จ่ายย้อนกลับหลังโดนตัดได้ แต่บอลอยู่ที่สเตอลิ่งแล้วเจ้าตัวคิดนานไปหน่อยจนพลาดโอกาสทอง แทบนาที 66 กุนยังเล่นต่อไม่ไหวต้องส่งดาวรุ่งอย่างอีเฮนาโช่ลงมาแทน

_______ นาที 68 ทางลิเวอร์พูลก็ต้องเปลี่ยนบ้าง ไอบ์แทนคูตินโย่ที่มีอาการเจ็บ นาที 76 เบนเทเก้แทนเฟอมิโน่ ซึ่งต้องบอกว่าทางซิตี้ตั้งแต่กุนถูกเปลี่ยนออก เกมรุกของซิตี้ออกมาในแนว บอลมาถึงเส้นข้าง/สุดเส้น เปิดเข้าไปลุ้น ชาร์จเกือบโดน หรือยิงแบบโดนเร่ง โอ้ว~เฉียดเสา อ้าว~ติดเซฟ โอ้โหแหม่เข้าถึงบอลช้าไปนิดเดียว อะไรแบบนั้น ไอ้โอกาสประเภท”ฉิบหายไม่รอดแน่”แบบตอนกุนง้างเท้ายิงไม่มีแล้ว

_______ ส่วนทางลิเวอร์พูล เปลี่ยนคูตินโย่ออกไป เกมโต้ก็เริ่มด้อยลงบ้างแล้วแต่ยังพอทำได้ พอเปลี่ยนเฟอมิโน่ออกไปอีกคนเกมโต้ก็ไม่น่ากลัวแล้ว แต่อาศัยลูกวิ่งไล่ตัดบอลกลางสนามมาเล่นฉาบฉวยกดดันได้บ้าง นาที 81 เบนเทเก้ได้หลุดเดี่ยวแต่เลี้ยงบอลช้าจนในที่สุดโดนบีบให้ยิงยากติดเซฟออกไป แต่จากจังหวะเตะมุมนั้นเอง บอลโยนโด่งมากลางประตูแล้วตกในเขตโทษ สเคอเทลเอี้ยวตัววอลเล่ย์เต็มข้อ บอลตรงกรอบกลางประตูแต่แรงมากจนฮาร์ทปัดไม่ทัน 4-1 ปิดกล่องที่จริงๆ ก็สนิทอยู่แล้ว(ตั้งแต่กุนออก)ให้แน่นหนากว่าเก่าลมไม่ต้องเข้าออกกันไปเลย

_______ เวลาที่เหลือรูปเกมก็ยังคงออกแนวสองย่อหน้าข้างบน นาที 90 ตูเร่ได้ลงมาแทนลัลลาน่า และจบเกมไปด้วยสกอร์ 4-1
-----------------------------------------

_______ เกมนี้ทีมเล่นกันได้ดีมากครับ คือแทคติคคล็อปก็มีส่วนใหญ่เยอะแหล่ะ แต่ฟอร์มการเล่นของผู้เล่นส่งผลมากกว่า

_______ แน่นอนว่าการวิ่งไล่ในแดนหน้ามีส่วนช่วยให้ได้มาถึงสามประตู และการได้ประตูเร็วก็ทำให้งานง่ายขึ้น แต่ทีเด็ดที่สุดของนัดดนี้ยังคงเป็นการประสานงานของคูตินโย่กับเฟอมิโน่ที่สุดยอด เข้าขาลงตัวมาก ถ้าเฟอมิโน่จบสกอร์ได้เนียนตากว่านี้ รวมไปถึงทั้งคู่รักษาไลน์ไม่ให้ล้ำหน้าได้ดีกว่านี้ อาจได้เห็น “ครึ่งโหล” ไปแล้วครับ หวังให้ดูโอ้บราซิลเลี่ยนคู่นี้ประสานกันได้แบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วกันครับ

_______ ส่วนทางซิตี้ ไม่รู้ว่าเปเยกรินี่ประมาทการวิ่งไล่ของลิเวอร์พูลมากไป หรือสภาพความฟิตของผู้เล่นทีมตัวเองมันบังคับกันแน่ แม้ว่าเขาจะปรับเกมตอนพักครึ่งได้ดีมากๆ ตรงจุด และทำให้เกมดีขึ้นได้จริง แต่กับการที่เล่นเหมือนไม่มีกองกลางตัวรับ, เล่นรับแบบเอาเชิง ไม่เข้าอัด(ในครึ่งแรก), คู่เซ็นเตอร์ที่แทบไม่ได้เล่นด้วยกันมาเลยในฤดูนี้ ก็ส่งผลให้โดนนำห่าง 3-1 ตั้งแต่ครึ่งแรก ถ้าส่งเฟอนันดินโย่ลงตั้งแต่ครึ่งแรกชีวิตเขาน่าจะดีกว่านี้เยอะ

_______ เรื่องแทคติค ผมว่าคล็อปทำได้ดีกว่าเปเยกรินี่ครับ

_______ สำหรับลิเวอร์พูลแล้ว เกมนี้เป็นเกมที่เล่นกันได้ยอดมาก แต่ถ้าดูกันจากโจทย์ก็ต้องบอกว่าบอลมันเข้าทางด้วย ซิตี้ทั้งเล่นในบ้าน ทั้งต้องการแต้มยังไงก็ต้องบุก ซึ่งทำให้หลังจากลิเวอร์พูลวิ่งไล่จนตัดบอลมาได้ ข้างหน้ามีคู่ต่อสู้แค่ไม่กี่คน บางจังหวะก็มีแค่คู่เซ็นเตอร์นั่นแหล่ะ แถมพื้นที่อีกเพียบ แต่กับเกมอื่นที่แม้จะวิ่งตัดมาได้แล้ว แต่แนวรับยังอยู่กันเยอะ แถมพื้นที่ไม่มีให้ไปต่อ ก็คงยากที่จะเล่นกันได้สนุก ลุ้นประตูเป็นกอบเป็นกำได้แบบนัดนี้ ดังนั้นจะให้มองว่าถล่มซิตี้คาบ้าน 4-1 แปลว่าทีมลงตัวแล้ว พร้อมลุยหัวตารางแล้ว อาจจะเร็วไปนิดครับ

_______ ขอเล่นกับซิตี้ทุกอาทิตย์ได้มั้ย?...จะได้ไม่ต้องเจอพาเลซ 555+
-----------------------------------------

นัดนี้มีแค่ดีกับดีมาก ไม่มีใครฟอร์มแผ่วเลย

มินโยเล่ - เซฟช่วยทีมจังหวะสำคัญได้ ช่วยทำให้ทีมไม่ต้องกดดันมากนัก ปิดมุมยิงได้ดี ที่สำคัญคือนัดนี้ออกมาเล่นนอกเขตได้ดีหลายครั้ง

โมเรโน่ - ทีมนำเร็วและทำให้เกมนี้เขาไม่ต้องขึ้นไปเล่นเกมรุก นัดนี้ช่วยเชื่อมเกมแดนกลางได้ดี ยังห่วงจะไล่บอลกลางสนามเยอะไปนิด แต่โดยรวมเกมรับพอไม่ต้องพะวงกับการวิ่งขึ้นหน้าก็เล่นได้ดีขึ้นเยอะ

ลอฟเรน - ลงมาเล่นดีเฉยเลย สกัดบอลได้เด็ดขาดโดยเฉพาะลูกกลางอากาศขึ้นถึงบอลหมด ออกไปซ้อนแบ็คได้เร็วมากและไม่พรวด ยังเก็บบอลเล่นไม่ดีนักแต่ถ้าสกัดได้แบบนี้ก็ช่างมันเถอะ เป็นวันที่เล่นได้ดีที่สุดในแผงหลัง

สเคอเทล - เข้าสกัดและบีบคู่ต่อสู้ให้ไปทางแคบได้ดี ลูกกลางอากาศกับการประกบก็ไม่มีพลาด แต่วันนี้ออกไปซ้อนแบ็คช้าเหลือเกิน ครึ่งแรกช่องหลังไคลน์เหลือเพียบ (เทียบกับครึ่งหลังช่องหลังโมเรโน่ลอฟเรนเก็บได้หมด) รวมไปถึงการดันออกไปปิดพื้นที่หน้าเขตโทษจังหวะกลางรับโดนพลิกได้แล้วก็ช้าด้วย โดยรวมยังเป็นเกมที่ดีแค่ดีไม่เท่าลอฟเรน ..ส่วนประตู 4-1 นี่ยิงครั้งเดียวน่าให้สักสองประตู

ไคลน์ - 20 กว่านาทีแรกขึ้นไปรับบอลในแดนหน้าได้สุดยอด แต่เปิดบอลได้สุดแย่ เหมือนมีอาการเกร็งๆ ยังไงบอกไม่ถูก บอลตามช่องง่ายๆ ยังพลาด แต่หลังจาก 2-0 แล้วก็ไม่ค่อยขึ้นอีก เกมรับฟอร์มส่วนตัวรับมือกับการเลี้ยงจี้ของสเตอลิ่งในครึ่งแรกได้ดี ปิดพื้นที่มุมธงได้ดีตามสภาพถ้ามองว่าโดนรุมจากทั้งโคลารอฟและสเตอลิ่ง

ลูคัส -ไม่มีจังหวะที่ทีมโดนโต้ ลูคัสก็กลายร่างเทพทันที แซะบอลทำลายจังหวะได้เยอะ ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดี จะมีก็ช่วงสักประมาณ 15 นาทีท้ายที่เริ่มขาตายไม่ค่อยพลิกวิ่งตาม วันนี้เสียใบเหลืองได้คุ้มค่ามากในนาที 38 ที่ดึงกุน ไม่งั้นจบครึ่งแรกอาจเป็น 3-2 แล้ว นอกจากนั้นลูคัสคนเดิม มีเพิ่มเติมแล้ว คือการเชื่อมเกมของเขาดูดีต่อเนื่อง ไม่ใช่ลูกอีช่างแปะแบบแต่ก่อน

ชาน - ประมาณ 20 นาทีแรกเล่นพลาดเยอะ ผีบัลลัค(ตัวจริงยังไม่ตายนะ)เริ่มจะเข้าสิง ทั้งเก็บบอลนาน ทั้งพาบอลไปตาย เป็นระยะ แต่พอนาที 32 กับจังหวะตอกส้นที่นำไปสู่ประตูที่สามก็ทำให้เราลืมความผิดพลาดก่อนหน้านั้นไปเลย แถมหลังจากนั้นชานไม่เก็บบอลนานอีก ไม่ทำบอลเสียและเล่นวิ่งไล่ปิดพื้นที่ได้น่าพอใจจนจบเกม

มิลเนอร์ - อาจไม่เด่นเท่าดูโอ้บราซิล แต่วันนี้มิลเนอร์ช่วยทีมไว้ได้เยอะไม่แพ้กัน มีการอ่านเกมที่ดี สามารถสละตำแหน่งตัวเองไปไล่หรือรับบอลได้ถูกจังหวะ (ช่วยไปสอนโมเรโน่มั่งได้มั้ย) เป็นสิ่งที่มิลเนอร์ทำได้ดีกว่าคนอื่นในทีมซึ่งช่วยทีมได้มากทั้งในเกมรุกและเกมรับ พิเศษใส่ไข่คือนัดนี้ไม่มีการเข้าบอลแบบอยากสะสมใบเหลืองให้เห็นเลย …ไม่น่าเชื่อ ดูเองยังแทบไม่เชื่อตาตัวเองเลย

ลัลลาน่า - ทำได้คล้ายมิลเนอร์ อ่านเกมไม่ดีเท่า แต่มีบอลจังหวะเดียวที่ดีกว่ามาทดแทน มีส่วนช่วยให้คูตี้กับเฟอมิโน่ได้เล่นง่าย คือได้เล่นในจังหวะทำเกมรุกไม่ต้องมาพะวงกับการเชื่อมบอลหรือวิ่งดึงตัวประกบ แม้จะไม่มีจังหวะได้ยิงเองหรือจ่ายบอลทะลุแบบได้ขึ้นหน้าหนึ่งแบบสองคนนั่น แต่ฟอร์มนัดนี้ของเจ้าตัวดูดีกว่านัดที่ยิงได้อีก

คูตินโย่ - มีคนรู้ใจ อะไรมันก็ง่ายขึ้น บอลตามช่องสไตล์วัดใจ 50/50 ที่ไม่ค่อยได้จ่ายมานานแล้ว...เพราะจ่ายไปก็ไม่มีใครไปรับ มาวันนี้ได้เห็นกันรัวๆ ประสานกับเฟอมิโน่ได้โดดเด่นมาก (ส่วนนึงเพราะคู่ต่อสู้ง่าวด้วย) จังหวะจบสกอร์ก็นิ่ง จังหวะพลิกบอลหนีตัวไล่นี่อย่างกับเอามือจับ

เฟอมิโน่ - เป็นนัดที่เล่นได้ดีสุดตั้งแต่ย้ายมา ประสานงานกับคูตินโย่ได้ดี กล้าเล่น การหาพื้นที่จบสกอร์เด่นกว่าคูตินโย่อย่างเห็นได้ชัด หาโอกาสได้เยอะกว่าและเป็นโอกาสชนิดควรใส่สกอร์ก็หลายครั้ง แต่จังหวะยิงจริงๆ ยังต้องปรับปรุงเพราะไม่เด็ดขาดพอ รวมไปถึงช่วงที่คูตินโย่ไม่อยู่ในสนาม ความอันตรายลดลงไปเยอะมาก

ตัวสำรอง

ไอบ์ - ได้บอลน้อยกว่าที่ควร พลิกบอลเล่นเองแทบไม่ได้ แต่หาช่องรับบอลใช้ได้ และจังหวะที่ได้บอลก็ทำได้ดี เก็บบอลได้ เลี้ยงจี้ได้ จ่ายตามช่องให้เบนเทเก้หลุดเดี่ยวไปได้อย่างสวยด้วย

เบนเทเก้ - รักษาตำแหน่งของตัวเองได้ดีอยู่ แต่จังหวะการเล่นผิดไปหมด เก็บบอลได้น้อย ฝากบอลให้เพื่อนก็ไม่ดี ซ้ำร้ายจังหวะหลุดเดี่ยวนี่พลาดไม่น่าเชื่อ

ตูเร่ - ลงมาได้โชว์ตัดบอลเปิดเข้ากลางสวยๆ ได้นิดหน่อย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...การประสานงานของคูตี้กับเฟอมิโน่… คือมันไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเพราะทั้งคู่เล่นด้วยกันนั่นแหล่ะถึงได้ผลลัพธ์แบบนี้ ด้วยรูปเกมแบบนี้
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 1-2 คริสตัล พาเลซ (พรีเมียร์ลีค)


...การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาก่อนตัดสินใจ...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------เบนเทเก้------------------------
คูตินโย่-----------------ลัลลาน่า-------------------ไอบ์
----------------ลูคัส----------------ชาน-----------------
โมเรโน่--------ซาโก้---------สเคอเทล---------ไคลน์
--------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลบินกลับจากรัสเซียมาเปิดบ้านรับมือพาเลซในเกมลีค นัดนี้คล็อปเปลี่ยน 11 ตัวจริงจากเกมที่แล้วเล็กน้อย แต่ไม่มีตำแหน่งไหนน่าแปลกใจ
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาพาเลซดันกันขึ้นมาไล่สูงมาก ทั้งมินโยเล่ ทั้งซาโก้พลาดกันคนละทีจนเกือบทำให้ทีมพังตั้งแต่นาทีแรกแต่ยังเอาตัวรอดกันไปได้

________ ช่วง 10 นาทีแรกเป็นเกมของพาเลซแทบทั้งหมด เน้นใช้บอลโด่งจากแดนหลังวางไปให้กองหน้าเล่น ตัวไล่ลิเวอร์พูลที่เคยกดดันทีมอื่นได้ มาเจอไม้นี้ก็เข้าไม่ถึงบอล แถมกองหน้าพาเลซยังเล่นลูกกลางอากาศได้ดี รวมถึงมีเพื่อนอยู่ใกล้ตลอด ทำให้เก็บบอลลงเล่นกดดันลิเวอร์พูลได้

_______ ลิเวอร์พูลพยายามเล่นให้ช้าลง ผ่าน 10 นาทีแรกไปได้ก็เริ่มตั้งเกมของตัวเองได้บ้าง ครองบอลได้นานขึ้น รวมไปถึงมีจังหวะโต้กลับทำเร็วจากทางด้านขวาด้วยการเล่นของไอบ์อยู่บ้าง แต่เกมก็ยังเป็นรองอยู่พอควร

_______ นาที 21 พาเลซที่เล่นได้ดีกว่ามาทำประตูสำเร็จจากจังหวะที่แนวรับลิเวอร์พูลสกัดกันไม่ขาด ตั้งแต่หน้าเขตโทษ จนไปริมเส้นและพาเลซได้เปิดบอลเรียดย้อนเข้ามาตรงกลาง จังหวะสุดท้ายชานก็ถึงบอลก่อนแล้วแต่ดันสกัดไม่ไปไหน เข้าทางโบลาซี่แตะหนีก่อนยิงไม่พลาด 1-0

_______ หลังจากได้ประตูนำ พาเลซก็คอยๆ ถอยลงไปรับกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ลิเวอร์พูลตั้งเกมจากหลังมาหน้าได้สะดวกขึ้น เก็บบอลเล่นได้ดีขึ้น นาที 40 ซาโก้เจ็บจนต้องเปลี่ยนออกลอฟเรนได้ลงแทน

_______ ลิเวอร์พูลพยายามอยู่นาน ได้ครองบอลและบุกใส่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเจาะตรงกลางสลับขวากดดันคู่ต่อสู้ได้ตลอด จนมาตีเสมอได้สำเร็จในนาที 42 ไอบ์เก็บบอลได้ก่อนดึงจังหวะรอไคลน์เติมแล้วจ่ายตัดหลังแนวรับ ไคลน์เอาไปเปิดเรียดกลับเข้ามา ลัลลาน่าไขว้บอลจนเบนเทเก้เข้าไม่ถึงบอล แต่บอลไปเข้าทางคูตินโย่เติมเข้ามายิงในเขตโทษ 1-1

_______ เวลาที่เหลืออยู่เล็กน้อยลิเวอร์พูลก็ยังบุกกดดันจนได้ลุ้นประตูเพิ่มอีกแต่ยังทำไม่สำเร็จ จบครึ่งแรกที่ 1-1

_______ เข้าครึ่งหลัง พาเลซกลับลงมาบุกสู้ ไม่ถอยไปรับแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลก็ยังเดินหน้าบุกต่อ ทำให้เกมเปิดแลกกันตั้งแต่ต้น ทางด้านพาเลซนั้นรับมือกับไอบ์ได้ดีขึ้นมาก ส่วนลิเวอร์พูลเองก็เก็บบอลสองจังหวะรุกได้ดีกว่าครึ่งแรก เกมออกมาสูสีและบอลไปเร็วมาก

_______ นาที 61-62 ทั้งสองทีมโชว์วืดกันไปคนละดอก ซาฮาได้บอลเลี้ยงจี้ขึ้นหน้ามาแนวรับสามตัวของลิเวอร์พูลเบียดไม่อยู่ ซาฮาจ่ายเรียดเข้ามาถึงซาโก้(กองหน้าพาเลซ)ได้ยิงโล่งแล้วแต่ไปเข้าหน้าต่าง ส่วนลิเวอร์พูลเองโต้กลับมาจนโมเรโน่ได้ตักบอลจากสุดเส้นข้ามไปเสาสอง เบนเทเก้ขึ้นโหม่งคนเดียวแต่ดันผิดจังหวะ กดบอลไม่ลงเหิรข้ามคานไป

_______ นาที 65 คล็อปก็แสดงเจตนาชัดเจน ถอดชานออกส่งเฟอมิโน่ลงมา เดินเกมรุกต่อเต็มตัว จากตรงนี้ทำให้พาเลซบุกด้วยบอลโด่งสลับกับบอลเลี้ยงจี้ได้ดีขึ้นเพราะตัวปิดพื้นที่มีน้อยลง แต่ในทางตรงกันข้ามลิเวอร์พูลเองก็ทำเกมเจาะตรงกลางหน้าเขตโทษพาเลซได้ดีขึ้น ได้เปิดเข้าไปลุ้น สลับกับดึงตัวรับมาจนแทงบอลให้แบ็คขึ้นมาเปิดบอลที่สุดเส้นได้รัวๆ

_______ จนแล้วจนรอด ลิเวอร์พูลก็ทำประตูขึ้นนำไม่ได้ โดยเฉพาะเบนเทเก้ที่วันนี้จังหวะสุดท้ายเข้าถึงบอลได้ไม่ดีและยิงพลาดหมด ส่วนพาเลซเองพาบอลมาถึงเขตโทษได้โคตรน่ากลัวแต่การเข้าทำยังขาดๆ เกินๆ อยู่

_______ จนกระทั่ง

_______ นาที 82 พาเลซได้เตะมุม บอลเปิดมาเข้าหัวสก็อต แดนโหม่งอัดใส่มินโยเล่ปัดได้ แต่ปัดบอลไม่ไปไหนโดนแดนตามมาโหม่งซ้ำเข้าไปขึ้นนำอีกรอบ 2-1

_______ สกอร์ขยับอีกครั้งแต่รูปเกมไม่ได้ขยับตาม เกมยังคล้ายเดิม พาเลซยังไม่ได้ถอยไปอุด ยังเอาบอลขึ้นหน้าได้ดีโดยเฉพาะตัวรุกอย่างซาฮา โบลาซี่เก็บบอลได้เหนียวแน่นดี ในขณะที่ลิเวอร์พูลก็พาบอลไปวนๆ รอบเขตโทษคู่ต่อสู้ได้ ได้เปิดได้ยิงแบบได้ลุ้นบ้างแต่เอาชนะแนวรับไม่ได้

_______ นาที 87 โอริกิได้ลงมาแทนไอบ์ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จบเกม คล็อปพ่ายเป็นนัดแรกแถมพ่ายคาแอนฟิลด์ซะด้วย 2-1
-----------------------------------------

_______ ในช่วงที่เตะถี่แบบนี้ 11 ตัวจริงก็พูดยากครับว่าใครควรลงควรพัก ต้องดูสภาพความฟิตเอาอย่างเดียวเลย ซึ่งรายชื่อตัวจริงก็ดูดีแล้วล่ะ ถึงจะไม่ค่อยปลื้มกับชานเท่าไหร่ในช่วงหลัง แต่หันไปเจออัลเลนก็...เอาชานเล่นก็ดีแล้ว

_______ วันนี้การขาดมิลเนอร์ รวมไปถึงการที่ได้พักน้อยแถมเดินทางไกลส่งผลต่อทีมเยอะครับ สำหรับมิลเนอร์นั้น คือทั้งคูตินโย่และไอบ์ก็วิ่งไล่นะ ไม่ใช่ไม่ไล่ แต่ถ้าเทียบกับมิลเนอร์แล้วยังคนละเรื่องอยู่ ทำให้การไล่บอลแถววงกลมลดความน่ากลัวไปพอสควร และสภาพความฟิตของทั้งทีม ถ้าใครได้ดูทีมตั้งแต่คล็อปเข้ามาคุมคงเห็นว่านัดนี้เป็นนัดที่วิ่งน้อยกว่านัดอื่น จังหวะออกตัวของผู้เล่นดูช้าไปนิดนึง และกลาง-ท้ายครึ่งหลังเห็นชัดเลยว่ายุบแล้ว ขาอ่อน วิ่งได้แต่ไม่เหลือแรงปะทะเท่าไหร่แล้ว

_______ แต่ที่ส่งผลต่อเกมที่สุด ผมคิดว่าเป็นแทคติคของพาดิวครับ เขาเลือกโจมตีจุดอ่อนและปิดจุดแข็งลิเวอร์พูลได้ดีมาก ตอนขึ้นเกมก็โยนปิ้วว~ ข้ามไปฝั่งตรงข้ามเลย ไม่มาเคาะบอลอะไรมาก ลิเวอร์พูลไล่แดนหน้าไม่ทันเลย แถมการขยับขึ้นไปจะไล่บีบบอลที่เปิดขึ้นมาก็ทำได้ลำบาก เพราะบอลมันข้ามไปข้างหลังแล้ว พื้นที่หลังแบ็คทั้งซ้ายขวาเป็นจุดที่โดนโจมตีเยอะสุดในครึ่งชั่วโมงแรก จนกระทั่งเสียประตูในที่สุด ต้องถือว่าในช่วงเริ่มจนถึงได้ประตูนำพาดิววางแผนมาดีและดีกว่าคล็อปครับ

_______ แต่พอนำแล้วผมคิดว่าพาดิวพลาดเพราะพาเลซดันถอยไปรับ ซึ่งจริงๆ ไม่จำเป็นเลย เพราะตัวรุกของเขายังเก็บบอลได้อยู่ เลยทำให้ลิเวอร์พูลกลับมาได้ เสียดายที่ประตูตีเสมอมาช้า รวมไปถึงความไม่เด็ดขาดในการจบสกอร์ ทำให้ลิเวอร์พูลจบครึี่งแรกได้แค่เสมอ ทั้งๆ ที่น่าจะพอลุ้นแซงนำได้ด้วยซ้ำ
_______ ถึงอย่างนั้นพอเข้าครึ่งหลัง ก็เป็นพาดิวที่ทำได้ดีกว่า การสั่งลูกทีมให้เล่นเกมรุกแลกแบบไม่กลัว, การเน้นบอลโด่งสลับการเลี้ยงจี้ ทำให้ครึ่งหลังแม้ว่าลิเวอร์พูลจะเก็บบอลได้ บุกได้ แต่เกมพาเลซไม่เป็นรองเท่าไหร่ แถมยังมาได้ประตูชัยเป็นโบนัสอีกต่างหาก ถ้าดูจากผลงานพาดิวแล้วพวกเขาก็ควรเก็บสามแต้มไปได้จริงๆ นั่นแหล่ะ

_______ มองย้อนกลับมาคล็อป ผมไม่ได้คิดว่าเขาแพ้เพราะวางแผนสู้พาดิวไม่ได้แต่คิดว่าเป็นเพราะโจทย์แกยากกว่าพาดิวเยอะ เอาแค่พึ่งเล่นยูโรป้ามานี่ก็งานหินแล้วเพราะได้พักน้อยกว่าพวก UCL แถมดันแจ๊คพ็อตต้องไปไกลถึงรัสเซียอีก ถ้าได้เล่นในบ้านหรือได้เยือนใกล้ๆ ก็ว่าไปอย่าง

_______ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลือกในการหมุนเวียนนักเตะก็ดี ในม้านั่งสำรองก็ดี คล็อปยังมีให้เลือกใช้อย่างจำกัดมาก นักเตะที่เหมาะจะใช้งานตามแทคติคก็ดันมาเจ็บไปอีก ผมมั่นใจมากว่าถ้าเขามีทางเลือกมากกว่านี้ ชานอาจไม่ได้ลงสนามตั้งแต่ต้น และเบนเทเก้หรือไอบ์หรือทั้งสองคนจะโดนเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาที 50-60

_______ มองเฉพาะเกมนี้ล้วนๆ คล็อปดูกล้าหาญชาญชัยมากไปนิดครับกับการเลือกถอดชานออกแล้วส่งเฟอมิโน่ลงไป ตามเหตุผลด้านบนการเลือกเล่นเซฟตัวเองอาจจะดูสมเหตุสมผลกว่าเพราะท้ายเกมไม่น่าเร่งขึ้นแล้ว แถมคนที่อยู่ในสนามก็เริ่มขาลาก ขยับช้ากันไปทีละคน

_______ แต่ก็นั่นแหล่ะ...เราจะไปหวังให้คนที่แค่นั่งข้างสนามยังทำไม่ค่อยได้ ลุกขึ้นมายืนลุ้นบ่อยๆ, คนที่วางแผนให้ทุกคนวิ่งไล่ตั้งแต่แดนหน้า, คนที่เน้นให้ทีมแย่งบอลกลับมาให้เร็วที่สุด ฯลฯ เลือก “เพลย์เซฟ” ด้วยการเก็บตัวรับไว้ ในสถานการณ์ที่ตัวยังเท่ากัน เกมยังได้เปรียบ เล่นในบ้าน กับทีมระดับกลางๆ และสกอร์ยังเสมอ?

_______ ยากครับ

_______ เสี่ยงรุกต่อแล้วพลาด ผลลัพธ์อาจไม่ได้ดั่งใจ แต่เกมก็สนุกมากจริงๆ และระยะยาวน่าจะทำให้ทีมกล้าเล่นเกมรุกมากขึ้นด้วย ...ถ้าไม่เสี่ยงแล้วเจ๊งแบบนี้บ่อยๆ อ่ะนะ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง

มินโยเล่ - โดนกดดันเยอะทีเดียว เรื่องต้องเซฟยังไม่เท่าไหร่ เซฟไม่พลาด แต่โดนวิ่งจี้เยอะมากและรับมือได้ไม่น่าปลื้มนัก เปิดเกมพลาดเยอะและการปัดบอลนัดนี้ทำได้ไม่ดี บอลไม่ไปไหน ทั้งลูก 2-1 ด้วย จังหวะอื่นๆ ก็ด้วย

โมเรโน่ - เปิดพื้นที่ริมเส้นเอาไว้เยอะไป แม้จะต้องเติมขึ้นไปช่วยเกมรุกตามแทคติคก็เถอะแต่ถือว่าหลายครั้งเค้าก็ลอยมากไปจริงๆ ยังทำได้ดีกับการวิ่งไล่บอลจากคู่ต่อสู้ และเติมขึ้นไปเปิดบอลได้เยอะมาก มีลูกที่ดีอยู่พอควรด้วย

ซาโก้ - มีปัญหากับการประกบกองหน้าเล่นลูกกลางอากาศพอสมควร ไม่ถึงขั้นยับแต่หยุดได้น้อยเกินไป ทั้งยังมาเจ็บจนต้องเปลี่ยนออกอีกต่างหาก

สเคอเทล - มีปัญหากับการประกบกองหน้าเช่นกัน เก็บบอลเล่นไม่ได้แถมโดนวิ่งไล่จี้จนออกอาการเตะบอลสาดทิ้งเยอะเลย ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำได้ดีกับการทิ้งตัวกวาดบอลที่ทำได้บ่อยมากและสกัดบอลที่เปิดเข้าเขตโทษ

ไคลน์ - รับศึกหนักกับตัวรุกพาเลซโดยเฉพาะโบลาซี่อยู่แทบทั้งเกม หยุดได้บ้างไม่ได้บ้างแต่อย่างแย่เค้าก็ยังชะลอคู่ต่อสู้ได้ ไม่มีไคลน์คอยชะลอไว้ทีมน่าจะโดนโต้ไส้แตกแหกอีกหลายลูกเลยทีเดียว ในขณะที่เกมรุกไคลน์เติมขึ้นไปรับบอลได้ดีสุดๆ จังหวะวิ่งตีคู่ไปกับไอบ์นี่ถือว่าเป็นจังหวะทีเด็ดของทีมวันนี้เลย เปิดบอลเรียดเข้ากลางได้ลุ้นหลายครั้งด้วย

ลูคัส - เก็บบอลสองได้ไม่ดีนัก จังหวะต้องวิ่งเบียดกับตัวเลี้ยงจี้นี่พังพินาศมาก เบียดไม่ค่อยอยู่ วิ่งได้น้อย ยิ่งจังหวะที่เป็นเกมที่คู่ต่อสู้โต้เร็วขึ้นมาลูคัสนี่อารมณ์เพื่อนสนิททันที คือได้แต่ห่วงใยอยู่ห่างๆ แต่ถ้าพาเลซช้าหรือบอลวนเมื่อไหร่ ลูคัสเก่งทันที ส่วนในเกมรุก ลูคัสทำได้ดีขึ้นมากๆ ในการเชื่อมเกม โดยเฉพาะการย้อนบอลเร็วไปข้างหน้าที่ทำได้ชนิดชานต้องอาย คูตินโย่กับเฟอมิโน่ต้องขยี้ตาดูอีกรอบเลย

ชาน - เล่นได้ดีขึ้นกว่านัดที่แล้ว เก็บบอลกับตัวน้อยลง ออกบอลเร็วขึ้น ไม่งอแงเรียกฟาล์วพร่ำเพรื่อแล้ว เกมรับวิ่งปิดพื้นที่ได้ดีกว่าลูคัสในจังหวะโดนโต้ ทำได้ดีในการหาพื้นที่รับบอลเล่นด้วย แต่โอ้อนิจจา ไฮไลท์ของชานวันนี้กลายเป็นจังหวะเสียประตูแรกที่แกจับบอลชงให้โบลาซี่ลากไปยิงอย่างน่ิ่ม T_T

คูตินโย่ - เรามาถึงจุดที่...คูตินโย่มีส่วนร่วมกับเกมรุกน้อยกว่าไอบ์ได้ยังไงครับ? ฟอร์มส่วนตัวคูตินโย่ถือว่าดีนะ ไม่ฝืนเล่นและพยายามจ่ายให้ตัวที่วิ่งทำทางอยู่ตลอด ทำประตูได้ด้วย แต่สำหรับการสร้างโอกาสแบบจ่ายแล้วใส่สกอร์ได้เลย หรือการแตะบอลหนีเพื่อดึงตัวประกบหรือเอาชนะแนวรับยังไม่ค่อยเห็น

ไอบ์ - ครึ่งแรกเล่นอย่างเทพ ใครจับก็ไม่อยู่ พลิกบอลเลี้ยงหนีหาที่ว่างได้ตลอด แม้จะเล่นหลายจังหวะไปหน่อย แต่คุณภาพบอลที่ออกจากเท้าแต่ละลูกนี่ต้องร้องถามว่านี่ไอบ์ตัวจริงหรือใครเข้าสิงเธอว์ แต่พอครึ่งหลังโดนตามติดเท่านั้นแหล่ะ...ไอบ์คนเดิม เพิ่มเติมไม้โทกลับมาเต็มจอเบยย~ ต้องพัฒนาแคลเซียมกันต่อไปฮะ...แต่ยืนยันว่าอนาคตของไอบ์ภายใต้การนำของคล็อปนี่มันจ้าซะเหลือเกิน

ลัลลาน่า - ครึ่งแรกแม้จังหวะที่ได้บอลจะทำได้ดีเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีส่วนร่วมกับเกมน้อยไปหน่อย ยิ่งถ้าดูจากตำแหน่งที่เล่นยิ่งสะเทือนใจว่าทำไมน้อยขนาดนั้น ถึงอย่างนั้นก็มีส่วนกับประตูแรกนะ แถมพอครึ่งหลังกลับลงมานี่กลายเป็นคนละคนเลย วิ่งหาที่รับบอลส่งต่อในแดนหน้าและพื้นที่สุดท้ายได้ดีต่อเนื่อง ก่อนที่ช่วง 10 -15 นาทีท้ายจะเริ่มหมดแรงลงไป

เบนเทเก้ - เทพครึี่งก้าว … คืออีกครึ่งก้าวก็จะเทพแล้ว จะแฮททริคเอาได้ง่ายๆ เลย แต่กลับขยับช้าไปครึ่งก้าวตลอด จังหวะยิงหาได้เยอะแล้วแต่พอจะยิงโดนแซะโดนบีบตลอดทั้งๆ ที่ขยับถึงบอลเร็วกว่านั้นใส่สกอร์แน่นอน รวมไปถึงลูกโหม่ง 5 หลาข้ามคานนาที 62 นั่นก็ด้วย ถอยได้อีกแค่ครึ่งก้าวก็กดได้เต็มหัวหายไปแล้ว

ตัวสำรอง

ลอฟเรน - โดนกดดันน้อยกว่าสเคอเทลแต่เล่นออกมาได้พอกัน คือเล่นไม่พลาดนะ ไม่โดนเผา(ทีเดียวไม่นับแล้วกัน) แต่เตะทิ้งเรี่ยราดไปหน่อย และพิเศษกว่าสเคอเทลตรงที่ตัวตั้งขนาดนี้แต่เบียดไหล่ต่อไหล่ไม่ได้เปรียบกองหน้าซะงั้น

เฟอมิโน่ - ลงมาในสนามแล้วช่วยทำเกมแถวหน้าเขตโทษได้ดีมาก...อยู่ราว 5 นาที ...ก่อนจะจางหายไปราวกับหมอกควัน ...ประหนึ่งการส่งลงสนามเป็นเพียงความฝัน

โอริกิ - ลงมาพิสูจน์ตัวเองว่าทำไมเขาถึงเหมาะกับการเป็นกำลังหลักในม้านั่งสำรอง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...นาธาเนียล ไคลน์ .. ถ้าเล่นกันแค่ครึ่งแรก ไอบ์จะได้ MOM ประมาณสามครั้งจากเกมนัดเดียวครับ แต่พอดูตลอดเกมแล้ว ไคลน์เป็นคนที่ผลงานคงเส้นคงวาสุด เล่นฉลาด ความฟิตมีพอ ไม่รู้ว่าอะไรเด่นกว่ากันระหว่างช่วยรับมือพวกตัวเลี้ยงจี้จังหวะโต้กลับ หรือการวิ่งเติมขึ้นไปรับบอลแล้วเปิดต่อได้ดีทั้งเกม
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.