…พอเห็นโลงศพ เริ่มหลั่งน้ำตา...
___________________________
ลิเวอร์พูลเล่น 3-5-2
---------------เบนเทเก้----------สเตอริดจ์------------
------------คูตินโย่-----------------มิลเนอร์------------
โมเรโน่-------------------ลูคัส-------------------ไคลน์
--------ซาโก้----------สเคอเทล---------ชาน---------
-------------------------มินโยเล่------------------------
_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับนอริชที่เจอกันพักหลังๆ ยิงกระจายทุกครั้ง นัดนี้แบรนดอน ร็อดเจอร์ ที่กำลังเก้าอี้ร้อนรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ตัดสินใจปรับทีมขนานใหญ่ เลือกเล่นหน้าคู่มาแต่ไกลเลย แต่ยังคงแผนหลัง 3 ไว้ ตำแหน่งการเล่นตามผังด้านบน
-------------------------------------------------------
_______ ต้นเกมลิเวอร์พูลเล่นเร็ว เร่งเกม วิงแบ็คสองข้างลอยสูงตลอด ได้เปิดบอลเข้าไปลุ้นบ่อยแต่ก็พลาดบ่อย ส่วนนอริชเริ่มจากการตั้งรับในแดน เกมรุกเน้นเจาะริมเส้นฝั่งโมเรโน่+ซาโก้แต่ยังผ่านไม่ได้
________ ผ่านไปราว 15 นาที นอริชเริ่มหันมาไล่แดนหน้าอย่างเต็มตัวซึ่งก็ได้ผล ลิเวอร์พูลทำเร็วแบบต้นเกมไม่ได้เร็ว ขึ้นเกมลำบาก โดนบีบให้ต้องตั้งเกมช้าลงและบอลไปข้างหน้าได้น้อยลง ส่วนเกมรุกของนอริชแดนกลางจ่ายบอลหนีตัวไล่ได้ดีมาก กลางลิเวอร์พูลไล่ไม่จน แต่เกมรุกริมเส้นจังหวะที่จะเปิดบอลทำไม่ดี สร้างโอกาสไม่ได้
_______ ตลอดครึ่งแรก ลิเวอร์พูลได้ลุ้นจากการเปิดบอลจากริมเส้นเป็นหลัก โดยเฉพาะโมเรโน่ที่เปิดบอลได้ลุ้นได้จบอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายแล้วยังไม่คมพอ ส่วนนอริชเก็บบอลจังหวะสองได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่จังหวะโต้ทำได้ไม่ดี ทำได้แค่ตัดบอลมาครองเอาไว้ได้มากกว่าแค่นั้น จบครึี่งแรกยัง 0-0
_______ ช่วงพักครึ่ง อิ้งค์ได้ลงแทนเบนเทเก้ที่มีอาการบาดเจ็บ นอริชกลับลงมาเร่งเกมรุกได้น่ากลัว วิ่งไล่เร็วและเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกกันเยอะ กดดันได้ต่อเนื่องแต่ในที่สุดกลับเป็นการเร่งจนพลาดไปเอง นาที 48 จังหวะที่นอริชเก็บบอลได้แล้วพยายามจะเปิดเร็ว ลูคัสวิ่งเข้าไปเร่งตัวเปิดจนบอลออกสั้น โมเรโน่ตัดบอลได้กลางสนามก่อนรีบเปิดสวนให้อิ้งค์ได้วิ่งหลุดเข้าไปยิงมุมแคบเข้าไปได้ 1-0
_______ หลังจากได้ประตูเกมก็เปลี่ยน นอริชยังคงพยายามจะเร่งเกมรุกต่อ ในขณะที่ลิเวอร์พูลเล่นแบบมั่นใจขึ้นและเดินเกมรุกต่อเช่นกัน สามารถจ่ายบอลเล่นงานช่องว่างระหว่างคู่เซ็นเตอร์กับแบ็คของนอริชได้ตลอด บอลไปถึงเขตโทษบ่อย และได้เปิดบอลเข้าทำเยอะมาก แต่ยังเพิ่มสกอร์ไม่สำเร็จ
_______ ทางด้านนอริช เกมโต้ทางฝั่งขวา(ซาโก้+โมเรโน่)เริ่มทำงานได้ดีขึ้น แม้จะยังไม่ค่อยได้เปิดบอลแต่บอลไปถึงบริเวณมุมธงได้หลายครั้ง นาที 61 ก็มาตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะเตะมุม บอลเปิดโด่งเข้ามากลางประตูแถวหน้าเส้น 6 หลา มินโยเล่ตัดได้ถึงบอลจริงแต่เบามาก บอลไม่ไปไหนตกอยู่ในเขตโทษ มาร์ตินเก็บบอลพักอกแล้วกระดกข้ามมินโยเล่เข้าไปได้ง่ายๆ 1-1
_______ หลังจากสกอร์ขยับอีกครั้ง นอริชที่เร่งเกมมาพักใหญ่ก็ถอยกลับไปรับในแดน เน้นเกมรับ-โต้ขึ้นไปทางฝั่งขวา (ซาโก้+โมเรโน่) พอใช้ได้ ในขณะที่ลิเวอร์พูลรีบเปลี่ยนตัวเอาลัลลาน่าลงแทนสเตอริดจ์ที่ดูยังไม่ค่อยฟิตออก เร่งเกมเปิดเกมรุกแลกเต็มตัว ได้ลุ้นเปิดลุ้นยิงเป็นระยะ
_______ นาที 72 เฟอร์มิโน่ได้ลงแทนลูคัส ลิเวอร์พูลปรับกลับมาเล่นหลัง 4 เอาชานยืนกลาง มิลเนอร์ขวา ลัลลาน่าซ้าย แม้จะเล่นหลัง 4 แล้วแต่แบ็คทั้งสองฝั่งยังเติมสูงเหมือนเดิม ถึงตรงนี้เกมเปิดแลกกันเพราะพื้นที่ด้านหลังมีให้เล่นเยอะทั้งสองฝ่าย มีลุ้นประตูทั้งคู่ด้วย
_______ นาที 78 ลิเวอร์พูลน่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆ จากจังหวะโต้เร็วที่คูตินโย่ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ มีอิ้งค์วิ่งตีคู่รออยู่ตรงกลางและคูตินโย่เองก็ไม่มีตัวมาเร่ง แต่จังหวะสุดท้ายคูตินโย่ตัดสินใจยิงเองไปติดเซฟซะอย่างนั้น
_______ 10 นาทีท้าย ลิเวอร์พูลเร่งเกมรุกเต็มที่ ได้เปิดได้ยิงแต่ไม่ได้ประตู ในขณะที่นอริชหันมาเล่นระวังตัวมากขึ้น มีช่องค่อยทำ จังหวะรุกไม่เติมเยอะเหมือนช่วงก่อนหน้า เน้นเอาแค่ตัดบอลมาครองไว้ ลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งลนจนกดดันได้ไม่ค่อยต่อเนื่อง สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จจบเกมที่สกอร์ 1-1
_______ นาที 78 ลิเวอร์พูลน่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆ จากจังหวะโต้เร็วที่คูตินโย่ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ มีอิ้งค์วิ่งตีคู่รออยู่ตรงกลางและคูตินโย่เองก็ไม่มีตัวมาเร่ง แต่จังหวะสุดท้ายคูตินโย่ตัดสินใจยิงเองไปติดเซฟซะอย่างนั้น
_______ 10 นาทีท้าย ลิเวอร์พูลเร่งเกมรุกเต็มที่ ได้เปิดได้ยิงแต่ไม่ได้ประตู ในขณะที่นอริชหันมาเล่นระวังตัวมากขึ้น มีช่องค่อยทำ จังหวะรุกไม่เติมเยอะเหมือนช่วงก่อนหน้า เน้นเอาแค่ตัดบอลมาครองไว้ ลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งลนจนกดดันได้ไม่ค่อยต่อเนื่อง สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จจบเกมที่สกอร์ 1-1
-----------------------------------------
_______ หลังจากพักผู้เล่นไว้หลายคนในเกมยุโรป มานัดนี้ร็อดเจอร์ก็จัดทีมที่น่าจะดีที่สุดเท่าที่เขามีตอนนี้ลงสนาม(ซักที) จาก 11 ตัวจริง ผมว่ามีแค่สเตอริดจ์คนเดียวเท่านั้นที่น่าตั้งคำถามเกี่ยวกับความฟิต แต่สำหรับรายชื่ออื่นไม่น่ามีดีไปกว่านี้แล้วครับ
_______ ...แล้วทำไมไม่ชนะ?
_______ ...แล้วทำไมไม่ชนะ?
_______ ก่อนอื่นในรายของสเตอริดจ์ที่ได้ลงตัวจริงนั้น ผมว่าโอเค คือเรื่องของเรื่องร็อดเจอร์กำลังเก้าอี้ร้อนสุดๆ ใครก็รู้ การที่เขาจะเลือกผู้เล่นที่เขาคิดว่าไว้ใจได้ที่สุดลงสนามมันก็เข้าใจได้และสภาพความฟิตเท่าที่เห็นสเตอริดจ์ก็เล่นได้เต็มที่อย่างน้อยก็คือ 45 นาทีซึ่งเพียงพอแล้วกับการเป็นตัวจริง อันนี้คราวซวยมาเยือนเพราะเบนเทเก้เจ็บมากกว่าเลยทำให้ท้ายเกมเหลือกองหน้าแค่คนเดียว ถ้าเบนเทเก้ไม่เจ็บ ผมคิดว่าร็อดเจอร์น่าจะเปลี่ยนอิ้งค์ลงมาแทนสเตอริดจ์ในราวๆ นาที 60 อยู่ดี ดังนั้นผมคิดว่าการใช้สเตอริดจ์เป็นตัวจริงผมว่าไม่ใช่เรื่องผิดพลาด
_______ ผมยังคงไม่เห็นด้วยเท่าไหร่กับการเล่นหลัง 3 ด้วยเหตุผลเดิมๆ คือระยะยาวไม่น่าเวิร์ค+ไม่อยากให้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ภาพรวมของทีมชุดใหญ่ไม่ได้เอื้อให้ทีมเล่นหลัง 3 ได้จริงๆ เพราะใครไม่อยู่เข้าสักคนก็เล่นให้มีประสิทธิภาพไม่ได้แล้ว การต้องเปลี่ยนมาเล่นหลัง 4 กลางเกมก็พิสูจน์เรื่องนี้ให้เห็นอยู่ ยิ่งถ้าดูจากเกม 70 นาทีช่วงที่ยังเล่นหลัง 3 จะเห็นว่าชานเองก็ต้องเติมขึ้นมาสูงอยู่บ่อยครั้งเพื่อจะทำให้เกมมันไปข้างหน้า โดยเฉพาะเกมรุกฝั่งขวาถ้าชานไม่ขึ้นก็ไปไม่ได้ บอลตายหลายครั้ง ก็เลยสงสัยว่าไม่ดันชานขึ้นไปเล่นตรงกลางให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าหลัง 3 หลัง 4 อะไรนี่ยังไม่ได้ส่งผลต่อเกมโดยรวมเท่าไหร่ครับ เพราะชานเองก็ดันขึ้นช่วยแดนกลางบ่อยมากนั่นแหล่ะ
_______ การเปลี่ยนตัวก็ทำได้ดีแล้ว เบนเทเก้เจ็บก็เปลี่ยนกองหน้าลงมา สเตอริดจ์ไม่ไหวก็เปลี่ยนออก และตัดสินใจเปลี่ยนตัวรับส่งตัวรุกตั้งแต่ก่อนถึง 15 นาทีสุดท้ายด้วยซ้ำ นอกจากนั้นการเลือกเล่นเกมรุกอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นยันจบเกมก็ดูดีมากด้วย
_______ สิ่งที่ทำให้ไม่ชนะ นัดนี้ผมว่าเป็นเพราะฟอร์มส่วนตัวของผู้เล่นมากกว่าแทคติค ถ้าให้ชี้เฉพาะเจาะจงกันลงไปก็เป็นคูตินโย่กับการใช้โอกาสร่วม 7-8 ครั้งเสียของหมด และอาการมารยาทงามของมินโยเล่ (คนอื่นไม่ใช่ไม่มีพลาดแต่สองคนนี้ส่งผลชัดในเรื่องสกอร์) รวมไปถึงทีมเวิร์คที่ดูมีปัญหา การเปิดบอลแบบรู้ใจกันไม่มีเลย ต้องรอให้มีช่องให้เห็นๆ นั่นแหล่ะถึงเปิดได้ ก็เล่นปรับไปปรับมาทั้งตัวผู้เล่นทั้งแทคติคนี่นะ จะไปเข้าขากันได้ยังไง
_______ นับเฉพาะนัดนี้ ผมไม่โทษร็อดเจอร์กับผลเสมอครับ แต่...
_______ มีแต่แน่นอน
_______ มีแต่แน่นอน
_______ พอมองย้อนไปก็ชวนให้คิดว่าทำไมเขาถึงดื้อนัก โมเรโน่เอยซาโก้เอย ลงมาแล้วผลงานไม่เคยแย่กว่าโกเมสกับลอฟเรนเลยสักนัด(ฤดูนี้) แต่นี่พึ่งจะเป็นนัดแรกในลีคที่ทั้งคู่ได้เป็นตัวจริงพร้อมกัน ยิ่งในรายของโมเรโน่ยิ่งน่าเจ็บใจมากครับเพราะคนที่ได้ลงแทนไม่ใช่แม้แต่แบ็คซ้ายธรรมชาติด้วยซ้ำ
_______ การเลือกเล่นหน้าคู่ ที่จริงก็เล่นได้ตั้งแต่เปิดฤดูเพราะทั้งอิ้งค์ทั้งเบนเทเก้ฟิตมาตลอด รวมไปถึงปีกแท้ๆ ในทีมก็ไม่มี กลางรุกที่ฟอร์มไปวัดไปวาได้มีแค่คนเดียวคือคูตินโย่ แต่ดันยัดกองกลางมาเพียบทุกนัด อันนี้เป็นกรณีเดียวกับการเลือกเล่นเกมรุก แบ็คเติมสูง ซึ่งเล่นได้ตั้งนานแล้ว ทั้งไคลน์ ทั้งโมเรโน่ นี่เป็นแบ็คที่พร้อมจะบุกเพราะเร็ว, เลี้ยงและเปิดได้ทั้งคู่ กลับเลือกที่ดองทั้งคู่ไว้ในฝั่งตัวเองซึ่งไม่สร้างประโยชน์อะไรสักเท่าไหร่
______ ทั้งหลายทั้งปวง ทำไมถึงพึ่งมาเล่นนัดนี้ ทำไมต้องรอให้มันเข้าตาจนขนาดนี้ด้วย?
______ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาสามปีกว่ากับร็อดเจอร์ เราจะได้เห็นกรณีคล้ายๆ กันนี้ทุกฤดู กรณีอย่างอัลเลนก็ดี, เจอราร์ดยืนต่ำคนเดียวก็ดี, ลอฟเรนหรือบาโลเตลี่ก็ดี ฯลฯ ร็อดเจอร์ต้องรอจนสถานการณ์มันเข้าตาจนแบบนี้ทุกครั้งถึงได้กล้าทำในสิ่งที่จริงๆ แล้วมันไม่ได้พิสดารอะไรเลยคือแค่เอาคนที่ควรลงลงมา, เล่นในแผนที่เหมาะกับผู้เล่นที่มี
______ ซ้ำร้ายคือพอสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ร็อดเจอร์ก็จะแอบปรับทีมกลับไปเป็นแบบเดิมทุกครั้งไป
______ ได้แต่หวังว่าความพยายามจะกลับมาของร็อดเจอร์ครั้งนี้จะ “ช้าไป” สำหรับบอร์ดบริหารครับ ไม่งั้นก็วนกันลูปเดิมนั่นแหล่ะ แม้นัดนี้จะดีขึ้นแต่ผมยืนยันคำเดิมว่า “อย่างช้าก็ต้นธันวานี้เถอะ”
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันใช้ได้
มินโยเล่ - ตำแหน่งยืนดี ออกมาปิดมุมได้เร็ว อ่านเกมอยู่ตลอด เขาพลาดจริงๆ แค่ครั้งเดียวคือจังหวะเสียประตูที่ปัดบอลไม่ไปไหน ซึ่งเขาเองก็ปัดบอลลักษณะนี้ให้เห็นบ่อยๆ นัดนี้ซวยพลาดแล้วโดนแค่นั้นเอง
โมเรโน่ - เล่นเกมรุกเป็นหลัก วิ่งเติมได้อร่อยมาก รับบอลไปเปิดได้เยอะ เปิดบอลกดดันดีด้วย สร้างโอกาสได้มากที่สุดในทีมแล้ว ประตูที่ได้เขาก็เป็นคนแอสซิส ส่วนเกมรับลงไปช่วยน้อยเหลือเกิน ซาโก้รับเละคนเดียว
ซาโก้ - ครึ่งแรกเล่นได้ยอดเยี่ยมมาก ตัวต่อตัวเก็บได้หมดและดักตัดบอลก่อนถึงคู่ต่อสู้ได้เยอะ พอครึ่งหลังเริ่มเล่นไม่ดีเท่าครึ่งแรก คู่ต่อสู้เริ่มเอาบอลไปถึงมุมธงและได้เปิดบ้างแล้ว แต่โดยรวมแล้วยังเป็นนัดที่ซาโก้เล่นได้ดี
สเคอเทล - ครึ่งแรกเล่นได้ดีมากเช่นกัน ครึ่งหลังยังคงทำได้ดีกับการโหม่งสกัดและเก็บบอลเล่น แต่เริ่มมีปัญหากับการประกบตัวที่วิ่งทำทางเข้ามาในเขตโทษ แม้คู่ต่อสู้จะเปิดบอลจากสุดเส้นหลังเข้ามาได้ไม่กี่ครั้ง แต่มีอย่างน้อยสองครั้ง(เท่าที่จำได้) ที่เป็นตำแหน่งที่เขาควรจะตัดได้แต่ทำไม่ได้ ซึ่งถ้าสองครั้งนั้นคนชาร์ฺจคมกว่านี้ทีมแพ้ไปแล้วครับ
ชาน - เกมรับแทบไม่ต้องเล่น คู่ต่อสู้ไม่ได้บุกมาฝั่งนี้หรือจังหวะที่มาบ้างก็เสร็จไคลน์ไปหมดแล้ว ทำได้ดีกับการเก็บบอลเล่นและเอาบอลขึ้นหน้า โดยเฉพาะจังหวะพาบอลขึ้นมาเองทำได้ดีหลายครั้ง เปิดช่องให้เพื่อนได้เล่นง่าย ช่วงที่ดันขึ้นมาเล่นกลางก็ยังจ่ายบอลได้ดี
โกเมส - สุดยอด ฟอร์มดีที่สุดตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา
ไคลน์ - เติมเกมรุกเยอะเช่นกันแต่ได้เปิดบอลน้อยกว่าโมเรโน่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนเล่น/ให้บอลไปที่มุมธงเท่าไหร่ เชื่อมเกมและเล่นเกมรับได้ดี
ลูคัส - ราวๆ 15 นาทีแรก จังหวะไม่ค่อยดี เปิดพลาดวิ่งไม่ทัน แต่หลังจากเปิดบอลให้เพื่อนได้ลุ้นอยู่หนนึงแล้วเหมือนมั่นใจขึ้น กลับมาเล่นได้ดีเฉยเลย ทั้งเปิดบอล ทั้งวิ่งไล่ ทั้งดักตัดบอล พอเข้าครึ่งหลังช่วงที่เกมเปิดแลกกันอยู่พักใหญ่เริ่มวิ่งไม่ทัน ลงไม่ทัน จนสุดท้ายโดนถอดออกไป
มิลเนอร์ - เล่นพลาดเยอะมาก ตลกร้ายคือแทบทุกครั้งเห็นว่าไอเดียของเขาดีมากแล้ว ชนิดที่ถ้าผ่านไปได้ก็ได้ยิงโล่งๆ หรือเปิดแบบเลือกคนชาร์จเลย แต่ดันทำแบบที่คิดไม่ได้ ผิดน้ำหนักบ้าง วิ่งช้าไปบ้าง
คูตินโย่ - เล่นไม่ออก เชื่อมเกมได้น้อย เขาทำได้ดีกับการหาจังหวะยิงที่หาได้เยอะเหลือเกิน แต่ยิงแต่ละทีนี่แทบจะปิดไฟนอน ยิ่งนาที 78 ที่หลุดเดี่ยวไปนี่ทีวีแทบพัง ข้างบ้านแทบด่าครับ
เบนเทเก้ - พอเล่นคู่สเตอริดจ์แล้วไม่รู้จะเอาตัวไปวางไว้ไหน พยายามจะเล่นแบบกองหน้าตัวชงแล้วแต่ก็ไม่รู้ใจกันกับเพื่อน เป็นนัดที่เขาสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้น้อยกว่าที่ควร
สเตอริดจ์ - เล่นเหมือนลืมว่าทีมเล่นหน้าคู่ เพื่อนมีค้ำอยู่ไม่ค่อยให้ จังหวะให้ก็เหมือนลืมว่านี่เบนเทเก้ไม่ใช่ซัวเรสหรือสเตอลิ่ง ความฟิตยังไม่ดีนัก แต่การจับบอล เรียกฟาล์ว พักบอลให้เพื่อนนี่ถือว่าดีเลย
ตัวสำรอง
อิ้งค์ - นึกถึงเบลามี่ขึ้นมาเลยครับ เร็ว+ขยัน+โวยวาย+รอยสักที่แขน+เล่นเหมือนนาทีสุดของการทดเจ็บอยู่ตลอดเวลา ถ้าเขาดึงช้าบ้างก็จะดีกว่านี้เอง แต่กับฟอร์มตอนนี้ก็พอทำให้อุ่นใจได้ว่าเราจะไม่ต้องเห็นโอริกิบ่อยนักและสเตอริดจ์ยังพักได้เท่าที่ต้องการ
ลัลลาน่า - ลืมพ่อม้าน้ำคนเก่าไปเลย สองนัดมานี่เลิกม้วนแล้ว ยังคงมีส่วนกับเกมไม่มากเท่าไหร่แต่มีดีตรงที่ใจคิดจะรุก บอลไปข้างหน้าตลอด กล้าเล่นและพอจะสร้างโอกาสได้ด้วย
เฟอมิโน่ - นัดนี้ลงมาช่วยทีมได้จริง จับบอลดี จ่ายบอลไปที่ว่างและจ่ายตามช่องได้มากหลายครั้ง พอเลิกโชว์แล้วดูดีขึ้นเยอะเลย
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...อัลแบร์โต้ โมเรโน่… นับเฉพาะครึ่งแรก ซาโก้ มาแน่นอน ถ้าเกมจบที่ 1-0 อิ้งค์ก็ยังน่าสนใจ แต่พอเป็นแบบนี้แล้วโมเรโน่ดูดีที่สุดกับฟอร์มการเติมเกมรุกและเปิดบอลได้ลุ้นหลายครั้ง ทำ 1 แอสซิสด้วย
------------------------------------------------------------
ป.ล. ผมพยายามจะเขียนให้เป็นกลางที่สุดมาเสมอแหล่ะ แต่ต้องขอหมายเหตุไว้หน่อยว่าผมนี่ FC โมเรโน่ นะครับ ใครอ่านแล้วคิดว่าผมอวยเจ้านี่เยอะไปก็แชร์ความเห็นกันได้ (นี่อาจเป็นเหตุผลที่ผมถล่มโกเมสหนักมาตั้งแต่เปิดฤดูก็เป็นได้ 555+)
เครดิตภาพจากเวปทางการ
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น