วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เบซิคตัส 1-0 ลิเวอร์พูล (จุดโทษ 5-4) (ยูโรป้า)



...ฟ้าส่งยูโรป้ามาให้หงส์แล้ว ใยท่านต้องส่งอัสลานแถมมาให้ด้วย...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 3-5-2

------------บาโลเตลลี่----------สเตอริดจ์-------------
-------------------------สเตอลิ่ง------------------------
โมเรโน่-------อัลเลน--------------ชาน-----------ไอบ์
-------ลอฟเรน-------สเคอเทล------------ตูเร่-------
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ หลังจากนัดแรกตุนสกอร์นำมา 1-0 นัดนี้ลิเวอร์พูลออกไปปิดจ๊อบเบซิคตัสที่ตุรกี นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมเยอะทั้งตัวจริงและตำแหน่งการเล่น ที่น่าสนใจก็มีการจับคู่กันเป็นตัวจริงครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งปีของบาโลเตลลี่กับสเตอริดจ์ และชานที่ได้ดันขึ้นไปเล่นกองกลางเต็มตัวตั้งแต่ต้นเกม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาแบบระมัดระวังทั้งสองฝ่าย เบซิคตัสไม่เร่งเกม แผงหลังไม่ดัน เล่นแบบไม่ได้ไม่เป็นไรขอไม่เสียไว้ก่อน ส่วนลิเวอร์พูลเน้นคุมพื้นที่ในแดนตัวเอง ไม่เร่งเกมและไม่ออกบอลเสี่ยงเช่นกัน

________ 20 นาทีแรกหาโอกาสยิงกันไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว เป็นเบซิคตัสที่ทำได้ดีกว่าในแง่การครองบอลแต่เจาะเข้าเขตโทษไม่ได้ เกมริมเส้นฝั่งไอบ์ที่พยายามเจาะก็ยังไปไม่สุด ถูกบีบให้ต้องโยนตั้งแต่กลางแดนก็กดดันไม่ได้ ส่วนลิเวอร์พูลโต้ไม่ได้แต่เก็บรับยังปิดได้ดี และทำได้ดีสุดๆ กับบอลจังหวะสองในเกมรับที่เก็บได้หมด เบซิคตัสเปิดบอลเสร็จก็วิ่งกลับฝั่งตัวเองได้เลยทุกลูก

_______ ลิเวอร์พูลมาได้ยิงจริงจังหนแรกก็นาที 20 ที่โต้ขึ้นมาได้ถึงเขตโทษแล้วสเตอลิ่งได้ยิ่งหน้าเขตแต่ถูกเซฟได้ หลังจากนาที 20 เป็นต้นไปเกมโต้ของลิเวอร์พูลก็ดีขึ้นเรื่อยๆ มาได้บ่อยและมาได้ถึงเขตโทษ เบซิคตัสเริ่มครองบอลได้น้อยลงแถมเสียฟาล์วบ่อยขึ้นในการหยุดเกมรุก

_______ เวลาครึ่งแรกที่เหลืออยู่เป็นลิเวอร์พูลที่คุมเกมไว้ได้หมด บอลยาวบอลโต้ก็ทำงาน ได้ลุ้นยิงในกรอบเป็นระยะแต่ทำได้ไม่ดีพอโดยเฉพาะสเตอริดจ์ที่ได้โอกาสเยอะกว่าใครเพื่อนแต่ทำพลาดหมดทุกครั้งไป จบครึ่งสกอร์ยังอยู่ที่ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เบซิคตัสลงมาขยับเล่นเกมรุกมากขึ้น แบ็คเติมเกมมากขึ้น ค่อยๆ เร่งเกมขึ้นเรื่อยๆ พอแบ็คเติมขึ้นมาช่วยบ่อยเกมริมเส้นฝั่งไอบ์เริ่มกดดันได้ดีขึ้น ไปถึงสุดเส้นมากขึ้นและเริ่มได้เปิดบอลดีๆ เข้าเขตโทษเป็นระยะ ส่วนการเข้าทำก็เน้นการยิงไกลมากขึ้นไม่โยนเข้าไปแบบครึ่งแรกแล้ว กดดันแนวรับได้ดีกว่าครึ่งแรกชัดเจน

_______ ทางด้านลิเวอร์พูลโดนกดให้ต้องถอยมารับต่ำกว่าครึ่งแรก เกมโต้ดับสนิท บอลไปไม่ถึงแดนหน้าเลย เกมรับในเขตโทษยังดีก็จริงแต่บอลจังหวะสองเริ่มเก็บไม่ค่อยได้แล้ว รวมไปถึงพื้นที่หน้าเขตโทษที่ยังปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้ยิงไกลง่ายเกินไปสักหน่อย

_______ ยิ่งเล่นเบซิคตัสก็ยิ่งดีกว่าอย่างชัดเจน ผู้เล่นลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งยุบ วิ่งได้น้อยลง โดยเฉพาะการวิ่งทำทางรับบอลเชื่อมเกมแดนกลางนี่แทบจะไม่วิ่งกันเลย ทำให้ครองบอลไม่ได้ โต้ไม่ได้ ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังมานี่สามตัวรุกแนวหน้าแทบไม่ได้มีส่วนกับเกมเลย

_______ ผ่านชั่วโมงแรกของเกมไปก็กลายเบซิคตัสที่บดใส่อยู่ข้างเดียวแล้ว แผงหลังดันสูง แบ็คเติมเกมตลอด เจาะทางฝั่งไอบ์ได้ดีต่อเนื่องและตัดบอลกลับมาบุกต่อได้เร็วสุดๆ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลบี้แบนติดเขตโทษแล้ว อาศัยแค่เกมรับในพื้นที่สุดท้ายยังเหนียวแน่นอยู่ประคองตัวรอดไปเรื่อยๆ

_______ สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ทนพิษบาดแผลรูปเกมที่เป็นรองไม่ไหว นาที 72 จากจังหวะขึ้นเกมมาทางฝั่งไอบ์ ตูเร่โดนดึงออกไปไล่ริมเส้นแล้ว คู่ต่อสู้จ่ายบอลเรียดฝากมาให้บาหน้าเขตโทษ ซึ่งบาไขว้หลังล็อคหนีทั้งสเคอเทลกับอัลเลนให้ถลำไปได้หมด แต่บอลไปเข้าทางอัสลานที่วิ่งเข้ามายิงเต็มข้อจากบนเส้นเขตโทษหนีมือมินโยเล่เข้าไปได้ 1-0

_______ หลังได้ประตูนำ เบซิคตัสยังคงเร่งเกมต่อได้ดี นาที 76 ร็อดเจอร์นึกได้แล้วว่าต้องปรับเกม ส่งมานกีโย่มาแทนไอบ์ ลิเวอร์พูลเหมือนพยายามจะหันมาเล่นเกมรุกบ้างก็ต่อกันไม่ติดเพราะวิ่งทำทางกันไม่ออก จ่ายไปไม่ว่าให้ใครก็โดนแซะเร็วทิ้งไปได้หมด บอลไม่ไปข้างหน้า ไม่ต้องพูดถึงว่าจะลุ้นยิงหรือได้เปิด บอลไปแทบไม่ถึงเขตโทษคู่ต่อสู้เลยด้วยซ้ำ

_______ เบซิคตัสเร่งต่อหลังจากได้ประตูนำอยู่ราวๆ 10 นาทีก็กลับมาเล่นเน้นแน่นอนมากขึ้น แผงหลังไม่ดันสูงแล้ว แต่โดยรวมก็ยังเป็นพวกเขาที่ครองบอลได้เยอะกว่า บุกกดดันถึงหน้าเขตโทษได้พอควร แม้จะหาจังหวะยิงได้แต่ไกลๆ ไม่ถึงกับล่อเป้า แต่กับเกมรับพวกเขากินขาด ตัดเกมรุกของลิเวอร์พูลได้หมดจด

_______ นาที 82 ลัลลาน่าได้ลงมาแทนบาโลเตลลี่ การเชื่อมเกมแดนกลางของลิเวอร์พูลดูดีกว่าช่วงก่อนหน้าพอสมควร แต่บอลเข้าทำยังหามีไม่เหมือนเดิม ช่วงทดเจ็บนาทีแรก เบซิคตัสเกือบตัดจบได้แล้วเมื่อได้ลูกเตะมุมแล้วบอลตกเข้าทางบายิงเร็วไม่กี่หลาบอลชนคานเหลี่ยมในแล้วแต่ยังเด้งออกไม่เด้งเข้า จบเกมที่สกอร์ 1-0 ทำให้สกอร์รวมเป็น 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป

_______ ช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งครึ่งแรกครึ่งหลังกดฟอร์เวิร์ดไปได้เลยครับ วิ่งไม่ไหวและไม่เร่งเกมรุกทั้งสองฝ่าย ไม่ได้มีอะไรควรพูดถึงเลยนอกจากนาที 106 แลมเบิร์ตได้ลงมาแทนสเตอริดจ์แค่นั้น สุดท้ายต้องถึงฎีกา ยิงจุดโทษตัดสิน

_______ มือ(เท้า)ยิงจุดโทษของลิเวอร์พูลวันนี้เป็น แลมเบิร์ต, ลัลลาน่า, ชาน, อัลเลน, ลอฟเรน ตามลำดับ โดยเบซิคตัสเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน

_______ 4 คนแรกของทั้งสองทีมไม่มีใครพลาด ถึงคนที่ 5 อัสลานของเบซิคตัสก็ยังไม่พลาด ส่วนคนที่ 5 ของลิเวอร์พูลคือลอฟเรนยิงหลุดกรอบออกไป ตกรอบสิครัชจะเหลืออะไรล่ะ แทนที่จะมาปิดกล่องโดนจับหมกกล่องซะเอง เบซิคตัสพลิกผ่านเข้ารอบไปได้ด้วยสกอร์ 1-0, สกอร์รวม 1-1 ยิงลูกโทษตัดสิน 5-4
-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกเมสซี่ ครึ่งหลังลีซอ ครับนัดนี้

_______ ก่อนเกมก็เห็นแล้วครับว่ารายชื่อนักเตะเจ็บยาวเหยียด เจ็บข้อเท้า เจ็บสะโพก เจ็บใจ ฯลฯ ไหนจะมีเกมใหญ่กับซิตี้รออยู่อีกไม่กี่วัน ลงท้ายได้มาเป็นอย่างที่เห็นครับ โดยรวมแล้วผมยังคิดว่าเป็น 11 ตัวจริงที่ดีครับ คือชัดเจนว่าตั้งใจมาเล่นรับรอสวน

_______ ตอนเห็นรายชื่อผมยังกลัวว่าเกมจะสะดุดเพราะเปลี่ยนหลายจุด ทั้งหน้าคู่, ทั้งชานกลาง, ทั้งตูเร่โผล่มาเป็นตัวจริง, ทั้งอัลเลนคู่ชาน และการขาดหายไปพร้อมกันของคนที่ฤดูนี้เล่นเกือบทุกนัดอย่างเฮนเดอร์สันกับคูตินโย่ แต่เล่นออกมาแล้วก็ไม่มีสะดุดอะไรให้เห็นครับ ทีมเวิร์คใช้ได้เลยทีเดียว

_______ ครึ่งแรกเป็นเกมที่ดีของลิเวอร์พูล เล่นได้อย่างที่ต้องการทุกอย่าง แต่สเตอริดจ์ดันพลาดไป 2-3 หน ไม่งั้นเกมอาจจบตั้งแต่ครึ่งแรกนี่ด้วยซ้ำ พอไม่ได้แล้วครึ่งหลังบรรลัยเลยครับ

_______ มองทางลิเวอร์พูลอย่างเดียวก่อน ครึ่งหลังลิเวอร์พูลวิ่งไม่ไหวกันแล้วครับ หมดแรงกันให้เห็นตั้งแต่นาที 50 กว่าๆ ด้วยซ้ำ สามตัวรุกเห็นว่าขยับหาที่ว่างกันแล้วล่ะ แต่มันน้อยไป น้อยมากจากที่เคยทำได้ ที่หนักข้อที่สุดเห็นจะเป็นแผงกลาง 4 คน(กลาง 2 แบ็ค 2) ที่ไม่ขยับรับบอลเชื่อมเกมสักเท่าไหร่ ตัดบอลได้แต่ต่อบอลกันไม่ได้ เลยกลายเป็นโดนกดติดเขตโทษอยู่ตลอดครึ่งหลัง ซึ่งก็พลาดในที่สุดนั่นแหล่ะ

_______ น่าเห็นใจครับที่เกมเตะถี่ เดินทางไกล มันต้องมียุบกันบ้างล่ะ

_______ ที่ไม่ค่อยจะน่าเห็นใจเท่าไหร่ในวันนี้คือร็อดเจอร์ครับ 11 ตัวจริงถ้าดูในแง่ว่าจะมาเน้นรับ-โต้ก็โอเคล่ะ เปลี่ยนเยอะจริงแต่ก็เห็นภาพจริงว่ามันจะช่วยให้โต้ได้ดีขึ้นกว่าหน้าเดี่ยว รายชื่อตัวสำรองดูไม่จืดเลยก็ยังพอรับได้เพราะที่เหลือก็เจ็บกันไปเกือบหมด ก็เหลือแต่เด็กก๊องแก๊งกับกองหน้าส่วนเกินนี่ล่ะ

_______ แต่กับการแก้เกมวันนี้ร็อดเจอร์รับไปเต็มๆ ครับ เปลี่ยนน่ะไม่พลาด ผมก็เห็นด้วยว่าต้องเปลี่ยนแบบที่เปลี่ยนไปนั่น แต่มันช้ามากกก ช้าไปมากกกกก

_______ รูปเกมตั้งแต่ต้นครึ่งหลังนี่เห็นความพินาศมาเยือนแล้วครับ 1. ฝั่งไอบ์มีปัญหาอยู่แล้วตั้งแต่ครึ่งแรกดีว่าเบซิคตัสไม่ได้เติมเกมเยอะนัก พอครึ่งหลังที่เริ่มเติมขึ้นมาช่วยบ่อย เกมรับฝั่งนี้ชักทันที 2. เกมโต้ดับสนิท ตัวรุกสามคนไม่ได้บอล แล้วก็ไม่ได้มีส่วนกับเกมเท่าไหร่ ทีมเหมือนเล่นกันแค่ 8 คนด้วยซ้ำ 3. เกมแดนกลางไม่มีคนวิ่งไล่วิ่งรองบอล

_______ ทั้งสามปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาใหญ่ของเกมที่เห็นๆ กันอยู่ ทางเลือกในการปรับเกมก็มีอยู่ไม่ใช่ไม่มี แต่ 60 ก็แล้ว 70 ก็แล้ว ร็อดเจอร์กลับไม่ยอมเปลี่ยนตัวแก้เกม ต้องรอจนโดนไปก่อนนาที 72 นั่นละครับถึงจะยอมเปลี่ยน

_______ ถ้าส่งมานกีโย่มาเร็วกว่านี้ประตูนั้นอาจไม่โดนด้วยซ้ำครับ เพราะหลังจากมานกีโย่ลงมาเกมรับดีกว่าไอบ์เห็นๆ เลย ตูเร่ไม่ต้องหูตาเหลือกมาปิดซ้อนริมเส้นบ่อยนัก

_______ นาที 82 ที่เปลี่ยนลัลลาน่าแทนบาโลเตลลี่นั่นก็ช้าไปเยอะเลยเหมือนกัน น่าจะส่งลงมาไล่ๆ กับมานกีโย่แล้วเพราะเกมมันไปไม่ได้จริงๆ กับตัวที่เล่นอยู่ในสนาม ทุกคนหมดแรงแหงแก๋กันหมดแล้ว ชานนี่กลิ้งแล้วกลิ้งอีก อัลเลนก็สกัดด้วยสายตารัวๆ ถ้ามีลัลลาน่าลงมาช่วยเร็วกว่านี้น่าจะพอได้บุกไปลุ้นบ้าง หรือจะให้ดีถ้าลัลลาน่าลงมาก่อนตั้งแต่ยัง 0-0 น่าจะช่วยทีมได้เยอะเลย

_______ สำหรับเรืิ่องลูกโทษ แม้จะแพ้แต่น่าประทับใจ ขนาดตัวหลักที่เห็นใช้ยิงบ่อยๆ ไม่อยู่หลายคนทั้งเจอราร์ด เฮนเดอร์สัน บาโลเตลลี่ จอห์นสัน แต่กลายเป็นคนที่ลงมายิงได้เด็ดขาดดี ลอฟเรนเองพลาดก็จริงแต่ด้วยความกดดันขนาดนั้นก็อย่าไปโทษเขาเลย ทางมินโยเล่ยังเซฟลูกโทษไม่ได้แต่พุุ่งถูกทางมากขึ้น ถ้าเบซิคตัสยิงแย่กว่านั้นอีกนิดเดียวโดนเซฟไปแล้วครับ ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีของมินโยเล่ถ้าเทียบกับตำนาน “ว่าว 13 ดอก” ตอนนัดที่ดวลกับโบโร่ในลีคคัพอ่ะนะ

_______ มองทางฝั่งเบซิคตัส วันนี้พวกเขาวางแผนมาดีกับการเล่นระวังตัวไม่เร่งแต่แรก และช่วงที่ได้แล้วก็ไม่ได้บ้าดันสูงมั่วซั่วแต่กลับไปเล่นระวังเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของผู้เล่นพวกเขาไม่ได้ดีเท่าแผน ครึ่งแรกก็เล่นพลาดเยอะโดยเฉพาะจังหวะประกบกองหน้าที่เสียฟาล์วมั่ง เปิดช่องให้ยิงมั่ง ครึ่งหลังช่วงที่เร่งแล้วก็เจาะเข้าเขตโทษไม่ได้ ลูกที่ได้ประตูนี่มันเข้าข้อพอดี ไม่ได้เป็นลูกที่ถึงกับเอาชนะแนวรับได้เด็ดขาดสักเท่าไหร่

_______ สรุปแล้ว...ลิเวอร์พูลพลาดเองครับนัดนี้...พลาดที่ไม่มีแรงวิ่ง...พลาดที่ปรับเกมช้า

_______ ตกรอบยูโรป้าไปเรียบร้อย อันที่จริงผมดีใจนะ เพราะจะได้มีแรงไปบดเกมลีคให้มันสุดลิ่มทิ่มประตูกันไปเลย โอกาสลุ้น Top4 น่าจะมีมากขึ้นอีกหลายขีดทีเดียว

_______ ...แต่ไม่รู้ทำไม จบเกมพิมพ์อะไรไม่ออกไปชั่วโมงครึ่ง T_T
-------------------------------

นัดนี้เล่นดีครึ่งเดียว

มินโยเล่ - เซฟลูกยิงไกลได้ดีหลายครั้ง แต่กับลูกที่เสียไปอัสลานมันยิงได้แบบต้องให้จริงๆ ต้องเตะสวนเปิดเกมเยอะทีเดียวทำได้พอใช้ กับลูกโทษอ่านด้านบนเอาได้เลย

ลอฟเรน - เล่นได้เหนียวแน่นเด็ดขาดดี เข้าบอลแต่ละทีถอนทั้งรากทั้งโคนทั้งโคตร ลูกกลางอาการก็ถึงบอลตอลด นัดนี้โชคดีด้วยที่โมเรโน่ช่วยเกมรับได้เยอะและคู่ต่อสุ้ไม่ค่อยบุกฝั่งนั้น

สเคอเทล - ฟอร์มส่วนตัวเขาเล่นได้ดีมาก ตัดบอลเปิดเข้ากลางได้หมดทั้งเรียดทั้งโด่ง ลูกกลางอากาศถึงก่อนคู่ต่อสู้ จะมีเป๋ๆ บ้างก็ช่วงกลาง-ท้ายครึ่งหลังที่เริ่มโหม่งบอลไม่ค่อยไปไหน แต่อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคนขึ้นถึงบอลได้ตลอดอยู่ดี

ตูเร่ - อย่ากระชาก ตูฯ แก่แล้ว เล่นไม่แย่แค่อย่าให้วิ่ง

โมเรโน่ - เล่นเกมรับได้โดดเด่นตลอดเกม อ่านเกมดี วิ่งเข้าหาบอลและปะทะได้ดีด้วย แต่ก็แลกมาด้วยเกมรุกที่เติมขึ้นไปช่วยน้อยมาก

ไอบ์  - อาการเหมือนวัยรุ่นมีเดทแรกยังไงยังงั้น เงอะๆ งะๆ งึกๆ งักๆ เอ๊ะจ่ายดีมั้ย เอ๊ะวิ่งดีมั้ย เอ๊ะทำอะไรดีหว่า เห็นความพยายามแต่ไม่เห็นสติ

อัลเลน - ครึ่งแรกนี่มันบุสเกตผสมชาบี้ชัดๆ ถึงบอลตลอด เก็บบอลได้เรียบวุธ อ่านเกมเด็ดขาด ผ่านบอลหนีตัวไล่ได้ลื่นไหล พอครึ่งหลังนี่กลายเป็นบิสกิตกับชาร้อนเลย
อ่อนนุ่มละมุนลิ้นฝั่งตรงข้ามเล่นง่ายทั้งรุกทั้งรับ

ชาน - ครึ่งแรกผลงานค่อนข้างดีแต่ไม่ดีเท่าอัลเลน บอลยาวที่พยายามวางก็พลาดบ่อย(ถ้าจำไม่ผิดพลาดหมดด้วยมั้ง) เกมรับเข้าถึงบอลเยอะแต่มีจังหวะเข้าบอลไม่เด็ดขาดให้เห็นอยู่บ้าง พอเข้าครึ่งหลังนี่จบกัน ยิ่งต้องเป็นตัววิ่งขึ้นลงและออกบอลเกมรุกด้วยยิ่งทำให้เขาเล่นลำบากมาก พยายามเลี้ยงบอลขึ้นไปเองก็ขาแข้งอ่อนโดนเก็บกินหมด

สเตอลิ่ง - เป็นตัวหลักในการเล่นโต้กลับ ครึ่งแรกทำหน้าที่ได้ดี วิ่งหาที่รับบอลได้ วิ่งไปประคองรับต่อบอลกับคู่กองหน้าพอใช้ได้ ครึ่งหลังนี่แทบลืมว่าอยู่ในสนาม ทั้งเกมไม่สามารถเลี้ยงจี้กดดันคู่ต่อสู้ได้เลย ทั้งๆ ที่ควรเป็นเรื่องที่เขาถนัดที่สุด

สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกวิ่งทำทางได้ดี จับบอลจังหวะแรกเทพมาก หาโอกาสยิงในเขตโทษได้ 2-3 ครั้งแต่ยึกยักจนพลาดหมด ครึ่งหลังลืมไปเลยว่าอยู่ในสนาม รายนี้ลืมจริงอะไรจริงไม่ใช่แค่เกือบแบบสเตอลิ่ง

บาโลเตลลี่ - ครึ่งแรกเปิดสกิลดูดสตั๊ดเต็มพิกัด เรียกฟาล์วได้เยอะ เก็บบอลได้น่าพอใจแต่ดันเก็บใบเหลืองไปด้วย ครึ่งหลังเริ่มขยับน้อยลง แถมเริ่มออกอาการฮิปสเตอร์ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ยามได้บอลให้คู่ต่อสู้มาแซะเล่นบ้าง ออกไปใช้ชีวิตในที่ที่ไม่มีใครเหยียบย่างไปถึงบ้าง (บอลก็ไปไม่ถึง)

ตัวสำรอง

มานกีโย่ - ลงมาช่วยเกมได้เยอะ เกมรับดีกว่าไอบ์เยอะมาก หยุดเกมรุกริมเส้นได้น่าพอใจ เกมรุกขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมตลอด ทำทางก็บ่อยแต่เงยหน้าไปไม่ค่อยมีใครให้เล่นด้วย อีโอ้มันไปสโลว์ไลฟ์อยู่ไหนไม่รู้ สเตอลิ่งก็อยู่ไกลโพ้น สเตอริดจ์ก็ยืนงงในดงเซ็นเตอร์ แล้วมานฯจะเล่นกะใคร มานฯก็ม้วนสิครัช

ลัลลาน่า - ลงมาช่วยเชื่อมเกมได้ดี แต่ก็ตกที่นั่งเดียวกันกับมานกีโย่คือ ชานก็จะตระคริวกินตายแล้ว อัลเลนก็เปลี่ยนจ๊อบจากนักบอลเป็นกองเชียร์แล้ว กองหน้าก็เป็นอย่างที่ว่าไว้ข้างบน แล้วลัลจะเล่นกะใคร ลัลก็ม้วนสิครัช

แลมเบิร์ต - ลงมายิงจุดโทษ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...แบรนดอน ร็อดเจอร์…ท็อปฟอร์มมากครัชวันนี้ คือไม่รู้พี่เค้าคิดอะไรอยู่ช่วงนาที 45 -72 คือโต้ก็โต้ไม่ขึ้นเก็บตัวรุกไว้ทำไมตั้งสามคน, กลางหมดแรงวิ่งก็ทู่ซี้ใช้ต่อ, ไหนจะไอบ์อีก
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เซาท์แธมป์ตัน 0-2 ลิเวอร์พูล(พรีเมียร์ลีค)



...ดูแต่สกอร์นี่นึกภาพไม่ออกเลยนะ...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 3-4-2-1

-------------------------สเตอลิ่ง------------------------
-----------คูตินโย่------------------ลัลลาน่า-----------
มาโควิช-------อัลเลน-------เฮนเดอร์สัน--------ไอบ์
----------ชาน---------สเคอเทล--------ลอฟเรน------
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเซาท์แธปตันในเกมพรีเมียร์ลีค นัดนี้ร็อดเจอร์เปลี่ยนทีมพอสมควร สเตอลิ่งกับมาโควิชกลับมาแล้ว ลอฟเรนได้เป็นตัวจริง แต่มีการสลับฝั่งกันเล่นตามผังด้านบน
-------------------------------------------------------

_______ เกมนี้เตะกันท่ามกลางสายฝน เริ่มเกมก็เกือบเสียจุดโทษทันทีเมื่อชานไปแตะบ่าเบาๆ แล้วคู่ต่อสู้ล้มลงในเขตโทษแต่กรรมการไม่เป่า ถัดจากนั้นนาที 3 คูตินโย่แตะหาจังหวะยิงไกลได้เต็มข้อ บอลพุ่งเช็ดคานเข้าไปได้ 1-0 อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานเดียวอัลเลนก็ไปเสียบไม่โดนบอลในเขตโทษแต่กรรมการไม่เป่าให้ รอดตัวไปอีกครั้ง

________ ลิเวอร์พูลแม้จะได้ประตูนำก่อนแต่รูปเกมเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด ประมาณ 20 นาทีแรกของเกมนี่ “มิดไมล์” เลยทีเดียว โต้ไม่ขึ้น เก็บบอลไม่ได้ หยุดเกมคู่ต่อสู้ไม่อยู่ แดนกลางลิเวอร์พูลไล่ไม่เจอบอลและโดนพลิกไปได้ตลอด รวมไปถึงเกมรับฝั่งชาน+มาโควิชมีปัญหาต่อเนื่อง คู่ต่อสู้เอาบอลมาถึงมุมธงได้ง่าย ยังดีว่าพื้นที่สุดท้ายในเขตโทษยังช่วยกันดักสกัดกันไว้ได้ดีเลยเอาตัวรอดไปได้

_______ ลิเวอร์พูลมาเริ่มโงหัวขึ้นมาจากเขตโทษตัวเองได้บ้างก็ประมาณนาที 20 เข้าไปแล้ว แดนกลางเริ่มไล่ถึงบอลมากขึ้นและทีมสามารถเก็บบอลเล่นได้มากขึ้น จังหวะตั้งเกมรุกเกมฝั่งซ้ายเริ่มขยับเล่นกันได้บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ยังหนักไปทางต้องตั้งรับต่ำเป็นส่วนใหญ่ ถึงตรงนี้เกมกลับมาสูสี เป็นฝั่งเซาท์แธมตันที่ยังดูดีกว่าเล็กน้อยในเรื่องการครองบอลและโอกาสในการเล่นเกมรุก แต่ยังหาโอกาสเจาะเข้าไปยิงไม่ค่อยได้ทั้งคู่

_______ นาทีสุดท้ายก่อนทดเจ็บ มินโยเล่ต้องออกมาเซฟจังหวะเกือบหลุดเดี่ยวไกลถึงเส้นเขตโทษ และช่วงทดเจ็บเซาท์แธมตันก็กดดันอย่างหนักจากลูกเตะมุมและลูกเปิดจากด้านข้างที่ได้โหม่งบ้างได้ซ้ำบ้าง จวนเจียนจะได้ประตูแต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลเดินเข้ามุมแบบหน้าตาบวมเป่งตาแทบลืมไม่ขึ้นแต่สกอร์นำ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง โมเรโน่ได้ลงมาแทนมาโควิชที่โดนใบเหลืองไปแล้วในครึ่งแรก ลิเวอร์พูลกลับลงมาขยับแผงกลางยืนสูงขึ้น ไม่ถอยลงไปชิดแนวรับใกล้มากเหมือนในช่วงท้ายครึ่งแรก ส่วนทางเซาท์แธมตันยังดันเกมรุกต่อ แผงหลังจากที่ครึ่งแรกก็ดันสูงถึงวงกลมอยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งดันกันขึ้นมาหมด แบ็คก็ลอยทั้งสองฝั่ง รวมไปถึงไล่บอลสูงมากตั้งแต่หน้าเขตโทษลิเวอร์พูล

_______ เกมโดยรวมยังคล้ายๆ กลางครึ่งแรก เซาท์แธมตันครองบอลมากกว่า บุกมากกว่าแต่เจาะไม่เข้า ลิเวอร์พูลเน้นเกมรับ ครองบอลได้บ้าง โต้ได้น้อยแต่จังหวะโดนยิงจะๆ ก็ยังแทบไม่มี

_______ เกมเริ่มมาเปลี่ยนในนาที 56 เซาท์แธมตันส่งมาเน่ลงมาแทนวอร์ดพราว เปลี่ยนวิธีรุกจากการเน้นริมเส้นมาเป็นเจาะตรงกลางเต็มที่ เล่นบอลสั้นชิ่งเข้าหาหน้าเขตโทษตรงๆ มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเจาะไม่เข้าเหมือนเดิมแล้ว ยิ่งกลายเป็นแย่กว่าเดิมด้วยเมื่อบอลแทบจะไม่ลอยเข้าไปในเขตโทษเลย

_______ ทางด้านลิเวอร์พูลปรับเกมเช่นกัน นาที 62 เอาสเตอริดจ์ลงแทนลัลลาน่า ขยับเล่น 3-5-2 มีสเตอริดจ์กับสเตอลิ่งช่วยกันวิ่งทำทางในแดนหน้า แผงกลางแผงหลังรับต่ำ เล่นเน้นรับ - โต้เต็มตัวแล้ว จากตรงนี้ไปเกมโต้กลับของลิเวอร์พูลดูดีกว่าในช่วงก่อนหน้าอย่างชัดเจน

_______ เซาท์แธมป์ตันเอาบอลไปตายหน้าเขตโทษลิเวอร์พูลง่ายๆ บ่อยครั้ง ลูกตั้งเตะทั้งฟรีคิกเตะมุมที่ได้บ้างเป็นระยะก็ยังขึ้นไม่ค่อยถึงบอล กลายเป็นลิเวอร์พูลที่มีกองหน้าคู่เริ่มโต้กลับไปได้ถึงหน้าเขตโทษบ่อยขึ้น เริ่มกดให้แผงหลังต้องถอยลงไปประคองมากกว่าช่วงก่อนหน้าแล้ว ทำให้เกมรุกเซาท์แธมป์ตันเริ่มไม่ประติดประต่อเท่าไหร่

_______ นาที 73 นักบุญก็ยื่นตะปูตอกฝาโลงส่งตัวเองขึ้นสวรรค์ถึง 2 เล่มติดๆ กัน จากจังหวะที่ลิเวอร์พูลโต้ขึ้นมาแล้วโดนตัดบอลไปแล้ว แต่เซาท์แธมตันเร่งส่งบอลขึ้นหน้าพลาด โมเรโน่วิ่งเข้ามาตัดหน้าเอาบอลไปได้ก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดเรียดเข้ากลาง บอลเปิดย้อนหลังสเตอริดจ์แล้วแต่กองหลังวัยรุ่นตื่นเต้นจัด สกัดบอลพลาดกลายเป็นตั้งให้สเตอลิ่งได้ยิงซ้ำไม่เหลือ 2-0

_______ พอสกอร์ขยับห่าง ปิดทีวีแยกย้ายกันไปนอนได้เลย ลิเวอร์พูลเล่นกันมั่นใจขึ้น ออกบอลหนีตัวไล่ได้ดีและจังหวะเข้าสกัดก็เด็ดขาด ทางเซาท์แธมตันก็สารภาพบาปแล้ว เร่งไม่ขึ้น ไม่ได้จบ เกมรุกเจาะก็ไม่ได้ เอาบอลขึ้นหน้าก็ลำบาก ลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ไม่ยาก (เฉพาะรูปเกมตั้งแต่นาที 73) 2-0
-----------------------------------------

_______ สกอร์ 2-0 นี่โหดร้ายกับเจ้าบ้านไปนิด ถ้าดูในเกมน่าจะชนะแค่ประมาณครึ่งลูก เสี้ยวลูกเท่านั้นเอง

_______ สำหรับ 11 ตัวจริงวันนี้น่ะไม่เท่าไหร่ครับ คือเกมให้เล่นมันเยอะ สเตอริดจ์เองก็ใช่ว่าจะฟิต ลอฟเรนกับมาโควิชจะได้โอกาสลงบ้างมันก็ไม่แปลกด้วย แต่ที่แปลกใจสุดๆ เลยอยู่ที่ตำแหน่งเล่นมากกว่า

_______ อะไรดลใจให้ร็อดเจอร์จัดมาโควิชกับชานไปเล่นทางซ้ายไม่ทราบได้

_______ คือจบเกมด้วยคลีนชีตก็จริงอยู่ครับ แต่ถ้าใครได้ดู โดยเฉพาะเกมครึ่งแรก จะเห็นได้ชัดเจนว่าเกมรับของทีมไม่ดีเลย เกมฝั่งซ้ายหยุดคู่ต่อสู้ได้น้อยมาก ในขณะเดียวกันก็มองไม่เห็นว่าจะช่วยเกมรุกหรือการครองบอลอะไรได้ตรงไหน มาโควิชเติมขึ้นหน้าแบบเป็นประโยชน์นับครั้งได้ ส่วนชานเองจากที่เคยช่วยต่อบอลขึ้นหน้าได้วันนี้ก็ทำไม่ได้เลย

_______ จะบอกว่าเอาไปประสานงานกันเพราะทั้งคู่เล่นฝั่งขวาด้วยกันมาก่อนก็ไม่เห็นด้วยและไม่เห็นภาพเลย คือทั้งคู่ก็ไม่ได้มีจังหวะประสานงานดีๆ ใดๆ ให้เห็นเลย และถ้าเป็นไปเพื่อการนั้นก็ไม่สู้เล่นฝั่งเดิมไม่ดีกว่าหรือ?

_______ ยังเห็นด้วยและคิดว่าร็อดเจอร์เปลี่ยนตัวได้ดีที่ตัดสินใจเปลี่ยนโมเรโน่ลงตั้งแต่พักครึ่ง แต่ประเด็นคือทำไมไม่ใช้แบบนี้ตั้งแต่ต้นเกมไปเลยล่ะ

_______ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนตัวและปรับเกมครั้งที่สอง ที่เอาสเตอริดจ์ลงมาแทนลัลลาน่าผมคิดว่าร็อดเจอร์ทำได้ดีมาก ประเด็นไม่ใช่การเอาสเตอริดจ์ลงมา แต่เป็นการเลือกเล่นหน้าคู่ ให้สเตอลิ่งกับสเตอริดจ์ช่วยวิ่งทำทางข้างหน้าทั้งสองคนซึ่งมันทำให้เกมโต้กลับดีขึ้นมาก เซาท์แธมป์ตันยืนลอยมั่วซั่วแบบช่วยก่อนหน้าไม่ได้ รวมไปถึงมีส่วนทำให้ได้ประตูที่สองด้วย ลูกนั้นถ้ามีสเตอริดจ์อยู่ข้างหน้าคนเดียวก็โดนเก็บกินไปแล้ว

_______ วันนี้เกมแดนกลางมีปัญหามาก หยุดเกมคู่ต่อสู้ในแดนกลางได้น้อย กว่าจะตัดบอลกลับมาได้คือหน้า/ในเขตโทษตัวเองตลอด ทั้งยังต้องใช้คนมาช่วยปิดช่องแทบจะทั้งทีม คูตินโย่กับลัลลาน่านี่ต้องลงไปช่วยเกมรับตลอด ตัดบอลได้แล้วจะโต้อีท่าไหนเพราะข้างหน้าไม่มีคน ส่วนเกมรับคลีนชีตได้ก็จริงแต่ภาพที่ออกมาคือไปยืนกองๆ กันใน/หน้าเขตโทษเยอะๆ ไม่ใช่ว่าคลีนชีตแบบคู่ต่อสู้ไม่รู้จะเจาะยังไง ไม่ได้ง้างเท้าเลย ไม่ใช่แบบนั้น

_______ ทางฝั่งเซาท์แธมป์ตัน ผมติดใจอย่างเดียวว่าทำไมพวกเขาเลือกทิ้งเกมริมเส้นแล้วหันมาเจาะตรงกลางตอนนาที 56 ที่เปลี่ยนตัวตัวที่สอง วอร์ดพราวอาจไม่มีลูกเลี้ยงจี้ทะลุทะลวงหรือลูกยิงไกลโหดๆ แต่การออกบอลเชื่อมเกมไปที่ว่างของเขาทำได้ดีทีเดียว พอเอาออก รวมไปถึงเน้นเจาะกลางเข้าไปเจอเซ็นเตอร์ 3 คน กลางรับ 2 คน วิงแบ็คหุบเข้ามาอีก 2 คน (หุบเข้ามาได้เพราะเซาท์ฯไม่มีตัวไปรอรับบอลริมเส้นเลย) มันจะมีช่องเจาะอีท่าไหนล่ะนั้น หรือเพราะพวกเขาไม่มีตัวเปิดบอลริมเส้นดีๆ ก็ไม่รู้ ไม่ได้ตามดูเซาท์แธมป์ตันเท่าไหร่ครับฤดูนี้

_______ สำหรับเกมนี้ ลิเวอร์พูลโชคดีพอควรทั้งจากลูกยิงนำเร็วของคูตินโย่ที่ไม่ใช่ลูกง่ายแต่ทำให้ทีมเล่นง่ายขึ้น(ในความหมายว่ากดดันน้อยลงเพราะนำอยู่), การตัดสินของกรรมการ เควิน เฟรนด์ ที่ซาดิสม์สมชื่อ จังหวะเปาะๆ แปะๆ แกไม่เป่า ถ้ายังจำกันได้ นัดเอฟเอคัพที่ทีมเสมอโบลตันแกก็เป่าแบบนี้ล่ะ นัดนั้นทีมเสียประโยชน์ แต่นัดนี้ทีมได้ประโยชน์ เพราะกรรมการอีกหลายคนจะเป่าจุดโทษจังหวะอัลเลนแน่นอน แบบไม่ต้องรอลูกได้ปร่งได้เปรียบอะไรทั้งนั้น, จังหวะชานเป็นผมก็ไม่เป่าแต่บางคนเป่าก็เคยเห็นกันอยู่บ่อยๆ  และจังหวะลอฟเรนแฮนด์บอลในเขตโทษ บางคนก็เป่าให้เอาง่ายๆ เหมือนกัน ถ้ากรรมการนัดนี้ไม่ใช่เฟรนด์ เป็นพวกนกหวีดหวานนี่ซวยไปแล้วครับ

_______ จะบอกว่าจังหวะสเตอลิ่งโดนรวบทั้งคนทั้งบอลก็ไม่เป่าก็ใช่ครับ ลูกนั้นก็น่าให้อยู่นะ แต่ถ้าดูจำนวนครั้งแล้วลิเวอร์พูลโชคดีแล้วจริงๆ ยังไม่นับว่าจังหวะบอลวันนี้เป็นใจหลายครั้งด้วย คูตินโย่ยิงชนคานแต่เช็ดเข้า คู่ต่อสู้สกัดพลาดดันเข้าทางสเตอลิ่ง แต่ทีเซาท์แธมป์ตันยิงบ้างไอ้ที่เกือบแฉลบไม่แฉลบ ไอ้ที่เด้งไปเด้งมาในเขตโทษ ...นัดนี้เด้งอยู่ในนั้นเยอะนะ โดยเฉพาะจังหวะเปิดลูกตั้งเตะเข้าไปสกัดจังหวะเดียวกันไม่ค่อยออก… แต่บอลเด้งเข้าเท้าแนวรับหมด

_______ ไม่ใช่ว่าผู้เล่นกับผู้จัดการทีมนั่งงอมืองอเท้ารอสวรรค์ประทาน พวกเขาก็พยายามกันเต็มที่และทำได้ดีตามหน้าที่นั่นแหล่ะ จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมคือประตูต้นเกมของคูตินโย่กับ 3-5-2 ของร็อดเจอร์ แต่นัดนี้ผมยังคิดว่าสิ่งที่ตัดสินเกมคือ โชค ที่ลิเวอร์พูลมีมากกว่าครับ เยอะด้วย
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - โชว์มารยาทไปครั้งนึงช่วงกลางครึ่งแรก แต่การออกไปตัดบอลเร็วในจังหวะคู่ต่อสู้เกือบได้ดวลเดี่ยวในท้ายครึ่งแรกนี่ยอดเยี่ยมมาก นัดนี้ต้องเตะบอลย้อนเยอะ พอใช้ได้ที่บอลไม่ออก ไม่แป๊ก แต่ก็เข้าหัว/เข้าทางเพื่อนไม่เยอะนัก

ซาโก้ - เพื่อนๆ เล่นซะคิดถึง ฯโก้เลยครัช ไม่ลงยังอยากเขียนถึงเลย

ชาน - เล่นฝั่งซ้าย พินาศกว่าขวา

สเคอเทล - 20 นาทีแรกมีปัญหากับเปเล่โคตรๆ หยุดไม่อยู่ดักไม่ได้เลย แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ดีขึ้น นัดนี้มีจังหวะอ่านบอลพลาด ปล่อยบอลตกอยู่หลายครั้ง แต่จังหวะดักบอลเปิดในเขตโทษยังทำได้น่าพอใจอยู่

ลอฟเรน - เล่นฝั่งขวา พินาศกว่าซ้าย

มาโควิช  - ช่วยเกมรุกได้ดีตลอดครึ่งแรก บอลถึงเส้นหลังตลอด … หมายถึงเกมรุกเซาท์แธมป์ตันนะ

ไอบ์ - เกมรุกโดนดักหมด ถูกประกบติดจนพลิกไม่ได้ พลิกได้ก็มีตัวซ้อนเร็วตลอด เล่นเกมรุกไม่ออก เชื่อมเกมยังพอได้บ้างแต่ไม่ถึงกับดี เกมรับดูดีขึ้นนิดหน่อยแต่ยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าใช้ได้

อัลเลน - ยืนต่ำเล่นรับเต็มตัว ยืนไม่ห่างเส้นหน้าเขตโทษตัวเองเลยตลอดเกม เชื่อมเกมไม่ดีเท่าไหร่ เปลี่ยนรับเป็นรับแทบทั้งเกม(อ่านไม่ผิดครับ) บอลเกมรุกอย่าถามถึง ที่ทำได้ดีคือดักทางการเปิดบอลเข้าไปในเขตโทษหรือต่อบอลหน้าเขตโทษที่ดักตัดได้เยอะมาก

เฮนเดอร์สัน - น่าจะเป็นคนที่วิ่งเยอะที่สุดในวันนี้แล้ว ทั้งวิ่งไล่วิ่งทำทางวิ่งเติมไปช่วยวิ่งขึ้นวิ่งลงวิ่งมันอยู่นั่น ดูแล้วเหนื่อยแทน บอลเกมรุกวันนี้จ่ายเมื่อไหร่พลาดเมื่อนั้น บอลเชื่อมเกมก็ไม่ไปข้างหน้ามากนัก แต่การวิ่งตลอดเกมช่วยทีมได้มากทีเดียว ไม่งั้นจังหวะรับคงโดนบี้แบนกว่านี้เพราะไม่มีตัวทำทางรับบอล และจังหวะรุกก็คงเสียบอลเร็วกว่านี้เพราะไม่มีตัววิ่งขึ้นไปรองบอล

คูตินโย่ - ยิงได้สวยงามน่าสดุดีในวีรกรรมสักอาทิตย์นึง แต่หลังจากนั้นก็หายไปกับสายฝน หนักไปทางช่วยไล่บอลเป็นหลัก ได้บอลในตำแหน่งที่ต่ำเป็นส่วนใหญ่และทำอะไรต่อไม่ค่อยได้

ลัลลาน่า - เล่นซะแฟนบอลเซาท์แธมป์ตันเกลียดไม่ลงเลย...คือเกมรุกไม่ได้กดดันอะไรพวกเค้าเลย แต่ความขยันยังเต็มขีดอยู่ ช่วยไล่บอลเยอะทั้งกลางสนามทั้งหน้าเขตโทษตัวเอง

สเตอลิ่ง - นึกว่าลงสนามมาพร้อมสเตอริดจ์เพราะก่อนหน้านั้นแทบไม่ได้บอลเลย พอทีมเล่นหน้าคู่เริ่มมีที่ให้วิ่งเล่นบ้างและได้บอลเยอะขึ้น ทำได้ดีกับการยิงประตูที่สองให้ทีม

ตัวสำรอง

โมเรโน่ - เกมรุกเติมขึ้นไปแค่ครั้งสองครั้ง แต่หนึ่งในนั้นคือจังหวะที่นำมาซึ่งประตูที่สอง เชื่อมเกมไม่ดีเลยเอาแค่วิ่งหาที่ว่างรับบอลยังไม่ค่อยจะเห็น เกมรับวันนี้ทำได้ดี ปิดพื้นที่ริมเส้นและมุมธงได้แน่น

สเตอริดจ์ - เก็บบอลใช้ได้ วิ่งทำทางดี หาจังหวะยิงเองได้ด้วย แต่ยังยิงไม่ดีพอและดูจะปล่อยบอลช้าไปนิด

จอห์นสัน - ลงมาปุ๊บ เซาท์แธมป์ตันบุกไม่ได้อีกเลย นี่มันเทพชัดๆ (แซวเล่นเฉยๆ นะ :P)

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ฟิลิปเป้ คูตินโย่…ฟอร์ม 90 นาทีผมชอบเฮนโด้มากที่สุด แต่ประตูของคูตี้มันสำคัญต่อเกมนี้มากจริงๆ ทำให้เกมมันออกมาเป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้นยันจบ คือทำให้เซาท์ฯต้องบุกต้องดันสูง, ทำให้ทีมกดดันน้อยลง, ทำให้ทีมมีโอกาสส่งสเตอริดจ์ลงไปโต้ เพราะถ้าไม่ได้ขึ้นนำอยู่ เซาท์ฯไม่ดันสูงขนาดนั้น ต่อให้เล่นหน้าคู่ก็ยังไม่แน่ว่าจะมีพื้นที่ให้โต้
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 1-0 เบซิคตัส(ยูโรป้า)

...แย่งซีนนี่ขอให้บอก(2)...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 3-4-2-1

------------------------สเตอริดจ์------------------------
-----------คูตินโย่------------------ลัลลาน่า-----------
โมเรโน่-------อัลเลน-------เฮนเดอร์สัน---------ไอบ์
--------ซาโก้----------สเคอเทล------------ชาน------
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลลงเล่นยูโรป้าลีคในบ้านเจอเบซิคตัส นัดนี้มีเปลี่ยนแค่ตำแหน่งเดียวจากนัดก่อนคือไอบ์แทนมาโควิชที่ติดโทษแบนในเกมยุโรป
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทางเบซิคตัสพยายามไล่สูงแต่ไล่ไม่ค่อยจน ลิเวอร์พูลตั้งเกมยากแค่ช่วงต้นๆ เกมแต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งพลิกบอลได้ดีขึ้นและจังหวะพลิกได้ก็ถึงเขตโทษตลอด ผ่านบอลจังหวะเดียวได้แม่น เป็นฝ่ายคุมเกมได้ตั้งแต่ต้น

________ เกมรุกฝั่งขวาของลิเวอร์พูลทำงานได้ลื่นไหลโดยเฉพาะการทำทางรับบอล - เลี้ยงจี้ของไอบ์ บอลถึงเขตโทษบ่อยมากแต่ยังได้เปิดบอลน้อย และจังหวะได้เปิดก็ยังไม่ดีเลย ส่วนในเกมรับ แผงกลางของลิเวอร์พูลถอยลงไปชิดกับแผงหลังมาก หยุดเกมของเบซิคตัสไม่ให้ไปถึงเขตโทษได้ดีมาก ตลอดครึ่งชั่วโมงแรกของเกม เบซิคตัสไปแทบไม่ถึงเขตโทษเลย ต้องไปลุ้นเอานิดๆ หน่อยๆ จากลูกตั้งเตะก็ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ถนัดเรื่องนี้เท่าไหร่

_______ ลิเวอร์พูลบุกเพลินจนพลาดหนักครั้งแรกในนาที 35 ลอยสูงจนโดนเบซิคตัสโต้ขึ้นมาได้...เป็นครั้งแรกที่โต้ขึ้นมาถึงประตูด้วย บาหลุดไปได้ยิงหน้าเขตโทษแบบไม่มีใครขวาง (มีสเคอเทลเบียดอยู่ใกล้ๆ ด้านข้าง) โดนมินโยเล่เซฟเอาไว้ได้ หลังจากนั้นก็ยังไม่มีฝ่ายไหนได้ลุ้นเป็นชิ้นเป็นอันอีกจนจบครึ่งแรกที่ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง แนวรับลิเวอร์พูลดันสูงมากกว่าครึ่งแรก เน้นเกมรุกมากขึ้น กดดันได้ดีตั้งแต่ช่วงต้นเกม นาที 49 ก็เกือบได้ประตูนำจากจังหวะแนวรับไม่รู้กัน สกัดบอลพลาดมาเข้าทางลัลลาน่าแต่เจ้าตัวทำหมูหกตกโต๊ะอด...อย่างน่าเสียดาย

_______ ทางฝั่งเบซิคตัสมีพื้นที่ให้โต้มากกว่าครึ่งแรก เปลี่ยนรับเป็นรุกได้ดีกว่าครึ่งแรกทำให้ครองบอลได้นานขึ้น บอลมาถึงแดนลิเวอร์พูลเยอะขึ้น แต่พวกเขาเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกกันช้าและขึ้นมาน้อยมาก ทำให้เกมรุกยังคงไปไม่ถึงเขตโทษสักเท่าไหร่ เกมส่วนใหญ่ยังหนักไปทางตั้งรับให้เหนียวแน่นเท่านั้น

_______ บุกกดได้ไม่นานเกมรุกลิเวอร์พูลก็เริ่มตันและตั้งเกมได้ช้าลง ไอบ์ได้บอลน้อยลงและเล่นผิดจังหวะบ่อยครั้งทำให้เกมฝั่งขวาหายไปเลย ใกล้ๆ 1 ชั่วโมงของเกมหลายคนเริ่มออกอาการหมดแรง

_______ นาที 63 ลอฟเรนกับบาโลเตลลี่ได้ลงมาแทนอัลเลนกับคูตินโย่ ชานถูกดันขึ้นมาเล่นกลางและลอฟเรนรับผิดชอบพื้นที่เซนเตอร์ขวาแทน พอปรับมาเป็น 3-5-2 เกมแดนกลางของลิเวอร์พูลดูมีปัญหากับการเชื่อมเกมมากกว่าช่วงก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด เอาบอลขึ้นหน้าได้ช้าลง แต่ในทางกลับกัน เกมเร็วและบอลตัด-โต้ทำได้น่ากลัวขึ้น แต่จังหวะเข้าทำยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ลุ้นประตู

_______ นาที 76 สเตอลิ่งได้ลงแทนลัลลาน่าเป็นคนสุดท้าย ถึงตรงนี้เกมของลิเวอร์พูลยังดีกว่าแต่จังหวะเข้าทำเริ่มตันมากขึ้น บอลถึงหน้าเขตโทษได้ก็จริงแต่หาจังหวะยิงกันไม่ค่อยได้

_______ ลิเวอร์พูลยังตะบี้ตะบันเดินเกมรุกต่อ ไม่ได้ผ่อนเกมหรือเปลี่ยนไปเคาะครองบอล ในที่สุดก็ทำประตูขึ้นนำได้สำเร็จ นาที 83 โอ้ไปแซะแย่งบอลมาได้กลางสนามก่อนจ่ายขึ้นหน้าให้ไอบ์ที่วิ่งทำทางขึ้นไปได้ดี ไอบ์ลากบอลจากริมเส้นเข้าไปถึงในเขตโทษก่อนโดนปะทะล้มลงจนได้จุดโทษ เฮนเดอร์สันถือลูกเหมือนจะยิงแต่บาโลเตลลี่เข้าไปขอ...หรือแย่งก็ไม่แน่ใจ...เอาไปยิงเองได้ไม่พลาด 1-0

_______ พอนำได้ เบซิคตัสหันมาเดินหน้าบุกทันที ส่วนทางลิเวอร์พูลก็ถอยทันทีเช่นกัน เวลาที่เหลืออยู่นี้ เบซิคตัสพาบอลขึ้นมาถึงเขตโทษได้ต่อเนื่อง ได้เปิดบอลเข้าทำพอควร และได้ยิงในกรอบอีกนิดหน่อยด้วยแต่ไม่ดีพอจะเป็นประตู มินโยเล่แทบไม่ต้องเซฟเพราะบอลติดแนวรับหมด ส่วนทางลิเวอร์พูลปิดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้น้อย  แต่ยังโต้ได้บ้าง ไม่ได้โดนทุบแบนอยู่คาเขตโทษอย่างเดียว สุดท้ายทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ทั้งคู่ จบเกมลิเวอร์พูลเฉือนชนะได้ที่สกอร์ 1-0
-----------------------------------------

_______ เกมดีกว่าเยอะ แต่จังหวะเข้าทำไม่ได้ดีกว่าเลย

_______ มองทางฝั่งเบซิคตัสก่อน จะว่าไปแล้วเกมรุกพวกเขาต้องเรียกว่าเข้าทางโจร...เอ้อ ทางลิเวอร์พูลอยู่เหมือนกัน พวกเขาเล่นบอลตามช่องซึ่งเกมรับลิเวอร์พูลก็ถนัดปิดช่องไม่ถนัดปะทะ บอลโด่งบอลยาวก็ไม่ค่อยเล่น และที่สำคัญเลยคือลูกตั้งเตะสุดแสนจะธรรมดาสามัญม๊ากกกก~ ถ้าเกมหน้าพวกเขาไม่เปลี่ยนวิธีเล่น โดยเฉพาะวิธีเล่นเกมรุก ก็คงลุ้นกลับมาลำบากหน่อยล่ะ

_______ 11 ตัวจริงวันนี้ยังคงปรับเปลี่ยนน้อยและครึ่งแรกเล่นได้ดีกว่าเบซิคตัสมาก ถ้าให้เทียบกันเกมครึ่งแรกดูดีกว่าครึ่งหลังที่บุกได้มากกว่าด้วยซ้ำ แดนกลางเล่นดีมาก เอาชนะได้หมดทุกแนว ไม่ว่าจะผ่านบอลหนีตัวไล่, เอาบอลขึ้นหน้า, ไล่ปิดช่องไม่ให้โต้เร็ว, ดักตัดบอลและเก็บบอลสอง คุมได้หมดทุกอย่างแล้ว ถ้าบอลเข้าทำดีกว่านี้อีกนิดเดียวไม่ใช่แค่ประตูขึ้นนำ แต่น่าจะได้สองสามลูกเลยล่ะ บังเอิญเปิดบอลทีนึงลอยยันมุมธงอีกฝั่ง ไอ้เกมที่ว่าสวยๆ งามๆ สุดท้ายเลยไม่ได้ประตูตอบแทนอย่างน่าเสียดาย พอครึ่งหลังเล่นได้ไม่นานเริ่มหมดแรงวิ่ง และเกมรุกยังไม่ได้ประตูสักทีจนต้องดันสูงมากขึ้นด้วย เกมยังดีกว่าก็จริงแต่คุมเกมไม่ได้เหมือนครึ่งแรกแล้วครับ

_______ ผมเห็นด้วยกับการเปลี่ยนตัวสองคนแรก ดูจากสถานการณ์ที่ควรต้องบุกต่อ การดันชานขึ้นไปเล่นกลางแทนอัลเลนก็ดูเหมาะสมดีแล้ว และ ถ้ายังคิดจะเล่นทรง 3-5-2 เหมือนเดิมก็เหมือนต้องเลือกระหว่างคูตินโย่กับลัลลาน่า ซึ่งคูตินโย่เองเล่นไม่ออกอยู่แล้วแถมวิ่ง/ช่วยเกมรับได้น้อยกว่าลัลลาน่าด้วยก็ไม่น่าแปลกใจที่โดนถอดก่อน

_______ ส่วนการส่งสเตอลิ่งแทนลัลลาน่า บอกตรงๆ ว่านาทีนั้นผมคิดว่าควรส่งลงไปแทนไอบ์ที่หายไปจากเกมแล้วมากกว่า แต่กลายเป็นว่าเก็บไอบ์ไว้แล้วได้ประโยชน์ในท้ายที่สุด (ถ้าผมเป็นผู้จัดการทีมจริงๆ ป่านนี้เสมอไปแล้วครับ 555+ ไม่ได้หรอกลูกท่งลูกโทษ)

_______ เกมนี้จังหวะสำคัญเป็นลูกจุดโทษอย่างไม่ต้องสงสัย ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การได้จุดโทษ(เพราะควรได้แน่) หรือเป็นตัวตัดสินเกม(เพราะมันตัดสินอยู่แล้ว) แต่อยู่ที่คนยิง ไม่รู้ว่าร็อดเจอร์จัดตัวยิงไว้ยังไง คือโอ้มีประสบการณ์และสถิติในการยิงจุดโทษดีกว่าทุกคนในสนามแน่นอนครับ ผมก็เห็นด้วยว่านาทีนั้นควรเป็นโอ้ยิงนั่นแหล่ะ แต่ถ้าร็อดเจอร์จัดให้เฮนโด้เป็นคนยิง แล้วโอ้ไปแย่งแบบนั้นคงไม่สวยเท่าไหร่ ยังดีว่ายิงเสร็จก็เข้าไปดีใจด้วยกันก็ยังโอเค...แต่จะให้ดีรีบเคลียร์หลังไมค์ให้รู้เรื่องดีกว่าครับ ภาพแบบนี้ไม่น่ามีให้เห็นในสนาม

_______ ที่ดูมีปัญหาอยู่ในเกมนี้ ก็อย่างที่อ่านมาถึงตรงนี้คงเดาได้ว่าเรื่องเข้าทำแน่ๆ ล่ะ เกมทางขวาไอบ์เล่นได้แต่ประสานงานกับเพื่อนยังไม่ได้ และสเตอริดจ์ยังมีสนิทจับอยู่พอควรเลย ส่วนแดนกลางคนอื่นฟอร์มเกมรุกแผ่วลงไปตามๆ กัน ไม่ว่าจะคูตินโย่หรือลัลลาน่า

_______ นอกจากนั้นก็เรื่องสภาพร่างกายที่ดูจะทรุดโทรมไปตามนาทีลงเล่นที่แต่ละคนแทบไม่ได้พักเลย อย่างนัดนี้กลางครึ่งหลังนี่อาการออกหลายคน อัลเลนกับคูตินโย่ก่อนเปลี่ยนออกนี่วิ่งได้น้อยลงกว่าครึ่งแรกเยอะแล้ว ลัลลาน่ากับเฮนเดอร์สันเองก็ด้วย เรื่องนี้เรื่องใหญ่แต่ที่เห็นในสนามก็ไม่รู้จะให้เปลี่ยนอีท่าไหนเหมือนกัน นี่คือสาเหตุหลักที่ผมไม่อยากให้ทีมเข้ารอบลึกในยูโรป้า

_______ แต่เรื่องเหนื่อยเรื่องล้าว่ากันทีหลัง เรื่องชนะยังไงก็สำคัญกว่า มีโอกาสจะผ่านได้ก็ต้องผ่านให้ได้ละครับ คงไม่มีใครอยากเห็น/อยากเล่นให้ทีมตัวเองตกรอบหรอก
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ค่อนข้างดี

มินโยเล่ - เซฟลูกยิงของบาได้ในครึ่งแรก ลูกนี้ลูกเดียวก็หล่อสูสีกับโอ้แล้ว นอกจากนั้นไม่โดนกดดันมากนักเล่นไม่ผิดพลาด

ซาโก้ - ฟอร์มดีที่สุดในแผงหลัง เกมรับเหนียวแน่นเด็ดขาด ผ่านบอลคืนหลังเยอะไปนิดนึงแต่ถ้าดูที่ความแม่นยำ นัดนี้จ่ายบอลแทบไม่พลาดเลย ไม่แถมเฝือกเพื่อนด้วย กลายเป็นตัวหลักในการเอาบอลจากหลังไปกลางทีดี

สเคอเทล - ยังหลอนจากเกมที่แล้วไม่หายมั้ง มีจังหวะเข้าพรวด - พลาดกลางสนามหลายครั้ง เสียฟาล์วง่ายด้วย ง่ายมาก ที่ยังดีอยู่คือจังหวะสกัดในเขตโทษที่ไม่พลาดเลย

ชาน - เป็นเกมที่เล่นได้ไม่ดี ขยับขึ้นมาช่วยต่อบอลแดนกลางบ่อยๆ ลงไม่ทันหลายครั้ง อ่านเกมผิดพลาดในจังหวะสำคัญอีกนิดหน่อยด้วยดีว่าคู่ต่อสู้ขึ้นมาไม่เยอะและความสามารถเฉพาะตัวไม่ได้ดีมากเลยไม่โดนลงโทษ ที่น่าผิดหวังสุดคือการออกบอลที่เคยดีวันนี้ทำได้ธรรมดามากไม่ว่าจะตอนเล่นเซ็นเตอร์หรือกองกลาง มีพลาดให้เห็นเยอะกว่าซาโก้อีก

โมเรโน่ - เกมรุกเติมไม่ค่อยถึงสุดเส้น ขึ้นไปน้อยกว่าไอบ์มากแต่ขึ้นไปแล้วกดดันแนวรับได้ดีหลายครั้ง ในเกมรับช่วยวิ่งไล่ได้ดี รักษาพื้นที่ตัวเองในเกมรับได้ดีกว่าที่ผ่านมาด้วย

ไอบ์ - เกมรับมีให้เล่นน้อย ที่มีบ้างก็ไม่ลงมาช่วยเลย แต่เล่นเกมรุกได้ดี จังหวะ 1-1 ผ่านได้ตลอด ถ้าจะติดก็ติดตัวซ้อน ไม่ก็เปิดพลาดเอง ครึ่งหลังลงมาแล้วเล่นพลาดหลายจังหวะแต่ยังพอทำทางเชื่อมเกมได้อยู่บ้าง และเรียกจุดโทษสำคัญให้กับทีมได้ด้วย

อัลเลน - ครึ่งแรกเล่นได้ดีมาก บอลจังหวะเดียวแม่นและเร็ว ตัวไล่ไล่ไม่ทัน ขยับหาที่ว่างรับบอลดีด้วย เชื่อมเกมได้เด่นที่สุดในแดนกลาง เกมรับก็ทำได้ดีในจังหวะเข้าไปไล่เร็วไม่ให้คู่ต่อสู้โต้กลับ ครึ่งหลังยังเลนได้ดีอยู่แต่ฟอร์มแผ่วลงจากครึ่งแรกบ้างแล้ว และน่าจะถูกเปลี่ยนตามแทคติคมากกว่าฟอร์มหรือความฟิต (ปกติชานวางบอลยาว,ไปกับบอลดีกว่าอัลเลน ถ้าจะหวังช่วยเพิ่มมิติเกมรุกอัลเลนก็ต้องออก)

เฮนเดอร์สัน - ยังคงเป็นราชาลูกเฉี่ยวต่อไป พยายามออกบอลเกมรุกเยอะ ได้ยิงก็เยอะสุดในแผงกลาง แต่ทั้งยิงทั้งจ่ายก็หนักไปทาง “เกือบ” ดีแทบทุกลูก วิ่งไล่/วิ่งทำทางครึี่งแรกได้ดีมาก แต่ครึ่งหลังเริ่มวิ่งขึ้นวิ่งลงได้น้อยลง ขึ้นแล้วไม่ค่อยลง ลงแล้วไม่ค่อยขึ้น วันนี้เตะมุมไม่ดีเลยยยยยย ไม่ดีจนน่าใจหาย

คูตินโย่ - ฟอร์มแผ่วต่อเนื่อง ไม่รู้ยังเจ็บค้างอยู่หรือปล่าว ไล่บอลได้อยู่แต่ก็น้อยลง พลิกบอลขึ้นหน้าได้พอสมควรแต่น้อยกว่าช่วงที่ฟอร์มดีเยอะเลย การผ่านบอลหรือเลี้ยงจี้ก็ทำอะไรคู่ต่อสู้แทบไม่ได้

ลัลลาน่า - เล่นบอลจังหวะเดียวได้ดี เล่นง่ายใครว่างก็จ่าย ให้แล้วก็ไป แต่ทำเกมด้วยตัวเองได้น้อยไปหน่อย มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนัก กะปริบกะปรอยเหลือเกิน แถมทำหมูหกช่วงต้นครึ่งหลังอีกต่างหาก

สเตอริดจ์ - เก็บบอลไว้กับทีมได้ดี ช่ิ่งกลับหรือฝากบอลให้เพื่อนได้ตลอด แต่เก็บไว้กับตัวไม่ดี พลิกบอลไม่ได้เลย พาบอลเลี้ยงจี้โดนแซะทิ้งตลอด หาจังหวะยิงได้น้อยมาก

ตัวสำรอง

ลอฟเรน - เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือสเคอเทลยังมีลอฟเรน เล่นได้โอเคแต่เรื่องพรวดนี่แซงหน้าสเคอเทลแบบไม่เห็นฝุ่น

บาโลเตลลี่ - เล่นได้เข้าที่เข้าทางขึ้น เก็บบอลไว้กับตัวและค้ำแผงหลังได้ดีกว่าสเตอริดจ์มาก เรียกฟาล์วได้เยอะด้วย แต่เรื่องวิ่งทำทางไม่ดีเท่าไหร่และการประสานงานกับเพื่อนยังต้องดีกว่านี้อีกเยอะๆ นัดนี้มีส่วนสำคัญในการทำให้ทีมได้ประตูชัย ทั้งไปแซะมาเอง ทั้ง(แย่ง)ยิงเองด้วย

สเตอลิ่ง - ช่วยปรับความเร็วการเล่นเกมรุกของทีม เลี้ยงจี้กดดันคู่ต่อสู้ได้บ้าง วิ่งทำทางและหาที่ว่างรับบอลพอใช้ได้ อาศัยความสดบดความเหนื่อยคู่ต่อสู้ได้ดี

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มาริโอ บาโลเตลลี่…นับฟอร์ม 90 นาทีผมประทับใจซาโก้ที่สุด แต่ถ้าพูดถึงความโดดเด่นยังคงให้โอ้มากกว่า คนอื่นเล่นแทบตาย อีโอ้นี่ลงมาแค่ 20 นาที ครีเอทให้ 1 ประตูชัยเลยทีเดียว และนอกจากประตูแล้วเขายังเก็บบอล เรียกฟาล์วในแดนหน้า ค้ำในแนวกองหลังแบบที่มนุษย์กองหน้าคนอื่นเค้าทำได้สักทีแล้วด้วย กองหน้าคนอื่นเล่นดีเมื่อทำสิ่งมหัศจรรย์ กองหน้าคนนี้เล่นดีเมื่อทำเหมือนชาวบ้านครัช :P
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คริสตัล พาเลซ 1-2 ลิเวอร์พูล


...ตัวสำรองดีกว่า...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 3-4-2-1

------------------------สเตอริดจ์------------------------
-----------คูตินโย่------------------ลัลลาน่า-----------
โมเรโน่-------อัลเลน-------เฮนเดอร์สัน-----มาโควิช
--------ซาโก้----------สเคอเทล------------ชาน------
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมเอฟเอคัพนอกบ้านด้วยการไปเยือนพาเลซ ร็อดเจอร์จัดชุดใหญ่พิเศษเน้นเอาชัวร์ นี่ถ้าลูคัสกับเจอราร์ดไม่ได้เจ็บไปพร้อมกัน ดีไม่ดีอัลเลนอาจไม่ได้ลงด้วยซ้ำ
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเกมอย่างระมัดระวังตัวเต็มที่ เล่นช้าและไม่ออกบอลเสี่ยง เกมรุกเน้นขึ้นทางขวาโดยมาโควิชเป็นหลัก ส่วนทางพาเลซเน้นรับในแดนสลับกับออกบอลโต้มาทางริมเส้นฝั่งชานซึ่งมาโควิชลอยขึ้นไปเล่นเกมรุก พาเลซครองบอลน้อยกว่าแต่รูปเกมไม่เป็นรอง

________ 15 นาทีแรกของเกมลิเวอร์พูลได้ครองบอลบุกแทบตลอดแต่เจาะไม่ได้ เปิดบอลยังไม่ค่อยได้เปิด กลายเป็นพาเลซได้ประตูออกนำก่อน นาที 16 จากจังหวะไม่น่ามีอะไร บอลโยนโด่งลึกเข้าไปในเขตโทษ สเคอเทลโหม่งบอลไม่ดีไปเข้าหัวเกลได้โหม่งซ้ำ มินโยเล่ที่ถลำออกมาแล้วยังปัดบอลได้แต่ไม่พ้นกรอบ โดนแคมเบลยิงซ้ำเร็วเข้าไป 1-0

_______ พอโดนเข้าไปก่อน ลิเวอร์พูลเล่นเกมรุกดุมากขึ้น แผงหลังดันสูงถึงครึ่งสนาม ชานถูกดันขึ้นมาช่วยต่อบอลแดนกลางในจังหวะตั้งเกมรุก บอลเริ่มขึ้นทางซ้ายโดนคูตินโย่มากขึ้น เริ่มเจาะเข้าไปได้ยิงในเขตโทษบ้าง หน้าเขตโทษบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังโดนเร่งและทำได้ไม่ดีพอจะเป็นประตู

_______ ทางพาเลซหลังได้ประตูนำยังคงรับในแดนเช่นเดิม แม้เกมรับจะหยุดลิเวอร์พูลได้ไม่สนิทนัก พื้นที่ในเขตโทษยังพอมีช่องให้เข้าทำอยู่บ้าง แต่ในขณะเดียวกันเกมรุกพวกเขาก็กดดันลิเวอร์พูลได้  เกมโต้ยังทำได้เป็นระยะๆ โดยเฉพาะลูกตั้งเตะที่พวกเขาเก็บบอลจังหวะสองได้ดีกว่าชัดเจน ถ้าเริ่มได้ตั้งเตะครั้งแรกเมื่อไหร่ต้องได้ยิงสวน เปิดสวนหรือได้ตั้งเตะซ้ำทุกครั้งไป เวลาที่เหลืออยู่ยังทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ทั้งสองทีมเปลี่ยนฝั่งละหนึ่งคนทันที พาเลซส่งพัลเชี่ยนลงมาแทนชามัค ส่วนลิเวอร์พูลส่งบาโลเตลลี่ลงมาแทนมาโควิช ปรับเอาลัลลาน่าไปยืนวิงขวา เล่น 3-5-2

_______ หลังจากมีบาโลเตลลี่ลงมาช่วยแดนหน้าอีกคน เกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้นโดยเฉพาะการเอาบอลขึ้นหน้าที่ทำได้เร็ว เพียงแค่นาที 50 ก็ตีเสมอได้สำเร็จ โดยเฮนเดอร์สันจ่ายบอลขวางสั้นเข้าไปในเขตโทษให้สเตอริดจ์หลุดเข้าไปวอลเล่ย์ลอดขาผู้รักษาประตูได้สำเร็จ 1-1

_______ ลิเวอร์พูลตีเสมอได้แล้วยังเดินหน้าบุกต่อ เกมรุกกดดันได้ถึงหน้าเขตโทษ ฝั่งซ้ายยังขึ้นไม่ได้แต่เกมตรงกลางกับขวาบุกได้ต่อเนื่อง ทางด้านพาเลซคุณภาพการเล่นลูกตั้งเตะไม่ลดลง นับหนึ่งเมื่อไหร่ก็ได้เป็นชุดตลอดและกดดันได้มากโดยเฉพาะการเล่นลูกจังหวะสองที่ไม่ว่าจะยิงหรือจ่ายก็ได้ลุ้นไม่น้อย(ได้ลุ้นกว่าการโหม่งจังหวะแรก) แต่พาเลซมีจังหวะโต้ขึ้นหน้าน้อยลงกว่าในครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัดแล้ว

_______ นาที 58 บาโลเตลลี่เรียกฟาล์วหน้าเขตโทษได้และรับหน้าที่ยิงฟรีคิกเอง บอลเข้ากรอบตรงตัวผู้รักษาประตูแต่บอลแรงจนรับไม่อยู่ ลัลลาน่าตามเข้าไปซ้ำได้เร็วไม่พลาดให้ทีมพลิกขึ้นนำ 2-1

_______ หลังจากตกเป็นฝ่ายตามหลัง พาเลซไม่รอโต้แล้วหันมาตั้งเกมรุกด้วยตัวเองมากขึ้น เกมริมเส้นทำได้ดี บอลขึ้นไปได้เปิดเป็นระยะ เรียกลูกตั้งเตะได้พอควร กดดันแนวรับได้ดีในจังหวะแบบนี้ ส่วนทางลิเวอร์พูลพอนำได้แล้วหันมารับมากขึ้น เกมรับยังดูดีอยู่เมื่อสามารถปิดเกมรุกได้ พาเลซเปิดบอลดีๆ เข้ามาในเขตโทษไม่ได้เลย ติดหมด แต่กับการโต้กลับลิเวอร์พูลทำได้ แย่มาก โต้ไม่ขึ้น หน้าเก็บบอลไม่ได้ กลางเติมไม่ทัน เปลี่ยนรับเป็นรุกได้ไม่ดี

_______ ตลอดช่วงนาที 60 - 72 เกมโดยรวมยังสูสีแต่เป็นพาเลซที่ดูจะมีโอกาสลุ้นอยู่ในเขตโทษมากกว่า โดยนาที 72 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมรุกพาเลซเมื่อซาฮาได้ลงมาแทนโบลาซี่เป็นตัวสำรองคนสุดท้าย หลังจากซาฮาลงสนามมา เกมรุกของพาเลซที่อันที่จริงก็ทำได้แค่พาบอลไปเรียกเตะมุมอยู่แล้ว คราวนี้เอาบอลขึ้นไปถึงสุดเส้นได้น้อยลงไปอีก เกมรุกแย่ลงเรื่อยๆ

_______ นาที 78 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนสองคนพร้อมกัน แลมเบิร์ตกับลอฟเรนได้ลงมาแทนสเตอริดจ์กับคูตินโย่ ชานขยับขึ้นมาเล่นตรงกลาง ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลกลับมาครองบอลได้เบ็ดเสร็จ เป็นฝ่ายคุมเกมได้หมดเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มเกมมา หน้าเก็บบอลได้แล้ว กลางผ่านบอลหนีตัวไล่ได้แล้ว พาเลซตัดบอลกลับไปได้ช้า โต้เร็วแทบไม่ได้ พาบอลไปถึงเขตโทษได้น้อยลง

_______ เวลาที่เหลืออยู่ พาเลซยังคงได้ลุ้นนิดๆ หน่อยๆ จากลูกโยนโด่งๆ มั่วๆ เข้าไปในเขตโทษสลับกับลูกตั้งเตะ แต่รูปเกมสู้ไม่ได้แล้ว ลิเวอร์พูลครองบอลไว้กับตัวได้นานและปิดเกมไปได้สำเร็จที่สกอร์ 2-1
-----------------------------------------

_______ พาเลซยิ่งเปลี่ยนยิ่งบรรลัย ลิเวอร์พูลยิ่งเปลี่ยนยิ่งใช่

_______ 11 ตัวจริงต้นเกมดูจากความฟิต ถ้าจะเล่น 3-4-2-1 นี่เป็นทีมดีสุดที่จะจัดได้แล้วครับ อัลเลนได้ลงตัวจริงมาก็ดูจะเป็นเกมที่ไม่ได้ยากสำหรับเขาเท่าไหร่เพราะพาเลซไม่ใช่ทีมเล่นหนัก แถมไม่เน้นเจาะตรงกลางอีกต่างหาก

_______ รูปเกมครึ่งแรกอันที่จริงไม่ได้มีฝ่ายไหนได้เปรียบเลย แต่ลิเวอร์พูลดันมาเสียง่ายเสียเร็ว ทำให้เกมที่ควรจะเล่นไปเรื่อยๆ ค่อยๆ หาช่องก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องมาเร่ง ในขณะที่พาเลซพอนำแล้วยิ่งเล่นง่าย มั่นใจขึ้น ทำให้เกมที่พวกเขาควรจะต้องกดดัน(จากการโดนบุก)มากกว่านี้กลายเป็นว่าไม่กดดันเท่าไหร่

_______ เกมเริ่มเปลี่ยนตอนพักครึ่งนี่เองครับ ครึ่งแรกนี่ดูข้ามๆ ไปเลยก็ได้ การเปลี่ยนตัวของทั้งสองทีมส่งผลมากๆ กับเกมในวันนี้

_______ พาเลซส่งพัลเชี่ยนลงมาแทนชามัค ข้างหน้าเก็บบอลได้น้อยลง กวาดิโอล่าลงมาแทนเคลลี่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรดีขึ้น ยิ่งซาฮาที่ลงมาแทนโบลาซี่นี่ยิ่งหนัก นัดนี้ถ้าพาเลซเล่นโดยใช้ 11 ตัวแรกได้ตลอดเกมจะสู้ได้ดีกว่านี้อีกเยอะเลย

_______ สวนทางกับลิเวอร์พูล บาโลเตลลี่ลงมาช่วยค้ำแดนหน้าได้ดี เปิดทางให้สเตอริดจ์เล่นง่ายขึ้นไม่ว่าจะถอยไปเชื่อมเกมหรือวิ่งห่างออกไปจากเขตโทษบ้าง ยิ่งแลมเบิร์ตกับลอฟเรนลงมายิ่งเห็นชัดว่าทำให้รูปเกมดีกว่าเดิม ครองบอลอยู่ คุมเกมได้

_______ จากต้นเกมที่สูสี พอถึงท้ายเกมเหมือนหน้ามือเป็นหลังมือกลายเป็นขาดสนิท ใครดูแค่ 10 นาทีสุดท้ายนี่รับรองว่านึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วง 80 นาทีก่อนหน้านั้น เกมนี้วัดกันที่คุณภาพตัวสำรองที่ส่งลงมาจริงๆ

_______ ทางด้านลิเวอร์พูล การรับมือลูกตั้งเตะแย่น้อยลงแต่ยังแย่อยู่ จังหวะแรกพวกเขาสกัดกันได้ดีขึ้น ไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้โหม่งหรือได้ชาร์จสักเท่าไหร่แล้ว แต่การคุมพื้นที่ก็ดี การสกัดก็ดี ทำได้แย่มาก อย่างที่บอกตอนต้นว่าเก็บบอลจังหวะสองในลูกตั้งเตะแทบไม่ได้เลย อย่าว่าแต่จะเอาไปโต้ เอาแค่สกัดให้มันขาดยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ยังคงต้องแก้ไขเรื่องนี้กันต่อไป แต่ถ้ามองพัฒนาการจากต้นฤดูกาลที่โดนตั้งแต่เข้าบอลจังหวะแรกกันเลยก็อาจจะไม่ต้องอะไรมากมั้ง ดีขึ้นเยอะแล้วนี่

_______ สำหรับชาน ดูแล้วก็อีหลักอีเหลื่อดีชอบกล ไม่ใช่ว่าเขาเล่นไม่ดี แต่หมายถึงเกมนี้(และอีกหลายๆ เกมในช่วงหลัง) ทั้งๆ ที่เริ่มเกมโดยใช้หลังสามและเขายืนเป็นเซ็นเตอร์ขวา แต่ชานใช้เวลาส่วนใหญ่ในสนามกับการขึ้นมาช่วยต่อบอลในแดนกลางมากกว่า โดยเฉพาะเวลาต้องการประตูนี่ชานขึ้นมาสูงกว่าคู่กลางซะอีก

_______ ส่วนบาโลเตลลี่ ฟอร์มมาตามอารมณ์จริงๆ คือพอเล่นแบบไม่เครียดมากนัก ไม่กดดันอะไรนัก ทำผลงานได้ดีกว่าในช่วงที่ “เป็นความหวัง” วันนี้เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ฟอร์มเจิดจรัสอะไรนักหรอก แต่เขาเล่นตามแทคติคได้ดี ถ้ายังจำกันได้ช่วงที่ทีมดำดิ่งโดยมีเขาเป็นหัวหอก(ในทั้งสองความหมาย)นั้น แค่เล่นตามแทคติคยังทำไม่ได้เลย วันนี้กลับทำได้ ไม่วิ่งมั่วซั่ว จังหวะเล่นคู่กับสเตอริดจ์ก็ค้ำตามตำแหน่ง พอเล่นคู่กับแลมเบิร์ตก็วิ่งออกไปข้างบ่อยขึ้น จังหวะทีมจะปิดเกมก็เอาบอลไว้กับตัวไม่เร่งพลิกบอล

_______ ยังไม่ต้องถึงขั้นจอมถล่มประตู หรือแแบกทีมอะไรหรอก เอาแค่เล่นตามแทคติคได้แค่นี้ก็ดีใจตายชักแล้วโอ้เอ้ย~

_______ โมเมนตัมของทีมดูดีขึ้นเรื่อยๆ  แต่สวนทางกับสังขารผู้เล่น ลูคัสกับเจอราร์ดก็ไปแล้ว คูตินโย่กับสเตอริดจ์ถึงเล่นได้ก็ยังไม่ฟิตเต็ม 100 สเตอลิ่งก็ไม่รู้จะต่อสัญ...เอ้ย หายเจ็บข้อเท้าเมื่อไหร่ ต้องดูกันไปเป็นนัดๆ ละครับ
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - มีมือไม้อ่อนให้เห็นบ้าง ปัดบอลไม่พ้นกรอบอีกต่างหาก แต่โดยรวมเขาขึ้นตัดบอลโด่งได้น่าพอใจและมีจังหวะเซฟช่วยทีมได้ด้วย

ซาโก้ - เล่นเกมรับได้ดีที่สุดในแนวรับแล้ว ปิดพื้นที่ริมเส้นได้ดี ลูกกลางอากาศไว้ใจได้

สเคอเทล - เล่นพลาดทำเสียประตูแรก หลังจากนั้นก็ดูจะเสียความมั่นใจไปด้วย แม้จะสกัดบอลเปิดเข้าเขตโทษได้มากแต่กะจังหวะบอลไม่ดี สกัดไม่ค่อยขาด

ชาน - ขึ้นไปช่วยแดนกลางเยอะ มีส่วนร่วมกับเกมมากโดยเฉพาะการเชื่อมเกมจากหลังขึ้นมากลาง เกมรับครึ่งแรกเปิดพื้นที่ไว้เพียบ ครึ่งหลังก็ยังเปิดไว้พอควร ขึ้นแล้วลงไม่ทันก็มีให้เห็นบ้าง หลังจากที่ลอฟเรนลงมาและเขาขยับขึ้นไปเล่นตรงกลาง (ผู้บรรยายบอกว่าชานเล่นวิงแบ็คแต่ผมว่ายืนตรงกลางมากกว่านะ) ผ่านบอลได้ดีมาก โดนไล่ก็ไม่จน

โมเรโน่ - เกมรุกไม่เล่นเลย คือทั้งไม่ขึ้นด้วยและบอลไม่ไปหาด้วย แต่ทำผลงานเกมรับได้น่าพอใจ ช่วยพื้นที่ริมเส้นได้ดี ไล่บีบบอลได้เร็วและไม่พรวดพราดจนเสียฟาล์วหรือโดนแตะหลบ เชื่อมเกมได้ตามเนื้อผ้า

มาโควิช - ไม่แน่ใจว่าใส่สตั๊ดหรือใส่สเก็ตลงสนาม เดี๋ยวลื่นๆ ครึ่งแรกที่ได้เล่นเอาบอลไปถึงสุดเส้นได้ดี แต่เปิดเข้ามาไม่ดีเท่าไหร่ เลี้ยงจี้ดีที่ครองบอลอยู่แต่สร้างโอกาสได้ไม่มากนัก ไม่ได้เล่นแย่ไปกว่าคนอื่นแต่ที่โดนเปลี่ยนออกก่อนเพื่อนน่าจะเป็นไปตามแทคติคมากกว่า

อัลเลน - ตรงกลางและหน้าเขตโทษเป็นพื้นที่ที่พาเลซไม่เจาะเลย และอัลเลนยืนต่ำกว่าเฮนเดอร์สัน หน้าที่หลักคือแค่เก็บบอลสองกับเชื่อมเกม ในเกมเปิดเขาเก็บบอลได้ดี เชื่อมเกมครึ่งแรกไม่ดีเลยเคาะกลับหลังรัวๆ แต่ครึ่งหลังทำผลงานดีขึ้น และช่วงราวๆ 15 นาทีสุดท้ายเชื่อมเกมได้ดีมาก ทั้งการเคลื่อนที่รับบอลและผ่านบอล

เฮนเดอร์สัน - ไล่บอลได้ธรรมดา เข้าถึงบอลไม่เร็วนัก ยืนสูงกว่าอัลเลน เอาบอลขึ้นหน้าพอใช้ได้ไม่ถึงกับดี เติมขึ้นไปช่วยหน้าเขตโทษได้บ้าง ทำได้ดีมากๆ ในจังหวะเปิดให้สเตอริดจ์ยิง ฟอร์มโดยรวมแค่พอใช้ได้แต่กับการจ่ายลูกนี้ลูกเดียวก็หล่อขึ้นอีกเจ็ดแปดขีดแล้ว

คูตินโย่ - โดนประกบติดเป็นพิเศษ ครึ่งแรกพอจะหาโอกาสยิงไกลได้บ้างแต่การทำเกมรูปแบบอื่นทำไม่ได้เลยไม่ว่าจะจ่ายตามช่องหรือทำชิ่ง เชื่อมเกมก็ไม่ดีนัก เข้าครึ่งหลังนี่แทบลืมเลยว่าอยู่ในสนาม

ลัลลาน่า - เล่นบอลจังหวะเดียวได้ดีมาก ขยันวิ่งทำทาง แต่ไม่พลิกเล่นเองและเล่นตามจังหวะไปหน่อยเลยมีส่วนร่วมกับเกมไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่ เกมรับช่วยได้ดีกว่าคูตินโย่ และจังหวะลงไปเล่นวิงขวาก็ช่วยเกมรับและการเชื่อมเกมได้ดี จังหวะยิงประตูชัยรักษาแนวได้ดีและตามได้เร็ว......คืออกตัวตั้งแต่เท้าโอ้โดนบอลเลยล่ะ

สเตอริดจ์ - ความฟิตดูดีขึ้น ยังไม่เต็ม 100 แต่จังหวะออกตัวช้าหรือสปีดตกก็ไม่มีให้เห็นเท่าไหร่แล้ว ยังหาช่องเล่นไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เรียกฟาล์วไม่ได้ แตะบอลหาช่องยิงก็ไม่ดีนัก แต่ทำดีมากกับจังหวะยิงตีเสมอ ยิงซะอย่างกับมันง่ายมากกับการวอลเล่ย์ให้ลอดตัวผู้รักษาประตูทั้งๆ ที่มีตัวประกบเข้ามาเร่งและโดนปิดมุมแล้ว

ตัวสำรอง

บาโลเตลลี่ - ยิ้มแล้ว เฮ้~ เล่นตามแทคติคก็เล่นได้นี่หว่า

แลมเบิร์ต - เก็บบอลได้พอควร ประสานงานกับเพื่อนร่วมยังไม่ถึงกับดีแต่ยังไม่ถึงขั้นบอลไปทางคนไปทาง

ลอฟเรน - ออกไปช่วยเกมริมเส้นไม่ดีเท่าไหร่นัก ปักหลักอยู่ในเขตโทษเยอะไปนิด แต่จังหวะสกัดหรือผ่านบอลหนีตัวไล่ไม่มีปัญหา

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...แบรนดอน ร็อดเจอร์…คนเล่นไม่มีใครเด่น ซาโก้ดูจะเป๊ะสุดแต่พาเลซเองก็ไม่ได้เกมรุกจัดจ้านอะไรขนาดนั้น อัลเลนกับเฮนเดอร์สันช่วงที่ทีมยังไม่นำก็เล่นไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ขอเลือกร็อดเจอร์ที่รีบเปลี่ยนตัวตอนพักครึ่งและผลลัพธ์ออกมาดีก็แล้วกัน
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.