วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 4-1 สวอนซี(พรีเมียร์ลีค)



...คิดน้อยๆ ก็เวิร์คได้นะ ไม่ต้องซับซ้อนมากก็ได้...
___________________________

ลิเวอร์พูลยังคงเล่น 3-4-1-2

------------------------สเตอลิ่ง-------------------------
-----------ลัลลาน่า--------------คูตินโย่---------------
โมเรโน่-------ลูคัส-------เฮนเดอร์สัน-------มานกีโย่
--------ซาโก้--------สเคอเทล-------ชาน-------------
-------------------------มินโยเล่---------------------------

_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านรับมือสวอนซี นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับ 11 ตัวจริงนิดหน่อย แต่ที่น่าสนใจอยู่ตัววิงแบ็คสองข้างหันกลับมาใช้แบ็คแท้ๆ ทั้งสองตัว ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ก็ตามที่เห็น
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายเล่นเหมือนกันเป๊ะด้วยการวิ่งเข้าหาบอลเร็วตั้งแต่แดนหน้าและพยายามออกบอลเร็วขึ้นหน้าทันทีที่ตัดได้ เข้าบอลกันค่อนข้างหนักทั้งคู่แต่กรรมการก็ปล่อยเกมไม่ค่อยเป่าฟาล์ว ยิ่งเล่นลิเวอร์พูลยิ่งดูดีกว่าขึ้นเรื่อยๆ

_______ ลิเวอร์พูลช่วยกันวิ่งไล่กันได้ดี ตัดบอลกลับมาได้เร็วกว่า เกมรุกเน้นขึ้นบอลริมเส้นโดยวิงแบ็คทั้งสองฝั่งเติมเล่นเกมรุกเต็มที่ บอลไปถึงเขตโทษและได้ลุ้นเปิดเข้าทำบ้างแล้ว ส่วนทางสวอนซีโดนไล่จี้จนครองบอลได้ไม่มากนักและบอลมาไม่ถึงเขตโทษ

_______ กว่าครึ่งชั่วโมงที่สวอนซีวิ่งไล่ไม่เจอบอลและเก็บบอลแดนหน้าไม่ค่อยได้ ทำให้ได้ครองบอลน้อยลง บุกไม่ได้ ต้องเล่นช้าลงเมื่อได้บอล เป็นลิเวอร์พูลที่ครองเกมได้ดีกว่าชัดเจน เกมรุกทางซ้ายโดยเฉพาะการเติมของโมเรโน่กดดันได้อย่างต่อเนื่อง

_______ ในที่สุดลิเวอร์พูลก็ขึ้นนำได้สำเร็จ นาที 33 โมเรโน่วิ่งเติมขึ้นมาสูงก่อนจะวิ่งตัดเข้ากลางแล้วฝากบอลให้ลัลลาน่าที่หน้าเขตโทษ ลัลลาน่าจ่ายตามช่องให้เฮนเดอร์สันที่วิ่งเติมเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาก่อนจะหักเรียดกลับเข้ามาให้โมเรโน่ที่วิ่งเข้าไปในเขตโทษได้ชาร์จจ่อๆ บอลตรงตัวผู้รักษาประตูแต่แรงพอที่จะปลิ้นเข้าไปให้ทีมนำ 1-0

_______ หลังจากขึ้นนำได้ เกมของลิเวอร์พูลยังดีต่อเนื่อง เกมรุกพาบอลไปถึงเขตโทษได้บอล ได้ลุ้นเปิดบอลและจบสกอร์แบบโดนเร่งเป็นระยะ ส่วนสวอนซีเกมรุกริมเส้นดับสนิท จะวางบอลให้โบนี่พักก็เก็บบอลเล่นไม่ค่อยได้ นานๆ จะได้ลุ้นเปิดบอลจากริมเส้นสักทีก็ยังกดดันได้ไม่มากเท่าไหร่ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง สวอนซีส่งแรงเคลลงมาแทนริชาร์ดตามตำแหน่งแบ็คขวา กลับลงมาเน้นการวิ่งไล่ตั้งแต่ในแดนหน้ามากขึ้นกว่าในครึ่งแรกซึ่งก็ได้ผลพอควร เกมรุกของสวอนซีพาบอลขยับเข้าใกล้เขตโทษได้มากขึ้นแต่ยังหาโอกาสลุ้นเข้าทำได้น้อย ส่วนลิเวอร์พูลยังเล่นได้เหมือนในครึ่งแรก

_______ นาที 51 จากจังหวะไม่น่าจะมีอะไร สวอนซี(ถ้าดูไม่ผิดน่าจะเป็นเชลวี่ย์)จ่ายบอลคืนหลังให้ฟาเบียงสกี้ผู้รักษาประตู ลัลลาน่าวิ่งตามเข้าไป ฟาเบียงสกี้เปิดบอลไม่ละเอียดพอโดนลัลลาน่ากระโดดบล็อคเอาไว้ได้ บอลกระดอนตรงกรอบเป็นประตูไปซะอย่างนั้น 2-0

_______ แต่เพียงแค่นาทีถัดมา สวอนซีก็ได้ประตูตีตื้นอย่างรวดเร็วเมื่อมีโอกาสได้เปิดบอลจากริมเส้น กองหลังลิเวอร์พูลสกัดถึงบอลแต่ไม่ขาด และอ่านจังหวะบอลตกได้ไม่ดีพอ สุดท้ายโดนซิกูสันเก็บตกบอลที่ซาโก้ขึ้นเบียดโหม่งกับโบนี่เอาไว้ได้ ยิงจ่อๆ เข้าไปไม่เหลือ 2-1

_______ หลังจากแลกกันคนละแผล เกมก็เปลี่ยนทันที สวอนซีเริ่มมั่นใจและขยับเกมรุกได้ดีขึ้นผิดหูผิดตา ในขณะที่ลิเวอร์พูลเริ่มไล่ให้จนในแดนกลางได้น้อยลง ต้องถอยลงมาช่วยกันรับมากขึ้นแต่จังหวะขึ้นเกมรุกของตัวเองยังทำได้ดีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะวางสั้นวางยาวหรือเปลี่ยนรับเป็นรุกยังทำได้อยู่ รูปเกมเลยออกมาสูสีและและเกมรุกเร็วเข้าใส่กัน

_______ เกมสูสีอยู่แค่เกือบๆ 5 นาที พอเล่นเร็วต่อเร็วแล้วลิเวอร์พูลกลับมาได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีความผิดพลาดน้อยกว่าและวิ่งไล่แถววงกลมกลางสนามได้ดีกว่า สวอนซีโดนวิ่งไล่กดดันจนออกบอลขึ้นหน้าได้ยากขึ้นๆ และมีความผิดพลาดกันเองมากขึ้นโดยเฉพาะเชลวี่ย์ที่เล่นไปเล่นมาทำเกมรุกใส่สวอนซีได้น่ากลัวๆ พอๆ กับตัวรุกลิเวอร์พูลเองเลยด้วยซ้ำ

_______ นาที 61 จากจังหวะทำเร็ว คูตินโย่ให้บอลไปที่ลัลลาน่าแถวหน้าเขตโทษ มีสเตอลิ่งวิ่งตัดเข้ากลางดึงตัวประกบไปให้ ลัลลาน่าได้โอกาสกระชากออกด้านข้างหลุดเข้าไปได้ยิงในเขตโทษไม่พลาด หนีห่างเป็น 3-1

_______ ถึงตรงนี้สวอนซียังพอบุกได้อยู่และได้ลุ้นยิงแบบโดนเร่งบ้าง แต่ความเร็วและความต่อเนื่องในเกมรุกเหมือนในช่วงประมาณนาที 55-60 แทบไม่มีให้เห็นแล้ว แทบการตั้งเกมยังโดนวิ่งไล่จนออกบอลพลาดเป็นระยะอีกต่างหาก ลิเวอร์พูลกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้หมด

_______ นาที 69 ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม เฮนเดอร์สันเปิดมาที่หัวเสาแรกมีลัลลาน่าเบียดกับเชลวี่ย์อยู่แล้วก็เป็นเชลวี่ย์ที่ขึ้นโหม่งถึงบอลเช็ดมุมแคบเสียบเสาสองชนิดตั้งใจโหม่งก็ยังไม่มีปัญญาทำได้เข้าไปอย่างสุดสวย 4-1ถึงตรงนี้เกมก็ขาดสนิทแล้ว ทั้งสกอร์และรูปเกมที่สวอนซีไม่มีอะไรจะสู้แล้ว

_______ นาที 76 มัลโควิชได้ลงแทนลัลลาน่า นาที 83 บาโลเตลลี่แทนสเตอลิ่ง นาที 90 บอรินี่แทนคูตินโย่ ตลอดช่วง 15 นาทีท้ายนี้เป็นลิเวอร์พูลที่คุมเกมได้ดีกว่า พาบอลมาถึงหน้าเขตโทษได้แบบไม่มีปัญหา เล่นเกมรุกกดดันหาโอกาสจบสกอร์ได้ต่อเนื่อง ส่วนสวอนซีทำอะไรไม่ได้ ตั้งเกมลำบาก เกมริมเส้นก็ไปไม่สุดเปิดบอลแทบไม่ได้ ได้หวังลมๆ แล้งๆ อยู่หน่อยกับจังหวะเล่นลูกยากของโกมิส(ลงมาแทนโบนี่ตั้งแต่นาที 62) อยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จบเกมลิเวอร์พูลชนะขาด 4-1
-----------------------------------------

_______ เป็นเกมที่เล่นได้ดีเอามากๆ ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือกับนัดที่แล้วเลย

_______ เหนือสิ่งอื่นใด เกมนี้ “วิ่ง” กันได้ยอดเยี่ยมทุกคนครับ ในเกมรับ วิ่งไล่กันทุกคนและไล่ตั้งแต่แดนหน้า แผงกลาง 4 คน(ยังไม่ต้องนับวิงแบ็คสองข้างซึ่งก็วิ่งไม่แพ้กัน) วิ่งไล่เข้าหาบอลตั้งแต่เส้นกลางสนาม ทำเอาสวอนซีตั้งเกมของตัวเองแทบไม่ได้เลยตลอดเกม แนวรับที่เคยโดนกดดันอย่างหนักอยู่บ่อยๆ วันนี้หนักไปทางยืนยิ้มเพราะคู่ต่อสู้พาบอลมาถึงเขตโทษได้ไม่มากนัก บอลส่วนใหญ่มาแบบทะลักๆ ไม่ก็โยนลึกมาจากแนวหลังซึ่งเก็บกินไม่ยาก ในเกมรุกที่นัดก่อนเดินเล่นกัน นัดนี้วิ่งเป็นม้าครับ ช่วยกันทำทางตลอด จังหวะใครพาบอลขึ้นหน้า มีตัวเลือกเพียบทั้งซ้าย ขวา และข้างหน้า (ลองดูลูกแรกกับลูกสามได้) ไม่ใช่ต่างคนต่างเล่นแล้ว

_______ ที่สำคัญคือวิ่งได้ทั้งเกม นำห่างก็ยังวิ่งอยู่ เกมรับเกมรุกวิ่งกันตลอด ชนะได้สวยทั้งสกอร์และรูปเกมก็เพราะวิ่งนี่ล่ะครับ

_______ วันนี้ต้องขอชื่นชมร็อดเจอร์จากใจที่เค้าจัด 11 ตัวจริงมาได้ดีกว่านัดที่ผ่านๆ มา สำคัญสุดก็จิ้มไปที่วิงแบ็คสองข้างที่ใช้แบ็คธรรมชาติจริงๆ แล้ว(สักที) ทั้งโมเรโน่และมานกีโย่ ไม่ต้องปรับต้องเปลี่ยนเอาตำแหน่งอื่นมาเล่นให้วุ่นวายแล้ว ซึ่งทั้งคู่เล่นในบทบาทนี้ได้ดีกว่าแบ็คจำเป็นที่ใช้มาก่อนหน้านี้ วิ่งขึ้นลงได้ตลอด ยิ่งในกรณีโมเรโน่ อ่านเกมและเข้าใจการเล่นเกมรับในฐานะตัวริมเส้นได้ดีกว่ามาร์โควิชเยอะ(แหงล่ะ) ซึ่งทำให้ซาโก้แทบจะไม่ต้องออกไปไล่ใครริมเส้นเลยตลอดเกม พอใช้แบ็คธรรมชาติดันขึ้นไปช่วยเกมรุกแบบนี้ เกมรุกของทีมเลยถ่างแนวรับได้ดีขึ้นเยอะครับ ไม่แออัดยัดเยียดกันอยู่ตรงกลางแบบที่ผ่านมาแล้ว

_______ ถัดจากแบ็คก็คงเป็นเรื่อง...เอ้อ...เจอราร์ด พอไม่มีเจอราร์ดแล้วเฮนเดอร์สันกล้าเล่นขึ้นเยอะเลยครับ มีส่วนกับเกมตลอดด้วย ในเกมรับที่เน้นการวิ่งไล่หนักๆ ในแดนกลาง (เกือบ)ทุกคนวิ่งไล่ได้ตลอดครับ ถ้าใช้เจอราร์ดจะไล่แบบนี้ไม่ไหวแน่ ในเกมรุก ทีมก็ไม่ต้องขึ้นบอลที่เจอราร์ดเป็นหลักแล้ว ให้ขึ้นหน้าไปได้เลย และตัวที่คอยประคองรับบอลจากแนวหลังก็มีแค่คนเดียวคือลูคัส ซึ่งก็พอแล้วสำหรับการจะเคาะหาที่ว่างในแดนหลัง

_______ ถ้าหวังจะวิ่งไล่ วิ่งหาช่อง เล่นบอลเร็วแบบนี้ ในมุมมองของผมเจอราร์ดยังเล่นได้ครับ แต่ต้องไปเล่นข้างหน้าโน่น แทนลัลลาน่าหรือคูตินโย่ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าฟิตไม่พอก็ต้องนั่ง ถ้าวิ่งแล้วหมดก็ต้องเปลี่ยนออก และถ้าลัลลาน่ากับคูตินโย่ยังมีแรงเล่น/เล่นได้อยู่ เจอราร์ดต่อให้ฟิตก็ควรต้องนั่งครับ นี่ยังไม่นับว่ามีมาร์โควิชอีกคนนะ

_______ การเปลี่ยนตัววันนี้เปลี่ยนตอนเกมขาดแล้วทั้งนั้นครับ หลักๆ ก็เปลี่ยนแบบให้โอกาสนั่นแหล่ะ เลยไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก

_______ นัดนี้เป็นนัดที่ร็อดเจอร์วางแทคติคและจัด 11 ตัวจริงได้น่าประทับใจครับ

_______ ทิ้งท้ายนิดๆ กับสวอนซี ดูแล้วคุ้นๆ มั้ยครับ โดนวิ่งไล่จนตั้งเกมไม่ขึ้น แถมจ่ายบอลในแดนตัวเองพลาดโดนคู่ต่อสู้ตัดไปลุ้นยิงได้บ่อยๆ ด้วย ที่สำคัญที่สุดสำหรับสวอนซี...เชลวี่ย์พลาดบ่อยไปนะครัช ทั้งตีศอกหวิดโดนไล่ออก(กรรมการบางคนไล่แน่), จ่ายพลาดให้โดนตัด จ่ายแถมเฝือก/แถมงานให้เพื่อน แถมโหม่งทำประตูอีกต่างหาก เอาเข้าไป
-------------------------------

นัดนี้เล่นดีทั้งทีม

มินโยเล่ - รักษาตำแหน่งใช้ได้ สวอนซีได้ยิงไม่มากนักและลูกที่มีน้ำหนักก็ไม่ค่อยจะตรงกรอบ ลูกที่เสียไปก็เผาขนซะไหม้เกรียมช่วยไม่ไหวแน่ เตะเปิดเกมได้น่าเกลียดมาก อยู่ในช่วงเรียกความมั่นใจ

ซาโก้ - จังหวะประกบและดักตัดบอลก่อนถึงกองหน้าทำได้ดี ในเกมรับจะมีพลาดก็จังหวะเสียประตูนั่นแหล่ะ ส่วนการผ่านบอล อันตรายตลอดเกม...อันตรายกับพวกเดียวกันนี่ล่ะ

สเคอเทล - ประกบได้ดี สกัดได้เด็ดขาด ลูกที่เสียประตูมีส่วนพลาดด้วยเหมือนกัน วันนี้ลูกตั้งเตะในเกมรุกหาจังหวะเข้าทำได้ดี เข้าถึงบอลหลายครั้งเสียดายที่ไม่เป็นประตู

ชาน - นิ่งขึ้นกว่านัดที่แล้วแต่ยังพอมีปัญหาอยู่บ้างในเรื่องการอ่านเกมและการเสี่ยงเก็บบอลไว้กับทีมมากไปในบางจังหวะ แต่ทำได้ดีในเรื่องการผ่านบอลขึ้นหน้าที่ทำได้หลากหลายทั้งบอลสั้นยาวและแตะบอลหลบตัวไล่

โมเรโน่ - ครึ่งแรกโดดเด่นมาก ประตูแรกเป็นทั้งคนเริ่มและคนจบสกอร์ ทั้งเกมวิ่งขึ้นลงได้ดี เกมรับลงทัน เกมรุกเติมถึงในเขตโทษอยู่ตลอด

มานกีโย่ - ได้บอลน้อยกว่าโมเรโน่ พาบอลไปเองและเปิดบอลเข้าทำไม่ดีนัก แต่วิ่งขึ้นลงได้ดี วิ่งไล่ได้ เกมรับไม่หลวม ช่วยเชื่อมเกมได้พอใช้

ลูคัส - วิ่งเข้าถึงบอลได้ดีในช่วงประมาณ 1 ชั่วโมงแรกของเกม ตัดบอลโต้กลับของคู่ต่อสู้ได้ก็ไม่น้อย แต่ช่วงครึ่งชั่วโมงหลังหมดแรงวิ่งอย่างเห็นได้ชัด และตลอดเกมลูคัสแม้จะขยันวิ่งแต่ก็ช้ากว่าแดนกลางคนอื่นพอควร รวมไปถึงเชื่อมบอลขึ้นหน้าได้ไม่ดีนัก(เชื่อมไปข้างๆ หรือเคาะคืนหลังได้อยู่)

เฮนเดอร์สัน - มีส่วนร่วมกับเกมเยอะโดยเฉพาะเกมรุก เปลี่ยนรับเป็นรุกได้ดี กล้าเล่น เติมขึ้นไปสูงถึงหน้า - ในเขตโทษได้ดีต่อเนื่อง ในเกมรับวิ่งไล่ช่วยแดนกลางได้เยอะ แต่ดูจะพะวงเกมรุกมากไปสักนิดนึง บางจังหวะไม่ต้องลอยสูงจนกลางหายแบบนั้นก็ได้

ลัลลาน่า - หาที่ว่างรับบอลได้ดีตลอดเกม เล่นง่ายไม่ฝืน ขยันวิ่งมากๆ ด้วย มีส่วนร่วมกับเกมรุกและประตูที่ทีมทำได้ในวันนี้เยอะมาก

คูตินโย่ - ยังคงเน้นเล่นสไตล์ เห็นประตูกูส่อง ต่อไป แต่วันนี้กดดันแนวรับได้ดีขึ้นและยังมีจังหวะที่จ่ายบอลให้เพื่อนเอาไปเล่นต่อดีๆ ง่ายๆ ได้เยอะอยู่ มีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะ และนัดนี้ขยันวิ่งไล่มากเป็นพิเศษ ทำได้ดีด้วย

สเตอลิ่ง - วิ่งทำทางและหาช่องได้ดีขึ้น ครึ่งแรกยังเอาชนะได้ไม่มากนักแต่ครึ่งหลังโดยเฉพาะหลังจาก 2-1 แล้ว มีพื้นที่ให้เล่นเยอะขึ้นและกดดันแนวรับได้ต่อเนื่อง ยังคงเล่นฝืนเกินไปเป็นส่วนใหญ่แต่โดยรวมมีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะกว่าไอ้สามนัดที่ยิงประตูได้เสียอีก และแน่นอนว่านัดนี้ช่วยวิ่งไล่ได้ดีเช่นกัน

มาโควิช - ได้ลงมาเล่นในตำแหน่งที่ควรสักที เล่นชิ่งง่ายๆ แต่สร้างโอกาสให้เพื่อนได้ยิงอยู่สองสามหน หาที่ว่างรับบอลได้ดี แต่เรื่องวิ่งไล่หรือการช่วยเกมรับสู้ลัลลาน่าไม่ได้โดยสิ้นเชิง(ซึ่งคงไม่มีใครซีเรียส)

บาโลเตลลี่ - มีเพื่อนช่วยปั้นก็ส่วนนึง แต่เจ้าตัวเองก็ขยับหาที่ว่างรับบอลได้ค่อนข้างดี แต่หาจังหวะยิงเองก็ใช้ได้ด้วย แต่ยิงไม่ค่อยจะดีนัก

บอรินี่ - เปลี่ยนกันแบบนี้(นาที 90) ปาสตั๊ดใส่หน้าเลยก็ได้ครัช สุภาพกว่า

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...อดัม ลัลลาน่า…เล่นง่ายๆ แต่ได้ประสิทธิภาพ แถมนัดนี้มีส่วนร่วมกับทุกประตูเลยด้วย
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เบิร์นลี่ 0-1 ลิเวอร์พูล(พรีเมียร์ลีค)




...สะเทือนใจ น้ำตาไหลพราก พัง...
___________________________

ลิเวอร์พูลยังคงเล่น 3-4-1-2

------------------------สเตอลิ่ง-------------------------
-----------ลัลลาน่า--------------คูตินโย่---------------
มาร์โควิช-------ลูคัส-------เจอราร์ด-----เฮนเดอร์สัน
--------ซาโก้--------สเคอเทล-------ตูเร่-------------
-------------------------โจนส์---------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเบิร์นลี่ในเกมพรีเมียร์ลีควันบ็อคซิ่งเดย์ นัดนี้ร็อดเจอร์เลือกใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมยกชุดจากนัดก่อน
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายเล่นกันแบบระวังตัวทั้งคู่ เกมช้า ค่อยๆ ต่อบอลเล่นกันไป เบิร์นลี่ได้ครองบอลบุกมากกว่าแต่เกมรุกก็ไม่ค่อยไปไหน ส่วนลิเวอร์พูลเอาบอลไปข้างหน้าได้น้อยเช่นกัน โอกาสได้ลุ้นประตูมีไม่มากนักทั้งสองทีม

_______ ประมาณนาที 14 เบิร์นลี่ย์ได้โอกาสยิงในกรอบเขตโทษ โจนส์ยืนขาตายแล้วแต่บอลไปชนเสา ลิเวอร์พูลรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด และนาที 16 มินโยเล่ก็ได้ลงมาแทนโจนส์ (เข้าใจว่ามีอาการบาดเจ็บ)

_______ ยิ่งเล่นเบิร์นลี่ยิ่งทำได้ดีกว่ามากขึ้นเรื่อยๆ ขยันวิ่งไล่และวิ่งทำทางรับบอลกันมากกว่าลิเวอร์พูลอย่างชัดเจน เกมรุกริมเส้นก็พาบอลมาถึงมุมธงและได้เปิดเข้ากลางไปลุ้นในกรอบอย่างต่อเนื่อง ส่วนลิเวอร์พูลในเกมรับยืนกันต่ำมาก หยุดเกมคู่ต่อสู้ที่กลางสนามแทบไม่ได้ และครองบอลได้น้อยมาก

_______ เบิร์นลี่ครองบอลได้มากกว่า เก็บบอลจังหวะสองในเกมรุกของตัวเองได้แทบจะ 100% เรียกว่าถ้าบอลไม่หลุดออกข้างสนามต้องเด้งกลับไปเข้าเท้าเบิร์นลี่ มีโอกาสลุ้นประตูอยู่ตลอดแต่ยิงหลุดกรอบกันออกไปเอง ส่วนลิเวอร์พูลตั้งเกมไม่ได้ ครองบอลไม่ได้ เปลี่ยนรับเป็นรุกไม่ได้ โดนบีบให้ต้องวางยาวไปที่ว่างให้สเตอลิ่งก็เก็บบอลไม่ได้ ยังดีที่จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ชานถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนตูเร่ในช่วงพักครึ่ง โดยลงมาเล่นแทนตำแหน่งตูเร่เลยไม่ได้มีการปรับแทคติคหรือตำแหน่งการยืนแต่อย่างใด

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มครึ่งหลังด้วยการดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น เกมดูดีกว่าครึ่งแรกคือได้ครองบอลมากขึ้น ได้ต่อบอลกันในแดนคู่ต่อสู้มากขึ้น แต่รูปเกมโดยรวมยังเป็นเบิร์นลี่ที่ทำได้ดีกว่าอยู่เหมือนเดิม ยังดีว่าการเปิดบอลเข้าทำและการจบสกอร์ของเบิร์นลี่ก็ยังไม่ได้พัฒนาจากครึ่งแรก ทำให้เกมยังอยู่ที่ 0-0

_______ นาที 62 จากจังหวะไม่น่ามีอะไร แดนกลางเบียดโหม่งลูกโด่งกันปกติ บอลมาเข้าทางคูตินโย่ที่ยังหันหลังให้ประตูรีบกระดกบอลเร็วข้ามหัวแนวรับไปเข้าทางสเตอลิ่งที่วิ่งนำขึ้นไปพอดี ทำให้สเตอลิ่งได้บอลหลุดเดี่ยวไปกระชากหลบผู้รักษาประตูที่วิ่งสวนออกมาและยิงเข้าไปได้สำเร็จ 1-0

_______ หลังจากลิเวอร์พูลขึ้นนำ เบิร์นลี่เร่งเกมรุกมากขึ้นจนลนลานออกบอลผิดพลาดกันไปเองมากกว่าช่วงก่อนหน้า แต่เกมโดยรวมพวกเขาก็ยังดูดีกว่า เกมริมเส้นได้เปิดบอลอย่างต่อเนื่องและพื้นที่หน้าเขตโทษก็เอาชนะได้อย่างง่ายดาย ได้ลุ้นยิงจากแถวๆ หน้าเขตโทษบ่อยมาก รวมไปถึงโหม่งหรือยิงซ้ำจากจังหวะเก็บตกก็บ่อย ลูกเตะมุมก็ได้ลุ้นเป็นระยะ แต่ทุกครั้งที่ได้โอกาส พวกเขายิงหลุดกรอบหมด ส่วนทางลิเวอร์พูลแม้จะได้ประตูนำและเล่นกันได้มั่นใจขึ้นเล็กน้อย ออกบอลพลาดน้อยลง แต่เกมก็ไม่ได้ดูดีขึ้นตรงไหน เกมรุกยังคงไม่ต่อเนื่องและพาบอลไปไม่ค่อยถึงเขตโทษเหมือนเดิม

_______ นาที 74 แลมเบิร์ตได้ลงมาแทนคูตินโย่ สลับเอาสเตอลิ่งไปเล่นแทนตำแหน่งคูตินโย่แล้วใช้แลมเบิร์ตเป็นหน้าเป้า ลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลได้เยอะขึ้นแต่ไม่ได้ครองเกมเหนือกว่า โอกาสลุ้นประตูยังคงน้อยมากและไม่มีโอกาสจะแจ้งเลย ส่วนทางเบิร์นลี่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตากระหน่าฆ่าล้างโคตรนกต่อไปอย่างอำมหิต รวมทั้งเกมได้ยิงไม่น่าจะต่ำกว่า 20 ครั้งแต่มินโยเล่ไม่ได้เซฟเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้จบเกมเบิร์นลี่แพ้ลิเวอร์พูลไปอย่างน่าสงสาร 1-0
-----------------------------------------

_______ ปกติแล้วถ้าได้ 3 แต้ม ยังไงก็ต้องดีกว่าได้แค่ 1 หรือไม่ได้เลยครับ แต่สำหรับนัดนี้...ขอยกเว้นที่จะคิดแบบนั้นไว้สักนัดเถอะ

_______ 11 ตัวจริงชุดเดิม เล่นแทคติคเดิม แต่ผลงานนี่คนละโลกคนละจักรวาลคนละกาลอวกาศกับนัดอาร์เซนอลเลย

_______ ไม่มีคำพูดใดจะอธิบายเกมของลิเวอร์พูลในวันนี้ได้ดีกว่าคำว่า “พัง” ครับ

_______ ถ้ายังจำกันได้ นัดก่อนผมเขียนไว้เองว่า ผู้เล่นยังเล่นเพื่อผู้จัดการทีมอยู่ ยังวิ่งไล่ ยังพยายาม แม้แต่ในสถานการณ์ย่ำแย่อย่างสกอร์ตามหลังหรือเหลือผู้เล่น 10 คน แต่นัดนี้ตรงกันข้ามเลยครับ พวกเขาไม่แสดงอาการอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าอยากชนะเลย

_______ เกมรับวิ่งไล่กันน้อยมาก ได้บอลแล้วก็วิ่งทำทางกันน้อยมาก ช่วยกันเติมเกมรุกน้อยมาก ต่างคนต่างเล่นกันไปคนละทิศละทาง ไม่รู้ว่าเหนื่อยกายเพราะเล่นติดๆ กันมาหลายนัด หรือว่าเหนื่อยใจกับผลงานของทีมก็ไม่ทราบได้ แต่สิ่งที่เห็นในสนามวันนี้แย่มากจริงๆ ครับ

_______ เกมรับวันนี้พีคมาก จี๊ดใจมาก เกมรับริมเส้นเปิดช่องให้คู่ต่อสู้ได้เล่นและโยนเข้ามาตลอดทั้งเกม เกมกลางสนามหยุดคู่ต่อสู้ไม่ได้เลย กว่าเบิร์นลี่จะทำบอลตายคือจังหวะสุดท้ายแล้วเป็นส่วนใหญ่ การสกัดบอลก็ไม่เด็ดขาดปล่อยให้คู่ต่อสู้เก็บบอลเอามารุกต่อได้ ก็คิดง่ายๆ ว่าเกมรุกระดับทีมรองบ๊วยอย่างเบิร์นลี่ได้ยิงร่วม 20 ครั้ง(ไม่ได้เชค stat แต่น่าจะราวๆ นั้น) ก็น่าจะพอเห็นภาพว่าเกมรับของทีมมันอ่อนนุ่มละมุนลิ้นแค่ไหน

_______ ส่วนเกมรุกก็สะเทือนซางไม่แพ้กัน เปลี่ยนรับเป็นรุกได้ช้า หลายจังหวะก็ออกแนวเปลี่ยนรุกเป็นรับเสียมากกว่า ไม่ช่วยกันเล่น ไม่วิ่งทำทาง เสียบอลเร็ว และเก็บบอลจังหวะสองในเกมรุกของตัวเองนับครั้งได้ มันไม่ใช่ปัญหาแบบ “จบสกอร์ไม่เด็ดขาด” หรือ “ไม่มีไอเดียเข้าทำ” แล้วนะครับนัดนี้ มันคือปัญหาแบบ “เกมรุกคืออัลยัยเหยออ~” แบบนั้นเลย โชคดีมากๆ นะครับที่ได้ประตู ซึ่งลูกนั้นก็ต้องชมคูตินโย่ที่พยายามจะเล่นเร็ว และสเตอลิ่งกับเจอราร์ดที่วิ่งทำทาง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีโชคไม่น้อยเพราะคูตินโย่จ่ายไปตามสัญชาติญาณล้วนๆ ไม่ได้เล็งอะไรหรอก แต่บอลเข้าทางพอดี (อาจจะตั้งใจจ่ายให้เจอราร์ดด้วยซ้ำแต่บอลผิดเหลี่ยม) ซึ่งนั่นก็แทบจะเป็นครั้งเดียวในเกมที่ลิเวอร์พูลมีจังหวะเข้าทำแบบที่เรียกได้เต็มปากว่าเอาชนะคู่ต่อสู้

_______ นี่เราเล่นกับเบิร์นลี่นะครับ เกมรุกเจาะได้ครั้งเดียวนี่ไหวหรือ?

_______ ที่สะเทือนใจที่สุดของนัดนี้คือเบิร์นลี่...ก็ไม่ได้เล่นดีครับ คือถ้าเล่นได้แบบ...ดีที่สุดในฤดูกาลก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เล่นได้ธรรมดาสามัญประจำบ้านมากกกกกก ไม่ว่าจะเกมรุกเกมรับ ถึงอย่างนั้นเกมรุกพวกเขาได้ยิงเรื่อยๆ เกมรับก็แทบไม่โดนกดดันเลย และโชคดีสำหรับเราครับว่าพวกเขาจบสกอร์ได้พินาศอนาถใจมากๆ ไม่แน่ใจว่าตลอดเกมยิงเข้ากรอบได้สักครั้งมั้ยด้วยซ้ำ

_______ ย้อนกลับมาลิเวอร์พูล เรื่องตัวจริงกับแทคติคเริ่มเกมก็ปล่อยไปตามใจฝันเถอะครับ ร็อดเจอร์คิดว่าลงตัวก็ว่าตามเค้าแล้วกัน การเปลี่ยตัวโจนส์ออกเข้าใจว่ามีอาการบาดเจ็บ เพราะจังหวะก่อนหน้าที่เบิร์นลี่ยิงชนเสา โจนส์ทำไม่ได้แม้แต่ล้มตัวน่าจะเป็นเพราะบาดเจ็บจริงๆ ก็ขอข้ามไป แต่การเปลี่ยนตัวอีก 2 ครั้งนั้น...อึ้งเลยครับ

_______ ผมนึกหาเหตุผลอะไรใดๆ ไม่ออกทั้งสิ้นกับการเปลี่ยนเอา ชานแทนตูเร่ ในช่วงพักครึ่ง เพราะเปลี่ยนแล้วก็ไม่ได้ปรับแทคติคอะไร แล้วจะเปลี่ยนกองกลางลงไปเล่นกองกลังแทนกองหลังแท้ๆ ทำไม ต่อให้ตูเร่เจ็บ(ตอนพิมพ์ยังไม่ได้เช็คข่าว) ทางเลือกที่เป็นกองหลังแท้ๆ ก็ยังมีทั้งมานกีโย่และโมเรโน่ ทำไมไม่เลือกใช้ ยิ่งถ้ามองถึงการเติมเกมรุกหรือผ่านบอลขึ้นหน้า ยิ่งน่าใช้ 2 คนนั้นมากกว่าชานเข้าไปอีก เพราะแม้จะเป็นหลัง 3 แต่พื้นที่รับบอลตรงนั้นก็เป็นที่ที่ทั้งคู่เล่นประจำอยู่แล้ว ดูเหลี่ยมไหนก็น่าจะเข้าท่ากว่าชานที่ปกติจะรับบอลอยู่ที่กลางสนามแน่

_______ ส่วนในรายของแลมเบิร์ตแทนคูตินโย่ก็มีบางอย่างที่ไม่เห็นด้วยเช่นกัน คือผมยังเห็นด้วยว่าควรส่งแลมเบิร์ตลงมาเพื่อเก็บบอลในแดนหน้าให้ได้บ้าง แต่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนคูตินโย่ออก แดนกลาง 6 คนในนัดนี้ คูตินโย่เล่นได้แย่น้อยสุดแล้วครับ เป็นคนจ่ายบอลเข้าทำที่ทำให้ได้ประตูด้วย โดนเปลี่ยนออกซะงั้น

_______ ปกติแล้วต่อให้ไม่เห็นด้วยอย่างน้อยผมก็ยังพอเข้าใจได้ว่าทำไมถึงเลือกเปลี่ยน/ปรับแบบนั้นแต่กรณีชานแทนตูเร่, คูตินโย่โดนเปลี่ยนออกในนัดนี้ไม่เข้าใจเลยครับ

_______ ปกติแล้ว ถ้าได้ 3 แต้ม ไม่ว่าเกมมันจะแย่แค่ไหน ผมมักบอกว่า “เอาน่ะ...ดีกว่าเล่นดีแล้วไม่ชนะ” แต่กับนัดนี้ผมไม่สามารถคิดแบบนั้นได้เลยครับ เราเล่นได้แบบสมควรแพ้จริงๆ หรือว่าผมไม่ปกติซะเองล่ะนี่...เกมนัดนี้มัน “พัง” จริงๆ หรือปล่าว หรือผมแค่คิดมากไปเอง ใครได้ดูเกมนัดนี้ลองแชร์ความเห็นกันหน่อยครับ
-------------------------------

นัดนี้เล่นแย่ทั้งทีม

โจนส์ - ยืนรักษาตำแหน่งไม่ดี และโดนเปลี่ยนออกอย่างรวดเร็ว

ซาโก้ - จังหวะออกไปเล่นเกมรับริมธงทำได้ไม่ดี หลายครั้งก็ออกช้าเกินไป สกัดบอลไม่เด็ดขาดด้วย

สเคอเทล - ยังสกัดถึงบอลได้เยอะอยู่ แต่หลายครั้งสกัดไม่ไปไหน และเก็บบอลเล่นต่อได้น้อยครั้งมาก

ตูเร่ - ได้เล่นแค่ครึ่งแรก ไม่ใช่วันที่เล่นดีแต่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าซาโก้

มาร์โควิช - 2-3 นัดที่ผ่านมา พังเฉพาะเกมรับ วันนี้เกมรับก็ยังพังอยู่แต่พิเศษตรงที่เกมรุกก็พังด้วย จ่ายบอลสำเร็จนับครั้งได้ และเป็นแดนกลางที่เชื่อมเกมได้พินาศที่สุดในวันนี้

เฮนเดอร์สัน - เป็นวันที่เล่นเกมรับได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองมาก คุมพื้นที่ริมเส้นได้หลวมตลอดเกม คู่ต่อสู้ขึ้นมาแค่คนเดียวก็ได้เปิดบอลบ่อยมากแล้ว ส่วนเกมรุกก็รักษามาตรฐานเดิมคือแทบไม่มีส่วนร่วม

ลูคัส - ยังตัดเกมได้มากกว่ากองกลางคนอื่นก็จริง แต่เข้าถึงบอลน้อยมาก ชะลอเกม หยุดเกมได้น้อยมาก เชื่อมเกมแย่สูสีกับมาร์โควิชเลยด้วย

เจอราร์ด - ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกม เกมรับก็วิ่งไม่ถึงบอล เชื่อมเกมก็ไม่ค่อยไปข้างหน้าเท่าไหร่ เกมรุกพื้นที่สุดท้ายไม่มีส่วนร่วม

ลัลลาน่า - วิ่งเยอะกว่าคนอื่นพอควร แต่ได้บอลไม่มากนักและทำเกมรุกในพื้นที่สุดท้ายไม่ได้

คูตินโย่ - วิ่งหาที่ว่างรับบอลได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พาบอลขึ้นห้าไปเองได้น้อยครั้งมากในนัดนี้ ดูดีกว่าคนอื่นในทีมตรงที่หาพื้นที่เล่นจังหวะสุดท้ายได้มากกว่าคนอื่น เปิดบอลสำคัญให้สเตอลิ่งเอาไปยิงประตูชัยด้วย

สเตอลิ่ง - ไม่นับจังหวะทำประตูได้ สเตอลิ่งทำอะไรไม่ได้เลย วิ่งไม่เจอบอล จังหวะได้บอลอันน้อยนิดก็พาไปเสียหมด มาเล่นกระเตื้องขึ้นตอนขยับถอยลงไปเล่นตรงกลาง

ตัวสำรอง

มินโยเล่ - ความมั่นใจไปเที่ยวคริสมาสต์หมดแล้ว ทั้งเตะติดบล็อคง่ายๆ และไฮไลท์อยู่ที่ราวๆ นาที 66 ที่จับจังหวะบอลผิดปล่อยบอลไหลออกหลังเฉยเลย ยังดีว่านัดนี้คู่ต่อสู้ยิงไม่เข้ากรอบเลย ไม่งั้นก็ยังไม่รู้ว่าทีมจะรอดมั้ย

ชาน - ช่วยสกัดได้พอควรแต่ก็หลงตำแหน่งและคุมพื้นที่ไม่ดีเลย จังหวะเข้าบอลพรวดพราด ออกอาการลนลานอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะจังหวะเตะบอลทิ้งหรือจ่ายบอลขึ้นหน้า

แลมเบิร์ต - ช่วยทีมเก็บบอลในแดนหน้าด้วยการแตะกลับให้เพื่อนได้ดีกว่าสเตอลิ่ง(ที่ทำไม่ได้เลย) แต่โดยรวมแล้วก็สร้างประโยชน์ให้กับทีมไม่มากนัก ช่วยสร้างหรือช่วยในจังหวะเข้าทำไม่ได้เลย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ราฮีม สเตอลิ่ง…เป็นวันที่ไม่มีใครเล่นได้น่าประทับใจเลย ใจจริงผมยังชอบฟอร์มโดยรวมของคูตินโย่มากกว่านิดๆ แต่ประตูชัยของสเตอลิ่งช่วยทำให้เกมพังๆ แบบนี้ได้ 3 แต้มเต็มน่าตาเฉยก็ต้องยกเครดติดให้เขาล่ะ
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 2-2 อาร์เซนอล(พรีเมียร์ลีค)



...เกือบไปแล้ว ในหลายๆ ความหมาย...
___________________________

ลิเวอร์พูลปักหลักอยู่ที่หลัง 3

------------------------สเตอลิ่ง-------------------------
-----------ลัลลาน่า--------------คูตินโย่---------------
มาร์โควิช-------ลูคัส-------เจอราร์ด-----เฮนเดอร์สัน
--------ซาโก้--------สเคอเทล-------จอห์นสัน-------
-------------------------โจนส์---------------------------

_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านรับมือทีมใหญ่อย่างอาร์เซนอล นัดนี้ร็อดเจอร์เปลี่ยนแค่ตำแหน่งเดียวคือใช้ซาโก้แทนลอฟเรนที่เจ็บ นอกนั้นยังใช้ชุดเดิมและเล่นในแทคติคเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เปิดเกมมาทางอาร์เซนอลวิ่งไล่บอลเร็วตั้งแต่แดนหน้า ดันกันขึ้นมาเป็นแผง เกมรุกพยายามจะขึ้นเจาะทางฝั่งซาโก้ ส่วนทางลิเวอร์พูลเน้นขึ้นบอลสั้นเป็นหลักแม้ว่าจะโดนวิ่งไล่อย่างหนักก็ตาม ขึ้นเกมทางซ้ายมากกว่าขวา ช่วงต้นเกมยังเสียบอลในแดนกลางกันเร็วทั้งสองฝ่าย

_______ ยิ่งเล่นยิ่งเป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอดครึ่งแรกผ่านบอลกันได้แม่นยำมาก บอลจากหลังไปหน้าทำได้ต่อเนื่อง ตัวหลักในเกมรุกอย่างมาร์โควิชกับคูตินโย่ก็พลิกพาบอลเลี้ยงขึ้นหน้าได้ตลอด แต่ยังเจาะแนวรับได้น้อย ได้ลุ้นนิดหน่อยจากลูกยิงไกล ส่วนอาร์เซนอลแม้จะไล่ถึงบอลได้เร็วแล้วแต่ก็ตัดบอลได้น้อยมาก แนวรุกเก็บบอลเล่นไม่ได้และแทบไม่ได้ครองบอลเล่นเลย

_______ เกมครึ่งแรกทำท่าว่าจะจบที่ผลเสมอ แต่ในนาทีสุดท้ายก่อนทดเจ็บ อาร์เซนอลพลาดจังหวะจะต่อบอลขึ้นหน้า เฮนเดอร์สันไปเก็บบอลมาได้ก่อนจ่ายให้คูตินโย่รับบอลแถวหน้าเขตโทษ คูตินโย่ล็อคบอลหนึ่งจังหวะก่อนยิงย้อนกลับไปเสาสองชนเสาเข้าไปได้แบบเชสนี่ย์ไม่ทันได้ขยับ 1-0

_______ แฟนบอลลิเวอร์พูลเฮกันยังไม่ทันจะสุดเสียง นาทีถัดมาอาร์เซนอลได้ลูกฟรีคิกก่อนจะโยนลึกเข้าไปในเขตโทษ แนวรับลิเวอร์พูลสกัดกันไม่ขาด สุดท้ายบอลย้อนกลับเข้าไปทางเสาสอง สเคอเทลประกบเดบูชี่พลาดและโจนส์ก็ยืนตำแหน่งไม่ดี โดนโหม่งจ่อๆ เข้าไป ตีเสมอได้แบบงงๆ 1-1 ก่อนจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ทั้งสองฝ่ายเร่งเปิดเกมรุกมากขึ้น เกมเปิดแลกกันโดยทางฝั่งลิเวอร์พูลยังเล่นกันได้ดีต่อเนื่องจากครึ่งแรก แต่เป็นฝั่งอาร์เซนอลที่ดูจะขยับฟอร์มของตัวเองขึ้นมาได้บ้าง ขยับหาช่องและเติมกันขึ้นมาช่วยต่อบอลครองบอลมากกว่าในครึ่งแรก

_______ ประมาณนาที 60 เกมต้องหยุดไปพักใหญ่เพราะสเคอเทลเจ็บจากจังหวะที่ปะทะกับชิรูด์แล้วโดนย่ำใส่จนหัวเจาะเลือดอาบต้องปฐมพยาบาลกันในสนาม หลังจากนั้นโดยรวมยังเป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่า พยายามเน้นเล่นจังหวะเข้าทำให้เร็วกว่าครึ่งแรก ผลคือได้ยิงจากระยะไกลบ่อยขึ้นแต่ยังไม่ได้ประตู กลายเป็นอาร์เซนอลที่บุกได้น้อยกว่าแซงขึ้นนำไปก่อนในนาที 65 บอลหนึ่งสองของชิรูด์กับการ์ซอล่าเจาะเข้าเขตโทษ จังหวะสุดท้ายเป็นชิรูด์ที่ได้จบสกอร์โล่งๆ ไม่มีคนประกบหน้ากรอบหกหลาเข้าไปไม่พลาด 2-1

_______ หลังจากขึ้นนำได้สำเร็จ การผ่านบอลของอาร์เซนอลดูดีขึ้นมาก แม่นยำมากขึ้น บอลชิ่งเริ่มทำงาน ส่วนทางลิเวอร์พูลเริ่มออกบอลพลาดมากขึ้นแต่รูปเกมยังไม่เสียเท่าไหร่ นาที 74 บอรินี่ได้ลงมาแทนมาร์โควิช โดยร็อดเจอร์สลับเอาสเตอร์ลิ่งไปเล่นวิงซ้าย ใช้บอรินี่เป็นหน้าเป้า กองกลางตรงกลางอย่างลูคัสกับเจอราร์ดเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น

_______ เข้า 15 นาทีสุดท้ายของเกมอาร์เซนอลถอยลงไปคุมพื้่นที่ในแดนตัวเองกันหมดแล้ว ไม่ค่อยได้เล่นเกมรุกไม่ว่าจะตั้งเกมขึ้นไปหรือโต้กลับ นาที 81 แลมเบิร์ตลงแทนตูเร่ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลดันกันขึ้นหมด เกมรุกเน้นขึ้นบอลไปทางซ้ายให้สเตอลิ่งเล่นเป็นหลัก จังหวะได้ลุ้นส่วนใหญ่ยังอยู่ที่แถวหน้าเขตโทษตรงกลางที่ได้ยิงไกลเยอะมากและแทบจะได้โอกาสลุ้นกับครบทุกคน แต่ลูกไหนยิงหนักก็หลุดกรอบยิงเบาก็เสร็จเชสนี่ย์

_______ นาที 91 ลิเวอร์พูลมาเหลือ 10 คนเมื่อบอรินี่มาได้ใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนามไป (เหลืองแรกโดนตอนไปทุ่มบอลทิ้ง เหลืองสองไปยกเท้ายันใส่กาซอล่า) แต่เหลือ 10 คนแล้วก็ยังเป็นลิเวอร์พูลเดินหน้าบุกต่อ และกดดันได้นิดหน่อยจากลูกเตะมุมและยิงไกล ส่วนทางอาร์เซนอลมี 11 คนแต่ยังเน้นเล่นเกมรับมากกว่ารุก จังหวะโต้ก็ทำได้ไม่ดีเลย

_______ ลิเวอร์พูลมาตีเสมอสำเร็จจนได้ในาที 97 จากลูกเตะมุม ลัลลาน่าเปิดเข้ามาแถวจุดโทษแล้วก็เป็นสเคอเทลที่วิ่งเข้ามาโหม่งเต็มหัว(ที่ยังเป็นรูอยู่)แบบไม่มีตัวประกบเข้าไปได้สำเร็จ 2-2 แถมหลังจากตีเสมอได้แล้ว เวลาที่เหลืออยู่นิดหน่อยลิเวอร์พูลยังอุตส่าห์เดินหน้าบุกต่อแต่หาโอกาสยิงเพิ่มไม่ได้ ส่วนอาร์เซนอลโต้ขึ้นมามีโอกาสยิงจากหน้าเขตโทษได้ลุ้นประตูแต่ติดเซฟโจนส์ ทำให้จบเกมแบ่งกันไปทีมละคะแนนด้วยสกอร์ 2-2
-----------------------------------------

_______ เกมรับไม่ได้กระเตื้องเลยครับ ในเกมรุกการจบสกอร์ยังมีปัญหาแต่การตั้งบอลจากหลังไปหน้าทำได้ยอดเยี่ยมมาก

_______ วันนี้ขอเริ่มจากอาร์เซนอลก่อนครับ เกมนี้เป็นเกมที่อาร์เซนอล เล่น ไม่ ดี ครับ ไม่น่าประทับใจเลย ครึ่งแรกไม่ได้ครองบอล ไม่ได้บุก ไม่ค่อยขยับหาที่รับบอลกัน พื้นที่หน้าเขตโทษตัวเองก็เปิดไว้โล่งโจ้ง โดนส่องรัวๆ ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ส่วนครึ่งหลัง ขยับช่วยกันเล่นได้ดีขึ้นแต่ก็ไม่ตลอดรอดฝั่ง เหมือนขึ้นมาบุกแปบๆ พอได้ประตูก็เลิกบุกยังไงยังงั้น แถมเกมรับที่พยายามจะเล่นก็ไม่ได้เหนียวแน่นอะไรเลย พื้นที่หน้าเขตโทษครึ่งแรกโหว่ยังไง ครึ่งหลังก็โหว่มันอย่างนั้นยัันจบเกม ช่วงมี 11 คน จะรุกก็รุกได้แต่ไม่เอา จะรับด้วยความที่ตัวเยอะกว่าก็ควรจะปิดเกมได้ก็ทำไม่ได้ โดนลิเวอร์พูล 10 ตัวกดดันเฉยเลย แต่...

_______ นัดนี้พวกเขาจบสกอร์ได้เด็ดขาดกว่าลิเวอร์พูลมากครับ

_______ นัดนี้อาร์เซนอลมีโอกาสจะๆ คือยิงแบบไม่โดนขวางแค่ 3 ครั้ง ทำได้สองประตู และอีกครั้งโจนส์ก็ต้องพุ่งเซฟสุดตัว ต่อให้เล่นไม่ดีแต่จบสกอร์เด็ดขาดแบบนี้มันก็มีแต้มได้ครับ เพราะฟุตบอลไม่ใช่มวย ตัดสินที่ประตูไม่ใช่รูปเกม และนัดนี้มันคือจุดตัดสินเกมเลยจริงๆ

_______ กลับมาทางฝั่งลิเวอร์พูล การจบสกอร์ยังแย่เหมือนเดิมครับ เหมือนที่บอกไว้ข้างบน คือยิงหนักหลุดกรอบ ยิงเบาเชสนี่ย์ก็แทบไม่ต้องออกแรงเซฟ ถ้าทีมจบสกอร์ได้ดีกว่านี้...อย่างที่ควรจะเป็น นัดนี้ควรชนะได้ไม่ยากเลยครับ ถ้าดูจากเปอร์เซ็นต์ครองบอลและโอกาสยิงประตู

_______ นอกจากนั้น เกมรับของทีมยังมีปัญหาเหมือนเดิม นัดนี้อาร์เซนอลบุกขึ้นมานับครั้งได้แต่ได้ถึงสองประตู ลูกแรกจากลูกตั้งเตะอีกแล้ว และลูกที่สองเป็นการประกบตัวผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อของแนวรับ เกมรับเล่นหลวมแบบนี้ให้กองหน้ายิงคมกว่านี้ก็ต้องยิงกันขาแทบหักละครับกว่าจะได้แต่ละแต้ม

_______ แต่ไม่ใช่ว่านัดนี้จะมีแต่เรื่ืองเลวร้ายครับ เรื่องดีก็มีเหมือนกัน

_______ เรื่องสำคัญเลยคือสภาพจิตใจ การเล่นในครึ่งแรกและการเล่นในช่วงที่เหลือ 10 คน แสดงให้เห็นชัดครับว่าร็อดเจอร์ยังไม่เสียการควบคุมทีมชุดนี้ แปลเป็นไทยอีกทีคือแกยังไม่โดน “เล่นไล่โค๊ช” ครับ ผู้เล่นยังเชื่อมั่นและอยากจะสู้เพื่อผู้จัดการทีมแบบนี้ร็อดเจอร์ก็ยังมีหวังได้คุมทีมไปยาวๆ ครับ(ถึงแฟนบอลหลายคนจะไม่อยากยาวด้วยก็เถอะ) นัดนี้ก็สู้จนกระชาก 1 แต้มกลับมาจากอาร์เซนอลได้ด้วย

_______ นอกจากนั้น แม้การจบสกอร์จะแย่เหมือนเดิม แต่เกมรุกโดยรวมดูดีดูเป็นสัปปะรดขึ้นครับ อย่างที่บอกว่าเล่นกับอาร์เซนอล(ไม่ใช่บอร์นมัท)แล้วได้ยิงแบบไม่มีใครขวาง..แม้จะไกลหน่อยก็ตาม เยอะขนาดนี้ไม่เรียกว่าแย่แล้วครับ และถ้านับเฉพาะครึ่งแรกนี่เป็นนัดที่ลิเวอร์พูลเอาบอลจากหลังไปหน้าได้ดีที่สุดตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา โดนไล่ก็เคาะบอลหนีได้ บอลไปถึงแดนคู่ต่อสู้แล้วก็เคาะกลับหลังน้อยกว่าที่ผ่านมาอีกด้วย

_______ ส่วนเรื่องแทคติค ผมไม่เห็นด้วยกับร็อดเจอร์เลยครับในการเปลี่ยนตัวคนแรกและปรับแทคติคกลางเกม (หลัง 3 ไม่พูดถึงแล้ว ไม่เห็นด้วยแต่แรก) มาร์โควิชฟอร์มเริ่มแผ่วกว่าครึ่งแรกแต่ยังเล่นได้เป็นประโยชน์อยู่ดันโดนเปลี่ยนออก ในขณะที่ส่งบอรินี่ลงไปทั้งๆ ที่วิธีการเล่นไม่ได้ต่างจากสเตอลิ่ง ก็ในเมื่อสเตอลิ่งที่อยู่ก่อนหน้ายังเล่นไม่ได้แล้วจะเปลี่ยนคนที่เล่นคล้ายกันลงไปเล่นเหมือนเดิมทำไมอีก

_______ นอกจากนั้น กว่าที่ทีมจะถอดกองหลังออกแล้วเพิ่มตัวรุกนั่นล่อเข้าไปนาที 81 ครับ ซึ่งผมคิดว่าช้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามองจากการที่ทีมเริ่มถูกบีบให้โยนบ่อยขึ้นแล้วเพราะคู่ต่อสู้รับลึกรับต่ำ แต่ดันไม่มีตัวค้ำข้างในเขตโทษเลย แล้วก็ไม่ยอมใช้โควต้าเปลี่ยนตัวที่เหลืออีกหนึ่งด้วย
_______ ...แต่ก็เอาน่ะ สุดท้ายได้แต้มก็ยังดี ดีกว่าแก้เกมเทพ ยิงสุดยอดจนเชสนี่ย์ต้องเซฟยากๆ ไม่หยุด แต่จบลงที่ความพ่ายแพ้…

_______ ...นาทีนี้ แต้มเดียวก็เอาแล้วครับ นัดหน้าค่อยว่ากันใหม่
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันใช้ได้ บางคนดี

โจนส์ - ยืนตำแหน่งไม่ดีเลย สองลูกที่เสียมีส่วนพลาดด้วยหมด มีดีตรงที่เล่นบอลกับเท้าในนัดนี้ได้นิ่ง ฟอร์มสามนัดที่เป็นตัวจริงมานี่ถ้าเทียบกับมินโยเล่แล้ว ผมมั่นใจว่าทำให้ร็อดเจอร์ปวดหัวกับการเลือกผู้รักษาประตูตัวจริงแน่นอนครับ … เลือกว่าจะซื้อใครมาเพิ่มดี

ซาโก้ - ประกบซานเชสในครึ่งแรกได้อร่อยมาก หยุดได้สนิท และโดยรวมทั้งเกมก็ดักเล่นบอลก่อนถึงกองหน้าได้ค่อนข้างดีตลอด ทีมีปัญหาอยู่บ้างก็คือการผ่านบอลขึ้นหน้าที่ไม่ดีเท่าแผงหลังคนอื่น

สเคอเทล - ครึ่งแรกประกบชิรูด์ได้สนิทเช่นกัน มีพลาดแค่ครั้งเดียวคือจังหวะเสียประตูที่ขึ้นโหม่งไม่ดีเท่าไหร่ ครึ่งหลังยังมาพลาดจังหวะเสียประตูที่สองอีกที่ยืนห่างชิรูด์มากๆ ทั้งๆ ที่ข้างๆ ก็ไม่ได้มีผู้เล่นอาร์เซนอลให้ต้องระวังเลย ทำเสีย 2 ประตูก็จริงแต่มาช่วยทำประตูสำคัญท้ายเกมได้ อย่าว่าแต่ครึ่งหลังเขาต้องเล่นทั้งๆ ที่หัวยังเจาะอยู่ และฟอร์มโดยรวมก็ไม่ได้แย่เลย

ตูเร่ - ดักบอลก่อนถึงกองหน้าได้ดี ผ่านบอลขึ้นหน้าได้ดีตลอดด้วย มีพลาดในจังหวะที่เสียประตูแรกเช่นกันและครึ่งหลังมีจังหวะที่ขึ้นไปแล้วลงไม่ทันให้เห็นนิดหน่อย

มาร์โควิช - ครึ่งแรกเล่นได้โดดเด่นมากไม่ว่าจะพาบอลไปเองหรือทำชิ่งกับเพื่อน เป็นตัวหลักในการขึ้นเกมรุกของทีมและสร้างโอกาสได้พอสมควรไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย เสียดายที่การได้บอลส่วนใหญ่อยู่ต่ำไปหน่อยตามตำแหน่งที่เล่น เกมรับดูไม่จืดเหมือนเดิม และโดนเปลี่ยนออกเร็วไปนิด (ตอนพิมพ์ไม่รู้ว่าเพราะมีอาการบาดเจ็บหรือปล่าว)

เฮนเดอร์สัน - ก่อนที่อาร์เซนอลจะขึ้นนำ เฮนเดอร์สันแทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมรุกเลย เชื่อมเกมใกล้ๆ  และเก็บบอลไว้กับทีมได้แต่แทบไม่มีบอลขึ้นหน้าสวยๆ  หลังจากอาร์เซนอลนำแล้วเริ่มได้เล่นเกมรุกมากขึ้นแต่ก็สร้างประโยชน์ได้ไม่มากนัก

ลูคัส - อาร์เซนอลไม่ได้เติมกันขึ้นมาเล่นเกมรุกเท่าไหร่ทำให้ลูคัสเล่นเกมรับได้ง่าย เชื่อมเกมได้พอควรแต่ไม่ดีเท่าคนอื่น ว่างพอที่จะเติมขึ้นไปเล่นในแดนหน้านิดๆ หน่อยๆ

เจอราร์ด - ครึ่งแรกเล่นได้ดีทั้งในเกมรับและการเชื่อมเกม ครึ่งหลังเริ่มขึ้นไปมีส่วนร่วมกับเกมรุกมากขึ้นแต่ไม่มีความเด็ดขาดอะไร ลูกยิงไกลส่วนใหญ่เบา พาบอลไปเองไม่ได้และขยับรับบอลได้ไม่ดีนัก และเกมรับก็แทบไม่เล่นแล้ว

ลัลลาน่า - มีส่วนร่วมกับเกมเยอะ วิ่งอยู่ตลอดและให้บอลง่ายไม่ฝืน ไม่ได้หวือหวาแบบคูตินโย่หรือมาร์โควิช แต่ช่วยทีมได้มากตลอดเกม

คูตินโย่ - เป็นเกมที่เล่นได้ดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคู่ต่อสู้ปล่อยให้มีพื้นที่เล่นง่ายด้วย เชื่อมเกมได้, พลิกบอลขึ้นหน้าและเลี้ยงจี้หาที่ว่างยิงไกลได้ดีมาก มีโอกาสได้ยิงเยอะแต่หนักไปทางยิงทิ้งเป็นส่วนใหญ่ ยังดีว่าทำได้ 1 ประตู

สเตอลิ่ง - จมหายไปกับคู่เซ็นเตอร์ตลอดระยะเวลาที่เล่นข้างหน้า ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่ช่วงที่โดนขยับไปเล่นวิงซ้ายเริ่มได้บอลและทำเกมให้กับทีมได้บ้าง บอลเปิดไม่ถึงกับดีแต่ยังพอมีทิศทางและช่วยทำให้เกมรุกในช่วงท้ายเกมพาบอลไปถึงสุดเส้นได้บ่อย

ตัวสำรอง

บอรินี่ - เอาจริงๆ เจ้าตัวลงมาเล่นได้ดีกว่าสเตอลิ่งในช่วงก่อนหน้า ทำทางดีกว่า หาโอกาสยิง(แบบยากๆ)ได้ 2-3 ครั้งด้วยซ้ำ แต่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้และโดน 2 ใบเหลืองไล่ออกไปในที่สุด

แลมเบิร์ต - เหมือนหลักกิโล รู้ว่าอยู่ตรงนั้น รู้ว่ามีประโยชน์(ใครจะเถียงว่าหลักกิโลไม่มีประโยชน์มั้ย) แต่ก็อยู่แค่ตรงนั้น..ลิบๆ..ไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมอะไรกับชาวบ้านเค้าเลยยยยยย~

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ฟิลิปเป้ คูตินโย่…เป็นคนที่ดูโดดเด่นที่สุดในวันนี้แล้ว ทั้งในความหมายว่าเล่นดี, ยิงได้, และในความหมายว่าเอาโอกาสไปเททิ้งเยอะที่สุดด้วย
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บอร์นมัท 1-3 ลิเวอร์พูล(ลีคคัพ)



...เอาน่ะ อย่างน้อยก็ดีกว่าทีมแชมเปี้ยนชิพ...
___________________________

ลิเวอร์พูลยังคงเล่นหลังสาม

------------------------สเตอลิ่ง-------------------------
-----------ลัลลาน่า--------------คูตินโย่---------------
มาร์โควิช-------ลูคัส-------เจอราร์ด-----เฮนเดอร์สัน
-------ลอฟเรน------สเคอเทล------จอห์นสัน--------
-------------------------โจนส์---------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมลีคคัพ(ใช้คำนี้แล้วกันครับ) โดยออกไปเยือนบอร์นมัท นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับ 2 ตำแหน่งคือมาร์โควิชกับลูคัสได้ลงมาเป็นตัวจริง นอกนั้นทั้งตัวผู้เล่นและแทคติคยังคงเหมือนนัดที่แล้วทั้งหมด
-------------------------------------------------------

_______ เปิดเกมมาเป็นเจ้าบ้านที่เริ่มได้อย่างคึกคัก วิ่งไล่แดนกลางได้ดีให้ลิเวอร์ตั้งเกมลำบากและบอร์นมัทยังหาโอกาสพาบอลขึ้นมาลุ้นยิงได้กรอบเขตโทษได้ถึงสองครั้งแต่ยิงหลุดออกไปเอง

_______ ลิเวอร์พูลใช้เวลาอยู่พักใหญ่ถึงเริ่มครองบอลได้ต่อเนื่องมากขึ้น เน้นไปที่การใช้ความสามารถเฉพาะตัวพลิกบอลขึ้นหน้าและเจาะตรงกลางเป็นหลัก ส่วนบอร์นมัทยิ่งเล่นยิ่งถอยลงไปรับและจังหวะสกัดได้แล้วก็เปลี่ยนรับเป็นรุกไม่ดีทำให้เริ่มได้บุกน้อยลงๆ

_______ นาที 20 ลัลลาน่าพักบอลย้อนกลับมาให้มาร์โควิชได้โอกาสโยนบอลจากริมเส้นข้ามลึกไปใกล้เสาสอง เฮนเดอร์สันที่เติมขึ้นไปโหม่งชงกลับเข้ากลางให้สเตอลิ่งได้โหม่งเช็ดระยะเผาขนแบบไร้คนประกบไม่พลาด 1-0

_______ หลังจากสกอร์ขยับทั้งสองฝ่ายยังไม่เปลี่ยนวิธีการเล่นมากนัก ลิเวอร์พูลดูจะเน้นเคาะในแนวหลังมากขึ้นแต่บอร์นมัทเองก็ไม่ได้ขึ้นมาไล่ ลิเวอร์พูลเล่นไปตามช่องไม่ได้กดดันอะไรมากนักแต่ก็มาทำประตูเพิ่มได้สำเร็จในนาที 29 มาร์โควิชรับบอลจากลัลลาน่าก่อนจ่ายทะลุช่องให้คูตินโย่ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษมุมแคบ ยิงไปติดเซฟแต่บอลเด้งมาหน้าเขตโทษ เข้าทางมาร์โควิชที่ตามเข้ามายิงสวนเข้าไปได้ 2-0

_______ หลังจากเสียประตู บอร์นมัทบุกขึ้นมาจนได้ยิงโล่งๆ ในเขตโทษทันทีแต่หลุดกรอบไปอีกครั้ง และหลังจากนั้นเริ่มดันกันขึ้นมาไล่บอลสูงขึ้นและเล่นเกมรุกมากขึ้น เน้นเจาะทางด้านมาร์โควิช+ลอฟเรน แต่การต่อบอลยังผิดพลาดบ่อยเลยทำให้เกมรุกไม่ต่อเนื่องนัก

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเล่นรับมากขึ้น จังหวะได้บอลก็เน้นเคาะครองบอลมากกว่าจะทำเกมรุก ส่วนบอร์นมัทหาช่องเจาะเข้าทำได้น้อยและยังทำประตูไม่ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ซาโก้ลงมาแทนลอฟเรน(ตอนพิมพ์ยังไม่รู้ว่าเพราะเจ็บหรือปล่าว) และเล่นตามตำแหน่งเดิม บอร์นมัทลงมาพยายามเร่งเกมรุกแต่ยังมีปัญหาคล้ายท้ายครึ่งแรกคือออกบอลกันผิดพลาดกลางทางบ่อยครั้ง และเพียงนาที 51 ลิเวอร์พูลก็โต้กลับมาได้ประตูเพิ่ม ตูเร่จ่ายบอลขึ้นหน้าให้ลัลลาน่าจับบอลก่อนจ่ายตามช่องให้สเตอลิ่งพาบอลเข้าเขตโทษ ล็อคหาจังหวะก่อนยิงผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปได้สำเร็จ 3-0

_______ พอโดนลูกสาม บอร์นมัทรีบเปลี่ยนสองตัวรวดและเดินหน้าเล่นเกมรุกต่อ ส่วนลิเวอร์พูลพอได้ลูกสามเริ่มผ่อนเกมลงไปบ้าง ไม่นานนักบอร์นมัทก็ได้ประตูไล่มาในนาที 57 จากจังหวะทำเร็วขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งมาร์โควิช+ซาโก้ ได้เปิดบอลเข้ากลางมาแถวเส้นหน้าเขตโทษ ลูคัสเข้าขวางไม่ทันและเซ็นเตอร์ไม่มีใครขึ้นมาชาร์จ ทำให้กอสลิ่งที่วิ่งเข้าหาบอลได้ยิงเน้นๆ ไม่พลาด 3-1

_______ บอร์นมัทยังเร่งเกมรุกต่อ หาจังหวะได้ลุ้นยิงพอสมควรโดยเฉพาะการยิงไกลและการเจาะตรงกลางที่หาโอกาสได้เป็นระยะ ส่วนลิเวอร์พูลเน้นรับมากกว่ารุก โต้ได้ไม่มากนัก จังหวะที่โต้ขึ้นไปได้ก็ไม่เด็ดขาดพอ นาที 67 คูตินโย่จ่ายให้ลัลลาน่าตอกส้นให้สเตอลิ่งได้ยิงแบบโคตรโล่งก็ยิงหลุดกรอบไปเองซะอย่างนั้น แต่ในขณะเดียวกันบอร์นมัทก็จบสกอร์ได้แย่กว่า ได้ยิงในกรอบเขตโทษก็ยิงไปชนเสา ได้ซ้ำก็ยิงหลุดกรอบ

_______ ลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งรับ และดูมีปัญหากับพื้นที่หน้าเขตโทษตัวเองมากเหลือเกิน นาที 74 ชานได้ลงมาแทนคูตินโย่ ลิเวอร์พูลพยายามจะดันกันขึ้นมาไล่ข้างหน้าและกลางให้มากขึ้น แต่ทำได้แค่ราวๆ 5 นาทีเล่นไปเล่นมาก็ถอยไปรับต่ำเหมือนเดิม ส่วนทางบอร์นมัทครองบอลได้ต่อเนื่องแล้ว เอาบอลขึ้นหน้าได้แล้ว แต่เจาะได้ลำบากกว่าช่วงก่อนหน้า โอกาสที่หาได้บ้างก็ยิงหลุดกรอบเป็นส่วนใหญ่

_______ บอร์นมัทเร่งแล้วเร่งอีกก็จบสกอร์ไม่ดีพอจะเป็นประตู ส่วนลิเวอร์พูลเกมรับไม่ดีนักแต่ก็ยังไม่ถึงกับโดนล่อเป้า พอเอาตัวรอดไปได้ นาที 89 บอรินี่ลงมาแทนเจอราร์ด ก่อนจะจบเกมด้วยสกอร์ 3-1 ลิเวอร์พูลผ่านสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
-----------------------------------------

_______ เกมรับยังมีปัญหาครับ แย่กว่าเกมที่แล้วอีก แต่เกมนี้จบสกอร์ได้ดีขึ้น

_______ แทคติคเริ่มเกมและตัวจริงก็ใช้ชุดเดิมแทบทั้งหมด สำหรับตัวจริง ผมไม่เห็นด้วยเอามากๆ กับการเอามาร์โควิชไปเล่นวิงซ้ายเพราะเจ้าตัวเล่นเกมรับไม่ได้เลย และจังหวะได้บอลส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ใกล้เขตโทษคู่ต่อสู้ยิ่งทำให้ทีมได้ประโยชน์จากมาร์โควิชน้อยกว่าที่ควรจะเป็น รวมไปถึงการใช้ลอฟเรนที่ออกไปปิดพื้นที่ริมเส้นได้ช้ามากเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ตัวริมด้วย

_______ ยิ่งไปกว่านั้น จังหวะตั้งเกมกลายเป็นมีเซ็นเตอร์ 3 คน, ลูคัส,เจอราร์ดและเฮนเดอร์สันกองอยู่ในแดนตัวเอง เล่นพินบอลกันเพลินเลยครับ ตัวร๊งตัวรุกไม่มี กว่าบอลจะไปข้างหน้าแต่ละครั้ง ถ้าต้มมาม่าไว้เส้นก็สุกพอดี จะบอกว่าเพื่อเกมรับแน่นขึ้น ก็ไม่เห็นว่าจะแน่นตรงไหน เพราะประสิทธิภาพการเข้าทำระดับบอร์นมัทซึ่งอยู่แค่ระดับพวกหนีตกชั้นในพรีเมียร์ลีคยังได้ยิงในกรอบเขตโทษรัวๆ เลย

_______ นัดก่อนผลงานออกมาก็ไม่ดีอยู่แล้ว นัดนี้ยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีกว่าหลัง 3 ไม่เวิร์คกับทีมชุดนี้ คงต้องขอสวดภาวนาให้ทีมเลิกใช้หลัง 3 โดยไวละครับ ก่อนที่จะเข้ารกเข้าพงกันไปมากกว่านี้

_______ จุดตัดสินเกมนี้เหมือนเกมนัดก่อนกับแมนฯยูเป๊ะเลยครับ แต่คราวนี้สลับฝั่ง บอร์นมัทมีโอกาสเยอะมาก แต่กว่า 80% คือพวกยิงหลุดกรอบไปเอง โจนส์แทบไม่ได้เซฟลูกยากอะไรเลย ในขณะที่ลิเวอร์พูลได้โอกาสแล้วยิงเข้า ทำได้ถึง 3 ลูก ก็เลยชนะไปได้

_______ นัดนี้ที่อยากพูดถึงเป็นพิเศษคือเจอราร์ดกับมาร์โควิชครับ สำหรับรายแรก เล่นไปเล่นมาร็อดเจอร์จับเอามายืนต่ำอีกแล้ว ซึ่งสร้างปัญหาให้กับเกมรับของทีมมากๆ โดยเฉพาะพื้นที่หน้าเขตโทษตัวเอง ผมไม่เห็นด้วยเลยกับการให้เจอราร์ดเล่นตำแหน่งนี้ ถ้าร็อดเจอร์คิดว่าเจอราร์ดเล่นตัวรุกไม่ได้(ไม่ฟิตพอหรือไม่ดีพอก็ตามแต่)ก็ให้นั่งสำรองไปเลยแล้วค่อยให้เขาลงมาครึ่งหลังก็ได้ ดีกว่าจะฝืนหาทางเอาลงสนามแบบนี้

_______ ส่วนในรายของมาร์โควิช เกมนี้เขาเล่นเกมรุกได้ดี และจะดียิ่งขึ้นถ้าเขาได้อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เขตโทษคู่ต่อสู้ ...ถ้าจะให้เขาลงสนาม อยากให้ร็อดเจอร์เอาเขาขึ้นมายืนสูงกว่านี้ครับ เพราะนอกจากจะช่วยเกมรุกแล้วต่อให้ลงมาแล้วทำอะไรไม่ได้เลย เหมือนๆ ช่วงต้นฤดูกาล อย่างน้อยน้องมาร์ฯเธอก็ไม่สร้างความร้าวรานให้กับเกมรับของทีมแบบที่ทำในนัดนี้ครับ

_______ เกมรับช่วงนี้ยิ่งเล่นยิ่งแย่ลงครับ ในกรณีหลัง 3 ที่ผมไม่เข้าใจร็อดเจอร์คือทำไมแกไม่ค่อยใช้แบ็คธรรมชาติอย่าง M&M หรือเอนริเก้ (เห็นข่าวว่าจอห์นสันเจ็บ) คือสามคนนั้นขอแค่ไม่ลอยสูงเพ้อเจ้อ เน้นให้เล่นเกมรับเป็นหลัก พวกเขาเล่นได้ดีกว่ามาร์โควิชหรือเฮนเดอร์สันแน่ๆ ในขณะที่เกมรุกก็ไม่ได้แย่กว่ากันสักเท่าไหร่

_______ สำหรับเกมรุก นัดนี้ยิงได้ 3 ลูก จบสกอร์ได้ดีขึ้นครับ แต่การเข้าทำยังเน้นความสามารถเฉพาะตัวเยอะมากเลย ตัวเติมน้อย คนเล่นเกมรุกน้อยเพราะกว่า 5-6 คนลงไปกองกันอยู่ในแดนตัวเอง เล่นพินบอลอยู่ข้างหลังอย่างสนุกสนาน ถ้าไปเจอทีมที่ความสามารถเฉพาะตัวไม่ด้อยกว่าหรือวิ่งเข้ามาอัดถึงตัวกว่านี้ ตัวรุก 3 คนข้างหน้าจะมีปัญญาพลิกเอาบอลขึ้นหน้าได้มั้ยยังสงสัยอยู่ แต่สำหรับนัดนี้ก็ต้องบอกว่าทั้ง 3 คนคือคูตินโย่ สเตอลิ่ง ลัลลาน่า ทำหน้าที่นี้ได้ดีครับ

_______ ...นัดหน้าเจออาร์เซนอล หวังว่าทั้งสามคนจะพลิกหนีคู่ต่อสู้ได้แบบนี้นะ...
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันใช้ได้

โจนส์ - ฟอร์มไม่แจ่มเหมือนทรงผม ไม่ยอมออกมาตัดบอลในจังหวะที่ควรตัด ล้มตัวช้า ถ้านี่คือฟอร์มของผู้รักษาประตูตัวจริงที่ดีที่สุดของทีม...เรามาลุ้นหนีตกชั้นไปด้วยกันเถอะครัชชช

ลอฟเรน - ไม่รู้ว่าถูกเปลี่ยนตัวออกเพราะเจ็บหรือปล่าว แต่ฟอร์มครึ่งแรกไม่ได้ทำให้รู้สึกเสียดายที่โดนเปลี่ยนออกแต่อย่างใด

สเคอเทล - มีปัญหากับการยืนตำแหน่ง หลายจังหวะควรจะออกมาช่วยปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดีกว่านี้ อ่านเกมพลาดหลายครั้ง

ตูเร่ - ออกไปซ้อนแบ็คได้ดีกว่าทั้งลอฟเรนและซาโก้ เอาบอลขึ้นหน้าได้น่าพอใจ แต่จังหวะสกัดไม่เด็ดขาดนัก เข้าไม่ค่อยถึงบอลด้วย

มาร์โควิช - มีส่วนร่วมกับเกมเยอะ เกมรับพินาศสิ้น ไม่ใช่เล่นไม่ดีแต่เล่นไม่เป็นเลย จังหวะตัดหรือเก็บบอลได้ใกล้เขตโทษตัวเองหลายครั้งก็ฝืนเล่นต่อจนเกือบโดนสวนไส้แตก แต่สำหรับการเชื่อมเกมกลางสนามเขาทำได้ดี และเล่นเกมรุกเด็ดขาดมาก มีความเร็วที่จะวิ่งไปรับบอลและการผ่านบอลสั้นยาวที่ดี มีส่วนสำคัญกับ 2 ประตูแรกด้วย

เฮนเดอร์สัน - ครั้งเดียวที่เห็นเขามีส่วนร่วมกับเกมรุกจริงๆ จังๆ คือจังหวะโหม่งชงให้สเตอลิ่งทำประตูแรก หลังจากนั้นก็หนักไปทางเกมรับที่เล่นได้ตามเนื้อผ้า ส่วนการเชื่อมเกมบอลไม่ค่อยไปข้างหน้าแต่ชิ่งหนีตัวไล่ได้เร็วและแม่นยำดี

ลูคัส - วิ่งน้อยไปหน่อย ยังดักตัดบอลได้พอควรแต่มีปัญหามากๆ กับการปิดพื้นที่หน้าเขตโทษตัวเอง เชื่อมเกมก็ไม่ดีนัก

เจอราร์ด - เกมรับช่วยได้น้อยเหลือเกิน แต่ทำได้ดีกับการจ่ายบอลขึ้นหน้า เปลี่ยนรับเป็นรุก ทำได้เร็วกว่ากองทัพพินบอลทั้ง 6 คนที่อยู่ข้างๆ

ลัลลาน่า - มีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะ เล่นบอลง่าย เห็นเพื่อนก็ให้ เชื่อมเกมในแดนหน้าได้ดี มีส่วนร่วมกับทั้งสามประตูของทีม ถ้าได้บอลแล้วเล่นฝืนๆ พยายามไปเองอย่างเดียวเหมือนคนข้างๆ วันนี้ทีมอาจไม่ได้สักประตูเลย

คูตินโย่ - ครึ่งแรกพลิกบอลขึ้นหน้าได้ดี ออกบอลตามช่องไม่เยอะนักแต่ทำดีกับการเลี้ยงจี้และวิ่งหาที่ว่างรับบอล ส่วนครึ่งหลังมีส่วนร่วมกับการโต้กลับพอสมควร

สเตอลิ่ง - จบสกอร์ได้ดีขึ้น ทำได้ 2 ลูก (แต่อย่าไปดูไฮไลท์ลูกนาที 67 เข้าล่ะ) ใช้ความเร็วพาบอลกดดันแนวรับได้ดีหลายครั้ง วิ่งทำทางได้ดีด้วย อยู่ในไลน์ตลอดและอยู่ในตำแหน่งที่เพื่อนพอจะให้บอลได้ วันนี้ถ้าจะมีอะไรไม่ดีสำหรับเจ้าตัวก็คงจะเป็นเรื่องบอลอยู่ที่เท้าแล้วไม่ค่อยให้ใครเรื่องเดียวเท่านั้น

ตัวสำรอง

ซาโก้ - ลงมาให้แฟนบอลหายคิดถึงด้วยการ...เสียบขาคู่ใส่คู่ต่อสู้ในเขตโทษแหม๊มเลย~ รวมๆ แล้วเล่นเกมรับดูดีกว่าลอฟเรน แต่การเอาบอลขึ้นหน้ามีปัญหามากกว่า

ชาน - เล่นไม่ออก ไม่ว่ารุกหรือรับไม่เด่นสักอย่าง

บอรินี่ - ถ้าเย็บป้าย “ขาย” ใส่อกเสื้อได้คงทำไปแล้ว ชัดเจนมากว่าไม่เป็นที่ต้องการของทีม ลงมาทำไม๊ นาที 89 ตอนทีมนำ 3-1

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ราฮีม สเตอลิ่ง… นัดนี้ผมชอบอยู่ 3 คนครับ ลิ่ง ลัล มาร์ ในรายลัลลาน่าออกแนวปิดทองหลังพระไปหน่อย ดีแต่ไม่เด่น ส่วนมาร์โควิชถ้าดูเฉพาะเกมรุกก็ว่าจะให้อยู่หรอก(แต่..)  เลยเอาเป็นว่าเลือกสเตอลิ่งที่ยิง 2 ลูกให้ทีมเล่นง่าย และกดดันแนวรับได้ต่อเนื่องดีก็แล้วกัน
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจาก FB ทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.