วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ลิเวอร์พูล 1-0 สโต๊ค (พรีเมียร์ลีค)
...เริ่มโงหัวขึ้นแล้วครับ…
___________________________
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1
----------------------แลมเบิร์ต--------------------------
-----สเตอลิ่ง---------คูตินโย่--------เฮนเดอร์สัน-----
-----------------อัลเลน--------ลูคัส---------------------
เอนริเก้-------ตูเร่---------สเคอเทล---------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่--------------------------
_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านเจอกับสโต๊คในเกมพรีเมียร์ลีค ร็อดเจอร์ยังคงใช้แทคติคการเล่นเดิมแต่เปลี่ยนตัวจริง 2 ตำแหน่งโดยพักเจอราร์ดเป็นตัวสำรองและเอนริเก้เบียดแบ็ค 2M ลงมาได้
-------------------------------------------------------
_______ เริ่มเกมมาสโต๊คก็เข้าบอลถึงลูกถึงคน วิ่งไล่เร็วใส่ เกมรุกเน้นขึ้นทางริมเส้นแล้วเปิดไปลุ้นข้างใน ส่วนทางลิเวอร์พูลโดนไล่อัดจนพลิกบอลลำบาก ต้องอาศัยการวางบอลยาวให้สเตอลิ่งวิ่งไปรับบอลแล้วจากริมเส้นเข้ามาลุ้น ช่วง 15 นาทีแรกยังพาบอลไปถึงเขตโทษกันได้ทั้งคู่ แต่ยังไม่ได้จบสกอร์กันสักเท่าไหร่
_______ ผ่าน 15 นาทีของเกมไปเกมก็เริ่มช้าลง เกมรุกของสโต๊คเริ่มแผ่วลงแต่แดนกลางยังไล่กันได้ดี ส่วนทางลิเวอร์พูลจังหวะรับยืนต่ำทำให้เปลี่ยนรับเป็นรุกได้ช้า ทำเร็วแทบไม่ได้กว่าจะขึ้นบอลแต่ละทีต้องงัดแงะแกะกันขึ้นทีละช่องๆ เลยกดดันคู่ต่อสู้ไม่ได้เท่าไหร่
_______ แต่พอเข้าสู่ช่วงประมาณ 10 นาทีท้ายของครึ่งแรก แดนกลางลิเวอร์พูลเริ่มพลิกบอลได้มากขึ้นและพาบอลขึ้นหน้าได้เร็วขึ้น การทำเกมส่วนใหญ่พึ่งการเก็บบอลชิ่งบอลของแลมเบิร์ตสลับกับการวิ่งไปรับบอล ทีว่างของสเตอลิ่ง ซึ่งก็ได้เริ่มได้ลุ้นมากขึ้น ทางสโต๊คเองก็ได้ลุ้นนิดๆ หน่อยๆ จากจังหวะฉาบฉวยผสมกับความพริ้วของโบยาน แต่สุดท้ายยังทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0
_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลดการ์ดแล้วเดินหน้าตะลุยใส่ วิ่งไล่ในแดนหน้า ดันแผงหลังขึ้นสูง แบ็คช่วยเชื่อมเกมในแดนหน้าเต็มตัว แดนกลางอัลเลนกับลูคัสที่ยืนต่ำอยู่ตลอดในช่วงครึ่งแรก เข้าครึ่งหลังมาเริ่มขยับขึ้นไปช่วยเกมรุกอย่างต่อเนื่อง
_______ สโต๊คโดนไล่จนตั้งเกมได้ลำบากและเสียบอลกลางทางบ่อยขึ้น ยังดีว่ามีโบยานคอยขยับมารับบอลทางริมเส้นคอยเก็บบอลไว้กับตัวและหาจังหวะ โต้ได้บ้าง แต่โดยรวมแล้วตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังมาเป็นลิเวอร์พูลที่บุกกดดันได้ต่อ เนื่องและจะแจ้งกว่ามาก ได้เปิดบอลเข้าทำไปลุ้นในเขตโทษรัวๆ แล้ว
_______ ลิเวอร์พูลเริ่มได้จบสกอร์เป็นระยะ เจาะได้แล้วและหาพื้นที่ได้แล้วทั้งจากการยิงไกลและในพื้นที่สุดท้าย แต่ยิงกันไม่เด็ดขาดเอง นาที 75 เจอราร์ดได้ลงมาแทนลูคัส โดยลงมาเล่นเป็นตัวรุก ขยับเฮนเดอร์สันเข้ากลาง และขยับคูตินโย่ไปเล่นขวามากขึ้น รูปเกมยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลิเวอร์พูลยังกดดันได้แต่จบลงที่ได้แค่ลุ้นเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทางสโต๊คเปลี่ยนเป็นโบยาน ซิตี้ไปเรียบร้อยตั้งแต่เข้าครึ่งหลังแล้ว เล่นได้เล่นออกอยู่คนเดียว
_______ ลิเวอร์พูลพยายามอยู่นาน ยิงติดเซฟบ้าง ติดบล็อคบ้าง เข้าไม่ถึงบอลบ้าง สลับกับการได้ลุ้นหวาดเสียวเวลาที่โบยานได้บอลแล้วเปิิดเข้ามาลุ้นหรือหา โอกาสยิงเองได้เป็นระยะ แต่สุดท้ายก็เป็นลิเวอร์พูลที่ขึ้นนำได้สำเร็จในนาที 85 เฮนเดอร์สันเปิดบอลโด่งเข้าไปในเขตโทษ แลมเบิร์ตขึ้นได้สูงกว่าตัวประกบและโหม่งบอลย้อยข้ามมือเบโกวิชได้แล้ว บอลไปตกชนคานเด้งออกมาแล้วก็เป็นจอห์นสันที่วิ่งตามเข้าไปพุ่งโหม่งถึงบอล ก่อนที่คู่ต่อสู้จะสกัดเข้าไปสำเร็จ 1-0 ชนิดที่เจ้าตัวโดนปลายสตั๊ดเจาะหัวเลือดอาบกับจังหวะนี้เลยทีเดียว
_______ หลังจากปฐมพยาบาลเสร็จและเกมกับมาเล่นต่อ ลอฟเรนก็ได้ลงมาแทนคูตินโย่ทันที ลิเวอร์พูลเน้นเกมรับเต็มตัว อุดแหลกแบบไม่เน้นทรงแล้ว ส่วนทางโบยานซิตี้ก็ดันกันขึ้นมาขึงเกมรุก เน้นโยนบอลเข้าไปใกล้ๆ เขตโทษเข้าไว้และได้ลุ้นอยู่พอสมควรโดยเฉพาะจากลูกเตะมุม ยังไม่นับการทดเจ็บแบบบ้าเลือดอีก 7 นาทีเข้าไปอีก
_______ ลิเวอร์พูลโดนกดดันอย่างหนัก เก็บบอลได้น้อย โต้ก็ไม่ได้ ขึ้นไปได้ครั้งเดียวเกือบจะเป็นประตูแต่สเตอลิ่งก็หาจังหวะยิงไม่ได้อีก แต่ในเกมรับโดยเฉพาะลูกกลางอากาศรับมือคู่ต่อสู้ได้ดี จะเหลือก็แค่โบยาน(อีกแล้ว)ที่ชชสร้างโอกาสหวาดเสียวได้เป็นระยะ แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ ลิเวอร์พูลเอาตัวรอดไปได้ยันจบเกม 1-0
-----------------------------------------
_______ ชนะแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
_______ โอเค ตั้งสติแปปนึง เอาใหม่
_______ วันนี้ครองบอลได้ไม่มากเท่าไหร่แต่คุมเกมได้ครับ เจาะได้ด้วย มีแค่จังหวะจบสกอร์เท่านั้นที่มีปัญหา
_______ แทคติคการเล่นเริ่มนิ่งแล้วครับ สุดท้ายกลายเป็นว่าตอนนี้ทีมค่อนข้างลงตัวกับ 4-2-3-1 ที่ใช้หน้าต่ำ(วันนี้เป็นคูตินโย่)ยืนชิดแลมเบิร์ต, มีสเตอลิ่งวิ่งทำทางรับบอลที่ว่าง อัลเลน+ลูคัสเล่นเกมรับและเชื่อมเกมเป็นหลัก มีเฮนเดอร์สันคอยช่วยทั้งเกมรุกเกมรับ วันนี้เริ่มเห็นการประสานงานที่ลงตัวมากขึ้นแล้วโดยเฉพาะในเกมรับ แดนกลางไม่วิ่งชนกันแล้วจังหวะถอยไปคุมพื้นที่และหน้ากับกลางวิ่งไล่บอลกัน เป็นกลุ่มได้ดีขึ้นมาก
_______ 11 ตัวจริงร็อดเจอร์กล้าพักเจอราร์ดด้วย รวมไปถึงแลมเบิร์ตก็ยังได้ลงต่อเนื่อง นับเฉพาะ 11 ตัวจริงกับแทคติคเริ่มเกม ผมว่าร็อดเจอร์จัดมาได้ดีสำหรับวันนี้ ส่วนการเปลี่ยนตัวเจอราร์ดลงแทนลูคัสผมว่าถูกคนแล้วแต่ช้าไปนิด ในรายลอฟเรนแทนคูตินโย่ก็เป็นไอเดียที่ดีเพราะสโต๊คบอมบ์ใส่แน่ แต่ยังรู้สึกว่าลัลลาน่าควรได้ลงไปแทนสเตอลิ่งด้วยเพราะน่าจะมีแรงวิ่งเก็บ บอลหรือช่วยทำทางโต้กลับได้ดีกว่าสเตอลิ่งที่วิ่งมาทั้งเกมแล้ว … แต่ก็ช่างเถอะ สุดท้ายเป้าหมายแรกคือการเปิดเกมก็ทำได้สำเร็จ โต้ไม่ได้-ไม่ได้เพิ่มก็คงไม่ใช่ประเด็นนัก
_______ ถ้าจะมีอะไรแปลกตาไปสำหรับแทคติค ผมว่านัดนี้ทีมเล่นบอลไดเรกต์เยอะขึ้นครับ คือมีหลายครั้งที่เราเห็นแดนหลังหรือผู้รักษาประตูเปิดโด่งใส่แลมเบิร์ตเลย แบบตั้งใจไม่ใช่โดนไล่ด้วย ไม่ได้เน้นตั้งบอลสั้นขึ้นไปตลอดเวลาแบบที่ผ่านมา ซึ่งแลมเบิร์ตก็ทำได้ดีพอควรนะ ไม่ได้เก็บหมดทุกลูกแต่ก็ชงชิ่งค้ำพลิกได้เป็นระยะล่ะ ซึ่งก็ถือเป็นการใช้งานกองหน้าตัวใหญ่วิ่งได้ไม่ทันใจนักแบบแลมเบิร์ตได้ เหมาะขึ้นกว่าเดิม และลดภาระการเอาบอลขึ้นหน้าของแดนกลางพินบอลสามคนได้ด้วย
_______ นัดนี้ครึ่งแรกมีปัญหากับการตั้งเกมพอควรครับ หลักๆ เลยคือคูตินโย่พลิกบอลไม่ได้ ซึ่งพอพลิกไม่ได้จะไปหวังให้พวกราชาลูกชิ่งอย่าง อัลเลน+ลูคัส+เฮนเดอร์สัน พาบอลขึ้นหน้ามันก็ลำบาก กลายเป็นบอลต้องชิ่งกลับหลังตลอด ครึ่งหลังเลยต้องดันหลังขึ้นสูง ดันแบ็คขึ้น ดันอัลเลนกับลูคัสสลับกันขึ้นก็เลยทำให้เจาะได้ แต่ก็เสี่ยงไม่ใช่น้อยล่ะ เหลือที่ข้างหลังไว้เพียบ แต่ถ้าไม่เสี่ยงก็คงกดดันไม่ได้ลุ้นละนะ
_______ สำหรับการจบสกอร์ จะว่ามีปัญหาก็ใช่ครับ คือได้โอกาสยิงเพียบเลยแต่ได้แค่ลูกเดียว แต่ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่า ที่ว่าได้โอกาสนั่น ลูคัสกับอัลเลนก่อนหน้านี้อย่าว่าแต่จะยิง แค่ได้เล่นเกมรุกก็น้อยแล้ว, เฮนเดอร์สันก็ไม่ใช่จอมถล่มประตูมาแต่ไหนแต่ไร และแลมเบิร์ตก็ยังอยู่ในช่วงที่เริ่มได้เล่นต่อเนื่องเท่านั้น ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าถ้าแทคติคนิ่ง 11 ตัวจริงนิ่งแบบนี้ต่อไป การประสานงานและความมั่นใจของผู้เล่นดีขึ้น การจบสกอร์จะดีขึ้นกว่านี้แน่ครับ
_______ ตลกร้ายเล็กๆ ที่ผู้เล่นตัวจริงชุดมีแลมเบิร์ตคนเดียวที่ซื้อมาใหม่ช่วงซัมเมอร์ สรุปว่าลงทุนไปร้อยกว่าล้าน จนถึงตอนนี้เป็นตัวจริงได้แค่ 4 ล้านเนี่ย ส่วน 20 ล้านอย่างลอฟเรนฟอร์มตอนนี้ยังสู้ตัวเซ็นฟรีแบบตูเร่ไม่ได้ และลัลลาน่าจนถึงตอนนี้ผมว่าดี แต่จากแทคติคที่ใช้อยู่ ก็คงต้องรอพักสเตอลิ่งโน่นละครับแกถึงจะได้ลงอ่ะ
_______ ชนะนัดนี้ได้ เก้าอี้ร็อดเจอร์เย็นลงเยอะครับ ยิ่งถ้าเข้ารอบ UCL ได้มีสิทธิอยู่ยาวอย่างน้อยจบฤดู แทคติคก็เริ่มเข้าที่ แล้วเราอาจต้องทำใจว่าเจอราร์ดจะเข้าๆ ออกๆ 11ตัวจริงแบบนี้ไปเรื่อยๆ รวมไปผู้เล่นใหม่ที่คงต้องนั่งมากกว่าวิ่งไปอีกสัพกั เพราะร็อดเจอร์คงไม่ปรับเปลี่ยนอะไรมากนักในตอนนี้ ก็ต้องดูกันต่อไปครับว่าร็อดเจอร์จะทำยังไงต่อไปกับทีมชุด 100 ล้านที่ซื้อมา
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันได้ค่อนไปทางดี
มินโยเล่ - ออกมาตัดลูกโยนพลาดให้เห็นเหมือนกัน แต่เซฟลูกยากและสำคัญ 2-3 หนนั่นเข้าตากว่ามาก โดยเฉพาะการเซฟลูกวอลเล่ย์จากนอกเขตของโบยานที่ดูยังไงก็ต้องเข้าแล้ว วันนี้ช่วยทีมได้เยอะทีเดียว
จอห์นสัน - เก็บบอลไว้กับตัวนานเกือบทำให้ทีมบรรลัยในครึ่งแรกที่โดนโบยานฉกบอลจากเท้า หน้าเขตโทษตัวเอง นอกจากนั้นทั้งเกมก็เป็นเป้าหมายให้คู่ต่อสู้เจาะอีกต่างหากซึ่งก็รับมือไม่ ได้แย่นัก แต่ก็ควรทำได้ดีกว่านี้เพราะหนักไปทางวิ่งประคองแทนที่จะเข้าบอล แต่สำหรับการช่วยเชื่อมเกมในครึ่งหลังทำได้ดีพอควร และจังหวะทุ่มสุดตัว โหม่งสวนสตั๊ดจนทำประตูได้นี่เด่นเด้งเจิดจ้าเป็นประกายมากครับ
ตูเร่ - เล่นต่อเลยได้ไหม~ อย่าปล่อยให้ตัวเขาไป~ จะตีลังกาดูยังไง ก็ดีกว่าลอฟฯหมดแล้วตอนนี้~
สเคอเทล - เล่นลูกกลางอากาศได้ค่อนข้างดี มีจังหวะเข้าสกัดไม่มากนัก ซ้อนแบ็คได้ไม่ดีเลย แต่ความผิดพลาดมีน้อยมาก ฟอร์มโดยรวมเริ่มดีขึ้น
เอนริเก้ - เล่นแบบเงียบๆ ทั้งเกม คู่ต่อสู้ก็ไม่ค่อยขึ้นทางนั้น เจ้าตัวก็ไม่ค่อยได้มีส่วนกับเกมเท่าไหร่ เชื่อมเกมพอไปวัดไปวาได้แต่วิ่งขึ้นลงได้น้อยไปนิด
ลูคัส - ฟอร์มดีขึ้น เคลื่อนที่ได้ดีขึ้น ครึ่งแรกเชื่อมเกมดูดีกว่าอัลเลนและเฮนเดอร์สันนิดๆ ด้วย (แต่ก็ไม่ค่อยขึ้นหน้าเหมือนกันนั่นแหล่ะ) ครึ่งหลังเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกพอใช้ได้
อัลเลน - วิ่งคุมพื้นที่ได้ดีขึ้นและเก็บบอลจังหวะสองได้ดีกว่านัดก่อนๆ ออกบอลแม่นดี ถึงจะไม่ค่อยไปไหนก็เถอะ
เฮนเดอร์สัน - นัดนี้เเล่นเกมรับได้ดีกว่าเกมรุก วิ่งได้มากและเข้าถึงบอลบ่อย โดยเฉพาะครึ่งหลังที่มีส่วนช่วยในการรับมือกับโบยานได้ดีประมาณนึง เชื่อมเกมพอได้ และมีส่วนร่วมกับเกมรุกนิดๆ หน่อยๆ ประสานงานกับแลมเบิร์ตได้ค่อนข้างดี
สเตอลิ่ง - วิ่งทำทางและพาบอลกระชากไปที่ว่างได้ดี เรียกฟาล์วได้พอสมควร จังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะยิงหรือจ่ายยังไม่ดีนัก แต่ก็ถือว่ากดดันแนวรับคู่ต่อสู้ได้ดีทีเดียว
คูตินโย่ - ครึ่งแรกพลิกบอลได้น้อยยยยยมาก ครึ่งหลังเริ่มขยับหาที่ว่างเล่นและพาบอลขึ้นหน้าได้บ้างแต่ก็กดดันคู่ต่อสู้ได้น้อยไปหน่อย
แลมเบิร์ต - ต้นเกมดูไม่จืดเลย แต่ยิ่งเล่นยิ่งดีขึ้น พอเข้าครึ่งหลังชิ่งชงต่อให้เพื่อนได้ดีหลายครั้ง แม้แต่ประตูชัยที่จอห์นสันโหม่งเข้าไป แลมเบิร์ตก็โหม่งได้ดีจนน่าจะเป็นประตูไปก่อนแล้วด้วยซ้ำ อยู่ในฟอร์มที่ดูดี
ตัวสำรอง
เจอราร์ด - ไม่ได้ทำอะไรเลย ครั้งสุดท้ายที่เจอราร์ดแทบไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมแล้วทีมชนะนี่มันเมื่อไหร่นะ
ลอฟเรน - ก็ช่วยโหม่งช่วยสกัดได้
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โคโล่ ตูเร่… น้ำตาจะไหล นี่เซ็นต์ฟรีมานะจ๊ะ แต่นัดนี้เล่นอย่างกับดูดบอลได้ คู่ต่อสู้จะโยนมาจากมุมไหนเข้าหัวตูเร่หมด
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจาก FB ทางการ
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
ลูโดโกเรต 2-2 ลิเวอร์พูล (UCL)
...ฟอร์มกระเตื้อง แต่ผลลัพธ์ยัง…
___________________________
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1 (หรือ 4-4-2 เจอราร์ดขึ้นไปยืนเท่าแลมเบิร์ตบ่อย)
----------------------แลมเบิร์ต--------------------------
-----สเตอลิ่ง--------เจอราร์ด--------เฮนเดอร์สัน-----
-----------------อัลเลน--------ลูคัส---------------------
จอห์นสัน-------ตูเร่---------สเคอเทล-------มานกีโย่
------------------------มินโยเล่--------------------------
_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมยุโรปเป็นนัดที่ 5 คราวนี้ออกไปเยือนลูโดโกเรต ร็อดเจอร์ปรับเปลี่ยนทีมเยอะพอควร มีตูเร่กับลูคัสที่ได้เป็นตัวจริง อีกทั้งยังปรับเอาเจอราร์ดขึ้นไปเล่นเกมรุกเต็มตัว ยืนสูงชนิดที่เรียกว่าเป็นกองหน้าตัวต่ำแทนที่จะเรียกว่ากองกลางตัวรุกจะ เหมาะกว่า
-------------------------------------------------------
_______ เปิดเก..ยังไม่ทันออกเสียงม.ม้า นาที 3 ลูโดโกเรตบุกขึ้นมาครั้งแรก ยิงไกลจากหน้าเขตโทษ มินโยเล่ปัดได้แต่ไม่พ้นกรอบ โดนตามซ้ำเข้าไปให้เจ้าบ้านนำ 1-0
_______ แต่ลิเวอร์พูลมาได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็วเช่นกันในนาที 8 จากบอลโยนลึกจากครึ่งสนามเข้ามาในเขตโทษ กองหลังลูโดโกเรตถึงบอลก่อนแล้วแต่สกัดไม่ดี ทั้งยังกะจังหวะบอลพลาด โดนแลมเบิร์ตวิ่งแซงตามไปโหม่งเข้าเสาสองไปได้ 1-1
_______ โดยรวมแล้ว ราว 20 นาทีแรก ลิเวอร์พูลไล่บอลสูง ยังคงเน้นเจาะตรงกลางเต็มตัวเช่นเดิม โดยมีเจอราร์ดกับสเตอลิ่งเป็นตัวหลักในการพลิกบอลขึ้นหน้า มีเฮนเดอร์สันตามไปสมทบเป็นระยะ แบ็คสองข้างลอยสูงเกินครึ่งสนามตลอด แต่โดยรวมเกมยังไม่ทะลุทะลวงเท่าไหร่นัก ครองบอลได้ไม่มากนัก เป็นลูโดโกเรตที่อาศัยพื้นที่ที่แบ็คลอยบุกขึ้นมาทางริมเส้นได้ดี ได้เปิดก็หลายครั้ง แต่ยังไม่แม่นยำสักเท่าไหร่
_______ แต่หลังจากราวๆ 25 นาทีไปแล้ว เกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้น โดยเฉพาะเกมแดนกลางที่สเตอลิ่งเริ่มพลิกบอลขึ้นหน้าได้บ่อยขึ้น, แลมเบิร์ตเก็บบอลได้มากขึ้น ทำให้ได้ครองบอลมากกว่าเดิมและพาบอลไปใกล้เขตโทษคู่ต่อสู้ได้ต่อเนื่องแต่ ยังไม่ค่อยได้จบสกอร์ ส่วนทางลูโดโกเรตเกมริมเส้นเริ่มดรอปลงไปอันเนื่องมาจากแบ็คลิเวอร์พูลเริ่ม ระวังเกมรับและไม่ลอยสูงเท่าช่วงต้นเกมแล้ว แต่เกมตรงกลางโดยเฉพาะการเก็บบอลจังหวะสองยังทำได้ค่อนข้างดี ทำให้ยังครองบอลได้เยอะ และได้ลุ้นจากลูกยิงไกลกับโยนลึกเข้าไปในเขตโทษอยู่บ้าง
_______ ซึ่งในที่สุดก็เป็นลิเวอร์พูลที่พลิกขึ้นนำได้สำเร็จในนาที 37 จากจังหวะที่ลูโดโกเรตตั้งเกมขึ้นมาแต่โดนแลมเบิร์ตกับสเตอลิ่งบีบแย่งบอลไป ได้ที่กลางสนาม แลมเบิร์ตแตะต่อเร็วให้สเตอลิ่งได้พาบอลควบขึ้นไปทางริมเส้นซ้าย ก่อนที่จะจ่ายขวางเรียดข้ามมาทางเสาสองให้เฮนเดอร์สันวิ่งเข้ามาชาร์จได้ สำเร็จ 2-1
_______ เวลาที่เหลืออยู่ลูโดโกเรตเริ่มกลับมาเร่งเกมมากขึ้น เติมกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น เกมริมเส้นเริ่มได้เปิดบ้างแล้วแต่ยังไม่กดดันแนวรับเท่าไหร่ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-1
_______ เข้าครึ่งหลัง ลูโดโกเรตลงมาพยายามเร่งเกมให้เร็วขึ้นด้วยการเน้นวางบอลขึ้นหน้าให้เร็ว ถ้าเห็นข้างหน้าพอมีที่ให้วิ่งไล่ก็จะโยนใส่ให้กองหน้าวิ่งทันที ส่วนทางลิเวอร์พูลยังเล่นในจังหวะเดิมเป็นส่วนใหญ่ ได้โต้อยู่ตลอดและทำเกมเร็วขึ้นไปถึงหน้าเขตโทษได้ ได้ลุ้นประตูที่สามอยู่บ้างเหมือนกันแต่ส่วนใหญ่หนักไปทางไม่ทันได้ยิง ฟาล์วก่อนบ้าง เปิดไปไหนไม่รู้บ้าง จับยาวไปจ่ายสั้นไปโดนแย่งไปก่อนบ้าง
_______ ลูโดโกเรตเปิดเกมรุกได้ตามอัตภาพ พวกเขาพาบอลมาป้วนเปี้ยนใกล้เขตโทษได้ต่อเนื่องกว่าครึ่งแรกแต่บอลเปิดเข้า ทำหรือการยิงไกลยังไม่ดีนัก ส่วนทางลิเวอร์พูลในช่วงครึ่งหลังพื้นที่หน้าเขตโทษดูจะมีปัญหาพอสมควรเพราะ ปล่อยให้คู่ต่อสู้ยิงไกลหรือได้ลองลุ้นจ่ายบอลเข้าทำจากพื้นที่นี้อยู่บ่อย ครั้งแต่ก็ยังพอเอาตัวรอดกันมาได้ด้วยความวิบัติของตัวรุกคู่ต่อสู้และฟอร์ม ของคู่เซ็นเตอร์ลิเวอร์พูลเองที่วันนี้เล่นกันได้ค่อนข้างดี
_______ เข้าสู่ช่วง 15 นาทีท้าย ลิเวอร์พูลเริ่มถอยลงมารับลึกมากขึ้น คนที่ยืนสูงที่สุดอย่างเจอราร์ด (จ้า...อ่านไม่ผิดหรอก) บางจังหวะยังยืนขึ้นมาไม่ถึงวงกลมกลางสนามในแดนตัวเองด้วยซ้ำ แต่เกมโดยรวมต้องถือว่าเกมรับลิเวอร์พูลยังจัดการเกมรุกคู่ต่อสู้ได้ค่อน ข้างดีพอควร ไม่มีลูกยากให้มินโยเล่ต้องเซฟให้เห็นเลย อีกทั้่งยังมีจังหวะโต้กลับดีๆ ที่ทำให้เกือบได้ประตูเพ่ิ่มอยู่บ้างอีกด้วย
_______ นาที 82 โมเรโน่ได้ลงมาแทนสเตอลิ่งที่พึ่งจะหลุดเดี่ยวไปยิงติดเซฟก่อนหน้านั้นไม่ นาน ขันเกมรับให้แน่นขึ้นไปอีก เกมรับของทีมยังต้านทานคู่ต่อสู้ไว้ได้แต่เกมรุกถึงตรงนี้ต้องเรียกว่าดับ สนิทไม่ต้องคิดสตาร์ทแล้วเพราะเจอราร์ดหมดแรงวิ่ง แลมเบิร์ตเองวิ่งได้แต่ก็ไม่ได้เร็ว สเตอลิ่งออกไปแล้ว และเฮนเดอร์สันเองก็ไม่ใช่ตัวเปิดเกมรุกที่ดีสักเท่าไหร่ เรียกว่าการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ ภารกิจหนึ่งเดียวของทีมคือ ปิดเกม เท่านั้น
_______ ด้วยคุณภาพเกมรุกของลูโดโกเรตก็ชวนให้เชื่อว่าลิเวอร์พูลจะทำเช่นนั้นได้ จริง คู่เซ็นเตอร์ยังโหม่งสกัดบอลที่โยนสะเปะสะปะเข้าเขตโทษได้ตลอด และลูกเปิดจากด้านข้างแม้แบ็คจะปิดทางได้ไม่ดีเท่าไหร่แต่ยังมีตัวซ้อนคอย ดักตัดก่อนบอลจะถึงด้านในอยู่ตลอด แต่แล้ว...ทายสิว่าอะไรเกิดขึ้น...
_______ ...ขวัญกับเรียมครัชชช… (ไม่เก็ตมุขนี้ก็ขออนุญาตไม่เฉลยนะ)
_______ นาที 88 จากลูกเตะมุมที่เปิดมาทางเสาแรก มีตัวโฉบโหม่งเปลี่ยนทางไปเสาสองแล้วก็มีตัวที่เสาสองโหม่งเข้าประตูไปได้ ชนิดที่แนวรับลิเวอร์พูลได้แต่ยืนมอง ตีเสมอได้สำเร็จ 2-2
_______ ช่วงเวลาเล็กน้อยที่เหลือ ลิเวอร์พูลไม่สามารถเปิดเกมรุกหรือโต้กลับได้อีกแล้วเพราะว่าไม่มีตัวรุกที่ มีประสิทธิภาพอยู่ในสนาม ยังดีที่ว่าคุณภาพเกมรุกของลูโดโกเรตยังคงเซิ่นเจิ้นจีนแดงก็อปเกรดบีต่อไป แม้จะได้ลุ้นยิงไกล ลุ้นเปิดเข้ากลาง ลุ้นลูกตั้งเตะ แต่ก็ขาดความแม่นยำและเอาชนะแนวรับลิเวอร์พูลเป็นครั้งที่สามไม่ได้ ทำให้จบเกมเสมอกันไป 2-2
-----------------------------------------
_______ ไม่ชนะก็จริง แต่เริ่มเห็นตอเรสแล้วครับ (มุขนี้ไม่เก็ตก็ขออนุญาตไม่เฉลยเช่นกัน)
_______ ด้วยสถานการณ์ของทีมในตอนนี้ ถ้าเปรียบเป็นคนไข้ หมอก็ต้องหันมาถามญาติแล้วครับว่าจะให้ถอดเครื่องช่วยหายใจมั้ย ดังนั้นผมไม่คิดว่า 11 ตัวจริงวันนี้จะจัดเพราะต้องการพักใครไว้เล่นเกมลีคแล้วล่ะ คือชุดนี้ร็อดเจอร์ต้องคิดว่าดีสุดเจ๋งสุดแล้ว ซึ่งจากตัวจริงที่จัดมา รวมไปถึงแทคติคเริ่มเกม ผมเห็นดีเห็นงามด้วยอยู่ 3 เรื่องด้วยกันนั่นคือ
_______ 1. มีคนขึ้นไปช่วยแลมเบิร์ตตลอด ไม่เหมือนที่ผ่านมาที่ยืนห่างกันมาก
_______ 2. ไม่ใช้เจอราร์ดยืนต่ำคนเดียวแล้ว...แถมยืนสูงเป็นหน้าต่ำเลยอีกต่างหาก
_______ 3. ดรอปลอฟเรนก่อนสเคอเทล น้ำตาจะไหล
_______ ส่วนที่ไม่เห็นด้วยจะอยู่ที่การปรับเกมและเปลี่ยนตัวสำรอง ซึ่งผมคิดว่าร็อดเจอร์น่าจะใช้ตัวสำรองได้เป็นประโยชน์กว่านั้น โดยเฉพาะในกรณีการเอาตัวสด ขยันวิ่งลงมาเปลี่ยนบ้าง แลมเบิร์ตเองก็วิ่งได้ไม่มากแล้วตั้งแต่ช่วง 75+, ตัวขยันวิ่งอย่างลัลลาน่าทำไมไม่เอาลงมาช่วยไล่, ไหนจะเจอราร์ดที่เท้าสะเอวเล่นแล้วในช่วง 10 นาทีสุดท้ายจะเก็บแกไว้ทำไม แต่สำหรับการตัดสินใจเปลี่ยนสเตอลิ่งออกเอาโมเรโน่ลง แม้ผมจะไม่ถึงขั้นเห็นด้วยแต่ไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ร็อดเจอร์พลาด นาทีนั้นต้องเล่นเอาผลไว้ก่อนครับจะเลือกแบบนี้ก็ไม่เลวร้ายนักหรอก
_______ ย้อนกลับไปที่แทคติค โดยรวมแล้ววันนี้ยังเล่นคล้ายๆ กับนัดก่อนนะครับที่จะมีคนวิ่งขึ้นไปช่วยแลมเบิร์ตใกล้ๆ อยู่ตลอด โดยนัดก่อนใช้สเตอลิ่ง นัดนี้หันมาใช้เจอราร์ด ที่พิเศษขึ้นมาหน่อยคือมีสเตอลิ่งเข้ามาด้วยอีกคน เน้นให้ตัวรุกยืนใกล้กันมากกว่านัดก่อน รวมไปถึงการวางกลางรับไว้ถึงสองคนอีกด้วย
_______ ในจังหวะเกมรับของทีมนั้น สเตอลิ่งกับเฮนเดอร์สันจะถอยลงไปช่วยริมเส้น ทิ้งเจอราร์ดกับแลมเบิร์ตไว้ใกล้ๆ กันในแดนหน้า การมีทั้งอัลเลนและลูคัสช่วยกันเล่นเกมรับอันที่จริงว่ากันตามแทคติคเกมรับ แดนกลางควรจะแน่นขึ้นมากๆ แต่ฟอร์มส่วนตัวของทั้งสองคนเองมากกว่าที่ทำให้เกมรับแดนกลางไม่ดีเท่าที่ ควร อันนี้รวมไปถึงแบ็คสองข้างที่จังหวะตัวต่อตัวกับผู้เล่นระดับลูโดโกเรต(จะ ว่าดูถูกก็ได้ แต่ตัวรุกพวกเขาไม่มีใครเล่นเด่นจริงๆ) ยังหัวทิ่มหัวต่ำด้วยนะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นได้ว่า แดนกลางมีการตัดเกม มีการเข้าปะทะมากขึ้นกว่าเดิมมาก เทียบกับนัดที่ใช้เจอราร์ดยืนต่ำคนเดียวนี่ยิ่งเห็นชัดเลย
________ ส่วนในเกมรุก ถ้าตัดบอลได้ปุ๊ปโยนขึ้นหน้ามาสองคนนี้ก็จะช่วยกันเล่นในจังหวะแรก หลังจากนั้นจะมีสเตอลิ่งกับเฮนเดอร์สันที่เติมกันขึ้นมาตลอด อัลเลนกับลูคัสยืนกันไม่เกินวงกลมครับ ดังนั้นไม่ต้องสืบครับว่าบอลจังหวะโต้เราจะหวังพึ่งใคร เจอราร์ดกับสเตอลิ่งไง ซึ่งทั้งคู่ก็ทำผลงานได้ไม่เลว คือพลาดเยอะล่ะ แต่จังหวะที่เจาะคู่ต่อสู้ได้ สร้างโอกาสได้มันยังมีให้เห็นไม่น้อยเช่นกัน ส่วนแลมเบิร์ตกับเฮนเดอร์สันก็ยังทำตามหน้าที่ตัวเองได้ค่อนข้างน่าพอใจด้วย
_______ แต่ที่พูดมานี่ใช่ว่าทุกสิ่งจะฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งเป็นโพนี่ขี่รุ้งซะเมื่อ ไหร่ ฟอร์มส่วนตัวและความมั่นใจของผู้เล่นยังคงมีปัญหาให้เห็นอยู่ ที่ชัดๆ เลยก็คือแบ็คสองข้างกับกลางรับสองคนที่เล่นไม่ดีนักทั้งๆ ที่คู่ต่อสู้ไม่ได้มีศักยภาพขนาดนั้น ปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้เปิดได้โยนได้ยิงมากเกินไปหน่อย
_______ ส่วนลูกตั้งเตะนี่คงไม่ต้องพูดกันแล้ว
_______ การโดนทีมที่เล่นเกมรุกได้แค่ระดับที่เห็นวันนี้ยิงถึง 2 ลูกถือเป็นเกมรับที่แย่มากครับ
_______ ประเด็นน่าสนใจที่สุดของนัดนี้ก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งเจอราร์ดนั่นละครับ เล่นหน้าต่ำกันเลยทีเดียว (สูงกว่าคราวก่อนที่ร็อดเจอร์ลองอีก ตอนนั้นยังแค่กลางรุกที่ยืนสูงแค่กลางแดนคู่ต่อสู้) แกก็เล่นได้แหล่ะ แต่จินตนาการแกเพื่อนตามไม่ค่อยทัน … อย่าว่าแต่เพื่อนเลยครับ บางทีสังขารแกเองยังตามไม่ทันเลย ใจไปขาไม่ไป จับยาวจับลั่นหลายครั้งอยู่ แต่นับเฉพาะไอเดียการสร้างสรรเกมต้องถือว่าสุดยอด โดยเฉพาะจังหวะฉาบฉวยหรือรุกเร็วที่แกจะไม่มัวมาม้วนหรือเคาะกลับหลังให้ เสียเวลา
_______ คำถามใหญ่สุดของเจอราร์ด ณ พ.ศ. นี้ก็อยู่ที่ความฟิตละครับ อันที่จริงออกจะแปลกใจที่เจอราร์ดวิ่งได้นานร่วมๆ 75 นาที ซึ่งถือว่าเยอะมากกว่าที่ผมคิดแล้ว จะดีกว่านี้ถ้าร็อดเจอร์จะให้เจอราร์ดได้พักบ้าง ไม่ว่าจะในแง่การดรอปไปเป็นนั่งสำรองเลยหรือว่าเปลี่ยนออกเมื่อเห็นอาการ เท้าสะเอวเดินเล่นช่วงครึ่งหลัง ซึ่งผมคิดว่าจะทำให้เจอราร์ดเป็นประโยชน์กับทีมได้มากกว่านี้อีกนะ เวลาที่บอกว่าดรอปเถอะ พักเถอะ ผมไม่คิดว่าเจอราร์ดหมดประโยชน์เลยแม้แต่ครั้งเดียว แค่คิดว่ากับบางแทคติคหรือบางสถานการณ์เนี่ย ไม่ใช้แกจะเป็นประโยชน์กับทีมมากกว่าเท่านั้นเอง
_______ อ้อ เวลาที่บอกว่าไม่ฟิตหรือวิ่งไม่ไหวเนี่ย ผมไม่ได้หมายถึงคนเล่นเค้ายืนนิ่งเป็นหุ่นขี้่ผึ้งในสนามนะ คือพวกเค้ายังวิ่งกันได้แหล่ะ แต่มันจะมีอาการออกตัวช้าไปนิดนึง, กระชากบอลไม่ได้ และไม่สามารถพลิกตัวหรือปรับสปีดการวิ่งได้ดีพอ อันนี้เข้าใจตรงกันนะ
_______ สำหรับเกมนี้โดยรวมแล้ว เกมรุกไม่ถึงกับดีมากนักและเกมรับยังมีปัญหา อย่าว่าแต่นี่เราเจอลูโดโกเรตไม่ใช่มาดริด ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมคิดว่ารูปเกมและฟอร์มโดยรวมมันกระเตื้องขึ้นมาบ้างนะ เสียดายที่รักษาสกอร์ไว้ไม่ได้ไม่งั้นคงสร้างความมั่นใจได้มากกว่านี้
_______ หวังว่านัดต่อไปร็อดเจอร์จะยังคงรูปแบบการเล่นแบบนี้ไว้ครับ เพื่อเราด้วย - ไม่หัวใจวายคาจอไปซะก่อน และเพื่อตัวเค้าเองด้วย - ไม่โดนไล่ออกไปซะก่อน
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันใช้ได้ แต่ยังไม่ดี
มิ นโยเล่ - ลูกแรกนี่เวิร์ลแก็สมากครับ ปัดรอให้เค้าซ้ำซะงั้น แต่ลูกสองโทษเขาไม่ได้นะ ทั้งเกมไม่มีงานให้ทำเท่าไหร่ พุ่งไปเช็คระยะลูกยิงไกลเก้อตลอด คู่ต่อสู้ยิงหลุดกรอบรัวๆ
จอห์น สัน - เชื่อมเกมพอใช้ได้ จังหวะเติมสูงเล่นเกมรุกข้างหน้าไม่มีให้เห็น เกมรับมีปัญหาลงไม่ทันอยู่ในช่วงประมาณครึ่งชั่วโมงแรก หลังจากนั้นพอไม่ลอยมากนักก็ไม่หลุดตำแหน่งแล้ว แต่ทั้งเกมก็ยังปิดลูกเปิดเข้ากลางไม่ดีเท่าไหร่
ตูเร่ - สกัดบอลได้เยอะมากทั้งโหม่งและทิ้งตัวดักบอล มีโชว์สกิลโหม่ชงเตะผิดเหลี่ยมให้คู่ต่อสู้นิดหน่อยแต่ไม่น่าเกลียดมาก ฟอร์มโดยรวมดูดีกว่าสเคอเทล โดยเฉพาะการอ่านเกมที่บอลแทบจะพุ่งหาเค้าอยู่ตลอดเวลา
สเคอเทล - เล่นได้ดีขึ้นโดยเฉพาะลูกกลางอากาศ ไม่ค่อยมีจังหวะให้ต้องปะทะมากนักเพราะมีกลางรับคอยอัดให้อยู่แล้ว เป็นวันที่เล่นได้ง่ายขึ้นและมีข้อผิดพลาดน้อยลง
มานกีโย่ - เชื่อมได้นิดหน่อย มีปัญหากับเกมรับมาก จังหวะตัวต่อตัวเก็บกินได้น้อยไปหน่อยและปิดทางการเปิดเข้ากลางไม่ดีนัก เล่นไปเล่นมาจะเป็นนิวจอห์นสันอยู่แล้ว
ลูคัส - ฟอร์มไม่ดีเท่าไหร่ วิ่งไม่ค่อยทันบอล อ่านเกมไม่ถึงกับดี มีดีตรงการเข้าปะทะที่แม้จะเสียฟาล์วบ่อย แต่หยุดเกมคู่ต่อสู้ได้เด็ดขาดดี ถ้าไม่ส่งคืนหลังก็ร่วงซะตรงนั้นแหล่ะ
อัลเลน - วิ่งช่วยเกมรับได้ดีกว่าลูคัส เชื่อมเกมดีกว่าด้วย แต่เข้าปะทะไม่ดีเท่า และขนาดมีกันสองคนยังช่วยกันปิดพื้นที่หน้าเขตโทษตัวเองได้ไม่ดีเท่าไหร่ ด้วย
เฮนเดอร์สัน - ต้องเล่นเกมรับมากกว่าสเตอลิ่ง หลายครั้งที่ต้องลงไปยืนช่วยเกมรับต่ำในระนาบเดียวกับลูคัสและอัลเลนทำให้ หลายครั้งเขาขึ้นมาช่วยเกมรุกไม่ทัน เกมรับยังคงมีดีที่ขยันไล่แต่หยุดเกมคู่ต่อสู้ได้ไม่เท่าไหร่ เกมรุกถ้ามองจากการที่ต้องวิ่งเยอะขนาดนี้ มีส่วนกับเกมรุกนิดหน่อยและทำได้ 1 ประตูก็ถือว่าโอเคแล้ว
สเตอลิ่ง - ลงไปช่วยเกมรับตามตำแหน่งแต่หน้าที่หลักคือการเล่นเกมรุกร่วมกับแลมเบิร์ต และเจอราร์ด พลิกบอลขึ้นหน้าได้ดีหลายต่อหลายครั้ง แต่เอาไปทำเสียเป็นส่วนใหญ่ ดึงจังหวะจนเพื่อนถลำบ้าง จ่ายช้าจ่ายผิดน้ำหนักบ้าง เรียกฟาล์วเก้อบ้าง หนักข้อสุดคือหลุดเดี่ยวแต่ยิงไม่เข้า ถึงอย่างนั้นสเตอลิ่งก็เป็นคนเปิดบอลให้เฮนเดอร์สันยิง และตลอดเกมเขาพลิกบอลขึ้นหน้าได้มากที่สุดในทีม
เจอราร์ด - อ่านข้างบนเลยครับ พูดถึงตั้งสองย่อหน้า
แล มเบิร์ต - ทำประตูได้อีกแล้วแต่ฟอร์มโดยรวมยังไม่ถึงกับดี ซึ่งก็ยังถือว่าดีกว่ากองหน้าคนอื่นๆ ในช่วงนี้อยู่เยอะล่ะ ไม่ค่อยเก็บบอลไว้กับตัวชอบชิ่งให้เพื่อนเล่นต่อเลยมากกว่าซึ่งวันนี้ทำได้ พอใช้
ตัวสำรอง
โมเรโน่ - ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด...ตัวเลือกนัดนี้มีสเตอลิ่ง, ตูเร่ด้วยครับ แต่รายแรกทำพลาดเยอะมากพอๆ กับที่ทำดี ส่วนรายหลังถ้าจบด้วยผลชนะก็จะเลือกอยู่หรอก จะหันไปเลือกร็อดเจอร์ที่เปลี่ยนแทคติคแล้วก็เลือกไม่ลงเพราะดันไม่เปลี่ยน เอาตัวสำรองสดๆ ลงมา ดังนั้นขอเลือกเจอราร์ดที่ไอเดียสร้างสรรค์เกมรุกบรรเจิดมาก...แม้ว่าส่วน ใหญ่จะทำไม่สำเร็จตามที่คิดก็ตาม
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจาก FB ทางการ
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
คริสตัล พาเลซ 3-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)
...ฟอร์มยังคงเส้นคงวาครับช่วงนี้…
___________________________
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-4-2 (หรือ 4-5-1 ต้นคริสมาสต์ สเตอลิ่งถอยลงไปกลางบ่อย)
-----------แลมเบิร์ต------------สเตอลิ่ง----------------
อัลเลน----------------คูตินโย่-----------------ลัลลาน่า
------------------------เจอราร์ด-------------------------
จอห์นสัน-----ลอฟเรน--------สเคอเทล-----มานกีโย่
------------------------มินโยเล่--------------------------
_______ พรีเมียร์ลีคกลับมาเตะอีกครั้งหลังจากหลีกทางให้บอลทีมชาติไปสองอาทิตย์ นัดนี้ลิเวอร์พูลต้องออกไปเยือนคริสตัล พาเลซที่ก่อนเตะอยู่รองบ๊วยของตาราง ร็อดเจอร์ต้องปรับทีมเยอะพอควรเพราะทั้งบาโลเตลลี่และเฮนเดอร์สันมีอาการบาด เจ็บ
-------------------------------------------------------
_______ เปิดเกมมายังโดนบอลกันไม่ครบทุกคน นาที 2 ลัลลาน่าก็ตักบอลโด่งเข้าไปในเขตโทษ บอลข้ามหัวเคลลี่เข้าเท้าแลมเบิร์ตเตะหนึ่งจังหวะก่อนยิงเข้าไปให้ทีมขึ้นนำ อย่างรวดเร็ว 1-0
_______ ลิเวอร์พูลเล่นเน้นการครองบอลเป็นหลัก เกมรุกพยายามเจาะตรงกลาง เกมริมเส้นไม่ค่อยเล่นและแบ็คก็ไม่ค่อยเติม ส่วนพาเลซแม้จะตามหลังแล้วก็ยังเน้นเกมรับเหนียวแน่นในแดน ตัดได้อาศัยวางบอลยาวโต้เร็วเอา ลิเวอร์พูลพาบอลขึ้นหน้าได้ช้าและน้อย ส่วนพาเลซรุกเองไม่ได้เลยแต่อาศัยเก็บตกจากความผิดพลาดของลิเวอร์พูลมาโจมตี ได้นิดหน่อย
_______ นาที 17 พาเลซตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะที่โบลาซี่เก็บและพาบอลหาที่ว่างหน้าเขต โทษ..ซึ่งหาไม่ยากเลยเพราะกองกลางหายหมดและเซ็นเตอร์วิ่งถอยหลัง...แล้วยิง ไกลจากนอกเขต บอลพุ่งชนเสาแต่ยังเด้งกลับมาเข้าทางเกลล์ที่วิ่งตามเข้ามาซ้ำได้ 1-1
_______ พอสกอร์กลับมาเสมอ ความผิดพลาดของลิเวอร์พูลเองก็มากขึ้นโดยเฉพาะการเก็บบอลจังหวะสองในเกมรับ ที่ทำได้ไม่ดีเลย กลายเป็นพาเลซที่วางยาวสวนเร็วขึ้นมาเก็บบอลสองเอามาโจมตีกดดันได้หลาย จังหวะ และเกมรุกของลิเวอร์พูลไม่สามารถบุกเจาะแนวรับที่ยืนรับต่ำและวิ่งไล่ในแดน ของพาเลซได้สักเท่าไหร่ โดยรวมแล้วเวลาที่เหลือทั้งสองฝ่ายก็ยังทำเกมรุกได้ไม่ต่อเนื่องทั้งคู่ และจบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-1
_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาเน้นเกมรุกกว่าเดิม แบ็คลอยสูงมากขึ้นทั้งสองฝั่ง แต่เกมริมเส้นยังไม่ค่อยกระเตื้องนัก ที่ดูดีหน่อยคือพาบอลไปข้างหน้าได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ส่วนทางพาเลซ กลับลงมาเน้นเกมรับเหมือนเดิม
_______ ช่วง 15 นาทีแรกลิเวอร์พูลยังคงมีปัญหากับการเจาะแนวรับคู่ต่อสู้เหมือนเดิม เกมริมเส้นไปไม่สุดและได้เปิดบอลเข้ามาน้อย แดนกลางก็โดนไล่จนพลิกบอลขึ้นหน้าลำบาก กลายเป็นพาเลซที่เล่นไม่คิดอะไรมาก ตัดบอลได้วางยาวขึ้นหน้าเป็นฝ่ายกดดันได้ดีกว่า ได้ลุ้นประตูมากกว่าด้วย ทั้งคุณภาพและปริมาณ
_______ ผ่าน 1 ชั่วโมงแรกของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มขยับกดดันแนวรับพาเลซได้ดีขึ้นโดยเฉพาะการพาบอลเลี้ยงจี้ของ คูตินโย่ที่เริ่มทำให้ทีมได้ลุ้นยิงไกลและจ่ายเข้าทำมากขึ้น แต่ยังไม่ดีพอจะเป็นประตู
_______ นาที 72 ร็อดเจอร์ปรับทีมด้วยการส่งบอรินี่ลงมาแทนลัลลาน่าและนาที 74 ชานลงแทนอัลเลน ขยับเอาคูตินโย่ไปซ้ายและสเตอลิ่งไปขวา ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลดันเกมรุกเต็มที่ ทั้งกองหลังกองกลางและแบ็คลอยขึ้นมารอเล่นเกมรุกกันหมดแล้ว
_______ ...แต่ผลลัพธ์ออกมาตรงกันข้าม...
_______ บอรินี่ลงมาหาบอลไม่เจอช่วยเกมได้น้อยกว่าลัลลาน่า และคูตินโย่ที่ถูกขยับไปริมเส้นมากขึ้นก็ได้บอลน้อย,เลี้ยงจี้กดดันคู่ ต่อสู้ได้น้อยลง ทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลสะดุดไปจากช่วงก่อนหน้า คือแม้บอลจะขึ้นไปถึงใกล้เขตได้แต่บอลเข้าทำทำกันไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกันการเติมขึ้นไปข้างหน้าหมดทำให้เปิดพื้นที่ด้านหลังให้พาเล ซวางยาวสวนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย
_______ นาที 78 จากจังหวะทุ่มที่ไม่น่ามีอะไร โบลาซี่สลัดหลุดลอฟเรน(เข้าใจว่าใช่ ถ้าผิดคนทักด้วย)ที่ลื่นล้มพาบอลหลุดขึ้นไปทางสุดเส้นขวา ก่อนจะเปิดบอลเข้ากลางให้เลดลี่ย์ที่เติมขึ้นมาได้ยิงแถวจุดโทษ ชนิดที่ยืนเงื้อเลือกมุมยิงได้สบายเพราะไม่มีใครวิ่งตามมาประกบเลย แล้วเลดลี่ย์ก็ยิงไม่พลาด 2-1
_______ เท่านั้นยังไม่พอ นาที 81 จากบอลยาวโยนสวนขึ้นหน้า สเคอเทลไปดึงเสื้อคู่ต่อสู้เสียฟาล์วหน้าเขตโทษ เจดินัครับหน้าที่ยิงฟรีคิกเสียบสามเหลี่ยมไปได้อย่างสวยงาม ส่งให้พาเลซนำห่างเป็น 3-1
_______ ช่วง 10 กว่านาทีที่เหลือ ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมแต่ออกแนวสะเปะสะปะและพลาดกันไปเองมากกว่าจะกดดัน คู่ต่อสู้ได้เป็นชิ้นเป็นอัน พาเลซที่เน้นรับมากกว่ายังโต้ขึ้นหน้ามากดดันแนวรับได้ดูดีกว่าด้วยซ้ำ จบเกมพาเลซเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้สำเร็จ 3-1
-----------------------------------------
_______ เสมอต้นเสมอปลาย คงเส้นคงวามากครับ ลิเวอร์พูลช่วงนี้ ทั้งหน้ากลางหลังและผจก.ด้วย
_______ เกมนี้ทีมยืนแบบ 4-4-2 ที่มีเจอราร์ดยืนต่ำคนเดียว อัลเลนอยู่ซ้าย ลัลลาน่าอยู่ขวา สเตอลิ่งถอยลงมาช่วยเชื่อมเกม เป็นส่วนผสมของไดมอนด์กับคริสมาสต์ แต่ที่แน่ๆ จุดใหญ่ใจความอยู่ที่การมีเจอราร์ดห้อยต่ำคนเดียว และการเน้นเจาะตรงกลางแบบสุดลิ่มทิ่มประตู
_______ ในฤดูกาลนี้ ผมไม่เห็นด้วยกับการใช้เจอราร์ดยืนต่ำคนเดียวแบบนี้เลย และเกมนี้ก็เป็นอีกเกมที่สิ่งนี้สร้างปัญหาให้กับทีมทั้งเกมรุกและเกมรับ ในเกมรุก เจอราร์ดเคลื่อนที่หาพื้นที่รับบอลได้ไม่ดี พาบอลหนีก็ไม่ได้แล้ว แต่บอลไปตั้งที่เขาเยอะมาก ทำให้บอลขึ้นหน้าได้ช้า ในเกมรับเขาเก็บบอลสองได้น้อย วิ่งตามตัววิ่งสอดก็ทำไม่ได้ตลอดแล้ว ยิ่งมาปล่อยให้ยืนต่ำคนเดียวแบบนี้เท่ากับเปิดพื้นที่แถวหน้าเขตโทษให้คู่ ต่อสู้เล่นงานเอาง่ายๆ ซึ่งนัดนี้พาเลซก็เล่นงานตรงนี้ได้ตลอด
_______ เรื่องนี้ยังไงก็ต้องเปลี่ยนครับ เจอราร์ดพ.ศ.นี้ยืนต่ำคนเดียวแบบนี้ไม่ไหวแล้ว ฤดูที่แล้วอาจยังพอได้อยู่(ท้ายฤดูก็ออกอาการเหมือนกัน)แต่ฤดูนี้ไม่ได้แล้ว จริงๆ ครับ ฝืนต่อไปก็พังกันทั้งขบวนล่ะ
_______ สำหรับช่วงเริ่มเกมก็คาใจเรื่องนี้เรื่องเดียวล่ะครับ แต่สำหรับตอนเปลี่ยนตัวนี่คาใจหนักเข้าไปอีก คือนอกจากจะเปลี่ยนช้าแล้ว (คนแรกนาที 72) คูตินโย่ที่เริ่มเลี้ยงจี้เล่นงานคู่ต่อสู้ได้ดีในช่วงประมาณ 5-10 นาทีก่อนหน้าการเปลี่ยนตัว ร็อดเจอร์ขยับถ่างออกไปยืนริมซ้ายซะอย่างนั้น
_______ เป็นการเปลี่ยนตัวและปรับแทคติคที่ไม่น่าประทับใจเลยครับ
_______ แต่ปัญหาใหญ่สุดและเป็นสิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้ด้วยคือ ความมั่นใจ ของผู้เล่นครับ
_______ ...ซึ่งหมดแหงแก๋ไม่มีเหลือให้เห็นแล้วครับ
_______ ทีมเวิร์คกระจุยกระจายมาก บอลชิ่ง 1-2 ง่ายๆ ยังเล่นกันแทบไม่ได้ การประสานงานกันก็ไม่ดีเอามากๆ ความมั่นใจที่จะเล่นอะไรยากๆ ไม่มีให้เห็นแถมออกลูกผิดพลาดกันรัวๆ ด้วย กองหน้าหาบอลไม่เจอ กองกลางโดนไล่เข้าหน่อยก็เคาะคืนหลัง กองหลังเห็นคู่ต่อสู้อยู่ใกล้ๆ มือไม้เปะปะแข้งขาอ่อนไปหมด ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็มากจากผลงานที่ไม่ดีชนิดที่ไม่มีทีท่าจะโงหัวขึ้นมาได้ ของทีมในช่วงนี้นี่ล่ะครับ
_______ นี่เป็นเรื่องที่ผู้จัดการทีมต้องแก้ปัญหาให้ได้ ซึ่งร็อดเจอร์เคยทำให้ทีมกลับมาเล่นได้อย่างมั่นใจมาสองครั้งนะครับ
_______ ครั้งแรกคือการซื้อคูตินโย่กับสเตอริดจ์มาในช่วงปีใหม่ของฤดูกาลแรก ส่งผลให้ทีมแม้จะจบที่เจ็ดแต่ดูมีอนาคตกว่าครึ่งฤดูกาลแรกเยอะเลย
_______ ครั้งที่สองคือเอาเจอร์ราดไปยืนต่ำแล้วมีส่วนพาทีมบินสูงเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
_______ ครั้งที่สาม ถ้าจะมี ก็ต้องมีเดี๋ยวนี้ตอนนี้แล้วครับ ไม่งั้นเจ้าตัวอยู่ไม่ถึงจบฤดูนี้แน่
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันเกือบใช้ได้...แปลว่าไม่ได้
มิ นโยเล่ - สามประตูที่เสียไป มีแค่ลูกสองที่อยู่ในวิสัยจะทำอะไรได้มั่ง แต่เซฟลูกนั้นไม่ได้ก็ไม่ถึงขั้นผิดบาปอะไร ตัดบอลโยนเข้ามาได้ค่อนข้างดีทีเดียว มีแย่หน่อยก็ต้องการออกบอลช้า และเตะเปิดเกมแย่มาก
จอห์นสัน - เกมรุกและเชื่อมเกมช่วยไม่ได้เลย เกมรับไม่ค่อยโดนเจาะเท่าไหร่ยังพอเอาตัวรอดได้
ลอฟเรน - พลาดเยอะมาก ทั้งจังหวะเสียประตูลูกแรกกับลูกสองก็ใช่ (ลูกแรกวิ่งถอยหลังลูกสองล้ม)นอกนั้นก็ยังมีจังหวะหลุดจังหวะหลอนให้เห็น เป็นระยะทั้งเกม
สเคอเทล - เป็นวันที่เล่นได้ไม่ดีเลย อ่านบอลผิดจังหวะให้เห็นเป็นระยะ สกัดบอลไปไหนไม่รู้ เสียฟาล์วง่ายๆ อีกต่างหาก
มาน กีโย่ - เกมรับมีปัญหาให้เห็นเยอะ ทั้งการปิดลูกเปิดเข้ากลางได้ไม่ดีและการอ่านเกมพลาด, ยืนขาตายให้คู่ต่อสู้พาบอลขึ้นไปเล่นงานได้บ่อยเกินไป เกมรุกกับการเชื่อมเกมก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่
เจอราร์ด - เคลื่อนที่น้อยมากๆ เชื่อมเกมได้ไม่ค่อยดีนัก บอลยาวก็แทบไม่มีให้เห็น
อัลเลน - ช่วยเกมได้น้อย เกมรุกเก็บบอลไม่อยู่และเล่นเกมรุกแทบไม่ได้เลย เกมรับก็ลงมาช่วยไม่ค่อยทัน
ลัลลาน่า - มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนัก ทำดีจังหวะแอสซิสให้แลมเบิร์ต โดยรวมเกมรุกดูดีกว่าอัลเลนเล็กน้อยแต่เกมรับช่วยไม่ค่อยได้พอกัน
คู ตินโย่ - ครึ่งแรกทำอะไรได้น้อยมาก ครึ่งหลังเริ่มหาโอกาสเลี้ยงจี้กดดันแนวรับได้ดีอยู่ราว 10 นาที แต่หลังจากการเปลี่ยนตัวแล้วก็เริ่มหายไปเหมือนเดิม
สเตอลิ่ง - พลิกบอลได้น้อย เปิดบอลเข้ากลางแทบไม่ผ่านเลย และหาช่องทำทางได้ไม่ดีนัก
แลมเบิร์ต - ทำได้ดีมากกับการยิงลูกแรก แต่หลังจากนั้นก็เก็บบอลได้น้อยมาก ชิ่งต่อให้เพื่อนก็พลาดบ่อย
ตัวสำรอง
บอรินี่&ชาน - ถ้าบอกว่าไม่ได้ลงมาก็เชื่ออ่ะ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจาก FB ทางการ
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ลิเวอร์พูล 1-2 เชลซี(พรีเมียร์ลีค)
...Journey to the Center of the Earth...ดิ่งทะลุสะดือโลกกกก
___________________________
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-5-1 (4-3-2-1)
----------------------บาโลเตลลี่------------------------
สเตอลิ่ง-----------------------------------------คูตินโย่
------------เฮนเดอร์สัน-------------ชาน---------------
------------------------เจอราร์ด-------------------------
โมเรโน่------ลอฟเรน--------สเคอเทล-----จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่--------------------------
_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านรับมือเชลซี ตัวที่พักไว้ช่วงกลางสัปดาห์ได้ลงกันพร้อมหน้าตามผังด้านบน รวมไปถึงบาโลเตลลี่กับการเล่นหน้าเดี่ยวด้วย...จบตรงนี้เลยได้มั้ย?
-------------------------------------------------------
_______ เปิดเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่หาจังหวะได้ลุ้นประตูก่อนจาการยิงไกลแต่ยังไม่เป็นประตู ทั้งสองฝ่ายเล่นกันแบบระมัดระวังตัวเต็มที่ รับในแดนและไม่ขยับเติมขึ้นมาในเกมรุกมากนัก รูปเกมยังกินกันไม่ลงแต่เป็นลิเวอร์พูลที่ออกนำได้ก่อนตั้งแต่นาที 9 เมื่อชานได้บอลแถวหน้าเขตโทษโดยไม่มีตัวเร่ง ก่อนจะยิงไกลแฉลบเคฮิลเข้าประตูไป 1-0
_______ เชลซีพยายามหาจังหวะไล่บอลในแดนหน้ามากขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลยังได้ครองบอลมากกว่าแต่บอลส่วนใหญ่เคาะกันอยู่ในแดนตัวเอง เกมยังสูสีอยู่แต่เชลซีก็มาตีเสมอได้อย่างรวดเร็วในนาที 14 จากลูกเตะมุมที่กองหลังขึ้นไม่ถึงบอล เชลซีได้ยิงในกรอบ มินโยเล่ปัดจังหวะแรกได้แต่โดนซ้ำเข้าไป 1-1
_______ หลังจากสกอร์ขยับเป็น 1-1 เกมเริ่มไม่สูสี เชลซีไล่ในแดนหน้าได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ลิเวอร์พูลยังครองบอลได้มากอยู่แต่บอลขึ้นหน้าได้น้อยและช้ามาก โดนเชลซีตัดบอลกลางทางแล้วบุกเร็วกดดันได้อย่างต่อเนื่อง ได้ยิงก็ในเขตโทษก็พอสมควรแต่ยังทำประตูเพิ่มไม่ได้ ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 1-1
_______ เข้าครึ่งหลัง เชลซีกลับลงมาแบบขยับเกมรุกมากขึ้น ลิเวอร์พูลเองยังมีปัญหากับการตั้งเกมจากหลังต่อเนื่องจากช่วงท้ายครึ่งแรก แม้บอลจะถึงข้างหน้าอยู่บ้างแต่ขาดความต่อเนื่อง และเชลซียังคงตัดบอลกลางทางเอามากดดันได้ดีเหมือนเดิม ทำให้เกมโดนรวมเป็นเชลซีที่ดูดีกว่าชัดเจน
_______ นาที 67 เชลซีก็ทำได้สำเร็จจาการขึ้นเกมทางซ้าย อัสปริกูเอต้าเติมขึ้นมาทางริมเส้น คูตินโย่เข้าไปประกบแต่โดนสลัดหลุดไปได้และจอห์นสันเข้ามาช่วยช้าไป(มาก) อัสปริกูเอต้าเลยได้เปิดบอลเรียดเข้ากลางจากสุดเส้นหลัง มินโยเล่ปัดโดนบอล แต่บอลเปลี่ยนทางไปโดนหน้าขาโมเรโน่กลายเป็นไปตั้งให้คอสต้าได้ยิงซ้ำไม่เหลือ 2-1
_______ หลังเสียประตู ร็อดเจอร์ก็รีบปรับเกมในนาที 70 ส่งบอรินี่กับอัลเลนลงมาแทนคูตินโย่กับชาน เปลี่ยนมาเล่น 4-4-2 ไดมอนด์ เอาสเตอลิ่งเล่นกลาง อัลเลนซ้าย เฮนเดอร์สันขวา ส่วนทางเชลซีพอพลิกนำได้แล้วเลิกไล่ด้านบน ถอยลงไปรับลึกรอโต้ยาวอย่างเดียว
_______ ผลจากการที่เชลซีถอยลงไปรับต่ำมากทำให้ลิเวอร์พูลได้กลับมาครองบอลเยอะและได้โอกาสพาบอลมาใกล้เขตโทษอย่างต่อเนื่อง แต่บอลเข้าทำยังฝ่าแนวรับไปได้ลำบาก นาที 77 แลมเบิร์ตลงมาแทนบาโลเตลลี่เป็นคนสุดท้าย ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลก็เน้นโยนเข้าไปในเขตโทษมากขึ้นแต่ผลลัพธ์ไม่ได้กระเตื้องเท่าไหร่
_______ ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูลยังทำได้แค่โยนเข้าไปไม่ค่อยได้จบสกอร์เท่าไหร่ เอาชนะแนวรับไม่ได้ จังหวะได้ลุ้นจริงจังแทบทั้งหมดมาจากการลุ้นโชคเอา ทั้งจากลุ้นให้บอลยิงแฉลบเข้ากรอบ ลุ้นให้กรรมการเป่าจุดโทษ ลุ้นให้ผู้รักษาประตูปัดออกมาให้ซ้ำ อะไรทำนองเนี้ย ส่วนทางเชลซียังเน้นรับเป็นหลัก,โต้ขึ้นมาน้อย แต่หาจังหวะเก็บบอลไว้กับทีมนานๆ ได้เป็นระยะทำให้ไม่โดนกดดันมากนัก จบเกมเอาตัวรอดไปได้ไม่ยากเย็นนัก 2-1
-----------------------------------------
_______ เชลซีเล่นเหมือนนัดที่เจอกันท้ายฤดูก่อนเลย แล้วก็ได้ผลลัพธ์(รูปเกม)แบบเดียวกันเป๊ะ
_______ 11 ตัวจริงกลับมาใช้ชุดเดิมครับ ก็นะ เค้าพักไว้ในนัดกลางสัปดาห์นี่ แทคติคเริ่มเกมมีปรับในแดนกลางเล็กน้อย คูตินโย่ขยับไปริมขวานี่เป็นครั้งแรกของฤดูเลยมั้ง เจอราร์ดถอยไปยืนต่ำมากเหมือนช่วงปลาย+ต้นฤดูกาลแล้ว และเฮนเดอร์สันกับชานยืนสูงไม่ได้ถอยลงไปเล่นต่ำนัก และเล่นระวังตัวมาก ไม่ได้เปิดเกมรุกเต็มตัวเท่าไหร่
_______ 11 ตัวจริงกลับมาใช้ชุดเดิมครับ ก็นะ เค้าพักไว้ในนัดกลางสัปดาห์นี่ แทคติคเริ่มเกมมีปรับในแดนกลางเล็กน้อย คูตินโย่ขยับไปริมขวานี่เป็นครั้งแรกของฤดูเลยมั้ง เจอราร์ดถอยไปยืนต่ำมากเหมือนช่วงปลาย+ต้นฤดูกาลแล้ว และเฮนเดอร์สันกับชานยืนสูงไม่ได้ถอยลงไปเล่นต่ำนัก และเล่นระวังตัวมาก ไม่ได้เปิดเกมรุกเต็มตัวเท่าไหร่
_______ ถามว่าได้ผลไหม ก็ต้องบอกว่าได้บ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกมที่เกมรุกของทีมดูดีกว่านัดเจอนิวคาสเซิลเยอะเลย(โปรดนึกย้อนไปนัดนิวคาสเซิลประกอบนะครัชชช ผมไม่ได้บอกว่าเกมรุกสุดยอดอลังการ แค่บอกว่าดีกว่านัดนิวฯ นะ ย้ำอีกที) โดยเฉพาะพื้นที่หน้าเขตโทษที่เชลซีเปิดไว้ให้เยอะนั้นทีมเล่นงานได้ดีพอควร ชานทำประตู และทีมมีโอกาสได้เปิดบอล,ทำชิ่งจากแถวหน้าเขตโทษตรงกลางบ่อยอยู่ แค่ไม่ทะลุ ซึ่งดีกว่านัดก่อนกับนิวฯ ที่แทบไม่ได้ทำอะไรเลย
_______ แต่ในทางกลับกัน วิธีตั้งเกมของทีมวันนี้สร้างปัญหาให้ทีมเยอะมากครับ เจอราร์ดกับการยืนต่ำคอยตั้งบอลขึ้นหน้าโดนวิ่งไล่จนผ่านบอลไม่ได้ แผงหลังโดนกดดันและกองกลางก็ไม่สามารถยับหาที่ว่างลงมารับบอลได้ดีพอ จังหวะได้ยิงของเชลซีตลอดครึ่งแรกนี่มาจากการตัดบอลกลางทางแล้วเล่นฉาบฉวยล้วนๆ แทบไม่ต้องตั้งเกมขึ้นมาเองเลย
_______ สำหรับการเปลี่ยนตัว ผมคิดว่าร็อดเจอร์น่าจะเปลี่ยนเร็วกว่านั้น คือเกมท้ายและต้นครึ่งแรกเป็นรองมากแล้วแถมดูแย่ขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก ร็อดเจอร์ควรเปลี่ยนตั้งแต่พักครึี่งหรืออย่างช้าก็ 60 แต่นี่ไม่เปลี่ยนเลย และถ้าไม่โดนยิงนาที 67 ผมยังไม่แน่ใจว่าเขาจะเปลี่ยนเมื่อไหร่
_______ คนที่เปลี่ยนออกในรายของชานผมเข้าใจ เพราะดูเหมือนจะวิ่งไม่ค่อยออกแล้ว แต่คูตินโย่เอาออกไปทำไมยังงงอยู่ ส่วนบาโลเตลลี่จะเหลี่ยมไหนเค้าก็ต้องออกละครับ แต่การได้อยู่ในสนามตั้ง 77 นาทีนี่นานมากนะ ส่วนการเปลี่ยนไปเล่นไดมอนด์ผมว่าดีแล้วเพราะเชลซีถอยไปรับหมด ไม่ต้องห่วงเรื่องขึ้นบอลแล้วก็สู้ยัดกองหน้าเพิ่มไปเลยดีกว่า
_______ สำหรับเชลซี พวกเค้าเล่นเหมืนเดิมเป๊ะครับ เน้นชัวร์ ไล่หน้าแล้วรุกฉาบฉวยเอาซึ่งก็ทำได้ตามนั้น ครึ่งแรกลิเวอร์พูลได้ครองบอลเยอะก็แค่เคาะในแดนเท่านั้นไม่ได้ถึงขึงข้างหน้า ช่วง 20 นาทีท้ายลิเวอร์พูลกลับมาได้ครองบอลมากก็เพราะเชลซีถอยไปอุด เรียกว่าพวกเขาเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้ตลอดตั้งแต่ต้นยันจบเกมเลยทีเดียว
_______ ส่วนทางลิเวอร์พูล สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นปัญหานัดนี้หลักๆ อยู่ที่บาโลเตลลี่กับหน้าเป้านี่ละครับ ทีมมีปัญหากับการตั้งเกมต่อบอลขึ้นหน้าก็จริง แต่ถ้าเทียบกับฤดูก่อน จังหวะโดนไล่มากๆ แผงหลังหรือเจอราร์ดสามารถวางยาวขึ้นไปให้ซัวเรสหรือสเตอริดจ์เก็บบอลเล่นได้บ้าง แต่กับบาโลเตลลี่ทีมทำแบบนั้นไม่ได้เลยครับ บาโลเตลลี่ไม่ค่อยขยับเข้าหาบอล แผงหลังจังหวะโดนบีบมากเข้าโยนขึ้นหน้านี่คือเสียหมด, จังหวะแดนกลางพลิกบอลได้แล้วไม่ว่าจะชาน, คูตินโย่ สเตอลิ่ง หันมองขึ้นหน้าบาโลเตลลี่ก็ไม่วิ่งทำทางขึ้นหน้า หลายครั้งอยู่กลางสนามด้วยซ้ำ จะให้คนเล่นบอลเล่นต่อยังไง จ่ายทะลุขึ้นหน้าก็ไม่ได้ จะชิ่งก็ไม่ได้เพราะไม่มีตัวให้ชิ่ง
_______ ที่แย่ที่สุดคือบาโลเตลลี่มันไม่วิ่งครับ บอลห่างตัวนิดไม่เอาแล้ว ทั้งไม่วิ่งตามบอล ทั้งไม่วิ่งถอยมาอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะเล่น บางครั้งเพื่อนจ่ายบอลเข้าทำพลาดแหล่ะแต่ตามไปไล่เอากลับมาได้แล้ว เงยหน้าไปโอ้ยังอยู่ตำแหน่งล้ำหน้า หรือยังยืนอยู่กับที่ไม่พร้อมจะเล่น ยังไม่ได้เริ่มวิ่งเลย แล้วจะมีหน้าเป้าไปทำซากอะไรละครับ
_______ ผมไม่ได้โยนทุกปัญหาของทีมเข้าใส่บาโลเตลลี่ คนอื่นๆ ก็มีส่วนพลาดทั้งนั้นแหล่ะ แต่ในสถานการณ์เตี้ยอุ้มค่อมแบบนี้ อะไรที่มันเห็นชัดๆ ว่ามีปัญหาจะตะบี้ตะบันใช้ต่อทำไม พูดถึงหน้าเดี่ยวอย่างเดียว ทั้งแลมเบิร์ตทั้งบอรินีเล่นออกมาดีกว่าบาโลเตลลี่ทั้งนั้น แต่กลับไม่ได้ลงต้นเกมสักที
_______ เล่นแบบเดิมแต่หวังให้ได้ผลลัพธ์แบบใหม่มันจะเป็นไปได้หรือ (อันนี้รวมถึงการใช้เจอราร์ดยืนต่ำเท่าคู่เซ็นเตอร์ด้วยก็ได้)
_______ ...ร็อดเจอร์จะประดิษฐ์คำสวยๆ มาให้สัมภาษณ์เรื่อยๆ ก็ไม่มีประโยชน์นะครับ ถ้าผลงานในสนามยังไม่กระเตื้องเนี่ย
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้
มินโยเล่ - ปัดบอลได้ดีแล้วแต่ไม่ดีพอให้บอลหลุดกรอบ โดนซ้ำทั้งสองลูก
จอห์นสัน - เกมรับโดยรวมดูดีกว่าโมเรโน่ มีจังหวะบล็อคลูกยิงดีมากๆ อยู่ 2-3 หนในครึ่งแรก แต่จังหวะพลาดนี่งามไส้จริงๆ โดยเฉพาะลูก 2-1 ที่จอห์นสันไม่ซ้อนคูตินโย่ นอกจากนั้นยังมีจังหวะหลุดตำแหน่ง(ทั้งๆ ที่ไม่ได้เติมเกมสูง), เก็บบอลไว้กับตัวนานเกินไป
ลอฟเรน - ดวลตัวต่อตัวหยุดใครไม่ได้เลยไม่ว่าจะกองหน้าหรือตัวรุก ออกไปซ้อนแบ็คได้ดีขึ้นแต่ก็โดนพลิกบอล, กระชาก, แตะหลบได้รัวๆ ฟอร์มนัดนี้แย่มาก
สเคอเทล - ประกบคอสต้าใช้ได้ คอสต้าพลิกบอลไม่ได้และหาจังหวะยิงได้น้อย อ่านเกมและสกัดบอลได้ดูดีกว่าลอฟเรน
โมเรโน่ - เกมรับไม่มีจังหวะพลาดแบบ “ขึ้นไฮไลท์” แบบจอห์นสัน แต่โดยรวมแล้วพลาดเยอะกว่าอีก อ่านเกมพลาดบ่อยครั้ง หางานให้ลอฟเรนต้องออกไปซ้อนอยู่แทบจะตลอด 1 ชั่วโมงแรก ช่วยเชื่อมเกมก็ไม่ดีนัก
เจอราร์ด - ดักตัดบอลได้ดีขึ้นกว่าหลาดนัดที่ผ่านมา แต่เกมรับโดยรวมก็ยังไม่ดีเพราะไม่สามารถวิ่งเข้าไปถึงบอลสักเท่าไหร่ เชื่อมเกมวันนี้ทำแทบไม่ได้เลย โดยไล่จนไม่สามารถส่งบอลดีๆ ขึ้นหน้าได้
ชาน - ครึ่งชั่วโมงแรกเล่นได้ดีมาก ทั้งพลิกบอลขึ้นหน้าและหาที่ว่างรับบอลแดนหน้าได้ตลอด ทำประตูให้ทีมได้ด้วย แต่หลังจากนั้นเริ่มเคลื่อนที่ได้น้อยลง ยิ่งครึ่งหลังนี่หายไปเลย ความฟิตน่าจะยังมีปัญหาอยู่
เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกเล่นได้ดีโดยเฉพาะจังหวะวิ่งเข้าไปอัดคู่ต่อสู้ทีครองบอลอยู่ซึ่งเข้าได้เร็วและหยุดเกมได้หลายครั้ง มีส่วนทำให้ตัดบอลได้ที่กลางสนามพอสมควรด้วย แต่ทำได้ไม่ดีนักกับการช่วยเชื่อมเกมที่เจ้าตัวผ่านบอลขึ้นหน้าได้น้อยมากๆ และขยับลงมาช่วยรับบอลน้อยไปหน่อย ครึ่งหลังโดยเฉพาะหลังจากทีมปรับมาเล่นไดมอนด์แล้วหายไปเลย
คูตินโย่ - พลิกบอลและพาบอลไปเองได้ดีมากหลายครั้ง บอลเข้าทำไม่ดีแต่บอลเชื่อมเกมพอใช้ได้
สเตอลิ่ง - พาบอลขึ้นหน้าได้บ้าง เปิดบอลไม่ดีนักแต่ก็พอได้ลุ้นไม่ถึงกับบอลไปทางคนไปทาง แต่โดยรวมแล้วยังไม่ใช่ฟอร์มที่ฝากผีฝากไข้อะไรได้
บาโลเตลลี่ - @#!%$*(&+^
ตัวสำรอง
อัลเลน - ลงมาเพื่อ!?
บอรินี่ - ขยันวิ่งและช่วยเชื่อมเกมได้เล็กๆ น้อยๆ แต่หาช่องในพื้นที่สุดท้ายไม่ได้ เชลซียืนต่ำปิดพื้นที่สุดท้ายแน่นมาก
แลมเบิร์ต - แทบไม่เจอบอล เพื่อนโยนมั่วด้วยแต่เจ้าตัวก็เก็บบอลไม่ได้ด้วย
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจาก FB ทางการ
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
รีล มาดริด 1-0 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)
...ใจสู้หรือปล่าว ไหวมั้ยบอกมา...
___________________________
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-5-1 (4-4-1-1)
-------------------------บอรินี่---------------------------
-------------------------------------------------มาโควิช
ลัลลาน่า--------อัลเลน-------------ชาน---------------
--------------------------ลูคัส----------------------------
โมเรโน่--------ตูเร่----------สเคอเทล-------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่--------------------------
_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนรีล มาดริดที่เบอร์นาบิว นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมหลายตำแหน่งตามที่เห็นในผังด้านบน ในขณะที่ตัวหลักที่ใช้แทบทุกนัดวันนี้ไปนั่งคุยกันในม้าสำรองหมดทั้ง 5 คน
-------------------------------------------------------
_______ เปิดเกมมาทั้งสองฝ่ายเล่นกันช้าๆ ตามจังหวะไม่เร่งมาก ทางลิเวอร์พูลเน้นบอลช่ิ่งจังหวะเดียวไม่ค่อยเก็บบอลไว้กับตัวนาน ขึ้นบอลทางขวาตลอด และแบ็คสองฝั่งไม่เติมขึ้นหน้าเลย ส่วนมาดริดเล่นตามจังหวะโคตรๆ บอลไกลตัวก็หนักไปทางเดินเล่นกัน
_______ ช่วง 10 นาทีมาดริดได้จังหวะลุ้นเล็กน้อยจากความผิดพลาดของลิเวอร์พูลเองแต่ยังทำไม่ได้ แต่พอผ่าน 10 นาทีไปเกมทางซ้ายของมาดริดเริ่มทำได้ไหลลื่นต่อเนื่องขึ้นโดยเฉพาะการเติมขึ้นมาเปิดบอลของมาเซโล่ซึ่งมานกีโย่หยุดแทบไม่ได้เลยและสเคอเทลก็ซ้อนไม่ทัน อีกทั้งลิเวอร์พูลเองยังเก็บบอลจังหวะสองได้น้อยมากๆ ทั้งในเกมรุกและเกมรับ ทำให้ได้ครองบอลน้อยได้แต่ตั้งรับอย่างเดียว
_______ ลิเวอร์พูลยิ่งเล่นก็ยิ่งถอยลงไปรับลึกมากขึ้น แผงกลางยืนสูงกว่าเส้นเขตโทษตัวเองไม่มากนัก จังหวะโต้พยายามจะฝากบอลไว้ที่มาโควิชเป็นหลักก็ยังทำอะไรไม่ได้ ยังดีที่ว่าช่วยสกัดการเข้าทำของมาดริดได้ค่อนข้างดีโดยเฉพาะเกมตรงกลางที่มาดริดทำอะไรได้ไม่สะดวกเลย ไม่ว่าจะยิงไกลหรือจ่ายบอลชิ่งบอลเข้าทำ
_______ อย่างไรก็ตาม แม้จะหยุดเกมเจาะตรงกลางหน้าเขตโทษได้ค่อนข้างดี แต่เกมริมเส้นลิเวอร์พูลหยุดมาดริดแทบไม่ได้ โดยเฉพาะมาเซโล่ที่ยังเติมขึ้นมาได้ถึงสุดเส้นเป็นระยะ และทำได้สำเร็จในนาที 27 ที่เจ้าตัววิ่งเติมขึ้นไปสลัดมานกีโย่หลุด ก่อนจะเปิดบอลเข้ากลางผ่านหน้าคู่เซ็นเตอร์ไปถึงเบนเซม่าชาร์จไม่พลาด 1-0
_______ หลังจากสกอร์ขยับเกมในสนามยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลิเวอร์พูลยังเน้นรับ ถอยต่ำ ไม่ค่อยกล้าขยับขึ้นหน้ากันเท่าไหร่ แนวหลังกับกลางของมาดริดเคาะบอลกันสบาย และหาโอกาสเปิดบอลเข้าไปได้ลุ้นในเขตโทษอีกหลายครั้ง รวมไปถึงฟรีคิกอีกนิดหน่อยแต่ยังทำเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0 ชนิดที่ฝั่งลิเวอร์พูลยังไม่ได้โอกาสยิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว
_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาแบบกล้าขยับขึ้นหน้ามากขึ้น ในเกมรับไล่บอลแดนกลางและแดนหน้าให้เห็นบ้าง ในขณะที่จังหวะตั้งเกมของตัวเอง กองกลางและหลังขยับกันขึ้นมาช่วยต่อบอลในแดนคู่ต่อสู้มากขึ้น ส่งผลทำให้เก็บบอลจังหวะสองในเกมรุกได้ดีขึ้นและเริ่มได้โอกาสลุ้นจบสกอร์นิดๆ หน่อยๆ
_______ เกมของลิเวอร์พูลในครึ่งหลังมาทำได้ดีทางฝั่งซ้ายซึ่งพาบอลไปถึงหน้าเขตโทษได้เป็นชิ้นเป็นอันกว่าครึ่งแรก ส่วนทางด้านมาดริดยังเล่นเหมือนเดิม เน้นฝากบอลไปที่ตัวรุก ทำเร็วเจาะตรงกลางเป็นหลัก ซึ่งยังคงได้ลุ้นเข้าทำและลุ้นจบสกอร์เยอะกว่าอยู่ดี เพียงแต่ความต่อเนื่องลดลงจากครึ่งแรกลงไปมากแล้ว
_______ นาที 69 สเตอลิ่งกับเจอราร์ดได้ลงแทนมาโควิชกับลูคัส โดยเล่นตามตำแหน่งเดิม ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเน้นไล่บอลแดนหน้าและกลางเต็มที่ จังหวะรับไม่ค่อยวิ่งถอยหลังกันแล้ว นาที 75 คูตินโย่ได้ลงมาแทนชานอีกคน ลิเวอร์พูลยังเร่งเกมไม่ได้แต่ก็พอมีจังหวะครองบอลต่อเนื่อง กดดันคู่ต่อสู้ถึงเขตโทษได้ดีขึ้น พยายามเร่งเกมด้วยบอลแนวลึกของเจอราร์ดก็ยังไม่ได้ผลมากนัก
_______ ส่วนทางมาดริดเริ่มถูกกดดันให้เล่นเกมรับมากขึ้นแต่ก็ยังไม่เจอปัญหาหรืองานหนักมากนัก โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ที่เล่นได้ดี เก็บกินบอลทะลักไม่ว่าเรียดหรือโด่งได้หมดจด ในขณะที่เกมรุกก็ยังอาศัยความเร็วกับความสามารถเฉพาะตัวเล่นงานลิเวอร์พูลได้เป็นระยะ แต่จังหวะจบสกอร์วันนี้ไม่เด็ดขาดพอที่จะเอาชนะมินโยเล่เพิ่มได้อีก จบเกมมาดริดจึงเฉือนชนะไปได้แค่ 1-0
-----------------------------------------
_______ ครึ่งแรกเล่นไม่คิดอะไรมากครับอุดอย่างเดียว ครึ่งหลังพยายามสู้ สู้ได้โอเคด้วย แต่ก็ไม่รอด
_______ 11 ตัวจริงวันนี้ปรับเยอะครับ บางรายผมเห็นด้วยแต่บางรายก็ไม่ ที่เห็นด้วยก็มีตูเร่(เพราะลอฟเรนไม่ได้ดูดีเลยในช่วงหลัง), ลูคัส(กลางรับแท้ๆ ที่ควรลงมาตั้งนานแล้ว), ลัลลาน่ากับบอรินี่(ช่วยได้ในเกมที่ต้องวิ่งเยอะๆ แบบนี้)
_______ 11 ตัวจริงวันนี้ปรับเยอะครับ บางรายผมเห็นด้วยแต่บางรายก็ไม่ ที่เห็นด้วยก็มีตูเร่(เพราะลอฟเรนไม่ได้ดูดีเลยในช่วงหลัง), ลูคัส(กลางรับแท้ๆ ที่ควรลงมาตั้งนานแล้ว), ลัลลาน่ากับบอรินี่(ช่วยได้ในเกมที่ต้องวิ่งเยอะๆ แบบนี้)
_______ แต่กับอัลเลน, ชาน, มาโควิช นี่เอ่อ… ในรายของอัลเลนกับชานจะใช้ก็ไม่แปลกเพราะต้องเล่นเกมรับเยอะ แต่ผมคิดว่าใช้แค่คนเดียวดีกว่าส่วนอีกคนควรเป็นของเฮนเดอร์สัน ส่วนในรายมาโควิช ถ้าครึ่งแรกจะเล่นแทคติคแบบนี้ ต้องเป็นสเตอลิ่งเท่านั้นเลยครับ ไม่รู้ใช้มาโควิชทำไม
_______ ยิ่งไปกว่านั้น แทคติคครึ่งแรกไม่น่าประทับใจเลย แน่นอนว่ามาเยือนเบอนาบิวต้องเล่นเกมรับเป็นหลักล่ะ แต่ประเด็นคือทีมดันเลือกเล่นแบบอุดให้เวลามันผ่านไปเรื่อยๆ แค่นั้น ไม่คิดเก็บบอล ไม่คิดตั้งเกม แดนกลาง 4 คน(ไม่รวมมาโควิช) หลายจังหวะยืนแทบจะติดเส้นเขตโทษตัวเองอยู่แล้ว กลางสนามนี่แทบไม่เข้าบอล วิ่งถอยปิดช่องอย่างเดียว ต่อให้สกัดได้หรือได้บอลคืนมามันก็ทำอะไรต่อไม่ได้แล้วครับ มองไปข้างหน้ามีแค่ 2 คนเอง ทำให้กลาง 2 คนของมาดริดคือโคลสกับโมดริดเก็บบอลจ่ายบอลกันสบายครับ ถ้าไม่เฉียดใกล้เขตโทษจริงๆ ไม่ค่อยโดนไล่หรอก การครองบอลเลยต่อเนื่องมาก
_______ เกมรับที่ว่าเน้นๆ ก็ดันมีปัญหากับการโดนเปิดบอลจากริมเส้นและการเสียฟาล์วรอบๆ เขตโทษเข้าไปอีก ไม่ใช่ว่าจะปิดเกมรุกมาดริดได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดซะเมื่อไหร่ โดนเจาะเรื่อยๆ เลยครับ
_______ เท่านั้นไม่พอ จังหวะโต้ลิเวอร์พูลก็ไม่เอา ฝากบอลไปที่มาโควิชแล้วก็ไม่เติมขึ้นมาช่วย ไปได้แค่ไหนก็แค่นั้นซึ่งผลคือไปไม่ได้ ผมไม่โทษมาโควิชมากนักเพราะถ้าจะให้เล่นแบบนี้(ไม่มีคนช่วยและโดนรุมตลอด) ต้องนักเตะประเภทซัวเรสหรือโรนัลโด้นั่นล่ะครับถึงจะไหว หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องเร็วโคตรๆ แบบสเตอลิ่งก็ยังได้ลุ้นกว่า พอมาโควิชเล่นไม่ได้ ลิเวอร์พูลโต้ไม่ขึ้น มาดริดเล่นสบายเลยครับ แบ็คเติมสะดวกมากไม่ต้องห่วงเกมรับเลย ซึ่งก็ส่งผลทางตรงทำให้มาดริดได้จ่ายบอลเข้าทำรัวๆ แนวรับต่อให้นิ่งกว่านี้อีกสองเท่าก็ต้องมีพลาดให้โดนยิงมั่งแหล่ะครับ ซึ่งก็โดนล่อเป้าไปพอสมควรเลย
_______ ทั้งหมดทั้งมวลนั้นทำให้ครึ่งแรกสู้ไม่ได้เลย โดนไปลูกเดียวถือว่าน้อยแล้ว
_______ ส่วนแทคติคครึ่งหลังเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเห็น คือยังเล่นรับเป็นหลักนั่นแหล่ะ แต่ขยับกันขึ้นมาบ้าง เกมรับหาจังหวะขึ้นมาไล่กลางไล่หน้าขู่บ้าง และเกมรุกเติมกันขึ้นมาต่อบอลบ้าง ไม่ใช่ส่งเพื่อน(มาโควิช)ไปตายแบบครึ่งแรก ซึ่งพอมีคนเติมช่วย ทีมก็พอหาโอกาสได้นะ บอลจังหวะสองเกมรุกเก็บได้บ้างก็ทำให้ครองบอลได้นานขึ้นหน่อย จังหวะสุดท้ายก็ได้ยิงบ้างด้วย โดยที่เกมรับก็ไม่ได้แย่ไปกว่าครึ่งแรกสักเท่าไหร่
_______ ส่วนการเปลี่ยนตัว สเตอลิ่งแทนมาโควิชน่ะดีอยู่แล้ว อย่างแย่สุดเลยก็ยังกดให้มาเซโล่เติมลำบากขึ้นนิดนึง ในรายเจอราร์ดถ้ามองว่าทีมตามหลังแล้วก็โอเคครับ บอลแนวลึกกับบอลเปลี่ยนแกนของเจอราร์ดดีกว่ากองกลางคนอื่นเยอะ ส่วนคูตินโย่แทนชาน ถ้ามองว่าเกมรับไม่ต้องห่วงมากแล้ว(คือมาดริดไม่ดันเกมรุกเท่าไหร่แล้ว)ก็โอเคนะ เพราะถ้าใช้คูตินโย่แต่แรกเลย คนไล่คนปะทะน้อยไปคนนี่ท่าจะแย่
_______ โดยสรุปแล้ว ไม่ชอบ 11 ตัวจริงและแทตติคเริ่มเกมครับ แต่โอเคกับการเปลี่ยนตัวและชอบการปรับแทคติคตอนพักครึ่ง
_______ สำหรับผมแล้ว ความพ่ายแพ้นัดนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก อย่างน้อยครึ่งหลังก็โอเค ฟอร์มผู้เล่นโดยรวมก็ไปวัดไปวาได้ แต่ที่ไม่โอเคเลยคือ...
_______ ...ทัศนคติของผู้จัดการทีม
_______ 11 ตัวจริงมันก็ส่อแววแล้วครับว่าเค้าไม่เอานัดนี้ มาเจอแทคติคครึ่งแรกที่วิ่งถอยหลัง อุด สาดทิ้ง เข้าไปอีก นี่มันวิธีเล่นของทีมกลาง - ท้ายตารางชัดๆ ผมไม่ได้คิดว่าทีมควรจะเปิดหน้าแลก เดินหน้าฆ่ามัน(ให้โดนยิงสักครึ่งโหลแบบสิ้นคิด) แต่ความกล้าที่จะสู้มันต้องมีมากกว่านี้ ดูใกล้ๆ ก็คงเป็น 20 นาทีแรกของนัดก่อนนั่นล่ะครับ สู้ ตอนเล่นเกมรับรู้สึกได้ว่าจะเข้าไป “แย่ง” ไม่ใช่แค่ “สกัด” ตอนเล่นเกมรุกยังเห็นความพยายามและวิธีการที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ จะชิ่ง จะจ่ายทะลุ จะกระชาก แล้วมันไม่พ้นก็ว่ากันไป แต่ไม่ใช่ฝากบอลไว้ที่เพื่อนแล้วบอกว่าโชคดีนะแล้วกลับไปรอรับต่อแบบครึ่งแรกนัดนี้
_______ จะบอกว่านัดก่อนสู้แล้วโดน 3 ลูก นัดนี้อุดแล้วโดนลูกเดียว ผมว่าไม่ใช่ นัดก่อนมาดริดมีโอกาสจะๆ น้อยกว่านี้อีก แต่พอดีจบแล้วลง แถม 20 นาทีแรกนี่แทบไม่ได้จบเลยด้วย ในขณะที่นัดนี้โดนลูกเดียวก็จริง แต่มาดริดมีโอกาสเพียบ แต่พลาดเอง ทั้งชนคาน ทั้งเบนเซม่าชาร์จหลุดกรอบ, โรนัลโด้จับจังหวะบอลพลาดอีกนิดหน่อย แถมท้ายด้วยตูเร่ที่ขวางช่วยไว้ได้อีกหลายครั้ง ถ้ามาดริดจบแล้วลงแบบนัดก่อน นัดนี้โดน 3 ลูกเป็นอย่างต่ำเหมือนนัดที่แล้วนั่นแหล่ะครับ
_______ …อยากเห็นความก้าวร้าว ความต้องการบดขยี้และเอาชนะคู่แข่งมากกว่านี้ครับ…
_______ ... เราแพ้ได้ เราแพ้มาเยอะแล้ว และจะแพ้ต่อไป ผมไม่มีปัญหากับการพ่ายแพ้ แต่อยากให้สู้แล้วแพ้ ไม่ใช่หงอแล้วแพ้ เล่นแบบครึ่งแรกนัดนี้ไม่ไหวนะ
_______ ... เราแพ้ได้ เราแพ้มาเยอะแล้ว และจะแพ้ต่อไป ผมไม่มีปัญหากับการพ่ายแพ้ แต่อยากให้สู้แล้วแพ้ ไม่ใช่หงอแล้วแพ้ เล่นแบบครึ่งแรกนัดนี้ไม่ไหวนะ
_______ ....ที่นี่ลิเวอร์พูล...ไม่ใช่สวอนซี, เรดดิ้ง หรือ วัตฟอร์ด
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ บางคนดี
มินโยเล่ - ยืนตำแหน่งได้ดี ลูกยากมากๆ ไม่ค่อยมีให้เซฟแต่บอลแรงที่เข้ากรอบก็ไม่น้อย วันนี้ชกบอลพ้นกรอบทุกลูก ไม่มีปัดแปะให้เค้าซ้ำแบบอีกหลายๆ นัดที่เคยเห็นมา
ไหม้กีโย่ - ลืมไปเลยว่าเคยมีแบ็ค
ตูเร่ - บล็อคลูกยิงและสกัดจังหวะสุดท้ายได้โดดเด่นหลายจังหวะมาก ไม่ค่อยทำบอลเสีย ถ้าถามว่าใครเล่นดีที่สุดในทีมวันนี้ก็ต้องเป็นเขานี่ล่ะ
สเคอเทล - ซ้อนแบ็คไม่ดีเลย แทบไม่มีครั้งไหนที่ออกไปช่วยน้องไหม้ทัน โดยมาเซโล่เปิดบอลสวนตลอด แต่วันนี้เล่นลูกกลางอากาศใช้ได้ ขึ้นเจอบอลบ่อยอยู่ ดักบอลที่จ่ายเข้าเขตโทษพอใช้ แต่ถ้าเทียบกับตูเร่ฟอร์มยังห่างกันเยอะ
โมเรโน่ - มาดริดขึ้นทางเขาไม่บ่อยนัก แถมโชคดีข้างหน้ามีลัลลาน่าคอยช่วยอยู่ตลอด (ฝั่งน้องไหม้ไม่มีเพราะมาโควิชขึ้นไปรอเก็บบอลโต้) เกมรับใช้ได้ปิดการเปิดเข้ากลางได้ เกมรุกครึ่งหลังพยายามจะเติมก็ช่วยเชื่อมเกมได้บ้างนิดหน่อย แต่จังหวะสุดท้ายไม่มีอะไร
ลูคัส - โดยแทคติคที่เล่นในช่วงครึ่งแรกทำให้ลูคัสเล่นง่ายเพราะคนช่วยไล่ก็เยอะ แถมถอยต่ำพื้นที่ด้านหลังที่คู่ต่อสู้จะกระชากหนีก็ไม่ค่อยมี เข้าถึงบอลได้บ่อยอยู่ บอลมั่งข้อเท้ามั่งแต่ก็หยุดเกมได้ดี เสียฟาล์วง่ายไปนิดนึง
อัลเลน - เล่นตามแทคติคล้วนๆ วิ่งงุ้งงิ้งๆ อยู่แถวหน้าเขตโทษตัวเองเป็นหลัก ช่วยปิดช่องจ่ายบอลและไล่ให้คู่ต่อสู้ออกบอลได้ดี แต่จังหวะที่เติมขึ้นหน้าเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้คือเล่นได้พินาศหมด
ชาน - ไล่บอลได้บ้างแต่ไม่ดีเท่าอัลเลน เข้าสกัดได้บ้างไม่ดีเท่าลูคัส แต่สิ่งที่ทำได้ดีกว่าสองคนนั้นคือบอลเชื่อมเกมและการเปลี่ยนรับเป็นรุก แม้โดยรวมจะไม่ถึงกับดีและไม่น่าประทับใจนักก็ตาม
ลัลลาน่า - ครึ่งแรกวิ่งไล่อย่างเดียวและก็ช่วยเร่งช่วยปิดช่องได้ดี โมเรโน่ไม่โดนกดดันมากด้วย แต่เชื่อมเกมและเกมรุกอย่าได้ถามถึง ครึ่งหลังทำได้ดีในช่วงต้นถึงกลางครึ่งแรก มีโอกาสได้ยิงได้เปิดอยู่นิดหน่อยด้วย แต่พอสเตอลิ่งลงมาแล้วก็กลับลงไปวิ่งไล่เกมรับเป็นหลักตามเดิม...นี่เค้าซื้อมาเป็นตัวรุกจริงๆ รึปล่าวนี่
มาโควิช - เป็นตัวหลักในการเก็บบอลโต้ มีจังหวะเก็บบอลได้บ้าง พาบอลไปกับตัวเรียกฟาล์วได้บ้าง ถ้าเทียบกับความโดดเดี่ยวและการโดนรุมกินโต๊ะแล้วต้องบอกว่าใช้ได้ แต่ถ้าดูที่ผลลัพธ์ว่าทีมได้ประโยชน์หรือไม่ คงต้องบอกว่าพินาศมาก
บอรินี่ - เคลื่อนที่ตลอดเวลา จังหวะได้บอลก็แตะบอลต่อให้เพื่อนได้ดีทำเสียน้อย กระชากบอลไม่ดีนัก ขนาดตัวต่อตัวกับคู่เซ็นเตอร์ยังกระชากไม่ผ่านเลย หาช่องหาที่ว่างในพื้นที่สุดท้ายไม่ได้ มีดีตรงขยันที่แอบลงมาไล่ลงมาแซะบอลกลางสนามได้บ้าง ลงมาช่วยเชื่อมเกมรับบอลจากแดนหลังแถวๆ กลางสนามได้พอสมควร
ตัวสำรอง
สเตอลิ่ง - หนักไปทางโดนสอยร่วง ได้บอลเล่นไม่มากนัก
เจอราร์ด - รวมๆ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้เกมรุกเด็ดขาดหรือเอาชนะคู่ต่อสู้ได้สักเท่าไหร่ บอลลึกพลาดบ้างดีบ้าง แต่อย่างน้อยก็ทำให้บอลมีมิติมากกว่าช่วงก่อนหน้าที่แทบไม่เห็นบอลลึกหรือเปลี่ยนแกนหาที่ว่างเลย
คูตินโย่ - ลงมากดดันด้วยการพลิกบอลเล่นแล้วจ่ายบอลเข้าทำ ได้แค่กดดันเอาชนะแนวรับยังไม่ได้
------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณภาพจาก Official FB
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)