วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สเปอร์ 0-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)



ไก่ปอดแหก
__________________

ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-4-2 ไดมอนด์

--------------สเตอริดจ์--------บาโลเตลี่--------------
------------------------สเตอลิ่ง------------------------
------------อัลเลน-------------เฮนเดอร์สัน-----------
-----------------------เจอราร์ด-------------------------
โมเรโน่------ลอฟเรน------สเคอเทล-------มานกีโย่
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมเยือนต่อเนื่องอีก 1 นัดโดยคราวนี้ต้องออกไปเยือนสเปอร์ที่ฟอร์มกำลังดี นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมเยอะต้อนรับการได้บาโลเตลี่มาด้วยการหันมาเล่นหน้าคู่ และแผนไดมอนด์ ตำแหน่งยืนตามที่เห็นข้างบน
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลเน้นเล่นเร็ว ขึ้นทางซ้ายบ่อย และใช้บอลยาวมากกว่านัดก่อนๆ จังหวะเล่นเกมรับยืนต่ำมาก ส่วนสเปอร์เน้นตั้งเกมและได้ครองบอลมากกว่า กองกลางของทั้งสองฝ่ายหยุดเกมของคู่ต่อสู้ไม่ค่อยได้ทำให้บอลมาถึงหน้าเขตโทษทั้งสองฝั่งอยู่ตลอด

_______ ลิเวอร์พูลออกนำอย่างรวดเร็วในนาที 8 จากเกมโต้กลับ สเตอริดจ์แทงบอลให้เฮนเดอร์สันได้วิ่งหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา เฮนเดอร์สันจ่ายเรียดเลยไปเสาสองให้สเตอลิ่งตามเข้าไปชาร์จง่ายๆ 1-0

_______ ทางสเปอร์เองก็มีโอกาสได้ประตูจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของแนวรับลิเวอร์พูล แต่จบสกอร์กันไม่เด็ดขาดเอง ส่วนทางลิเวอร์พูลยังโต้ได้ดีโดยเฉพาะการวิ่งทำทางของสเตอริดจ์และสเตอลิ่ง

_______ ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมไป อเดบายอร์เริ่มเก็บบอลทำเกมได้น้อยลงทำให้เกมรุกของสเปอร์ที่หาโอกาสเข้าทำไม่ได้อยู่แล้วยิ่งตีบตันเข้าไปอีก โอกาสได้ลุ้นประตูทั้งหมดมาจากความผิดพลาดของกองหลังลิเวอร์พูลเองทั้งนัั้นซึ่งก็ดันจบกันไม่ลงเอง ส่วนลิเวอร์พูลที่ได้บอลไม่มากโต้มาได้ลุ้นประตูมากกว่าอีกแต่ก็ยังทำอะไรเพิ่มไม่ได้เช่นกัน จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาดันแดนกลางให้ยืนสูงกว่าครึ่งแรก แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากสเปอร์ก็ดันมาพลาดให้ นาที 48 อัลเลนโดนดึงล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษและเจอราร์ดยิงไม่พลาด 2-0

_______ สเปอร์พยายามจะเร่งจังหวะเข้าทำมากขึ้นด้วยการหันมายิงไกลบ้าง, เร่งเปิดบอลตั้งแต่ยังไม่สุดเส้นหลังบ้าง แต่เกมรุกโดยรวมยังไม่กระเตื้องเท่าไหร่ นาที 59 ปอตเชตติโน่พยายามปรับเกมด้วยการส่งตัวสำรองลงมา แต่นอกจากจะลงมาไม่ช่วยอะไรแล้วยังมาทำพลาดซ้ำเข้าไปอีก แค่นาทีถัดมา ทาวเซนด์ที่ลงมาแทนโดนโมเรโน่แซะบอลไปได้แถวกลางสนาม ก่อนที่จะเป็นโมเรโน่ที่ลากยาวเลี้ยงเดียวเข้าไปเองจนเข้าเขตโทษแล้วก็ยิงเรียดเสียบเสาสองอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลนำห่าง 3-0

_______ พอสกอร์ขยับเป็น 3-0 ร็อดเจอร์ก็ได้โอกาสเปลี่ยนตัวให้เวลาตัวสำรองทันที ชานกับมัลโควิชได้ลงมาแทนอัลเลนกับบาโลเตลี่ ปรับทีมกลับมาเล่น 4-5-1 เอาสเตอลิ่งมาเล่นซ้าย มัลโควิชเล่นขวา ชานยืนกลางสูงคู่เฮนเดอร์สัน ซึ่งทำให้เกมรับแน่นขึ้นไปกว่าเดิมอีก

_______ อย่างไรก็ตาม เวลาที่เหลืออยู่เกมค่อนข้างจืดชือเพราะสเปอร์ถอดใจไปเรียบร้อย ส่วนลิเวอร์พูลก็เล่นไปตามช่องตามจังหวะ มีโอกาสจากการโต้กลับอีกนิดหน่อยแต่จบไม่เนียนเอง จบเกมที่สกอร์ 3-0
-----------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นใช้ได้ครับ แต่เกมก็ไม่ได้ดีกว่าขาดลอยอะไร เป็นสเปอร์ที่ไม่เด็ดขาดเองด้วยไม่งั้นสกอร์คงสูสีกว่านี้

_______ สิ่งที่ทำให้ทีมชนะขาดได้ขนาดนี้มีเท่าจำนวนสกอร์พอดีครับ อย่างแรกก็แผนหน้าคู่นั่นแหล่ะ ข้างหน้ามีตัวเลือกมากขึ้นมันก็โต้ง่ายขึ้น อย่างที่สองคือฟอร์มส่วนตัวของนักเตะ สเตอลิ่งกับสเตอริดจ์เล่นดีครับวันนี้ โดยเฉพาะการวิ่งหาพื้นที่ว่างและการเก็บบอลเล่นต่อที่ทำได้ตลอด ส่วนเหตุผลสุดท้ายคือ...ความผิดพลาดของสเปอร์เอง ยิ่งลูกที่สองกับสามนี่ความผิดพลาดส่วนบุคคลล้วนๆ เลยด้วย

_______ สำหรับแผนไดมอนด์นี่ ทำให้เกมโต้ดีขึ้นเพราะเหตุผลข้างบนนั่นแหล่ะครับ แต่การตั้งเกมรุกขึ้นมาและการครองบอลดูแย่กว่าเดิมมาก แดนกลางที่ลดลงไปคนนึงทำให้คู่ต่อสู้บีบเร็วใส่เฮนเดอร์สันกับอัลเลนจนพลิกบอลหรือเชื่อมเกมกันได้น้อย และเกมรับก็ต้องไปรับกันต่ำเพราะไม่สามารถหยุดคู่ต่อสู้เอาไว้ได้ตั้งแต่กลางสนาม บอลหลุดไปถึงหน้าเขตโทษอยู่ตลอด

_______ เกมรับวันนี้ไม่ได้แย่ครับ เข้าขั้นดีด้วยเพราะเก็บคลีนชีตได้ หยุดการเข้าทำของสเปอร์ได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการถอยไปยืนรับต่ำแทบทั้งเกม พลาดทีคือโดนส่องเพราะมันใกล้ประตูแล้ว แถมทำให้ตั้งเกมขึ้่นไปลำบากด้วย ต้องโต้ยาวขึ้นไปอย่างเดียว แถมเกมรับที่ว่าดีนั้นต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่าดีเพราะกองกลางช่วยไว้เยอะครับ ลำพังกองหลังอย่างเดียวคงพังไปแล้วเพราะพลาดบ่อยเหลือเกิน โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์

_______ มองทางฝั่งสเปอร์ วันนี้ความผิดพลาดส่วนบุคคลพาพวกเขาพังจริงๆ ลูกแรกอาจไม่ชัดเท่าไหร่แต่ลูกสองที่ทำเสียจุดโทษง่ายๆ กับลูกสามที่โดนแซะดื้อๆ ทำให้พวกเขาเสียประตูง่ายเกินไป แถมจังหวะที่ตัวเองได้โอกาสจากความผิดพลาดของแนวรับลิเวอร์พูลบ้างก็ทำเสียของกันไปเองหมด คิดง่ายๆ ว่าแนวรับลิเวอร์พูลก่อความผิดพลาดส่วนบุคคลพอๆ กับนัดก่อนที่เจอซิตี้อ่ะครับ แต่สเปอร์ไม่มีปัญญายิงให้ได้สักลูก

_______ ที่สำคัญ พอโดน 3-0 แล้วสเปอร์ถอดใจกันซะงั้น เล่นในบ้านตัวเองอย่างน้อยก็น่าจะลุ้นตีไข่แตกบ้างแต่นี่ยอมแพ้กันตั้งแต่นาที 60 เวรกรรม

_______ จะว่าไปนัดนี้ก็คล้ายนัดก่อน ครับ คือฝ่ายแพ้สู้ได้ เกมไม่ได้ขาดมากนัก เพียงแต่นัดนี้ลิเวอร์พูลเปลี่ยนบทมาเป็นฝั่งที่เด็ดขาดมากกว่าเท่านั้นเอง
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ค่อนข้างดี

มินโยเล่ - ต้นเกมยืนตำแหน่งพลาดแบบร้ายแรงอยู่สองสามครั้ง ดีว่าคู่ต่อสู้จบไม่ลงเอง แต่พอผ่านนาที 30 มาเพื่อนก็ช่วยเล่นเกมรับกันจนมินโยเล่แทบไม่มีงานให้ทำเลย

โมเรโน่ - เล่นเกมรับใช้ได้ ขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมน้อยไปหน่อย ทำได้ดีมากๆ ในจังหวะที่ได้ลูกที่สาม แบบว่าได้เครดิตไปคนเดียวเต็มๆ เลย

ลอฟเรน - มีปัญหากับการประกบอเดบายอร์พอสมควร รวมไปถึงการอ่านเกมที่ทำได้ไม่ค่อยดีด้วย โดนโยนข้ามหัวบ้าง จ่ายแถมเฝือกให้เพื่อนบ้าง แต่จังหวะเข้าสกัดยังทำได้ดีอยู่

ซาโก้ - ครึ่งแรกตำแหน่งยืนไม่ค่อยจะดีนัก และตลอดเกมผ่านบอลกดดันแนวรับลิเวอร์พูลได้ดีกว่าตัวรุกของสเปอร์ทุกคนมัดรวมกันเลยด้วย

มานกีโย่ - เข้าบอลพรวดพราดหวาดเสียว คือหลายครั้งวิ่งประคองไปก็พอแล้วแต่ก็เลือกจะทิ้งตัวกวาดอยู่บ่อยๆ โดนแตะหลบไปได้บ่อยอยู่โดยเฉพาะในครึ่งหลัง

เจอราร์ด - เล่นเกมรับได้ดีมาก ถอยลึกเข้าไปในเขตโทษเพื่อสกัดบอลเปิดเข้าทำได้ดีอยู่ตลอดเกม เคลื่อนที่มากขึ้นกว่านัดก่อนๆ มีส่วนช่วยทำให้แผงหลังไม่ต้องเจองานยากเท่าไหร่ เปิดฟรีคิกใช้ได้ แต่เชื่อมเกมจากหลังไปหน้าวันนี้ทำได้ไม่ค่อยดีนัก ช้า

อัลเลน - ช่วยปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดี แต่เชื่อมเกมได้ไม่ดีนัก พลิกบอลแทบไม่ได้ ทำได้ดีสุดๆ ก็จังหวะเรียกจุดโทษให้กับทีมได้สำเร็จ ล้มสวยทีเดียว

เฮนเดอร์สัน - ต้นเกมมีส่วนช่วยให้ทีมได้ประตูแรก หลังจากนั้นก็คุมพื้นที่และเล่นเกมรับหน้าเขตโทษได้ดีมาก วิ่งถึงบอลได้ดีกว่าอัลเลนนิดหน่อย

สเตอลิ่ง - เป็นตัวหลักในเกมโต้กลับและมีส่วนร่วมกับการโต้แทบจะทุกครั้ง หาพื้นที่และเก็บบอลเล่นต่อได้ดี ยิงประตูได้ด้วย

สเตอริดจ์ - วิ่งทำทางได้ดีมาก หาพื้นที่ได้ดีเพื่อนส่งได้ง่าย จับบอลและเลี้ยงบอลได้ค่อนข้างดีด้วย เสียดายแต่จังหวะยิงประตูที่พอหาได้บ้างแต่ยิงเสียของไปเองหมด

บาโลเตลี่ - ได้จังหวะลุ้นทำประตูมากกว่าใครในทีมแต่ทำพลาดหมด เก็บบอลได้ไม่มากนัก ยังคงต้องเรียกฟอร์มต่อไป ที่ดูดีสำหรับเขาคือพยายามจะเล่นเป็นทีมและมีสมาธิกับเกมอยู่ตลอด

ตัวสำรอง

มาร์โควิช  - ลงมาได้บอลไม่มากนัก ออกบอลจังหวะโต้ได้ค่อนข้างดี ช่วยเล่นเกมรับได้ดีกว่านัดก่อนที่ลงมา

ชาน - เก็บบอลจังหวะสองได้ดีมาก ผ่านบอลขึ้นหน้าได้ดีด้วย

เอนริเก้ - ลงมาตอนทุกคนในสนามอยากกลับบ้านกันหมดแล้ว ก็พอได้วิ่งออกกำลังบ้าง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ราฮีม สเตอลิ่ง...มีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะที่สุดในทีม ทำประตูแรกได้เร็วซึ่งทำให้ทีมเล่นง่ายตั้งแต่ต้นด้วย
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แมนฯ ซิตี้ 3-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


สู้ได้นะ..แต่แพ้
__________________

ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-3-3

-----------------------สเตอริดจ์------------------------
คูตินโย่-----------------------------------------สเตอลิ่ง
-------------อัลเลน-------------เฮนเดอร์สัน-----------
------------------------เจอราร์ด------------------------
โมเรโน่--------ลอฟเรน------สเคอเทล--------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ นัดนี้ลิเวอร์พูลออกไปเยือนแชมป์เก่าอย่างแมนฯซิตี้ ร็อดเจอร์ปรับทีมจากนัดก่อนพอสมควร จอห์นสันได้กลับไปยืนแบ็คขวา โมเรโน่ได้ลงสนามนัดแรก อัลเลนลงแทนลูคัสและแดนกลางปรับให้เจอราร์ดยืนต่ำคนเดียว
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาก็เป็นซิตี้ที่ดันกันขึ้นมาเพรสซิ่งในแดนหน้า ทำเอาลิเวอร์พูลตั้งตัวไม่ทันเก็บบอลไม่อยู่ ซิตี้เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าตั้งแต่ต้น เน้นเเกมริมเส้นเต็มที่โดยเฉพาะทางฝั่งจอห์นสัน ส่วนทางลิเวอร์พูลไม่ได้ถอยไปรับลึกหนัก อาศัยแดนกลางคอยวิ่งไล่บีบตั้งแต่กลางสนาม ในเกมรุกเกมริมเส้นฝั่งขวาโดยสเตอลิ่งกับจอห์นสันยังพอทำงาน  ช่วงประมาณครึ่งชั่วโมงแรกนี้ทั้งสองฝ่ายหาโอกาสเปิดบอลเข้าทำกันได้บ้างแต่ยังเอาชนะฝ่าแนวรับเข้าพื้นที่สุดท้ายกันไม่ได้

_______ เข้าครึ่งชั่วโมงของเกมไปเกมเริ่มช้าลง ซิตี้เริ่มหันมาเน้นครองบอลมากขึ้นแต่ยังเจาะแนวรับไม่ได้อยู่ดี ส่วนทางลิเวอร์พูลยังคงใช้พื้นที่ว่างด้านหน้าและความเร็วของสเตอลิ่งและ สเตอริดจ์เล่นงานได้บ้าง ได้ลุ้นจากลูกตั้งเตะทั้งฟรีคิกและเตะมุมเป็นระยะแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้เช่น กัน ครึ่งแรกทำท่าจะจบที่ผลเสมอแล้วแต่ความผิดพลาดส่วนบุคคลครั้งเดียวก็ทำให้ สกอร์ขยับได้ นาที 41 จังหวะที่ซิตี้เปิดบอลเข้าเขตโทษ ลอฟเลนโหม่งสกัดได้แล้วแต่โมเรโน่ยืนรอบอลเลยช้าไปหนึ่งจังหวะ โดนโยเวติชฉกเอาไปยิงเร็วลอดขามินโยเล่เข้าไปได้ 1-0 และจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ซิตี้หันมาเน้นคุมพื้นที่เต็มตัว อาศัยวางบอลยาวไปที่ว่างเป็นหลักซึ่งก็ได้ผลไม่น้อย แม้จะครองบอลได้น้อยลงแต่เกมรุกดูดีกว่าในครึ่งแรกอีก  ส่วนลิเวอร์พูลยังไม่ได้เน้นโหมเกมรุกเท่าไหร่ ได้บอลมากขึ้นแต่หาโอกาสเปิดบอลเข้าทำได้น้อยลง นาที 55 ยังมาเสียเพิ่มจากจังหวะที่ซิตี้ใช้บอลชิ่ง 1-2 เจาะเข้าไปในเขตโทษแล้วหักเรียดไปเสาสองให้โยเวติชจบไม่พลาด 2-0

_______ หลังจากเสียประตูเพิ่มเกมของลิเวอร์พูลก็รวนไปพอสมควร กลับกันทางฝั่งซิตี้ยิ่งผ่านบอลกันได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ร็อดเจอร์จึงรีบปรับเกม นาที 60 ส่งมาร์โควิชลงแทนคูตินโย่ แล้วเน้นขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายมากยิ่งขึ้นซึ่งมาร์โควิชกับโมเรโน่ที่เติมขึ้น มาก็ทำให้เกมรุกกลับมาดูวูบวาบได้พอสมควร ได้เปิดบอลเข้าทำมากขึ้นแต่่จังหวะสุดท้ายยังไม่ค่อยถึงบอลกันเท่าไหร่

_______ ทางฝั่งซิตี้ เปเยกรีนี่ก็ไม่ได้นั่งดูเฉยๆ ส่งนาบาสลงแทนซิลบาเพื่อกดโมเรโน่ไม่ให้เติมถนัดในนาที 65 ส่งกุนลงมาแทนเซโก้ที่ดูจะมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยในนาที 68 ที่จริงช่วงนาที 60-68 นี้เป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลเริ่มกลับมาทำได้ดีกว่าแต่พอกุนลงมาเท่านั้นละเป็นเรื่อง จากจังหวะเปิดเกมขึ้นมาและผู้เล่นลิเวอร์พูลดูยังไม่สมาธิ นาบาสเลยได้โอกาสจ่ายทะลุให้กุนได้สัมผัสบอลครั้งแรกแล้วก็ยิงเข้าไปได้เลย 3-0

_______ พอเป็น 3-0 เกมของลิเวอร์พูลที่ทำกันได้ดีมาร่วม 10 นาทีก็มีปัญหาทันที นาที 74 ชานได้ลงมาแทนอัลเลน ลิเวอร์พูลดูพยายามจะโหมเกมรุกแต่ก็ยังกดดันไม่ได้เท่าไหร่ นาที 79 แลมเบิร์ตลงมาแทนสเตอลิ่งเป็นคนสุดท้าย ปรับมาเล่น 4-4-2 เอาเฮนเดอร์สันไปเล่นริมเส้นขวา เกมโดยรวมก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่นักและประสิทธิภาพในการครองบอลของซิตี้ ยังไม่ได้ลดลงเลย ครองบอลแต่ละครั้งกว่าจะเสียคืนมานี่นานมาก

_______ ลิเวอร์พูลมามีลุ้นเล็กๆ เมื่อนาที 83 สเตอริดจ์ไปแซะเอาบอลคืนมาจากเดมิเคลิสที่บังบอลไปได้แล้วแต่ไม่ทันระวัง พอเอาบอลมาได้สเตอริดจ์เปิดไปเสาสองให้แลมเบิร์ตได้โหม่งจ่อๆ ไม่กี่หลา บอลติดเซฟฮาร์ทแต่ยังเด้งไปโดนเข่าซาบาเลต้าเข้าประตูไป 3-1 เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากนั้นไม่กี่นาที แลมเบิร์ตยังได้ลูกส้มหล่นจากจังหวะที่กองหลังซิตี้สกัดกันผิดพลาดเอง แต่แลมเบิร์ตที่ได้บอลหลุดโล่งคนเดียวในเขตโทษตัดสินใจไม่ยิงแต่จ่ายเรียดมา เสาสองให้สเตอริดจ์ เลยโดนกองหลังสกัดทิ้งไปเสียก่อน และหลังจากจังหวะนั้น ลุ้นเล็กๆ ที่ว่าก็หายไปสนิทเมื่อในนาที 86 จอห์นสันเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ลิเวอร์พูลเลยต้องเลยเหลือ 10 คนเพราะเปลี่ยนครบแล้ว เอวัง

_______ เวลาที่เหลืออยู่ก็ไม่มีฟุตบอลให้ดูแล้ว มีแต่เรื่องสยองสองประโยค หนึ่งคือสเคอเทลเจ็บแต่ยังพอเล่นได้ สองคือโมเรโน่เจ็บเล่นไปกระเผลกไปยันหมดเวลา แมนฯซิตี้เอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ 3-1
-----------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นใช้ได้ครับ แต่ซิตี้เล่นได้ดีกว่าจริงๆ สมควรชนะแล้ว

_______ จากเกมนัดก่อนที่แดนกลางเล่นกันไม่ดีนัก มาในนัดนี้แดนกลางลิเวอร์พูลดูดีขึ้นในเกมรับ ช่วงครึ่งแรกนั้นแดนกลางช่วยกันวิ่งไล่บอลได้ดีมาก ซิตี้ครองบอลได้แต่เจาะไม่ได้ สเตอลิ่ง, คูตินโย่วิ่งถอยลงไปช่วยแบ็คอยู่ตลอด ในขณะที่ตรงกลาง เฮนเดอร์สันกับอัลเลนจะวิ่งเข้าใส่ตั้งแต่แถววงกลมและขยับออกไปช่วยทั้งทาง ริมเส้นและหน้าเขตโทษตามจังหวะบอล และแม้ในครึ่งหลังจะวิ่งไม่ค่อยเจอบอลแต่ก็ยังรักษาพื้นที่กันได้ดีพอสมควร

_______ แต่ในขณะที่เกมรับดูดี กองกลางวันนี้ทำเกมรุกได้ไม่ดีนัก อัลเลน, คูตินโย่, เฮนเดอร์สันออกบอลเกมรุกไม่ได้ ทำให้ภาระไปตกอยู่กับสเตอลิ่งแทบทั้งหมด พอคู่ต่อสู้ซ้อนสเตอลิ่งดีๆ เกมรุกของทีมก็ไปต่อไม่ได้ จนเมื่อมีมาร์โควิช(รวมชานด้วยก็ได้)ลงมานั่นแหล่ะแดนกลางถึงได้ออกบอลเกม รุกกันได้เร็วขึ้น แต่เกมรับที่ทำได้ดีในช่วงก่อนหน้าก็ดิ่งวูบลงไประดับนึงเลย ต้องตามหาความสมดุลตรงนี้กันต่อไป

_______ ส่วนการเสีย 3 ประตู ลูกแรกคือความผิดพลาดส่วนบุคคลของโมเรโน่นั่นแหล่ะไม่ต้องสืบ วิ่งเข้าไปหวดบอลซะก็จบแต่ก็ไม่ ลูกที่สองนี่ซิตี้เล่น 1-2 กันได้ดีจริงๆ แม่นเป๊ะทั้งทางวิ่งและน้ำหนักบอล ในขณะที่ถ้ามองกองหลังแล้วนี่คือการประสานงานที่ยังไม่เข้าใจกันเท่าไหร่ ลอฟเลนยืนปักหลักเหมือนจะเช็คล้ำหน้าแล้วแต่สเคอเทลไม่ได้ขึ้นมาด้วยเลยโดน ซะ ส่วนลูกที่สามนี่ขาดสมาธิกันไปเองครับ ก็น่าเสียดายที่ดูในเกมแล้วเกมรับเล่นกันไม่แย่ ออกจะค่อนไปทางดีด้วยซ้ำ แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี่พอมาเกิดเวลาที่เจอกับคู่ต่อสู้อย่างซิตี้เนี่ย มันเปลี่ยนเป็นประตูได้ทั้งนั้นเลย

_______ ถ้าเล่นกับทีมอื่นที่ไม่ได้เด็ดขาดขนาดนี้ ดีไม่ดีไม่โดนสักลูกนะเนี่ย

_______ การเปลี่ยนตัวก็ทำไปตามเนื้อผ้า ถ้ามองถึงเกมรุกอย่างเดียวทั้งมาร์โควิชและชานช่วยทีมได้ดีกว่าคูตินโย่และ อัลเลนแน่นอน แต่การวิ่งไล่บอลทั้งคู่ก็สู้คูตินโย่กับอัลเลนไม่ได้เลยเช่นกัน (เป็นสาเหตุหลักที่ครึ่งหลังซิตี้ครองบอลได้นาน-ง่ายขึ้นด้วย) เลยไม่ชวนให้คิดว่าพวกเขาควรเป็นตัวจริงมากกว่าตรงไหนในเกมที่ต้องออกมา เยือนทีมอย่างซิตี้ซึ่งทีมคงต้องการเกมรับและความรัดกุมมากกว่าเกมรุก

_______ ส่วนเรื่องที่ดูเป็นปัญหาจริงๆ คงอยู่ที่การปรับตัวเข้าหากันของผู้เล่นใหม่-เก่านั่นละครับ คือมันไม่ใช่เรื่องของคนใหม่ต้องปรับตัวอย่างเดียว อีคนเก่าๆ นี่ก็ต้องปรับด้วย ถ้าอยากเห็นภาพแนะนำให้ดูเทปช่วงเวลาที่ทีมเล่น 4-4-2 แล้วจะเห็นว่าวิ่งซ้อนวิ่งชนกันให้นัวไปหมด หรืออย่างมาร์โควิชนี่ต้องซ้อมจังหวะเข้าทำกับตัววิ่งสอดอย่างอัลเลน, เฮนเดอร์สันอีกหลายตลบ เพราะเปิดกับวิ่งกั๊กๆ กันอยู่ให้เห็นพอสมควร ฯลฯ

_______ ...นี่ยังไม่นับพ่อนักเตะศิลปิน อินดี้ใจบุญ ศูนย์หน้ามหา-กาฬ (หมายถึงดำมาก) บาลโลวเต๊นลี่~ อีกคนนะครับ ทีมนี้คงต้องใช้เวลาปรับตัวกันอีกนิดนึงล่ะ หรือถ้าหลายนิดก็จะเข้าใจ...
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - จริงๆ ก็ไม่มีอะไรให้เซฟเลยนะ 2 ลูกแรกที่เสียไปก็คงทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น แต่อีลูกสุดท้ายนี่สมาธิไม่ดีเลย แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกที่เซฟกันได้ง่ายๆ แต่การยืนตำแหน่งที่ผิดพลาดขนาดนั้นก็ไม่ไหวเหมือนกัน

จอห์นสัน - เกมรับโอเคเล่นได้ดีไม่ได้มีอะไรผิดพลาดให้เห็นเลย แต่ไปเห็นในเกมรุกแทน...หลายจังหวะเลี้ยงและส่งได้เป็นนามธรรมมากดูแล้วเข้า ไม่ถึงว่าจินตนาการของพี่แกตอนนั้นต้องการจะทำอะไร ลองหาจังหวะที่พี่เค้าเลี้ยงดุ่ยๆ พาบอลไปใส่เท้าคลีชี่ดูครับแล้วคุณจะอึ้ง

ลอฟเรน - การเข้าสกัดเด็ดขาดดี โดยเฉพาะการเข้าบอลเร็วและลูกกลางอากาศ แต่ต้องสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมให้ดีกว่านี้หน่อย ไม่ว่าจะเชคล้ำหน้าหรือว่าเชื่อมเกมกับแบ็คที่คนวิ่งวิ่งไปทาง คนจ่ายดันจะจ่ายไปอีกทาง อ้ออีกอย่าง ลอฟเรนผ่านบอลสั้นแม่นดีนะ

สเคอเทล - ฟอร์มส่วนตัวเล่นได้ดี โดยเฉพาะการเข้าไปซ้อนเพื่อนและทิ้งตัวกวาดบอลจังหวะสุดท้าย

โมเรโน่ - ฟอร์มโดยรวมเล่นได้ดีทีเดียว มีความเร็ว ขยันวิ่งขึ้นลง เข้าปะทะได้สะใจใส่ไม่ยั้ง เปิดบอลไปวัดไปวาได้ด้วย แต่ความผิดพลาดส่วนบุคคลที่ทำให้เสียประตูแรกนี่ก็ทิ่มตาไม่แพ้กัน

เจอราร์ด - ช่วยเกมรับในจังหวะสำคัญได้บ้างพอสมควรโดยเฉพาะการดักตัดบอลเข้าทำ การเชื่อมเกมขึ้นหน้าแม้จะโดนไล่จนทำได้ไม่เร็วนักแต่ก็พลาดน้อย บอลยาวไปที่วางทำได้พอสมควร ....จะว่าไปแแล้วก็เล่นได้ "พอสมควร" ไปหมดเลยทุกสิ่งอันนั่นแหล่ะครับ

อัลเลน - เคลื่อนที่ได้ดีมาก ช่วยเชื่อมเกมกลางสนามได้ดี ทั้งยังวิ่งไล่บีบบอลได้เร็วตลอด แต่นั่นคือทั้งหมดที่เขาทำให้ทีม ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั้นแล้ว

คูตินโย่ - สลับตำแหน่งกับอัลเลนเป็นระยะ เล่นได้เหมือนกันเปี๊ยบในเวอร์ชั่นที่ออกบอลเกมรุกได้ดีขึ้นมาหน่อยนึงเท่า นั้นเอง ในแง่ของการเล่นเกมรับในแดนกลางและริมเส้นพวกเขา(อัลเลน+คูตินโย่+เฮนเดอร์ สัน) ทำหน้าที่ได้ดีมาก...แต่ถ้าช่วยเล่นเกมรุกกันได้เท่านี้ก็ไม่ไหวนะ

สเตอลิ่ง - ช่วงครึ่งแรกโดยเฉพาะต้นๆ เกมใช้ความเร็วเล่นงานแนวรับได้ดี หาโอกาสเปิดบอลได้หลายครั้งและเรียกฟาล์วได้บ้าง แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งโดนประกบโดนซ้อนหนัก พอท้ายครึ่งแรกต้นครึ่งหลังก็ค่อยๆ จางหายไปจากเกม

เฮนเดอร์สัน - เหมือนคูตินโย่ แต่ไล่บอลได้ดีกว่าและวิ่งได้มากกว่านิดนึง

สเตอริดจ์ - หาที่ว่างด้านหน้าไม่ค่อยได้ ถูกบีบให้ถอยจากเขตโทษอยู่ตลอด จังหวะที่ได้บอลก็เชื่อมเกมกับเพื่อนได้ดีระดับนึง ลูกที่ได้ประตูก็เป็นผลมาจากความพยามยามและการเปิดบอลของเขา แต่โดยรวมก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมมากนัก

ตัวสำรอง

มาร์โควิช  - ลงมาเล่นเกมรุกได้วูบวาบดีกว่าคูตินโย่มัดรวมกับอัลเลนในช่วงก่อนหน้านั้นเยอะ ได้เปิดอยู่หลายจังหวะด้วย

แลมเบิร์ต
- มีส่วนร่วมกับประตูแรก และควรจะมีส่วนร่วมกับประตูตีสองของทีมไปแล้วด้วย...ถ้าตัดสินใจยิงเองในจังหวะลูกส้มหล่นนั้น

ชาน - ออกบอลเกมรุกได้ดีทีเดียว คือบอลเชื่อมเกมนี่แหล่ะแต่ส่งได้เร็วและเลือกตัวส่งได้ดี ปัญหาคือไม่ค่อยวิ่ง ไม่ค่อยหาพื้นที่ว่างรับบอล ไม่ต้องพูดถึงวิ่งไล่บอลที่ทำได้ไม่ดีนัก ต้องรอดูว่าถ้าฟิตสมบูรณ์(ตอนนี้เห็นชัดเลยว่ายังไม่ฟิต)จะเคลื่อนที่ได้ดี กว่านี้มั้ย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มาริโอ บาโลเตลี่... นักฟุตบอลระดับนี้ ไม่ต้องลงสนามก็เป็น MOM ได้ครับ Embarassed (กล้องจับบ่อยกว่าหน้ารอดเจอร์อีกมั้งครับ 555+)
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 2-1 เซาท์แธมป์ตัน (พรีเมียร์ลีค)


...When Saturday Comes...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1 ..ก็เหมือนที่เล่นในฤดูกาลที่แล้วนั่นแหล่ะ

-----------------------สเตอริดจ์------------------------
สเตอลิ่ง----------------คูตินโย่-------------เฮนเดอร์สัน
-----------------ลูคัส---------เจอราร์ด-----------------
จอห์นสัน-------ลอฟเรน-----สเคอเทล--------มานกีโย่
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ นัดเปิดฤดูกาลที่ได้เล่นในแอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลได้ผู้เล่นใหม่มาในช่วงหน้าร้อนเพียบแต่นัดนี้ก็ได้ลงเป็นตัวจริง อยู่สองคนคือ มานกีโย่ ในตำแหน่งแบ็คขวา และ ลอฟเรนในตำแหน่งเซ็นเตอร์ นอกนั้นก็ยังเป็นทีมชุดฤดูกาลที่แล้ว โดยเฮนเดอร์สันเป็นคนที่ถ่างไปเล่นทางริมเส้นด้านขวาให้คูตินโย่ยืนประจำการ อยู่ตรงกลางตาม(ที่เจ้าตัวควรจะ)ถนัด
-------------------------------------------------------

_______ รูปเกมในช่วงต้นก็ไม่มีอะไรผิดคาด ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่าชัดเจน คุมเกมได้ แต่พาบอลไปข้างหน้าแทบไม่ได้ เกมริมเส้นดับสนิท อาศัยลูกยาวฉาบฉวยเอาก็พอได้ผลบ้างนิดหน่อย ส่วนเซาท์แธมป์ตันเก็เน้นคุมพื้นที่เหนียวแน่นในแดนตัวเอง วิ่งไล่ในแดนกลางได้ดี แต่เกมโต้ไม่ได้เรื่อง เกมรุกพยายามจะเจาะทางมานกีโย่ก็ยังไม่มีโอกาสเปิดเข้าไปลุ้นสักเท่าไหร่

_______ เกมเล่นกันไปแบบหนืดๆ จนกระทั่งนาที 23 เฮนเดอร์สันก็วิ่งเบียดปั้มบอลมาได้แถวกลางสนาม ก่อนจะจ่ายเร็วทะลุช่องขึ้นหน้าให้สเตอลิ่งได้หลุดเดี่ยวไปยิงในเขตโทษไม่ พลาด 1-0 หลังสกอร์ขยับก็ดูเหมือนเซาท์แธมป์ตันจะเน้นเกมรุกขึ้นมา...นิดนึง...ตะบี้ ตะบันจะเจาะทางมานกีโย่ต่อไป พาบอลไปถึงมุมธงได้บ้างแต่เปิดเข้ากลางไม่ได้ ส่วนลิเวอร์พูลก็เคาะกันไปตามช่องที่เห็น ไม่เห็นก็ไม่จ่าย ทำให้แม้เกมรุกจะไม่มีจังหวะได้ลุ้นสักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นฝ่ายคุมเกมไว้ได้หมดจด จนกระทั่งหมดเวลาครึ่งแรกสกอร์อยู่ที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เกมยิ่งช้าหนักเข้าไปอีก ทางลิเวอร์พูลก็เคาะกันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนเซาท์แธมป์ตันเริ่ม ดันกันขึ้นมาไล่สูงมากกว่าครึ่งแรก ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาดคือลิเวอร์พูลเริ่มเก็บบอลไม่อยู่ โต้ได้น้อยลงและออกบอลผิดพลาดมากขึ้น แต่เกมรับก็ยังดูไมไ่ด้มีปัญหาอะไรมากนัก บอลที่เปิดเเข้ามาในเขตโทษได้บ้างก็จัดการกันได้หมด

_______ ...แต่แล้วนาที 56 ได้ทุ่มทางริมเส้นฝั่งจอห์นสัน ซึ่งเป็น 1 ในไม่กี่ครั้งที่บุกเข้ามาทางฝั่งนี้ บอลเหมือนไม่มีอะไรแต่แนวรับของลิเวอร์พูลเสียสมาธิกันไปเองและกองกลางไม่ ได้วิ่งตามลงมา ทำให้ไคลน์ได้โอกาสวิ่งทะลุขึ้นไปรับบอลในเขตโทษและยิงจังหวะแรกเสยตาข่ายตีเสมอให้เซาท์แธมป์ตัน 1-1 พอเสมอเท่านั้นละครับ เกมรับที่ว่าเล่นมาดีๆ เริ่มแตกฮือ โดยเฉพาะริมเส้นทั้งสองฝั่งที่อยู่เกมของเซาท์แธมป์ได้ไม่ดีนักปล่อยให้คู่ ต่อสู้มาได้ถึงสุดเส้นบ่อยครั้งขึ้น ในขณะที่การเก็บบอลจังหวะสองแถวหน้าเขตโทษตัวเองก็เริ่มเก็บได้น้อยลง

_______ นาที 63 อัลเลนลงมาแทนลูคัส ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมให้เร็วขึ้น แบ็คสองฝั่งโดยเฉพาะทางมานกีโย่เติมสูงแทบตลอด แม้บอลจะ่ข้างหน้ามากขึ้นแต่ก็กลายเป็นพลาดบ่อยขึ้นเช่นกัน ในขณะที่เกมรับก็เป็นอย่างที่บอกไปด้านบน ทำให้เกมเริ่มกลายเป็นของเซาท์แธมป์ตันที่ได้กดดันมากขึ้นแถมครองบอลได้ มากกว่า

_______ นาที 76 แลมเบิร์ตได้ลงแทนคูตินโย่อีกคน ลิเวอร์พูลเริ่มหันมาเน้นบอลครอสจากทางฝั่งขวาอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็ได้ผลนาที 79 บอลครอสจากทางฝั่งขวาติดแนวรับเซาท์แธมป์ตันแล้วแต่บอลยังไม่ไปไหน สเตอลิ่งตามขึ้นไปโหม่งชงไปเข้าทางสเตอริดจ์ได้ยิงจ่อๆ ลิเวอร์พูลขึ้นนำได้อีกครั้ง 2-1

_______ พอขึ้นนำได้อีกครั้งลิเวอร์พูลก็ผ่อนเกมรุกลงไป สวนทางกับเซาท์แธมป์ตันที่ดันกันสูงมาขึ้นไปอีก 10 นาทีท้ายขอเกมลิเวอร์พูลถอยลงไปรับกันต่ำ พยายามจะใช้วิธีวางบอลยาวโต้เอาแต่ข้างหน้าเก็บบอลเล่นไม่ค่อยได้ โดนกดดันอยู่ตลอดและมีจังหวะผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในเกมรับให้เห็นอยู่ตลอด คู่ต่อสู้ได้เปิดบอลเข้าเขตโทษค่อนข้างบ่อย แถมยังเกือบจะได้ประตูตีเสมอแบบน่าเสียวไส้ที่สุดเมื่อ เชน ลอง ได้โหม่งลูกเก็บตกระยะไม่กี่หลาแต่ดันโหม่งหลุดกรอบไปเองซะงั้น ทำให้จบเกมลิเวอร์พูลเอาตัวรอดไปได้อย่างหืดจับทั้งสกอร์ทั้งรูปเกม 2-1
-----------------------------------------

_______ ...แต่ก็ 3 แต้มเต็มนะครับ ย้ำก่อนเลยเดี๋ยวลืม 555+

_______ 11 ตัวจริงนัดนี้ดูเข้าท่าดีและน่าจะดีที่สุดแล้ว ณ ขณะนี้ถ้าดูจากสภาพความฟิตและการประสานงานกันของผู้เล่นในช่วงพรีซีซั่น แทคติคการเล่นก็ยังทรงเดิมเหมือนเดิมเด๊ะๆ จากฤดูกาลก่อน คือ เซตบอลสั้นจากแดนหลัง เคาะตามช่องขึ้นหน้า ถ้ามีพื้นที่ก็วางยาวไปที่ว่างให้สเตอริดจ์กับสเตอลิ่งวิ่งไล่ แต่จะด้วยความที่เล่นแบบเน้นรักษาทรงบอล หรือเป็นเพราะไม่มีตัวพลิกบอลดีๆ ก็ไม่ทราบได้ 1 ชั่วโมงแรกของเกมนี่ ลิเวอร์พูลเล่นได้ธรรมดามากครับ

_______ ธรรมดาที่ว่าไม่ได้หมายความว่าแย่ แต่หมายถึงเล่นกันแบบตามสูตรเป๊ะเลย ไม่มีอะไรที่คาดเดาไม่ได้ ช่องไม่มีไม่เสี่ยงจ่าย ถ้าได้บอลแล้วมีตัวไล่เข้ามาเมื่อไหร่ แนวรุกทุกคนแตะบอลกลับ มันก็ดูโอเคในแง่ที่ว่าครองบอลและคุมเกมไว้ได้ แต่ก็ทำให้เกมรุกค่อนข้างช้าและจืดชืด เล่นเหมือนรอให้คู่ต่อสู้พลาดหรือเผลอเปิดพื้นที่แต่เพียงอย่างเดียว (ซึ่งก็พลาดจริงๆ ในจังหวะเสียลูกแรก) ไม่ได้เป็นฝ่ายกดดันแนวรับสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม จะไปโทษแทคติคอย่างเดียวก็ไม่ได้ ฟอร์มส่วนตัวของผู้เล่นก็มีส่วนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคูตินโย่กับลูคัสที่พากันเข้ารกเข้าพงกันแต่หัววัน

_______ แต่หลังจากเสียประตูตีเสมอไปแล้ว ผมชอบการเปลี่ยนตัวและปรับเกมของร็อดเจอร์มาก ร็อดเจอร์ไม่รอช้าปรับให้ทีมเล่นเร็วขึ้นและแบ็คดันสูงทันทีที่เสียประตู ทั้งยังส่งอัลเลนลงมาเชื่อมเกมแทนลูคัสได้เร็ว ทำให้เกมรุกที่อืดยืดยาดในช่วงชั่วโมงแรกดูดีขึ้นมาก รวมไปถึงการส่งแลมเบิร์ตลงมาแทนคูตินโย่นั่นก็ด้วย คูตินโย่ช่วยทีมแทบไม่ได้ในวันนี้ การส่งเอาแลมเบิร์ตลงมาเพิ่มมิติในแนวรุกมีประโยชน์มากกว่า

_______ ที่สำคัญจังหวะที่ได้ประตูชัย ผมคิดว่ามันมีส่วนมาจากการปรับเกมของร็อดเจอร์แทบทั้งหมด ทั้งการดันแบ็คขึ้นสูงจนมีตัวเล่นมากขึ้นทางริมเส้น, การมีแลมเบิร์ตไปยืนค้ำในเขตโทษดึงกองหลังไปได้ จนทำให้สเตอลิ่งได้โอกาสเข้าไปโหม่งชงแบบนั้น เพราะถ้าไม่มีแลมเบิร์ตอยู่แล้วสเตอลิ่งต้องวิ่งเข้าไปโหม่งดวลกับเซนเตอร์ ผลลัพธ์คงไม่ต้องสืบ มีตัวเลือกมันดีอย่างนี้นี่แหล่ะ

_______ เปิดฤดูกาลด้วย 3 แต้ม ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วครับ
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันเกือบใช้ได้

มินโยเล่ - ยืนตำแหน่งดี เซฟลูกยิงไกลได้ตลอด แต่เตะเปิดเกมยาวนี่เห็นแล้วน้ำตาแทบร่วง

จอห์นสัน - เกมรับพอใช้ได้ไม่โดนเผา ขวางทางเปิดได้ไม่เลวร้ายนัก ทำได้ดีกับการวิ่งเติมไปรับบอลยาว แต่พอเอาบอลลงได้แล้ว....

ลอฟเรน - ลูกกลางอากาศ แรงปะทะ เข้าสกัด ไม่มีปัญหา แต่อ่านเกมยังไม่ค่อยดีนัก จังหวะเข้าประกบคู่ต่อสู้ดูหลวมๆ ด้วย

สเคอเทล - สกัดบอลสุดท้ายได้ดีหลายครั้ง และอีกหลายครั้งก็วิ่งเข้ามาซ้อนเพื่อนได้ดีทีเดียว มีรนๆ ให้เห็นบ้างนิดหน่อยท้ายเกมพอรับได้

มานกีโย่ - ช่วง 1 ชั่วโมงแรกดูแตกตื่นลนลานอยู่ไม่น้อย โดนบุกเจาะอยู่ตลอดแล้วก็อ่านเกมพลาดให้เห็นหลายครั้ง แต่ช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้น วิ่งเร็วดีและถ้าให้วิ่งขึ้นลงก็ทำได้น่าพอใจ ไม่ได้ลอยแล้วหายไม่ยอมลง

เจอราร์ด - เกมรับช่วยทีมได้น้อย เคลื่อนที่ได้ไม่ดีนัก มาดีตรงการวางบอลยาวและเปลี่ยนรับเป็นรุก แต่พอเข้าท้ายเกมดูหมดแรงแบบสุดๆ

ลูคัส - ครึ่งแรกเข้าบอลได้ดุเดือดและวิ่งไล่ได้คลั่งดี ได้บอลมั่งไม่ได้บอลมั่ง แต่ที่เป็นจุดสลบจริงๆ อยู่ที่การเชื่อมเกมที่หลายครั้งก็แจกบอลให้คู่ต่อสู้บ้าง แจกเฝือกให้เพื่อนบ้าง

คูตินโย่ - ถ้าใครเป็นญาติก็แจ้งความคนหายได้เลยครับ

สเตอลิ่ง - ใช้ความเร็วเล่นงานคู่ต่อสู้ได้ดีพอสมควร ไม่ได้กระชากขาดเป็นริ้วๆ แต่ก็กดดันได้บ้างและมีส่วนร่วมกับเกมรุกมากกว่าคนอื่น ยิง 1 จ่าย 1 ด้วย

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกวิ่งไล่บอลได้ดี และทำได้สุดยอดมากกับจังหวะที่นำมาซึ่งประตูแรก เชื่อมเกมได้ดีกว่าลูคัส เคลื่อนที่ดีกว่าเจอราร์ด ครึ่งหลังหนักไปทางวิ่งไล่บอลกับผ่านบอลใกล้ๆ ไม่ค่อยได้เล่นเกมรุก

สเตอริดจ์ - หาพื้นที่ว่างในเขตโทษไม่ค่อยได้ โดนบีบให้ต้องออกไปเล่นริมเส้นหรือกลางสนามเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังเก็บบอลได้บ้าง เรียกฟาล์วได้บ้าง ยิงประตูชัยให้ทีมได้ด้วย

ตัวสำรอง 

อัลเลน  - เชื่อมเกมดีกว่าลูคัสในช่วงก่อนหน้า มีส่วนร่วมกับเกมรุกอยู่ตั้งแต่ลงมาจนกระทั่งทีมได้ประตูขึ้นนำ หลังจากนั้นก็เก็บบอลเล่นเกมโต้ได้ไม่ดี เกมรับก็ธรรมดา

แลมเบิร์ต - ร็อดเจอร์อาจจะปรับแทคติคได้ดีกับการส่งแลมเบิร์ตลงมา แต่ฟอร์มส่วนตัวดูไม่จืดเลย เก็บบอลไม่อยู่และไม่ได้ทำอะไรในสนามเลย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ :
..ราฮีม สเตอลิ่ง... ยิง 1 จ่าย 1 ฟอร์มไม่ได้ดีมากแต่ดีกว่าเพื่อนร่วมทีมแล้ว
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ก่อนพรีเมียร์ลีคฤดูนี้จะเริ่มต้น....หงส์อยู่ตรงไหน



_______ ได้ดูเด็กหงส์ทั้งตัวเก่าตัวใหม่ในบอลโลกกันมั่งมั้ย? ได้ตามข่าวย้ายทีมบ้างรึปล่าว?  ตัวใหม่ที่ได้มาพอใจกันแค่ไหน? แล้วนัดอุ่นเครื่องเป็นยังไงบ้าง? จะได้ดูได้ตามกันแค่ไหนก็ช่างเถอะครับ ทั้งหมดนั่นแค่น้ำจิ้มแต่สุดสัปดาห์นี้ ของ จริง จะ มา แล้ว

_______ พร้อมกันรึยังครับ?

_______ เรามาสรุปความกันสั้นๆ (ยืนยันครับว่าสั้นแล้ว) เพื่อเตรียมตัวสำหรับการดูและลุ้นแบบมาราธอนกันไปอีก 8 เดือนกันดีกว่า

_______ Part 1 - การเสริมทีม


_______ ทีมชุดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะครับ ตัวหลักย้ายออกมีแค่คนเดียว คือ ซัวเรส...เฉพาะเรื่องนี้ถ้าท่านยังไม่รู้ แนะนำให้เปลี่ยนไปดูวอลเล่ย์บอลแทนครับ ส่วนตัวที่เข้ามาใหม่ นับเฉพาะที่คาดว่าจะใช้งานจริงทันทีมีเพียบเลย กองหน้ามีโคตรศูนย์หน้าอย่าง ริกกี้ แลมเบิร์ต...ใส่เบอร์ 9 ด้วยนะ, ตัวทำเกมมี ลัลลาน่า, มาร์โควิช, ตัวคุมเกมได้ ชาน, กองหลังนอกจากจะได้ลอฟเรนมาแล้ว ยังได้แบ็คใหม่อย่าง มานกีโย่ และ(น่าจะได้)โมเรโน่ ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะทำให้ 11 ตัวจริงของทีมเปลี่ยนไปจากฤดูก่อนไม่น้อยเลยครับ

_______ การเสริมทีมปีนี้โดยรวมแล้วผมพอใจเอามากๆ ครับ ปีนี้ทีมมีขนาดใหญ่ขึ้น ตัวสำรองฝีเท้าใกล้เคียงกับตัวจริงมากขึ้น ลองนึกภาพปีก่อนที่เรามองไปม้านั่งสำรองแล้วเห็น โมเสส, อัสปาส, อัลแบร์โต้, เคลลี่ ในขณะที่ปีนี้เราจะเห็น คูตินโย่, ลัลลาน่า, เฮนเดอร์สัน, เอนริเก้ อะไรมาประมาณนี้ มันดีกว่าคำว่า "ก็ไม่เลว" มาเยอะเลยนะครับ

_______ นอกจากทีมจะใหญ่ขึ้นแล้ว 11 ตัวจริงของทีมโดยรวมก็น่าจะดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะแบ็ค 2 ข้างและตัวรุก 3 คนหลังกองหน้าที่ถ้า สเตอลิ่งกับคูตินโย่ ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดเผลอๆ หลุดไปเป็นสำรองกันทัั้งคู่เอาง่ายๆ

_______ ที่ผมดีใจที่สุดคือการเสริมแบ็คทั้งสองข้าง เกมรุกริมเส้นของทีมเน้นการใช้แบ็คเติมขึ้นไปเล่น แต่ฤดูก่อนแบ็คของทีมไม่ว่าจะใครก็ทำเรื่องนี้ได้ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ในหลายๆ เกม เกมรุกของทีมไปกระจุกอยู่หน้าเขตโทษเท่านั้น การเสริมแบ็คทั้งสองข้างน่าจะช่วยให้ทีมมีเกมรุกที่หลากหลายขึ้น ในขณะที่การที่ทีมยังเก็บทั้งเอนริเก้และจอห์นสันไว้กับทีมทำให้อย่างน้อยก็ มั่นใจได้ในระดับนึงว่า ต่อให้ตัวใหม่เล่นไม่ได้เล่นไม่ออก เกมริมเส้นนี่ก็จะไม่ได้แย่ไปกว่าฤดูกาลก่อน

_______ ถัดจากนั้นก็เห็นจะเป็นในรายของ เอมเร่ ชาน ที่ถ้าบอกกันตรงๆ จากฟอร์มอุ่นเครื่องที่ได้เห็นผมไม่ได้ประทับใจอะไรเลย แต่ ชาน เป็นผู้เล่นประเภทที่แดนกลางลิเวอร์พูลยังขาดอยู่ ถ้าเฉพาะถ้าเจอเกมที่มีพื้นที่ให้เล่นน้อย ต้องปะทะกันในแดนกลางมาก ชานน่าจะช่วยทีมได้ดีกว่า โจ "ลูกขนุน" อัลเลน และ ลูคัส "รับอย่างเดียว" เลว่า ในขณะที่สภาพร่างกายเท่าที่เห็น ก็ดูดีกว่า สตีเว่น "จะ35 แล้วค๊าบ" เจอราร์ด

_______ ที่ดูจะเป็นปัญหาอยู่บ้างก็คงหนีไม่พ้นกองหน้า ทีมเสียซัวเรสไปแต่กองหน้าได้เพียง แลมเบิร์ต มาคนเดียว ซึ่งผมมั่นใจว่าต่อให้ซัวเรสยังอยู่ทีมก็ต้องดึงแลมเบิร์ตมาอยู่ดีนั่นแหล่ะ กลายเป็นตอนนี้ทีมมีกองหน้าตัวหลักอยู่แค่สเตอริดจ์คนเดียว แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยเวลาที่งวดใกล้เข้ามาแบบนี้ ทีมไม่น่าจะมีเวลาพอที่หาซื้อกองหน้ามาใหม่ได้ทัน บางทีอาจต้องรอกันไปถึงตลาดหน้าหนาวค่อยว่ากันใหม่สำหรับการเสริมทีมใน ตำแหน่งนี้

_______ Part 2 - เครื่องหมายคำถาม


_______ ปัญหาที่สงสัยและรอดูคำตอในฤดูกาลนี้ หลักๆ มีอยู่ 2 เรื่องครับ เรื่องแรกคือการเสียซัวเรส ในสายตาผม ผมคิดว่าสิ่งที่ทีมเสียหายมากที่สุดจากการเสียซัวเรสไปไม่ใช่ "การทำประตู" แต่เป็น "การทำเกม" ครับ โดยเฉพาะในเกมที่คู่ต่อสู้เน้นเกมรับเป็นพิเศษ ไอ้ลูกมุดๆ เข้าไป, เลี้ยงเข้าไปเรียกฟาล์วเนียนๆ, เลี้ยงหรือยิงในจังหวะที่ไม่ควรจะทำ(ในความหมายที่ดี) เป็นสิ่งที่คนอื่นในทีมยังทำไม่ได้ในฤดูก่อน มาปีนี้ไม่มีซัวเรสแล้วทีมจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้ดีแค่ไหน

_______ มองในแง่ดี การได้แบ็คมาใหม่ทั้งสองข้างถ้าช่วยเกมรุกริมเส้นได้จะทำให้ถ่างแนวรับออกไป ได้ดีขึ้น อีกทั้งตัวรุกหน้าเขตโทษทั้งตัวใหม่อย่าง ลัลลาน่า มาร์โควิช รวมไปถึงตัวเก่าที่ถูกฝึกการทำประตูมากขึ้นอย่างเฮนเดอร์สัน ถ้าสามารถยิงจากแถวหน้ากรอบเขตโทษได้มากกว่าปีก่อน ไม่ต้องถึงขั้นมีประตูเยอะแยะ เอาแค่กดดันให้แนวรับต้องวิ่งออกมาจากเขตโทษบ้างก็ช่วยทีมได้มากแล้ว นอกจากนั้นแลมเบิร์ตอาจจะเป็นทางเลือกใหม่ที่ปีก่อนไม่มีเลยคือการเพิ่มการ ครอสจากริมเส้นให้มากขึ้นในบางเกม / บางจังหวะของเกม ก็จะช่วยให้เกมรุกหลากหลายมากขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้อาจช่วยทดแทน เผลอๆ จะดีกว่าการ "นึกอะไรไม่ออกบอกซัวเรส" แบบฤดูกาลก่อนก็เป็นได้

_______ ถ้ามองในแง่ร้ายก็จะเห็นว่าย่อหน้าข้างบนมีคำว่า ถ้า กับ อาจจะ เต็มไปหมดเลยครับ

_______ ส่วนเรื่องที่สอง นั่นคือการประสานงานกันในทีม จากเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมา ผมคิดว่าทีมยังประสานงานกันได้ไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของทีมที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นเยอะ จังหวะที่ทีมทำได้ดีส่วนใหญ่มาจากการประสานงานของผู้เล่นเดิมแทบทั้งนั้น อีกทั้งตัวใหม่ที่เข้ามาและมีแนวโน้มจะเล่นเป็นตัวจริงก็ดันไม่ใช่แค่คนสอง คนอีกต่างหาก ถ้าใช้เวลาปรับตัวนานเกินไปอาจทำให้ต้นฤดูกาลทีมทำแต้มหลุดมือรัวๆ เลยก็เป็นได้ เห็นกันมาหลายทีมแล้วนะครับที่ซื้อดีๆ (เทียบกับที่มีอยู่) 5-6 ตัวรวดแล้วทีมเป๋ไปครึ่งฤดูเนี่ย ยังไม่นับกรณีเลวร้ายที่สุดคือปรับตัวไม่ได้ อันนี้บรรลัยเลยครับ

_______ อันนี้ก็มองโลกแง่ดีกันไว้ครับ แม้จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นค่อนข้างเยอะ แต่แทคติคแทบไม่ได้เปลี่ยน ผู้จัดการทีมก็ไม่ได้เปลี่ยน น่าจะทำให้ปรับตัวประสานงานกันได้เร็ว ลืมย่อหน้าข้างบนไปซะ !

_______ Part 3 - ความคาดหวัง

_______ ที่อังกฤษเค้าจัดให้ลิเวอร์พูลเป็นเต็ง 5 ครับ ... เอ่อ ... ผมเห็นด้วย การเสียซัวเรสไปเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสมากครับ ประโยคนี้ไม่ใช่หมายความว่าทีมชุดนี้จะล่มสลายไปเพียงเพราะขาดผู้เล่นไปแค่ 1 คน แต่หมายความว่าสิ่งที่ซัวเรสทำให้กับทีมในฤดูกาลก่อนมันสุดยอดมากจริงๆ จนยังนึกไม่ออกว่าผู้เล่นที่มีอยู่และได้มาใหม่จะช่วยทดแทนสิ่งที่ซัวเรสทำ ไว้ให้ทีมได้ยังไง

_______ สำหรับพรีเมียร์ลีค ยกเรื่องศรัทธาพักไว้ก่อนนะครับ เอาแค่เหตุผลล้วนๆ ผมคิดว่าฤดูนี้ทีมก็ยังไปไม่ถึงแชมป์ละครับ สาเหตุมาจากเกมในมือที่มากขึ้น, การขาดซัวเรส, เวลาที่ต้องใช้ในการทำให้ผู้เล่นในทีมเล่นได้เข้าขากัน, ทีมอื่นระมัดระวังตัวมากขึ้นในการเจอกับลิเวอร์พูล (เจอรถบัส, เจอ 3-6-1 หลายรอบละครับฤดูนี้) ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่าเราจะสามารถยืดหยัดอยู่ใน Top4 ได้แบบ ไม่ต้องลุ้นเลือดตาแทบกระเด็นยันนัดสุดท้าย อันเนื่องมาจากการเสริมทีมได้ดี มีทั้งตัวผู้เล่นทดแทนและเพิ่มคุณภาพ 11 ตัวจริง - ดูดีกว่าทุกทีมที่ไม่ใช่ Top 4 ไม่นับผี+ไก่, ความนิ่งในเรื่องผู้จัดการและแทคติคการเล่น - ดีกว่าแทบจะทุกทีมในลีคเลยเรื่องนี้

_______ สำหรับบอลถ้วย เอาตรงๆ ผมไม่ค่อยลุ้นอะไรครับ เพราะร็อดเจอร์แกดูไม่ถนัดแนวนี้จริงๆ ฤดูนี้ขอแค่ทีมเล่นได้เขี้ยวขึ้นในเกมประเภทน็อคเอาท์ก็โอเคแล้วครับ ไม่ใช่ไปเดินหน้าลุยเยี่ยงจะเก็บสามแต้มแบบในลีค

_______ สำหรับบอลยุโรป ...ขออย่างเดียวเลยครับอย่าไปยูโรป้า!!! ถ้าผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้ก็ดีไป ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขออย่างเดียวอย่าได้เข้าที่ 3 ของกลุ่มแล้วไปยูโรป้า :P

_______ แล้วท่านหวังอะไร ไว้แค่ไหนกันบ้างครับ?

_______ ไว้เจอกันวันอาทิตย์นี้ในนัดเปิดฤดูกาลที่จะเจอกับทีมที่น่าสงสารที่สุดใน ช่วงซัมเมอร์นี้อย่างเซาท์แธมป์ตันครับ ... มันเหลือใครลงสนามมั่งวะเฮ้ย~

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.