วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
ลิเวอร์พูล 2-1 นิวคาสเซิล (พรีเมียร์ลีค)
...ปีหน้าว่ากันใหม่...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-4-2 ไดมอนด์
----------------ซัวเรส------------สเตอริดจ์-------------
------------------------สเตอลิ่ง-------------------------
--------อัลเลน---------เจอราร์ด------เฮนเดอร์สัน------
ฟลานาแกน---แอกเกอร์------สเคอเทล-------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------
_______ นัดสุดท้ายของฤดูกาล ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือนิวคาสเซิล นัดนี้เฮนเดอร์สันพ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวจริงได้คราวซวยเลยไปตกที่ลูคัสต้อง เปิดทางให้ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ยังใช้ชุดเดิมเหมือนที่ผ่านมา
-------------------------------------------------------
_______ ช่วงต้นเกมเป็น ลิเวอร์พูลที่ครองเกมได้หมด ไม่ได้เร่งเกมรุกมากนัก ค่อยๆ ต่อบอลกันขึ้นหน้า เน้นขึ้นเกมทางฝั่งขวา ครองบอลอยู่แทบจะฝ่ายเดียวแต่เจาะพื้นที่สุดท้ายไม่ได้ ส่วนนิวคาสเซิลลงไปรับต่ำ คุมพื้นที่ในแดนตัวเอง กว่าจะเริ่มครองบอลได้เป็นชิ้นเป็นอันบ้างก็ต้องผ่าน 10 นาทีแรกของเกมไปแล้ว แต่บอลก็ไปไม่ถึงเขตโทษเลย
_______ ลิเวอร์พูลดันแผงหลังลอยสูงขึ้นมาถึงครึ่งสนามซึ่งทำให้ครองบอลได้ต่อเนื่อง แต่ก็ทำให้มีพื้นที่ด้านหลังไว้เยอะ แถมมาพลาดเองก่อนอีกต่างหาก นาที 20 จากการทำเกมเร็วของนิวคาสเซิลที่พาบอลออกไปถึงเกือบสุดเส้น(ด้านจอห์นสัน) เปิดเรียดเข้ากลางมาบอลสูงระดับหัวเข่า สเคอเทลถึงบอลก่อนแต่สกัดผิดเหลี่ยมบอลพุ่งเข้าเสาสองให้ทีมเยือนขึ้นนำก่อน 1-0 แบบงงๆ
_______ พอเสียประตูแล้วนิวคาสเซิลที่มารับอยู่แล้วยิ่งรับต่ำหนักเข้าไปอีก อาศัยโต้ด้วยการวางบอลทะลุช่องเร็วเป็นหลัก ส่วนลิเวอร์พูลแนวรับเริ่มออกอาการ เปิดช่องให้คู่ต่อสู้วางบอลทะลุช่องง่ายๆ โดนโต้จนเกือบโดนเพิ่มแต่จังหวะสุดท้ายยังเอาตัวรอดกันมาได้ เวลาที่เหลืออยู่ ลิเวอร์พูลยังครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่แต่เจาะพื้นที่สุดท้ายไม่ได้ โดยเฉพาะการสนับสนุน/ทำเกมจากแถวสองครึ่งแรกแทบไม่มีให้เห็นเลย ทำให้จบครึ่งแรกยังตามหลังอยู่ 1-0
_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลปรับเกมพอสมควร เปลี่ยนซิสโซโก้แทนฟลานาแกน โยก เอาสเตอลิ่งไปเล่นริมขวาเต็มตัว สลับเอาเฮนเดอร์สันเข้ากลาง ดันแผงหลังสูงขึ้น(จากที่สูงอยู่แล้ว) และเร่งออกบอลไปข้างหน้าเร็วขึ้น แต่ผลลัพธ์ออกมารูปเกมยังคล้ายครึ่งแรกคือครองบอลได้ เจาะไม่ค่อยเข้า
_______ นาที 59 คูตินโย่ได้ลงมาแทนอัลเลน และทำให้เกมรุกทางขวาของลิเวอร์พูลดีขึ้น โดยเฉพาะการพาบอลไปเองของทั้งคูตินโย่และสเตอลิ่ง ในที่สุดก็ตีเสมอได้สำเร็จ นาที 63 สเตอลิ่งเรียกฟาล์วได้ใกล้ๆ มุมเขตโทษฝั่งขวา เจอราร์ดรับหน้าที่เปิดบอลลึกไปเสาสอง แอกเกอร์เหยียดขาหวดบอลเข้ามุมแคบไปได้สำเร็จ 1-1 และหลังจากนั้นแค่ 2 นาที เหตุการณ์แทบจะเหมือนเดิมเป๊ะ แต่คราวนี้เป็นคูตินโย่ที่เรียกฟาล์วได้ห่างจากจุดเดิมแค่ประมาณ 5 หลา เจอราร์ดเปิดไปเสาสองเหมือนเดิม คราวนี้เป็นสเตอริดจ์ที่เข้าถึงบอลชาร์จได้สำเร็จ ลิเวอร์พูลพลิกขึ้นนำ 2-1
_______ หลังได้ประตูแล้วช่วงที่นิวคาสเซิลกำลังเอาบอลมาเขี่ยเริ่มเกม อเมโอบี้ศูนย์หน้านิวคาสเซิลหันไปด่าผู้ตัดสินอีท่าไหนไม่รู้ โดนใบแดงไล่ออกสนามไปทำให้นิวคาสเซิลเหลือแค่ 10 คน เกมต่อจากนั้นลิเวอร์พูลก็เคาะครองบอลทันที ไม่เร่งเกมและไม่เสี่ยงจ่ายบอลขึ้นหน้าแล้ว แค่เล่นไปตามจังหวะ...เช่นดียวกับนิวคาสเซิล
_______ นาที 80 ลูคัสได้ลงแทนสเตอริดจ์ ถึงตรงนี้นิวคาสเซิลก็ไม่ได้ฮึดฮัดอะไรมากนัก ยังคงเล่น ไปเรื่อยๆ เช่นกัน ลิเวอร์พูลหาโอกาสได้ลุ้นบ้างจากการเปิดบอลเรียดเข้ากลางจากทางริมเส้นทั้ง สองฝั่ง แต่บอลมาไม่ค่อยถึงตัวจบสกอร์ ส่วนนิวคาสเซิลนานๆ ทีก็เอาบอลมาใกล้ๆ เขตโทษได้บ้าง แต่ไม่มีโอกาสจ่ายบอลเข้าทำ ดีสุดคือลุ้นเล็กๆ น้อยๆ จากลูกตั้งเตะ
_______ นาที 87 จากจังหวะโต้กลับเร็วของลิเวอร์พูล เฮนเดอร์สันจ่ายให้ซัวเรสพลิกบอลไปแล้วแต่โดนดัมเมตดักเข่าจนหมุนติ้ว 1 รอบก่อนลงไปกองกับพื้นหญ้า ซึ่งทำให้ดัมเมตโดนใบแดงไล่ออกไปอีกคน ทั้งๆ ที่พึ่งลงมาเล่นได้แค่ 5 นาที เวลาที่เหลืออยู่ก็ไม่มีอะไรเหลือให้พูดถึงแล้ว ลิเวอร์พูลปิดเกมไปได้สำเร็จ 2-1
-----------------------------------------
_______ นิวคาสเซิลไม่ค่อยได้สร้างปัญหาเท่าไหร่ครับ เป็นลิเวอร์พูลเองที่ทำได้ไม่ค่อยดีนัก
_______ 11 ตัวจริงของลิเวอร์พูลวันนี้ คูตินโย่ยังคงเป็นสำรอง ก็ไม่รู้ว่าไม่ฟิตหรืออย่างไรเพราะดูยังไงคูตินโย่น่าจะดีกว่าอัลเลนในเกมที่ต้องการเกมรุกแบบนี้ สำหรับวิธีการเล่น ครึ่งแรกดูจะขึ้นบอลกันช้าไป กว่าบอลจะไปถึงข้างหน้าได้นิวคาสเซิลไปกองกันเต็มเขตโทษแล้ว ปัญหาใหญ่ของครึ่งแรกน่าจะอยู่ที่กองกลางทำเกมรุกไม่ได้เลย ซ้ำร้ายยังสนับสนุนเกมรุกไม่ได้ด้วย ทำให้บางครั้งซัวเรสได้บอลพลิกไปได้แล้ว แต่เงยหน้าไปไม่มีใครให้เล่นด้วยสักคน...เจาะไม่เข้าสิครับ
_______ การปรับเกมในช่วงพักครึ่ง กรณีเปลี่ยนซิสโซโก้ลงมาแทนฟลานาแกนคงเป็นอาการบาดเจ็บเสียมากกว่า เพราะฟลานาแกนไม่ได้เล่นพลาดและซิสโซโก้ก็ไม่ได้ลงมาเล่นอะไรที่ต่างไปจาก ฟลานาแกน(หมายถึงวิธีการ ไม่ใช่ประสิทธิภาพ) แต่ที่น่าประทับใจจริงๆ คงอยู่ที่การสลับตำแหน่งเฮนเดอร์สันกับสเตอลิ่งที่ทำให้เกมรุกฝั่งขวากดดัน คู่ต่อสู้ได้มากขึ้น ยิ่งพอส่งคูตินโย่ลงมาอีกคนแล้วหันมาใช้การเลี้ยงจี้เข้าทำเต็มตัว ผ่านบอลน้อยลง ไปเองมากขึ้น กดดันแนวรับได้ดีขึ้น
_______ โดยรวมผมชอบการแก้เกมของร็อดเจอร์ในนัดนี้ครับ
_______ มีอะไรที่อยากเขียนถึงอีกมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับเกมในสนามนัดนี้แล้ว เพราะฉะนั้นจะขอยกยอดไว้เขียนอะไรประมาณว่า "เก่งหลังฤดูกาล" หรืออะไรทำนองนั้นจะดีกว่า
_______ ...ส่วนบทความหลังเกมของฤดูนี้คงต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่ฤดูกาลหน้า...ถ้าทำได้
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้
มินโยเล่ - ลูกที่เสียไปก็เกินความสามารถ นอกจากนั้นก็แทบไม่มีอะไรให้ทำเลยไม่ว่าจะเซฟหรือตัดบอล
จอห์นสัน - เกมรับมีให้เล่นไม่มากนัก คู่ต่อสู้ขึ้นอีกฝั่งมากกว่า วันนี้จอห์นสันเชื่อมเกมได้ธรรมดามาก เขาเคยทำดีกว่านี้ เกมรุกดับสนิท
แอกเกอร์ - ตั้งแต่เสียประตูแรกจนกระทั่งจบครึ่งแรก แอกเกอร์ทำได้ไม่ดีนักโดยเฉพาะการอ่านเกม แต่ช่วงต้นเกมรวมไปถึงครึ่งหลังเขาเล่นได้ดีโดยเฉพาะการดักตัดบอลก่อนถึงคู่ ต่อสู้
สเคอเทล - ทำเข้าประตูตัวเองอีกแล้ว จะว่าโชคร้ายก็ใช่แต่ไม่ได้วิ่งเบียดไปกับใครและบอลไม่ได้สุดเหยียดน่าจะทำ ได้ดีกว่านี้ ซึ่งหลังจากนั้นทำใหสเคอเทลขวัญเสียพอสมควร โดนบอลทะลุช่องง่ายๆ เล่นงานอีกสองสามครั้ง แต่เข้าครึ่งหลังก็ดูจะได้สติมากขึ้น
ฟลานาแกน - เกมรับพอใช้ได้ ไม่ถึงกับอัดกลิ้งตัดบอลกลับมาได้แต่ปิดพื้นที่ได้ ส่วนเกมรุกบอลไปไม่ค่อยถึงไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกมนักไม่ว่าจะแค่เชื่อมเกมหรือรุกในพื้นที่สุดท้าย
เจอราร์ด - เกมรับไม่ค่อยมีให้เล่น ตั้งเกมได้ตามเนื้อผ้า บอลยาววันนี้มีพื้นที่ให้วางน้อยมาก ทำได้พอใช้ คือบอลไม่ถึงกับเป๊ะตรงเพื่อนแต่กดดันแนวรับได้ ช่วงต้นครึ่งหลังที่ดันขึ้นมาจะช่วยเกมรุกในบางจังหวะ ทำอะไรไม่ได้เลย แต่มีทีเด็ดในการเปิดฟรีคิกที่ทำได้ถึงสองแอสซิส
อัลเลน - ในเกมรับอ่านเกมดี วิ่งไปถึงบอลตลอดแต่ดันหยุดคู่ต่อสู้ไม่ค่อยได้ เชื่อมเกมไม่ดีเท่าไหร่บอลมันไม่ไปข้างหน้า เล่นบอลจังหวะเดียวก็ไม่ค่อยเข้าใจกันกับเพื่อน ที่ไม่ดีเลยคือจังหวะการวิ่งเติมเข้าไปในเขตโทษหรือวิ่งไปรองบอลแถวสองจากอง หน้าที่เคยทำได้บ้าง วันนี้อัลเลนทำไม่ได้เลย
เฮนเดอร์สัน - เกมรับไม่ค่อยมีให้เล่นนัก(บอลไปขึ้นอีกฝั่งมากกว่า) ก็ไล่ๆ ตามพื้นที่ที่ดูแลได้ดี การเชื่อมเกมไม่ต่างจากอัลเลนนัก ดีกว่านิดหน่อยตรงที่แตะบอลจังหวะแรกหรือพลิกบอลไปเองได้ดีกว่าอัลเลน มีบอลเกมรุกบ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่กดดันคู่ต่อสู้นัก
สเตอลิ่ง - ครึ่งแรกแทบหายไปจากเกม มีส่วนร่วมน้อยมากและทำเกมไม่ได้ ครึ่งหลังพอย้ายไปเล่นริมเส้น รวมไปถึง(น่าจะถูกสั่ง)ให้เลี้ยงบอลจี้มากขึ้นแล้วทำได้ดีกว่าเดิม กดดันคู่ต่อสู้ได้
สเตอริดจ์ - แทบไม่มีพื้นที่ให้เล่นเมื่อเจอแผงหลังถึง 5 คน หาพื้นที่ว่างไม่ค่อยได้ ทำให้สเตอริดจ์สร้างโอกาสให้กับทีมและตัวเองแทบไม่ได้เลย ดีว่ามาทำประตูสำคัญได้ในลูกตั้งเตะ
ซัวเรส - ยังคงเป็นตัวความหวังของทีม จังหวะจบสกอร์แทบหาไม่ได้แต่ยังช่วยทำเกมได้ ในพื้นที่แคบๆ พลิกบอลเล่นได้บ้าง เลี้ยงจี้กดดันคู่ต่อสู้ได้
ตัวสำรอง
ซิสโซโก้ - เกมรับแย่กว่าฟลานาแกนอีก โดยเฉพาะจังหวะประกบที่ปล่อยให้คู่ต่อสู้เล่นง่ายเหลือเกิน ไม่ค่อยเบียดสักเท่าไหร่ เกมรุกก็ไม่ได้มีอะไรให้เห็น
คูตินโย่ - ออกบอลเกมรุกแทบไม่ได้ หาพื้นที่วางบอลไม่เจอ ครองบอลไว้กับตัวได้ดี โดยรวมกดดันคู่ต่อสู้ได้ดีกว่าอัลเลน...แต่ไม่มากนัก
ลูคัส - ลงมาในช่วงที่ทีมต้องการปิดเกม ก็เล่นได้ตามนั้น
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุย ซัวเรส... แทบจะเป็นคนเดียวในทีมที่เล่นในจังหวะโอเพ่นเพลย์ที่มีพื้นที่น้อยๆ แบบนี้แล้วสร้างเกมรุกให้กับทีมได้
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
คริสตัล พาเลซ 3-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)
...แดกจุดแป๊บนะ...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 5-4-2 ไดมอนด์
----------------ซัวเรส------------สเตอริดจ์-------------
------------------------สเตอลิ่ง-------------------------
--------อัลเลน---------เจอราร์ด--------ลูคัส-----------
ฟลานาแกน---ซาโก้----ชามัค---สเคอเทล----จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------
_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนพาเลซที่ฟอร์มกำลังแรงแต่ก็ตัวเบาไปเรียบร้อยเพราะไม่ ต้องลุ้นอะไรแล้ว นัดนี้สเตอริดจ์ได้กลับมาเป็นตัวจริงแต่คูตินโย่เริ่มต้นจากม้านั่งสำรอง แดนกลางเลยตกเป็นหน้าที่ของอัลเลนและลูคัส...ครับ แผงหลังได้ชามัคมาเสริมอีกคนหนึ่งทำให้เริ่มเกมแบบได้เปรียบตัวผู้เล่นถึง 2 คนเลยทีเดียว
-------------------------------------------------------
_______ เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลก็ดันสูงครึ่งสนามพยายามเร่งเกมให้เร็ว เปิดเกมรุกเต็มที่ ส่วนพาเลซถ้าตัดบอลได้จะทำเร็วทันที แต่ถ้าตัดไม่ได้ก็วิ่งถอยหลังลงไปรับกันหน้า-ในเขตโทษ ช่วงต้นๆ พาเลซยังตัดบอลกลางสนามได้อยู่บ้างทำให้เกมเร็ว แต่ยิ่งเล่นพาเลซก็ยิ่งตัดบอลกลางสนามได้น้อยลง ถอยลงไปมากขึ้นๆ ส่วนลิเวอร์พูลที่ได้ครองบอลมากขึ้นวันนี้ทำได้ดีกับการหาช่องเข้าทำ แม้จะโดนอุดแน่นก็ยังพอจะหาช่องได้บ้างเล็กน้อย
_______ ร่วม 15 นาทีของเกมผ่านไป ผู้เล่น 21 คนในสนาม (คือทุกคนยกเว้นมินโยเล่) แทบจะยืนกันอยู่ในแดนพาเลซหมดแล้ว พาเลซอุดชนิดที่เรียกว่าฉาบอิฐก่อปูนปิดประตูได้ก็คงทำไปแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลมาแปลกด้วยการยังคงหาช่องได้เรื่อยๆ แม้จะทำเกมได้ช้าลงกว่าช่วงต้นเกมก็ตาม ซึ่งในที่สุดแม้เกมเปิดจะทำไม่ได้ก็มาทำสำเร็จจากลูกเตะมุม นาที 18 เจอราร์ดเปิดลึกไปเสาสอง อัลเลนวิ่งสลัดตัวประกบได้ไปยืนโหม่งโล่งๆ คนเดียวเข้าไป 1-0
_______ พอเสียประตูแล้วพาเลซก็ไล่บอลแดนกลางมากขึ้น...เกือบถึงวงกลมกลางสนามเชียว นะ เกมโดยรวมเป็นลิเวอร์พูลที่คุมเอาไว้ได้หมด ครองบอลมากกว่า โอกาสลุ้นประตูไม่ถึงกับได้ลุ้นจะแจ้งนักแต่ก็มีโอกาสบ้างนิดหน่อยเป็นระยะ เกมเล่นกันไปในทรงนี้อยู่พักใหญ่ๆ พอเข้าครึ่งชั่วโมงของเกมไปแล้วพาเลซเริ่มหันมาตั้งเกมรุกมากขึ้นและยิงไกล ได้ลุ้นมากขึ้น ในขณะที่ลิเวอร์พูลเกมรุกเริ่มเพลาลงไปแล้วแต่ยังคุมเกมได้ ก่อนจะจบครึ่งแรกที่ 1-0
_______ เข้าครึ่งหลัง พาเลซลงมาทำเกมรุกต่อเนื่องจากท้ายครึ่ง เน้นการเลี้ยงจี้เข้าทำมากขึ้นและได้ผลพอสมควร หันมาไล่สูงจังหวะลิเวอร์พูลตั้งบอลมากขึ้นแล้ว ไม่ได้ไล่ตลอด แต่ก็ถือว่าเยอะกว่าครึ่งแรกที่ไม่วิ่งเข้าไปกวนใจเลย ส่วนลิเวอร์พูลยังเล่นในจังหวะคล้ายเดิม ไม่ชัวร์ไม่จ่าย ไม่เร่งเกมเท่าไหร่ คอยหาจังหวะฉาบฉวยเล่นงานเอา ซึ่งก็ได้ผลซะด้วย
_______ นาที 53 เจอราร์ดวางยาวให้สเตอริดจ์ ก่อนที่สเตอริดจ์ที่เอาลงบอลได้ดีจะกระชากเข้ากลางหาที่ว่างแล้วยิงหักข้อ บอลแฉบลกองหลังแต่ก็ยังเข้าประตูไปได้ ลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0 เท่านั้นยังไม่พอ แค่ 2 นาทีถัดมา ซัวเรสรับบอลแถวกลางสนาม พลิกบอลแล้วโดนปั้มแต่บอลยังเข้าทางให้พาขึ้นไปถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะทำชิ่งกับสเตอลิ่งจนตัวเองได้หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษไม่พลาด 3-0
_______ เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากเสียประตูที่สองเป็นต้นมา แนวรับของพาเลซเริ่มออกอาการเสียสมาธิและเปิดพื้นที่ให้เล่นค่อนข้างมาก นอกจากจะทำให้เสียลูกที่สามอย่างที่ว่าไปแล้ว ยังทำให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ลูกที่สี่อีกหลายครั้งแต่ทำไม่สำเร็จ ส่วนเกมรุกของพาเลซเองก็ไม่ปะติดปะต่อ บุกขึ้นไปได้บ้างก็จริงแต่ไม่ค่อยต่อเนื่อง ทุกอย่างดูเข้าทางลิเวอร์พูลหมดแล้ว
_______ นาที 78 คูตินโย่ได้ลงแทนสเตอลิ่ง จากนั้นไม่นานเกมที่ไม่น่าจะมีอะไรก็มีอะไรขึ้นมาจนได้ นาที 79 จากลูกฟรีคิกของพาเลซ ผู้เล่นลิเวอร์พูลดูเสียสมาธิและปล่อยให้คู่ต่อสู้เล่นง่ายเกินไป เดอลานี่ได้ตั้งป้อมยิงไกลแถวหน้าเขตโทษโดยผู้เล่นลิเวอร์พูลเข้าไปบังทาง ช้า บอลแฉลบจอห์นสันเข้าประตูไปให้พาเลซไล่มาห่างๆ 3-1 เท่านั้นยังไม่พอ 2 นาทีถัดมาลิเวอร์พูลยังมาโดนอีกลูกจากจังหวะได้ลูกเตะมุมแต่โดนพาเลซโต้เร็ว กลับมาแล้วลงมารับไม่ทัน จังหวะสุดท้ายเป็นเกลที่ได้สับไกยิงในเขตโทษไม่พลาดไล่มาเป็น 3-2
_______ ถึงตรงนี้ผู้เล่นลิเวอร์พูลออกอาการเครียดและกดดันอย่างเห็นได้ชัด เล่นพลาดต่อเนื่องและหยุดเกมของพาเลซแทบไม่ได้แล้ว นาที 86 โมเสสได้ลงมาแทนสเตอริดจ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกมเปลี่ยน ซ้ำร้ายแนวรับยังมาพลาดอีกครั้งในนาที 88 จากบอลโด่งที่เปิดเข้ามาหน้าเขตโทษ มีตัวพาเลซวิ่งเข้ามากระโดดพักบอลข้ามตัวสเคอเทลเข้าไปให้เกลได้บอลหลุดเข้า ไปเดี่ยวๆ ในเขตโทษซึ่งเจ้าตัวก็ไม่พลาด ยิงเข้าไปได้ พาให้พาเลซตีเสมอได้สำเร็จ 3-3 จากที่ตามอยู่ 3-0 อย่างเหลือเชื่อ
_______ เวลาที่เหลืออยู่ลิเวอร์พูลพยายามจะเร่งเกมรุกมากขึ้นและมีโอกาสดีที่สุดจาก ลูกเตะมุมที่แนวรับสกัดไม่ขาด แต่โมเสสเข้าไม่ถึงบอล ชวดได้ประตูชัยอย่างน่าเสียดาย และจบเกมที่สกอร์ 3-3
-----------------------------------------
_______ ตอนนาที 55 ใครคิดว่าเกมนี้ลิเวอร์พูลจะไม่ชนะนี่ไม่เพี้ยนน้อยก็เพี้ยนมากละครับ
_______ 11 ตัวจริงของลิเวอร์พูลวันนี้ถ้าจะมีอะไรแปลกไปหน่อยก็คงเป็นคูตินโย่ที่เป็น ตัวสำรอง ซึ่งก็คงจะมีปัญหาความฟิตละมั้ง เพราะถ้าฟิตเต็มร้อยก็ยังมองไม่เห็นว่าทำไมถึงไม่ได้เป็นตัวจริงแทนลูคัส หรืออัลเลนคนใดคนหนึ่ง ในเกมที่ไม่ต้องเล่นเกมรับมากมายอะไรนักแบบนี้ แทคติคเริ่มเกมก็คงเลือกอะไรไม่ได้มากไปกว่าที่เล่นอยู่ เพราะพาเลซก็ถอยไปรับกันต่ำ ดังนั้นทั้งสองอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่สร้างปัญหาครับ (มองว่าคูตินโย่ไม่ฟิตไว้ก่อนนะ)
_______ นอกจากจะไม่สร้างปัญหาแล้ว จะว่าไปวันนี้เป็นวันที่ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีกว่าอีกหลายนัดที่เจอคู่ต่อสู้ มาอุดแบบนี้ด้วยซ้ำ ตลอด 55 นาทีแรกของเกม มีช่วงที่ได้ลุ้นมาได้ลุ้นน้อยแต่ที่เหมือนกันอยู่ตลอดคือลิเวอร์พูล เจาะแนวรับได้ ครับ ทั้งจากลูกฉาบฉวยก็ดี บอลชิ่งก็ดี บอลเลี้ยงจี้ก็ดี เจาะได้เรื่อยๆ ไม่เหมือนบางนัดที่เจออุดแบบนี้แล้วหาโอกาสแทบไม่ได้เลย และนอกจากจะเจาะได้แล้ว ลิเวอร์พูลยังจบสกอร์ได้ดีด้วยเมื่อทำได้มาถึง 3 ลูก
_______ แต่ปัญหาของลิเวอร์พูลในเกมนี้คือการมีสมาธิกับเกมและการผ่อนเกมมากเกินไป ช่วง 10 นาทีท้ายของครึ่งแรกพาเลซก็เตือนแล้วว่าพวกเขายิงไกลได้เป็นสัปปะรดนะ เมื่อมินโยเล่ต้องออกแรงอยู่ถึงสองครั้ง แต่พอนำห่าง 3 ลูกผู้เล่นลิเวอร์พูลก็ยังไปผ่อนเกมและเสียสมาธิอีกจนได้ ลูกแรกก็ยืนดูจนบอลมันไปถึงหน้าเขตโทษ ลูกที่สองก็ทะเล่อทะล่าดันกันขึึ้นไปเล่นลูกเตะมุมกันหมดแล้วลงไม่ทัน ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากสภาพความฟิตที่หลายคนดูมีปัญหา ซึ่งก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไรนักเพราะเล่นกันมาตลอดทั้งฤดูแบบแทบไม่ได้พักกัน นึกภาพว่าขนาดซัวเรสยังมีจังหวะที่ลงไปนั่งหอบบนป้ายโฆษณาอยู่พักใหญ่กว่าจะ ลุกขึ้นน่ะ
_______ นอกจากนั้นความกดดันยังมาช่วยทำให้อะไรมันแย่ลงไปอีก หลังจากเสียลูกที่สองไปแล้ว ผู้เล่นลิเวอร์พูลทุกคน ย้ำว่าทุกคน เล่นหลุดกันไปหมด ช่วงเวลาจาก 81-88 เป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้ที่ว่าไม่ได้หมายถึงเกมรุกอย่างเดียว แต่หมายถึงเกมรับด้วย สุดท้ายก็เอาตัวรอดจากความกดดันไม่ได้
_______ เรื่องการเปลี่ยนตัว การเปลี่ยนคูตินโย่ลงไม่ได้น่าแปลกใจนัก เอาแค่เปลี่ยนความสดลงมาก็เป็นเหตุผลที่ดีพอแล้วแต่ประเด็นคือเลือกเปลี่ยน สเตอลิ่งออกแทนที่จะเป็นลูคัสหรืออัลเลนคนใดคนหนึ่งที่ช่วยทีมได้ไม่มากนัก ทั้งคู่ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนครั้งนี้อาจเป็นเพราะนำ 3 ลูกแล้วเลยเปลี่ยนแบบนี้ก็เป็นได้ ก็ยังเข้าใจได้ แต่การเปลี่ยนโมเสสลงมาแทนสเตอริดจ์ในนาที 86 นี่....แดกจุดครับ
_______ มองทางฝั่งพาเลซ ผมคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดในนัดนี้คือการเปลี่ยนตัวแถมอย่างชามัค ออก เอาจริงๆ นัดนี้ชามัคก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก (แค่เลวร้ายระดับธรรมดา) แต่ทีเด็ดทีขาด โดยเฉพาะการจ่ายบอลให้เพื่อนในจังหวะที่ต้องคิดเร็วทำเร็ว ชามัคทำพลาดเสียโอกาสไปหลายครั้ง พอถูกเปลี่ยนออกปุ๊ป การเชื่อมเกมในแดนหน้าของพาเลซมันไม่สะดุด ทำให้พวกเขาเล่นในพื้นที่สุดท้ายได้ดูดีขึ้นมาทีเดียว...ดีไปหน่อยด้วย ล่อซะ 3 ลูก
_______ ...จบเกมนี้ ซัวเรสเอาเสื้อปิดหน้าแล้วร้องไห้ครับ ... นั่นคงช่วยอธิบายความรู้สึกของใครหลายคนได้ดีเลยล่ะ...
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันได้ดีมาก ...อยู่ 55 นาที
มินโยเล่ - เซฟลูกยิง ไกลได้ดีสองครั้งในช่วงท้ายครึ่งแรก ครึ่งหลังก็ยังเซฟลูกที่ไม่ยากนักได้หมด ออกมาตัดบอลโด่งได้ดีถึงบอลตลอด 3 ลูกที่เสียไปคงทำอะไรดีกว่านั้นไม่ได้แล้ว
จอห์นสัน - ครึ่งแรกแทบไม่ได้เล่นเกมรับสักเท่าไหร่ เชื่อมเกมได้สบายเพราะคู่ต่อสู้ก็ไม่ได้กดดัน แต่พอเข้าครึ่งหลัง โดยเฉพาะหลังจากโดนลูกแรกไปแล้ว จอห์นสันนี่กัปตันเรือชัดๆ โดนเผาไหม้เกรียม หยุดคู่ต่อสู้ไม่ได้เลยโดยกระชากไปเปิดได้ตลอด หลายครั้งก็ยืนขาตายให้เขาพาบอลไปได้ง่ายๆ มีส่วนกับทั้ง 3 ประตูที่ทีมเสียไปเลยทีเดียว
ซาโก้ - ครึ่งแรกงานไม่เยอะไม่มีปัญหา ผ่านบอลได้ค่อนข้างดีแม้จะหนักไปทางขวางสนามบ่อยไปหน่อย ไม่ค่อยจะให้ขึ้นหน้า ครึ่งหลังงานเยอะขึ้นแต่ก็เล่นพอใช้ได้ โดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่เบียดชนะได้เป็นส่วนใหญ่
สเคอเทล - เล่นได้ดีอยู่ราว 1 ชั่วโมง พอโดนใบเหลืองในนาที 63 ฝันร้ายก็มาเยือนทั้งเจ้าตัวทั้งทีมเลยทีเดียว เข้าบอลได้ไม่ถนัดและหลายครั้งเห็นชัดว่าชะงักเพราะกลัวจะโดนใบเหลืองใบที่ สอง พอไปรวมเข้ากับจอห์นสันที่หลุดกระจายเข้าให้อีกยิ่งทำให้สเคอเทลต้อง เข้าไปซ้อนให้อยู่ตลอด เล่นยากนักเข้าไปอีก เริ่มพลาดให้เห็นเป็นระยะ หนักข้อสุดคงหนีไม่พ้นลูกที่สามที่เจ้าตัวประกบคู่ต่อสู้ห่างไป(ถ้าคิดจะ ประกบ) ไม่ก็วิ่งถลำไปจนเปิดพื้นที่ด้านหลัง(ถ้าคิดจะคุมพื้นที่)
ฟลานาแกน - เกมรับพอใช้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพาเลซไปเน้นขึ้นอีกฝั่งมากกว่าด้วย ช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายหยุดคู่ต่อสู้ไม่ค่อยได้เหมือนกันแต่อาการยังไม่โคม่า เท่าจอห์นสัน
เจอราร์ด - ไม่ค่อยโดนไล่สักเท่าไหร่และมีโอกาสได้วางบอลยาวไปข้างหน้าได้สวยๆ หลายครั้ง เชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้ดี แต่นัดนี้เกมรับของเจอราร์ดดูไม่ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะการคุมพื้นที่หน้าเขตโทษ หลวมมากๆ
ลูคัส - เล่นได้สูสีกับชามัคเลยครับ
อัลเลน - ช่วง 30 นาทีแรกของเกมมีส่วนร่วมกับเกมรุกพอสมควร ทำประตูได้ด้วย ออกบอลเกมรุกได้บ้าง แต่หลังจากนั้นก็เล่นได้สูสีกับลูคัสเลยครับ
สเตอลิ่ง - เป็นตัวหลักในการเปลี่ยนรับเป็นรุก หาพื้นที่รับบอลดี เก็บบอลได้ แต่ออกบอลต่อไปไม่ถึงกับดีเท่าไหร่นัก หนักไปทางต้องจ่ายบอลกลับไปให้กองกลางมากกว่าจะจ่ายบอลทำเกมรุกขึ้นไปข้าง หน้า ถ้าไม่มีจังหวะทำชิ่งให้ซัวเรสได้ยิงลูกที่สามนี่แทบจะลืมสเตอลิ่งไปเลย
สเตอริดจ์ - หาพื้นที่และวิ่งทำทางได้ดี เก็บบอลได้ครองบอลเหนียวแน่น จังหวะสุดท้ายทำได้ดีกว่าอีกหลายๆ นัดเลยทีเดียว มีเล่นฝืนบ้างแต่ไม่เยอะเท่าไหร่
ซัวเรส - เป็นตัวทำเกมหลักของทีม โดยเฉพาะการเลี้ยงจี้, ให้แล้วไป ที่ทำให้คู่ต่อสู้ต้องเข้ามารุมกันครั้งละหลายๆ คน แต่ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายเล่นเหมือนหมดแรงวิ่งแล้ว กระชากไม่ออก สปีดไม่ค่อยขึ้น
ตัวสำรอง
คูตินโย่ - เกือบลืมว่าได้ลงมา
โมเสส - ถามกันแบบจริงๆ ซีเรียสๆ เลยนะ ...ลงมาทำไม
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุย ซัวเรส...
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)