วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557
ลิเวอร์พูล 0-2 เชลซี (พรีเมียร์ลีค)
...งานงอกละครับที่นี้...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1 (หรืออะไรทำนองนั้น)
-------------------------ซัวเรส-------------------------
------คูตินโย่-----------สเตอลิ่ง--------ลูคัส-----------
-----------------เจอราร์ด--------อัลเลน----------------
ฟลานาแกน------ซาโก้-------สเคอเทล-------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------
_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือเชลซีที่สภาพทีมไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก ร็อดเจอร์ยังใช้ทีมชุดเดิมจากนัดก่อน แต่ให้สเตอลิ่งขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งขวามากขึ้น
-------------------------------------------------------
_______ เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลพยายามจะเร่งเกมให้เร็ว เน้นขึ้นเกมริมเส้นเป็นหลักโดยเฉพาะฝั่งขวาไม่ค่อยขึ้นบอลตรงกลาง พยายามจะเปิดเกมรุกเข้าใส่ แบ็คทั้งสองข้างเติมตลอด ส่วนเชลซีเกมรุกจะเน้นขึ้นทางฝั่งฟลานาแกน แต่หลักๆ แล้วที่เชลซีทำคือดึงเกมให้ช้าไว้และตั้งรับแน่นในแดนตัวเองมากกว่า
_______ 10 นาทีผ่านไป ลิเวอร์พูลครองบอลได้ ตั้งเกมได้แต่จ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายลำบาก ส่วนเชลซียิ่งเล่นก็ยิ่งถอยไปรับลึกขึ้น โต้ได้น้อยลง บอลยาวที่วางมาให้บาพักบอลเล่นก็ไม่ค่อยได้ผล บาโดนซาโก้ประกบติดจนเก็บบอลไม่ค่อยได้ นานๆ ถึงจะพาบอลมาถึงเขตโทษสักทีแต่ดูเหมือนเชลซีก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ยังเล่นเหมือนตัวเองขึ้นนำแล้วต่อไปเรื่อยๆ
_______ ตลอดเวลาที่เหลือของครึ่งแรก เกมก็เล่นกันไปแบบตะกุกตะกักแบบนั้น เชลซีได้ลุ้นบ้างนิดๆ หน่อยๆ ส่วนลิเวอร์พูลได้บอลแต่ไม่ค่อยได้ลุ้น หาช่องเจาะกันแทบไม่ได้ เกมครึ่งแรกทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอแล้วแต่ทดเจ็บนาทีที่ 3 จังหวะที่ลิเวอร์พูลจะตั้งเกม ซาโก้จ่ายบอลสั้นให้เจอราร์ดแถวๆ กลางสนาม บอลไม่ได้แรงแต่เจอราร์ดจับบอลลั่นแถมลื่นล้มอีกจนทำให้บาที่อยู่ใกล้ๆ สปีดไปเอาบอลได้ ก่อนจะพาบอลขึ้นหน้าไปดวลเดี่ยวกับมินโยเล่ ยิงเข้าไปได้ไม่พลาด 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาเล่นด้วยอาการร้อนรนกว่าเดิม ในขณะที่เชลซีที่ครึ่งแรกก็แทบไม่ได้ตั้งเกมรุกอยู่แล้วยิ่งถอยลงไปรับต่ำ หนักเข้าไปอีก หันมาวางบอลโต้ยาวเต็มตัว ไม่ตั้งเกมอีกแล้ว ทำให้รูปเกมออกมาคล้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูลพยายามอยู่พักใหญ่ๆ แล้วไม่สำเร็จก็เลยส่งสเตอริดจ์ลงมาในนาที 58 แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่
_______ ยิ่งเล่นหลังลิเวอร์พูลยิ่งดันสูงขึ้นๆ ทำให้เก็บบอลสองเล่นได้ต่อเนื่อง แต่จังหวะสุดท้ายถ้าจ่ายบอลเข้าไปในเขตโทษก็จะ โดนสกัดออก ถ้ายิงไกลก็หนักไปทางกดดันตัวเองมากกว่ากดดันคู่ต่อสู้ กลับเป็นเชลซีที่เริ่มโต้ยาวได้ลุ้นมากขึ้น(ในแง่คุณภาพไม่ใช่จำนวน) พอเวลาล่วงเลยไปเกินนาที 70 ผู้เล่นลิเวอร์พูลก็เข้าไปยืนกันอยู่ในแดนเชลซีกันทั้งทีมแล้ว
_______ ช่วงประมาณ 10 นาทีท้าย เชลซีปรับมาเล่นหลัง 5 ยิ่งเจาะยากหนักเข้าไปอีก นาที 81 อัสปาสลงมาแทนฟลานาแกนแต่ผลลัพธ์ยังไม่ต่าง ลิเวอร์พูลพยายามสุดชีวิตแต่ไม่มีอะไรเปลี่ยน ยิงไกลก็ติด จ่ายเข้าไปก็โดนตัด ซ้ำร้ายในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 4 วิลเลี่ยนเข้าไปปั้มบอลกับสเตอริดจ์แล้วเอาบอลไปได้ ไหลให้ตอเรสก่อนที่ทั้งคู่จะพากันวิ่งหลุดกันไปโดดๆ ถึงเขตโทษก่อนที่ตอเรสจะส่งมาให้วิลเลี่ยนยิงเข้าไปง่ายๆ ตอกฝาโลงสนิทแน่น 2-0 ปิดเกมไปได้ในที่สุด
-----------------------------------------
_______ เชลซีมาอุด รอลิเวอร์พูลพลาดเองแล้วก็ทำได้ตามนั้นครับ 2-0
_______ 11 ตัวจริงของลิเวอร์พูลยังใช้ชุดเดิมและดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดเมื่อ เกมเริ่มต้นขึ้น แม้เกมจะไม่ได้ดุดันทะลุทะลวงอะไรแต่เมื่่อมองจากมุมว่าเชลซีตั้งใจมารับต่ำ ในเกมนี้ ต่อให้เป็น 11 ตัวจริงแบบที่มีสเตอริดจ์ฟิตสมบูรณ์และเฮนเดอร์สันลงเล่นได้ โอกาสได้ลุ้นยิงก็ไม่น่าจะมากไปกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่ ดังนั้น ปัญหาของนัดนี้ผมไม่คิดว่ามาจากเกมรุกมันทื่อไป แต่มันน่าจะมาจากการเปิดเกมรุกมากเกินไปมากกว่า
_______ การเปิดเกมรุกเต็มตัวในครึ่งแรกเพื่อให้ขึ้นนำก่อนแล้วค่อยมาตั้งรับ,ครอง บอลในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเคยใช้ได้ผลมาหลายนัดแล้ว แต่นัดนี้พอมาเจอกับลูกเขี้ยวของมูรินโย่เข้าไปก็เลยพลาด เชลซีเล่นครึ่งแรกอย่างกับตัวเองนำอยู่ ดึงช้าทุกจังหวะ ได้บอลข้างหน้าพวกลากเข้ามุมธงมันซะงั้น แต่นั่นก็ทำให้ลิเวอร์พูลที่อยากจะเล่นให้เร็วเลยทำไม่ค่อยได้
_______ ตลอดช่วงครึ่งแรก ลิเวอร์พูลตั้งเกมรุกตลอดเวลาและดันกันขึ้นไปสูงมากครับ คู่เซนเตอร์ยืนอยู่เกือบจะครึ่งสนาม แบ็คสองฝั่งลอยสูงห้อยอยู่ในแดนเชลซีตลอด ซึ่งจังหวะที่เสียประตูแรกนั้น แน่นอนว่าเจอราร์ดพลาดเต็มๆ ล่ะ แต่การที่ดันแผงหลังขึ้นไปสูง พอพลาดแล้วเลยไม่มีใครจะวิ่งมาช่วยซ้อนได้ทัน ลองนึกภาพว่าแผงหลังยืนต่ำกว่านี้สักหน่อย ต่อให้พลาดจังหวะนั้น บาก็ไม่ได้หลุดเข้าไปยิงง่ายๆ ขนาดนั้นละครับ พอสกอร์ขยับแล้วเข้าครึ่งหลังก็ไม่มีอะไรต้องพูดถึงแล้ว
_______ นัดนี้ถ้าร็อดเจอร์ใจเย็นกว่านี้สักนิด เอาชัวร์กว่านี้อีกหน่อย ไม่ต้องถึงขั้นลงไปอุดแต่เอาแค่แบ็คไปต้องไปห้อยสูงในแดนฝั่งตรงข้าม ปล่อยตัวรุกมันทำกันไป ต่อให้เจาะไม่ได้เลยแต่การตั้งเกมและเกมรับจะแน่นกว่านี้อีกมาก ดูเฉพาะแทคติคอย่างเดียวเพียวๆ มูรินโย่ชนะร็อดเจอร์ครับนัดนี้
_______ จะว่าไปนัดนี้กรรมการก็เป่าเป็นประโยชน์กับลิเวอร์พูลอยู่หลายจังหวะนะครับ ทั้งลูกฟาล์วที่ไม่ค่อยจะเป่าให้เชลซีเท่าไหร่ ฟลานาแกนที่น่าจะโดนเป่าแฮนด์บอลก็ไม่โดน ทดเวลาเจ็บก็ค่อนข้างเยอะในครึ่งแรก ฯลฯ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รอดครับ
_______...ถึงตอนนี้ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจกันแล้วล่ะ...
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้
มินโยเล่ - เซฟลูกอันตรายได้ดี แต่กับสองลูกที่เสียไปล่อเป้าทั้งนั้นคงโทษอะไรไม่ได้ เปิดบอลยาวเสียหมดแต่บอลสั้นกับพื้นและการออกมาเล่นไกลเส้นประตูวันนี้ทำได้ ดี
จอห์นสัน - เติมขึ้นไปช่วยเกมรุกมาก ถ้าดูเฉพาะเชื่อมเกมก็ช่วยเชื่อมได้ดี แต่กับเกมรุกจริงๆ แล้วจอห์นสันทำเสียเยอะมาก หลายครั้งที่เลี้ยงเข้าไปให้เค้าตัดดื้อๆ ส่วนเกมรับแทบไม่ได้เล่น...เพราะลอยสูงตลอด
ซาโก้ - ครึ่งแรกทำได้ดีมากกับการประกบบา แซะได้ตลอดและลูกกลางอากาศก็เอาชนะได้หลายครั้ง แต่พอเข้าครึ่งหลังเริ่มมีปัญหากับบามากขึ้น ไม่ได้โดนเผา ไม่ถึงกับสร้างปัญหาแต่ก็ไม่เหนียวแน่นเก็บกินเรียบเหมือนในครึ่งแรกแล้ว
สเคอเทล - วันนี้ไม่ค่อยโดนกดดันสักเท่าไหร่เพราะบอลเชลซีไปเน้นขึ้นทางฝั่งฟลานา แกน+ซาโก้เป็นหลัก วันนี้สเคอเทลวิ่งเข้าไปปิดพื้นที่แถวมุมธงแทนจอห์นสันได้เร็วและไม่พรวด พราด
ฟลานาแกน - เกมรับครึ่งแรกทำได้ค่อนข้างดีแม้จะโดนเน้นเจาะอยู่ตลอด เกมรุกเติมขึ้นไปมากแต่ไม่ค่อยได้บอล จังหวะที่ได้บอลก็ทำอะไรไม่ได้
เจอราร์ด - ครึ่งแรกออกบอลทะลุทะลวงอะไรไม่ค่อยได้เพราะข้างหน้าไม่มีพื้นที่ให้วางบอล แต่กับการตั้งเกมเขาก็ทำได้ดี มาพลาดหนักก็จังหวะที่ทำให้ทีมเสียประตู ครึ่งหลังเติมขึ้นไปช่วยเกมรุกมากขึ้น ทำได้ค่อนข้างดีถ้าดูจากการหาจังหวะยิงไกลที่ทำได้เยอะ ยิงเข้ากรอบบ่อยและกดดันกว่าคูตินโย่+อัลเลน แต่ก็ไม่ดีพอที่จะทำให้ทีมได้ประตู
ลูคัส - เชลซีไม่ได้เล่นตั้งเกมรุก ลูคัสเลยสร้างประโยชน์อะไรให้ทีมแทบไม่ได้เลยเพราะเวลาส่วนใหญ่เขาต้องเติม ขึ้นไปเล่นอยู่ใกล้เขตโทษคู่ต่อสู้ ซึ่งเขาทำได้ไม่ค่อยจะดีนัก ไม่มีบอลเกมรุก ไม่มีการวิ่งทำทางขึ้นหน้า
อัลเลน - ครึ่งแรกเคลื่อนที่เชื่อมเกมได้ดี แต่กับพื้นที่สุดท้ายวันนี้อัลเลนทำผลงานได้ไม่ต่างจากลูคัสเลย ครึ่งหลังหายไปจากเกมและเคลื่อนที่น้อยลงอีกต่างหาก
คูตินโย่ - ช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของเกมมีส่วนร่วมกับเกมรุกตลอด เชื่อมเกมได้ดี มีการจ่ายบอลเข้าทำที่แม้จะไม่ผ่านแต่กดดันแนวรับได้ดีทีเดียว ขอแค่อย่ายิงไกลเป็นพอ ยิงเมื่อไหร่พลาดเมื่อนั้น แต่ครึ่งชั่วโมงท้ายของเกม วิ่งไม่ออก หมดมุข หาช่องไม่ได้เลย
สเตอลิ่ง - ช่วงต้นๆ เกมยังพอมีพื้นที่ให้เล่นบ้าง เก็บบอลได้พอสมควรและสร้างเกมรุกแถวริมเส้นร่วมกับจอห์นสันได้ประมาณนึง แต่ยิ่งเล่นยิ่งหาย แถมพื้นที่ก็มีน้อยลงยิ่งทำให้สเตอลิ่งหายเข้ากลีบเมฆไปอีกคน
ซัวเรส - ต้องลงมาคอยช่วยเชื่อมเกมและสร้างสรรค์เกมรุกมากกว่าที่วิ่งทำทางเข้าไปรับ บอลดีๆ เพื่อจะยิง วันนี้อยู่ไกลจากประตูมาก แทบไม่ได้บอลในพื้นที่สุดท้ายเลย หาโอกาสได้บ้างแต่ไม่ดีพอจะเป็นประตู
ตัวสำรอง
สเตอริดจ์ - เหมือนยังไม่ฟิต ลงมาสร้างประโยชน์ใดๆ ไม่ได้เลย
อัสปาส - มีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าสเตอริดจ์นิดหน่อย แต่โดยรวมก็ยังเล่นพลาดมากกว่าดี
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557
นอริช 2-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)
...เด็กเมื่อวานซืน วันนี้เลยไม่เด็กแล้ว...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1 (หรืออะไรทำนองนั้น)
-------------------------ซัวเรส-------------------------
------คูตินโย่-----------สเตอลิ่ง--------ลูคัส-----------
-----------------เจอราร์ด--------อัลเลน----------------
ฟลานาแกน------ซาโก้-------สเคอเทล-------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------
_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมหนีตกชั้นอย่างนอริช นัดนี้ทีมขาดทั้งสเตอริดจ์(เจ็บ)และเฮนเดอร์สัน(แบน) ทำให้อัลเลนและลูคัสได้ลงเป็นตัวจริงแทน
-------------------------------------------------------
_______ เริ่มเกมมานอริชพยายามตั้งเกมสู้ ส่วนลิเวอร์พูลเล่นบอลสั้นตามช่องเน้นขึ้นเกมริมเส้นทั้งสองฝั่ง ดันแผงหลังแผงกลางขึ้นมาสูงทำให้ต้นเกมเก็บบอลจังหวะสองได้ดีและตัดบอลกลับมาได้เร็วมาก แค่ 4 นาทีก็ทำประตูขึ้นนำได้ คูตินโย่ได้บอลทางริมเส้นฝั่งซ้าย ผ่านบอลให้สเตอลิ่งแถวหน้าเขตโทษ สเตอลิ่งแตะหาที่ว่าง 1 จังหวะก่อนจะซัดไกลจากหน้าเขตโทษเข้าเสาแรกไปได้ 1-0
_______ การดันแผงหลังขึ้นสูงของลิเวอร์พูลยังกดดันให้นอริชต้องถอยไปรับต่ำและโต้ กลับไม่ค่อยขึ้น จังหวะทำเกมรุกพยายามเจาะทางจอห์นสันด้วยการเล่นของเรดมอนด์แต่ยังไม่ค่อย ได้ผลเท่าไหร่ ลิเวอร์พูลยังคุมเกมได้ดีกว่าและทำประตูหนีห่างไปได้อีกในนาที 11 ฟลานาแกนแตะบอลขึ้นหน้าหนีตัววิ่งไล่ได้ดีก่อนจะผ่านบอลไปที่ว่างริมเส้น ฝั่งซ้ายให้สเตอลิ่งควบเข้าไปถึงบอลแล้วจ่ายเรียดเข้ากลางให้ซัวเรสวิ่งตามไปแปเล่นทางเข้าเสาสองเข้าไป 2-0
_______ 15 นาทีแรกเป็นเกมของลิเวอร์พูลอย่างสิ้นเชิงทั้งรูปเกมและสกอร์ แต่พอผ่าน 15 นาทีแรกไปแล้ว(และโดนไปแล้ว 2 ลูก) นอริชเปลี่ยนวิธีการเล่น เลิกถอยหลังรับต่ำแต่วิ่งไล่แดนหน้าอย่างต่อเนื่องซึ่งได้ผล ลิเวอร์พูลเริ่มตั้งเกมของตัวเองลำบาก บอลไปข้างหน้าช้าลง
_______ ลิเวอร์พูลค่อยๆ เสียการควบคุมเกมไปเรื่อยๆ เสียบ่อยในแดนตัวเองบ่อยขึ้น บอลไปข้างหน้าน้อยลง กลับกันกับฝั่งนอริชที่บอลมาข้างหน้าได้มากขึ้น เกมริมเส้นเริ่มไปถึงสุดเส้นและได้โยนเข้ากลางบ้างแล้ว พอถึงช่วงท้ายครึ่งแรกเกมก็พลิกเป็นของนอริชที่ตัดบอลได้เร็วและกดดันได้มาก ขึ้น ได้ลุ้นจากการโยนบอลจากริมเส้นเป็นระยะ แต่ยังทำประตูไล่มาไม่ได้ จบครึ่งแรกที่ 2-0
_______เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาเล่นเหมือนท้ายครึ่งแรกคือเน้นการครองบอล ส่วนนอริชเองก็ยังเล่นเหมือนเดิมคือวิ่งไล่แต่ที่หนักข้อไปกว่าเดิมคือนอริ ชตัดบอลกลับมาได้เร็วขึ้น ได้โยนมากขึ้นกว่าท้ายครึ่งแรก และลิเวอร์พูลครองบอลได้น้อยกว่าครึ่งแรก นอริชใช้เวลาบดอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็ไล่ขึ้นมาได้ในนาที 54 จากการโยนบอลจากฝั่งฟลานาแกน มินโยเล่ออกมาชกบอลโดนไม่ดีบอลตกแล้วเด้งไปเข้าาทางฮูปเปอร์ซ้ำเข้าไป 2-1
_______ ช่วง 15 นาทีแรกของครึ่งหลังนี้เป็นเกมของนอริชแทบจะฝ่ายเดียว ได้โยนบอลเข้าทำเรื่อยๆ เกมรับริมเส้นของลิเวอร์พูลเริ่มเอาไม่อยู่แล้ว แถมจังหวะจะโต้ก็ทำแทบไม่ได้ บอลตายตั้งแต่กลางสนามเป็นส่วนใหญ่ แล้วพอไล่ตามมาได้เป็น 2-1 ยิ่งคึกเร่งเกมกดดันได้มากขึ้น กลับกันกับลิเวอร์พูลที่ยิ่งเล่นยิ่งช็อต กองหลังเก็บบอลเล่นไม่ได้ กองกลางพลิกบอลไม่ได้ กองหน้าไม่ได้บอล เล่นไปเล่นมากลายเป็นถอยลงไปกองรวมๆ กันอยู่แถวหน้าเขตโทษ
_______ นอริชเดินหน้าบดใส่อย่างต่อเนื่อง เกมริมเส้นและการโยนเข้ากลางกดดันได้ดีแต่ก่อนที่จะตีเสมอได้สำเร็จดันมายางแตกเองเสียก่อน นาที 62 แบรดลี่ จอห์นสันจ่ายบอลขวางสนามพลาดโดนสเตอลิ่งตัดไปได้ สเตอลิ่งเลี้ยงบอลมาเองตั้งแต่กลางสนามจนถึงหน้าเขตโทษ ซัวเรสวิ่งทำทางดึงกองหลังให้สเตอลิ่งได้โอกาสแตะบอลเข้าเขตโทษได้ยิง บอลไปติดกองหลังที่พยายามบล็อคลูกยิง แต่บอลแฉลบได้เหลี่ยมย้อยข้ามมือผู้รักษาประตูที่วิ่งออกมาจากเส้นพอดี ลิเวอร์พูลนำห่าง 3-1
_______ หลังสกอร์ขยับอีกครั้งเกมก็เปลี่ยนไปพอสมควร นอริชยังเดินหน้าบุกต่อได้ดีอยู่แต่กดดันได้ไม่เท่า 15 นาทีแรกของครึ่งหลังแล้ว แถมเริ่มมียุบให้เห็น วิ่งเติมขึ้นมาไม่ทันบ้าง จ่ายบอลพลาดเยอะขึ้น เริ่มทำท่าจะฝ่อไปเองแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มลืมตาอ้าปากพาบอลพ้นแดนตัวเองขึ้นมาได้มากขึ้น มีโอกาสลุ้นประตูพอสมควรด้วยแต่จังหวะสุดท้ายจบไม่ลงเอง
_______ นาที 75 โมเสสได้ลงแทนคูตินโย่ แต่แล้วนาที 77 นอริชทำเกมรุกขึ้นมาได้ดีทางฝั่งจอห์นสันได้โยนบอลเข้ากลางลึกไปทางเสาสอง สน็อตกลาสขึ้นโหม่งเอาชนะฟลานาแกนได้สำเร็จ 3-2 ซึ่งจากจังหวะนี้ทำให้รูปเกมช่วง 15 นาทีแรกของครึ่งหลังย้อนมาหลอกหลอนลิเวอร์พูลทันที
_______ นาที 81 แอกเกอร์ได้ลงแทนอัลเลน ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลไม่ได้คิดอะไรมาก พยายามช่วยกันสกัดบอลออกไปให้พ้นๆ จังหวะได้บอลก็พยายามครองบอลเผาเวลามากกว่าจะเน้นเกมทะลุทะลวง ซึ่งก็ยังทำได้ไม่ค่อยดีนักเพราะเก็บบอลไว้กับตัวได้ไม่นาน นอริชยังคงพาบอลมาถึงมุมธงและโยนเข้ากลางได้ต่อเนื่อง บอลลูกแล้วลูกเล่าลอยเข้ามาในเขตโทษแต่แนวรับก็ยังช่วยกันสกัดออกไปได้หมด...แบบกองแช่งได้ลุ้นเป็นะระยะ
_______ ลิเวอร์พูลโดนนอริชทรมานทรกรรมอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งหมดเวลาก็ไม่ได้โดนเพิ่ม ทำให้ลิเวอร์พูลเอาตัวรอดไปได้แบบหืดจับ 3-2 หนีเชลซีห่างเป็น 5 แต้มแล้ว
-----------------------------------------
_______ 15 นาทีแรกของเกมเล่นดีมากครับ แต่ 75 นาทีที่เหลือนี่มันคืออัลลัยยยย~
_______ 11 ตัวจริงเปลี่ยนสองตำแหน่งซึ่งดูจากผู้เล่นที่มีอยู่ก็น่าจะเป็นชุดที่ดี ที่สุดแล้ว วิธีการเล่นเปลี่ยนจากเดิมเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับหน้ามือเป็นหลังมือ ซัวเรสยืนหน้าเป้าตามคาด คูตินโย่เล่นทางซ้าย สเตอลิ่งเล่นอยู่ข้างหลังซัวเรส อัลเลนกับลูคัสช่วยกันเชื่อมเกมแดนกลางแล้วคอยหาตำแหน่งวิ่งสอดขึ้นไปช่วยเกมรุก เจอราร์ดปักหลักอยู่ลึกเหมือนเดิม
_______ วันนี้ต้องบอกลิเวอร์พูลชนะมาได้ก็เพราะ 15 นาทีแรกนั่นแหล่ะครับ มองทางฝั่งลิเวอร์พูลเพียวๆ ต้องถือว่าการดันสูง บีบพื้นที่กดดันคู่ต่อสู้ในช่วงต้นเกมนั้นทำได้ดีเอามากๆ ดันจนนอริชต้องลงไปรับต่ำแล้วก็โต้ไม่ได้ สกัดได้แล้วจะเก็บบอลเล่นก็โดนไล่ สกัดทิ้งยาวก็โดนตัด ทำให้ลิเวอร์พูลครองบอลต่อเนื่อง และบอลไปใกล้เขตโทษอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ได้มาถึง 2 ประตูในช่วงนี้ แต่ถ้ามองทางนอริชก็ต้องนับเป็นความผิดพลาดของพวกเขาเองด้วยที่ 15 นาทีแรกดันไม่ไล่ในแดนหน้า เอาแต่วิ่งถอยหลังไปปิดพื้นที่สุดท้ายซึ่งเข้าทางลิเวอร์พูลเต็มที่เลย
_______ ผลลัพธ์ส่วนผลลัพธ์ ถ้าดูเฉพาะรูปเกมโดยรวมโดยเฉพาะ 75 นาทีหลังจากนั้นก็ต้องบอกว่านัดนี้นอริชทำได้ดีกว่า มองทางนอริชอย่างเดียวก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แค่พวกเขาวิ่งไล่แดนหน้ามากขึ้น กดดันให้ลิเวอร์พูลตั้งแต่จังหวะตั้งเกมเท่านั้นเอง ส่วนถ้ามองทางลิเวอร์พูลก็ต้องบอกว่าช่วงก่อน 2-0 พวกเขารับลึกไป เล่นช้าไป กลายเป็นเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ หลัง 2-1 อันนั้นไม่ใช่เลือกรับลึกแต่โดนกดให้ต้องรับลึกแล้วมากกว่า
_______ ร็อดเจอร์ดูจะประมาทไปเหมือนกันกับการเปลี่ยนโมเสสลงแทนคูตินโย่ในนาที 75 ส่วนนึงเจ้าตัวคงมองว่าเอาอยู่แล้วจากการที่ได้ประตู 3-1 (ผมก็ด้วย 555+) เพราะการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ถ้ายังระวังตัวอยู่ หวยน่าจะไปออกที่อัลเลนหรือลูคัสมากกว่า แต่การเปลี่ยนเอาคูตินโย่ออกแล้ว ใช้โมเสสทั้งๆ ที่ในสนามยังมีคนเล่นทรงคล้ายๆ กันอย่างสเตอลิ่งอยู่เป็นสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นเลย ส่วนการเอาแอกเกอร์ลงมาก็เหมือนหลายๆ นัดที่เอาลงมาช่วยอุดท้ายเกม ย่อมดีกว่าไม่ทำอะไรแน่นอน
_______ ปัญหาใหญ่ของลิเวอร์พูลนั้นนี้อยู่ที่แดนกลาง โดยเฉพาะลูคัสกับอัลเลนพลิกบอลแทบไม่ได้ตลอดเกม บอลที่กองหลังส่งมาให้ทั้งคู่ชิ่งกลับหลังรัวๆ ทำให้ลิเวอร์พูลตั้งเกมของตัวเองลำบากแถมกดดันแนวรับไปในตัวอีกต่างหากเพราะ บอลอยู่กับตัวนานแล้วก็โดนไล่ตลอดเวลา โดยส่วนตัวแล้ว นับเฉพาะเกมรับ ผมชอบลูคัสมากกว่าเฮนเดอร์สัน และสำหรับการเชื่อมเกม+เกมรุก ผมชอบอัลเลนมากกว่าเฮนเดอร์สันเช่นกัน แต่เกมนี้ลูคัสมัดรวมกับอัลเลนแล้วยังเล่นไม่ได้ครึ่งของเฮนเดอร์สันในเกม ที่ผ่านๆ มาเลยให้ตายเถอะ
_______ แต่อย่างว่า เฮนเดอร์สันเป็นตัวจริงมาตลอด จังหวะการเล่นทั้งของตัวเองและการเล่นกับเพื่อนร่วมทีมมันก็ต้องดีกว่าล่ะ ลูคัสกับอัลเลนนี่อย่าว่าแต่ตัวจริง ลงยังไม่ค่อยได้ลง อยู่ดีๆ ลงมาพร้อมกันจะให้เล่นดีเลยมันคงมหัศจรรย์ไปหน่อยมั้ง อันนี้ก็แล้วแต่ใครจะมองก็แล้วกัน
_______ ...อย่าว่าแต่ อย่างน้อยนัดนี้ก็เอาตัวรอดไปได้ นี่ก็ดีมากแล้วไม่ใช่หรือ?...
-------------------------------
นัดนี้ 15 นาทีแรกเทพ 75 นาทีหลัง...
มินโยเล่ - ยิงใส่ยิงมาเถอะ เซฟได้ แต่โยนมาแล้วมีปัญหา อันที่จริงนัดนี้ก็ยังชกถึงบอลทุกลูก แต่ชกไม่ค่อยขาดและรับผิดชอบไปเต็มๆ กับลูก 2-1 ไม่ว่าจะมองว่าตัดบอลพลาดหรือให้เสียงประสานงานกับสเคอเทลพลาด
จอห์นสัน - เกมรุกไม่ได้ขึ้นเลย ช่วงต้นของเกมรับมือกับเรดมอนด์ได้ดีแต่พอครึ่งหลังมีปัญหา ยิ่งเล่นยิ่งมีปัญหาอีกต่างหาก 15 นาทีท้ายของเกมนี่ออกทะเลไปสุดกู่เลย ทั้งอ่านเกมพลาด ทั้งหลงตำแหน่ง
ซาโก้ - ทำได้ดีในจังหวะเบียดกับคู่ต่อสู้แล้วแซะบอลออกจากเท้า อ่านเกมดี รักษาตำแหน่งได้ดี มีหลอนอย่างเดียวคือการผ่านบอลขึ้นหน้าที่นัดนี้เจ้าตัวทำได้สยองที่สุดใน บรรดาแผงหลัง 4 คน
สเคอเทล - สกัดบอลได้ดีโดยเฉพาะลูกกลางอากาศ ลูกที่เสีย 2-1 ไม่รู้ให้เสียงกันกับมินโยเล่รึปล่าวแต่นอกจากนั้นสเคอเทลเป็นคนที่เคลียร์ บอลออกจากเขตโทษได้เยอะทีเดียว(น่าจะเยอะสุดแล้ว) สกัดขาดดีด้วย
ฟลานาแกน - เชื่อมเกมได้เกือบดี พอโดนเร่งมากๆ แล้วมีปัญหากับการออกบอล เกมรับไม่ถึงกับดีนัก(ซึ่งหมายถึงดีกว่าจอห์นสันแล้ว)เพราะหุบเข้ากลางบ่อยเกินความจำเป็นไปหน่อย แต่จังหวะตัวต่อตัวก็ไม่ได้พลาด
เจอราร์ด - พอไม่ต้องห่วงโทษแบนแล้วก็เข้าปะทะได้มากขึ้นและดีขึ้น ทำได้ดีในเรื่องการเป็นตัวเก็บบอลจากหลังเชื่อมไปข้างหน้าซึ่งทำได้ดีกว่าแดนกลางคนอื่นอยู่หลายช่วงตัว ส่วนบอลยาววันนี้ไม่มีเลย
ลูคัส - เกมรับเข้าปะทะใช้ได้หยุดและตัดบอลได้ไม่น้อย แต่การเชื่อมเกมไม่ดีนักเอาแต่ชิ่งกลับหลังให้เพื่อนโดนกดดันอยู่ตลอด และที่ไม่น่าประทับใจเลยคือการเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเข้าไปไล่บอลหรือวิ่งหาที่รับบอล
อัลเลน - วิ่งเยอะ ไล่บอลบีบพื้นที่ได้ค่อนข้างดีแต่เข้าปะทะแย่งบอลได้น้อย เชื่อมเกมได้พอๆ กับลูคัส พลิกบอลขึ้นหน้าแทบไม่ได้ ครึ่งแรกมีจังหวะวิ่งสอดขึ้นหน้าได้ดีอยู่ 2-3 ครั้ง แต่ช่วงท้ายครึ่งแรกต่อครึ่งหลังทั้งครึ่งช่วยทีมได้ไม่มากนัก
คูตินโย่ - ช่วง 15 นาทีแรกเชื่อมเกมได้ดี ออกบอลไปพื้นที่ว่างและประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ไหลลื่นตลอดโดยเฉพาะกับ ฟลานาแกนและสเตอลิ่ง แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ หายไปจากเกม บอลทะลุช่องสวยๆ ก็ไม่มีให้เห็น
สเตอลิ่ง - 15 นาทีแรกเล่นได้อย่างสุดยอด หลังจากนั้นก็ยังเป็นตัวหลักในการเก็บบอลโต้ ทำหน้าที่นี้ได้บ้างแต่ไม่ถึงกับดีเท่าไหร่ ยังพาบอลไปเองได้ดี ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ค่อนข้างดีโดยเฉพาะการเล่นกับซัวเรสที่ดูเข้า ขารู้ใจ วันนี้มีทีเด็ดที่ทำได้ถึง 2 ประตู
ซัวเรส - ได้บอลไม่มากนัก เล่นร่วมกับสเตอลิ่งได้ดีแต่กับคนอื่นออกแนวประสานงา เป็นหน้าเป้าแต่ดันต้องช่วยทำเกมมากกว่าจะหาช่องทำประตูเองเลยมีโอกาสลุ้นประตูไม่มากนัก ยังดียิงได้ 1 ลูก
ตัวสำรอง
โมเสส - เก็บบอลได้พอสมควร แม้โดยรวมจะไม่ได้ช่วยอะไรทีมมากนักแต่ถือว่าเป็นนัดที่ลงมาแล้วยังหาประโยชน์ได้
แอกเกอร์ - ลงมาช่วยสกัดบอลในเขตโทษได้ตามเนื้อผ้า
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ราฮีม สเตอลิ่ง... สเคอเทลกับเจอราร์ดก็เล่นได้ไม่เลวและมีส่วนสำคัญในชัยชนะ แต่สเตอลิ่งล่อซะยิง 2 จ่าย 1 ไม่อยากให้ก็ต้องให้แล้วครับ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557
ลิเวอร์พูล 3-2 แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีค)
...ถ้าบุญจะพา วาสนาจะส่งซะขนาดนี้...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-4-2
--------------ซัวเรส---------------สเตอริดจ์------------
-------------------------สเตอลิ่ง------------------------
------------เฮนเดอร์สัน-----------คูตินโย่--------------
------------------------เจอราร์ด------------------------
ฟลานาแกน------ซาโก้-------สเคอเทล-------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------
_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมสำคัญที่สุดนัดหนึ่งของฤดูกาลนี้ด้วยการเปิดบ้านรับมือแมนฯซิตี้ ร็อดเจอร์เลือกใช้ทีมชุดเดิม ทำให้อัลเลนกับลูคัสยังต้องนั่งรอต่อไป ส่วนทางซิตี้มีกุนฟิตกลับมาแล้วแต่ยังเป็นแค่ตัวสำรอง
-------------------------------------------------------
_______ เริ่มเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า พยายามขึ้นเกมริมเส้นเป็นหลัก ขึ้นทางขวาได้บ่อยและไหลลื่นกว่าทางซ้ายและทำประตูออกนำได้อย่างรวดเร็ว แค่นาที 6 ซัวเรสเบียดปะทะกับกองหลังซิตี้แล้วเก็บบอลไว้ได้แถวกลางแดนซิตี้ ก่อนที่จะจ่ายทะลุช่องเร็วให้สเตอลิ่งที่วิ่งทำทางขึ้นไป สเตอลิ่งจับบอลได้ในเขตโทษทำท่าจะยิงไม่ทันแล้วแต่ล็อคหลอกคอมพานีกับฮาร์ทหาช่องยิงจนได้ 1-0
_______ หลังสกอร์ขยับก็ยังเป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า ต่อบอลสั้นจังหวะเดียวกันได้แม่นยำหนีการวิ่งไล่ของซิตี้ได้ดีตลอด และเกมริมเส้นพาบอลไปถึงหน้าเขตโทษได้บ่อยครั้ง ส่วนทางฝั่งซิตี้พยายามขึ้นเกมริมเส้นเช่นกันโดยเฉพาะทางฝั่งของฟลานาแกนแต่ ยังพาบอลมาไม่ค่อยถึงเขตโทษ นาที 18 ซิตี้ยังมาเจอปัญหาเพิ่มเมื่อยาย่า ตูเร่เล่นต่อไม่ได้ต้องส่งการ์เซียลงมาแทน
_______ ผ่าน 20 นาทีแรกไปบอลของซิตี้เริ่มพามาใกล้เขตโทษได้มากขึ้นแต่ยังกดดันอะไรไม่ได้ นาที 26 ยังมาเสียเพิ่มอีกลูกจากลูกตั้งเตะ เจอราร์ดเปิดลูกเตะมุมมาที่เสาแรกแล้วก็เป็นสเคอเทลขึ้นโหม่งเช็ดเข้าเสาสอง ไปได้สำเร็จ 2-0 แล้วหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็ยังเล่นงานซิตี้ด้วยลูกโต้เร็วได้ดีอีกหลาย ครั้งแต่ทำเพิ่มไม่ได้
_______ ซิตี้พยายามจะเล่นเกมรุกแต่กว่าจะมากดดันได้จริงจังก็เป็นช่วงท้ายครึ่งแรกที่เริ่มจ่ายบอลเข้าทำได้ต่อเนื่อง แต่แนวรับกับผู้รักษาประตูก็ช่วยกันสกัดเอาไว้ได้ เอาตัวรอดจนจบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0
_______ เข้าครึ่งหลัง เล่นไปได้แค่ 5 นาที เปเยกรีนี่ก็เอามิลเนอร์ลงมาแทนนาบาส ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความบันเทิง(ในสายตากองแช่ง)และความหายนะ(ในสาย ตากองเชียร์ลิเวอร์พูล) นอกจากจะเปลี่ยนตัวแล้วซิตี้ยังเปลี่ยนวิธีเข้าทำด้วย จากครึ่งแรกที่เน้นเกมริมเส้นจ่ายบอลเข้ากลาง(ซึ่งนาบาสเล่นไม่ออก ซิติี้เลยแทบไม่ได้จ่ายบอลเข้าทำ) หันมาเล่นบอลสั้นทำชิ่งมากขึ้น ซึ่งได้ผลโคตรๆ เลยทีเดียว
_______ ทางฝั่งลิเวอร์พูลนั้นพยายามจะลงมาคุมพื้นที่ในแดนตัวเองให้แน่น ไม่ค่อยไล่บอลในแดนหน้ามากนักและช่วง 5 นาทีแรกยังทำได้ดีอยู่ แต่พอมิลเนอร์ลงมาและซิตี้เปลี่ยนวิธีรุก ลิเวอร์พูลก็เจอปัญหาทันทีเมื่อไม่สามารถหยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้ ซิตี้สามารถต่อบอลสั้นชิ่งไปชิ่งมาจนบอลเข้ามาถึงพื้นที่สุดท้ายได้อย่างต่อ เนื่อง ส่วนเกมรุกลิเวอร์พูลเอง ไอ้จังหวะจ่ายบอลสั้นแม่นยำในครึ่งแรก หายเรียบ กลายเป็นต่อบอลได้ไม่กี่จังหวะก็โดนตัดกลับไป
_______ และเพียงนาที 57 ซิตี้ก็ได้ประตูไล่เข้ามาจากจังหวะทำชิ่งเข้าไปในเขตโทษ จังหวะสุดท้ายเป็นซิลบาจบสกอร์ไม่พลาด 2-1 ก่อนจะฉวยโอกาสบุกกดดันต่อและตีเสมอได้สำเร็จแค่ในนาที 61 จากการเข้าทำรูปแบบเดิม ชิ่งบอลกันเข้าไปจนได้ยิงในเขตโทษ บอลไปแฉลบจอห์นสัน แฉลบมินโยเล่ เข้าประตูไปตีเสมอเป็น 2-2
_______ หลังถูกตีเสมอ อัลเลนได้ลงมาแทนสเตอริดจ์ที่คล้ายจะมีอาการบาดเจ็บ ถึงตรงนี้เกมของลิเวอร์พูลที่ดูไม่ดีนักอยู่แล้วก็ยิ่งแย่หนักลงไปอีก เกมรับตัดบอลกลับมาได้ช้าลงและหยุดเกมคู่ต่อสู้ไม่ได้ทำให้ทีมต้องถอยลงไป รับลึกมากขึ้น ทำให้จังหวะได้บอลกลับมาก็ไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะโต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนที่ทำได้ในครึ่งแรก จังหวะที่พอจะโต้ได้บ้างจังหวะสุดท้ายก็ไปพลาดเองอีก แนวรับเองก็เริ่มออกอาการเป๋ไปเป๋มา แข้งขาเริ่มสั่นเล่นพลาดออกบอลพลาดให้เห็นเป็นระยะๆ กลายเป็นซิตี้ที่คุมเกมได้และเป็นฝ่ายบุกกดดันเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง
_______ เกือบ 20 นาทีที่ลิเวอร์พูลแบนแต๋ดแต๋อยู่ในแดนตัวเอง โดนซิตี้บุกเข้าใส่อยู่ตลอด เจียนอยู่เจียนไปอยู่หลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายถ้าไม่ดีพอแนวรับก็ยังสกัดได้ดีอยู่ ส่วนจังหวะที่ดีพอแล้วก็ขาดนิดเกินหน่อยจนทำให้ซิตี้ไม่ได้ประตูเพิ่มสักที สุดท้ายกลายเป็นลิเวอร์พูลที่รูปเกมชวนให้ลุ้นไม่ให้เสียประตูมากกว่าได้ ประตูกลับเป็นฝ่ายขึ้นนำอีกครั้งแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนาที 78 ลิเวอร์พูลได้บอลทุ่มแถวใกล้ๆ มุมธงฝั่งขวาในแดนซิตี้ บอลโด่งเลยเข้ากลางมาไม่น่าจะมีอะไร แต่คอมพานีเตะบอลวืด....วืดซะอย่างนั้น
_______ ...บอลกลิ้งช้าๆ มาเข้าทางคูตินโย่ที่รีบวิ่งเข้าหาบอลหวดตูมจังหวะแรกเข้าไปผ่านมือโจ ฮาร์ทได้สำเร็จ ลิเวอร์พูลนำอีกครั้ง 3-2
_______ เวลาที่เหลืออยู่ รูปเกมโดยรวมก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือซิตี้คุมเกมได้และกดดันได้ตลอด แต่ลิเวอร์พูลก็ช่วยกันเล่นเกมรับเอาตัวรอดมาได้เรื่อยๆ นาที 89 โมเสสได้ลงแทนคูตินโย่ นาที 90+3 เฮนเดอร์สันซวยแตะบอลยาวแล้วไปเสียบใส่คู่ต่อสู้โดนใบแดงไป ทำให้ลูคัสได้ลงมาแทนสเตอลิ่ง สุดท้ายลิเวอร์พูลเอาตัวรอดไปได้สำเร็จ 3-2
-----------------------------------------
_______ ครึ่งแรกกับครึ่งหลังนี่แทบจะเป็นคนละนัดกันเลยครับ
_______ 11 ตัวจริงและวิธีการเล่นในช่วงครึ่งแรก ลิเวอร์พูลทำได้ดีมากและทำได้ดีกว่าซิตี้อย่างเห็นได้ชัด ร็อดเจอร์ทำได้ดีกับการเลือกเน้นเกมริมเส้นและเร่งเกมรุกให้เร็ว ถ้ามัวแต่จะมาครองบอลลิเวอร์พูลคงหาทางเจาะซิตี้ได้ลำบาก ส่วนในเกมรับ(เฉพาะในครึ่งแรก) ผมมองว่าเป็นฟอร์มส่วนตัวของผู้เล่นมากกว่าที่สามารถจัดการเกมรุกของซิตี้ได้ดีขนาดนั้น ยิ่งพอขาดตูเร่ไปกลางทาง ซิตี้ยิ่งสะดุดและเปเยกรินี่ยังช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
_______ แต่พอมาถึงครึ่งหลัง เปเยกรีนี่กลับมาทำได้ดีกว่า โดยเฉพาะการเปลี่ยนวิธีเข้าทำมาเล่นบอลชิ่งซึ่งส่งให้ซิตี้กลับมาดูดีกว่า อย่างเห็นได้ชัดในระดับที่ดีกว่าลิเวอร์พูลครึ่งแรกเยอะทีเดียว คราวนี้กลายเป็นร็อดเจอร์ที่ช้ากว่าและช่วยทีมไม่ได้เท่าไหร่ อัลเลน(หรือลูคัส) อย่างช้าที่สุดควรจะได้ลงมาก่อนที่จะโดนตีเสมอ 2-2 เพราะรูปเกมตั้งแต่มิลเนอร์ลงมา (นาที 50) ลิเวอร์พูลตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด และปัญหาคือแดนกลางที่หยุดคู่ต่อสู้ไม่ได้เลย
_______ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนอัลเลนลงมาแทนสเตอริดจ์ (ต่อให้สเตอริดจ์จะไม่เจ็บเลยก็ตาม) เป็นสิ่งที่ผมเห็นด้วย เพราะเกมตอนนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ตัวรุกพร้อมกันถึง 3 คนแล้ว และสเตอลิ่งยังดูจะทำอะไรได้มากกว่าสเตอริดจ์ในนัดนี้ ส่วนการเปลี่ยนอีก 2 ตัวหลังจากนั้นคงไม่ต้องพูดอะไรกันมากนัก
_______ แต่ต้องไม่ลืม และคงต้องย้ำกันอีกทีว่า เกมรุกวูบวาบในครึ่งแรกที่ตัวรุกสลับตำแหน่งและวิ่งทำทางหาช่องกันได้ตลอด และเกมรับที่ถูกกดดันหนักจากทีมระดับซิตี้ยังหยุดแผลเอาไว้ได้ที่ 2 ลูก เป็นสิ่งที่ต้องให้เครดิตร็อดเจอร์ด้วยเช่นกัน
_______ วันนี้เล่นกันคนละครึ่ง ครึ่งแรกเป็นของลิเวอร์พูล ครึ่งหลังของซิตี้ แต่ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อคือ ลิเวอร์พูลดันทะลึ่งเอาชนะซิตี้ได้ในวันที่คู่กองหน้าดับสนิทกันทั้งคู่แบบ นี้ ทั้งซัวเรสและสเตอริดจ์ทำอะไรแทบไม่ได้และสร้างโอกาสได้แบบนับครั้งได้เลย ในขณะเดียวกัน คอมพานีไม่ใช่ว่าจะไม่เคยพลาด แต่ดันมาพลาดเอาอีตอนที่คูตินโย่อยู่แถวนั้นพอดี พลาดเอาอีตอนที่ลิเวอร์พูลเองถ้าจะให้ทำกันเองยังนึกไม่ออกว่าจะได้ยิงกัน เมื่อไหร่ อะไรมันจะพอเหมาะพอดีขนาดนั้น ยังไม่ต้องนับจังหวะเล่นวอลเล่ย์บอลในเขตโทษของสเคอเทลช่วงท้ายเกมอีกล่ะ...
_______ ...ฝีมืออ่ะมีครับ ไม่ว่าใครชนะทีมแบบซิตี้ได้ในวันที่ซิตี้ก็ไม่ได้ฟอร์มหลุดมันต้องมีแน่ๆ ฝีมือน่ะ แต่วันนี้ถ้าไม่มีคอมพานีโชว์สเต็ปเอาไว้ล่ะท่าจะแย่ครับ...
-------------------------------
นัดนี้ครึ่งแรกเล่นกันดีมาก ครึ่งหลังเล่นกันพอใช้ได้
มินโยเล่ - เซฟลูกสำคัญได้ไม่น้อย โดยเฉพาะลูกยิงจ่อๆ ในช่วงท้ายครึ่งแรก ออกมาตัดบอลโด่งได้ดี เป็นวันที่ช่วยทีมไว้ได้เยอะทีเดียว
จอห์นสัน - เกมรุกขึ้นไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะแค่ขึ้นมาช่วยเกมอยู่แถวๆ กลางสนามมากกว่า เชื่อมเกมได้พอใช้ เกมรับจังหวะตัวต่อตัวทำได้ดีทีเดียว แต่อ่านเกมไม่ค่อยดีนัก ยืนขาตายจังหวะเจอบอลชิ่งอยู่บ่อยๆ
ซาโก้ - เข้าสกัดได้เด็ดขาด ลูกกลางอากาศไม่มีปัญหา อยู่ในฟอร์มที่ดีมากตลอด 50 นาทีแรกของเกม หลังจากนั้นการเข้าสกัดยังดีอยู่ แต่การผ่านบอลขึ้นหน้า, ความนิ่งเริ่มมีปัญหาให้เห็นบ้าง
สเคอเทล - เล่นได้ในฟอร์มที่สุดยอดในช่วง 50 นาทีแรก เข้าสกัดจังหวะสำคัญๆ ไว้ได้หลายครั้ง ทำประตูให้ทีมได้ด้วย ครึ่งหลังช่วงที่ซิตี้ทำเกมกดดันได้แล้วก็เริ่มมีความผิดพลาดให้เห็นบ้าง แต่ไม่มากนัก
ฟลานาแกน - หยุดนาบาสได้ดี เข้าสกัดได้แม่นยำและอ่านเกมได้ดีขึ้น การเชื่อมเกมพอใช้ได้
เจอราร์ด - ครึ่งแรกแทบจะฝังตัวเองอยู่แนวเดียวกับคู่เซนเตอร์ ช่วยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้าใช้ได้แต่วันนี้บอลยาวส่วนๆ มีน้อย ครึ่งหลังเคลื่อนที่มากขึ้น เข้าสกัดและซ้อนเพื่อนๆ ได้ดีทีเดียว
เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกเล่นได้ดี เชื่อมเกมได้ลื่นไหล ออกบอลได้เร็วและเป็นประโยชน์กว่าแค่แปะไปแปะมา เกมรับก็วิ่งไล่ปิดพื้นที่ได้ดีตลอด ครึ่งหลังเริ่มมีปัญหาวิ่งไม่ค่อยถึงบอล รับบอลแล้วไม่มีเพื่อนวิ่งทำทางจนออกบอลลำบาก ยิ่งท้ายๆ เกมวิ่งเหมือนหมดแรงและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พลาดโดนใบแดงด้วย
คูตินโย่ - ครึ่งแรกเก็บกดอะไรมาไม่รู้ วิ่งไล่อัดคู่ต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย ตัดบอลได้เยอะ หลายครั้งเบียดแย่งบอลกลับมาได้ด้วย นับเฉพาะครึ่งแรกนี่เป็นเกมที่คูตินโย่เล่นเกมรับได้ดุเดือดเลือดพล่านและมี คุณภาพที่สุดตั้งแต่เขาย้ายมาเลยทีเดียว แต่ครึ่งหลังการวิ่งไล่ก็เริ่มแผ่วไป การเชื่อมเกมพอใช้ได้ เกมรุกมีดีตรงการให้บอลไปที่ว่างมากกว่าจะเป็นบอลทะลุทะลวง ที่เด็ดขาดจริงๆ คือลูก 3-2 ที่แม้จะเป็นคอมพานีที่พลาดหนัก แต่คูตินโย่ก็ทำได้ดีมากๆ ด้วยเพราะเข้าไปถึงบอลได้เร็ว ยิงเร็วจังหวะแรกด้วย ถ้าจับก่อนหรือจ่ายให้เพื่อนดีไม่ดีลูกนี้จะไม่ได้เอา
สเตอลิ่ง - ครึ่งแรกเล่น ได้อย่างสุดยอดเช่นกัน จังหวะยิงลูกแรกทำได้ดีมากกับการล็อคหลอกทั้งคอมพานีและฮาร์ทจนได้ยิงโล่งๆ เชื่อมเกมและวิ่งทำทางได้ดี ผ่านบอลให้เพื่อนพอใช้ได้ แต่พอเข้าครึ่งหลังก็ค่อยๆ หายไปจากเกม วิ่งได้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกทำได้ดีที่สุดคือจังหวะเข้าไปชาร์จลูกจ่ายเข้าเขตโทษของสเตอลิ่งแต่ ก็ไม่ดีพอจะเป็นประตู ครึ่งหลังก็ได้บอลหลุดไปในจังหวะโต้กลับแต่ดันเก็บบอลไว้กับตัวนานจนทีมเสีย โอกาส เป็นวันที่เล่นไม่ค่อยดีนัก ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกม ไม่แน่ใจว่ามีอาการบาดเจ็บรบกวนตอนไหนรึปล่าว
ซัวเรส - ล้มรัวๆ แต่เรียกฟาล์วแทบไม่ได้เลย (อันที่จริงนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเรียกฟาล์วได้สักครั้งหรือปล่าว) เป็นวันที่ได้บอลไม่มากนักและเล่นผิดพลาดค่อนข้างเยอะ จังหวะที่ทำดีแล้วเพื่อนก็ดันจ่ายคืนช้าจนตัวเองล้ำหน้าบ้าง, วิ่งเก้อเพื่อนไม่ส่งให้บ้าง, เพื่อนไม่วิ่งทำทางบ้าง แม้จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมได้ลูกแรก แต่โดยรวมแล้วเป็นวันที่ซัวเรสเล่นไม่ออกเลย
ตัวสำรอง
อัลเลน - เคลื่อนที่ได้โดดเด่นในยามที่เพื่อนร่วมทีมดูจะหมดแรงวิ่ง ทำทางได้ดี ผ่านบอลดี ดีทุกอย่างจนกระทั่งถึงพื้นที่สุดท้ายที่เจ้าตัวดูจะทำพลาดไปหมดเมื่ออยู่ใน เขตโทษคู่ต่อสู้ เกมรับมีความขยันช่วยวิ่งไล่ได้พอสมควร
โมเสส - ไม่ได้สร้างประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แถมเกมรับก็ควรจะทำได้ดีกว่านี้ จะไล่ก็ไม่ไล่ จะคุมพื้นที่ก็ยืนไม่ค่อยดูตาม้าตาเรือ
ลูคัส - โดนบอลบ้างหรือปล่าวยังไม่แน่ใจ ลงมานาทีสุดท้ายแล้วจริงๆ
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มาร์ติน สเคอเทล... ครึ่งแรกก็ช่วยสกัดเอาไว้หลายหน ครึ่งหลังในช่วงเวลายากลำบากก็ยังช่วยทีมเอาไว้ได้ไม่น้อย แม้จะมีช่วงเวลาเหวอๆ อยู่ราวๆ 5 นาทีช่วงที่พึ่งโดนยิง แต่โดยรวมวันนี้สเคอเทลเล่นได้น่าประทับใจและทำประตูได้ด้วย
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557
เวสต์แฮม 1-2 จุดโทษ (พรีเมียร์ลีค)
...ฟุตบอลใช้เท้าเล่น ถ้าใช้มือเล่นเค้าเรียกแฮนด์บอล...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-3-3
--------ซัวเรส---------สเตอริดจ์----------สเตอลิ่ง------
------------เฮนเดอร์สัน-----------คูตินโย่---------------
------------------------เจอราร์ด-------------------------
ฟลานาแกน------ซาโก้-------สเคอเทล-------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------
_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเวสต์แฮมที่ฤดูนี้ทำท่าจะสบายตัวไปแล้วเมื่อไม่เหลือ อะไรให้ลุ้นสักอย่างเดียว ไม่ว่าจะพื้นที่บอลยุโรป, บอลถ้วยหรือหนีตกชั้น ร็อดเจอร์ยังคงใช้ผู้เล่นชุดเดิมแทบทั้งหมด เปลี่ยนแค่คนเดียวคือซาโก้แทนแอกเกอร์ที่เจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บ
-------------------------------------------------------
_______ เริ่มเกมมาเป็นเวสต์แฮมที่ทำได้ดีกว่า ขยับเข้าหาบอลได้เร็วหยุดเกมแดนกลางของลิเวอร์พูลได้สนิท เน้นการทำเกมทางริมเส้นฝั่งซ้ายด้วยดาวนิ่ง(ทางจอห์นสัน)เป็นหลักและได้โยน บอลเข้าเขตโทษกดดันเป็นระยะ ทางฝั่งลิเวอร์พูลตั้งเกมกันไม่ค่อยได้ แดนกลางโดนไล่จนพลิกบอลลำบากต้องอาศัยการวางบอลยาวไปมุมธงเพื่อทำเกมรุกซึ่ง ทำได้บ้าง แต่ไม่เยอะนัก
_______ ตลอดช่วงครึ่งแรกเกมค่อนข้างอึดอัดโดยเป็นทางฝั่งเวสต์แฮมที่ได้เล่นในเกมของตัวเอง กดดันได้ดีด้วยบอลโยนจากริมเส้นเข้าเขตโทษ ส่วนลิเวอร์พูลตั้งเกมรุกด้วยบอลสั้นตามช่องแทบไม่ได้เลย จะมีลุ้นอยู่บ้างก็จากลูกวางยาวฉาบฉวยในจังหวะทำเร็วแต่ก็ไม่ถึงกับจะแจ้ง นัก ในเกมรับก็วิ่งไล่บอลในแดนกลางแดนหน้าน้อยกว่าทุกวัน
_______ เกมครึ่งแรกทำท่าจะจบที่ผลเสมอ แต่ท้ายเกมมามีประตูเกิดขึ้นถึงสองประตู นาที 43 เจอราร์ดวางยาวจากแดนตัวเองให้ซัวเรสในเขตโทษ ซัวเรสเอาบอลลงแล้วกระดกพลิกบอลจะเข้ากลาง บอลไปโดนมือทอมกินส์เต็มรัก ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษทันทีและเจอราร์ดรับหน้าที่ยิงไม่พลาด แต่ดีใจกันอยู่ได้แค่นาทีเศษๆ ช่วงทดเจ็บนาทีแรก เวสต์แฮมได้ลูกเตะมุม บอลโด่งโยนลึกเข้ามาในเขต 6 หลา มินโยเล่กระโดดรับเข้ามือแล้วแต่โดนคาโรลที่กระโดดเข้ามาจะเล่นโหม่ง เหนีี่ยวมือจนบอลหลุดแล้วโดนเดเมลซ้ำจ่อๆ เข้าไป ฟาล์วแน่ๆ แต่กรรมการไม่เป่า เวสต์แฮมตีเสมอได้สำเร็จ 1-1 และจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว
_______ เข้าครึ่งหลัง ร็อดเจอร์ปรับเกมทันที ส่งลูคัสลงมาแทนคูตินโย่ เปลี่ยนมาเล่น 4-4-2 ไดมอนด์ ให้ลูคัสยืนขวา สเตอลิ่งยืนกลาง ขยับไล่บอลในแดนหน้าและกลางมากขึ้น พยายามตั้งเกมขึ้นมามากขึ้นกว่าในครึ่งแรก ส่วนทางเวสต์แฮมเองก็เน้นเกมรับรัดกุมหนักขึ้นไปกว่าครึ่งแรกอีก ทำให้ลิเวอร์พูลแม้จะครองบอลและตั้งเกมได้ดีขึ้น แต่หาช่องเจาะพืิ้นที่สุดท้ายแทบไม่ได้
_______ ลิเวอร์พูลพยายามทุกทางที่จะเจาะเข้าไปไม่ว่าจะเป็นเกมริมเส้นหรือเจาะตรง กลางแต่พื้นที่ไม่มี สุดท้ายโดนบีบให้ต้องโยนเข้าไปลุ้นในเขตโทษเป็นส่วนใหญ่ซึ่งก็โดนจัดการได้ หมด เล่นไปเล่นมาเกมก็วนลูปกลับไปคล้ายครึ่งแรก ในเว่อร์ชั่นที่ลิเวอร์พูลพาบอลขึ้นมาได้สูงกว่าเดิมเท่านั้นเอง ยิ่งพอผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกมไป ลิเวอร์พูลยิ่งดูหมดมุก หาทางไปไม่เจอและเริ่มเล่นพลาดออกบอลพลาดมากขึ้นอีกด้วย
_______ อย่างไรก็ตาม เกมรับของลิเวอร์พูลยังพอประคองทีมรอดมาได้แบบยังไม่เสียประตูเพิ่ม คู่เซ็นเตอร์รับมือกับคาโรลได้ดีขึ้น และเกมริมเส้นของเวสต์แฮมก็ได้โยนน้อยลง (ส่วนหนึ่งมาจากเวสต์แฮมถอยต่ำกว่าครึ่งแรกด้วยเลยโต้ลำบากขึ้น) ในที่สุดก็หาทางกลับมาได้แบบโชคช่วยนิดๆ นาที 71 ฟลานาแกนที่เติมสูงขึ้นไปในเขตโทษ เข้าถึงบอลก่อนอาเดรียน(ผู้รักษาประตูของเวสต์แฮม)แตะบอลได้แล้วโดนอาเดรี ยนรวบข้อเท้า ลิเวอร์พูลได้จุดโทษและเจอราร์ดรับหน้าที่ยิงไม่พลาด 2-1
_______ พอสกอร์ขยับอีกครั้งเกมเปลี่ยนทันที และก็เปลี่ยนไปแบบที่ทุกคนน่าจะนึกออก เวสต์แฮมเริ่มผละออกจากเขตโทษตัวเองดันกันขึ้นมาสูงขึ้น ไล่บอลแดนหน้าแบบบ้าคลั่งมากขึ้น แต่ก็ทำให้ลิเวอร์พูลมีพื้นที่ให้เล่นมากขึ้นเช่นกันและได้เล่นในเกมที่ตัว เองถนัดเสียที มีโอกาสได้ลุ้นประตูเพิ่มอีกหลายครั้งแต่ยังทำไม่สำเร็จ
_______ เวสต์แฮมพยายามจะเร่งเกมรุกและกดดันได้พอสมควรแต่ก็ไม่ต่อเนื่องนักเพราะตัด บอลกลับมาได้ค่อนข้างช้า ได้ครองบอลน้อย นาที 85 ตูเร่ได้ลงมาแทนสเตอริดจ์อีกคน ปรับมาเล่น 3-6-1 และเวลาที่เหลืออยู่ลิเวอร์พูลก็เลนปิดเกมเอาตัวรอดไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก (หมายถึงช่วงหลังจาก 2-1 เป็นต้นมา...ก่อนหน้านั้นอย่าไปนับ) 2-1
-----------------------------------------
_______ เวสต์แฮมชนะแทคติค แต่แพ้ที่ผลลัพธ์ครับนัดนี้
_______ 11 ตัวจริงเปลี่ยนแค่ตำแหน่งเดียว คือมีซาโก้แทนแอกเกอร์ซึ่งมีอาการบาดเจ็บ อาจจะเป็นโชคดีในโชคร้ายเพราะส่วนตัวแล้วผมคิดว่าซาโก้เหมาะกับเกมที่ต้อง ปะทะมากๆ แบบนี้มากกว่าแอกเกอร์ นอกจากนั้นตำแหน่งอื่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่ครึ่งแรกเวสต์แฮมคุมเกมได้ดีกว่าชัดเลย และครึ่งหลังก่อนที่จะโดนลูก 2-1 ก็ยังเป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าด้วย ลิเวอร์พูลมาดีกว่าเวสต์แฮมและคุมเกมได้จริงๆ ก็หลังจาก 2-1 ไปแล้วนั่นละครับ
_______ สาเหตุหลักเลยผมคิดว่าเป็นเพราะทางเวสต์แฮมเล่นดีครับ ทั้งทีมช่วยกันขยับวิ่งไล่ได้ดีตลอดเกม พิเศษใส่ไข่ตรงแดนกลางที่ทำได้ดีเอามากๆ ถ้าย้อนไปดูในเกมที่คล้ายๆ กันนี้คือนัดกับซันเดอร์แลนด์ วันนั้นซันเดอร์แลนด์ก็หยุดเกมรุกลิเวอร์พูลได้ ปิดพื้นที่สุดท้ายได้แน่น แต่ไม่ถึงขนาดหยุดให้แดนกลางพลิกบอลแทบไม่ได้(ครึ่งแรก)แบบที่เวสต์แฮมทำได้ ในนัดนี้ ครึ่งหลังก่อนเสียประตูผมคิดว่าพวกเขาถอยลงต่ำมากไปสักนิด แต่คุณภาพเกมรับในพื้นที่สุดท้ายก็ทำได้ดีมากแล้ว อันที่จริงถ้าในเกมรุกพวกเขามีคนสนับสนุนคาโรลได้ดีกว่าโนแลน...หรือโนแลนใน สภาพที่ฟิตสมบูรณ์ เกมนี้ลิเวอร์พูลไม่น่ากลับมาพร้อมกับ 3 แต้มเต็มแล้วด้วยซ้ำ
_______ มองที่การเปลี่ยนตัวและปรับเกมของร็อดเจอร์ วันนี้ผมคิดว่าเขาทำได้ดี และดีเอามากๆ กับการส่งลูคัสลงมาแทนคูตินโย่ในช่วงพักครึ่ง ประเด็นของผมไม่ได้อยู่ที่คูตินโย่ คือตอนนั้นจะเปลี่ยนสเตอลิ่งออกผมก็ไม่ได้รู้สึกต่างกันหรอก แต่การมีลูคัสลงมาช่วยทีมได้มากทั้งในเรื่องการเข้าไปปะทะกับคู่ต่อสู้ ที่เจอราร์ดวันนี้หลีกเลี่ยงการปะทะแบบสุดขีดจนทีมเสียเปรียบไปหลายครั้ง รวมไปถึงการช่วยเชื่อมเกมที่ทำได้ดีกว่าคูตินโย่(จะรวมสเตอลิ่งครึ่งแรกด้วย ก็ได้) จริงที่ว่าเล่นคนละตำแหน่ง, คนละแทคติค แต่ลูคัสเล่นง่ายกว่า เคลื่อนที่มากกว่า ซึ่งตอนนั้นทีมต้องการการครองเกมก่อนบอลทะลุช่องซึ่งลูคัสตอบโจทย์นั้นได้ดี กว่าในสถานการณ์นั้นครับ
_______ ส่วนการเปลี่ยนตูเร่ลงมาแล้วเล่น 3-6-1 ก็ไม่มีอะไรต้องสืบครับ ฝั่งนู๊นเค้าเอาคาร์ตันโคลกับยาวิสลงมาแล้วนี่ เปลี่ยนตูเร่ลงมาช่วยโหม่งในเขตโทษก็ไม่เลวนักหรอก
_______ ส่วนจุดโทษทั้ง 2 ลูก มันก็จุดโทษจริงๆ นั่นแหล่ะ ลูกแรกถือเป็นความแสบส่วนบุคคลของซัวเรส ถ้าสังเกตกันให้ดี ซัวเรสกระดกบอลลักษณะนี้บ่อยมากครับ แล้วจังหวะที่คู่ต่อสู้สปีดไปบังทางบอลใครมันจะวิ่งไปเอามือไขว้หลังไปได้ ล่ะ ทำให้บอลมันจะโดนมือ/เฉียดมือคู่ต่อสู้ที่วิ่งตามเข้ามาบ่อยๆ (เอาที่ใกล้หน่อยก็ราฟาเอลนั่นล่ะ แต่รายนั้นยกมือปัดชัดกว่านี้) แล้วซัวเรสก็จะฟ้องเอาจุดโทษทันทีไม่ฝืนเล่นต่อ จังหวะแบบนี้ว่ากันตามกติกามันก็จุดโทษละครับเพราะมันทำลายจังหวะที่จะนำไป สู่การลุ้นประตูได้ แต่ถ้าบอกว่ากองหลังมันชั่ว มันเลวร้าย มันตุกติก คงไม่ใช่ละครับ ลูกนี้ต้องเรียกว่าเสร็จโจร เอ้ย...เสร็จซัวเรสจริงๆ
_______ ส่วนลูกที่สองเป็นความแบ๊วของฟลานาแกน ลูกนี้ก็ฟาล์วแน่นฟาล์วจริงแต่มันไม่ได้รุนแรงนัก ผมยังสงสัยอยู่ว่าถ้าเป็นซัวเรสหรือสเตอริดจ์เป็นคนล้มกรรมการจะเป่าง่ายแบบ นั้นมั้ย แต่พอเป็นฟลานาแกนที่ล้มแบบไม่ได้ดีไซน์ท่า ประวัติขาวสะอาด แถมไม่มีอาการของคนจะเรียกร้องเอาจุดโทษเลยสักนิดด้วย ล้มไปแล้วก็ยังเพียรจะเล่นต่อ ...ลูกนี้เสร็จความแบ๊วครับ น่าตาไม่เป็นพิษเป็นภัยมันดีงี้นี่เอง
_______ ...เผลอแว๊บเดียว ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมจอมถล่มจุดโทษไปแล้วครับ....
_______ อ๊ะ แหม่... ไม่พูดไม่ได้เดี๋ยวจะกลายเป็นจ้องจับผิดทีมตัวเองไป ไอ้ลูกตีเสมอของเวสต์แฮมนีี่มันไม่สมควรได้ประตูเลยแม้แต่น้อย คาโรลเหนี่ยวแขนมินโยเล่เห็นๆ ผู้กำกับเส้นก็โบกธงแล้วแต่คงโบกช้าไปหน่อยผู้ตัดสินเลยไม่กลับคำตัดสิน นอกจากนั้นแม้จะชนะแค่ 2-1 แต่นัดนี้ลิเวอร์พูลยิงทั้งเสาทั้งคานกันสนั่นไปเลยครับ
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้
มินโยเล่ - เล่นลูกกลางอากาศได้ดีกว่าที่คิดไว้ ไม่ได้ถึงกับเด็ดขาดแต่ก็ขึ้นถึงบอลทุกลูก ชกขาดมั่งไม่ขาดมั่งก็ยังดีกว่าขึ้นวืดละนะ ลูกที่เสียประตูที่จริงเขาก็รับได้แล้วด้วยซ้ำ เปิดบอลได้ค่อนข้างดีและทำได้น่าประทับใจกับการดึงช้าดึงเร็วที่ทำได้เนียน ตาขึ้น
จอห์นสัน - เปลี่ยนชื่อเป็นเกรียม จอห์นสันอยู่ ราวๆ 15 นาทีแรกของเกม ดีว่าหลังจากนั้นก็เริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางมากขึ้น เชื่อมเกมพอใช้ได้ไม่ถึงกับดี เกมรุกวันนี้เติมได้น้อยและช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่
ซาโก้ - ช่วยเบียดแย่งโหม่งได้ค่อนข้างดี ต้นเกมยังดูจับจังหวะไม่ค่อยได้แต่เล่นไปแล้วค่อยๆ ดีขึ้น ผลงานโดยรวมใช้ได้ จังหวะเข้าบอลเร็วก่อนบอลถึงกองหน้าทำได้ค่อนข้างดี ถ้าจะมีอะไรชวนหลอนก็คงเป็นการผ่านบอลขึ้นหน้า ...หางานให้เพื่อนตลอดครึ่งแรก
สเคอเทล - ตามลวนลามคาโรลอยู่ตลอดเกม ไม่ถึงกับล็อคคาโรลตายคาสนามแต่ก็ทำให้เล่นได้ไม่ต่อเนื่องเท่าไหร่ ช่วยทีมในลูกกลางอากาศไว้ได้เยอะทีเดียว
ฟลานาแกน - เชื่อมเกมใช้ได้ เติมเกมได้มีวิจารณญาณสติสัมปชัญญะวุฒิภาวะมากขึ้นแล้ว ยังมีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ให้เห็นบ้าง และเกมรับโดยเฉพาะการดวลตัวต่อตัวกับคู่ต่อสู้ยังต้องปรับปรุงอีกพอสมควร แต่วันนี้ก็ยังเล่นได้ในฟอร์มที่น่าพอใจ เติมเกมจังหวะสำคัญจนนำมาสู่จุดโทษเฉือนชนะได้ด้วย
เจอราร์ด - ครึ่งแรกเล่นเหมือนมีป้ายไฟตัวใหญ่ๆ ชูอยู่บนหัวว่า "ไม่เอาใบเหลือง" หลีกเลี่ยงการปะทะแบบสุดขีดคลั่ง เอาแค่วิ่งไปเร่งคู่ต่อสู้ก็แทบไม่เฉียดเข้าไปใกล้แล้ว มองระยะยาวก็ถือว่าทำเพื่อทีม มองระยะสั้นแค่ในเกมนี้ครึ่งแรกถือว่าเจอราร์ดเล่นเกมรับไม่ดีเลย(ครึ่งหลัง ก็ใช่จะดี แต่มันมีให้เล่นน้อยลง) แต่สำหรับการเชื่อมเกมและที่สำคัญคือการออกบอลยาวไปที่วางมุมธง คุณพี่ยังทำได้ดีไม่มีบกพร่อง ประตูแรกก็ได้เพราะบอลยาวของเขานี่ล่ะ จุดโทษสองลูกก็ยิงได้ดีด้วย
เฮนเดอร์สัน - พลิกบอลเล่นได้น้อยมาก ออกบอลเกมรุกแทบไม่ได้ ยังดีว่ามีลูกหนักลูกขยันเข้าช่วยที่พอจะทำให้เขาสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ มากกว่าทั้งคูตินโย่(ครึ่งแรก)และสเตอลิ่ง(ก่อน 2-1)
คูตินโย่ - หาพื้นที่ว่างไม่ค่อยได้ไม่ว่าจะเพื่อวิ่งไปรับบอลหรือออกบอลไปให้เพื่อน ได้แต่เชื่อมเกมเคาะใกล้ๆ เป็นส่วนใหญ่เท่านั้น
สเตอลิ่ง - ครึ่งแรกก็ยังเงียบอยู่ตามประสาสเตอลิ่งที่ไม่มีพื้นที่ให้เล่น ครึ่งหลังปรับแทคติคยืนหลังคู่กองหน้าแล้วก็ทำได้พอๆ กับคูตินโย่ ในช่วงครึ่งแรกเท่านั้น ดีกว่านิดหน่อยตรงวิ่งหาที่ว่างและวิ่งไล่ได้ดีกว่าพอสมควร แต่ในเรื่องเกมรุกแทบไม่ต่างกัน แต่พอ 2-1 เท่านั้นแหล่ะ เล่นออกเล่นได้ขึ้นมาทีเดียวเชียว
สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกโดนปิดพื้นที่เล่นจนต้องถอยมาช่วยเคาะบอลแดนกลางอยู่หลายครั้ง ครึ่งหลังก็ยังสลัดตัวประกบไม่ค่อยจะหลุด ที่น่าประทับใจคือทั้งๆ ที่โดนประกบติดแต่เจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์หาจังหวะยิงได้พอสมควรเลย (เป็นกองหน้าอีกหลายคนเจอแบบนี้คงหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว) แม้ส่วนใหญ่เป็นจังหวะต้องเร่งยิงและยังทำได้ไม่ดีพอ...ที่จะทำให้ผู้รักษา ประตูต้องเซฟ
ซัวเรส - ทำเกมได้ดีโดยเฉพาะการเลี้ยงจี้ เรียกฟาล์วได้เก่งมากๆ กดดันคู่ต่อสู้ได้ดี...รวมไปถึงผู้ตัดสินด้วย
ตัวสำรอง
ลูคัส - ลงมาเล่นในตำแหน่งที่ไม่ค่อยได้เล่น เชื่อมเกมได้ดีในแง่ว่าช่วยรักษาการครองบอล เกมรับดีกว่าคูตินโย่แน่นอนและขึ้นไปช่วยเกมรุกพอใช้ได้ด้วย
ตูเร่ - สกัดได้ถ้าบอลมาถึง สร้างความเสียวเล็กน้อยกับการโหม่งผิดเหลี่ยมช่วงท้ายเกมดีว่ามินโยเล่ยังไม่ถลำออกมา
แฮนด์ ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... นัดนี้มีมือโดดเด่นอยู่หลายข้างเลยครับ ทั้งมือทอมกินส์ที่ไปโดนบอลเสียจุดโทษครั้งแรก, มือคาโรลที่ไปเหนี่ยวและมือมินโยเล่ที่โดนเหนี่ยวจนบอลหลุด เสียประตูตีเสมอ, มือผู้กำกับเส้นที่...ม่างโบกธงช้าเหลือเกิน, มือผู้ตัดสินที่โบกให้ไปตั้งเตะใหม่(ได้ประตู), ไหนจะมืออาเดรียนที่ไปรวบข้อเท้าฟลานาแกนอีกล่ะ แต่นัดนี้ขอยกให้มือของซัวเรสครับ จังหวะที่ฟ้องผู้ตัดสินว่าทอมกินส์แฮนด์บอลด้วยท่าประจำ คือเอามือขวาตีๆๆ มือซ้ายตัวเองให้กรรมการดู หน้าตาท่าทางมันมาจากอินเนอร์จริงๆครับ ทั้งๆ ที่ตัวเองน่าจะตั้งใจอยู่ไม่น้อยล่ะที่กระดกบอลไปแบบนั้น แสบดีจริงๆ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)