วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557
สโต๊ค 3 - 5 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)
...มันส์สุดขีด...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-2-3
-------------------------ซัวเรส-------------------------
คูตินโย่-----------------------------------------สเตอริ่ง
---------------เฮนเดอร์สัน--------ลูคัส-----------------
------------------------เจอราร์ด------------------------
ซิสโซโก้--------ตูเร่----------สเคอเทล--------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------
_______ หลังจากถูกคั่นด้วยเกมเอฟเอคัพ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนสโต๊ค มีการปรับทีมเล็กน้อยจากนัดที่เจอฮัลล์ ตูเร่กับเจอราร์ดได้กลับมาเป็นตัวจริง และในม้านั่งสำรองยังมีชื่อของสเตอริดจ์กลับมาแล้วด้วย ส่วนทางฝั่งสโต๊คมีเด็กเก่าของลิเวอร์พูลอย่างเคร้าช์ยืนเป็นหน้าเป้าและชาลี อดัมเป็นตัวทำเกมหลัก
-------------------------------------------------------
_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายเน้นไล่ในแดนตัวเองเป็นหลัก ยังเล่นกันแบบระวังตัวอยู่ แต่เพียงแค่ 5 นาทีลิเวอร์พูลก็ออกนำก่อนจากจังหวะที่สเตอริ่งได้บอลแถวมุมเขตโทษฝั่งขวา จ่ายบอลเข้ากลางมาไม่ค่อยดีนักแต่บอลเลยมาเข้าทางซิสโซโก้ยิงไกลเต็มแรง บอลไม่น่าจะเข้ากรอบแต่ไปโดนตัวชอครอสเด้งเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลนำเร็ว 1-0
_______ ลิวเอร์พูลดันแผงหลังขึ้นมาค่อนข้างสูง ขยับเอาคูตินโย่ไปช่วยเชื่อมตรงกลางบ่อย โดยเน้นเกมโต้เร็วมากกว่าการตั้งเกมขึ้นมา ใช้สเตอริ่งเป็นตัวทำเกมหลัก ส่วนทางสโต๊คในจังหวะรับจะห้อยเคร้าช์ไว้คนเดียว เกมรุกจะเน้นเกมริมเส้นโดยเฉพาะทางซิสโซโก้เป็นหลักซึ่งได้ผลพอสมควรเพราะได้เปิดบอลเข้าเป็นระยะ รวมไปถึงหาโอกาสไล่บอลในแดนหน้าในจังหวะขึ้นบอลของลิเวอร์พูลซึ่งทำได้ค่อนข้างดี เกมโดยรวมยังไม่ค่อยต่อเนื่องทั้งคู่เพราะกรรมการนกหวีดหวาน เกมหยุดเพราะมีฟาล์วบ่อย
_______ ผ่านไปราว 20 นาทีสโต๊คยังได้ลุ้นจากลูกเปิดเข้ากลางสลับกับลูกตั้งเตะอยู่เรื่อยๆ ลิเวอร์พูลเองก็โต้ขึ้นไปหาโอกาสลุ้นได้ไม่น้อย แล้วก็เป็นลิเวอร์พูลที่ประตูนำห่างก่อนในนาที 32 จากจังหวะที่สเคอเทลสกัดสาดยาวมาข้างหน้าแล้วกองหลังสโต๊คพลาดทั้งคู่ คนแรกเข้าถึงบอลก่อนโหม่งคืนผู้รักษาประตูสั้นไป คนที่สองก็พยายามจะแตะคืนให้ผู้รักษาประตูแทนที่จะสกัดทิ้ง กลายเป็นซัวเรสเข้าถึงบอลจิ้มเข้าไปได้สำเร็จ 2-0
_______ หลังถูกนำห่าง ลิเวอร์พูลยังคงเล่นเกมเร็ว เน้นการโต้กลับซึ่งได้ลุ้นอยู่บ้างแต่ก็ทำให้เสียบอลกลับไปเร็วเช่นกัน ส่วนสโต๊คเร่งเกมมากขึ้นและดันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จังหวะสุดท้ายส่วนใหญ่จบด้วยการเปิดบอลเข้ามาจากริมเส้นซึ่งก็ทำได้สำเร็จในเวลาไม่นาน นาที 39 จากจังหวะเปิดบอลเข้ามาจากทางริมเส้นฝั่งจอห์นสัน บอลมาย้อนหลังแต่เคร้าช์ถอยไปโหม่งเช็ดเบียดเสาเข้าไปได้ 2-1 เท่านั้นยังไม่พอ ลิเวอร์พูลยังมาพลาดอีกครั้งในนาที 45 จากจังหวะที่ถูกตัดบอลไปได้จังหวะจะตั้งเกม สุดท้ายบอลไปเข้าทางอดัมยิงไกลจากหน้าเขตโทษผ่านมือมินโยเล่ตีเสมอได้สำเร็จ 2-2 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาไล่บอลในแดนกลางได้เร็วขึ้นนิดหน่อย ส่วนสโต๊คลงมาเดินหน้าทำเกมรุกต่อเหมือนในช่วงท้ายครึ่งแรก ไม่ได้ระวังพื้นที่ของตัวเองมากนักจนมาพลาดก่อนอย่างรวดเร็ว นาที 50 จากจังหวะบอลยาวจากแดนหลัง บอลไปเข้าทางกองหลังสโต๊คแล้วแต่สเตอริ่งวิ่งไปปั้มบอลมาได้จนหลุดเดี่ยว พาบอลเข้าไปได้ถึงในเขตโทษก่อนจะโดนปะทะแล้วล้มลงไป...กรรมการเป่าจุดโทษแบบไม่ลังเล เจอราร์ดรับหน้าที่ยิงไม่พลาด 3-2
_______ แม้สกอร์จะขยับแต่รูปเกมยังแทบไม่เปลี่ยน สโต๊คยังตะบี้ตะบันรุกริมเส้นจี้ไปทางซิสโซโก้เป็นหลักแล้วก็ได้เปิดแทบทุกลูก เปิดติดจนได้ทุ่มได้เตะมุมบ้าง บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษเลยบ้างโดนโหม่งทิ้งบ้างแต่ประเด็นคือพวกเขาก็ยังไ้ด้เปิดอยู่บ่อยๆ ลิเวอร์พูลเองก็ตั้งเกมหรือทำเกมต่อเนื่องไม่ค่อยได้ แถมกองหลังในครึ่งหลังนี้ไม่กล้าเก็บบอล หนักไปทางสกัดทิ้งเอาแน่นอนเป็นหลักยิ่งทำให้เกมรุกไม่ต่อเนื่องเข้าไปอีก
_______ นาที 66 สเตอริดจ์ได้ลงแทนคูตินโย่ที่เล่นไม่ค่ีอยออก ขยับสเตอริดจ์มาเล่นหน้าคู่แล้วให้เฮนเดอร์สันไปยืนทางซ้าย เน้นคุมพื้นที่มากขึ้นกว่าเดิม แล้วหันมาเล่นบอลยาวโต้กลับเต็มตัว ซึ่งคนที่ลงมาก็ไม่ทำให้ผิดหวังและไม่ต้องรอนานนัก นาที 71 จังหวะโต้กลับสเตอริดจ์พาบอลมาเองจากครึ่งสนามถึงหน้าเขตโทษก่อนจะผ่านบอลไปข้างหลังให้ซัวเรสแบบไม่ต้องมอง ซึ่งซัวเรสก็ไม่พลาดยิงเสียบเสาสองเข้าไปได้ 4-2
_______ เกมทำท่าว่าจะสบายแล้วสำหรับลิเวอร์พูล เพราะถอยไปรับกันต่ำพื้นที่หน้าและในเขตโทษแน่น แบ็คสองข้างมีคนช่วยซ้อนมากขึ้น เกมโต้ก็ยังพาบอลไปถึงข้างหน้าได้พอสมควร สโต๊คเองก็ทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่าเดิม ยังเล่นได้แค่มิติเดียว แต่ลิเวอร์พูลก็มาพลาดอีกจนได้ในนาที 83 จังหวะจะขึ้นบอลแล้วโดนตัดได้(อีกแล้ว) สโต๊คตัดได้ทำเร็วจังหวะสุดท้ายเป็นวอลเตอร์ที่ได้บอลแถวหน้าจุดโทษ หาจังหวะยิงเรียดลอดขาตูเร่และลอดมือของมินโยเล่เข้าไปได้ 4-3
_______ โดนไล่จี้เข้ามาลิเวอร์พูลก็เริ่มกดดันและเล่นผิดพลาดมากขึ้นแล้ว สโต๊คยังคงเล่นแบบสโต๊คๆ ต่อไปไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่นหรือคุณภาพในการเล่น ได้ลุ้นเป็นระยะแม้จะได้ยิงหรือโหม่งจะๆ ไม่มากนัก ยังดีว่านาที 87 จังหวะโต้เร็ว เจอราร์ดวางยาวให้สเตอริ่งเก็บบอลลงได้ก่อนจะผ่านให้ซัวเรสวางลึกไปเสาสอง สเตอริดจ์เข้าชาร์จติดเซฟแต่ยังอุตส่าห์ตามไปเก็บบอลจากมุมแคบเลี้ยงกลับเข้ามายิงได้สำเร็จ 5-3 ให้ลิเวอร์พูลเล่นได้ง่ายขึ้น ไม่ต้่องลุ้นหนักยันจบเกม
_______ อย่างไรก็ตาม เกมรับของลิเวอร์พูลยังสร้างความเมามันส์ได้อีกแม้เวลาจะเหลืออีกแค่ห้านาทีกว่าๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกโหม่งชนเสาของเคร้าช์ในนาที 90 และการขึ้นโหม่งสะบัดลูกเตะมุมของเจอราร์ดที่ทำได้สุดยอดสมบูรณ์แบบแต่ติดเซฟมินโยเล่อย่างเหลือเชื่อ? ทำให้เกมยังคงสนุกยันนาทีสุดท้ายก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์ท่วมท้น 5-3
-----------------------------------------
_______ สนุกสุดหวีดครับวันนี้ ทั้งจำนวนประตู ทั้งการเล่นในสนาม
_______ 11 ตัวจริงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักและน่าจะเป็นทีมที่ดีที่สุดที่ลงสนามได้ของทีมแล้ว แต่มีการเปลี่ยนวิธีการเล่นเล็กน้อย โดยร็อดเจอร์ถอยเอาเจอราร์ดยืนต่ำแค่คนเดียว แล้วดันเอาลูคัสไปยืนสูงคู่เฮนเดอร์สัน เน้นไล่บอลตั้งแต่แถววงกลมกลางสนามรวมไปถึงใช้สองคนนี้เป็นหลักในการตั้งและเกมรุก(ที่ไม่ใช่จังหวะโต้)ด้วย ไม่ใช่ว่าร็อดเจอร์จะไม่เคยใ้ห้ลูกทีมเล่นลักษณะนี้ (เห็นมาบ้างแล้วโดยเฉพาะตอนที่ใช้อัลเลนกับเฮนเดอร์สัน) แต่ก็ไม่ได้เล่นเต็มเกม, เล่นตั้งแต่ต้นเกม ส่วนการให้เจอราร์ดคอยวางบอลยาว, การขยับคูตินโย่เข้ามาเล่นข้างในบ่อยๆ และการใช้สเตอริ่งวิ่งหาที่ว่างรับบอลยาวนั้นยังคงเหมือนเดิม
_______ ถ้าจะดูเฉพาะวิธีการเล่นในช่วงต้นเกม ก็ต้องถือว่าร็อดเจอร์ปรับมาได้ดีเพราะสโต๊คไม่ได้เน้นเจาะตรงกลางอยู่แล้ว เจอราร์ดคนเดียวก็เหลือเฝือ ส่วนการมีลูคัสกับเฮนเดอร์สันอยู่ข้างหน้าทำให้จังหวะไล่บอลแถววงกลมกลางสนามทำได้เร็วขึ้น ในเกมรุกก็ลดการพึ่งพาแบ็คลงไปได้มากเพราะมีตัวต่อบอลในแดนกลางเยอะขึ้น ในสถานการณ์ที่แบ็คสองข้างช่วยเล่นเกมรุกได้ไม่ดีนักแบบนี้ผมคิดว่าเป็นการปรับที่ช่วยทีมได้ดีทีเดียว
_______ อย่างไรก็ตาม การปรับวิธีการเล่นก็ส่งผลกับทีมพอสมควรโดยเฉพาะกับเกมรับและความผิดพลาดที่มีมากขึ้น 2 ใน 3 ลูกที่ลิเวอร์พูลเสียไปเกิดจากการไม่เข้าใจกันระหว่างเจอราร์ดกับเฮนเดอร์สันและลูคัสที่พยายามจะชิ่งบอลกันแล้วโดนแซะไปได้ ซึ่งในวันที่ใช้กองกลางสองคนช่วยขึ้นเกมนั้นพลาดลักษณะนี้น้อยกว่า แทบแบ็คสองข้างก็ยังขาดคนช่วยซ้อนอยู่ร่วม 1 ชั่วโมงเพราะ ริมเส้นทั้งสองข้างไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะถอยลงมาช่วยได้ สเตอริ่งต้องไปรอรับบอลยาว คูตินโย่ต้องคอยขยับเข้าใน ทำให้แบ็คสองข้างที่เล่นไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วยิ่งเข้ารกเข้าพงทะลุดงหญ้ามุ่งหน้าสู่อ่าวไทยไปกันใหญ่ โดนโจมตีอย่างหนักอยู่ตลอดเกมและสร้างความกดดันให้กับทีมอยู่ตลอด
_______ ได้อย่างเสียอย่างครับ ถ้าดูจากผลลัพธ์ก็ต้องถือว่าโอเคนะเพราะทีมชนะได้ในที่สุดนั่นแหล่ะ
_______ สิ่งที่ทำให้รูปเกมออกมาเป็นอย่างที่เห็นผมให้น้ำหนักครึ่งๆ ระหว่างวิธีการเล่นกับฟอร์มการเล่น ซึ่งหมายถึงจากทั้งสองทีมด้วย ในเรื่องวิธีการเล่น สำหรับลิเวอร์พูลก็เป็นไปตามที่ว่าไปข้างต้น ส่วนฝั่งสโต๊คนี่มันเล่นได้อย่างเดียวพวกพี่แกก็เล่นมันอย่างเดียวจริงๆ วิ่งตัดบอลแดนกลางแย่งบอลมาเข้าทำเร็ว, จะตั้งเกมก็โยนใส่เคร้าช์สลับวางไปมุมธงแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาโยนๆๆ เข้ากลาง ลีลาไม่เน้น หลากหลายไม่ต้อง ถ้าผู้จัดการทีมของพวกเขาคิดมากกว่านี้พยายามไปเปลี่ยนวิธีเล่น สโต๊คอาจจะเน่าตายไปตั้งกะโดนลูก 3-2 แล้ว ก็ต้องนับว่าเป็นความเจียมตัวแบบรู้จักตัวเองดีที่ทำให้พวกเขาได้ลุ้นอยู่เกือบทั้งเกมทั้งๆ ที่โดนนำ 2-0 ก็แล้ว 4-2 ก็แล้ว
_______ ส่วนเรื่องฟอร์มการเล่น สำหรับลิเวอร์พูลแน่นอนว่าเน้นไปที่แบ็คสองฝั่งที่ออกตามหาฝั่งกันทั้งคู่ แต่กองหน้าสองคนดันหาโอกาสได้ จบสกอร์ดี ส่วนสโต๊คก็จิ้มไปที่เด็กเก่าสองคนคือเคร้าช์และอดัมที่เล่นได้ดี เป็นแกนหลักในเกมรุกของสโต๊คเลยทีเดียว รวมๆ แล้วเกมมันเลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นละครับ
_______ จังหวะสำคัญของเกม อาจจะไม่ถึงขั้นจุดเปลี่ยนเพราะมันไม่ได้เปลี่ยนเกมสักเท่าไหร่ แต่ก็แน่นอนว่าจุดโทษ 3-2 ที่ทำให้ลิเวอร์พูลแม้จะดูเสียเปรียบนิดๆ เรื่องรูปเกมแต่ก็อยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบอยู่ต่อไป จังหวะนั้นปะทะเบาและธรรมดามากครับ อยู่ที่ดุลยพินิจของผู้ตัดสินซึ่งจะเป่าให้จุดโทษก็ให้ได้แหล่ะ แต่ถ้าความเห็นส่วนตัวผมว่าลูกนั้นก็ไม่น่าได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามองจากการที่ผู้ตัดสินนั้นนี้ขยันเป่าเหลือเกิน เดี๋ยวฟาล์วๆ อยู่ตลอดเกม จังหวะแบบนั้นให้ก็เลยไม่แปลกเท่าไหร่....มั้ง (เข้าข้างตัวเองอยู่ครับ) ถ้านกหวีดหนักตลอดเกมแล้วมาเป่าลูกนั้นนี่อาจโดนดักตีกบาลแยกได้
_______ นัดนี้จะว่าโชคดีก็ได้ครับ ลูกแรกกับลูกสามนี่ก็ชัดอยู่ว่าโชคช่วย แต่ถึงอย่างนั้นก็พูดได้ว่าเกมรุกของลิเวอร์พูลยังดีอยู่ แม้จะต้องพึ่งซัวเรสกับสเตอริดจ์ในการจบสกอร์อยู่มาก ... แต่เราก็บอกว่า "ถ้าไม่มี" "ถ้าไม่นับ" มันก็ไม่ได้นะครับ สองคนนี้มันก็ผู้เล่นของทีมนี้ สเตอริ่งก็ทำตามหน้าที่ได้ดี ทำให้เกมโต้กลับดูดีทีเดียว คูตินโย่ก็เหลือแค่ยิงให้มันเข้าสักทีแค่นั้นเอง ง่ายๆ ว่าโดนยิง 3 ลูกแล้วยังชนะได้ ไม่เรียกว่าเกมรุกดีแล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ?
________ ...เกมนี้สนุกครับ แต่จะให้ดีขอสนุกน้อยลงกว่านี้ ชนะสักหนึ่งศูนย์สองศูนย์ก็ได้ แนวรับไม่ต้องสร้างความมันส์ให้ขนาดนี้ก็จะดีมาก...
-------------------------------
นัดนี้เล่นกันได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง
มินโยเล่ - เน้นก๋วยเตี๋ยวไม่เน้นเกาเหลา เป็นคนรักเส้นมากกก ไม่ค่อยยอมจะแยกจากกัน หลายครั้งที่ควรจะออกมาปิดมุมหรือตัดบอลโด่งห่างจากเส้นก็ไม่ออก บางครั้งตัดสินใจทิ้งเส้นออกมาก็ค่อนข้างช้า แต่กับลูกเซฟเขายังทำได้น่าประทับใจทีเดียว เซฟลูกสำคัญไว้ได้ 2-3 ครั้ง ที่เข้าตาสุดๆ ก็คงเป็นลูกโหม่งของวอลเตอร์กับเจอราร์ดนั่นหล่ะ อ้อ...แต่ก็ยังมีส่วนพลาดในลูกที่สามนะ ลูกนั้นน่าจะเอาอยู่
ซิสโซโก้ - เกมรับมีปัญหามาก โอเคยังสกัดและบล็อคลูกยิงได้บ้าง แต่แย่งบอลกลับมาได้น้อยเหลือเกินและคู่ต่อสู้ได้เปิดบอลเยอะมากเกินไป การเชื่อมเกมไม่ถึงกับดีและเกมรุกก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ตูเร่ - มีปัญหาในจังหวะประกบเคร้าช์พอสมควร ดีตรงที่ทำให้เคร้าช์พลิกบอลแทบไม่ได้ ใน 90 นาทีนี้เคร้าช์แทบจะไม่เห็นหน้ามินโยเล่เลยแต่ถึงอย่างนั้นตูเร่ก็ปิดเกมของเคร้าช์ไม่ได้ ประกบพลาดตอนเสียลูกแรกและสร้างปัญหาให้วอลเตอร์ในจังหวะเสียลูกที่สามได้น้อยไปด้วย ยังผ่านบอลขึ้นได้ดีสุดในแผงหลัง
สเคอเทล - ยังดึงอยู่ตอนเล่นลูกตั้งเตะแต่น้อยลงบ้างแล้ว ซ้อนเพื่อนได้ค่อนข้างดีและเข้าสกัดได้เด็ดขาด...ไปหน่อย หนักไปทางสาดทิ้งเยอะ
จอห์นสัน - ซิสโซโก้เวอร์ชั่นบล็อคลูกเปิดไม่ค่อยได้
ลูคัส - มีพื้นที่ให้ต้องเล่นมากขึ้น ทำได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะการเคลื่อนที่ที่ทั้งตามลงไปแย่งบอลหรือหยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้เป็นระยะ และการเคลื่อนที่รับบอล,ทำทาง จังหวะเด็ดขาดในเกมรุกไม่มีให้เห็นแต่เขาเองก็แทบไม่ได้เล่นบทบาทนี้แบบเต็มตัวเต็มเกมแบบนี้มานานแล้ว
เฮนเดอร์สัน - มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนัก มีบอลยาวสวยๆ ให้เห็นนิดหน่อยไม่มากนัก ยังขยันวิ่งไล่ให้คู่ต่อสู้ต้องคายบอลเร็วได้ดีพอสมควรแต่ก็ไม่ดีเท่าลูคัส
คูตินโย่ - เชื่อมเกมพอใช้ได้ บอลผ่านสวยๆ แทบไม่มี มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนักเช่นกัน ดีตรงที่หาพื้นที่ได้ดี พาตัวเองไปยิง, พาบอลไปหาที่ยิงได้ดีจริงๆ แต่ยิงได้ไม่ดีจริงๆ เหมือนกัน
สเตอริ่ง - เป็นเด็กนอกกรอบ ตราบใดที่ยังไม่ถึงเขตโทษสเตอริ่งทำได้ดีทุกอย่าง เป็นตัวหลักในเกมโต้กลับของทีมและทำหน้าที่นั้นได้ดีมากด้วยในนัดนี้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไปถึงเขตโทษ...เตรียมถอนหายใจได้เลย จังหวะเรียกจุดโทษให้กับทีมได้ผมไม่มองว่าสเตอริ่งทำได้ดี เพราะถ้าเป็นผู้ตัดสินคนอื่นๆ ดีไม่ดีจะโดนใบเหลืองเอา แล้วจังหวะนั้นถ้าเขาสปีดเข้าไปตั้งแต่แรกรับรองคู่ต่อสู้เห็นแต่ตูดครับ ไม่ได้มาแซะอยู่ข้างๆ หรอก
เจอราร์ด - ออกบอลพลาดเยอะครับ คือที่ดีก็มีอยู่ล่ะ แถมที่ดีมากก็มีไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งด้วย แต่จังหวะที่พลาดมันเยอะกว่าจริงๆ อย่างไรก็ตาม การอ่านเกมที่ดีของเขาช่วยทีมไว้ได้เยอะ ทั้งการดักตัดการผ่านบอลของคู่ต่อสู้และจังหวะการโต้กลับที่เลือกเล่นได้ดี...ถ้าไม่ติดว่าหลายจังหวะที่โต้นั้นออกบอลพลาดเยอะ เกมนี้ยิงได้ทะลุครึ่งโหลแน่นอน
ซัวเรส - ครึ่งแรกได้บอลไม่มากนักแต่ความขยันก็ช่วยให้เจ้าตัวยิงได้ 1 ลูก ครึ่งหลัง ครึ่งหลังมีส่วนกับเกมมากขึ้น เรียกฟาล์วได้ดีและผ่านบอลได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสเตอริดจ์ลงมาเหมือนมาม่าได้น้ำร้อน อร่อยเด็ดทีเดียว
ตัวสำรอง
สเตอริดจ์ - เป็นตัวสำรองคนแรกของลิเวอร์พูลในรอบหลายสิบนัดที่ลงมาแล้ว...พลิกเกมไปในทางที่ดีขึ้นได้
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ราฮีม สเตอริ่ง... แม้จะชื่นชมกองหน้าคู่ที่ยิงคมและทำผลงานได้ดี แถมบ่นสเตอริ่งเป็นเด็กนอกกรอบ แต่นัดนี้เจ้าตัวมีส่วนร่วมกับเกมเยอะมาก ทำตามหน้าที่ได้ดีโดยเฉพาะในเกมโต้กลับ ลูก 1,3,5 เขาก็มีส่วนร่วมด้วย
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
ป้ายกำกับ:
ซัวเรส,
สเตอริ่ง,
สเตอริดจ์,
สโต็ค 3-5 ลิเวอร์พูล,
sas
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น