วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 2 - 2 น็อตเค้าตี้ (รวมทดเวลาลิเวอร์พูลชนะ 4-2)(ลีคคัพ)


...ให้ตายสิชีวิตหงส์...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

----------------------สเตอริดจ์------------------------
สเตอริ่ง-------------------------------------------ไอบ์
-------อัลเลน--------อัลแบร์โต้--------เจอราร์ด------
ซิสโซโก้-------วิสดอม---------ตูเร่่----------จอห์นสัน
-----------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลลงเล่นในบ้านในเกมลีคคัพ เจอทีมจากลีควันอย่างน็อตเค้าตี้ ร็อดเจอร์ส่งผู้เล่นตัวจริงผสมตัวสำรองและดาวรุ่งตาม รายชื่อด้านบน อัลแบร์โต้ยืนสูงกว่าอัลเลนและเจอราร์ดเล็กน้อย ในม้านั่งสำรองยังมีพวกตัวชุดใหญ่เผื่อเหนียวไว้อีกหลายคน เรียกว่าที่ให้ข่าวก่อนเตะว่าจะเน้นนี่ร็อดเจอร์ไม่ได้พูดเล่นเลย
-------------------------------------------------------

_______ ขอพักหายใจแปปนึงครับ มันยาวกว่าที่คิดครับนัดนี้

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มต้นเกมอย่างช้าๆ เล่นไปตามช่องตามจังหวะไม่ได้เร่งอะไรมาก ทั้งอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์ได้ประตูนำเร็วตั้งแต่นาที 4 เป็นสเตอริ่งได้บอลแถวๆ กลางแดนคู่ต่อสู้แตะหลบลากไปถึงหน้าเส้นเขตโทษและยิงเข้าไปได้ 1-0 หลังจากได้ประตูนำลิเวอร์พูลเริ่มเร่งเกมขึ้น ไล่เร็วตั้งแต่แดนหน้า และเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

_______ นาที 10 ซิสโซโก้เจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว แอกเกอร์ต่อลงมาแทนแล้วขยับเอาจอห์นสันมาเล่นแบ็คซ้าย วิสดอมเล่นแบ็คขวา แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับรูปเกม ลิเวอร์พูลคุมเกมเอาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แผงหลังดันสูงถึงครึ่งสนาม ตัดบอลกลับมาได้ไว นอตเค้าตี้อย่าว่าแต่จะบุก แค่ต่อบอลกันขึ้นมาให้ถึงครึ่งสนามยังทำแทบไม่ได้ กลายเป็นเกมของลิเวอร์พูลฝ่ายเดียว

_______ ลิเวอร์พูลมีจังหวะจบสกอร์บ่อยพอๆ กับโฆษณาคั่นละครหลังข่าว และมาทำประตูได้สำเร็จในนาที 29 จากจังหวะที่เจอราร์ด(มองไม่ชัด แต่เห็นท่าเปิดบอลคิดว่าใช่) จ่ายยาวทะลุช่องให้สเตอริดจ์หลุดเข้าไปยิงได้ 2-0 หลังจากนั้นรูปเกมก็ยังไม่เปลี่ยน ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ประตูนำห่างอีกแต่ทำกันไม่ได้ ทั้งยังมีเสาบ้างคานบ้างมาช่วยเซฟ ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์อยู่ที่ 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง น็อตเค้าตี้กลับลงมาพยายามจะเปิดเกมสู้ ดันผู้เล่นขึ้นมาช่วยเกมรุกมากขึ้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต่อบอลกันไม่แม่น กลับเป็นลิเวอร์พูลที่เล่นไปตามจังหวะได้ลุ้นจบสกอร์มากกว่า แต่จังหวะเข้าทำเล่นฝืนกันไปเอง เพื่อนว่างไม่จ่าย บางครั้งก็พยายามจะทำเองมากเกินไปจนเสียบอล เกมกลางสนามที่ทำได้ยอดเยี่ยมในครึ่งแรกก็เริ่มเปิดพื้นที่ให้คู่ต่อสู้มากขึ้น แต่โดยรวมแล้วน็อตเค้าตี้ก็ยังทำอะไรไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่ากดดันได้เลย

_______ แต่แล้วนาที 62 จากจังหวะฟรีคิกระยะไกล น็อตเค้าตี้วางบอลไปทางมุมเขตโทษและโหม่งย้อนกลับเข้ากลางมา แนวรับลิเวอร์พูลสื่อสารกันผิดพลาด ตูเร่ถลำลงไปคุมพื้นที่แต่เพื่อนยืนขาตายเหมือนจะเชคล้ำหน้า จังหวะวิ่งตามลงมาเลยช้าไปหนึ่งก้าว ปล่อยให้กองหน้าชื่ออ่านยากอย่างอาแกงได้โหม่งโล่งๆ ผ่านมือมินโยเล่เข้าไปได้เป็น 2-1

_______ เท่านั้นยังไม่พอ นาที 65 อัลเลนมีอาการบาดเจ็บทำให้ต้องส่งเฮนเดอร์สันลงมาแทน ช่วงนี้น็อตเค้าตี้ดูจะมีกำลังใจกลับมา ต่อบอลครองบอลได้ดีขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้ามาก แต่จังหวะสุดท้ายยังกดดันไม่ได้มากนัก ส่วนลิเวอร์พูลไม่ได้ถอยลงไปอุด ทั้งยังพยายามเล่นเกมรุกต่อ นาที 72 คูตินโย่ยังได้ลงแทนอัลแบร์โต้(ที่มีอาการเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน) เพื่อเน้นเกมรุกมากขึ้นไปอีก

_______ ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมรุก แต่ประสิทธิภาพการเข้าทำถดถอยลงไปมาก ตรงกันข้ามกับน็อตเค้าตี้ที่ไม่มีอะไรจะเสียก็เปิดเกมรุกแลกและทำได้ดีขึ้น เรื่อยๆ ในเกมโต้กลับ แม้จะได้ลุ้นไม่มากนัก โอกาสส่วนใหญ่เป็นการยิงไกลไกล๊ไกล แต่พาบอลมาป้วนเปี้ยนแถวเขตโทษได้ถี่ขึ้นแล้ว

_______ ในที่สุดน็อตเค้าตี้ก็ทำสำเร็จ จากจังหวะโต้กลับในนาที 84 แผงหลังลิเวอร์พูลยืนกันค่อนข้างสูง จอห์นสันเติมไปถึงเกือบสุดเส้นแล้วลงไม่ทัน ทำให้น็อตเค้าตี้สวนเข้ามาทางพื้นที่นั้นก่อนจะเปิดข้ามไปเสาสอง วิสดอมหุบเข้ากลางมากเกินไปทำให้ตัวชาร์จที่เสาสองได้ยิงโล่งๆ ตีเสมอได้สำเร็จ 2-2 แม้ลิเวอร์พูลพยายามจะบุกต่อแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เกมต้องลากยาวไปถึงช่วงต่้อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

_______ เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูลเดินหน้าบุกต่อ น็อตเค้าตี้ก็ไม่ได้ถอยไปรับ เกมค่อนข้างสูสี มีโอกาสด้วยกันทั้งคู่ แต่ความซวยของลิเวอร์พูลยังไม่หมด ช่วงกลางของการต่อเวลาครึ่งแรกตูเร่ยังมาเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ลิเวอร์พูลต้องเล่น 10 ในช่วงเวลากว่า 20 นาทีที่เหลืออยู่ ร็อดเจอร์ต้องแก้ปัญหาด้วยการดันวิสดอมเข้าไปเล่นเซ็นเตอร์ ถอยสเตอริ่งลงมายืนแบ็คขวา และหันมาเล่นเกมโต้กลับเป็นหลัก ส่วนทางน็อตเค้าตี้มีผู้เล่นเยอะกว่าก็ดาหน้าเข้าใส่เต็มที่ แม้จังหวะเข้าทำจะยังไม่ดีนัก แต่ก็สามารถครองบอลบุกได้ต่อเนื่อง

_______ สถานการณ์ของลิเวอร์พูลดูคับขันเต็มที่ เมื่อวิสดอมก็เหลืองไปแล้ว แบ็คขวาจำเป็นอย่างสเตอริ่งก็เข้าบอลหลอนๆ แถมมีใบเหลืองติดตัว เจอราร์ดก็หมดแรงวิ่งไปตั้งแต่ท้ายเกมช่วงเวลาปรกติแล้ว ไอบ์ก็ช่วยอะไรแทบไม่ได้ เหลือ 10 คนอีกต่างหาก แต่แล้ว นาที 105 ก็เป็นฮีโร่คนเก่าอย่างเจอราร์ดที่เก็บบอลจังหวะสองได้ในเขตโทษแต่ไม่หวด ทิ้งให้เสียของ ไหลให้ฮีโร่คนใหม่อย่างคูตินโย่รับบอลกระชากไปก่อนเปิดยาวให้สเตอริดจ์ลากไป มุมแคบ(มุมกว้างๆ รายนี้ไม่ชอบ) ยิงติดเซฟผู้รักษาประตูแต่บอลยังแรงพอที่จะเด้งเบาๆ กลิ้งช้าๆ แบบทำร้ายจิตใจแฟนบอลทีมเยือนสุดๆ เข้าไปได้เป็น 3-2

_______ น็อตเค้าตี้พอตามหลังอีกครั้งก็โหมบุกอย่างหนัก แต่ดีสุดได้แค่เปิดเข้ามาลุ้น หาโอกาสยิงจะๆ ไม่ค่อยได้ อีกทั้งยังโดนลูกโต้กลับเล่นงานอีกครั้ง คราวนี้เป็นเฮนเดอร์สันที่รับบอลจากไอบ์(หรือสเตอริ่งไม่แน่ใจ) จากเกือบๆ กลางสนามแล้วกระชากไปเอง แตะลอดขากองหลังแล้วตามไปยิงทันทีก่อนโดนปิดมุมเป็น 4-2 สุดท้ายลิเวอร์พูลก็เอาชนะไปได้แบบหืดจับด้วยสกอร์ดังกล่าว ผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ
-----------------------------------------

_______ ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่าถ้าผมเป็นผู้จัดการทีม ป่านนี้ลิเวอร์พูลตกรอบไปแล้วครับ...

_______ ตอนเห็นรายชื่อ 11 ตัวจริง ผมยังสงสัยว่าเจอกับทีมระดับน็อตเค้าตี้ยังต้องส่งตัวจริงลงไปเยอะอะไรขนาด นั้น ยังไม่ต้องนับว่าจบครึ่งแรกผมคงเปลี่ยนเจอราร์ดไปเก็บแล้ว แถมคนที่ลงมาต้องไม่ใช่คูตินโย่แน่ แต่ร็อดเจอร์ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขารู้จักทีมของตัวเองดีเอามากๆ ทั้งทีมตัวจริงที่ส่งลงไป ทั้งตัวสำรองที่ส่งลงมา ถ้าประมาทอีกนิดก็บรรลัยละครับ

_______ ร็อดเจอร์ใช้ตัวจริงกว่าครึ่งทีม ครึ่งแรกต้องบอกว่าเล่นได้ตามแผนทุกอย่าง ต้นครึ่งหลังจนถึงก่อนเสียประตูก็ยังถือว่าทำได้ดีทีเดียว แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดตั้งแต่โดนลูก 2-1 ภายใต้สถานการณ์กดดัน ผู้เล่นดาวรุ่งทั้งสเตอริ่งและไอบ์แถมสร้างประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ซ้ำร้ายการสนับสนุนจากแบ็คที่จำเป็นต่อแทคติคของทีมก็แหว่งไปข้างนึงเพราะวิ สดอมเล่นเกมรุกไม่ได้ สเตอริดจ์ก็ไม่ใช่คนที่ทำเกมได้ด้วยตัวเอง ทำให้เกมรุกทุกสิ่งอันพึ่งผู้เล่นแค่สองคนคือจอห์นสันกับเจอราร์ด (ดีว่ามีคูตินโย่ตามลงไปช่วย) โชคดีในโชคร้ายที่ทีมเหลือแค่ 10 คนในช่วงต่อเวลาเพราะทำให้น็อตเค้าตี้บุกไม่ดูตาม้าตาเรือ โดนโต้กลับสองดอกเน้นๆ เป็นสองประตูตกรอบไปซะอย่างนั้น ถ้าพวกเขาเล่นอุด รับรองได้มียิงลูกโทษครับ แต่อย่างว่า นาทีนั้นถ้าใครเล่นอุดก็บ้าแล้วครับ

_______ นัดนี้เราได้เห็นทั้งด้านสว่างและด้านมืด หนึ่งชั่วโมงแรกของเกมเป็นสิ่งที่ร็อดเจอร์พยายามทำมาตลอด คือ ดันแผงหลังสูง บีบพื้นที่แดนกลางให้แคบ ตัดบอลจากคุ่ต่อสู้ให้เร็วและบอลอยู่กับทีมแทบจะตลอดเวลา แต่พอครึ่งชั่วโมงหลัง ซึ่งหลังจากทีมเสียประตูแรกแล้ว ความกดดันที่โถมเข้ามาแสดงให้เห็นชัดว่าผู้เล่นชุดนี้โดยเฉพาะเหล่าบรรดาตัวสำรองกับดาวรุ่งรับมือกับสถานการณ์ได้ไม่ดีนัก

_______ ปัญหาของเกมวันนี้ เกี่ยวข้องกับผู้เล่นในสนามน้อยมาก เพราะแต่ละคนก็ทำไ้ด้ตามความสามารถของตนเองแล้ว ผมคงไม่หวังให้สเตอริ่งกับไอบี้เล่นได้นิ่งเหมือนปีกวัย 27-28 ที่ผ่านร้อนผ่านหน้าวกับเกมฟุตบอลระดับสูงมาร่วม 10 ปี ผมคงไม่หวังให้ผู้ เล่นที่พึ่งเข้ามาใหม่แถมยังอายุน้อยอย่างอัลแบร์โต้ลงมาปุ๊ปเล่นได้เหมือ นอิเนียสต้า ผมมองว่าปัญหาที่ทำให้ทีมต้องหัวหกกดขวิดหวิดจะเจ๊งมันอยู่ที่ขนาดทีมล้วนๆ จริงที่ว่าการมีผู้เล่นบาดเจ็บ 3 คนในเกมเดียวไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ก็ต้องย้อนถามเหมือนกันว่า ผู้เล่นที่ดีที่สุดถัดจาก 11 ตัวจริง ควรเป็นผู้เล่นระดับไอบ์,วิสดอมแล้วหรือด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่โทษร็อดเจอร์นะ เพราะพี่แกก็ร่ำร้องมาตลอดว่าจะเอาๆ แต่ก็ไม่ได้มาเพิ่มเท่าไหร่ ที่ได้มาก็พอๆ กับที่ออกไป

_______ ผมไม่ได้คิดว่าทีมจะต้องไปทุ่มซื้อผู้เล่นบิ๊กเนม ราคาระดับ 30-40 ล้านแบบทีมอื่น แต่ขอแค่ให้มีทางเลือก ให้มีคนลงไปเล่นได้ ที่อาจจะมีสไตล์การเล่นต่างจากคนที่มีอยู่แล้ว หรือเหมาะกับบางสถานการณ์ บางทีปีกกากๆ สักคนที่เล่นเกมรับได้ แบ็คห่วยๆ ที่เกมรับเหนียวแน่น(หรือไม่ก็รุกระเบิดระเบ้อไปเลย) กลางถึกๆ ที่จ่ายบอลเกินกว่า 10 หลาไม่แม่น เข้าบอลก็งั้นๆ แต่เก็บบอลได้ ชะลอเกมเป็น ดึงจังหวะได้ กองหน้าไม่เป็นสัปปะรดที่สักแต่ว่าโหม่งพักบอลแล้วยืนคร่อม วิ่งก็ช้า ยิงไม่คม แต่บอลไปถึงตัวแล้วใครก็แซะไม่ได้ อะไรทำนองนี้อาจมีส่วนช่วยให้ทีมมีทางเลือกมากขึ้น ปรับเปลี่ยนแทคติคนัดต่อนัดหรือระหว่างเกมได้ดีขึ้น มันน่าจะช่วยให้รูปเกมช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายต่อทดเวลาของเกมวันนี้มีให้เห็นน้อยลงไม่มากก็มากๆ

_______ ...สัก 2-3 ตัวไม่น่าจะแพงมากนะครับ...
 -------------------------------

นัดนี้รวมๆ เล่นกันใช้ได้ บางคนดี บางคนแย่

ร็อดเจอร์ - จัด 11 ตัวจริงได้ดี จัดเบากว่านี้น่าจะเจ๊ง เลือกแทคติคเล่นครึ่งแรกได้ดี คุมเกมได้ ได้ประตู ไม่มัวมากั๊กให้เกมมันอืด แต่ต้นครึ่งหลังปล่อยให้ลูกทีมเล่นเพลินไปสักนิด น่าจะเตือนให้ระวังกว่านี้หรือเน้นความแน่นอนกว่านี้หน่อย อย่างการยืนต่ำลงหรือสั่งลดการเติมของแบ็ค การเลือกเล่นรุกต่อตอน 2-1 ก็แค่เลือกเสี่ยงจะไปโทษคงไม่ได้ เพราะถ้ายิงเป็น 3-1 ก็จบไปแล้ว ตูเร่ไม่เจ็บด้วย ส่วนการเปลี่ยนตัวทำได้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้แล้ว

มินโยเล่ - เปิดบอลพอใช้ได้ มีปัญหาพอสมควรกับการตัดสินใจออกมาเล่นลูกกลางอากาศ มีหลายครั้งที่เหมือนจะออกแล้วเปลี่ยนใจ แต่จังหวะที่ตัดสินใจออกก็ทำได้ค่อนข้างดี ลูกแรกที่โดนก็ดูจะตัดสินใจไม่เด็ดขาด (แต่ที่เซฟไม่ได้นั่นปรกติ โหม่งเผาขนเหลือเกิน) ส่วนลูกที่สองไม่เกี่ยวด้วยเลย นอกนั้นการยืนตำแหน่งก็ถือว่าดูดี ตัดบอลเปิดหักเข้ากลางได้เฉียบขาด

จอห์นสัน - ครึ่งแรกไม่ต้องเล่นเกมรับแต่เกมรุกไม่มีเท่าไหร่ พอครึ่งหลังกลายเป็นตัวรุกหลักมันซะอย่างนั้น ดีบ้างติดบ้างแต่ก็สร้างโอกาสได้พอสมควร ทำเกมรุกดีกว่าตัวรุกตัวอื่นในแง่ปริมาณ ลูกที่สองที่เสียไปเพราะลงไม่ทันก็คงโทษได้ไม่เต็มปาก เพราะถ้าจอห์นสันไม่ขึ้น ช่วงนั้นทีมก็เล่นเกมรุกไม่ได้เลย

ซิสโซโก้ - นัดก่อนได้เล่น 20 นาทีหลัง นัดนี้ได้เล่นแค่ 10 นาทีแรก อะไรจะซวยขนาดนั้น

ตูเร่ - เล่นได้เหนียวแน่นตลอดเกมจนกระทั่งโดนเปลี่ยนออก เข้าสกัดได้เด็ดขาด ตัดบอลก่อนถึงกองหน้าได้บ่อยครั้ง จังหวะเสียประตูแรกผิดพลาดตรงการสื่อสาร ถ้าเขาไม่ลงไปก็ล้ำหน้าชัดๆ แต่เขาก็แค่ลงไปคุมพื้่นที่ไม่ได้ทำอะไรพลาด เสียดายจังหวะแบบนี้ถ้าเป็นคาราเกอร์คงได้ตะโกนลั่นสนามแล้วว่าจะให้เพื่อน ลงหรือไม่ลง

วิสดอม - เล่น 2 ตำแหน่ง แถมต้องสลับคู่เซ็นเตอร์อีกต่างหาก เกมรับโดยรวมเล่นได้ดีมาตลอด แต่หลังจากสกอร์ 2-1 แล้ววิสดอมยืนหลงตำแหน่งบ่อยครั้ง

เจอราร์ด - เล่นได้คงเ้ส้นคงวาที่สุดในทีมตลอด 120 นาที ครึ่งแรกอ่านเกมตัดบอลกลับมาได้ตลอด ครึ่งหลังก็ยังแบกทีมไว้ทั้งเกมรับและเกมรุก แถมยังมีบอลยาวไปที่ว่างดีๆ ให้เห็นอยู่ทั้งเกม ส่วนช่วงท้ายเกมต่อทดเวลาดูหมดแรงไปเหมือนกัน

อัลเลน - ครึ่งแรกเล่นได้สุดยอดเอามากๆ อ่านเกมได้ดี มีส่วนช่วยทำให้ลิเวอร์พูลพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว พอเข้าครึ่งหลังเริ่มเคลื่อนที่น้อยลงประกอบกับคู่ต่อสู้เติมขึ้นมามากขึ้น เลยทำให้เขาเริ่มถึงบอลน้อยลง แต่ก็ยังไม่ได้เล่นแย่ ถ้าไม่เจ็บจนโดนเปลี่ยนออกไปเสียก่อนน่าจะทำให้ทีมเล่นง่ายกว่านี้

อัลแบร์โต้ - มีจินตนาการเต็มเปี่ยม มองกว้างและเลือกช่องจ่ายได้ดีทีเดียว ปัญหาคือยังจับจังหวะเพื่อนไม่ค่อยได้ น้ำหนักกับทิศทางบอลไปไม่พอดีกับเพื่อนที่วิ่งทำทาง เคลื่อนที่น้อยไปสักนิดเลยพลอยได้บอลน้อยไปด้วย เกมรับเห็นว่าพยายามวิ่งไล่แต่ทำได้ไม่ค่อยดีนัก

สเตอริ่ง - ยิงลูกแรกได้ดี แต่หลังจากนั้นก็ทำอะไรไม่ค่อยได้

ไอบ์ - เหมือนสเตอริ่ง แต่ไม่ได้ทำประตู

สเตอริดจ์ - ทำเกมด้วยตัวเองไม่ได้ ช่วงครึ่งแรกเล่นได้ดีมากทั้งการเก็บบอล พาบอลไปกับตัว แต่ครึ่งหลังก็มีช่วงที่หายไปเหมือนกัน วันนี้ใช้โอกาสเปลืองไปหน่อย ถ้าคมกว่านี้อาจมีแฮททริคไปตั้งแต่ต้นครึ่งหลังแล้ว  สุดท้ายก็ยังดีพอที่จะยิงให้ทีมชนะ

ตัวสำรอง 

แอกเกอร์ - ผลงานเกมรับดีมากในเกมโอเพ่นเพลย์ ไม่ว่าจะประกบหรือสกัด มีจังหวะลอยสูงไปนิดให้เห็นเป็นระยะ เล่นลูกตั้งเตะได้ดีเกือบทำประตูได้ 2 ครั้ง

เฮนเดอร์สัน - อ่านเกมได้ไม่เด็ดขาดเท่าอัลเลน แต่ความดุดันมีเยอะกว่ามาก การเบียดปะทะทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำประตูสุดสวยปิดกล่องได้ด้วย

คูตินโย่ - ทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะสถานการณ์กับเพื่อนร่วมทีมไม่เอื้อ แต่ยังไว้ลายจ่ายให้สเตอริดจ์ยิงลูก 3-2 ได้สุดยอด

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด... จะปล่อยใครไป จะได้ใครมา สุดท้ายก็ยังเป็นเจอราร์ดที่พึ่งพาได้ที่สุด โดยเฉพาะในสถานการณ์ยากลำบาก
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ป.ล. "ให้ัตายสิชีวิตหงส์" ยืมมาจากคุณ Tom Thew Nakub ใน FB นะครับ คือแบบเขียนเสร็จแล้วนึกถึงคำนี้เลย

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แอสตัน วิลล่า 0 - 1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)

 ...คมแต่บาง...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

----------------------สเตอริดจ์------------------------
คูตินโย่----------------------------------------อัสปาส
-------ลูคัส-----------เจอราร์ด-------เฮนเดอร์สัน-----
เอนริเก้------แอกเกอร์--------ตูเร่่-----------จอห์นสัน
-----------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีคนัดที่สอง ออกไปเยือนวิลล่า ร็อดเจอร์ใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมจากนัดก่อน ในขณะที่วิลล่าพึ่งเจอเกมหนักมาสองเกมติด (อาร์เซนอลต่อด้วยเชลซี) ทั้งยังได้พักน้อยกว่า แต่จากฟอร์ม 2 นัดที่ผ่านมาของวิลล่า (ชนะอาร์เซนอล 3-1, แพ้เชลซีแค่ 2-1) ทำให้พวกเขาอาจจะไม่ต้องเกรงอะไรลิเวอร์พูลสักเท่าไหร่
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลดูจะยืนต่ำกว่านัดก่อนเล็กน้อย ไม่ได้ไล่บีบในแดนหน้ามากนัก เน้นคุมพื้นที่ในแดนตัวเองเป็นหลัก เป็นทางฝั่งวิลล่าที่วิ่งไล่วิ่งล่า เมื่อตัดบอลได้จะเข้าทำเร็วทันที แม้จะยังหาโอกาสจบไม่ได้ แต่ก็ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นเกมได้ลำบาก ตัวรุกพลิกตัวกันแทบไม่ได้

_______ ลิเวอร์พูลได้ครองบอลมากกว่าแต่รูปเกมสูสี และเป็นฝ่ายได้ลุ้นประตูมากกว่า แต่ยิ่งเล่นแผงหลังก็ิยิ่งดันสูงขึ้นๆ เริ่มตั้งบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษต่อเนื่องขึ้น โดยเฉพาะเกมฝั่งซ้ายที่ทำได้ไหลลื่น กระทั่งนาที 21 ลิเวอร์พูลก็ทำได้สำเร็จจากการเปิดเข้ากลางของเอนริเก้ คูตินโย่ปล่อยบอลผ่านหน้าเข้าเท้าสเตอริดจ์ล็อคหลบกองหลังและผู้รักษาประตูไปยิงมุมแคบเข้าไปได้ 1-0

_______ หลังได้ประตูนำ ลิเวอร์พูลยังคงเล่นได้ดีกว่า ตัวรุกสลับตำแหน่งกันได้ต่อเนื่องและกองกลางตัดบอลกลับมาดี แต่เป็นฝั่งวิลล่าที่ไม่ลนลาน ปิดพื้นที่และค่อยๆ ตั้งเกมของตัวเองกลับมาได้เรื่อยๆ กระทั่งผ่านครึ่งชั่วโมงแรกไปวิลล่าเริ่มพลิกกลับมาทำได้ดีกว่า กดดันเกมรับลิเวอร์พูลได้มากกว่า หาโอกาสจบสกอร์ได้ลุ้น ช่วงท้ายครึ่งแรกลิเวอร์พูลตั้งเกมของตัวเองแทบไม่ได้ แต่ยังพอประคองตัวจนจบครึ่งแรกที่ 1-0 ได้สำเร็จ

_______ เข้าครึ่งหลัง วิลล่ากลับลงมาเร่งเกมเต็มที่ วิ่งไล่เร็วตั้งแต่แดนหน้า ลิเวอร์พูลนอกจากจะตั้งเกมตัวเองไม่ได้แล้ว ยังครองบอลได้น้อยลง โดนบีบให้ต้องวางยาวบ่อยครั้งขึ้น แม้จะเสียเปรียบแต่ยังพอตอบโต้ได้บ้าง แต่ยิ่งเวลาผ่านไป วิลล่ายิ่งเล่นแบบเดินหน้าฆ่ามัน กดดันได้ต่อเนื่อง บีบให้ลิเวอร์พูลต้องถอยลงไปเล่นเกมรับลึกขึ้นจนโต้ขึ้นมาได้น้อยลงเรื่อยๆ

_______ นาที 68 ซิสโซโก้ได้ลงแทนอัสปาส เล่นอยู่ริมเส้นฝั่งซ้าย ลิเวอร์พูลปรับมาเน้นเกมรับมากขึ้นกว่าเดิม จังหวะตั้งเกมจะขึ้นไปไม่กี่คน แต่สถานการณ์นอกจากจะไม่ดีขึ้นแล้วยังแย่ลง วิลล่าเริ่มหาจังหวะจบสกอร์ได้บ่อยขึ้น กดจนลิเวอร์พูลโงหัวแทบไม่ขึ้น กองหน้าอย่างสเตอริดจ์ยังต้องลงมาช่วยไล่บอลเป็นระยะ

_______ ลิเวอร์พูลเล่นแบบหลังผิงฝา ตั้งเกมไม่ได้ โต้ไม่ขึ้น เก็บบอลจังหวะสองได้ไม่มากนัก มีจังหวะได้ลุ้นแบบฉาบฉวยบ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ค่อยได้ลุ้นเท่าไหร่ นาที 83 อัลเลนได้ลงมาแทนคูตินโย่ แต่รูปเกมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนทางด้านวิลล่าโหมเกมรุกเต็มที่ แต่บอลเข้าทำไม่ค่อยดีนัก แม้จะได้ลุ้นค่อนข้างเยอะ แต่โอกาสจบสกอร์ส่วนใหญ่ยังอยู่นอกเขตโทษและยิงหลุดกรอบบ่อย โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดในนาที 86 ที่เบนเทเก้(มั้งครับ ภาพไม่ชัด)ได้ยิงแถวเส้นเขตโทษแบบไม่มีคนขวางก็ยังติดเซฟมินโยเล่ ทำให้สุดท้ายแล้วลิเวอร์พูลเอาตัวรอดไปได้สำเร็จ 1-0
-----------------------------------------

_______ นัดนี้เล่นต่างจากนัดก่อนกับสโต๊คแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกนั้นลิเวอร์พูลยังเล่นได้ดีอยู่ และทำประตูได้ด้วย แต่หนึ่งชั่วโมงของเกมหลังจากนั้นเป็นวิลล่าที่ดีกว่าอย่างชัดเจน และถ้ามองในภาพรวม เป็นเกมที่วิลล่าคุมจังหวะของเกมเอาไว้ได้ทั้งหมด (แม้กระทั่งครึ่งชั่วโมงแรก) ลิเวอร์พูลได้แต่เล่นไปตามเกมของวิลล่าเท่านั้น

_______ ลิเวอร์พูลทีมนี้เหมือนมีดที่ลับจนเริ่มคม ในแง่ดีก็อย่างที่เห็น ทีมมีวิธีการเล่นชัดเจน ผู้เล่นมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน รวมไปถึงเข้าใจแทคติคของทีมสูง จะเห็นได้ว่าตัวรุก 4 คนในแดนหน้า วิ่งสลับตำแหน่งกันได้ไม่มีสะเปสะปะ ทุกจังหวะจะมีคนวิ่งคุมพื้นที่ทั่วสนาม(ในแดนหน้า)อยู่ตลอด ตัวริมเส้นหุบเข้าในเมื่อไหร่ แบ็คจะวิ่งเติมทันที ไม่มีอาการหันไปไม่เจอคน ซึ่งทั้งหมดนี้แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี เพราะทำให้ทืีมชนะนัดแรก รวมถึงนัดนี้ด้วย (สเตอริดจ์สุดยอดก็จริง แต่ทางวิ่งของทุกคนทำให้บอลไปถึงเขาได้)

_______ ..แต่

_______ หากมีดธรรมดาทำได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเสียบ สับ เฉือน จิ้ม หั่น แล่ ฯลฯ มีดของลิเวอร์พูลเล่มนี้ถูกลับจนเริ่มบาง แม้มันจะคมขึ้น เ็ห็นวัตถุประสงค์ของมีดชัดเจนขึ้นว่าเอาไว้จิ้ม (ให้ทะลุช่อง) แต่สันมีดอย่างดาวนิ่งที่เอาใช้สำหรับเก็บบอลโดนลับทิ้งไป (ถ้าดาวนิ่งยังอยู่ เขาน่าจะได้ลงแทนอัสปาสตั้งแต่พักครึ่ง) กองกลางตัวรับแท้ๆ หรือผู้เล่นที่มีประสบการณ์ ซึ่งจะเป็นความหนาของตัวมีดที่แม้จะเทอะทะแต่ก็ทำให้ทนทานขึ้นไม่ได้ถูก เสริมเข้ามามากนัก ทำให้นัดนี้พอโดนทุบเอาๆ จากมีดอีโต้ทื่อๆ ที่แม้จะไม่คม (ยิงไม่ได้) แต่ก็เล่นเอามีดคมๆ บางๆ แบบลิเวอร์พูลแสดงรอยบิ่น รอยคดงอให้เห็นไม่น้อย

_______ ลิเวอร์พูลนอกจากจะไม่มี "plan B" ให้เห็นแล้ว ยังไม่สามารถปรับตัวตามแทคติคของคู่ต่อสู้ได้ดีนัก ทั้งในแง่ของตัวสำรองที่จะลงมาปรับเกม (เอาใครลงมาทรงเดียวกันหมด) และในแง่ของตัวผู้เล่นที่ไม่ยืดหยุ่นในวิธีการเล่น นัดนี้วิลล่าได้เปรียบจากการวิ่งไล่เร็ว แต่ผู้เล่นของลิเวอร์พูลที่เคยเป็นฝ่ายวิ่งไล่คนอื่นได้ดี พอโดนไล่ไม่สามารถเก็บบอลหรือผ่านบอลหนีได้ เมื่อเจอเกมเร็วโหมเข้าใส่ ผู้เล่นที่คุมพื้่นที่ได้ดีวิ่งตามเกมไม่ค่อยทัน และลนลานเกินจะเก็บบอลหรือเรียกฟาลว์เพื่อทำลายจังหวะคู่ต่อสู้

_______ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่านัดนี้อะไรจะแย่ไปเสียหมด อย่างน้อยในเกมลักษณะนี้ ถ้าเป็นฤดูก่อน...ตายไปแล้วครับ อย่าว่าแต่เสมอ มีสิทธิถึงขึ้นแพ้ด้วยซ้ำ แต่นัดนี้เอาตัวรอดกันมาได้ จังหวะจบสกอร์ที่ว่าไม่เด็ดขาด อย่างน้อยก็ดีพอที่จะเอามาได้ 1 ประตู เก็บ 3 แต้มเต็มได้สำเร็จ

_______ ...ความหนาของมีดแม้จะไม่ได้ถูกเติมเข้ามาด้วยการซื้อ แต่หวังว่ามันจะหนาขึ้นได้จากประสบการณ์ของผู้เล่นที่มีมากขึ้น...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ ไม่ค่อยดีนัก

ร็อดเจอร์ - เปิดเกมแบบรัดกุม เห็นช่องก็ให้ดันสูงจนได้ประตู ถือว่าทำได้ดี แต่หลังจากนั้นช่วยทีมไม่ได้ การแก้เกมไม่เลือกการเปิดเกมรุกสู้แต่เลือกปรับเกมรับสู้ซึ่งทำได้ไม่ดีเท่า ไหร่

มินโยเล่ - ออกบอลได้น่าผวามาก พาเพื่อนเครียดไปหลายลูก แต่กับการยืนตำแหน่งและเซฟทำได้ดีเอามากๆ เช่นกัน เซฟลูกสำคัญที่น่าจะโดนไปได้อย่างน้อย 2 ลูก การขึ้นตัดบอลกลางอากาศขึ้นถึงบอลแต่บอลยังไม่ค่อยไปไหนเหมือนเดิม

จอห์นสัน - ครึ่งแรกเกมรับค่อนข้างดี แต่พอเข้าครึ่งหลังต้องดวลกับอักบาลาฮอล์บ่อยขึ้น รวมถึงวิลล่าเริ่มโหมเกมรุกมากขึ้นเริ่มมีอาการป้อแป้ให้เห็น เกมรุกขึ้นนับครั้งได้และตายตอนจบทั้งหมด เชื่อมเกมได้ไม่ค่อยดีนัก

แอกเกอร์ - ผลงานใช้ได้ บอลในเขตโทษยังเก็บได้มากและบังทางยิงได้ดี บอลกลางอากาศไม่เด่นแต่ก็ไม่ขี้เหร่

ตูเร่ - เข้าปะทะได้ดีกว่าแอกเกอร์ กวาดตัวบล๊อคลูกยิงได้ดี เข้าไปซ้อนเพื่อนที่หลุดตำแหน่งได้เยี่ยม ถ้าดูฟอร์มตลอด 90 นาที เป็นกองหลังที่เล่นได้ดีที่สุดแล้ว

เอนริเก้ - ครึ่งแรกเล่นได้ยอดเยี่ยม เกมรับเหนียวแน่น บังบอลตัดบอลได้ตลอด ตัวริมเส้นคู่ต่อสู้เปิดบอลเข้าไปได้ไม่มากนัก เกมรุกก็ขึ้นไปช่วยดีหลายจังหวะ มีส่วนกับประตูด้วย แต่ครึ่งหลังที่โดนบดหนักเริ่มหลุดเหมือนกัน โดนพลิกไปได้เยอะพอสมควร และขึ้นไปช่วยเกมรุกหรือแม้กระทั่งเชื่อมเกมแทบไม่ได้เลย

เจอราร์ด - อ่านเกมยังอ่านได้ แต่ขาวิ่งตามสมองไม่ทัน เข้าถึงบอลช้าเกินกว่าจะกดดันคู่ต่อสู้ไปหลายจังหวะ และช่วยเก็บบอลไว้ได้ไม่มากนัก จังหวะทำเกมก็เอาชนะการโดนบีบเร็วได้ไม่มากนัก...แต่ถึงอย่างนั้นยังตั้งเกมได้เยอะกว่ากลางตัวอื่น

ลูคัส - ครึ่งแรกที่วิลล่ายังไม่โหมใส่เล่นได้ดีเช่นกัน เก็บบอลได้เยอะ อ่านเกมดี ตัดเกมแถวหน้าเขตโทษตัวเองได้ตลอด แต่ครึ่งหลังเริ่มวิ่งไม่ถึงบอล แม้จะยังคุมพื้นที่พอใช้ได้อยู่แต่ตัดบอลกลับมาไม่ค่อยได้แล้ว รวมไปถึงการเก็บบอลจังหวะสองหน้าเขตโทษตัวเองก็ทำได้ไม่ค่อยดีด้วย

เฮนเดอร์สัน - มีลูกขยันที่ทำให้ทีมได้โอกาสฉาบฉวยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก จังหวะตัวต่อตัวผ่านไม่ได้ เชื่อมเกมได้แค่เคาะใกล้ๆ และเกมรับก็ทำลายเกมคู่ต่อสู้ได้น้อยกว่าที่ผ่านมา

คูตินโย่ - ดับสนิท วิลล่าทำการบ้านมาดีมาก เข้าประกอบได้เร็ว บอลยังไม่ถึงเท้าแต่มีตัวมาเบียดแล้ว พลิกบอลไม่ได้และไม่สามารถผ่านบอลสวยๆ อย่างที่เคยทำมา แต่ตลกร้ายตรงที่วันนี้จังหวะการเล่นที่ดีที่สุดของเขาคือการปล่อยให้บอลไหล ไปถึงเท้าสเตอริดจ์ในจังหวะได้ประตู...ถ้าเขาจับบอลลูกนั้นก็ไม่น่าจะทำอะไรต่อได้

อัสปาส - เดิร์ค เค้าท์ เวอร์ชั่นวิ่งไล่น้อยลง วันนี้เล่นไม่ออก ได้บอลน้อยมาก

สเตอริดจ์ - เล่นได้ระดับเวิร์ลคลาสในจังหวะทำประตู แต่นอกนั้น....

ตัวสำรอง

ซิสโซโก้ - หนา ถึก ความเร็วพอใช้ได้

อัลเลน - ได้ลงนะ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโยเล่... ถ้าเอนริเ้ก้เล่นได้เหมือนครึ่งชั่วโมงแรกอยู่ตลอดเกม ตำแหน่งนี้เป็นของเขาแน่ เช่นเดียวกับสเตอริดจ์ที่น่าจะเก็บบอลได้ดีกว่านั้นสักหน่อย ดังนั้น MOM จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่เซฟช่วยทีมเอาไว้
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 1 - 0 สโต๊ค ซิตี้ (พรีเมียร์ลีค)


...พรีซีซั่น ไม่ใช่ไม่มีความหมาย...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

----------------------สเตอริดจ์------------------------
คูตินโย่----------------------------------------อัสปาส
-----เฮนเดอร์สัน------เจอราร์ด----------ลูคัส--------
เอนริเก้------แอกเกอร์--------ตูเร่่-----------จอห์นสัน
-----------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลลงเล่นในนัดเปิดฤดูกาล 2013-2014 นัดนี้ซัวเรสยังลงไม่ได้เนื่องจากยังติดโทษแบนอีก 6 นัดค้างมาจากปลายฤดูกาลก่อน ร็อดเจอร์จัด 11 ตัวจริงที่น่าจะดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ตอนนี้ แดนกลางเป็นเฮนเดอร์สันที่ได้ลงตัวจริงก่อนอัลเลน แดนหน้าริมเส้นอัสปาสได้ลงก่อนดูโอดาวรุ่งและบอรินี่
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลก็เล่นตามสไตล์ด้วยการบีบพื้นที่เร็วตั้งแต่แดนหน้า แผงหลังดันขึ้นไปค่อนข้างสูงและแผงกลางจะวิ่งไล่เข้าไปทันทีที่กลางสโต๊คได้ บอล ช่วงต้นเกมเป็นเกมของลิเวอร์พูลอยู่ฝั่งเดียว ตัดบอลกลับได้เร็ว ครองบอลต่อเนื่อง มีโอกาสได้ยิงเข้าไปก่อนแต่ถูกจับล้ำหน้ารวมไปถึงตูเร่ที่โหม่งชนคาน ส่วนทางฝั่งสโต๊คแทบไม่ได้ทำเกม แต่ยังมีโอกาสครั้งนึงจากลูกเก็บตกในเขตโทษแต่ยิงไปชนคาน

_______ ผ่าน 15 นาทีของเกมไป สโต๊คเริ่มครองบอลได้บ้างแต่ก็แค่กลับมาสูสี ลิเวอร์พูลยังคงบุกได้อยู่โดยเฉพาะเกมริมเส้นที่มีตัววิ่งทำทางตลอด แต่ก็กดดันสโต๊คได้น้อยกว่าช่วงต้นเกม ทางฝั่งสโต๊คขึ้นเกมรุกค่อนข้างและต่อบอลกันหลายจังหวะ หาโอกาสได้ลุ้นหรือกดดันแนวรับแทบไม่ได้เลย

_______ ในที่สุดก็เป็นลิเวอร์พูลที่เจาะได้สำเร็จ นาที 37 สเตอริดจ์รับบอลจากอัสปาสแล้วยิงไกลจากหน้าเขตโทษ บอลลอดขากองหลังพุ่งเบียดเสาเข้าไปได้ 1-0 หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็ยังรุกต่อ หาโอกาสได้เป็นระยะแต่ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ ทำให้สโต๊คประคองตัวรอดจนจบครึ่งแรกได้ที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลถอยลงต่ำกว่าครึ่งแรกเล็กน้อย สโต๊คพยายามเล่นเกมรุกมากขึ้นแต่ยังขึ้นบอลช้าอยู่และยังคงหาโอกาสไม่ได้ ประกอบกับลิเวอร์พูลเองก็เน้นคุมพื้นที่ไม่ได้เร่งมาก เกมเลยช้าลง และเป็นลิเวอร์พูลที่ยังพอหาโอกาสได้บ้างแต่จบสกอร์ไม่เด็ดขาดกันเอง

_______ นาที 71 สเตอริ่งได้ลงแทนอัสปาส ลิเวอร์พูลหันมาเน้นเกมโต้กลับมากขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ได้ลงไปรับลึกเท่าไหร่ ยังคงเน้นอยู่ที่การบีบพื้นที่แดนกลางให้เร็วและยังทำได้ดี สโต๊คยิ่งเล่นยิ่งสะเปะสะปะ ได้ลุ้นนิดๆ หน่อยจากบอลโยนเข้ากลางสลับกับลูกตั้งเตะก็ไม่ได้กดดันอะไรมากนัก ยังคงเป็นลิเวอร์พูลที่ยังได้ลุ้นเรื่อยๆ แต่ทำสกอร์ไม่สำเร็จ

_______ ความไม่เด็ดขาดของลิเวอร์พูลทำให้ตัวเองต้องเสี่ยง นาที 88 สโต๊คได้ฟรีคิก อดัมโยนบอลเข้าเขตโทษ แอกเกอร์ขึ้นโหม่งแต่บอลดันไปโดนมือก่อนอย่างจัง ทีมเสียจุดโทษ แต่มิ นโยเล่ช่วยเซฟจุดโทษต่อด้วยลูกซ้ำระยะประชิดให้กับทีมได้ ทำให้ลิเวอร์พูลเอาตัวรอดไปได้หวุดหวิด (อย่างที่ไม่ควรจะต้องเสียวขนาดนี้) จบเกมไปด้วยสกอร์ 1-0
-----------------------------------------

_______ เป็นนัดเปิดฤดูกาลที่เล่นได้เพลินตา มีดราม่าท้ายเกม แต่สุดท้ายจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ลิเวอร์พูลนั้นเล่นด้วยแทคติคเดิมกับช่วงพรีซีซั่นที่เล่นมาตลอด รวมไปถึงผู้เล่นใหม่อย่างอัสปาสก็ได้ซ้อมร่วมกับทีมมาเต็มที่เพราะย้ายมา เร็ว ทำให้นัดนี้ไม่มีปัญหาเรื่องทีมเวิร์ค แบบวิ่งคนละทางกับบอลให้เห็นเลย ส่วนนี้ต้องยกให้ความดีความชอบให้กับการเตรียมทีมที่ทำได้ดี มีแนวทางชัดเจนและดึงตัวผู้เล่นมาได้เร็ว (อย่างน้อยนัดนี้ก็ในกรณีอัสปาส)

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเหมือนช่วงพรีซีซั่นซึ่งแตกต่างจากฤดูก่อนเล็กน้อย แม้ตำแหน่งยืนยังคงยึดอยู่กับ 4-3-3 แต่รายละเอียดต่างออกไปจากฤดูที่แล้วพอสมควร ตัวริมเส้นอย่างคูตินโย่กับอัสปาสหุบเข้ากลางบ่อยครั้ง ส่วนเกมริมเส้นจริงๆ เป็นหน้าที่ของแบ็คที่เติมขึ้นมาช่วยมากกว่า กลาง 3 คนไม่ได้ทิ้งใครไว้หน้าแผงหลัง แต่ดันขึ้นมาไล่บีบเร็วในแดนกลาง ในครึ่งแรกจะเห็นชัดว่าทั้งลูคัสหรือเจอราร์ดยังขึ้นมาไล่สูงเลยวงกลมกลาง สนามบ่อยครั้ง และมีส่วนร่วมกับการช่วยเชื่อมเกมแดนหน้าค่อนข้างมากทีเดียว ที่น่าดีใจคือทุกคนดูจะเข้าใจแทคติคและเพื่อนร่วมทีมแล้ว ถือว่าออกสตาร์ทได้เร็วกว่าหลายฤดูที่ผ่านมา ซึ่งกว่าจะรู้ว่าจะเล่นกันยังไงก็ล่วงเลยไปยันเกือบนัดที่ 10

_______ นัดนี้ได้ทีมเวิร์คช่วยไว้เยอะครับ

_______ ส่วนปัญหาของลิเวอร์พูลที่เห็นจากนัดนี้มีพอสมควร ประการแรกเลยหนีไม่พ้นการจบสกอร์ที่ไม่เด็ดขาด จริงที่ว่าสโต๊คเล่นเกมรับได้ค่อนข้างดีและผู้รักษาประตูฟอร์มดีมาก แต่หลายจังหวะที่ได้ยิงแบบโล่งๆ ดันจบไม่ลงนี่จะไปโทษคนอื่นคงไม่ใช่ เล่นไปเล่นมากลายเป็นต้องมากดดันตัวเอง ทั้งๆ ที่คู่ต่อสู้แทบไม่มีอะไร ถัดมาเป็นเรื่องเกมริมเส้นที่แบ็คสองข้างอย่างเอนริเก้และจอห์นสันเล่นเกม รุกไม่ค่อยดีนัก ด้วยวิธีการเล่นที่ต้องหวังพึ่งให้ทั้งสองคนช่วยเล่นเกมรุกมากๆ แบบนี้แล้วทั้งสองคนทำอะไรไม่ได้ ก็น่าเป็นห่วงว่าลิเวอร์พูลจะต้องเล่นแบบอึดอัดๆ อย่างนี้อีกหลายนัด

_______ ส่วนปัญหาสุดท้ายที่เป็นปัญหาเรื้อรังอย่างการเล่นลูกเซตพีซ ซึ่งอันที่จริงก็เกือบทำให้ชวด 3 แต้มไปแล้วด้วยในนัดนี้ แม้จะยังคงเป็นปัญหาอยู่เมื่อมองจากโอกาสส่วนใหญ่ของสโต๊คเริ่มจากจุดนี้ ทั้งนั้น แต่ลิเวอร์พูลเองก็ดูจะปรับปรุงจุดนี้มาได้พอสมควร อย่างน้อยจังหวะที่คู่ต่อสู้ได้ขึ้นเล่นคนเดียวโล่งๆ ในเขตโทษก็ไม่มีให้เห็นแล้ว แต่ถ้าจะหวังบินสูงในฤดูนี้คงต้องปรับให้ดีขึ้นไปอีก

_______ ดูทางฝั่งคู่้ต่อสู้บ้าง นัดนี้สโต๊คแม้จะเล่นเกมรับได้ค่อนข้างดี แต่ภาพรวมยังดูด้อยกว่าฤดูที่แล้ว ยิ่งถ้ามองในเกมรุก มาร์ค ฮิวจ์เน้นการขึ้นบอลด้วยการผ่านบอลบนพื้น ซึ่งมันไม่ใช่ธรรมชาติของผู้เล่นสโต๊ค เหมือนเอากอริลล่าไปแข่งว่ายน้ำยังไงยังงั้น ถือว่าเป็นโชคดีเล็กๆ ที่ลิเวอร์พูลได้เจอกับสโต๊คก่อนที่พวกเขาจะปรับตัวกับแทคติคของฮิวจ์ได้ (ซึ่งไม่รู้จะมีวันนั้นหรือปล่าว)

_______ ...สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามวันนี้ ชี้ให้เห็นว่าลิเวอร์พูลเตรียมทีมช่วงพรีซีซั่นมาดีกว่าสโต๊คครับ...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ค่อนข้างดี

มินโยเล่ - งานรองอย่างการออกบอลดูมีปัญหา โดยเฉพาะเวลาโดนวิ่งไล่ซึ่งเจ้าตัวเกือบพลาดหลายครั้ง แต่งานหลักอย่างการเซฟและออกมาตัดบอลโด่งทำได้ดี ขึ้นถึงบอลทุกลูก(แต่ปัดไม่ค่อยไปไหน) เซฟลูกสำคัญได้ 3-4 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเซฟจุดโทษและลูกซ้ำ

จอห์นสัน - เกมรับพอใช้ ตัดบอลกลับมาได้พอสมควรและไม่มีใครผ่านไปได้ง่ายๆ เชื่อมเกมได้ดี ส่วนเกมรุกดันขึ้นไปเล่นถึงหน้าเขตโทษบ่อยครั้งแต่ในพื้นที่สุดท้ายทำอะไรไม่ได้

แอกเกอร์ - นอกจากจังหวะที่พลาดทำให้ทีมเสียจุดโทษแล้วเล่นได้ค่อนข้างดี อ่านเกมได้ดีทีเดียวไม่มีหลง เข้าถึงบอลได้เร็วและเบียดปะทะพอใช้ได้ ลูกกลางอากาศวันนี้ดูจะหลวมไปซักนิด

ตูเร่ - เบียดแย่งบอลก่อนกองหน้าพลิกได้ดี ช่วยลูกกลางอากาศได้ดีทั้งในเกมรับและในลูกเซตพีซในเกมรุก

เอนริเก้ - เกมรับทำได้เยี่ยม เบียดแย่งบอลบังบอลได้เกือบทุกลูก ใครมาก็ไม่ผ่านแถมเสียบอลอีกต่างหาก เชื่อมเกมได้ดีเช่นกัน แต่พื้นที่สุดท้ายถ้าไม่ทำอะไรเลยอาจเป็นประโยชน์มากกว่า พลาดทุกลูก มีโอกาสหลุดได้ยิงโล่งๆ ครั้งนึงก็ไม่ดีพอจะเป็นประตู

เจอราร์ด - ถอยลงไปคุมเกมเต็มตัว แทบไม่ได้เล่นเกมรุกในแดนหน้า ปิดพื้นที่และกระจายบอลไปรอบๆ พอใช้ได้ มีการอ่านเกมที่ดีช่วยคุมจังหวะเกมได้

ลูคัส - ครึ่งแรกเคลื่อนที่ค่อนข้างเยอะเพราะต้องวิ่งบีบขึ้นไปถึงแดนหน้า ส่วนครึ่งหลังหนักไปทางคุมพื้นที่ในแดนตัวเอง เกมรับยังคงทำได้ดีอยู่ ตัดเกมได้มาก ที่ดีในวันนี้คือการเชื่อมเกมที่ทำได้เร็วและช่วยเกมรุกได้เยอะ

เฮนเดอร์สัน - รับบทผึ้งงานได้ยอดเยี่ยม เคลื่อนที่เยอะมากทั้งเชื่อมเกม รองบอล และวิ่งไล่คู่ต่อสู้ แม้จะตัดบอลได้ไม่มากนักและบอลคมๆ ก็แทบไม่มีให้เห็น แต่บีบให้คู่ต่อสู้เล่นยากขึ้นและช่วยให้เพื่อนเล่นง่ายขึ้น มีโอกาสช่วยเกมรุกมากกว่าลูคัสและเจอราร์ด เติมขึ้นไปได้ดีแล้วแต่ยิงพลาดหมด

คูตินโย่ - นอกจากบอลทะลุช่องที่ทำได้ดีแล้ว เจ้าตัวดูจะปรับตัวกับการเบียดปะทะได้ดีขึ้น ร่วมไปถึงการวิ่งไล่บีบพื้นที่ที่ทำได้ดีกว่าฤดูกาลที่แล้วแบบหน้ามือเป็น หลังมือ ที่ดูแผ่วลงไปคือการพาบอลไปกับตัวซึ่งวันนี้เลี้ยงไม่ค่อยผ่าน และการยิงที่ดูไม่จืดเท่าไหร่

อัสปาส - วิ่งทำทางได้ดีและเคลื่อนที่ไม่หยุด ไม่หวงบอลและไม่ออกบอลยาก ช่วยเกมรุกแถวหน้าเขตโทษได้ดี ผ่านบอลไปเพื่อนได้เปรียบ นัดนี้มีโอกาสยิงเองไม่มากนัก

สเตอริดจ์ - ดูยังไม่ฟิตเต็มร้อย วิ่งทำทางไม่มากนักถ้าเทียบกับฤดูก่อนและการเลี้ยงจี้ที่เคยทำได้ดีวันนี้มี ให้เห็นไม่มากนักและไม่กดดันคู่ต่อสู้เท่าไหร่ แต่อ่านเกมได้ดี อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบและเพื่อนให้บอลง่าย ยิงประตูชัยได้เด็ดขาดด้วย

ตัวสำรอง

สเตอริ่ง - ได้บอลพอสมควรแต่ไม่ได้สร้างโอกาสเท่าไหร่

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโยเล่... อันที่จริงอัสปาสกับคูตินโย่เล่ได้เด่นทีเดียว สเตอริดจ์ก็ยิงประตูชัย แต่การเซฟลูกโทษต่อด้วยลูกซ้ำช่วยให้ทีมเก็บ 3 แต้มเต็มได้นี่มันตรึงตราตรึงใจจริงๆ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 0 - 1 เซลติค (พรีซีซั่น)

...นิ่งๆ หน่อยนะน้องนะ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3 (ตามตำแหน่งยืน)

------------------------อัสปาส------------------------
คูตินโย่-----------------------------------------ดาวนิ่ง
-------อัลเลน---------เจอราร์ด----------ลูคัส--------
เอนริเก้--------วิสดอม--------ตูเร่่-----------จอห์นสัน
-----------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายกับกลาสโกว์ เซลติคก่อนฤดูกาลจะเริ่มต้นขึ้น ร็อดเจอร์จัดชุดใหญ่ลงสนาม มีเพียงวิสดอมคนเดียวที่หลุดรอดมาลงตัวจริงยืนคู่กับตูเร่
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายก็สู้กันกลางสนามอย่างดุเดือด เข้าบีบบอลเร็วจนผ่านบอลหนีกันไม่ทัน เกมไม่ค่อยคืนหน้าไปไหนทั้งคู่ บอลเด้งไปเด้งมาอยู่แค่แถวๆ วงกลมกลางสนาม ทางฝั่งลิเวอร์พูลได้บอลมากกว่าเล็กน้อยแต่เกมก็ไม่ได้เปรียบอะไร ตัวริมเส้น(ตามตำแหน่งยืน) ทั้งสองฝั่งอย่างคูตินโย่กับดาวนิ่งขยับมาเล่นตรงกลางแทบจะตลอดเวลาในเกมรุก

_______ ลิเวอร์พูลมาพลาดก่อนในนาที 12 จากจังหวะที่วิสดอมเข้าบอลผิดจังหวะโดนกองหน้าเซลติคแตะหลบหลุดเข้าไปยิงใน เขตโทษ มินโยเล่ทำได้ดีที่สุดแค่บล็อคโดนบอลแต่บอลยังแรงพอที่จะกระดอนเข้าประตูไป เป็น 1-0 หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูลเร่งเกมรุกมากขึ้น และทำได้ดีกว่าช่วงก่อนเสียประตู

_______ เกมรุกของลิเวอร์พูลส่วนใหญ่กระจุกอยู่ตรงหน้าเขตโทษ เกมริมเส้นมีน้อยมากๆ เพราะริมเส้นสองคนหุบเข้าไปอยู่หลายจังหวะ แผงหลัีงยังยืนไม่สูงนัก แต่บอลทะลุช่องยังทำงานได้ดีพอสมควร หาโอกาสได้ลุ้นยิงและจ่ายเข้าทำเป็นระยะๆ แต่ยังจบสกอร์ได้ไม่เด็ดขาด รวมไปถึงแผงหลังและผู้รักษาประตูของเซลติคก็ไม่ได้พลาดให้เลย สุดท้ายจบครึ่งแรกยังตามอยู่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง สเตอริดจ์ได้ลงแทนอัสปาส ลิเวอร์พูลดันแผงหลังสูงขึ้น ดันแบ็คเติมเกมเต็มที่ทั้งสองฝั่ง ส่วนเซลติคก็หาช่องโต้ได้พอสมควร ทำให้เกมต้นครึ่งหลังเปิดแลกกันและเป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าเล็กน้อย นาที 55 เจอราร์ดเปิดฟรีคิกให้ตูเร่โฉบโหม่งเข้าไปได้แต่โดนจับล้ำหน้าไปเสียก่อน

_______ นาที 58 เฮนเดอร์สันได้ลงแทนอัลเลน คูตินโย่ขยับเข้ามาเล่นตรงกลางแบบเต็มตัว ปล่อยให้เฮนเดอร์สันรับหน้าที่ทางซ้ายไป ลิเวอร์พูลบุกกดดันได้อย่างต่อเนื่อง และได้ลุ้นประตูอยู่เป็นระยะ เซลติคโดนกดดันให้ต้องถอยไปอยู่ในแดนตัวเองมากขึ้นและตั้งเกมได้น้อยลงๆ แต่การคุมพื้นที่สุดท้ายยังทำได้ยอดเยี่ยม ทำให้ลิเวอร์พูลยังทำได้แค่ลุ้นต่อไป

_______ นาที 72 ไอบ์ได้ลงแทนดาวนิ่ง เกมริมเส้นฝั่งขวาดูวูบวาบมากขึ้น แต่ยังไม่ดีพอจะเป็นประตู เวลาที่เหลืออยู่ลิเวอร์พูลยังเพียรจะบุกต่อไป แต่เวลายิ่งเหลือน้อย จังหวะเข้าทำก็ดูลนลานมากขึ้นด้วย หลายครั้งเร่งเกินไปและฝืนเกินไป ประกอบกับทางเซลติคแม้จะทยอยเปลี่ยนตัวเรื่อยๆ แต่คุณภาพเกมรับไม่ได้ลดลง โดยเฉพาะการคุมพื้นที่ทำได้เนี้ยบมาก ไม่มีหลงตำแหน่ง และแทบไม่มีจังหวะที่ผู้เล่นลิเวอร์พูลได้ยิงโดยไม่ถูกเร่งหรือบังทางบอล สุดท้ายลิเวอร์พูลเลยพลาดท่าพ่ายเป็นนัดแรกของช่วงพรีซีซั่นในนัดสุดท้าย ก่อนเปิดฤดูกาลนี่เอง
-----------------------------------------

_______ นัดนี้เป็นนัดสุดท้ายของพรีซีซั่นแล้ว แม้หลายนัดที่ผ่านมาร็อดเจอร์ดูจะเน้นผลเอามากๆ อยู่แล้ว แต่นัดนี้ยิ่งเน้นหนักเข้าไปอีก การเข้าปะทะ การวิ่งไล่เพรซซิ่ง การเร่งเกม หรือแม้กระทั่งการปรับแทคติคและเปลี่ยนตัวสำรอง ดูไม่ต่างไปจากเกมอย่างเป็นทางการเลย อันที่จริงดูจริงจังกว่าเกมเป็นทางการบางนัดในช่วงท้ายฤดูก่อนด้วยซ้ำ

_______ 2-3 นัดที่ผ่านมา รวมถึงนัดนี้ด้วย ร็อดเจอร์เหมือนต้องการให้ทีมปรับวิธีการเล่นเกมรุก โดยให้ตัวริมเส้นหุบเข้ามาเล่นตรงกลางมากขึ้น เน้นการเจาะด้วยบอลชิ่งและบอลตามช่องตรงกลางเต็มที่ ผลที่ออกมาดูแล้วทำให้ตัวรุกอัดแน่นกันเป็นหงส์กระป๋องอยู่แถวๆ หน้าเขตโทษ แม้แต่ตัวที่วิ่งทำทางไปด้านข้างยังยืนอยู่แค่แถวๆ มุมเขตโทษเท่านั้น แต่ในเมื่อในทีมมีตัวที่จ่ายบอลทะลุดีๆ แบบคูตินโย่(รวมอัลแบร์โต้ด้วยก็ได้) มีตัววิ่งทำทางดีๆ อยู่เป็นกะบิ รวมไปถึงคนที่ชอบเล่นบอลชิ่งเป็นชีวิตจิตใจอย่างอัลเลนและเจอราร์ด จะเลือกเล่นแบบนี้ก็อาจจะมองได้ว่าเหมาะกับตัวที่มีอยู่แล้วก็ได้ อย่าว่าแต่ถ้าทีมต้องการเกมริมเส้นเมื่อไหร่ ดาวรุ่งรอโอกาสอย่างสเตอริ่งกับไอบ์(ไม่ถนัดมือเลยจริงๆ เรียกแบบนี้เนี่ย) ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพอจะทำอะไรได้บ้างในหลายๆ เกม

_______ ... เพียงแต่ว่า...

_______ ความนิ่งในพื้นที่สุดท้ายยังคงเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาที่เห็นกันมาตลอดช่วงฤดูกาลที่แล้ว นัดไหนที่ยิงได้ก่อน หรืออย่างน้อยยังยันอยู่ที่ 0-0 ไม่มีปัญหา แต่เมื่อไหร่ที่โดนบีบด้วยสกอร์ตามหลัง หรือเวลาใกล้หมด ผู้เล่นหลายคนเล่นแบบลนลานในพื้นที่สุดท้าย ทำให้โอกาสที่สร้างมาได้หลุดลอยไปบ่อยครั้ง เรื่องแบบนี้คงต้องหวังพึ่งเวลาที่จะช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ให้ เพียงไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

_______ ปัญหาอีกอย่างที่จะว่าไปอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก นั่นคือสภาพความฟิต คงไม่ใช่เรื่องจะพูดว่าเป็นช่วงพรีซีซั่นเลยยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะอาทิตย์หน้าก็เปิดฤดูแล้ว แต่ปัญหาเรื่องนี้น่าจะอยู่ที่แทคติคการเล่นมากกว่า การไล่เพรซซิ่งเร็วตั้งแต่แดนคู่ต่อสู้เป็นเวลานานให้อึดแค่ไหนก็หมดได้ อย่าว่าแต่ในจังหวะรุก ลิเวอร์พูลยังใช้ตัวผู้เล่นค่อนข้างมากตามวิธีการเข้าทำที่เน้นบอลชิ่งกับ บอลทะลุช่อง เวลาโดนตัดบอลได้ทีเลยต้องวิ่งสปีดกลับมาเล่นเกมรับอีก พอถึงช่วงท้ายๆ เกมเริ่มเห็นผู้เล่นหลายคนหมดแรงกันให้เห็น พอไปบวกกับสถานการณ์ที่บีบให้ต้องเร่งเกมเลยยิ่งไปกันใหญ่

_______ ...ฤดูนี้อย่าได้โดนขึ้นนำเป็นดีที่สุดครับ แค่ลูกเดียวก็ไม่ได้ ผู้เล่นชุดนี้สภาพจิตใจดูยังไม่แข็งแกร่งนัก ตอนขึ้นนำเล่นแบบทีมลุ้นแชมป์ พอโดนนำกลายเป็นทีมลุ้นไปเล่นบอลยุโรป(แบบเสียวว่าจะไม่ได้ไป)มันซะงั้น...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ค่อนข้างดี

มินโยเล่ - ยืนตำแหน่งดี ทำได้ดีมากกับการตัดบอลโด่งและบอลเปิดเข้ากลาง ลูกที่เสียไปทำได้ถึงขั้นบล็อคบอลได้ก็เยี่ยมแล้ว ส่วนเรื่องการเปิดบอล เลือกให้ตัวว่างได้ดีทีเดียว

จอห์นสัน - เกมรับทำได้น่าพอใจ เชื่อมเกมได้ดี เกมรุกเจาะแนวรับได้มากกว่าตัวริมเส้นคนอื่น (ไม่นับคูตินโย่ที่ไม่ได้เล่นริมเส้นเท่าไหร่) จังหวะสุดท้ายทำได้ไม่ดีเลย แต่เอาแค่เรื่องสร้างโอกาสได้บ่อยและจะแจ้งขนาดนี้ถือว่าใช้ได้แล้ว

วิสดอม - แรงปะทะกับการเข้าสกัดไม่ใช่ปัญหา แต่การอ่านเกมนี่ดูจะต้องพัฒนาอีกมาก เข้าบอลผิดจังหวะและหลงเหลี่ยมคู่ต่อสู้อยู่เป็นระยะๆ

ตูเร่ - เล่นได้ดีมาก การอ่านเกมและเข้าสกัดทำได้เด็ดขาด แม้แต่เรื่องที่น่าจะเป็นปัญหาอย่างการกลับตัวและสปีดต้นก็ทำได้น่าพอใจเลยทีเดียว ที่เดากันว่าจะมาเป็นแบ็คอัพ ไปๆ มาๆ จะมากลายเป็นตัวหลักแทนเสียมากกว่า

เอนริเก้ - เกมรับทำได้พอใช้ มีบางจังหวะที่ไม่ได้เติมขึ้นสูงเ่ท่าไหร่แต่ดันลงมาช่วยวิสดอมไม่ทันซะอย่างนั้น การเชื่อมเกมทำได้ดีระดับนึง ส่วนเกมรุกไม่ได้สร้างประโยชน์อันใดเลยในเกมนี้ แม้แต่สร้างโอกาสก็แทบไม่มีให้เห็น

เจอราร์ด - เคลื่อนที่น้อยไปหน่อย หลายครั้งเติมขึ้นไม่ทันลงไม่ทัน และจังหวะบังบอลก็ดูจะหละหลวมไปสักนิด การผ่านบอลไปที่ว่างและการเชื่อมเกมจากหลังไปหน้ายังทำได้ดีอยู่

ลูคัส - เข้าถึงบอลช้าไปในบางจังหวะ แต่โดยรวมก็ยังตัดเกมได้ดี ผ่านบอลช้าไปนิด บางทีเปิดแถมเฝือกให้เพื่อนอีกต่างหาก ที่ทำได้น่าพอใจอีกอย่างคือการเก็บบอลและวิ่งไปรับบอลจากแนวรับที่โดนเร่ง

อัลเลน - เคลื่อนที่เยอะ ยังคงทำได้ดีกับการอ่านเกมที่ช่วยให้เขาเล่นได้ดีทั้งเกมรุก(โดยเฉพาะครึ่ง ชั่วโมงแรกที่เล่นดีเอามากๆ)และการดักตัดบอลในเกมรับ ในขณะเดียวกันการเบียดปะทะก็ยังสร้างปัญหาให้เจ้าตัวต่อไป

คูตินโย่ - การออกบอลทะลุช่องขั้นเทพยังไม่ได้หายไปไหน จะสั้นแค่ไม่กี่หลาหรือห่างเกือบครึ่งสนามทำได้ทั้งนั้น ขนาดเสียหลักจะล้มยังอุตส่าห์จ่ายให้เพื่อนหลุดได้ (ขนาดเพื่อนยังไม่คิดว่าจะจ่ายได้เลยไม่ได้วิ่งนำไป) จบสกอร์ไม่ดีเท่าไหร่ในนัดนี้ รวมไปถึงเล่นฝืนไปหลายจังหวะ แต่ผลงานโดยรวมถือว่าดีแบบไม่ต้องคิดมาก

อัสปาส - ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งทำทางตลอดเวลา ดูไปดูมาเริ่มเห็นเงาเดิร์ค เค้าท์ลางๆ ยังไงชอบกล (แต่ไล่บอลในเกมรับยังไม่คลั่งเท่าเค้าท์) แต่นัดนี้หาโอกาสและสร้างโอกาสได้ไม่มากนัก

ดาวนิ่ง - หาตำแหน่งว่างรับบอลได้ดีมาก เอาเป็นว่าแดนกลางพลิกบอลได้เมื่อไหร่ เงยหน้าต้องเห็นดาวนิ่งว่าง เชื่อมเกมได้ดี แต่ปัญหาคือทำเกมรุกไม่ได้ เจาะไม่เข้า บอลเปิดดีๆ ก็มีน้อย มีเลี้ยงตัดเข้ากลางแล้วยิงได้สวยๆ หนนึงก็โดนเซฟ

ตัวสำรอง

สเตอริดจ์ - ดีกว่าอัสปาสในเรื่องการพาบอลไปกับตัว เลี้ยงจี้กดดันคู่ต่อสู้ได้ ประสานงานกับคูตินโย่ได้เยี่ยมมาก แต่กับคนอื่นหนักไปทางประสานงา จบสกอร์ไม่ดีนัก ได้ลุ้นแต่ไม่ได้ประตู เล่นได้พอใช้ไม่ถึงกับดี แต่ถ้านี่คือฟอร์มของคนที่พึ่งหายเจ็บกลับมา ก็ลุ้นกับเขาได้ยาวๆ ในฤดูกาลนี้ล่ะ

เฮนเดอร์สัน - ถ้าจะเอาดีทางริมเส้นคงต้องปรับอีกเยอะ วิ่งไปในตำแหน่งว่างทางริมเขตโทษอยู่ตลอดก็จริงแต่มันเป็นไปแทบไม่ได้เลยที่ เพื่อนจะจ่ายบอลมาให้ได้เพราะคนได้บอลโดนล้อมกรอบอยู่ การเปิดเข้ากลางก็ทำได้ไม่ดีนัก ที่ยังดูดีอยู่ก็คงเป็นเรื่องความขยันวิ่งไล่บอลและคุมพื้นที่ได้ดี ทำบอลเสียน้อย

ไอบ์ - ทำเกมด้วยการพาบอลไปกับตัวได้ดีกว่าดาวนิ่ง (แหงล่ะ) จังหวะสุดท้ายกดดันคู่ต่อสู้ได้แต่ก็ไม่ดีพอจะเป็นประตูหรือสร้างโอกาสในการ ทำประตู

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ฟิลิปเป้ คูตินโย่... เจอจังหวะสะดุดแทบล้มหัวคะมำแต่จ่ายทะลุให้อัสปาสได้ กับจังหวะจ่ายครึ่งสนามทีเดียวให้สเตอริดจ์ได้ชิพหลุดกรอบก็ไม่ต้องคิดแล้ว ครับ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.