วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

อาร์เซนอล 2 - 2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


รอดมาได้ยังไง
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-2-1

----------------------สเตอริดจ์----------------------
ซัวเรส----------------------------------------ดาวนิ่ง
----------เฮนเดอร์สัน----------เจอราร์ด------------

------------------------ลูคัส-------------------------
จอห์นสัน-----แอกเกอร์----คาราเกอร์-------วิสดอม
-----------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนอาร์เซนอลในเกมพรีเมียร์ลีคนัดกลางสัปดาห์ ร็อดเจอร์ปรับทีมจากนัดก่อนค่อนข้างเยอะ เรน่าได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง แผงหลังมีวิสดอมเหลือมาจากนัดก่อนแค่คนเดียว กลาง 3 คนใช้เฮนเดอร์สัน เจอราร์ด ลูคัส ในขณะที่ตัวริมเส้นวันนี้เลือกซัวเรสทางซ้าย ดาวนิ่งขวา และสเตอริดจ์เป็นหน้าเป้า
-------------------------------------------------------

               เปิดเกมมาลิเวอร์พูลก็พยายามไล่บอลเร็วและเร่งจังหวะเกมมาก แม้อาร์เซนอลจะครองบอลได้ดีกว่าแต่ทำอะไรไม่ถนัดนัก และแค่นาที 5 แนวรับอาร์เซนอลก็พลาดเป็นชุด ปล่อยให้จอห์นสันเปิดบอลเข้ากลางเลยไปถึงสเตอริดจ์ที่เสาสองก่อนจะยิงติดเซฟ แต่บอลยังมาเข้าทางเฮนเดอร์สันบังบอลหนึ่งจังหวะก่อนจะแตะให้ซัวเรสยิงแฉลบ กองหลังเข้าไป 1-0

               หลังเสียประตูอาร์เซนอลยังพาบอลบุกขึ้นมาได้มากกว่า ลิเวอร์พูลถูกดันให้ต้องถอยไปตั้งรับเยอะขึ้น ตั้งเกมขึ้นมาไม่ได้ได้แต่รอโต้ด้วยลูกยาว อาร์เซนอลบุกอย่างหนักและจวนเจียนจะได้ประตูตีเสมอหลายครั้งแต่แนวรับลิ เวอร์พูลยังช่วยกันสกัดไว้ได้ดี รวมไปถึงพอจะหาโอกาสจบได้อยู่พอสมควร

               อาร์เซนอลบุกหนักอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนเกมรุกจะเริ่มตันเพราะเจาะไม่ เข้า เริ่มหาโอกาสจบได้น้อยลง ส่วนลิเวอร์พูลเองตั้งรับได้เหนียวแน่นแต่โต้แทบไม่ขึ้น ทำให้ช่วงท้ายครึ่งแรกเกมดูจะอืดไปก่อนจบที่สกอร์ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลทำท่าจะดีขึ้นเมื่อต้นเกมสามารถครองบอลได้แต่ผ่านไปแค่ 5 นาทีก็กลายเป็นอาร์เซนอลที่ ทำได้ดีขึ้นกลับมาโหมเกมรุกหนักได้อีกรอบ ลิเวอร์พูลโดนกดให้อยู่แต่ในแดนตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังพอรักษาตัวรอดไปได้ก่อนจะหาโอกาสทำประตูหนีห่างได้สำเร็จในนาที 60 เฮนเดอร์สันได้บอลในแดนอาร์เซนอล ซ้าย-ขวา-หน้า ไม่มีเพื่อนให้จ่ายก็เลยเลี้ยงดุ่ยๆ เข้าไปไถๆ ผ่านกองหลังอาร์เซนอล 2-3 คนหลุดเข้าไปถึงเขตโทษยิงไปติดเซฟแต่บอลเด้งมาเข้าทางให้เฮนเดอร์สันซ้ำอีก ครั้ง 2-0

               สกอร์ขยับห่างแต่อาร์เซนอลไม่เสียสมาธิ ตั้งเกมมารุกอย่างบ้าคลั่งได้ต่อเนื่อง กองหลังดันสูงครึ่งสนาม แบ็คเติมเกมตลอด และสามารถเจาะแนวรับได้สำเร็จจากลูกตั้งเตะ นาที 65 อาร์เซนอลได้ลูกฟรีคิกโยนโด่งเข้ากลางและเป็นชิรูด์ที่ขึ้นโหม่งโล่งๆ เข้าไปได้ 2-1 หลังจากนั้นแค่ 2 นาทียังมาได้ประตูอีกครั้งเมื่อวัลคอตยิงเร็วเต็มข้อในเขตโทษแบบเรน่าไม่ทัน จะล้มตัวตีเสมอได้สำเร็จ 2-2

               อาร์เซนอลยังโหมเกมอย่างดุเดือดและลิเวอร์พูลได้แต่ตั้งรับหลังพิงฝาแทบไม่ ได้โงหัวขึ้นมาจากเขตโทษ โต้ไม่ขึ้น ครองบอลไม่ได้ โดนขึงพืดบุกใส่อยู่ตลอด ร็อดเจอร์ตัดสินใจปรับเกมในนาที 71 ส่งเอนริเก้แทนสเตอริดจ์ เอาเอนริเก้ไปเล่นปีกซ้าย ดันซัวเรสขึ้นหน้า แต่เกมโดยรวมยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก

               อาร์เซนอลยังเดินหน้าบุกต่อเนื่อง ไม่มีเพลาไม่มีผ่อนและเกือบจะได้ประตูนำอีกหลายครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังทำไม่สำเร็จ จนถึงช่วง 10 นาทีสุดท้ายแม้โดยรวมจะเป็นอาร์เซนอลที่ยังทำเกมรุกได้ตลอดแต่ลิเวอร์พู ลเริ่ม เก็บบอลโต้ได้บ้างนิดหน่อย(นิดหน่อยจริงๆ) แต่บอลส่วนใหญ่ก็ไปไม่ค่อยถึงไหน อย่างไรก็ตามในเกมรับก็ยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้แบบหืดขึ้นคอ แถมได้ลุ้นอีกนิดหน่อยในนาทีสุดท้ายของเกมที่ซัวเรสได้ยิงมุมแคบแต่ติดเซฟ ก่อนที่บอลจะหลุดออกเสาสองไป จบเกมที่สกอร์ 2-2
 -----------------------------------------

               เป็นเกมที่น่าแพ้เป็นอย่างยิ่งครับ...

               ถ้าใครอ่านมาตั้งแต่บรรทัดแรกคงเห็นคำว่า "อาร์เซนอลบุก..." จนเอียน แล้วเกมก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่ต้นยันจบเกมอาร์เซนอลบุกใส่อยู่แทบจะข้างเดียว แม้ลิเวอร์พูลจะได้สองประตู และถ้าดูจากสถิติหลังเกม โอกาสลุ้นประตูของลิเวอร์พูลก็มีเยอะพอสมควร ยิงเข้ากรอบน่าจะพอๆ กับอาร์เซนอลเลยด้วยซ้ำ (ผมไม่ได้ดูสถิติตอนพิมพ์) แต่ลิเวอร์พูลแทบไม่มีจังหวะตั้งเกมรุกของตัวเองเลย ส่วนใหญ่เป็นลูกตั้งเตะบวกกับความผิดพลาดของอาร์เซนอลเอง ดังนั้นแม้จะนำก่อนถึง 2 ลูกแต่จบเกมได้แค่ผลเสมอก็บุญโขอโลฮ่าแล้วครับ

               มอง 11 ตัวจริงและแทคติคของทีม ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่ร็อดเจอร์ตั้งใจมาเล่นกับอาร์เซนอลอยู่แล้ว คือเร่งแค่ช่วงต้นเกม ได้ก็ดี แต่ต่อให้ไม่ได้ผมก็ไม่คิดว่าร็อดเจอร์จะมารุกใส่ หลังจากนั้นก็รับแล้วหาโอกาสโต้กับเก็บตกข้อผิดพลาดของอาร์เซนอลเอา ซึ่งก็ทำได้ดีด้วยเมื่อดูจากการโดนอาร์เซนอลกระหน่ำใส่ขนาดนั้นแต่ยัง อุตส่าห์เกือบชนะ และอย่างน้อยที่สุดก็ได้ 1 แต้มกลับบ้าน

                สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้ก็แทคติคของร็อดเจอร์นี่ละครับ ร็อดเจอร์ทำการบ้านมาดีในนัดนี้ ไม่ปล่อยให้ลูกน้องลงไปตายเหมือนหลายๆ นัดที่เจอกับทีมเล็ก ถ้าเล่นแบบเดิมๆ คือยืนสูงเปิดเกมรุกใส่ ลิเวอร์พูลน่าจะเหนื่อยกว่านี้หากจะมีแต้ม การถอยลงไปรับต่ำไปกันได้ดีเอามากๆ กับการเลือกใช้คาราเกอร์แทนสเคอเทล เพราะเมื่อไม่มีพื้นที่ใ้ห้ต้องวิ่งเยอะ คาราเกอร์ดูจะเป็นประโยชน์กว่า แบ็คอย่างวิสดอมที่เป็นปัญหามาตลอด พอบีบพื้นที่รับผิดชอบให้แคบลงและมีคนช่วยตลอดก็ดูจะพอเอาตัวรอดได้ ในขณะที่กองกลางในเมื่อหลังๆ ตัวต่อตัวเอาใครไม่ค่อยอยู่ก็อาศัยพวกมากเข้าว่า เจอราร์ดวันนี้เล่นรับเต็มที่ เฮนเดอร์สันเองแม้จะขึ้นไปเล่นเกมรุกเยอะกว่าอีกสองคนแต่เกมรับก็วิ่งช่วย ได้ตลอด ก็พอถูไถไปวัดไปวาได้

               ปัญหาอย่างเดียวในเกมนี้คือการโต้กลับ เมื่อรับลึกและเน้นไปที่บอลยาว สเตอริดจ์เก็บบอลแทบไม่ได้และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้อาร์เซนอลได้บอลกลับไป เร็วมาก รวมไปถึงการเปลี่ยนรับเป็นรุกซึ่งเมื่อเจอราร์ดโดนถอยลงไปต่ำ(สุดกู่) เฮนเดอร์สันที่ยืนสูงกว่า(เล็กน้อย) ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้หลายครั้งอย่าว่าแต่จะเปิดบอลไปข้างหน้า เอาแค่ไม่โดนตัดกลับไปตั้งแต่ก่อนได้เปิดก็แทบอ้วกแล้ว วันนี้เป็นวันที่เกมรุกของลิเวอร์พูลทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ที่ได้มาสองประตูน่าจะให้เครดิตกับกองหลังอาร์เซนอลที่ผิดพลาดกันค่อนข้าง เยอะมากกว่า โดยเฉพาะซานโต๊สที่ำทำเกมรุกใส่ทีมตัวเองได้น่าสยองขวัญเอามากๆ ชนิดที่ถ้าลิเวอร์พูลแพ้ พี่แกต้องได้ MOM เลยทีเดียว

               จากเกมนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เห็นว่าร็อดเจอร์มีความยืดหยุ่นเรื่องแทคติคพอสมควร และถ้าคิดจะเอาแทคติคมาช่วยทดแทนคุณภาพผู้เล่นจริงๆ เขาก็ทำได้ ไม่ใช่สักแต่ดื้อตาใสจะให้เล่นอย่างที่หวังอย่างเดียวโดยไม่ดูศักยภาพคนเล่น นัดนี้น่าจะช่วยให้เขาเห็นจุดอ่อนของสเตอริดจ์, ทางเลือกในการใช้ซัวเรส, ประโยชน์ของส่วนเกินอย่างคาราเกอร์ และลูกกำพร้าอย่างเฮนเดอร์สันได้เป็นอย่างดี หวังว่าจะช่วยให้เขาปรับจูนทีมให้รักษาความต่อเนื่อง(เก็บแต้มได้เรื่อยๆ) อย่างนี้ต่อไป

               นัดหน้าเจอซิตี้ก็คงเล่นทรงนี้ละครับ แต่คงไม่เห็นวิสดอมกันแล้ว ลุ้นกันใจสั่นต่อไปอีกนัด
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ค่อนไปทางดี

เรน่า - เสียไป 2 ลูก แต่ช่วยเซฟลูกอันตรายไว้ได้เยอะมาก เตะบอลยาวพลาดเยอะแต่บอลสั้นยังใช้ได้อยู่ อยู่ในฟอร์มที่ดี

จอห์นสัน - โดยรวมแล้วจัดการกับวัลคอตได้ดีเอามากๆ จังหวะวิ่งแข่งก็ยังเอาวัลคอตอยู่ แต่ครึ่งหลังโดนแบ็คอาร์เซนอลเติมขึ้นมาเพิ่มอีกคนจอห์นสันก็รากเลือดเหมือน กัน

แอกเกอร์ - เล่นลูกกลางอากาศในจังหวะทีมได้ลูกตั้งเตะได้โดดเด่นมากและเกือบทำประตูได้ หาโอกาสพาบอลขึ้นหน้าได้ดี แต่เกมรับมีปัญหากับการรับมือการเคลื่อนที่ของคู่ต่อสู้ที่พลิกตัวตามไม่ ค่อยจะทันอยู่บ้าง โดยรวมยังเล่นได้ดีอยู่

คาราเกอร์ - เล่นได้ดีมาก โดยเฉพาะลูกกลางอากาศกับการบล็อคทางยิงของคู่ต่อสู้ มีลูกตุกติก..เอ้ย! แทคติคนิดๆ หน่อยๆ อยู่ตลอดไม่ว่าจะเจ็บนาน เดินออกนอกสนามผิดทาง มือไม้เปะปะ ดึงรั้ง เสียบคาบลูกคาบดอกหวุดหวิดจะฟาลว์ นึกนานเวลาจะเปิดฟรีคิกเริ่มเกม ซึ่งโดยรวมแล้วช่วยทีมได้เยอะทีเดียว

วิสดอม - พื้นที่แคบลง คนช่วยเยอะขึ้น วิสดอมก็ดูดีขึ้น แม้จะยืนผิดตำแหน่งให้เห็นเป็นระยะ และอันที่จริงทีมก็โดนเจาะในพื้นที่รับผิดชอบคุณน้องเธอค่อนข้างเยอะ แต่อย่างน้อยคู่ต่อสู้ก็ต้องอาศัยความพยายามเต็มที่กว่าจะผ่านไปได้แต่ละ ครั้ง

เฮนเดอร์สัน - ทำตามหน้าที่ของตัวเองได้ดี ขยันไล่ตลอดและพยายามจะเติมขึ้นสูงทุกครั้งที่มีโอกาส ตัดสินใจได้เด็ดขาดมากขึ้น ยิง 1 จ่าย 1 ด้วย อย่างเดียวที่ไม่ดีคือเปลี่ยนรับเป็นรุกที่ทำได้ไม่ดีนัก

ลูคัส - เข้าสกัดได้ดี เสียฟาลว์น้อยมาก ช่วยปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดี ทีมแทบไม่โดนยิงไกลนอกเขตเลยในวันนี้ (แต่ปรกติอาร์เซนอลก็ไม่ค่อยยิงไกลอยู่แล้ว) มีด้อยอยู่เล็กน้อยตอนจังหวะขึ้นบอลที่พึ่งคนอื่นมากไปนิด ไม่ค่อยผ่านบอลขึ้นหน้าด้วยตัวเอง

เจอราร์ด - เล่นเกมรับเต็มตัวและทำได้เด่นที่สุดในบรรดาแผงกลาง เข้าบอลได้ดุและตามจนสุดทาง แต่เข้าครึ่งหลังมีหมดแรงให้เห็นเหมือนกัน บางจังหวะเหมือนอยากจะเร่งเกมแต่เร่งไม่ขึ้น เพราะวิ่งพาบอลขึ้นไปเองไม่ไหวและเปิดบอลผิดพลาดเยอะ

ซัวเรส - ช่วยเกมรับได้ดีกว่าที่คิด ใช้พละกำลังส่วนมากไปกับเกมรับและการวิ่งตามซานญ่า ควบคุมอารมณ์ได้ดี สมาธิอยู่กับเกมตลอด แต่ทำเกมรุกได้ค่อนข้างน้อย ช่วงเล่นหน้าเป้าเก็บบอลดีกว่าสเตอริดจ์เล็กน้อย มีหมดแรงให้เห็นช่วงท้ายๆ เกมเหมือนกัน หาตำแหน่งและจบสกอร์ได้ค่อนข้างดี ยิงได้ 1 ลูกด้วย

ดาวนิ่ง - หนักไปทางเล่นเกมรับ ช่วยเกมรุกไม่ค่อยได้ แต่มีดีตรงวิ่งไล่ได้ทั้งเกม อาจเล่นได้ไม่โดดเด่นแต่ให้ลองนึกภาพว่าเป็นบอรินี่หรือสเตอริ่งลงแทน ตำแหน่งดาวนิ่งดูแล้วจะรู้ว่าวันนี้ดาวนิ่งช่วยทีมไว้ได้แค่ไหน

สเตอริดจ์ - ตัดสินใจยิงได้ดี ไม่ฝืนจนหมดโอกาส แต่ยิงได้ไม่ดีนักเมื่อหลุดกรอบหนึ่งและติดเซฟหนึ่งในจังหวะที่ควรจะได้ลุ้น มากกว่านั้น พอต้องอยู่โดดเดี่ยวเก็บบอลไม่ได้เลย

ตัวสำรอง

เอนริเก้ - ลงมาแล้วใช้ประสบการณ์ช่วยทีมไว้ได้พอสมควร เลือกเล่นในแต่ละจังหวะได้ดี ทีมเป็นรองก็ไม่พาบอลตะบึงขึ้นไปให้มันเสียเล่นแต่เลือกดึงช้า ครองบอลไว้กับตัว เรียกเตะมุมได้ด้วย

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : ...จอร์แดน เฮนเดอร์สัน... จริงๆ แนวรับเล่นดีหลายคน ไม่ว่าจะคาราเกอร์หรือจอห์นสัน รวมไปถึงเจอราร์ดที่เล่นเกมรับได้ยอดมากด้วย แต่กับเกมที่โดนอัดเกือบตาย ตั้งเกมรุกไม่ได้แบบนี้ คนที่อุตส่าห์ยิง 1 จ่าย 1 แถมเกมโดยรวมก็เล่นได้ไม่เลวควรได้รับคำชมบ้างล่ะ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

โอลด์แดม 3 - 2 ลิเวอร์พูล (เอฟเอ คัพ)


หมดแล้วบอลถ้วย
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

----------------------สเตอริดจ์----------------------
บอรินี่-----------------ซัวเรส----------------สเตอริ่ง
----------เฮนเดอร์สัน----------อัลเลน--------------
โรบินสัน-----โคอาเตส------สเคอเทล-------วิสดอม
-----------------------โจนส์-------------------------

               ลิเวอร์พูลเล่นเอฟอัพคัพนอกบ้าน ไปเยือนทีมท้ายตารางลีควันอย่างโอลด์แดม ร็อดเจอร์ใช้ชุดสำรองแต่ก็มีตัวจริงลงมาเยอะกว่าที่ผ่านมาพอสมควร แผงหลังมีสเคอเทลลงตัวจริง แดนกลางเลือกเฮนเดอร์สันกับอัลเลนยืนคู่กัน ริมเส้นส่งบอรินี่ลงตัวจริงพร้อมกันสเตอริ่ง ซัวเรสเป็นหน้าต่ำ สเตอริดจ์เป็นหน้าเป้า
-------------------------------------------------------

               เปิดเกมกระพริบตาได้ไม่กี่ครั้ง นาที 2 โอลด์แดมก็ได้ประตูนำก่อนจากจังหวะที่แนวรับลิเวอร์พูลสกัดบอลโด่งไม่ขาดโดน โอลด์แดมซ้ำ สเคอเทลพยายามจะโหม่งงัดจากเส้นแต่ไม่สำเร็จ 1-0 หลังจากนั้นก็เป็นโอลด์แดมที่ทำได้ดีกว่า วิ่งไล่อัดใช้เกมหนักและเร็วเข้าสู้เต็มที่ ลิเวอร์พูลอย่าว่าแต่จะทำเกมรุก แค่ครองบอลยังไม่ได้ ตกเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว

               ลิเวอร์พูลที่เกมเป็นรองเยอะมาได้ประตูตีเสมอแบบโชคดีนิดๆ นาที 17 จากจังหวะที่ซัวเรสได้บอลลากยาวมาตั้งแต่แดนตัวเอง เลี้ยงชลอรอเพื่อนไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าเขตโทษ บอรินี่วิ่งดึงกองหลังไปให้ซัวเรสได้ตัดเข้ากลาง พยายามจะจ่ายให้สเตอริดจ์ บอลติดกองหลังแต่เด้งกลับมาเข้าทางซัวเรสได้ยิง 1-1

               เกมกลับมาเสมอ แต่โอลด์แดมก็ยังเล่นอยู่ในเกมของตัวเองได้ดี แม้ลิเวอร์พูลจะไม่ถึงกับหลังพิงฝาเหมือนต้นเกมแต่ก็ไม่ได้เปรียบ ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมไป โอลด์แดมเริ่มเล่นช้าลงบ้างทำให้ลิเวอร์พูลถูกกดดันน้อยลงแต่ยังตั้งเกมรุก กดดันได้ไม่มากนัก ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกยังมาพลาดซ้ำอีก เมื่อโอลด์แดมได้ครอสบอลเรียดเข้ากลาง โจนส์รับเข้าซองแต่บอลกระฉอก และเป็นนักเตะโอลด์แดมที่ถึงบอลก่อน จ่ายให้เพื่อนยิงเข้าไปได้ 2-1

               เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ลุ้นก่อนจากโอกาสของบอรินี่แต่ยิงข้ามคาน นอกจากไม่ได้แล้วยังมาเสียอีก นาที 48 ลิเวอร์พูลพลาดจากลูกโด่งอีกครั้ง โอลด์แดมครอสจากฝั่งขวาข้ามไปเสาสองก่อนจะโหม่งย้อยข้ามหัวโจนส์เข้าไปได้ 3-1 ถึงตรงนี้ร็อดเจอร์รอไม่ได้แล้ว หลังจากให้มาวอร์มได้สักพัก นาที 55 เจอราร์ดกับดาวนิ่งก็ได้ลงมาแทนบอรินี่กับวิสดอม ใช้เจอราร์ดทำเกมตรงกลาง ถอยเฮนเดอร์สันไปเล่นแบ็คขวาร่วมกับดาวนิ่งที่ลงมาเล่นปีกขวา โยกสเตอริ่งไปทางซ้าย

               หลังจากเปลี่ยนตัว เกมของลิเวอร์พูลดีขึ้นทันตาเห็น การขึ้นบอลจากหลังไปหน้าเน้นขึ้นทางฝั่งขวาซึ่งทำได้ดีขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้า รวมไปถึงเจอราร์ดที่ช่วยเปิดเกมได้ดีทำให้มีโอกาสลุ้นมากขึ้น แต่จนแล้วจนรอดก็ยังทำประตูไล่ตามไม่สำเร็จ นาที 72 เชลวี่ย์ได้ลงมาแทนสเตอริ่งอีกคน ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเปลี่ยนมาเล่น 4-4-2 เต็มตัว(จากก่อนหน้าที่ซัวเรสก็ดันขึ้นหาช่องข้างบนเป็นระยะอยู่แล้ว) โหมเกมรุกเต็มที่และดันกันขึ้นมาหมด กดดันโอลด์แดมจนเริ่มผิดพลาดให้เห็นเป็นระยะ

               ลิเวอร์พูลไล่ตามมาได้สำเร็จในนาที 79 จากลูกเตะมุมแล้วบอลสกัดไม่ขาด อัลเลนได้หวดวอลเล่ย์สวนกลับเข้าไปแฉลบกองหลังเข้าประตูไปเป็น 3-2 หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็ยังได้ลุ้นอีกอย่างต่อเนื่องแต่กว่าจะได้ยิงแต่ละ ลูกก็ยากมาก ลูกที่ได้ยิงก็ติดบล็อคกองหลังเป็นส่วนใหญ่ ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม ต่อด้วยทดเจ็บอีก 6 นาที ลิเวอร์พูลยังเดินหน้าบุกต่อไป แต่โอลด์แดมยังมีแรงวิ่งไล่กันตั้งแต่แดนหน้าทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นบอลได้ อย่างยากลำบาก และนักเตะโอลด์แดมทุกคนวิ่งกันแบบลืมตาย เข้าถึงบอลได้เร็วและบีบจนทำให้บอลไปถึงเขตโทษของพวกเขาช้ามาก หลายครั้งก็ไม่ถึงด้วย ลิเวอร์พูลยังทำเกมรุกได้ดีเมื่อยังคงสามารถหาจังหวะยิงกันจนได้(บ้าง)แต่ก็ ไม่ดีพอจะเป็นประตู สุดท้ายจบเกมเลยตกรอบไปด้วยสกอร์ 3-2
 -----------------------------------------

               ถ้านับกันที่ ใจ ลิเวอร์พูลก็เล่นได้ไม่เลวครับ แต่สังขารมันไม่ค่อยเอื้อเท่าไหร่ ตัวเล็กไม่ต้องนับ แต่ผู้เล่นตัวใหญ่ของลิเวอร์พูลเองก็เล่นเกมที่ต้องปะทะหนักๆ แบบนี้ไม่ค่อยได้อีกต่างหาก

               จาก 11 ตัวจริง ร็อดเจอร์ดูจะระวังมากขึ้นเลยส่งตัวหลักลงอยู่หลายตำแหน่ง แต่ที่ยังเหมือนเดิม(จากบอลถ้วยนัดก่อนๆ) คือยังคงส่งเด็กลงไปตายเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่าโอลด์แดมจะเล่นยังไงเพราะแมนฟิลด์ก็ทำให้เห็นแล้วว่าควรเล่น กับลิเวอร์พูลยังไง ร็อดเจอร์กลับลอยแพแบ็คดาวรุ่ง 2 คนเหมือนเดิม ตัวริมเส้น 2 ฝั่งไม่ใช่คนที่เล่นเกมรับได้ดีนัก และแผงกลางก็ไม่มีกลางรับแท้ๆ เลยสักคน 11 ตัวจริงวันนี้คนที่เล่นเกมรับได้, มีแรงปะทะ, มีประสบการณ์ มีแค่สเคอเทลคนเดียวเท่านั้น สุดท้ายก็เลยโดนโอลด์แดมทุบเอาด้วยพละกำลังล้วนๆ ม้วนเสื่อกลับบ้านไปในที่สุด

               สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้ แน่นอนว่าเป็นการเล่นแบบใช้พละกำลังของโอลด์แดม ดูทางฝั่งโอลด์แดมก่อน พวกเขามีผู้เล่นตัวใหญ่อยู่หลายคน ที่พร้อมจะเล่นเกมหนักและวิ่งใส่อยู่ตลอดเวลา ทุกคนช่วยกันวิ่งไล่ได้ดีและวิ่งได้ทั้งเกม จังหวะ 50/50 พร้อมจะอัด ปะทะ กระแทก เบียด เสียบ โขก ศอก เหนี่ยว ดึง รั้ง แล้วก็ทำได้ดีด้วยเมื่อหลายครั้งจวนเจียนจะเป็นการฟาลว์แต่มันไม่ชัดพอจะเรียกฟาลว์ได้ ทำให้หยุดเกมของลิเวอร์พูลได้ดีเอามากๆ เมื่อเบสิคสู้ไม่ได้ จะให้ไปต่อบอลสู้ก็ตายสิครับ พวกเขาก็ต้องเล่นแบบนี้นี่แหล่ะ

               ทางฝั่งลิเวอร์พูลเอง การจัดแนวรุกตัวเท่าเมี่ยง 4 คนลงสนามพร้อมกันในเกมที่ต้องเจอแผงหลังตัวเท่ากอริลล่าโด๊ปสเตอรอยด์แบบนี้ ทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถนัด โดนเบียดกระเด็นกระดอนไปทีละคนสองคน แทคติคการเล่นก็ไม่เอื้อด้วยเมื่อลิเวอร์พูลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัย การขึ้นมาเชื่อมเกมของแบ็คทั้งสองฝั่งเพื่อจะหาช่องทำเกมรุกต่อไป แต่แบ็คทั้งสองข้างอ่อนประสบการณ์เกินไปช่วยเชื่อมเกมไม่ได้ ทำให้ภาระตกหนักไปอยู่กับเฮนเดอร์สันและอัลเลนเต็ม ไหนจะต้องเล่นเกมรับ ได้บอลก็โดนเร่ง จะเคาะออกข้างให้แบ็คก็ไม่ได้เพราะเอาไปทำพลาด(เกือบ)หมด ข้างหน้าก็โดนบีบโดนประกบ ส่งไปก็โดนแซะทิ้งบ่อยๆ สุดท้้ายเกมรุกก็เลยไปไม่ถึงไหน

               อย่างไรก็ตาม การแก้เกมของร็อดเจอร์ยังทำได้ดีทีเดียว เมื่อเปลี่ยนเอาวิสดอมออก ใช้เฮนเดอร์สันเป็นแบ็คแล้วเล่นฝั่งเดียวกับดาวนิ่ง ซึ่งผมมองว่ามันทำให้การขึ้นเกมจากหลังไปหน้าทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเจอราร์ดที่เอาตัวรอดจากการโดนเร่งได้ดีกว่าเฮนเดอร์ สัน,อัลเลน มาช่วยรับบอลตรงกลางด้วยทำให้เกมในช่วง นาที 60 - 70 ดีขึ้นเอามากๆ และหลังจากนั้นแม้ว่าโอลด์แดมจะแก้เกมด้วยการบีบพื้นที่ฝั่งขวาให้แคบลงและ ชลอเกมได้ แต่เกมของลิเวอร์พูลก็ยังพอบุกขึ้นไปได้ ไม่เหมือนก่อนหน้านั้นที่บุกแบบที่เรียกว่ากดดันแนวรับแทบไม่ได้เลย

               สรุปเกมนี้ถ้าจะโทษใครก็คงต้องโทษร็อดเจอร์ที่สรรหาผู้เล่นเข้าทีมมาแต่ละคน ตัวเล็กๆ บางๆ ทั้งนั้น แต่ในเมื่อร็อดเจอร์ต้องการความคล่องตัวและเน้นเกมผ่านบอลสั้นก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเน้นผู้เล่นประเภทนี้ ก็ได้แต่หวังว่า "อนาคต" ผู้เล่นเหล่านี้จะอาศัยความเล็กความคล่องผ่านบอลหรือพลิกบอลไปได้เร็วพอที่ จะเอาชนะการโดนวิ่งไล่และอัดเอาด้วยกำลังแบบนี้

               ส่วน "ปัจจุบัน" ก็โดนกอริลล่าไล่อัดกันไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน (โอลด์แดมจะไม่ใช่ทีมสุดท้ายที่เล่นแบบนี้ครับ)
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันไม่ค่อยดีนัก

โจนส์ - โดนกดดันหนักจากทั้งคู่ต่อสู้และเพื่อนร่วมทีม โจนส์นั้นไม่ถนัดการเล่นบอลด้วยเท้่าอยู่แล้ว ยังโดนบอลส่งคืนหลังแบบมีกองหน้าวิ่งตามมาบีบอีกหลายครั้ง ลูกโด่งที่บอมบ์เข้ามาในเขตโทษกองหลังก็ช่วยได้ค่อนข้างน้อย สุดท้ายก็ถูกความกดดันเล่นงาน ทั้งรับพลาดซองแตก เปิดบอลเข้าเท้าคู่ต่อสู้ และยืนตำแหน่งไม่ค่อยดีนัก

โรบินสัน - ไหม้

โคอาเตส - มีปัญหากับการเบียดปะทะไม่ว่าจะแย่งโหม่งหรือบังทางบอล ต้นเกมดูสะเปสะปะมากแต่เล่นไปเรื่อยๆ ก็ค่อยๆ ดีขึ้น ช่วยลูกกลางอากาศได้บ้าง แต่โดยรวมก็ไม่ใช่วันที่ดีนัก

สเคอเทล - ลูกกลางอากาศสู้ไม่ค่อยได้แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มากนัก บอลที่อยู่ในระยะจะทำอะไรได้ก็สกัดได้อยู่

วิสดอม - เกรียม

เฮนเดอร์สัน - เป็นแดนกลางที่เล่นเกมรับดีที่สุดในทีมในนัดนี้แล้ว วิ่งมากและเข้าได้ถึงบอลแม้จะอ่านทางบอลไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนเกมรุกจ่ายขึ้นหน้าแทบไม่ได้ ช่วงที่ถอยไปเล่นแบ็คเชื่อมเกมได้ค่อนข้างดี

อัลเลน - หยุดคู่ต่อสู้ไม่อยู่ จุดเด่นเรื่องการออกบอลวันนี้ก็งัดมาใช้ไม่ได้เมื่อออกบอลพลาดให้เห็นเยอะพอสมควรและขยับไปรองบอลได้ไม่ดีนัก

ซัวเรส - ได้บอลน้อยมากถ้าเทียบกับนัดอื่นๆ ต้องฝ่าดงสตั๊ดและโดนประกบแน่นอยู่ตลอด แต่ยังยิงได้ดีเมื่อมีโอกาสและเสียบอลน้อยกว่าแนวรุกคนอื่น

บอรินี่ - ไม่ใช่คนที่ทำเกมด้วยตัวเองได้ แต่ยังวิ่งทำทางและหาตำแหน่งได้ดี เสียดายที่จบสกอร์ไม่เด็ดขาดนัก

สเตอริ่ง - ดับ

สเตอริดจ์ - บอลที่มาถึงบ้างก็ยังพอทำได้ดีอยู่ ไม่ว่าจะแต่งบอลหาจังหวะยิงหรือหาช่องว่างในแนวรับ แต่โดยรวมก็หาช่องเล่นแทบไม่ได้ มีส่วนร่วมกับเกมน้อยไปหน่อย

ตัวสำรอง

เจอราร์ด - ลงมาช่วยทีมได้เยอะ เอาตัวรอดจากการโดนไล่ได้ดี ผ่านบอลขึ้นหน้าเปิดเกมรุกให้ทีมได้ดีกว่าทุกคน พาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งยิงได้ถึง 3-4 ครั้ง แต่ยิงติดบล็อคและชนคานอย่างน่าเสียดาย

ดาวนิ่ง - ทำเกมรุกให้ทีมได้เมื่อสามารถเลี้ยงจี้กดดันกองหลังได้ตลอด ไม่โดนเบียดเสียบอลง่ายๆ เหมือนสเตอริ่งหรือบอรินี่ ลูกเตะมุมและลูกเปิดเข้ากลางก็ทำได้ดีพอสมควร

เชลวี่ย์ - ไม่ได้มีส่วนกับเกมเท่าไหร่ แต่เสียบอลน้อยกว่าและเปิดบอลไปข้างหน้าได้มากกว่าคนที่โดนเปลี่ยนออก
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 5 - 0 นอริช (พรีเมียร์ลีค)


ยิงจนเหนื่อย
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

---------------------สเตอริดจ์-----------------------
ซัวเรส-------------เฮนเดอร์สัน---------------ดาวนิ่ง
-------------ลูคัส-------------เจอราร์ด--------------
จอห์นสัน----แอกเกอร์-----คาราเกอร์-------วิสดอม
-----------------------โจนส์-------------------------

               ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านรับมือนอริช นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมพอสมควร ผู้รักษาประตูเป็นโจนส์ที่ได้ลงแทนเรน่าที่บาดเจ็บ แผงหลังมีชื่อคาราเกอร์เป็นตัวจริงแทนสเคอเทล แดนกลางเฮนเดอร์สันได้ลงมาเล่นตัวรุก ริมเส้นเป็นซัวเรสกับดาวนิ่งและสเตอริดจ์ได้ยืนค้ำเป็นหน้าเป้า
-------------------------------------------------------

              เปิดเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่ครองบอลได้ก่อน ดันแผงหลังขึ้นสูงถึงครึ่งสนามและเคาะบอลสั้นตามช่อง ส่วนนอริชถอยไปรับกันในแดนตัวเอง เน้นคุมพื้นที่สุดท้ายแน่น ไม่ค่อยไล่บอลสูงนัก ช่วงต้นเกมเป็นลิเวอร์พูลที่ครองบอลได้มากกว่าและต่อบอลกันอยู่ในแดนนอริ ชเป็นส่วนใหญ่ ส่วนนอริชตั้งเกมรุกไม่ได้แต่ได้ลุ้นจากลูกตั้งเตะ

              ยิ่งเล่นไปลิเวอร์พูลยิ่งดันกันขึ้นมาสูงมากยิ่งขึ้นเพราะนอริชรับลึกมาก แม้เกมจะเหนือกว่้าแต่ลิเวอร์พูลยังหาช่องเจาะได้ไม่ถนัดนัก ส่วนนอริชแม้จะปิดพื้นที่สุดท้ายกันใช้ได้ ชลอเกมให้ช้าลงได้ แต่ครองบอลและทำเกมรุกตอบโต้ไม่ได้เลย จนกระทั่งนาที 26 นอริชก็พลาดจนได้ กองหลังสกัดบอลจากเท้าซัวเรสบอลปลิ้นไปเข้าทางเฮนเดอร์สันวอลเล่ย์หน้าเขต โทษเข้าไปอย่างสวยงาม 1-0

              สกอร์เปลี่ยนแต่เกมยังไม่เปลี่ยน นอริชดูเหมือนจะพยายามเน้นเกมริมเส้นแต่พวกเขาพาบอลไปไม่ถึงเส้นหลัง, เปลี่ยนรับเป็นรุกไม่ค่อยได้และเก็บบอลจังหวะสองได้ไม่ดี นาที 36 ลิเวอร์พูลก็หนีห่างไปอีกจากจังหวะทำเร็ว ลูคัสจ่ายบอลขึ้นหน้า สเตอริดจ์ข้ามบอลให้ไหลไปเข้าทางซัวเรสได้หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงได้สำเร็จ 2-0

              เวลาที่เหลือแม้นอริชจะทำเกมรุกแทบไม่ได้เลย แต่ยังทำได้ดีและได้ลุ้นจากลูกตั้งเตะทั้งฟรีคิกและเตะมุมเป็นระยะ ส่วนลิเวอร์พูลก็เคาะกันไปตามจังหวะจนกระทั่งจบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0

              เข้าครึ่งหลัง นอริชลงมาดันสูงมากขึ้นและเร่งเกมรุกให้เร็วขึ้น ส่วนทางลิเวอร์พูลโยกเอาซัวเรสมาเล่นทางขวามากขึ้น และเน้นดึงช้าเคาะบอลในแดนหลังเพื่อบีบให้นอริชขึ้นมาไล่สูงเพื่อเปิด พื้นที่ในแดนกลาง นอริชนั้นยังพยายามเน้นเกมริมเส้นต่อไปแต่ทำยังไงบอลก็ไปไม่ถึงเส้นหลังจึง ยังกดดันไม่ได้ แล้วก็เป็นลิเวอร์พูลที่หนีห่างออกไปได้อีกในนาที 59 เฮนเดอร์สันเปิดบอลไปทางเสาไกลให้ดาวนิ่งเปิดกลับเข้ากลางเร็วให้สเตอริดจ์ชาร์จเข้าไปได้ง่ายๆ 3-0

              พอสกอร์ขยับห่าง นอริชยิ่งเล่นยิ่งพลาด ส่วนลิเวอร์พูลก็แค่เล่นไปตามจังหวะ ทั้งยังมาได้ประตูเพิ่มอีกในนาที 66 เจอราร์ดรับบอลจากจอห์นสันก่อนจะยิงไกลเบียดเสาเข้าไปได้เป็น 4-0 ถึงตรงนี้นักเตะนอริชก็แทบจะเลิกเล่นแ้ล้ว ขยับตามบอลกันน้อยลงและหมดแรงฮึดสู้ นาที 69 สเตอริ่งกับบอรินี่ได้ลงแทนลูคัสกับสเตอริดจ์ โดยบอรินี่ได้ยืนเป็นหน้าเป้า ซัวเรสยังได้ยืนเป็นหน้าต่ำต่อไป

              ทั้งสองฝ่ายเล่นกันไปตามจังหวะ ไม่มีใครเร่งเกมอะไรแล้วแต่สุดท้ายก็เป็นลิเวอร์พูลที่หาช่องได้อีก นาที 74 สเตอริ่งจับบอลพลิกเล่นได้ในเขตโทษ เปิดไปเสาสองจะให้บอรินี่แต่กองหลังนอริชสกัดบอลเข้าประตูตัวเองไปก่อน สกอร์ขยับเป็น 5-0 นาที 77 อัลเลนได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สันอีกคน ลิเวอร์พูลเคาะบอลครองบอลกันไปเรื่อยปิดเกมไปได้แบบไม่ยากเย็น จบเกมที่สกอร์ 5-0
 -----------------------------------------

              ดู 11 ตัวจริงแล้วร็อดเจอร์ก็ดรอปผู้เล่นตามฟอร์ม สเตอริ่งกับอัลเลนนั้นฟอร์มไม่ค่อยดีมาหลายนัดแล้วก็เลยเป็นแค่ตัวสำรอง เรน่าเจ็บส่วนสเคอเทลคงแค่พัก

              แทคติคที่ใช้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ที่เปลี่ยนคือตำแหน่งของผู้เล่น ซัวเรสโดนถอยลงต่ำและเล่น ทั้งริมเส้นและหุบเข้าไปทำเกมตรงกลางค่อนข้างเยอะ เฮนเดอร์สันแม้ตามตำแหน่งจะยืนเป็นกลางรุกแต่มีหลายครั้งที่สลับตำแหน่งกับ ซัวเรส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมรับจะเป็นเฮนเดอร์สันมากกว่าที่ตามลงไปช่วยจอห์นสัน

              วันนี้สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดคือร็อดเจอร์ทำการบ้านมาดีในการรับมือเกมริม เส้นของนอริช ทางขวานั้นแม้วิสดอมจะเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่แต่ดาวนิ่งลงไปช่วยปิดเกมได้เยอะ มากๆ ส่วนทางขวาเฮนเดอร์สันไล่บอลทางริมเส้นได้เร็ว รวมไปถึงจังหวะที่จอห์นสันเติมขึ้นไปสุดเส้น จะมีกองกลางอย่างน้อยหนึ่งคนวิ่งสลับมารองในตำแหน่งนั้น ทำให้อาวุธหลักของนอริชคือเกมริมเส้นน๊อคสนิท ชนิดที่เกมโอเพ่นเพลย์แทบทำอะไรไม่ได้เลยตลอดเกม

              มองทางฝั่งนอริช พวกเขาทำได้ดีในการรับมือกับปัญหาแรกคือการปิดเกมของซัวเรส ซึ่งทำได้ค่อนข้างดีเมื่อซัวเรสแทบไม่มีโอกาสได้ทำอะไรเลยขณะอยู่ใกล้เขตโทษ รวมไปถึงเกมรุกที่แม้จะตั้งเกมไม่ได้แต่ยังเตรียมลูกตั้งเตะมาดีและได้ลุ้น เกือบเป็นประตูอยู่หลายครั้งด้วย แต่สิ่งที่นอริชทำไม่สำเร็จและเป็นสิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้ด้วยก็คือพวกเขา ไม่สามารถหยุดผู้เล่นคนอื่นๆ ของลิเวอร์พูลได้เลย เกมริมเส้นจอห์นสันสามารถเติมสูงได้ทุกครั้งที่ต้องการ ดาวนิ่งได้กระชากผ่านไปเปิดอยู่พอสมควร เจอราร์ดแทบไม่โดนวิ่งไล่และเฮนเดอร์สันมีเวลาค่อนข้างเยอะในการมองหาตัว จ่าย สเตอริดจ์วิ่งไปอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการได้ตลอด หรือแม้กระทั่งซัวเรสเองในจังหวะที่เชื่อมเกมตรงกลางก็ไม่ได้มีปัญหาในการ พลิกหรือจ่ายบอลแต่อย่างใด

              ...ก็เละสิครับ
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

โจนส์ - งานค่อนข้างน้อย แต่ก็ยืนตำแหน่งได้ดีเอามากๆ ในจังหวะสำคัญ จังหวะที่เซฟลูกโหม่งจ่อๆ ในช่วงต้นเกมช่วยให้ทีมไม่ต้องตกเป็นรอง ที่ดูจะแย่หน่อยคือลูกเตะเปิดเกมที่พาเพื่อนเครียดอยู่หลายครั้ง จ่ายไปเข้าทางนอริชบ้าง แต่ออกข้างสนามบ้าง

วิสดอม - ทำให้รู้ว่าเอนริเก้สำคัญกับลิเวอร์พูลมากแค่ไหน

แอกเกอร์ - มีปัญหาพอสมควรกับการรับมือลูกโด่ง แต่โชคดีที่นอริชเองไม่สามารถเปิดบอลจากพื้นที่มุมธงได้ แอกเกอร์เลยเอาตัวรอดไปได้ ซ้อนแบคที่ลงไม่ทันได้ดีและผ่านบอลขึ้นหน้าได้เยี่ยม

คาราเกอร์ - ขึ้นไม่ค่อยถึงบอล จังหวะประกบคู่ต่อสู้ทำได้ไม่ค่อยดีนัก แต่โดยรวมก็แทบไม่มีงานอะไรอยู่แล้ว เก็บบอลและผ่านบอลได้ดี ยืำนตำแหน่งใช้ได้

จอห์นสัน - เกมรับจังหวะวิ่งไล่ตัวต่อตัวทำได้ดี จังหวะโดนใบเหลืองเหมือนตั้งใจให้โดนยังไงไม่รู้ (ถ้าจำไม่ผิดจะครบ 5 ใบล้างโทษนัดเจอโอลด์แดมพอดี) เติมเกมรุกขึ้นไปได้ถึงสุดเส้น

ลูคัส - เล่นได้เหนียวแน่นเด็ดขาดขึ้น ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดีมาก รวมไปถึงการเก็บบอลจังหวะสองที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้เยอะ ในเกมรับหยุดคู่ต่อสู้ได้ดี แต่ยังเสียฟาลว์ในพื้นที่อันตรายง่ายไปหน่อย

เฮนเดอร์สัน - มีเวลาค่อนข้างมากเวลาได้บอล ในเกมรุกจ่ายบอลได้เร็วและส่วนใหญ่ไปข้างหน้า กล้าเล่นมากขึ้น ยิงประตูขึ้นนำได้เด็ดขาด ส่วนเกมรับแม้จะไม่ถึงขั้นอัดแย่งบอลมาได้สักเท่าไหร่ แต่มีความขยัน ปิดช่องจ่ายบอลได้ดี และมีสติมากพอที่จะไม่ไปทิ่มให้มันเสียฟาลว์เล่น

เจอราร์ด - เป็นเกมที่เล่นได้ง่ายมาก เกมรับลูคัสทำได้ดีขึ้นและมีเฮนเดอร์สันมาช่วยไล่อีกคน เจอราร์ดก็ไม่มีอะไรให้ต้องพะวงมากนัก แค่วิ่งทำทางรอบอลแล้วเปลี่ยนรับเป็นรุก ไม่ก็มองไกลคอยวางยาวไปมุมธง เปิดบอลได้แม่นและวันนี้ยิงไกลได้ดีด้วย

ดาวนิ่ง - ยังคงมีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนัก แต่ใช้บอลที่ได้มาบ้างค่อนข้างน่าพอใจ พอมีจังหวะกระชากบอลเพื่อหาเหลี่ยมเปิดเข้ากลางให้เห็นอยู่บ้าง และจังหวะเปิดให้สเตอริดจ์ทำประตูก็ทำได้ดี แต่ที่ทำได้ดีมากๆ (และที่จริงก็ดีกว่าปีกทุกตัวในทีม) คือการช่วยเกมรับ ขยันและเข้าได้ถึงตัวตลอด

ซัวเรส - เล่นหน้าต่ำและทำผลงานได้ดี เด่นในเรื่องการประสานงานกับสเตอริดจ์ที่ให้บอลไปทางเดียวกับคนวิ่งเป็นส่วน ใหญ่ พอไม่ได้ยืนเป็นหน้าเป้ารู้สึกว่าซัวเรสจะเล่นฝืนน้อยลงและผ่านบอลให้เพื่อน ได้ดีขึ้นเอามากๆ อย่างไรก็ตาม พอเกมขาดก็เริ่มมุดๆ จะยิงเพิ่มด้วยตัวเองเหมือนเดิม...ซึ่งคงไม่มีใครว่าแล้วล่ะตอนนั้น

สเตอริดจ์ - เล่นในจังหวะไม่มีบอลได้เด่นมาก ประสานงานกับซัวเรสได้ดี หาพื้นที่ในกรอบเขตโทษใช้ได้ นอกจากจะมีประตูติดกันเป็นนัดที่สาม ฟอร์มในสนามก็ยังช่วยให้เจ้าตัวได้ลงเป็นหน้าเป้าต่อไปอีกด้วย

ตัวสำรอง

สเตอริ่ง - ได้ลงมาตอนเกมขาดไปแล้วและทำให้เล่นได้ง่าย มีจังหวะจับและพลิกบอลสวยๆ ให้เห็นซึ่งช่วงก่อนหน้าที่ได้ลงเป็นตัวจริงติดต่อกันทำไม่ค่อยได้

บอรินี่ - ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกมเท่าไหร่ แต่การวิ่งไปถูกที่ถูกเวลาในจังหวะที่ทีมได้ประตูสุดท้าย (ถ้ากองหลังไม่ยิงประตูตัวเงไปก่อนบอรินี่ไม่น่าพลาด) ก็พอจะทำให้อุ่นใจได้ว่าการหาตำแหน่งจบสกอร์ยังทำได้ดีอยู่

อัลเลน - ลงมาเคาะ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุึยส์ ซัวเรส... เป็นนัดที่เล่นได้ดีหลายคนอยู่ แต่ขอชื่นชมซัวเรสที่ปรับตำแหน่งและวิธีการเล่นแบบค่อนข้างกระทันหันแต่ ฟอร์มไม่มีสะดุดให้เห็นเลย ยิงประตูได้และมีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะแม้จะไม่ค่อยได้มีโอกาสจบสกอร์เอง บ่อยเหมือนที่ผ่านๆ มา
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - 1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


เฉือนกันที่ประสบการณ์
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

----------------------ซัวเรส------------------------
สเตอริ่ง-------------อัลเลน-----------------ดาวนิ่ง
-------------ลูคัส-------------เจอราร์ด-------------
จอห์นสัน----แอกเกอร์-----สเคอเทล-----วิสดอม
-----------------------เรน่า--------------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเกมพรีเมียร์ลีคด้วยสภาพทีมที่ ค่อนข้างพร้อม ขาดตัีวหลักไปแค่ีเอนริเก้คนเดียวเท่านั้น โดยร็อดเจอร์ใช้วิสดอมในตำแหน่งแบ็คขวาแล้วโยกจอห์นสันไปซ้ายเหมือนเดิม แดนกลางเฮนเดอร์สันต้องนั่งก่อน เป็นอัลเลนที่ได้ลงตัวจริงพร้อมด้วยลูคัสและเจอราร์ด ส่วนริมเส้นยังคงเป็นสเตอริ่งและดาวนิ่งแต่วันนี้ดาวนิ่งไปเล่นทางขวา หน้าเป้าเป็นซัวเรส โดยม้านั่งสำรองมีทั้งสเตอริดจ์และบอรินี่รออยู่
-------------------------------------------------------

               เปิดเกมมาลิเวอร์พูลพยายามครองบอลเน้นความแน่นอนไม่เร่งเกมเร็ว แต่แมนฯยูไม่รอเล่นช้าด้วย ไล่บอลสูงและเล่นเร็วอยู่ตลอด โดยเน้นขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งซ้าย(ขวาวิสดอม)เป็นส่วนใหญ่ เกมโดยรวมเป็นแมนฯยูที่ทำได้ดีกว่า ครองบอลและบุกได้มากกว่าแต่ยังหาโอกาสจบสกอร์ไม่ได้ ส่วนลิเวอร์พูลพาบอลไปไม่ถึงเขตโทษ ได้แค่ลุ้นนิดหน่อยจากลูกฟรีคิกที่เปิดโด่งเข้าไปในเขตโทษซึ่งยังกดดันอะไร ไม่ได้

               ลิเวอร์พูลพยายามเน้นคุมพื้นที่แดนตัวเองแน่น แต่การขึ้นบอลทำได้ไม่ดีพอทำให้เสียบอลในแดนกลางในแมนฯยูค่อนข้างบ่อย และในที่สุดก็เปิดช่องในแนวรับ นาที 19 เอฟร่าเติมขึ้นไปรับบอลทางริมเส้นก่อนจะเปิดเรียดเข้ากลางให้ฟาน เพอร์ซี่เปิดหน้าเท้ายิงจังหวะแรกผ่านเรน่าเข้าไปได้เป็น 1-0 หลังเสียประตูไปลิเวอร์พูลพยายามเน้นเกมรุกโดยดันกันขึ้นมาสูงมากขึ้น ได้ครองบอลบุกมากขึ้นแต่ยังหาจังหวะเข้าทำไม่ได้ และทำให้พื้นที่แดนกลางเปิดให้แมนฯยูได้เล่นง่ายขึ้นด้วย

               เล่นไปเล่นมาแม้ลิเวอร์พูลจะบุกได้มากขึ้นแต่แทบไม่ได้ลุ้นประตู กลายเป็นแมนฯยูที่ตัดบอลแดนกลางและทำเร็วได้ลุ้นประตูอยู่ตลอด จวนเจียนจะได้ประตูอยู่ 2-3 ครั้งแต่ยังทำไม่สำเร็จ และจบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง ร็อดเจอร์ถอดเอาลูคัสที่โดนใบเหลืองในท้ายครึ่งแรกออกส่งสเตอริดจ์ลงมาแทน โดยวางสเตอริดจ์เป็นหน้าเป้าถอยซัวเรสมาเล่นหน้าต่ำ เกมรุกของลิเวอร์พูลในจังหวะเข้าทำดูดีขึ้น ไปได้ใกล้เขตโทษมากขึ้น สวนทางกับเกมรับแดนกลางที่ดูแย่ลง ไม่สามารถหยุดเกมของแมนฯยูได้เลย จนกระทั่งนาที 54 แมนฯยูได้ฟรีคิกโยนเข้าเขตโทษลึกไปถึงเสาสอง เอฟร่าขึ้นโหม่งเข้าไปได้เป็น 2-0

               แม้จะโดนลูกที่สองไปแล้วแต่เกมรุกของลิเวอร์พูลที่เริ่มดูดีขึ้นยังไม่สะดุด และทวงคืนได้เร็วด้วย ในนาที 57 เจอราร์ดไปแซะเอาบอลได้แถวหน้าเขตโทษก่อนจะยิงไกลไปติดเซฟเด เกอาแต่บอลไม่พ้นกรอบ สเตอริดจ์วิ่งเข้าไปชาร์จได้ทันเป็น 2-1 ลิเวอร์พูลยังเดินหน้าบุกต่อไปในขณะที่แมนฯยูเริ่มตั้งเกมของตัวเองได้น้อย ลงแล้ว นาที 62 บอรินี่ได้ลงมาแทนสเตอริ่งอีกคน และถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลทำเกมได้ต่อเนื่องมากขึ้น

               ผ่านนาที 70 ไปแล้วแมนฯยูที่นอกจากจะตั้งเกมของตัวเองได้น้อยลงแล้วยังเริ่มเล่นกันผิด พลาดมากขึ้น สวนทางกับลิเวอร์พูลที่ดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกกันเต็มที่ สามารถพาบอลไปถึงหน้าเขตโทษได้ตลอดและพอได้ลุ้นประตูบ้าง เข้า 10 นาทีสุดท้าย เฮนเดอร์สันได้ลงแทนอัลเลนมาอีกคน ทางฝั่งแมนฯยูทยอยเปลี่ยนตัวรับลงมาเพิ่มทีละคนและไม่สามารถตั้งเกมหรือโต้ เร็วได้อีก แต่ยังปิดพื้นที่ในเขตโทษกันได้ค่อนข้างดี แม้ลิเวอร์พูลจะบุกได้ต่อเนื่องแต่โอกาสจบสกอร์มีไม่มากนัก

               ลิเวอร์พูลได้ลุ้นตีเสมอที่สุดจากจังหวะที่ซัวเรสพาบอลมุดเข้าไปในเขตโทษ จังหวะคลุกคลิกหน้าประตูบอลไหลไปเข้าทางสเตอริดจ์ได้ยืนยิ่งโล่งๆ ไม่กี่หลาแต่บอลโด่งข้ามคาน ก่อนที่ช่วงทดเจ็บแมนฯยูจะสามารถครองบอลปิดเกมเอาตัวรอดไปได้ จบเกมที่สกอร์ 2-1
 -----------------------------------------

               ดูจากสกอร์ 2-1 อย่างเดียวเกมดูจะสูสี แต่ถ้าดูรูปเกมแล้วต้องบอกว่าเกมนี้ร็อดเจอร์สู้ประสบการณ์ของเซอร์อเล็ก ซ์ไม่ได้ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัดสินเกมนัดนี้ด้วย) ทางฝั่งแมนฯยูนั้นฤดูนี้มีัปัญหาในแดนกลางที่โดนไล่แล้วเล่นไม่ออก รวมกับเกมรับที่มีข้อผิดพลาดเยอะ แต่เซอร์อเล็กซ์ปรับเกมมาเน้นเร็วตั้งแต่ต้น ใช้พละกำลังนักเตะวิ่งไล่เอาตั้งแต่ครึ่งแรก เป็นฝ่ายรุกใส่แทนที่จะรอเป็นฝ่ายโดยไล่ นอกจากจะปิดจุดอ่อนตัวเองได้แล้วยังเล่นงานจุดอ่อนลิเวอร์พูลได้ด้วย ในขณะเดียวกัน ร็อดเจอร์ยังคงเล่นด้วยแทคติคเดิม ไม่ได้ใส่อะไรมาช่วยแก้ปัญหาในเกมรับแดนกลางและริมเส้นที่ต้องใช้ดาวรุ่ง รวมไปถึงถึงไม่สามารถเล่นงานจุดอ่อนของแมนฯยูได้เลยด้วยเพราะไปเลือกเล่นรับต่ำและเล่นเกมช้า

               ไม่ใช่ว่าแทคติคที่เซอร์อเล็กซ์เลือกมามันจะยอดเยี่ยมไร้จุดอ่อน ในเกมครึ่งหลังก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการเลือกที่จะวิ่งไล่เกือบเต็มสนามใน ครึ่งแรกทำให้พละกำลังผู้เล่นแมนฯยูทดถอยอย่างเห็นได้ชัด หมดแรงวิ่งและทำเกมรุกแทบไม่ได้เลย แต่นั่นคือแมนฯยูได้ประตูนำที่ต้องการแล้ว แม้จะบุกอีกไม่ได้แต่ก็อยู่ในสถานะเป็นต่อ ส่วนร็อดเจอร์ทำได้แค่ปรับเกมตามปัญหาที่เห็นในครึ่งแรก ซึ่งอันที่จริงก็ปรับได้ดีเมื่อถอยซัวเรสลงมาต่ำทำให้เกมรุกจังหวะเข้าทำดู ดีขึ้นด้วย (ครึ่งแรกไม่มีคนปั้นเกมจังหวะเข้าทำ) แต่ก็ไม่สามารถทำให้ทีมกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะแมนฯยูสามารถเล่นรับอย่างเดียวได้แล้ว ร็อดเจอร์ตามหลังเซอร์อเล็กซ์อยู่ก้าวนึงจริงๆ ในวันนี้

               อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าร็อดเจอร์จะผิดไปซะหมด อย่างที่บอกไปแล้วว่าอย่างน้อยร็อดเจอร์ก็ปรับแทคติคตามสถานการณ์ได้ดี แต่ที่สุดท้ายแล้วลิเวอร์พูลเอาตัวรอดกลับจากโอลด์ แทรฟฟอร์ดไม่ได้ก็มาจากตัวผู้เล่นเองด้วย ผู้เล่นดาวรุ่งของลิเวอร์พูลพอเจอเกมใหญ่แล้วมีปัญหาในเรื่องความนิ่งมาก จริงๆ ไม่ว่าจะวิสดอม, อัลเลน(คงไม่มีใครคิดว่าหมอนี่เป็นนักเตะซีเนียร์นะ) สเตอริ่ง หรือแม้กระทั่งสเตอริดจ์ที่ลงมาทีหลังด้วย ถ้าดาวรุ่งเล่นได้นิ่งกว่านี้ ไม่แน่ลิเวอร์พูลอาจจะควัก 1 แต้มกลับบ้านได้เป็นอย่างน้อย...

               อ้อ...ดูฮาเวิร์ด เวปป์เป่านัดนี้สงสัยเจ้าตัวจะย้ายทีมในช่วงมกรานี้แล้วนะครับ หลายจังหวะที่ 50/50 แล้วเป่าให้ลิเวอร์พูลเยอะเหลือเกิน ไม่ว่าจะลูคัสที่ครึ่งแรกโดนใบเหลืองช้ามาก, อัลเลนที่ไม่โดนซะงั้น และสเคอเทลที่โดนแค่เหลืองซึ่งจังหวะนั้นถ้าเป็นช่วงเวปป์ท๊อปฟอร์มสเคอเท ลได้กลับเข้าห้องแต่งตัวแน่ ไม่นับจังหวะแซะนิดแซะหน่อยแล้วไม่เป่าอีกหลายจังหวะ...

               นัดนี้ แพ้ ครับ นัดหน้าว่ากันใหม่
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้พอใช้ได้

เรน่า - ยืนตำแหน่งได้ดีและเซฟลูกสำคัญได้ไม่น้อย 2 ลูกที่เสียก็ไม่น่าจะทำอะไรได้ดีกว่านั้น ฟอร์มส่วนตัวถือว่าน่าพอใจ

วิสดอม - เกมรับหลุดตำแหน่งบ่อยครั้ง หลายจังหวะที่หุบเข้าไปในเขตโทษแบบไม่จำเป็น ช่วยเชื่อมเกมได้ไม่ดีนัก บอลต้องวนกลับหลังบ่อยครั้ง

แอกเกอร์ - ช้าไปครึ่งก้าวกับจังหวะที่เสียลูกแรกซึ่งดูแล้วน่าจะชมฟาน เพอร์ซี่มากกว่า นอกนั้นเล่นได้ดีไม่ว่าจะดักตัดบอลยาวและการเข้าสกัด ผ่านบอลได้ค่อนข้างดีด้วย

สเคอเทล -เล่นได้หนักและแม่นยำดี ตำแหน่งค่อนข้างดี ผ่านบอลขึ้นหน้าพาเพื่อนเครียดอยู่นิดหน่อยแต่ไม่มาก ครึ่งหลังประกบกองหน้าได้ดีมาก กองหน้าเก็บบอลเล่นต่อได้น้อย

จอห์นสัน - ทำเกมรุกไม่ถนัดนักได้แค่ช่วยเชื่อมเกม เกมรับโดยรวมทำได้ดีแต่พลาดเล็กน้อยในจังหวะเสียลูกที่สองที่ไม่ได้ตามเอฟร่าไปให้สุด

ลูคัส - หยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้ดีที่สุดในบรรดาผู้เล่นแดนกลาง แต่เสียฟาลว์ง่ายไปนิด และออกบอลช้าไปหน่อย

อัลเลน - ครึ่งแรกเล่นได้เลวร้ายมาก ยืนสูงกว่าเพื่อนแต่ทำเกมรุกไม่ได้ โดนไล่จนพลาดก็บ่อยครั้ง และเกมรับที่ลงมาช่วย(ไม่ว่าครึ่งแรกครึ่งหลัง)ก็ยืนตำแหน่งได้ไม่ดีและหยุด คู่ต่อสู้ไม่อยู่ เป็นวันที่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่

เจอราร์ด - ครึ่งแรกรับภาระหนักมาก ถ้าเจ้าตัวไม่ดันขึ้นมาเล่นเกมรุก ทีมรุกไม่ขึ้นโดยสิ้นเชิง แต่พอจะรุกก็กลายเป็นเปิดพื้นที่ข้างหลัง และในเกมรับก็ตามสปีดบอลของแมนฯยูไม่ค่อยทัน ออกบอลพลาดเยอะทีเดียว แต่ครึ่งหลังพอปรับแทคติคแล้วเจอราร์ดเล่นได้ง่ายขึ้น และออกบอลได้ดีขึ้น ตั้งเกมจากหลัง(แถวๆ ครึ่งสนาม) ไปข้างหน้าได้ดี

ดาวนิ่ง - มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนัก และช่วยอะไรไม่ค่อยได้ เกมรุกแทบไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลยและเกมรับในครึ่งแรกก็ช่วยวิสดอมได้ น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ครึ่งหลังเล่นได้ดีขึ้นทั้งรุกและรับแต่ก็ไม่เตะตาอะไรเท่าไหร่

สเตอริ่ง - ...

ซัวเรส - ครึ่งแรกโดนตัดจากเกม บอลที่ได้บ้างก็ต้องเล่นคนเดียวไม่มีคนช่วย ครึ่งหลังถอยลงมาเล่นต่ำลงแล้วช่วยสร้างเกมรุกจังหวะเข้าทำได้วูบวาบดี

ตัวสำรอง

สเตอริดจ์ - ลงมาทำได้ดีในจังหวะที่ทำประตูได้ ตามเข้าไปซ้ำได้เร็ว วิ่งทำทางและมีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะและทำได้ค่อนข้างน่าพอใจ เล่นกับเพื่อนได้ดีด้วยแต่จังหวะยิงหลังจากนั้นอัดตาข่ายข้างไป 2-3 รอบ รวมไปถึงยิงจ่อๆ นกตายมันซะงั้น

บอรินี่ - ลงมาช่วยต่อเกมในแดนหน้าได้ดี เก็บบอลได้และเคาะต่อให้เพื่อนไม่ค่อยเสีย แต่ไม่มีจังหวะวูบวาบอะไรให้เห็นไม่ว่าจะกระชากเอง วิ่งทำทางสวยๆ หรือจ่ายบอลคมๆ

เฮนเดอร์สัน - ลงมาในช่วงที่แมนฯยูเลิกไล่สูงแล้วเลยเล่นง่าย ลงมาช่วยตั้งเกมจากแดนหลังขึ้นไปพอใช้ได้
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

แมนฟิลด์ 1 - 2 ลิเวอร์พูล (เอฟเอ คัพ)


เอ่อ...นั่งดูวอลเล่ย์บอลอยู่รึปล่าวนี่
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

---------------------สเตอริดจ์----------------------
ดาวนิ่ง---------------เชลวี่ย์-------------------ซูโซ่
--------------ลูคัส-------------อัลเลน--------------
โรบินสัน----คาราเกอร์-----โคอาเตส-----วิสดอม
----------------------โจนส์-------------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมนอกลีคอย่างแมนฟิลด์ในเกมเอฟเอคัพ ร็อดเจอร์ใช้ผู้เล่นชุดสำรองลงเล่นเป็นส่วนใหญ่ โดยโจนส์ได้ลงตัวจริง แผงหลัง 4 คนเป็นชุดสำรองล้วนๆ มีแบ็คดาวรุ่งลงทั้งสองฝั่งคือโรบินสันและวิสดอม ตรงกลางยังมีลูคัสกับอัลเลนแต่ตัวรุกใช้เชลวี่ย์ ส่วนริมเส้นดาวนิ่งยังได้ลงต่อเนื่องแต่ทางขวาใช้ซูโซ่ กองหน้าเป็นสเตอริดจ์ที่พึ่งมาร่วมทีมได้ไม่กี่วัน
-------------------------------------------------------

               เปิดเกมมาก็เป็นลิเวอร์พูลที่ได้ครองบอลตั้งแต่ต้น และทำเกมบุกเข้าใส่ทันที กองหลังดันสูงและแบ็คสองข้างเติมบ่อยและสูงมาก แถมกองกลางตรงกลางยังมีอัลเลนกับลูคัสสลับกันขึ้นมาเล่นสูงในบางจังหวะด้วย ฝั่งแมนฟิลด์นั้นคุมพื้นที่เกือบเต็มสนาม ไม่ได้ลงไปตั้งรับต่ำแต่ก็ไม่ค่อยไล่บอลมากนัก ทำให้เกมเป็นของลิเวอร์พูลโดยสิ้นเชิง

               ลิเวอร์พูลมาทำประตูนำได้สำเร็จตั้งแต่นาที 7 เชลวี่ย์ให้บอลทะลุช่องที่กว้างพอที่รถพ่วง 18 ล้อจะวิ่งผ่านได้ไปถึงเท้าสเตอริดจ์ในเขตโทษและยิงผ่านมือผู้รักษาประตูเข้า ไปได้ 1-0 หลังจากสกอร์ขยับทั้งสองฝ่ายก็เล่นกันไปตามจังหวะ ทำให้เกมช้าลงและไม่มีโอกาสทำอะไรกันมากนัก โดยเป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่ได้ครองบอลมากกว่าแบบสุดกู่

               ลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งผ่อน ขยับตัวกันน้อยลงและให้บอลกันไม่ค่อยดี ส่วนทางแมนฟิลด์ยิ่งเล่นยิ่งดูดุดันขึ้นเรื่อยๆ พอถึงประมาณ 15 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกลิเวอร์พูลก็เริ่มครองบอลได้น้อยลง กองหลังเริ่มโดนไล่จนเก็บบอลและขึ้นบอลได้ลำบาก แมนฟิลด์เริ่มได้บอลมากขึ้นแต่ยังทำเกมรุกได้ไม่ถนัดนัก ไม่ค่อยกดดันและไม่ต่อเนื่อง ก่อนจะจบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง แมนฟิลด์เปลี่ยนจังหวะการเล่นจากหน้ามือเป็นหลังมือ ช่วยกันวิ่งไล่บอลเร็วกันทุกคนตั้งแต่แดนหน้า ทำเอาิลิเวอร์พูลตั้งตัวไม่ทัน ตั้งเกมและครองบอลไม่ได้ โดนแมนฟิลด์บุกเข้าใส่ด้วยบอลโด่งเป็นชุดๆ และได้ลุ้นประตู 2-3 ครั้ง รวมไปถึงบอลเด้งไปโดนแขนกองหลังลิเวอร์พูลจังหวะ 50-50 อยู่ 3-4 ครั้ง แม้จะไม่มีจังหวะไหนชัดเจนแบบที่เีรียกว่าต้องเป็นจุดโทษแน่ๆ แต่ลิเวอร์พูลก็โชคดีมากที่ไม่โดนเป่าแม้แต่ครั้งเดียว

               ผ่านไปแค่ 10 นาที ลิเวอร์พูลยังโงหัวจากเขตโทษตัวเองแทบไม่ขึ้น ร็อดเจอร์เห็นท่าไม่ดีรีบเปลี่ยนตัวเร็วทันทีถึงสองตำแหน่ง โดยส่งซัวเรส กับเฮนเดอร์สันลงมาแทนสเตอริดจ์และซูโซ่ ขยับเอาเชลวี่ย์ไปเล่นทางซ้ายมากขึ้น ดาวนิ่งมาขวา ให้เฮนเดอร์สันยืนเป็นกลางรุก และไม่นานหลังจากนั้น นาที 59 ลิเวอร์พูลก็ได้ประตูขึ้นนำแบบโชคช่วยจากจังหวะบอลวางยาวโต้เร็วที่เชลวี่ย์ โยนมาให้ ซัวเรสสะกิดบอลให้ดาวนิ่ง ดาวนิ่งตัดเข้ากลางก่อนผ่านให้ซัวเรสยิงจังหวะแรกติดผู้รักษาประตู บอลเด้งมาโดนมือซัวเรสตั้งให้ยิงซ้ำอีกครั้งจ่อๆ แต่กรรมการไม่เป่าฟาลว์ ลิเวอร์พูลนำห่างเป็น 2-0

               หลังถูกทิ้งห่าง แมนฟิลด์เกมสะดุดอยู่แค่ราวๆ 5 นาที ก่อนจะเริ่มวิ่งบี้เข้าใส่ได้ดีอีกครั้ง ลิเวอร์พูลเก็บบอลไว้กับตัวไม่ค่อยได้และตั้งเกมรุกขึ้นไปได้น้อย ส่วนใหญ่จะใช้การวางบอลยาวโต้เร็วเข้าสู้ ซึ่งได้ผลพอสมควรแต่พลาดจังหวะเข้าทำกันไปเองเป็นส่วนใหญ่ ทำให้แมนฟิลด์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาโหมเกมเข้าใส่ได้ต่อเนื่อง กดดันแนวรับได้อยู่ตลอด จนกระทั่งนาที 79 แมนฟิลด์ได้ฟรีคิก (ในจังหวะเดียวกันฟลานาแกนได้ลงแทนวิสดอม) แล้วโยนเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะเก็บบอลจังหวะได้ในเขตโทษและยิงเข้าไปได้สำเร็จ 2-1

               เวลาที่เหลืออยู่แมนฟิลด์ยังโหมเกมรุกได้ดีและได้ลุ้นอยู่ตลอด รูปเกมดีกว่าชัดเจน ส่วนลิเวอร์พูลได้แต่สกัดบอลให้พ้นหน้าประตู พอมีจังหวะได้โต้ยาวให้ลุ้นบ้างนิดหน่อยแต่หาโอกาสจบแทบไม่ได้ สุดท้ายแมนฟิลด์ทำได้แค่ลุ้นไม่สามารถตีเสมอได้ จบเกมด้วยสกอร์ 2-1
 -----------------------------------------

               11 ตัวจริงวันนี้ไม่มีอะไรผิดคาด ร็อดเจอร์ใช้ผู้เล่นสำรองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าดูจากคู่ต่อสู้ที่ต้องเจอก็คงไม่ใช่เรื่องผิดพลาดอะไร ทั้งยังอุตส่าห์พ่วงเอาซัวเรสมานั่งรออยู่ในม้านั่งสำรองอีกต่างหาก ถ้าไม่มีซัวเรสให้เปลี่ยนลงมาอาจถึงขั้นต้องไปเตะรีเพลย์เป็นอย่างน้อยเลยที เดียว นอกจากนั้นร็อดเจอร์ยังเปลี่ยนตัวได้เร็วด้วย เพราะเกมต้นครึ่งหลังลิเวอร์พูลดูย่ำแย่หวุดหวิดเจียนตายสุดๆ ถ้าเปลี่ยนช้ากว่านั้นอีกแค่สัก 5 นาที อาจได้มีพาดหัวหน้า 1 กันได้(แต่แค่นี้คิดว่าคงมีแล้วล่ะ)

               ดูที่รูปเกมอย่างเดียว ลิเวอร์พูลวันนี้มีปัญหาในการตั้งเกมรุกมาก จากปรกติที่แบ็คสองฝั่งจะช่วยเชื่อมเกมได้เป็นอย่างน้อย บางเกมถึงขั้นเป็นตัวทำเกมได้เลย แต่วันนี้พอสลับมาใช้แบ็คดาวรุ่ง ทั้งคู่เชื่อมเกมแทบไม่ได้ กองกลางตัวคุมจังหวะ 2 คนคืออัลเลนกับลูคัสอาจจะพอเคาะบอลหนีได้แต่ผ่านบอลขึ้นหน้าได้น้อย ทำให้สุดท้ายบอลก็วนกลับมาที่เดิม ครึ่งแรกยังไม่เท่าไหร่เพราะไม่โดนไล่มากนักแต่พอครึ่งหลัง พอบอลวนไปวนมาแถวกลางสนามขึ้นไม่ได้ สุดท้ายก็โดนตัดได้แถวกลางสนาม เป็นเกมที่ลิเวอร์พูลเล่นเกมของตัวเองแทบไม่ได้เลยนอกจาก 7 นาทีแรกของเกม

               สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากความมุ่งมั่นของผู้ เล่นสองฝ่าย แม้แมนฟิลด์ในครึ่งแรกยังดูกล้าๆ กลัวๆ อยู่แต่พอเข้าครึ่งหลังวิ่งกันได้แบบลืมตาย ไม่ว่าบอลจะห่างตัวแค่ไหนหรือมีแข้งรออยู่ข้างหน้าทุกคนพร้อมวิ่งเข้าไป ชาร์จถึงบอลเสมอ สลับกับทางฝ่ายลิเวอร์พูลที่พอได้ประตูขึ้นนำแล้วผ่อนเกมลงมาอย่างน่าใจหาย วิ่งน้อยลงไม่ว่าจะทำทางหรือไล่บอล สติสตังค์ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวจับบอลปลิ้นไปดื้อๆ เสียบอลแล้วก็ไม่ค่อยไล่ตาม ยังดีว่าได้...ลูกนั้น...มาช่วยไม่งั้นคงต้องได้เหนื่อยกันอีกนัด ถ้าดูจากรูปเกมอย่างเดียวก็คงต้องบอกว่าแมนฟิลด์โชคร้ายเอามากๆ ที่แพ้

               จุึดเปลี่ยนที่สำคัญสุดๆ แน่นอนว่าเป็นประตู 2-0 ซึ่งได้มาแบบโชคช่วยและสุดท้ายแล้วเป็นประตูชัยด้วย แม้จะไม่มีใครรู้ว่าซัวเรสตั้งใจหรือปล่าว (ส่วนตัวผมคิดว่าตั้งใจ แต่ร็อบบี้ ซาเวจที่เป็นผู้บรรยายร่วมอยู่ด้วยบอกว่าซัวเรสไม่น่าจะตั้งใจ) และซัวเรสในฐานะที่เป็นนักฟุตบอลจังหวะนั้นก็ต้องยิงต่อให้เข้า จะมาชูมือบอกแฮนด์บอลคร๊าบแล้วหยุดเล่นคงไม่ใช่ที่ (อัีนนี้ในกรณีที่เขาไม่ได้ตั้งใจนะ) แต่ที่แน่ๆ ประตูนั้นไม่สมควรเป็นประตู ครับ ถ้าลูกนั้นไม่ได้ประตูสกอร์หยุดอยู่แค่ 1-0 อย่างน้อยๆ เกมนี้คงต้องกลับไปเล่นที่แอนฟิลด์แล้ว นี่ัยังไม่ต้องพูดถึงจังหวะที่บอลเด้งโดนมือคาราเกอร์, โรบินสัน, อัลเลน ในเขตโทษ ซึ่งทุกจังหวะไม่ชัดเจน แค่ 50/50 แต่ 50/50 3 ครั้งแล้วไม่โดนสักลูกเลยนี่ไม่เรียกโชคดีแล้วจะเรียกอะไรได้

               ...ก็หวังว่าโชคดีจะยังไม่หมดไปเสียก่อนตั้งแต่นัดนี้ครับ...
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันไม่ค่อยดีนัก

โจนส์ - โดนกดดันมากๆ แล้วมีลนลานมือไม้อ่อนให้เห็นนิดหน่อย เตะบอลสาดทิ้งออกข้างสนามก็พอสมควร แต่ยืนตำแหน่งได้ดี เซฟลูกสำคัญได้หมด(ยกเว้นลูกที่เสียประตู) ออกมาตัดบอลโด่งแม้จะมียึกยักบ้างแต่ออกมาแล้วถึงบอลทุกครั้ง ช่วยทีมไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง

วิสดอม - เกมรุกช่วยทีมไม่ได้เลย และเกมรับก็มีหลุดตำแหน่งให้เห็นพอสมควร เล่นลูกโด่งและสกัดบอลที่เปิดเข้ามาได้เด็ดขาดดี แต่หยุดการทำเกมของตัวริมเส้นได้ไม่ดีนัก

โคอาเตส - เข้าสกัดจังหวะคู่ต่อสู้พลิกบอลได้แล้วได้ค่อนข้างดี(แต่คู่ต่อสู้พลิกได้ ค่อนข้างง่าย) ลูกกลางอากาศช่วยทีมได้เยอะมากๆ แต่ดักบอลเล่นก่อนถึงกองหน้าแทบไม่ได้ และเก็บบอลได้น้อยมาก

คาราเกอร์ - คล้ายโคอาเตส แต่ช่วยทีมในจังหวะสำคัญไว้ได้พอสมควร สั่งการแนวรับได้ค่อนข้างดี เก็บบอลได้น้อยและผ่านบอลไปข้างหน้าแทบไม่ได้

โรบินสัน - เหมือนวิสดอม แต่เล่นลูกกลางอากาศไม่ดีนัก

ลูคัส - ครึ่งแรกเกมรับเสียฟาลว์ง่ายไปหน่อยแต่ส่วนใหญ่ก็หยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้ค่อนข้างดี พอเข้าครึ่งหลังคู่ต่อสู้เน้นบอลโด่งข้ามแผงกลาง ลูคัสช่วยเก็บบอลจังหวะสองได้น้อยไปหน่อยและผ่านบอลขึ้นหน้าไม่ได้

อัลเลน - ครึ่งแรกได้เล่นในเกมง่ายและทำได้ดี เคลื่อนบอลไปรอบๆ ได้ตลอด เข้าครึ่งหลังโดนไล่หนักๆ แล้วโดนแซะเสียบอลไปไม่น้อย เก็บบอลจังหวะสองได้น้อยพอๆ กับลูคัส ครองบอลไว้กับตัวไม่ได้เลย

ซูโซ่ - ได้บอลน้อยเพราะบอลส่วนใหญ่เจาะตรงกลางสลับกับฝั่งซ้าย ไม่มีส่วนร่วมกับเกมมากนักและเกมรับก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้

ดาวนิ่ง - มีส่วนร่วมกับเกมมากทีเดียว ครึ่งแรกแตะบอลหลบกองหลังจนได้โอกาสเปิดหลายครั้ง ครึ่งหลังเป็นตัวหลักในการทำเกมโต้กลับและทำได้น่าพอใจเมื่อเก็บบอลได้และพา บอลไปข้างหน้าได้ รวมไปถึงเกมรับที่ช่วยซ้อนแบ็คที่ขยันหลุดตำแหน่งได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม ไม่มีทีเด็ดทีขาดไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย พอถึงพื้นที่สุดท้ายแล้วทำอะไรไม่ค่อยได้

เชลวี่ย์ - ครึ่งแรกจ่ายบอลเจาะทะลุตรงกลางได้ดีหลายครั้ง หนึ่งในนั้นเป็นประตูด้วย ครึ่งหลังพอขยับไปเล่นซ้ายมากขึ้นก็ทำได้ดีในการวิ่งเติมขึ้นไปในจังหวะโต้ กลับและได้โอกาสจบสกอร์อยู่บ้างแต่พลาดหมด แต่โดยรวมเป็นเกมที่เชลวี่ย์เล่นไม่ดีนัก จับบอลไม่ค่อยดี เสียบอลไม่ค่อยตาม และวิ่งทำทางในจังหวะที่ทีมตั้งเกมขึ้นไปได้ไม่ดีเลย (ต่อบอลขึ้นไปจากข้างหลัง ไ่ม่ใช้โต้ยาว)

สเตอริดจ์ - มีความคล่องตัวและวิ่งทำทางได้ดี หาโอกาสจบสกอร์ได้ดีมาก ลูกแรกยิงได้เฉียบขาด ครั้งที่สองที่มีโอกาสดันท่ามากไปนิด และครั้งหลังๆ จากนั้นก็ยิงได้ลุ้นแต่ไม่เข้ากรอบ

ตัวสำรอง

เฮนเดอร์สัน - ลงมาเล่นแทนตำแหน่งเชลวี่ย์แล้วดูดีกว่ามากในเรื่องการเคลื่อนที่และช่วยเกมรับ แต่จังหวะออกบอลไม่เด่นเท่า

ซัวเรส - ลงมายิงได้ หลังจากนั้นถอยลงมายืนต่ำไปนิดแต่ก็ช่วยเชื่อมเกมโต้กลับกับดาวนิ่งได้ดีหลายครั้ง

ฟลานาแกน - ลงมาแล้วอยากให้กลับไปอยู่ข้างสนาม

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...แบร็ด โจนส์... แม้จะไม่มีลูกเซฟชนิดว่าที่ต้องนั่งงงว่าเซฟไปได้ยังไง แต่ก็ช่วยทีมเอาไว้ได้หลายครั้งมาก (ย้ำว่ามาก) ทั้งหยุดลูกยิงและออกมาตัดบอลโด่ง
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 3 - 0 ซันเดอร์แลนด์ (พรีเมียร์ลีค)


3 ลูกอีกแล้ว
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

----------------------ซัวเรส------------------------
ดาวนิ่ง-----------เฮนเดอร์สัน-------------สเตอริ่ง
--------------ลูคัส-------------เจอราร์ด-----------
จอห์นสัน----แอกเกอร์-----สเคอเทล----วิสดอม
-----------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับซันเดอร์แลนด์ในเกมพรีเมียร์ลีคนัดแรกของปี 2013 นัดนี้ขาดเอนริเก้ที่เจ็บจากนัดก่อนไปคนเดียวนอกนั้นยังอยู่กันครบ ร็อดเจอร์เลือกใช้วิสดอมลงตัวจริงในตำแหน่งแบ็คขวาแล้วโยกจอห์นสันไปซ้าย ส่วนแดนกลางมีการปรับตำแหน่งเล็กน้อย ลูคัสได้ลงเป็นตัวจริงและสลับฝั่งตัวริมเส้นให้ดาวนิ่งเล่นซ้าย สเตอริ่งเล่นขวา
-------------------------------------------------------

               เปิดเกมมาทั้งสองฝ่ายก็เปิดเกมรุกใส่กันและเล่นเร็วทั้งคู่ เน้นให้บอลจังหวะเดียวและการขึ้นเกมริมเส้นเหมือนกันแต่จังหวะสุดท้ายยัง เปิดบอลไม่ค่อยผ่าน ทำให้เกมโดยรวมสูสีโดยเป็นฝ่ายลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าพอสมควรในเรื่องการครอง บอล จนกระทั่งผ่าน 15 นาทีแรกไปแล้วถึงได้เริ่มเล่นช้าลงและลิเวอร์พูลเริ่มทำได้ดีกว่ามากขึ้น เรื่อยๆ

               ในที่สุดลิเวอร์พูลก็ได้ประตูขึ้นนำ นาที 19 มินโยเล่เตะเปิดเกมมาไม่ดี เจอราร์ดโหม่งตั้งให้ซัวเรสหันหลังเปิดบอลข้ามแนวรับ สเตอริ่งได้บอลหลุดเดี่ยวไปก่อนที่จะชิพบอลข้ามหัวมินโยเล่เข้าไปได้สำเร็จ 1-0 แต่หลังจากเสียประตูซันเดอร์แลนด์ก็ยังสู้ได้ดี ในเกมรับปิดพื้นที่หน้าเขตโทษกันได้แน่นและเกมรุกริมเส้นยังพอทำอะไรได้บ้าง ได้ลุ้นประตูตีเสมอแต่ยังทำไม่สำเร็จ

               เกมโดยรวมยังคงสูสี ลิเวอร์พูลดูดีกว่าเล็กน้อย แต่แล้วในนาที 26 จากจังหวะทำเร็วของลิเวอร์พูล ซัวเรสได้บอลโดนตัดฟาลว์แต่ไม่ล้มวิ่งพาบอลไปต่อก่อนจะหลุดเข้าไปยิงมุมแคบ ให้ทีมนำ 2-0 เกมของซันเดอร์แลนด์ดูสะดุดไปเล็กน้อยแต่ไม่นานก็กลับมาได้ โดยซันเดอร์แลนด์ดันเกมขึ้นมาค่อนข้างสูง เกมริมเส้นพอเปิดบอลได้บ้างแต่ไม่ถึงกับดีนัก ที่ดีและได้ลุ้นจริงๆ มาจากลูกตั้งเตะ ทั้งเตะมุมและฟรีคิกที่วันนี้ฟิล ดาวน์ป่าวค่อนข้างง่าย ได้โอกาสลุ้นพอสมควรแต่ยังไล่ตามมาไม่ได้ ส่วนทางฝั่งลิเวอร์พูลเน้นเกมโต้กลับและการวางบอลยาวไปที่ว่างเป็นหลักและทำ ได้ดีเช่นกัน ได้ลุ้นอยู่ตลอดแต่สุดท้ายยังทำเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0

               เข้าครึ่งหลัง โอนีลเปลี่ยนเอาเฟรเซอร์ แคมเบลล์ลงมาช่วยในแดนหน้า แต่ดันเปลี่ยนตัวแซสซิยงที่แม้จะเล่นไม่ดีนักแต่ก็เป็นกองกลางที่มีผลงาน เป็นชิ้นเป็นอันที่สุดในครึ่งแรกออก เริ่มหันมาไล่สูงมากขึ้นและเข้าบอลเร็วขึ้น ยกระดับเกมแดนกลางขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่เกมรุกก็ยังไม่กดดันแนวรับอะไรมากนัก ส่วนทางลิเวอร์พูลเริ่มเน้นการครองบอลมากขึ้น เคาะบอลแดนกลางสลับกับวางบอลยาวในจังหวะที่กองหลังซันเดอร์แลนด์ดันสูง ช่วงต้นครึ่งหลังเกมยังดูสูสีและยังคงเป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าเล็กน้อย

               แต่แล้วนาที 53 ลิเวอร์พูลมาหนีห่างไปอีก จากการวางบอลยาวของเจอราร์ดพรวดเดียวถึงซัวเรสได้หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษเข้า ไปได้เป็น 3-0 ถัดมาไม่นาน นาที 57 ร็อดเจอร์ยังส่งอัลเลนลงไปแทนสเตอริ่ง ใช้อัลเลนเล่นตรงกลางและยืนสูงเป็นตัวรุก ถ่างเฮนเดอร์สันออกไปเล่นทางขวามากขึ้น ถึงตรงนี้ซันเดอร์แลนด์ก็ทำเกมและครองบอลไม่ได้แล้ว กลายเป็นลิเวอร์พูลที่แม้จะได้ไม่ได้โหมเกมรุกมากนักแต่ก็เป็นฝ่ายบุกใส่ อยู่ข้างเดียว ได้ลุ้นประตูอยู่ตลอด

               นาที 67 ซูโซ่ได้ลงไปแทนเฮนเดอร์สัน นาที 74 คาราเกอร์ได้ลงแทนสเคอเทล ระหว่างนี้ลิเวอร์พูลก็ยังเป็นฝ่ายบุกมากกว่า ครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว และได้ลุ้นประตูอยู่เรื่อยๆๆ (เติมไม้ยมกตามความพอใจ) ยิงเข้าไปอีกสองลูกจากจอห์นสันและอัลเลนแต่โดนจับล้ำหน้าไปก่อน ซันเดอร์แลนด์หมดใจไปเรียบร้อย ไม่ช่วยกันไล่และไม่วิ่งเติมเกมรุก แค่เล่นไปตามจังหวะ สุดท้ายลิเวอร์พูลยิงเพิ่มไม่ได้ จบเกมไปที่สกอร์ 3-0
 -----------------------------------------

               11 ตัวจริงวันนี้ดูเหมือนร็อดเจอร์จะจัดตัวจากฟอร์มการเล่น ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน อัลเลนหลุดไปจากทีมสวนทางกับเฮนเดอร์สันซึ่งก็เป็นไปตามฟอร์มล่าสุดของทั้ง สองคน การเลือกวิสดอมก่อนซูโซ่(ถ้าเลือกซูโซ่ก่อนคือถอยดาวนิ่งมาเป็นแบ็ค) ก็ไม่ถึงกับน่าแปลกใจอะไรเพราะซูโซ่เองฟอร์มหลังๆ ก็ไม่ถึงกับดีนัก มีแปลกใจเล็กน้อยที่ใช้สเตอริ่งทางขวา ทั้งๆ ที่ดูตามตำแหน่งแล้วทำให้เกมรับฝั่งขวาดูหลอนพอสมควร ถ้าใช้ดาวนิ่งเล่นขวาน่าจะช่วยเกมรับได้น่าอุ่นใจกว่านี้(นี่พูดกันถึงตอน ก่อนเกมเริ่มนะ) แต่การใช้สเตอริ่งเล่นฝั่งเดียวกับวิสดอมอาจจะเป็นเพราะเล่นด้วยกันมา มากกว่าดาวนิ่งก็เป็นได้

               สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้นอกจากความเด็ดขาดในการจบสกอร์ คือแดนกลางที่ลิเวอร์พูลเล่นกันได้เกือบสมบูรณ์แบบ เกมรุกทำได้ไหลลื่น โดยเฉพาะการโต้กลับ, การวางบอลยาวที่ทำได้ดีมาก รวมไปถึงการเจาะตรงกลางที่นัดนี้ดูจะเด่นกว่าเกมริมเส้นเสียอีก ในขณะเดียวกันเกมรับก็สามารถปิดเกมริมเส้นของซันเดอร์แลนด์ได้เกือบหมด บอลจังหวะสองก็เก็บได้มากกว่าทั้งรุกและรับ ทำให้ซันเดอร์แลนด์ได้บอลน้อยเกินกว่าที่จะเอามากดดันอะไรได้ เลยกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบตั้งแต่ต้นยันจบเกมและแพ้ขาดไปในที่สุด

               อย่างไรก็ตาม เกมนี้มีจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากๆ อยู่สองจุด อย่างแรกคือประตูตีเสมอ 1-1 ที่ซันเดอร์แลนด์เกือบทำได้ในนาที 21 ซึ่งบอลหลุดเสาสองไปนิดเดียว ถ้าลูกนั้นทำสำเร็จ ซันเดอร์แลนด์จะกลับมาได้เร็วสวนทางกับลิเวอร์พูลที่ค่อนข้างมีปัญหาเวลาเจอ ความกดดันซึ่งจะทำให้เกมยากขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่า ส่วนจุดเปลี่ยนอีกอย่างคือต้นครึ่งหลังที่โอนีลเปลี่ยนเอาแซสซิยงออก อย่างที่บอกไปตอนต้น แซสซิยงใช่ว่าจะเล่นดี แต่ก็เป็นกองกลางคนเดียวของซันเดอร์แลนด์ที่พอจะทำเกมรุกได้ เก็บบอลและใช้เกมเลี้ยงจี้เจาะตรงกลางได้พอสมควร พอไม่มีแซสซิยงแล้วเกมรุกของซันเดอร์แลนด์ก็ตายสนิทชนิดไม่ได้ลุ้นอีกเลย ตัวที่ลงมาแทนอย่างแคมเบลไม่มีส่วนกับเกมอย่างสิ้นเชิงจนนึกว่าซันเดอร์ แลนด์เล่นกัน 10 คน ก็ต้องขอขอบคุณโอนีลมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

               ชนะ 3-0 มาสองนัดติดแล้ว ตอนนี้ได้แต่หวังว่าจะไม่กระสุนหมดหรือหมดโควต้าไปเสียก่อน(ฤดูนี้ยังไม่เคย ชนะในลีค 3 นิดติด) เพราะเกมหน้าต้องเจอกับ...ฟาน เพอร์ซี่!
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

เรน่า - ยืนตำแหน่งดีและเซฟลูกสำคัญเอาไว้ได้ วันนี้เด่นเรื่องการออกบอลด้วยการขว้างเอามากๆ รวมไปถึงฉลาดพอที่จะดึงช้าในบางจังหวะ

วิสดอม - ได้เล่นในเกมง่าย ซันเดอร์แลนด์แทบไม่บุกกดดันทางฝั่งเขาเลย(จริงๆ แล้วฝั่งไหนก็ไม่กดดันทั้งนั้นแหล่ะ) เล่นไปตามเกมเท่านั้น ไม่มีข้อผิดพลาดในเกมรับ เกมรุกก็เชื่อมเกมได้ตามเนื้อผ้า

สเคอเทล - ซ้อนเพื่อนได้ดี เข้าบอลแม่น เล่นลูกกลางอากาศได้เด็ดขาด แต่จะว่าไปก็ไม่มีงานยากอะไรให้ทำ

แอกเกอร์ - ทำได้ดีในเรื่องการผ่านบอลขึ้นหน้า ไม่ว่าจะส่งหรือเลี้ยงขึ้นมาเอง และเกมรับก็ไม่ถูกกดดันอะไร

จอห์นสัน - ก่อน 3-0 ก็ไม่ได้เติมเกมรุกมากนัก (ถ้าเทียบกับที่ผ่านมา) พอเกมขาดถึงได้เล่นเกมรุกมากขึ้น เชื่อมเกมได้ดี ผ่านบอลได้ค่อนข้างแม่นยำ เกมรับมีงานเยอะกว่าิวิสดอมนิดหน่อยแต่พอเอาตัวรอดได้

ลูคัส - เล่นได้ดีขึ้นบ้าง อ่านเกมและดักตัดบอลได้มากขึ้น ครึ่งแรกมีปัญหาในเกมรับพอสมควร แต่พอครึ่งหลังเล่นง่ายจัดการได้หมด ยังห่างไกลจากฟอร์มที่ดีที่สุดแต่ก็กระเตื้องขึ้นแล้ว

เจอราร์ด - เจอราร์ด!

เฮนเดอร์สัน - เล่นได้ดีต่อเนื่อง ออกบอลเร็วไปข้างหน้ามากขึ้นแม้จะพลาดเยอะพอสมควรแต่ทิศทางและน้ำหนักทำได้ ใกล้เคียงเอามากๆ ขยับหาพื้นที่ว่างมากขึ้นและเปิดบอลจากริมเส้นได้ดีหลายครั้ง เกมรับขยันวิ่งไล่ปิดพื้นที่อยู่ตลอด

ดาวนิ่ง - เปิดบอลเข้ากลางได้ดีพอสมควร ไม่ค่อยตรงเพื่อนแต่พอกดดันได้ เด่นในเรื่องการเชื่อมเกมที่ทำได้เร็วและค่อนข้างแม่น รวมไปถึงเกมรับที่ปิดเกมรุกของตัวริมเส้นได้ดีมาก อันที่จริงเกมรับริมเส้นวันนี้ดาวนิ่งทำได้ดีกว่าจอห์นสันอีก

สเตอริ่ง - ใช้ความเร็วกดดันคู่ต่อสู้ได้ดี ไม่ว่าจะกระชากไปเองหรือวิ่งไปรับบอลในพื้นที่ว่าง ยิงประตูสุดสวยได้ด้วย แต่หลังจากนั้นยังคงพลาดในจังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะยิงหรือจ่ายเหมือนเดิม

ซัวเรส - ยังคงใช้โอกาสไม่เปลืองต่อไปอีกหนึ่งนัด ยิง 2 และจ่ายอีก 1 ด้วย พยายามเล่นบอลอยู่ตลอดไม่พุ่งล้ม ลูกที่ 2 ที่ทีมได้มาก็เพราะซัวเรสฝืนเล่นต่อไม่ทิ้งตัวล้ม มีส่วนร่วมกับเกมอยู่ตลอด แต่พอสกอร์ขาดและได้ลุ้นแฮททริคดูจะเล่นฝืนๆ ไปหน่อย

ตัวสำรอง

อัลเลน - ลงมาเล่นเป็นตัวรุก ช่วยเก็บและรักษาการครองบอลได้ดีมาก จังหวะทำเกมรุกเงอะงะไปหน่อย เลี้ยงไม่ผ่าน จ่ายได้แค่เกือบทะลุ แต่วิ่งทำทางและตัดสินใจยิงเวลาไม่มีคู่ต่อสู้บังได้เด็ดขาดดี

ซูโซ่ - ลงมาช่วยเก็บบอลเช่นกัน บอลอยู่กับเท้าซูโซ่แล้วเสียยากมาก เล่นระวังตัวมากไปหน่อยเลยไม่มีบทบาทกับเกมมากนัก

คาราเกอร์ - ลงมาแล้วพลาดอยู่หนึ่งจังหวะที่โดนคู่ต่อสู้กระชากหลุดไปได้ แต่ก็เล่นแบบหวุดหวิดจะเสียฟาลว์แต่ตัดบอลได้ดีอยู่ 2-3 ครั้งเช่นกัน เล่นไม่ได้แย่แต่เวลาของคาราเกอร์กับลิเวอร์พูลคงเหลืออีกไม่มากแล้ว

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด.. ซัวเรสยิง 2 จ่าย 1 แต่รับรองว่าไม่มีใครโกรธแน่ถ้าเจอราร์ดจะได้ตำแหน่งนี้ วางบอลยาวระยะ 30-40 หลาได้เหมือน 3-4 หลา จ่ายเป็นหลุด ผ่านบอลสั้นพื้นที่แคบก็ทำได้ดี จ่ายบอลเป็นเข้าเท้าเพื่อน มองได้ไกลและกว้าง ไม่ใช่สักแต่วางไปให้เพื่อนวัดดวงวิ่งไล่ เกมนี้เล่นเด่นมากจริงๆ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.