วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
สเปอร์ 2 - 1 ลิเวอร์พูล
วัดกันที่ความเร็ว!
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1
----------------------ซัวเรส-----------------------
เอนริเก้----------เฮนเดอร์สัน------------สเตอริ่ง
-------------เจอราร์ด--------อัลเลน--------------
ดาวนิ่ง-----แอกเกอร์----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า------------------------
ลิเวอร์พูลออกไปเยือนสเปอร์ในเกมพรีเมียร์ลีคนัดกลางสัปดาห์ เป็น 1 ในไม่กี่ครั้งที่ร็อดเจอร์ใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมจากนัดก่อนหน้า เฮนเดอร์สันยังคงได้รับโอกาสต่อไป รวมถึงดาวนิ่งที่ยังสิงสถิตย์อยู่ที่ตำแหน่งแบ็คตามเดิม
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมานึกว่าไม่ได้ดูฟุตบอลแต่ดูวิ่งแข่งอยู่ เมื่อทั้งสองทีมต่างเร่งเกมเข้าใส่กันทั้งคู่ วิ่งไล่เข้าบอลเร็วเมื่อตัดบอลมาได้ก็ทำเกมเร็วขึ้นหน้าทันทีไม่มีลีลา โดยในช่วงต้นเกมเป็นสเปอร์ที่ดูจะทำได้ดีกว่า ไม่นานนักก็ออกนำได้สำเร็จ นาที 7 จากจังหวะที่สเปอร์ตัดบอลได้กลางสนาม เบลได้บอลก่อนจะกระชากผ่านผู้เล่นลิเวอร์พูล 3-4 คนจนถึงเขตโทษก่อนจะเปิดหักเข้ากลางให้เลนนอนชาร์จง่ายๆ ที่เสาสอง 1-0
ลิเวอร์พูลเองยังคงพยายามเร่งเกมเร็วสู้สเปอร์ต่อไปแต่ขึ้นบอลผิดพลาด มากกว่า แม้จะพอหาโอกาสลุ้นได้บ้างแต่เกมยังเป็นของสเปอร์อยู่ นาที 16 สเปอร์ได้ฟรีคิกเบลรับหน้าที่ยิงข้ามกำแพงเข้าไปได้ให้เจ้าบ้านนำห่าง 2-0 ลิเวอร์พูลตามห่างแล้วแต่ยังต้องตกเป็นรองอีกพักใหญ่ๆ กว่าจะเริ่มครองบอลได้แบบต่อเนื่องก็ต้องรอถึงเกือบครึ่งชั่วโมงแรก รวมไปถึงเกมรุกทางฝั่งขวาโดยการเติมขึ้นไปของจอห์นสันก็เริ่มกกดันได้มาก ขึ้น
ถึงตรงนี้ ลิเวอร์พูลพอจะเจาะแนวรับได้แต่จังหวะเปิดบอลสุดท้ายแทบไม่ผ่านแนวรับทำให้ ยังไม่สามารถตีตื้นได้ ส่วนสเปอร์เองก็ยังทำเกมของตัวเองรวมถึงครองบอลได้เป็นระยะ แต่เริ่มเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายไม่ได้เลยไม่ได้ประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0
เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังดาหน้าบุกต่อไป ส่วนทางฝั่งสเปอร์เริ่มเน้นคุมพื้นที่ในแดนตัวเองมากขึ้น ลิเวอร์พูลเร่งเกมได้ดี หาช่องทะลุแนวรับพอได้แต่ยังคงเปิดบอลสุดท้ายไม่ค่อยผ่าน ทำให้แม้จะได้ครองบอลมากกว่า ได้บุกมากกว่า แต่รูปเกมไม่ถึงกับได้เปรียบมากนัก นาที 63 เชลวี่ย์ได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สัน ถึงตรงนี้สเปอร์ยิ่งคุมพื้นที่แน่นกว่าเดิม หน้าแผงหลังจะมีกองกลางสามคนคอยเล่นเกมรับหน้าเขตโทษอยู่ตลอด ทำให้ลิเวอร์พูลเริ่มเจาะได้ยากลำบากมากขึ้น ได้เพียงลูกเตะมุมซึ่งได้เป็นเข่งเป็นชุดเป็นกิโลอันเนื่องมาจากการเปิดบอล แล้วโดยสกัดออก แต่กดดันได้ไม่มากนัก ขึ้นโหม่งแทบไม่โดนบอล
อย่างไรก็ตาม สเปอร์ก็มาช่วยกดดันตัวเองให้แทน นาที 72 จากลูกเตะมุม เชลวี่ย์เปิดข้ามมาเสาสอง เจอราร์ดได้โหม่งบอลไม่แรงนัก แต่เลนนอนที่คุมเส้นอยู่สกัดบอลอัดหน้าเบลเด้งเข้าประตูมันซะอย่างนั้น ช่วยให้ลิเวอร์พูลไล่ตามขึ้นมาเป็น 2-1 พอสกอร์ขยับใกล้ก็กลายเป็นสเปอร์เองที่เล่นไปหลอนไป ตั้งเกมโต้ได้ไม่ดีนักและโดนลิเวอร์พูลบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะสุดท้ายยังคงเหมือนเดิม
นาที 78 อัสไซดี้ได้ลงมาแทนดาวนิ่ง แต่เกมของลิเวอร์พูลแทบไม่เปลี่ยน ส่วนสเปอร์หันมาไล่สูงเต็มสนามในช่วงท้ายเกมไม่ให้ลิเวอร์พูลตั้งเกมได้ถนัด ได้ผลพอสมควรแต่ลิเวอร์พูลก็ยังพาบอลไปถึงแดนหน้าได้อยู่ดี(แค่ช้าไปบ้าง) อย่างไรก็ตาม...จังหวะสุดท้ายยังคงเหมือนเดิม(พิมพ์คำนี้เป็นครั้งที่เท่า ไหร่แล้วนะ) ทำให้จบเกมสเปอร์เฉือนเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ 2-1
-----------------------------------------
11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์จัดทีมชุดเดิมลงสนาม ขัดใจนิดหน่อยที่ใช้เฮนเดอร์สันก่อนเชลวี่ย์และใช้ดาวนิ่งแทนที่จะเป็นอัสไซ ดี้ แต่เหตุผลก็พอเข้าใจได้ตามที่พูดถึงไปแล้วในนัดก่อน การเปลี่ยนตัวก็ทำได้เท่าที่มี ไม่รู้สึกว่าช้าไปหรือเร็วไปหรือแปลกไป แต่ที่ไม่เข้าใจคือร็อดเจอร์ไปกินดีไก่หัวใจหงส์ที่ไหนมา ต้นเกมถึงได้เปิดหน้าซดใส่สเปอร์ถึงในเล้าแบบนั้น เล่นเกมเร็วสู้กันในวันที่สเปอร์มีตัวรุกฟูลทีมแบบนี้ ผมยังไม่เคยเห็นใครได้เปรียบเลย และสองประตูที่เสียไปก็เป็นผลมาจากการเปิดพื้นที่หลังแนวรับไว้เยอะมาก เน้นว่ามาก พอตามหลังสองประตูก็เล่นลำบากแล้ว
เกมรุกของลิเวอร์พูลดูดีทั้งในเรื่องความหลากหลายที่มีทั้งบอลสั้น, ยาว, ทะลุ, กระชากไปเอง (ขาดอย่างเดียวคือลูกยิงไกล) และเกมริมเส้นที่เริ่มเห็นประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเล่นในพื้นที่สุดท้ายยังเป็นปัญหาอยู่ โดยเฉพาะการเปิดบอลเข้าทำที่จ่ายแทบไม่ผ่านแนวรับเลย ส่วนเกมรับปัญหายังอยู่ที่เรื่องเดิมคือหยุดคู่ต่อสู้แทบไม่อยู่ บอลมาถึงหน้าเขตโทษได้บ่อยมาก
ทำใจกันต่อไปครับ (อย่าบอกว่าท่านชินแล้วผมไม่เชื่อ 555+)
----------------------------------
นัดนี้เล่นกันดีบ้างไม่ดีบ้าง
เรน่า - พลาดเต็มๆ ในจังหวะเสียลูกที่สอง แม้จะต้องชมเบลด้วยว่ายิงได้แรงและบอลพุ่งเร็วมาก แต่เรน่าอ่านทางบอลพลาดและยืนตำแหน่งไม่ดี หลังจากนั้นหน้าตาดูไม่ค่อยมั่นใจนักแต่ก็ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรอีก
ดาวนิ่ง - คนนี้พลาดในจังหวะเสียลูกแรกที่ตามเลนนอนมาไม่สุด แต่นอกจากนั้นวันนี้ดาวนิ่งเล่นได้น่าพอใจทีเดียว เกมรุกขึ้นได้สุดเส้น เปิดบอลเสียน้อยลง(เรื่องของเรื่องคือเปิดบอลเข้ากลางน้อยลงด้วย) เกมรับก็เล่นในจังหวะตัวต่อตัวได้ดี
แอกเกอร์ - อ่านเกมดี ดักทางบอลได้เยี่ยม เติมขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมหรือแม้กระทั่งทำเกมรุกได้ดีเป็นระยะด้วย
สเคอเทล - ขยับมาช่วยเพื่อนช้าไปหน่อยในบางจังหวะ ปักหลักในเขตโทษมากไปนิด จับบอลพลาดไปครั้งหนึ่งทำทีมเกือบโดนลูกที่สาม แต่นอกนั้นก็เล่นได้เหนียวแน่น สกัดได้เด็ดขาดดีโดยเฉพาะการเก็บกินบอลยาว บอลโด่ง
จอห์นสัน - ครึ่งแรกขึ้นไปเล่นเกมรุกเยอะ และทำได้ดีทั้งพาบอลไปเองและทำชิ่งกับเพื่อน แต่ครึ่งหลังขึ้นน้อยลงและเล่นพลาดมากขึ้น ส่วนเกมรับวันนี้ช่วงที่เบลยังเน้นเล่นริมเส้นก็มีปัญหาเยอะอยู่ พอสเปอร์หันมาเน้นโต้มากขึ้น ตั้งเกมริมเส้นน้อยลงก็เอาตัวรอดได้สบาย
เจอราร์ด - ประสิทธิภาพในการผ่านบอลน้อยลงไป จ่ายและไปกับบอลพลาดอยู่พอสมควร แต่ยังมีบอลเร็วหรือบอลทะลุสวยๆ ให้เห็นอยู่เป็นระยะเหมือนกัน มีปัญหากับการโดนวิ่งไล่และรับมือกับเกมเร็วได้ไม่ดีนัก เกมรับตามไม่ทัน
เฮนเดอร์สัน - แม้จะไม่ค่อยพอใจที่เห็นเฮนเดอร์สันเป็นตัวจริงในตำแหน่งตัวรุก แต่วันนี้เจ้าตัวเล่นได้ดีขึ้น กล้าจ่ายบอลในพื้นที่แคบ, บอลไปข้างหน้ามากขึ้นและไม่ได้ลงมายืนต่ำเกินไป พอเข้าครึ่งหลังเริ่มหายไปจากเกม
อัลเลน - เป็นเกมที่อัลเลนเล่นได้แย่ที่สุดตั้งแต่เล่นให้ลิเวอร์พูลมา อ่านเกมไม่ค่อยดีนัก ยิ่งมาเจอเกมเร็วของสเปอร์ยิ่งไปกันใหญ่ ตามไม่ทัน หยุดไม่อยู่และเข้าบอลช้าไปจนเสียฟาลว์บ่อยครั้ง รวมไปถึงเบียดไหล่ต่อไหล่สู้ไม่ได้ คู่ต่อสู้เก็บบอลกับตัวไว้ได้เกือบตลอด ส่วนในเกมรุกอัลเลนยังทำหน้าที่ของตัวเองในการผ่านบอลไปรอบๆ ได้ดีอยู่
เอนริเก้ - หาพื้นที่ว่างในเขตโทษได้ดี ครองบอลได้เหนียวแน่นใช้ได้แม้จะโดนแซะเอาไปบ้าง กระชากบอลไปเองพอใช้ได้แต่ส่งบอลให้เพื่อนไม่ผ่านแนวรับเลยแม้แต่ลูกเดียว
สเตอริ่ง - แพ้แวร์ตองเก้นหมดรูป จังหวะที่มีพื้นที่เล่นยังพอทำได้ไม่ว่าจะกระชากไปเองหรือจ่ายบอลยัดเข้า กลาง แต่จังหวะที่ต้องดวลกับแวร์ตองเก้นโดนเบียดเอาบอลไปได้เกือบทุกครั้ง
ซัวเรส - ได้บอลน้อยมาก นอกจากเพื่อนจะจ่ายมาให้ได้น้อยแล้วยังต้องชมแนวรับของสเปอร์ด้วยที่รับมือกับซัวเรสได้สุดยอด โอกาสที่พอมีบ้างก็โดนเร่งโดนเบียดติดตลอด แม้จะยังมีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะแต่แทบไม่กดดันอะไรแนวรับเลย
ตัวสำรอง
เชลวี่ย์ - ลงมาเล่นได้ไม่ต่างกับเฮนเดอร์สัน
อัสไซดี้ - จับจังหวะการเล่นผิดพลาดบ่อยครั้ง แทบไม่ได้ช่วยอะไรทีมเลย
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
สวอนซี 0 - 0 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)
ดีที่สุดแล้ว...แต่ดีไม่พอ
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1
----------------------ซัวเรส-----------------------
เอนริเก้----------เฮนเดอร์สัน------------สเตอริ่ง
-------------เจอราร์ด--------อัลเลน--------------
ดาวนิ่ง-----แอกเกอร์----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า------------------------
ลิเวอร์พูลออกไปเยือนสวอนซีในเกมพรีเมียร์ลีค นัดนี้ร็อดเจอร์ใช้ชุดหลักลงเต็มที่แต่มีปรับตำแหน่งเล็กน้อย โดยให้เอนริเก้ยืนปีกซ้ายต่อไปแล้วให้ดาวนิ่งลงในตำแหน่งแบ็ค รวมไปถึงเฮนเดอร์สันที่นอกจากจะได้เป็นตัวจริงแล้วยังได้ยืนสูงกว่าเจอราร์ด และอัลเลนด้วย
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาทั้งสองทีมก็พยายามเปิดเกมเข้าใส่กัน เล่นด้วยแทคติคเหมือนกันเป๊ะคือต่อบอลสั้นไล่เร็วแดนหน้าดันแบ็คสูงบีบ พื้นที่ตรงกลาง โดยฝั่งสวอนซีพยายามขึ้นเกมทางขวาเป็นหลัก(ทางดาวนิ่ง) ส่วนลิเวอร์พูลเน้นเกมทางซ้าย เกมเลยเล่นกันอยู่แค่ฝั่งเดียวของสนามเป็นส่วนใหญ่ 15 นาทีแรกเป็นสวอนซีที่ทำได้ดีกว่าในเรื่องการครองบอล แต่รูปเกมไม่ต่างกันมากนัก
ผ่าน 15 นาทีของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มขยับเกมของตัวเองได้ดีขึ้นแต่ก็ไม่ถึงขั้นได้เปรียบ ครองบอลกันได้สูสีและเริ่มหาช่องเข้าทำกันได้ มีโอกาสลุ้นทำประตูเป็นระยะทั้งสองฝ่าย โดยสวอนซีได้ลุ้นจากลูกยิงไกลเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ลิเวอร์พูลได้ลุ้นบ่อยจากบอลชิ่งทะลุเข้าเขตโทษสลับกับบอลเปิด จากริมเส้น เวลาผ่านไปลิเวอร์พูลแม้จะไม่ได้ครองเกมเหนือกว่าแต่หาช่องลุ้นทำประตูได้ดี ขึ้นเรื่อยๆ เกือบ(ที่แปลว่าเกือบจริงๆ ไม่ใช่แค่ยิงส่งๆ)ได้ประตูอยู่หลายครั้ง ทั้งจากจอห์นสัน, สเตอริ่ง รวมไปถึงเอนริเก้ที่ยิงเข้าไปได้ในนาที 34 แต่ล้ำหน้าไปเสียก่อน
กลับกันทางฝั่งสวอนซีเกมไม่ได้เปรียบและผ่านบอลได้แม่นยำมากกว่าด้วยซ้ำ อาศัยพื้นที่ระหว่างช่องแบ็คกับเซนเตอร์พาบอลเข้ามากดได้เป็นระยะ แต่บอลเข้าทำจังหวะสุดท้ายเปิดไม่ผ่านแนวรับ ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกันที่ 0-0
เข้าครึ่งหลัง สวอนซีเร่งเกมมากขึ้น ดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลเน้นการผ่านบอลให้แม่นยำมากขึ้น แม้จะยังครองบอลกันได้สูสีแต่สวอนซีเริ่มบุกกดดันได้ต่อเนื่องกว่าครึ่งแรก ในขณะที่ลิเวอร์พูลถูกผลักให้ห่างจากเขตโทษและหาโอกาสยิงได้น้อยลง ทั้งสองทีมหาช่องลุ้นทำประตูกันได้ดี มีโอกาสลุ้นด้วยกันทั้งคู่อยู่ตลอดแต่ยังไม่สามารถจบสกอร์ได้สำเร็จ
นาที 77 เชลวี่ย์กับโคลได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สันกับดาวนิ่ง เอนริเก้ถูกถอยลงไปเล่นแบ็คตามเดิม ลิเวอร์พูลได้เกมการเล่นของเชลวี่ย์ช่วยเจาะเกมตรงกลางได้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่รูปเกมโดยรวมยังไม่เปลี่ยนมากนัก ทั้งสองทีมยังคงสลับกันได้ลุ้นเป็นระยะ แต่สุดท้ายก็ทำอะไรกันไม่ได้ จบเกมที่ 0-0
-----------------------------------------
เกมวันนี้เล่นกันสนุกครับ...
11 ตัวจริงวันนี้น่าแปลกใจเล็กน้อยกับการใช้เฮนเดอร์สันเป็นตัวจริงด้วยการยืน สูงแทนที่จะใช้เจอราร์ดหรือไม่ก็เชลวี่ย์ ส่วนตำแหน่งแบ็คซ้ายในเมื่อร็อดเจอร์ตั้งใจจะดันเอนริเก้ไปเป็นปีก แบ็คซ้ายเลยกลายเป็นตำแหน่งที่ขาดแคลนไป ไม่ใช้ดาวนิ่งถัดไปก็เป็นโรบินสันซึ่งไม่รู้ว่าจะดีกว่ากันหรือปล่าว ก็นับว่าไม่ถึงกับขัดตามากนัก
รูปเกมในวันนี้ทั้งสองทีมนอกจากจะเล่นคล้ายกันแล้ว ยังดูเหมือนว่าจะรู้ทันกันด้วย สวอนซีนั้นทำเกมสวนจังหวะแบ็คของลิเวอร์พูลเติมสูงได้ดีมาก รวมไปถึงการไล่ตัดบอลเร็วใน จังหวะขึ้นเกมของลิเวอร์พูลซึ่งทำได้ดีหลายครั้ง ส่วนลิเวอร์พูลก็ทำได้ีในการใช้ซัวเรสคอยดึงกองหลังเปิดทางให้ตัวริมเส้น รวมไปถึงการคุมพื้นที่สุดท้ายไม่ให้สวอนซีมีช่องจ่ายบอลในเขตโทษได้ค่อนข้าง ดี แต่ทั้งสองทีมมีปัญหาเดียวกันคือจบสกอร์ไม่เด็ดขาด ทั้งๆ ที่โอกาสมีมากพอสมควรด้วยกันทั้งคู่ ผลเสมอ 0-0 ก็ดูจะเหมาะสมดีแล้วเมื่อดูจากรูปเกม
ในส่วนของลิเวอร์พูล ดูจะมีปัญหาหนักจริงๆ ในเรื่องขนาดทีมเพราะนอกจาก 11 ตัวจริงแล้วก็แทบไม่สามารถขยับแก้เกมหรือเปลี่ยนแทคติคอะไรได้มากนัก จะเปลี่ยนมาเล่น 4-4-2 คนที่จะมาเล่นคู่ซัวเรสก็ไม่มี จะเปลี่ยนตัวตัวริมเส้นเพื่อสไตล์การเล่นที่แตกต่างหรือเปลี่ยนเอาความสดก็ ไม่มี ขนาดจะหาแค่ 2 คนมาลงตัวจริงยังเลือดตาแทบกระเด็น กองกลางตรงกลางก็เป็นวันๆ ไป ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะดีกว่าใคร ตำแหน่งตัวรุกที่ยืนสูง เชลวี่ย์อาจจะเล่นดุทะลุทะลวงกว่าเฮนเดอร์สันจริงแต่ เราก็ได้เห็นวันที่เชลวี่ย์เล่นไม่ได้เรื่องกันมาแล้ว (ใช้ได้กับกรณีซาฮินด้วย) จะใช้เจอราร์ดขนาดยืนอยู่แค่กลางสนามเป็นหลักยังเห็นอยู่หลายจังหวะที่ สังขารไม่เอื้อ จะให้ไปวิ่งขึ้นวิ่งลงคงลำบาก ส่วนอัลเลนเองคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะไปเล่นตำแหน่งอื่น เพราะตัวเชื่อมจากหลังไปหน้าที่ต้องเล่นเกมรับเป็นหลักตอนนี้ก็มีอยู่คน เดียว
ตอนนี้คงต้องรอดูไปที่ช่วงมกราอย่างเดียวว่าร็อดเจอร์จะสามารถดึงนักเตะที่ ช่วยทีมได้เข้ามาได้มากแค่ไหน รวมไปถึงดาวรุ่งที่ได้ "ประสบการณ์" มาหลายนัดแล้วจะขยับฟอร์มไปได้แค่ไหนด้วย
ช่วงนี้ก็ดูเกมรุกอย่างมีความสุข แต่ผลลัพธ์เศร้าๆ กันไปก่อนครับ
----------------------------------
นัดนี้เล่นกันค่อนไปทางดี
เรน่า - สวอนซีหนักไปทางยิงหลุดกรอบ งานของเรน่ามีไม่มากนัก วันนี้ไม่มีปัญหากับการเล่นลูกกลางอากาศ ใช้เท้าเล่นและเอาตัวรอดจากการโดนวิ่งกดดันได้ดี
ดาวนิ่ง - อ่านเกมและยืนตำแหน่งพลาดหลายครั้งอยู่ แต่ดูดีขึ้นกว่านัดก่อน เกมรุกทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อมเกม เกมรับถ้าไม่นับเรื่องวิ่งหลุดตำแหน่งหรือลงไม่ทันก็นับว่าใช้ได้
แอกเกอร์ - ครึ่งแรกดูหลุดๆ ไปเล็กน้อย เข้าถึงบอลช้าไปหน่อย แต่ครึ่งหลังเล่นได้ดีไม่มีปัญหา
สเคอเทล - เข้าสกัดได้เด็ดขาดแม่นยำ ช่วยเคลียร์ลูกสำคัญได้หลายครั้ง ที่ดูด้อยไปคือการผ่านบอลขึ้นหน้าที่ดูมีปัญหากับการโดนวิ่งไล่
จอห์นสัน - เติมสูงและลงไม่ทันอยู่หลายจังหวะ ยืนค่อนข้างห่างจากเซนเตอร์ แต่จังหวะประกบหรือวิ่งเบียดก็ทำได้ดี วันนี้ขึ้นมาช่วยเกมรุกได้ดีมากในครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังขึ้นมาได้น้อยลง
เจอราร์ด - ประสิทธิภาพในการผ่านบอลน้อยลงไป จ่ายและไปกับบอลพลาดอยู่พอสมควร แต่ยังมีบอลเร็วหรือบอลทะลุสวยๆ ให้เห็นอยู่เป็นระยะเหมือนกัน มีปัญหากับการโดนวิ่งไล่พอสมควร
เฮนเดอร์สัน - ยังคงเล่นแบบปลอดภัยไว้ก่อนเป็นหลัก หลายครั้งที่ได้บอลอยู่ใกล้เขตโทษแต่ดันจ่ายย้อนกลับหลัง ช่วยคุมพื้นที่ในจังหวะรับแถวกลางสนามได้ค่อนข้างดี
อัลเลน - ผ่านบอลได้เร็วและแม่นกว่ากองกลางคนอื่นในทีม แต่หนักไปทางขวางสนามหรือแปะให้เพื่อน เล่นเกมรับไม่เนียนนัก เสียฟาลว์ในระยะอันตรายบ่อยและอ่านทางคู่ต่อสู้ไม่ค่อยดี โดยพลิกไปในเหลี่ยมเสียเปรียบอยู่บ่อยครั้ง คุมพื้นที่หน้าเขตโทษได้ไม่ดีเอามากๆ
เอนริเก้ - ครึ่งแรกเล่นได้อย่างดุดัน พาบอลไปเสียก็เยอะอยู่แต่ก็ะทะลวงผ่านแนวรับไปได้พอสมควร หาพื้นที่และใช้สปีดพาบอลไปเองค่อนข้างดี ครึ่งหลังเกมรุกแผ่วไป ส่วนเกมรับทำได้ดี ตอนยืนปีกก็วิ่งลงไปช่วยแบ็คได้เร็ว(ถึงบอลดาวนิ่งหลายครั้งด้วยซ้ำ) ตอนยืนแบ็คไม่มีปัญหาอะไร
สเตอริ่ง - ครองบอลและกระชากไปเองได้ดีมาก ติดอยู่ที่จังหวะสุดท้ายที่จ่ายให้เพื่อนไม่ค่อยได้เปรียบ เกมรับก็ขยันวิ่งไล่และลงไปช่วยแบ็คได้ดีอยู่หลายจังหวะ
ซัวเรส - เป็นวันที่ไม่มีประตูแต่เล่นได้ดีมาก ไม่ฝืนเล่นมากนัก ผ่านบอลให้เพื่อนได้ดีทั้งการจ่ายให้ตัวริมเส้นหรือตัวที่วิ่งเติมเข้ามาใน เขตโทษ พลิกบอลผ่านคู่ต่อสู้ได้น้อยกว่าที่ผ่านมาแต่ก็สร้างปัญหาให้แนวรับได้พอ สมควร
ตัวสำรอง
เชลวี่ย์ - ลงมาทำให้มีตัวรอเข้าทำแถวหน้าเขตโทษเพิ่มอีกหนึ่งคน ทำได้ดีพอสมควร
โคล - แทบไม่โดนบอลเลย
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ลิเวอร์พูล 2-2 ยัง บอย เบิร์น (ยูโรป้า)
เนย์มาร์, ออสก้าเราไม่เอา...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 4-2-3-1 (เชลวี่ย์,โคล,ซูโซ่ สลับตำแหน่งกันตลอด)
----------------------เชลวี่ย์-----------------------
อัสไซดี้--------------ซูโซ่--------------------โคล
-------------ซาฮิน--------เฮนเดอร์สัน-----------
ดาวนิ่ง-----คาราเกอร์----สเคอเทล------วิสดอม
-----------------------เรน่า------------------------
ลิเวอร์พูลเล่นเกมยุโรปอีกครั้ง เปิดบ้านรับยัง บอย เบิร์นที่พึ่งอัดอูดิเนเซ่มาแบบไปกลับยิงได้ถึง 3 ลูกทั้งสองนัด วันนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมค่อนข้างเยอะ เริ่มตั้งแต่แทคติคที่ไม่มีกองหน้าแท้ๆ แต่ให้มิดฟิลด์สลับกันขึ้นไปเล่นข้างหน้า ตัวผู้เล่นก็เปลี่ยนจากชุดหลัก(ในยูโรป้า)ไปเยอะ เรน่ากับสเคอเทลได้ลงเป็นตัวจริง ดาวนิ่งได้เล่นแบ็คซ้าย รวมไปถึงซูโซ่ที่ได้เล่นตรงกลางอีกหนึ่งนัด
-------------------------------------------------------
ช่วงต้นเกมยังบอยเล่นเร็วไล่เร็ว พยายามใช้จังหวะฉาบฉวย แดนหน้าไม่เล่นหลายจังหวะ มีช่องจะยิงทันทีเล่นงานพอได้ลุ้น ส่วนลิเวอร์พูลเน้นขึ้นเกมทางซ้ายแต่ขึ้นบอลได้ช้าและเกมไม่ค่อยทะลุทะลวง เกมโดยรวมค่อนข้างสูสีเป็นยังบอยที่ดูจะได้ลุ้นมากกว่านิดหน่อย จนกระทั่งผ่าน 20 นาทีของเกมไป ลิเวอร์พูลถึงเริ่มได้ลุ้นมากขึ้นเมื่อเฮนเดอร์ดันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากกว่า ในช่วงก่อนหน้า ทำเกมเจาะตรงกลางเข้าถึงเขตโทษแล้วแต่ยังทำประตูไม่ได้
นาที 31 ร็อดเจอร์แก้เกมเร็ว(มาก)อีกครั้งด้วยการถอดวิสดอมออกแล้วส่งเจอราร์ดลงสนาม ถอยเฮนเดอร์สันไปเล่นแบ็คขวา และเพียงแค่ 2 นาทีถัดมา โคลทำชิ่งกับซูโซ่หน้าเขตโทษพาตัวเองหลุดเดี่ยวเข้าไปก่อนเปิดเข้ากลางให้ เชลวี่ย์ตั้งหัวยืนโหม่งโล่งๆ เข้าไป 1-0 หลังจากเสียประตูยังบอยดูจะเสียสมาธิไปไม่น้อย ต่อบอลกันพลาดและโดนลิเวอร์พูลตัดบอลได้เร็ว ซึ่งลิเวอร์พูลใช้ช่วงเวลานี้บุกใส่เป็นชุดแต่ยังไม่ได้ประตูเพิ่ม
เข้า 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ยังบอยค่อยเริ่มตั้งสติกลับมาได้ประคองเกมของตัวเองได้ดีขึ้น แต่ยังไม่ทันได้บุกตอบโต้ก็หมดเวลาครึ่งแรกไปก่อน ลิเวอร์พูลนำอยู่ 1-0
เข้าครึ่งหลัง ยังบอยลงมาเร่งเกมมากกว่าในช่วงท้ายครึ่งแรก เน้นการยิงไกลมากขึ้น บอลไม่เข้ากรอบแต่ได้ลุ้นหลายจังหวะ ทางด้านลิเวอร์พูลเจอการเข้าไล่บอลเร็วของยังบอยก็ตั้งเกมรุกลำบากบอลไม่ ค่อยถึงเขตโทษทำให้เกมดูตกเป็นรองเล็กน้อย จนในที่สุดลิเวอร์พูลก็มาพลาด นาที 52 จากจังหวะที่ลิเวอร์พูลบุกขึ้นไปได้ลุ้นยิงในเขตโทษแต่ไม่สำเร็จ ยังบอยโต้กลับเร็วเล่นกันแค่ 3 จังหวะถึงหน้าเขตโทษ เฮนเดอร์สันลงไม่ทันและสเคอเทลไม่ได้ขยับออกไปช่วย ทำให้โบบาดิย่าเอาบอลลงได้ในเขตโทษก่อนจะอัดเต็มข้อบอลผ่านมือเรน่าเข้าเสา สอง 1-1
หลังจากเกมกลับมาเสมอ ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมมากขึ้นและเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ยังบอยได้มากกว่า ส่วนยังบอยก็ยังโต้กลับมาได้พอสมควร ทำให้เกมสูสีและเล่นกันเร็ว นาที 60 ซัวเรสได้ลงมาแทนซูโซ่อีกคน ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลบุกได้ถึงสุดเส้นหลัง ได้ลูกเตะมุมเป็นเข่งเป็นกิโล แต่กว่าจะมาได้ประตูจริงๆ ต้องรอถึงนาที 72 ซัวเรสเก็บบอลได้เขตโทษไหลออกมาให้เจอราร์ดจ่ายทะลุกลับเข้าไปให้โคลกลับตัว ยิงเรียดผ่านผู้รักษาประตูไปได้ 2-1
นาที 75 สเตอริ่งได้ลงมาแทนโคล (สเตอริ่งกำลังจะลงตั้งแต่ยังไม่ได้ลูกที่สอง) ถึงตรงนี้ยังบอยเริ่มทยอยเปลี่ยนตัวและหันมาเล่นเกมรุกมากขึ้น บุกกดดันลิเวอร์พูลได้ดีมากเมื่อพาบอลมาได้ถึงหน้าเขตโทษบ่อยครั้ง ในขณะที่ลิเวอร์พูลเล่นเหมือนขาดความมั่นใจ ถอยกันลงมาตั้งรับต่ำมากขึ้นจนบอลไปถึงข้างหน้าน้อยลง แม้จะยังพอพาบอลหลุดขึ้นไปได้ลุ้นบ้าง แต่รูปเกมโดยรวมเป็นรองยังบอยอย่างชัดเจน
ในที่สุดยังบอยก็มาทำได้สำเร็จในช่วงท้ายเกม นาที 88 กองกลางลิเวอร์พูลปิดพื้นที่หน้าเขตโทษไม่ดี โดนยังบอยยิงแถวๆ หน้าเขตโทษแบบไม่มีใครไปเร่ง บอลพุ่งด้วยความแรงเข้ากลางกรอบประตูผ่านมือเรน่าเสยเพดานตาข่ายเข้าไปเป็น 2-2 ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมในช่วงเวลาที่เหลืออยู่และได้ลุ้นเล็กน้อยในจังหวะ สุดท้ายของเกมแต่ยิงผ่านแนวรับไม่สำเร็จ เสมอกันไป 2-2 ต้องไปลุ้นเข้ารอบต่อในนัดสุดท้ายกับการไปเยือนอูดิเนเซ่
-----------------------------------------
ร็อดเจอร์ยังคงคอนเซปต์เดิมว่าด้วยการใช้ยูโรป้าในการให้โอกาสนักเตะตัว สำรองและลองระบบใหม่ๆ เลยไม่ถึงกับน่าแปลกใจที่ 11 ตัวจริงออกมาเป็นแบบนี้ แทคติคการเล่นในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกก่อนได้ประตู ก็เป็นส่วนผสมระหว่างการขาดแคลนกองหน้าบวกกับความอยากเปลี่ยนทีมให้เป็นบาร์ ซ่าของผู้จัดการทีม ซึ่งแนวรุก 3 คน(ไม่รวมอัสไซดี้ที่ปักหลักอยู่ริมเส้นอย่างเดียว) ดูจะมีปัญหากับแทคติคนี้เยอะพอสมควรเมื่อโคลขาดความเร็ว, เชลวี่ย์เผลอขยับลงต่ำมากเกินไปหลายครั้ง รวมไปถึงซูโซ่ที่ดูจะถนัดเล่นแบบ "classic no. 10" จอมทัพที่รับบอลหน้าเขตโทษแล้วหาช่องทะลวงแนวรับ มากกว่าจะวิ่งสลับตำแหน่งไปมาแบบนั้น นี่ัยังไม่การเน้นขึ้นเกมทางซ้ายทั้งๆ ที่ดาวนิ่งกับอัสไซดี้เล่นเหมือนอยู่คนละทีมอีกต่างหาก ส่งผลให้ครึ่งชั่วโมงแรกของเกมลิเวอร์พูลทำเกมรุกได้ไม่ดีเอาเสียเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับเอาเจอราร์ดลงมา บอลของลิเวอร์พูลไปข้างหน้าได้เร็วขึ้นโดยเฉพาะตรงกลาง รวมไปถึงการเล่นของเชลวี่ย์ที่ปักหลักในแดนหน้ามากขึ้น ไม่ลงมาแดนกลางเท่าไหร่ ทำให้เกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้นมาก มีโอกาสปิดเกมได้ด้วยการขยับหนีห่างทั้ง 2-0 และ 3-1 พอสมควรเลยทีเดียว
แต่ที่สุดแล้วเกมรับยังคงเป็นปัญหาต่อไป และถ้าจะว่ากันอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการวางแผนของร็อด เจอร์เอง นัดนี้ถอดวิสดอมออกเฮนเดอร์สันเล่นแบ็คได้ตามสภาพและส่งผลให้เสียประตู แรก(หลังจากนั้นก็โดนเจาะตลอดด้วย) และกลางรับที่ร็อดเจอร์ไม่ได้พยายามขวนขวายหามาเพิ่มและในสถานการณ์ที่ แดนกลางหยุดการพาบอลเลี้ยงจี้แทบไม่ได้อย่างในนัดนี้ก็ยังคงยืนยันว่ากอง กลางตรงกลางในสนามนั้นเพียงพอแล้ว สุดท้ายก็เลยพลาดโดนตีเสมอในที่สุด
ไม่ใช่ว่าร็อดเจอร์จะผิด เขาแค่มั่นใจในนักเตะที่มี(และมั่นใจในตัวเองด้วย) การไม่ส่งเจอราร์ดลงตั้งแต่เริ่มเกมคงมองว่า 11 ตัวจริงน่าจะพอเอาอยู่ ในขณะที่การใช้แบ็คเฉพาะกิจดาวนิ่งกับเฮนเดอร์สันก็น่าจะพอเอาอยู่ รวมไปถึงการส่งสเตอริ่งลงมาแทนที่จะเป็นอัลเลนคงเป็นเพราะคิดว่าจะโอกาสที่ จะได้ประตูที่สามมีมากกว่าโดนตีเสมอ ...แต่ก็ต้องให้เครดิตเขาด้วย ก็เพราะความมั่นใจแบบนี้แหล่ะที่ทำให้สเตอริ่งได้ติดทีมชาติ, วิสดอมกับซูโซ่ได้ลืมตาดูโลก, เอนริเก้ทำท่าว่าจะไปได้ดีกับปีกซ้าย
พูดไปพูดมาก็ เฮ้อ...กลับมาสักทีเห๊อะ...ลูคัส ถ้านัดนี้มีลูคัสแทนตำแหน่งซาฮินรับรองว่าชนะไปแล้ว!
----------------------------------
นัดนี้เล่นไม่ค่อยดีนัก
เรน่า - เล่นบอลกับเท้าได้ดี ช่วยทีมในการขึ้นบอลจากแนวหลังได้มาก มีปัญหากับลูกกลางอากาศ 2 ประตูที่เสียไปโดนยิงอัดเข้าเต็มแรงจะโทษก็ไม่เต็มปาก แต่เจ้าตัวน่าจะทำอะไรได้ใกล้เคียงกว่านั้นหน่อย
ดาวนิ่ง - ขึ้นบอลพลาดเยอะในช่วงต้นเกม พอทีมเน้นเจาะตรงกลางก็ทำหน้าที่เชื่อมเกมพอใช้ได้แต่เติมขึ้นไปเล่นบอลแถว สุดเส้นได้ไม่ดีนัก เล่นเกมรับใช้ได้แม้จะไม่ถึงขนาดกินเรียบแต่ก็ไม่สร้างปัญหาให้ทีม
คาราเกอร์ - ความเร็วและพละกำลังคือปัญหาใหญ่ เข้าบอลค่อนข้างช้าและเบียดปะทะไม่ค่อยดีนัก แต่ถ้าบอลถึงตัวก็สกัดได้ไม่พลาด วันนี้ผ่านบอลได้ค่อนข้างดีมีพลาดน้อย
สเคอเทล - เล่นได้หนักหน่วง สกัดบอลเด็ดขาดทั้งลูกกลางอากาศและบนพื้น อ่านเกมพลาดไปหน่อยในจังหวะที่เสียลูกแรก วันนี้ขึ้นไปเล่นลูกเตะมุมไม่ค่อยดีนัก แทบไม่เจอบอล
วิสดอม - ช่วงที่อยู่ในสนามยังบอยไม่ได้รุกมากนัก เกมรับไม่ผิดพลาด เติมเกมรุกได้พอประมาณ ทำได้ดีในเรื่องสปีดไปเอาบอลในพื้นที่ว่างด้านหน้า
ซาฮิน - ยืนต่ำและต้องเล่นเกมรับมาก...จบกัน
เฮนเดอร์สัน - ต้นเกมก็เล่นแบบเฮนๆ ไปเรื่อยๆ มาเริ่มทำได้ดีตอนก่อนเจอราร์ดลงมาที่เจ้าตัววิ่งขึ้นไปทำเกมรุกได้ 2-3 จังหวะเกือบเป็นประตู หลังจากนั้นเล่นแบ็คยืนตำแหน่งพลาดเกือบทั้งเกม
อัสไซดี้ - ต้นเกมได้บอลไม่มากนัก ครึ่งหลังได้บอลมากขึ้น ชั่วโมงแรกของเกมไม่ค่อยมีเพื่อนช่วยไม่ว่าจะจากข้างหลังหรือข้างๆ ต้องไปคนเดียวบ่อย โดยรวมแล้วจังหวะกระชากไม่ค่อยผ่าน มีส่วนร่วมกับเกมน้อยและช่วยทีมได้ไม่มากนัก
โคล - ความเร็วเลือนหายไปหมดแล้ว ความฟิตก็มีกระปริบกระปรอยเล่นไปหอบไป แต่ใจสู้และเล่นอย่างมุ่งมั่นมากๆ วันนี้ผ่านบอลได้เร็วขึ้นและเล่นในเขตโทษได้โดดเด่น ยิง 1 จ่าย 1 กันเลยทีเดียว
ซูโซ่ - เล่นได้ดีตลอดช่วงที่อยู่ในสนาม ทำได้ดีที่สุดเมื่อได้ครองบอลอยู่หน้าเขตโทษ จ่ายทะลุผ่านพื้นที่แคบๆ ได้ดีให้เห็นหลายครั้ง สวนทางกับจังหวะหลุดเดี่ยวที่ยิงหลุดกรอบแบบไม่ได้ลุ้น ส่วนเกมรับแทบไม่ได้เล่นไม่ได้ช่วยเลย
เชลวี่ย์ - หาที่ว่างวิ่งสอดขึ้นไปรอยิงได้ดี นอกจากลูกที่ทำได้ก็ยังมีอีกหลายครั้งที่ไปถึงตำแหน่งยิงแล้วแต่บอลมาไม่ถึง ครึ่งแรกเล่นเกมรุกด้วยบอลจังหวะเดียวได้ดี ส่วนครึ่งหลังหลังจากซัวเรสลงมาแล้วถอยไปเล่นกลางช่วยทีมไม่ได้เท่าไหร่ พลิกรับเป็นรุกไม่ได้และวิ่งไล่ไม่ค่อยถึงบอล
ตัวสำรอง
เจอราร์ด - ทำได้ดีในการเปลี่ยนรับเป็นรุกและเร่งจังหวะเกมให้เร็ว เป็นแกนหลักของทีม แต่จังหวะที่ต้องอาศัยพละกำลัีงวิ่งไล่ก็ไปไม่ค่อยไหวแล้ว
ซัวเรส - ลงมาเล่นกองหน้าได้ดีกว่าเชลวี่ย์ในแง่การเก็บบอลและไปกับบอล อยู่คนเดียวได้ไม่ต้องพึ่งใครมากนัก ค้ำกองหลังได้ดีกว่าเชลวี่ย์ด้วย ปัญหาคือวันนี้หาโอกาสยิงไม่ได้เลยและทำบอลเสียบ่อย
สเตอริ่ง - วิ่ง วิ่ง วิ่ง
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โจ โคล... เล่นให้เห็นว่ายังไม่อยากโดนเขี่ยทิ้ง แม้ความต่อเนื่องในเกมจะน้อยไปสักหน่อย หายไปเป็นระยะ ทำอะไรก็ไม่รู้ดูแล้วงงในบางจังหวะ แต่การยิง 1 จ่าย 1 แบบเหนือชั้นทั้ง 2 จังหวะนั้นก็งามเกินห้ามใจจริงๆ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ลิเวอร์พูล 3 - 0 วีแกน (พรีเมียร์ลีค)
R.I.B ... ดาวนิ่ง
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 4-4-1-1
----------------------ซัวเรส-----------------------
-----------------------ซูโซ่------------------------
เอนริเก้-----เจอราร์ด-----อัลเลน-------สเตอริ่ง
จอห์นสัน---แอกเกอร์----สเคอเทล----วิสดอม
-----------------------เรน่า------------------------
ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับวีแกนในเกมพรีเมียร์ลีค ร็อดเจอร์ปรับแทคติคและตัวผู้เล่นค่อนข้างเยอะ เปลี่ยนมาเล่น 4-4-2(4-4-1-1) โดยผู้รักษาประตูเป็นเรน่าที่ได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง จอห์นสันยังเล่นแบ็คซ้ายต่อไป ขวาเป็นวิสดอม แล้วดันเอาเอนริเก้ไปเป็นปีกซ้าย มีซูโซ่ยืนอยู่หลังซัวเรส
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลก็ชวนทะเลาะทันทีด้วยการเร่งเกมบุกเข้าใส่และเข้าไล่ บอลเร็ว เน้นขึ้นทางฝั่งซ้่ายและทำเกมไปได้ถึงหน้าเขตโทษแต่ไปตกม้าตายจังหวะสุดท้าย ที่ไม่ค่อยให้บอลกันทำให้ยังไม่ค่อยได้ลุ้น ส่วนทางวีแกนพยายามขึ้นเกมริมเส้นเน้นเจาะทางฝั่งวิสดอมแต่ไม่ได้ผล บุกไม่ค่อยขึ้น แต่ครองบอลใช้ได้ ได้บอลแต่ละทีกว่าลิเวอร์พูลแย่งกลับมาได้ค่อนข้างช้า ทำให้เกมโดยรวมออกมาสูสี
ยิ่งเล่นไปวีแกนยิ่งครองบอลและทำลายเกมรุกของลิเวอร์พูลได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เกมรุกของตัวเองยังไม่ได้พัฒนาไปไหน ทำให้เกมโดยรวมช้าลงและแทบไม่ได้ลุ้นอะไรทั้งสองฝ่าย นาที 36 ร็อดเจอร์ก็ตัดสินใจปรับเกมโดยถอดเอาซูโซ่ออกส่งเฮนเดอร์สันลงมา ดันตัวริมเส้นเล่นสูงขึ้นเหมือนทรงของ 4-2-3-1 แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ก่อนจะจบครึ่งแรกที่ 0-0 โดยที่แนวรับของทั้งสองฝั่งแทบไม่โดนกดดันอะไรเลย
เข้าครึ่งหลัง ยังไม่ทันจะเห็นหน้ากันครบคนวีแกนก็มาพลาดให้ นาที 47 นักเตะวีแกนจ่ายบอลสั้นโดนสเตอริ่งตัดไปได้ก่อนที่จะลากเข้าเขตโทษจ่ายไม่ดีนักเหมือนจะย้อนหลังซัวเรสแล้วแต่คนยิงยิงไม่พลาด 1-0 หลังจากได้ประตูนำลิเวอร์พูลก็เน้นการครองบอลทันที ส่วนทางฝั่งวีแกนนั้นดูเก้ๆ กังๆ จะรุกไม่รุก จะรับไม่รับ เกมดูจะช็อตไป ทำให้ลิเวอร์พูลหาช่องเล่นได้ง่ายขึ้นและครองบอลทำเกมได้ดีขึ้นมากแบบผิดหู ผิดตา
ในที่สุดลิเวอร์พูลก็ใช้ความได้เปรียบของรูปเกมให้เป็นประโยชน์ได้ นาที 58 จอห์นสันวิ่งทำทางไปริมเส้น เอนริเก้ได้โอกาสตัดเข้ากลางก่อนจะจ่ายทะลุให้ซัวเรสหลุดเดี่ยวไปยิงหนีผู้ รักษาประตูเข้าไปได้ 2-0 ถึงตรงนี้วีแกนยิ่งไปกันใหญ่ จ่ายบอลพลาด จะขึ้นริมเส้นไม่ผ่านแบ็ค จะวางยาวกองหน้าก็เก็บบอลไม่อยู่ เสียบอลเร็วมาก กลายเป็นเกมของลิเวอร์พูลโดยสิ้นเชิง เท่านั้นยังไม่พอ วีแกนยังมาซวยซ้ำให้ตายสนิทจากความผิดพลาดของผู้ตัดสิน นาที 64 กองหลังเตะบอลไปแฉลบหัวซัวเรสออกแต่ผู้ตัดสินให้ลิเวอร์พูลทุ่ม จากจังหวะนั้นสเตอริ่งทำชิ่งกับซัวเรสหลุดเข้าไปยิงมุมแคบ ผู้รักษาประตูเซฟได้แต่บอลปลิ้นไปเสาสองเข้าทางเอนริเก้ที่วิ่งมารออยู่แล้ว 3-0
หลังจากโดยไป 3 ลูก วีแกนถึงตั้งสติกลับมาได้บ้าง เริ่มทำเกมรุกเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้นแต่จังหวะสุดท้ายก็ได้แค่ยิงแต่ไม่ได้ ลุ้น กลับเป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่ได้โอกาสโต้เร็ววางบอลไปที่ว่างได้ดีและได้ลุ้นประตูอีกหลายครั้งแต่บอลสุดท้ายพลาดกันไปเอง นาที 82 คาราเกอร์ได้ลงมาแทนแอกเกอร์และ นาที 87 เชลวี่ย์ลงแทนซัวเรส โอกาสเดียวที่วีแกนเกือบได้ประตูก็ยิงจ่อๆชนเสาซะอีกแถมโดนเป่าล้ำ หน้า(ทั้งๆ ที่ไม่ล้ำ) ช่วงท้ายเกมวีแกนก็ถอดใจก่อนที่ลิเวอร์พูลจะปิดเกมเก็บ 3 แต้มไปได้สำเร็จด้วยสกอร์ 3-0
-----------------------------------------
วันนี้ร็อดเจอร์จัดทีมแปลกตาออกไป เลือกเอนริเก้ไปเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายซึ่ง ส่งผลให้จอห์นสันต้องเล่นแบ็คซ้ายต่อไป รวมไปถึงวิสดอมยังได้เป็นตัวจริงด้วย จะว่าผิดก็ไม่ผิด ต้องบอกว่าร็อดเจอร์แค่เลือกเอนริเก้ก่อนดาวนิ่งเท่านั้นเอง แต่การเปลี่ยนตัวเร็วตั้งแต่นาที 36 ที่ถอดซูโซ่ออกแล้วส่งเฮนเดอร์สันลงไปนั้นต้องถือว่าแปลกใจจริงๆ ดูด้วยตาเปล่าไม่เห็นว่าซูโซ่จะเจ็บอะไรก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องรีบเปลี่ยน เข้าใจเอาเองจากการยืนตำแหน่งหลังจากนั้นว่าร็อดเจอร์ต้องการปรับทีมจาก 4-4-2 กลับมาเล่น 4-2-3-1 มากกว่า (ปีกสองข้างยืนสูงขึ้น เน้นเกมริมเส้น ตรงกลางเน้นเกมรับกับเชื่อมเกม) ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากเปลี่ยนตัวจนกระทั่งได้ประตูแรก (นาที 37-47) ลิเวอร์พูลยังเล่นเกมรุกเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนคือขึ้นซ้ายอย่างเดียวด้วย เอนริเก้ เฮนเดอร์สันไม่ได้ลงไปสร้างความแตกต่างในเกมใดๆ เลยจากช่วงก่อนหน้านั้น ก็ไม่รู้ว่าร็อดเจอร์จะปรับไปทำไม คิดได้อย่างเดียวว่าเขาพลาดในการวางแทคติคตอนเริ่มเกม อย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยจะหมดไปทันทีหากซูโซ่เจ็บจริง
จุดเปลี่ยนของเกมนี้อยู่ที่ประตูแรกที่ทำให้ทุกอย่างเข้าทางลิเวอร์พูลซึ่ง แน่นอนว่าไม่ได้เป็นผลมาจากรูปเกมหรือการทำเกมอะไรเพราะวีแกนพลาดให้เอง อีกทั้งสเตอริ่งยังดูจะพลาดด้วยซ้ำเมื่อจ่ายบอลย้อนหลังซัวเรสไปนิดหน่อย แต่ต้องชมความยอดเยี่ยมของซัวเรสเองที่ "รอเก้อ" จากสเตอริ่งมาหลายนัด คราวนี้ดูจะรู้ใจสเตอริ่งมากขึ้นถึงได้ไม่พรวดขึ้นหน้าอย่างที่เคยเป็นแต่ ปักหลักรอบอลรวมไปถึงยิงได้เด็ดขาดด้วย
การปรับเกมของร็อดเจอร์มาส่งผลจริงๆ เอาหลังจากได้ประตูแรก (ไม่ได้ปรับแล้วส่งผลให้ได้ประตูแรก) เฮนเดอร์สันลงเล่นเกมรับได้ดุดัน เข้าหาบอลได้เร็วและช่วยเกมแดนกลางได้มาก อัลเลนที่ต้องเบียดปะทะเข้าไล่บอลอยู่คนเดียวก่อนหน้านั้นเล่นง่ายขึ้นเยอะ และส่งผลให้เกมแดนกลางลิเวอร์พูลเอาชนะได้สำเร็จ วีแกนเลยทำได้แค่วางยาวไปให้กองหน้า พอกองหน้าเอาชนะตัวประกบไม่ได้เลยทำให้เกมเป็นของลิเวอร์พูลฝ่ายเดียวและนำ มาซึ่งอีก 2 ประตูถัดมาด้วย จะมีผ่อนๆ ไปบ้างก็แค่ช่วงที่เกมขาด 3-0 แล้วที่วีแกนต่อบอลแดนกลางได้ ซึ่งไม่ได้ส่งผลอะไรกับเกมมากนัก
อย่างไรก็ตาม ที่ลิเวอร์พูลชนะและยิงได้ถึง 3 ลูกวันนี้ไม่ใช่แค่เพราะโชคช่วย, วีแกนห่วย หรือกรรมการพลาด แต่มาจากความเด็ดขาดในการจบสกอร์ มีโอกาสแล้วทำได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลพยายามตามหามานานตั้งแต่ฤดูกาลก่อน หวังว่าเมื่อหาเจอแล้วทีมจะสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้นานๆ
สิ่งที่น่าสนใจจากเกมนัดนี้คือเอนริเก้เล่นปีกซ้ายได้ดีกว่าดาวนิ่งเล่นแบ็ค ซ้าย จากช่วงต้นฤดูกาลที่ดูเหมือนว่าดาวนิ่งจะเป็นมรดกชิ้นเดียวที่เหลือรอดมาได้ ในยุคร็อดเจอร์เพราะได้โอกาสก่อนถึงตรงนี้ต้องบอกว่าเอนริเก้ที่คิดว่าจะ "ไปแล้ว" อยู่ในสถานการณ์ที่ดูดีกว่ามาก เมื่อดูจากการที่ทีมยังมีอัสไซดี้รออยู่อีกคน คงไม่เร็วไปนักที่จะบอกว่า...
Rest In Bench, Downing...
----------------------------------
นัดนี้พอได้ประตูนำแล้วเล่นดีมาก
เรน่า - โชคดีเล็กๆ ที่ร็อดเจอร์ให้โอกาส เพราะก่อนหน้านี้โจนส์ก็ไม่ได้ทำอะไรพลาด นัดนี้เล่นใช้ได้ ไม่มีลูกยากให้เซฟ เตะเปิดเกมได้ดีแม้จะพาเพื่อนเครียดไปในบ้างจังหวะ ยืนตำแหน่งใช้ได้ ที่ทำได้ดีมากคือคุมเกมช้า-เร็ว ไม่เอะเอะเปิดหรือดึงช้าไม่ดูตาม้าตาเรือ ...ลูกที่โคเน่ยิงชนเสาคงโทษเรน่าไม่ได้ เพราะบอลยิงอัดเข้ามา แกก็อุตส่าห์พุ่งไปแล้วด้วย
จอห์นสัน - เกมรับเหนียวแน่น ปล่อยให้คู่ต่อสู้ครอสบอลง่ายไปนิดแต่ก็ไม่ได้แย่อะไร เกมรุกเติมน้อยเพราะเอนริเก้ชอบตะบึงไปคนเดียวมากกว่า แต่ขึ้นไปแล้วตัดเข้ากลางได้ดีทีเดียว
แอกเกอร์ - เสียฟาลว์ง่ายไปนิดในช่วงครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังประกบกองหน้าได้ยอดมาก เก็บกินได้ทุกจังหวะ
สเคอเทล - เข้าสกัดได้เด็ดขาดและแม่นยำ เล่นลูกกลางอากาศในจังหวะตั้งรับลูกเตะมุมได้ดีด้วย
วิสดอม - หลังจากที่เกรียมไปในเกมก่อน นัดนี้กลับมาได้ดีมาก ถูกวีแกนมองว่าเป็นจุดอ่อนโดนเจาะอยู่ตลอด 1 ชั่วโมงแรกของเกมแต่วิสดอมไม่พลาด ไม่เข้าพรวด บังทางไม่ให้คู่ต่อสู้กระชากผ่านและเปิดบอลเข้ากลางได้ยาก
เอนริเก้ - เกมรับทำได้ดีในการวิ่งเข้าไปแซะบอลจากเท้าและวิ่งเบียด แต่ไม่ดีตรงเรื่องการวิ่งเข้าไปซ้อนแบ็ค เพราะเอนริเก้จะชี้ให้แบ็คซึ่งประจันหน้ากับคู่ต่อสู้อยู่วิ่งถอยลงไปซึ่ง มันเป็นไปไม่ได้ ปีกเองนั่นแหล่ะที่ต้องลงไปซ้อน มันจะกลับกันถ้าเจ้าตัวเล่นแบ็ค ตรงนี้คงต้องปรับวิธีเล่นอีกนิดหน่อยถ้าจะให้เล่นปีกต่อไป ส่วนเกมรุกเล่นแบบมุทะลุ ชอบเสี่ยงไม่ว่าจะพาบอลไปเองหรือจ่ายทะลุ เรียกว่าบอลอยู่เท้าเอนริเก้การครองบอลเป็นอันจบ ไม่เสียบอลก็จ่ายทะลุ, หลุดเดี่ยวไปเลย นัดนี้ถือว่าทำได้ดีเมื่อจ่ายให้เพื่อนหลุดได้หลายลูก ทั้งยังยิงได้อีกต่างหาก
เจอราร์ด - เป็นคนเปลี่ยนรับเป็นรุกให้ทีม รวมไปถึงคุมทิศทางการเล่นด้วย เล่นเกมรุกเบาลงไปเยอะ เติมไม่ทันบ้าง ไม่เติมบ้าง แต่ก็คุมเกมได้ดี
อัลเลน - ครึ่งแรกเหนื่อยเพราะแทบจะลุยกับคู่ต่อสู้อยู่คนเดียวแต่ทำได้ดีทีเดียว พอมีเฮนเดอร์สันมาช่วยก็เล่นง่ายเก็บกินเรียบ วันนี้ออกบอลแทบไม่พลาดเลย
สเตอริ่ง - ได้บอลน้อยเพราะเกมไปขึ้นซ้ายหมด แต่ทำได้ดีมากในจังหวะที่ทำให้ได้ประตูแรก รวมไปถึงหลังจากนั้นที่วีแกนเริ่มดันเกมสูงขึ้น สเตอริ่งเล่นกับพื้นที่ว่างได้ดี เก็บอลได้ดีมาก ออกบอลช้าไปบ้างในจังหวะโต้เร็วแต่โดยรวมถือว่าเป็นเกมที่เล่นได้ดีอีกเกม หนึ่ง
ซูโซ่ - หาตำแหน่งในเขตโทษเพื่อจบสกอร์ใช้ได้ แต่หาที่ว่างในจังหวะขึ้นเกมให้เพื่อนจ่ายบอลมาได้ไม่ค่อยดีนัก ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกมเท่าไหร่
ซัวเรส - เลิกพุ่ง เลิกโวยวาย ยิงได้เด็ดขาด ทำได้ 2 ประตู เล่นได้สุดยอดจนกระทั่งถึงช่วงที่มีลุ้นแฮททริค เริ่มกลับมาเล่นฝืนมากขึ้นเพราะอยากยิงได้อีกสักประตู
ตัวสำรอง
เฮนเดอร์สัน - ลงมาเล่นแบบมุ่งมั่นเต็มที่ เล่นได้ดุเดือดมากขึ้น เข้าบอลได้เร็วและเล่นได้หนักหน่วง เกมรุกเคลื่อนที่เยอะมากขึ้น หาที่ว่างได้ดีขึ้น ที่ยังไม่เห็นคือการวางบอลสวยๆ มีโอกาสยิงก็ยิงทิ้งมันซะงั้น
คาราเกอร์ / เชลวี่ - ได้ลงสนาม
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... การเล่นฝืนๆ เพราะอยากทำแฮททริคไม่ได้บดบังความสุดยอดในช่วงก่อนหน้านั้น ยิงได้เด็ดขาดมากทั้ง 2 ลูกจากที่เคยใช้โอกาสเปลือง
ป.ล. ถ้าเลือก MOM ได้สองคนคงไม่ต้องเดานะว่าจะให้ใคร ... เอนริเก้เล่นดีอีกแล้วครับท่าน!
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
เชลซี 1 - 1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)
Our lovely fisherman...is back!
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 3-5-2 (สเตอริ่งยืนสูงกว่าซัวเรสเล็กน้อย, ซัวเรสช่วยไล่ถึงกลางสนามจังหวะรับ)
---------------ซัวเรส------สเตอริ่ง----------------
---------------------เจอราร์ด----------------------
------------ซาฮิน--------------อันเลน------------
เอนริเก้---------------------------------จอห์นสัน
------แอกเกอร์----คาราเกอร์----วิสดอม---------
-----------------------โจนส์------------------------
ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเชลซีที่แสตมฟอร์ดบริดจ์ ร็อดเจอร์ปรับผู้เล่นตัวจริงเกือบยกชุดจากนัดกลางสัปดาห์ มีเพียงวิสดอมกับโจนส์ที่เหลือรอดมา รวมไปถึงคาราเกอร์ที่ได้ลงแทนสเคอเทลที่มีอาการป่วย ส่วนเชลซีใช้ดาวรุ่งลง เล่นในตำแหน่งแบคทั้งสองฝั่ง แผงกลางยังใช้นักเตะเชิงรับสองคนอย่างมิเกลกับรามิเรส โดยมีตัวรุก 3 ประสานอย่างมาต้า ฮาซา ออสการ์ ทำเกมอยู่หลังตอเรส
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาเชลซีวิ่งไล่สูงทันทีทำเอาลิเวอร์พูลขึ้นเกมกันได้ลำบาก แม้จะยังครองบอลได้แต่บอลไปข้างหน้าไม่ได้เลย ส่วนเชลซีที่ดักตัดบอลได้เป็นระยะ สามารถบุกโต้กลับมากดดันแนวรับได้ดีแต่ทำได้ไม่ต่อเนื่องเพราะบอลจังหวะสอง ในเกมรุกยังเก็บไม่ค่อยได้ ทำให้ลิเวอร์พูลที่รูปเกมเป็นรองยังพอจะประคองตัวไม่ถึงขั้นเสียเปรียบมากนัก
ถึงนาที 20 เชลซีได้เตะมุม มาต้าเปิดมาให้เทอรี่สลัดหลุดตัวประกบขึ้นโหม่งโล่งๆ 1-0 หลังจากได้ประตูึขึ้นนำ เชลซีเน้นคุมพื้นที่ไม่ให้กลางลิเวอร์พูลมีช่องเล่นและทำได้ดี ลิเวอร์พูลไม่สามารถต่อบอลกลางสนามได้ ทำเกมรุกช้า พยายามขึ้นเกมรุกริมเส้นฝั่งซ้าย อย่าว่าแต่จะได้ลุ้นประตู แค่พาบอลไปถึงเขตโทษยังทำแทบไม่ได้ กลายเป็นเชลซีที่ตัดได้แล้วจะทำเร็วเจาะตรงกลางและกดดันได้ดีกว่า
ช่วงท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูลพยายามต่อบอลเร็วขึ้นและบอลเริ่มไปถึงเขตโทษ แต่ยังหาโอกาสยิงแทบไม่ได้เช่นเดิม ส่วนเชลซียังตัดบอลและโต้เร็วขึ้นมาเกือบเป็นประตูเป็นระยะแต่ยังทำสกอร์ เพิ่มไม่ได้ ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 1-0
เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาเร่งเกมให้เร็วขึ้น ออกบอลเสี่ยงและพาบอลไปกับเท้ามากขึ้น แม้จะยังโดนตัดได้เป็นระยะ แต่รูปเกมโดยรวมดูดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรก ส่วนเชลซีเหมือนผ่อนเกมรุกกันลงไป เน้นเข้าทำด้วยจังหวะทำเร็วเมื่อตัดบอลได้ ไม่ได้ตั้งเกมหรือดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกสักเท่าไหร่ทำให้เกมรุกไม่ได้ต่อ เนื่องนัก แต่ทั้งอย่างนั้นเกมก็ยังดูไม่เสียเปรียบลิเวอร์พูล และยังคงได้ลุ้นประตูบ้างเป็นระยะอีกด้วย
ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไป ร็อดเจอร์ปรับแทคติคขนานใหญ่ ส่งซูโซ่ลงมาแทนซาฮิน ปรับทีมกลับมาเล่น 4-4-2 โยกวิสดอมไปแบคขวา, จอห์นสันมาเล่นแบคซ้าย ดันเอนริเก้ไปเล่นปีกซ้าย และสเตอริ่งไปเล่นริมขวาเต็มตัว ลดจังหวะการเล่นให้น้อยลง เน้นบอลไดเรกต์จ่ายให้ถึงตัวมากขึ้น เกมลิเวอร์พูลดูดีขึ้นมากแต่ก็ไม่ต่อเนื่องนัก ทั้งยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงเมื่อยังโดนตัดบอลกลางทางเป็นระยะ, โดนโต้เร็ว ครองบอลไว้ไม่ได้นาน รวมไปถึงแดนกลางที่ยังเป็นรองอยู่
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลมาตีเสมอได้สำเร็จในที่สุดจากลูกเตะมุมเช่นกัน นาที 73 ซูโซ่(ถ้าดูไม่ผิด)เปิดเตะมุมมาเสาแรกให้คาราเกอร์(อันนี้ดูไม่ผิดแน่) โหม่งเช็ดไปเสาสองแล้วเป็นซัวเรสได้โหม่งระยะเผาขนเข้าไปได้สำเร็จ 1-1 หลังจากสกอร์กลับมาเสมอ เกมก็เปิดแลกทันที ลิเวอร์พูลได้ใจจากการตีเสมอเดินหน้าทำเกมบุกต่อ ส่วนทางเชลซีที่เกมรุกดูซึมๆ มาตั้งแต่ต้นครึ่งหลังก็กลับมาเร่งกันอีกครั้ง
ประมาณ 5 นาทีท้ายก่อนทดเจ็บ เชลซีดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น ขึ้นมาถึงสุดเส้นได้ลุ้นจากการเปิดเข้ากลางหลายครั้ง รวมไปถึงลูกยิงไกลและเตะมุม แต่ก็ทำให้เริ่มมีพื้นที่ในแดนหลังเช่นกัน ลิเวอร์พูลเลยหันมาใช้แนวหลังวางบอลยาวให้ไปที่ว่างข้างหน้าและได้ผลดีพอสมควร แม้จะล้ำหน้าไปหลายครั้ง แต่ก็เกือบได้ลุ้นประตูชัยเช่นกัน เชลซีมาได้เชคช่วยเซฟจังหวะสำคัญสองครั้งทั้งลูกหลุดเดี่ยวของซัวเรสและลูก ยิงมุมแคบของเอนริเก้ทำให้จบเกมได้แค่เสมอ 1-1 ในเกมที่พวกเขาควรจะชนะ ส่วนลิเวอร์พูลก็เกือบชนะ ในเกมที่ไม่น่ารอดไปอีกนัดหนึ่ง
-----------------------------------------
ร็อดเจอร์ตั้งใจพักผู้เล่นชุดนี้ไว้ในนัดกลางสัปดาห์ 11 ตัวจริงจึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจนัก ที่ดูแปลกไปบ้างคือแทคติค 3-5-2 ที่ไม่รู้ว่าตั้งใจจะใช้อยู่แล้ว หรือเห็นว่าเข้าท่า(ในเกมรับ)ตอนใช้กับอันจิ ซึ่งผลลัพธ์จากการตัดสินใจสองเรื่องนี้ก็ส่งผลดีต่อเกมมากทีเดียว
เกมนี้จะว่าไปแล้วถ้าดูโดยรวมต้องบอกว่าลิเวอร์พูลสู้ไม่ได้ คุณภาพของนักเตะเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด ออสการ์ มาต้า ฮาซาแทบไม่มีปัญหากับการเจอสถานการณ์ตัวต่อตัวที่สามารถสลัดหลุดไปได้เกือบ ตลอด เชลซีสามารถตัดซัวเรสออกไปจากเกมได้เกือบชั่วโมง แดนกลางรามิเรสกับมิเกลทำลายเกมรุกลิเวอร์พูลได้แบบป่นปี้ ทั้งดักตัดบอล และสกัดการพาบอลขึ้นไปของกองกลาง ส่วนแดนหน้าก็หาช่องว่างในแนวรับได้เยอะทีเดียว
แต่สิ่งที่ตัดสินเกมนี้และทำให้ลิเวอร์พูลตีเสมอหรือแม้กระทั่งเกือบชนะ อยู่ที่การตัดสินใจสองอย่างในย่อหน้าแรกรวมไปถึงดวงอีกเล็กน้อย ในเรื่องการพักผู้เล่น ครึ่งแรกอาจยังไม่ส่งผลนัก แต่ครึ่งหลังนี่นักเตะเชลซีออกอาการชัดเจน การเคลื่อนที่และพละกำลังในการปะทะลดลงฮวบฮาบ ดูแล้วไม่ใช่ว่าเชลซีตั้งใจจะผ่อนแต่น่าจะเป็นเพราะไม่มีแรงจะเล่นได้เต็ม ที่มากกว่า ส่วนเรื่องแทคติค 3-5-2 นั้นช่วยชดเชยเรื่องคุณภาพนักเตะได้ดี วิสดอมที่ไหม้แล้วไหม้อีกมีคนช่วยซ้อนอยู่ตลอด แดนกลางตัวต่อตัวจับใครไม่อยู่เลยก็อาศัยพวกมากรุมกินโต๊ะเอา หลุดอัลเลนเจอราร์ดเข้า หลุดเจอราร์ดคาราเกอร์เข้าสุดท้ายก็เลยพอกล้อมแกล้มไปได้ ส่วนเรื่องดวงก็ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าช่วงครึ่งแรกที่นักเตะเชลซียังสดอยู่พวกเขายิงนำห่างไปได้(และที่จริงก็ มีโอกาสดีอยู่ 2-3 ครั้งด้วย) ลิเวอร์พูลอาจจะหาทางกลับไม่เจอและถึงขั้นพ่ายเละได้
เรื่องแทคติค 3-5-2 นี่ดูแล้วร็อดเจอร์น่าจะใช้แค่ช่วงเข้าตาจน ขอแค่แบ่งแต้มแบบนี้เท่านั้น เพราะเกมรุกจากแทคติคนี้ลิเวอร์พูลทำได้ไม่ดีเลย ถ้าไปเจอทีมที่ไม่เปิดเกมรุกใส่มองแทบไม่เห็นทางเจาะแนวรับเข้าไปได้ เพราะแดนกลางที่ไปกับบอลได้ดีที่สุดอย่างเจอราร์ดเริ่มโรย, เชลวี่ย์ผีเข้าผีออก บอลสั้นบอลชิ่งของทีมก็ยังไม่ถึงระดับที่จะใช้เป็นอาวุธหลักได้ ถ้ามีตัวเล่นเกมรุกตรงกลางน้อยจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เกมริมเส้นที่เป็นจุดเด่นของ 3-5-2 ทีมตอนนี้ก็ดันไม่มีคนชาร์จจบสกอร์ ถ้าใช้ในเกมอื่นที่ต้องการทำเกมรุกบดเพื่อ 3 แต้มไม่แคล้วจะชวดเอา ครั้นจะใช้ 3-5-2 ด้วยบอลไดเรกต์แบบนัดนี้ก็คงไม่ใช่แนวทางที่ร็อดเจอร์ต้องการ(ละมั้ง) เพราะรับเป็นฝูง ได้บอลวางยาว มันวิธีเล่นของทีมแบบที่ร็อดเจอร์(รวมถึงแฟนบอลจำนวนไม่น้อย)ไม่ชอบนี่ ครับ...นั่นมันบอลหนีตกชั้น
นัดหน้าเจอวีแกน ขอ 4-2-3-1 จัดเต็มทั้งซัวเรส, สเตอริ่ง, อัสไซดี้นะครับร็อดเจอร์
----------------------------------
นัดนี้โดยรวมเล่นใช้ได้ บางคนเล่นดีมาก บางคนเล่นไม่ค่อยออก
โจนส์ - เรน่าคงต้องกลับไปหั่นซูชิแก้ว่างไปพลางๆ ก่อน
เอนริเก้ - เขากลับมาแล้ว เล่นด้วยพละกำลังทั้งเกมรุกเกมรับ หวุดหวิดจะเสียฟาลว์อยู่ตลอดแต่ไม่ค่อยโดนจับฟาลว์ มีส่วนร่วมกับเกมมากที่สุดในทีม เล่นเสียเยอะแต่เล่นดีเยอะกว่ามาก จ่ายบอลแนวลึกสวยๆ ได้ดีหลายครั้ง รวมไปถึงเกือบจะทำประตูชัยได้ด้วย
แอกเกอร์ - ประกบตัวพลาดมีส่วนทำเสียประตูแรก แต่นอกนั้นก็ดักบอลได้ดีโดยเฉพาะลูกกลางอากาศ เอาตัวรอดจากการโดนไล่และผ่านบอลขึ้นหน้าได้แม่น
คาราเกอร์ - มีพลาดจับจังหวะบอลพลาดให้เห็นอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก อ่านเกมได้สุดยอด วันนี้ซ้อนเพื่อนได้ดีทั้งด้านข้างและด้านหน้า(ซ้อนพวกกองกลาง)
วิสดอม - เกรียมสนิท well done โดนความกดดันและความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเชลซีเล่นงานจนงอม อ่านเกมไม่ดี, ยืนผิดตำแหน่งหลายครั้ง หวังว่าเกมนัดนี้จะไม่ทำให้สูญเสียความมั่นใจไป
จอห์นสัน - เล่นเกมรุกน้อยแทบไม่ได้ช่วยทีมเพราะเกมไปขึ้นฝั่งซ้ายมากกว่า เกมรับทำได้ดีโดยเฉพาะการจัดการกับพวกที่พาบอลเลี้ยงจี้
ซาฮิน - เปลี่ยนผลัดลงเรือแทนเอนริเก้ออกฝั่งไปเรียบร้อย
อัลเลน - พยายามเต็มที่แต่ความสามารถไม่เอื้อ แพ้มิเกลกับรามิเรสทั้งรุกทั้งรับ เล่นพลาดเยอะ แต่สู้ไม่ถอยพลาดแล้วยังกลับลงมาช่วยเพื่อน คุมสติได้ดีในช่วงที่หงุดหงิด
เจอราร์ด - ต้นเกมร็อดเจอร์วางตำแหน่งให้เล่นตัวรุก แต่ไปๆ มาๆ เจอราร์ดต้องลงมาช่วยเกมรับเยอะและทำได้ดีที่สุดในบรรดาแดนกลางของทีม ทำดีที่สุดคือประคองทีมไม่ให้โดนเชลซีพับสนามเล่น ผ่านบอลไปที่ว่างพอใช้ได้
สเตอริ่ง - เล่นได้มีประสิทธิภาพที่สุดในบรรดาตัวรุกของทีม พลาดน้อย มีความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อในการบังบอลและเบียดปะทะ กล้าเล่นและทำได้ดีเป็นส่วนใหญ่
ซัวเรส - แทบจะต้องเล่นคนเดียวตลอดเกม ครึ่งแรกแทบไม่ได้บอลเลย ครึ่งหลังเริ่มได้บอลมากขึ้นเมื่อทีมเปลี่ยนวิธีเล่น ล้ำหน้าค่อนข้างเยอะและพาบอลไปเสียก็ไม่น้อยแต่นั่นก็เป็นไปตามแทคติคที่ถ้า ไม่เล่นทีมก็รุกไม่ได้ หาช่องทำประตูได้อีกแล้ว
ตัวสำรอง
ซูโซ่ - ลงมาช่วยครองบอลและผ่านบอลแดนกลางได้ดี แต่ไม่ถึงขั้นพลิกเกมได้
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โฮเซ่ เอนริเก้... สิครับ ซัวเรสยิงไม่ได้ทีมก็น็อคไปแล้ว แต่เอนริเก้นัดนี้เปล่งประกายฉายแสงมากๆ
--------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 3-5-2 (สเตอริ่งยืนสูงกว่าซัวเรสเล็กน้อย, ซัวเรสช่วยไล่ถึงกลางสนามจังหวะรับ)
---------------ซัวเรส------สเตอริ่ง----------------
---------------------เจอราร์ด----------------------
------------ซาฮิน--------------อันเลน------------
เอนริเก้---------------------------------จอห์นสัน
------แอกเกอร์----คาราเกอร์----วิสดอม---------
-----------------------โจนส์------------------------
ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเชลซีที่แสตมฟอร์ดบริดจ์ ร็อดเจอร์ปรับผู้เล่นตัวจริงเกือบยกชุดจากนัดกลางสัปดาห์ มีเพียงวิสดอมกับโจนส์ที่เหลือรอดมา รวมไปถึงคาราเกอร์ที่ได้ลงแทนสเคอเทลที่มีอาการป่วย ส่วนเชลซีใช้ดาวรุ่งลง เล่นในตำแหน่งแบคทั้งสองฝั่ง แผงกลางยังใช้นักเตะเชิงรับสองคนอย่างมิเกลกับรามิเรส โดยมีตัวรุก 3 ประสานอย่างมาต้า ฮาซา ออสการ์ ทำเกมอยู่หลังตอเรส
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาเชลซีวิ่งไล่สูงทันทีทำเอาลิเวอร์พูลขึ้นเกมกันได้ลำบาก แม้จะยังครองบอลได้แต่บอลไปข้างหน้าไม่ได้เลย ส่วนเชลซีที่ดักตัดบอลได้เป็นระยะ สามารถบุกโต้กลับมากดดันแนวรับได้ดีแต่ทำได้ไม่ต่อเนื่องเพราะบอลจังหวะสอง ในเกมรุกยังเก็บไม่ค่อยได้ ทำให้ลิเวอร์พูลที่รูปเกมเป็นรองยังพอจะประคองตัวไม่ถึงขั้นเสียเปรียบมากนัก
ถึงนาที 20 เชลซีได้เตะมุม มาต้าเปิดมาให้เทอรี่สลัดหลุดตัวประกบขึ้นโหม่งโล่งๆ 1-0 หลังจากได้ประตูึขึ้นนำ เชลซีเน้นคุมพื้นที่ไม่ให้กลางลิเวอร์พูลมีช่องเล่นและทำได้ดี ลิเวอร์พูลไม่สามารถต่อบอลกลางสนามได้ ทำเกมรุกช้า พยายามขึ้นเกมรุกริมเส้นฝั่งซ้าย อย่าว่าแต่จะได้ลุ้นประตู แค่พาบอลไปถึงเขตโทษยังทำแทบไม่ได้ กลายเป็นเชลซีที่ตัดได้แล้วจะทำเร็วเจาะตรงกลางและกดดันได้ดีกว่า
ช่วงท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูลพยายามต่อบอลเร็วขึ้นและบอลเริ่มไปถึงเขตโทษ แต่ยังหาโอกาสยิงแทบไม่ได้เช่นเดิม ส่วนเชลซียังตัดบอลและโต้เร็วขึ้นมาเกือบเป็นประตูเป็นระยะแต่ยังทำสกอร์ เพิ่มไม่ได้ ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 1-0
เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาเร่งเกมให้เร็วขึ้น ออกบอลเสี่ยงและพาบอลไปกับเท้ามากขึ้น แม้จะยังโดนตัดได้เป็นระยะ แต่รูปเกมโดยรวมดูดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรก ส่วนเชลซีเหมือนผ่อนเกมรุกกันลงไป เน้นเข้าทำด้วยจังหวะทำเร็วเมื่อตัดบอลได้ ไม่ได้ตั้งเกมหรือดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกสักเท่าไหร่ทำให้เกมรุกไม่ได้ต่อ เนื่องนัก แต่ทั้งอย่างนั้นเกมก็ยังดูไม่เสียเปรียบลิเวอร์พูล และยังคงได้ลุ้นประตูบ้างเป็นระยะอีกด้วย
ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไป ร็อดเจอร์ปรับแทคติคขนานใหญ่ ส่งซูโซ่ลงมาแทนซาฮิน ปรับทีมกลับมาเล่น 4-4-2 โยกวิสดอมไปแบคขวา, จอห์นสันมาเล่นแบคซ้าย ดันเอนริเก้ไปเล่นปีกซ้าย และสเตอริ่งไปเล่นริมขวาเต็มตัว ลดจังหวะการเล่นให้น้อยลง เน้นบอลไดเรกต์จ่ายให้ถึงตัวมากขึ้น เกมลิเวอร์พูลดูดีขึ้นมากแต่ก็ไม่ต่อเนื่องนัก ทั้งยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงเมื่อยังโดนตัดบอลกลางทางเป็นระยะ, โดนโต้เร็ว ครองบอลไว้ไม่ได้นาน รวมไปถึงแดนกลางที่ยังเป็นรองอยู่
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลมาตีเสมอได้สำเร็จในที่สุดจากลูกเตะมุมเช่นกัน นาที 73 ซูโซ่(ถ้าดูไม่ผิด)เปิดเตะมุมมาเสาแรกให้คาราเกอร์(อันนี้ดูไม่ผิดแน่) โหม่งเช็ดไปเสาสองแล้วเป็นซัวเรสได้โหม่งระยะเผาขนเข้าไปได้สำเร็จ 1-1 หลังจากสกอร์กลับมาเสมอ เกมก็เปิดแลกทันที ลิเวอร์พูลได้ใจจากการตีเสมอเดินหน้าทำเกมบุกต่อ ส่วนทางเชลซีที่เกมรุกดูซึมๆ มาตั้งแต่ต้นครึ่งหลังก็กลับมาเร่งกันอีกครั้ง
ประมาณ 5 นาทีท้ายก่อนทดเจ็บ เชลซีดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น ขึ้นมาถึงสุดเส้นได้ลุ้นจากการเปิดเข้ากลางหลายครั้ง รวมไปถึงลูกยิงไกลและเตะมุม แต่ก็ทำให้เริ่มมีพื้นที่ในแดนหลังเช่นกัน ลิเวอร์พูลเลยหันมาใช้แนวหลังวางบอลยาวให้ไปที่ว่างข้างหน้าและได้ผลดีพอสมควร แม้จะล้ำหน้าไปหลายครั้ง แต่ก็เกือบได้ลุ้นประตูชัยเช่นกัน เชลซีมาได้เชคช่วยเซฟจังหวะสำคัญสองครั้งทั้งลูกหลุดเดี่ยวของซัวเรสและลูก ยิงมุมแคบของเอนริเก้ทำให้จบเกมได้แค่เสมอ 1-1 ในเกมที่พวกเขาควรจะชนะ ส่วนลิเวอร์พูลก็เกือบชนะ ในเกมที่ไม่น่ารอดไปอีกนัดหนึ่ง
-----------------------------------------
ร็อดเจอร์ตั้งใจพักผู้เล่นชุดนี้ไว้ในนัดกลางสัปดาห์ 11 ตัวจริงจึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจนัก ที่ดูแปลกไปบ้างคือแทคติค 3-5-2 ที่ไม่รู้ว่าตั้งใจจะใช้อยู่แล้ว หรือเห็นว่าเข้าท่า(ในเกมรับ)ตอนใช้กับอันจิ ซึ่งผลลัพธ์จากการตัดสินใจสองเรื่องนี้ก็ส่งผลดีต่อเกมมากทีเดียว
เกมนี้จะว่าไปแล้วถ้าดูโดยรวมต้องบอกว่าลิเวอร์พูลสู้ไม่ได้ คุณภาพของนักเตะเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด ออสการ์ มาต้า ฮาซาแทบไม่มีปัญหากับการเจอสถานการณ์ตัวต่อตัวที่สามารถสลัดหลุดไปได้เกือบ ตลอด เชลซีสามารถตัดซัวเรสออกไปจากเกมได้เกือบชั่วโมง แดนกลางรามิเรสกับมิเกลทำลายเกมรุกลิเวอร์พูลได้แบบป่นปี้ ทั้งดักตัดบอล และสกัดการพาบอลขึ้นไปของกองกลาง ส่วนแดนหน้าก็หาช่องว่างในแนวรับได้เยอะทีเดียว
แต่สิ่งที่ตัดสินเกมนี้และทำให้ลิเวอร์พูลตีเสมอหรือแม้กระทั่งเกือบชนะ อยู่ที่การตัดสินใจสองอย่างในย่อหน้าแรกรวมไปถึงดวงอีกเล็กน้อย ในเรื่องการพักผู้เล่น ครึ่งแรกอาจยังไม่ส่งผลนัก แต่ครึ่งหลังนี่นักเตะเชลซีออกอาการชัดเจน การเคลื่อนที่และพละกำลังในการปะทะลดลงฮวบฮาบ ดูแล้วไม่ใช่ว่าเชลซีตั้งใจจะผ่อนแต่น่าจะเป็นเพราะไม่มีแรงจะเล่นได้เต็ม ที่มากกว่า ส่วนเรื่องแทคติค 3-5-2 นั้นช่วยชดเชยเรื่องคุณภาพนักเตะได้ดี วิสดอมที่ไหม้แล้วไหม้อีกมีคนช่วยซ้อนอยู่ตลอด แดนกลางตัวต่อตัวจับใครไม่อยู่เลยก็อาศัยพวกมากรุมกินโต๊ะเอา หลุดอัลเลนเจอราร์ดเข้า หลุดเจอราร์ดคาราเกอร์เข้าสุดท้ายก็เลยพอกล้อมแกล้มไปได้ ส่วนเรื่องดวงก็ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าช่วงครึ่งแรกที่นักเตะเชลซียังสดอยู่พวกเขายิงนำห่างไปได้(และที่จริงก็ มีโอกาสดีอยู่ 2-3 ครั้งด้วย) ลิเวอร์พูลอาจจะหาทางกลับไม่เจอและถึงขั้นพ่ายเละได้
เรื่องแทคติค 3-5-2 นี่ดูแล้วร็อดเจอร์น่าจะใช้แค่ช่วงเข้าตาจน ขอแค่แบ่งแต้มแบบนี้เท่านั้น เพราะเกมรุกจากแทคติคนี้ลิเวอร์พูลทำได้ไม่ดีเลย ถ้าไปเจอทีมที่ไม่เปิดเกมรุกใส่มองแทบไม่เห็นทางเจาะแนวรับเข้าไปได้ เพราะแดนกลางที่ไปกับบอลได้ดีที่สุดอย่างเจอราร์ดเริ่มโรย, เชลวี่ย์ผีเข้าผีออก บอลสั้นบอลชิ่งของทีมก็ยังไม่ถึงระดับที่จะใช้เป็นอาวุธหลักได้ ถ้ามีตัวเล่นเกมรุกตรงกลางน้อยจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เกมริมเส้นที่เป็นจุดเด่นของ 3-5-2 ทีมตอนนี้ก็ดันไม่มีคนชาร์จจบสกอร์ ถ้าใช้ในเกมอื่นที่ต้องการทำเกมรุกบดเพื่อ 3 แต้มไม่แคล้วจะชวดเอา ครั้นจะใช้ 3-5-2 ด้วยบอลไดเรกต์แบบนัดนี้ก็คงไม่ใช่แนวทางที่ร็อดเจอร์ต้องการ(ละมั้ง) เพราะรับเป็นฝูง ได้บอลวางยาว มันวิธีเล่นของทีมแบบที่ร็อดเจอร์(รวมถึงแฟนบอลจำนวนไม่น้อย)ไม่ชอบนี่ ครับ...นั่นมันบอลหนีตกชั้น
นัดหน้าเจอวีแกน ขอ 4-2-3-1 จัดเต็มทั้งซัวเรส, สเตอริ่ง, อัสไซดี้นะครับร็อดเจอร์
----------------------------------
นัดนี้โดยรวมเล่นใช้ได้ บางคนเล่นดีมาก บางคนเล่นไม่ค่อยออก
โจนส์ - เรน่าคงต้องกลับไปหั่นซูชิแก้ว่างไปพลางๆ ก่อน
เอนริเก้ - เขากลับมาแล้ว เล่นด้วยพละกำลังทั้งเกมรุกเกมรับ หวุดหวิดจะเสียฟาลว์อยู่ตลอดแต่ไม่ค่อยโดนจับฟาลว์ มีส่วนร่วมกับเกมมากที่สุดในทีม เล่นเสียเยอะแต่เล่นดีเยอะกว่ามาก จ่ายบอลแนวลึกสวยๆ ได้ดีหลายครั้ง รวมไปถึงเกือบจะทำประตูชัยได้ด้วย
แอกเกอร์ - ประกบตัวพลาดมีส่วนทำเสียประตูแรก แต่นอกนั้นก็ดักบอลได้ดีโดยเฉพาะลูกกลางอากาศ เอาตัวรอดจากการโดนไล่และผ่านบอลขึ้นหน้าได้แม่น
คาราเกอร์ - มีพลาดจับจังหวะบอลพลาดให้เห็นอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก อ่านเกมได้สุดยอด วันนี้ซ้อนเพื่อนได้ดีทั้งด้านข้างและด้านหน้า(ซ้อนพวกกองกลาง)
วิสดอม - เกรียมสนิท well done โดนความกดดันและความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเชลซีเล่นงานจนงอม อ่านเกมไม่ดี, ยืนผิดตำแหน่งหลายครั้ง หวังว่าเกมนัดนี้จะไม่ทำให้สูญเสียความมั่นใจไป
จอห์นสัน - เล่นเกมรุกน้อยแทบไม่ได้ช่วยทีมเพราะเกมไปขึ้นฝั่งซ้ายมากกว่า เกมรับทำได้ดีโดยเฉพาะการจัดการกับพวกที่พาบอลเลี้ยงจี้
ซาฮิน - เปลี่ยนผลัดลงเรือแทนเอนริเก้ออกฝั่งไปเรียบร้อย
อัลเลน - พยายามเต็มที่แต่ความสามารถไม่เอื้อ แพ้มิเกลกับรามิเรสทั้งรุกทั้งรับ เล่นพลาดเยอะ แต่สู้ไม่ถอยพลาดแล้วยังกลับลงมาช่วยเพื่อน คุมสติได้ดีในช่วงที่หงุดหงิด
เจอราร์ด - ต้นเกมร็อดเจอร์วางตำแหน่งให้เล่นตัวรุก แต่ไปๆ มาๆ เจอราร์ดต้องลงมาช่วยเกมรับเยอะและทำได้ดีที่สุดในบรรดาแดนกลางของทีม ทำดีที่สุดคือประคองทีมไม่ให้โดนเชลซีพับสนามเล่น ผ่านบอลไปที่ว่างพอใช้ได้
สเตอริ่ง - เล่นได้มีประสิทธิภาพที่สุดในบรรดาตัวรุกของทีม พลาดน้อย มีความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อในการบังบอลและเบียดปะทะ กล้าเล่นและทำได้ดีเป็นส่วนใหญ่
ซัวเรส - แทบจะต้องเล่นคนเดียวตลอดเกม ครึ่งแรกแทบไม่ได้บอลเลย ครึ่งหลังเริ่มได้บอลมากขึ้นเมื่อทีมเปลี่ยนวิธีเล่น ล้ำหน้าค่อนข้างเยอะและพาบอลไปเสียก็ไม่น้อยแต่นั่นก็เป็นไปตามแทคติคที่ถ้า ไม่เล่นทีมก็รุกไม่ได้ หาช่องทำประตูได้อีกแล้ว
ตัวสำรอง
ซูโซ่ - ลงมาช่วยครองบอลและผ่านบอลแดนกลางได้ดี แต่ไม่ถึงขั้นพลิกเกมได้
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โฮเซ่ เอนริเก้... สิครับ ซัวเรสยิงไม่ได้ทีมก็น็อคไปแล้ว แต่เอนริเก้นัดนี้เปล่งประกายฉายแสงมากๆ
--------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
อันจิ มาคัชคาล่า 1 - 0 ลิเวอร์พูล (ยูโรป้าลีค)
ปลาทูคะนองศึก
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 3-5-2 (โคลเล่นต่ำกว่ามอแกนเล็กน้อย,โคดี้ยืนต่ำ)
----------------------มอแกน----------------------
------------------------โคล------------------------
----------เชลวี่ย์----------------เฮนเดอร์สัน------
------------------------โคดี้------------------------
ดาวนิ่ง---------------------------------ฟลานาแกน
------คาราเกอร์----โคอาเตส----วิสดอม---------
-----------------------โจนส์------------------------
ลิเวอร์พูลเล่นเกมยูโรป้าลีคกลางสัปดาห์นี้ด้วยการออกไปเยือนอันจิที่รัส เซีย ร็อดเจอร์สเก็บตัวหลักไว้ที่อังกฤษ จัดทีมชุดสำรองไปเต็มที่ โดยปรับมาเล่น 3-5-2 ทำให้ฟลานาแกนมีโอกาสลงพร้อมกับวิสดอมเป็นครั้งแรกในทีมชุดใหญ่ รวมไปถึงโคดี้กับมอแกนก็ได้โอกาสเล่นเป็นตัวจริงด้วย
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาเล่นกันค่อนข้างช้า ระวังตัวมากและไม่มีใครเปิดเกมรุกใส่มากนัก ลิเวอร์พูลดูเหมือนจะมีปัญหาในเรื่องตำแหน่งการยืนและการประสานงานที่ทำได้ ไม่ดีนักทำให้บอลขึ้นหน้าช้า ส่วนทางอันจิเองยิ่งหนักกว่าลิเวอร์พูลเพราะ เน้นการครองบอล ไม่ชัวร์ไม่จ่าย และใช้ผู้เล่นในเกมรุกไม่มากนัก ทำให้เกมโดยรวมไม่ค่อยไปไหน บอลเด้งไปเด้งมาอยู่กลางสนามเป็นส่วนใหญ่
เวลาผ่านไป ลิเวอร์พูลใช้ความได้เปรียบเรื่องจำนวนผู้เล่นในแดนกลางที่อัดแน่นอย่างกับ ฝูงปลาทู เบียดบังตัดแย่งบอลกลับมาได้มากกว่าทำให้ครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อยแต่พาบอล ขึ้นไปหาจังหวะจบสกอร์แทบไม่ได้ เพราะทางอันจิเองก็คุมแดนหลังกันแน่นปิดช่องได้หมด ส่วนอันจิเล่นเหมือนรอจังหวะลิเวอร์พูลพลาดในการเล่นเกมรุกมากกว่าจะตั้งเกมขึ้นมาเองหรือโต้กลับเร็ว สามารถหาโอกาสได้บ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับกดดันได้มากนัก เกมครึ่งแรกทำท่าจะจบลงที่ผลเสมอแต่ในช่วงทดเจ็บนาทีแรก(และนาทีเดียว) ตราโอเร่ก็กระดกบอลข้ามหัวโคอาเตสไปได้ก่อนจะชิพบอลข้ามหัวโจนส์ที่ออกมาปิด มุมเข้าไปได้สำเร็จ อันจินำ 1-0 และจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว
เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลดันกันขึ้นไปเล่นเกมรุกมากขึ้นแต่รูปเกมโดยรวมยังคงคล้ายครึ่งแรก ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไป ร็อดเจอร์สจึงปรับเกม นาที 61 ส่งปาเชโก้กับซูโซ่ลง มาแทนมอแกนกับโคดี้ ขยับปาเชโก้มาเล่นทางริมเส้นให้มากขึ้น ตรงกลางใช้โคลยืนค้ำไว้ ส่วนตรงกลางถอยเฮนเดอร์สันลงต่ำให้ซูโซ่ทำเกมรุกหน้าเขตโทษแทน ทางอันจิตอบโต้ด้วยการไล่บอลในแดนหน้าให้เร็วขึ้น
ลิเวอร์พูลใช้เวลาปรับจังหวะของตัวเองอยู่ราว 10 นาทีก็เริ่มเล่นได้เร็วขึ้น บอลไปข้างหน้ามากขึ้นและเริ่มกดดันได้ดีขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้านั้นแต่โอกาส ลุ้นยิงประตูก็ยังหาได้ลำบากเหมือนเดิม นาที 77 อัสไซดี้ได้ลงมาแทนโคล ดันเอาปาเชโก้ไปเล่นตรงกลางมากขึ้น ปล่อยอัสไซดี้ทำเกมทางริมเส้นฝั่งซ้าย ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลดันกันขึ้นมาหมด มีเพียงโคอาเตสกับคาราเกอร์ที่ยืนคุมหลังแถวๆ กลางสนาม เปิดหน้าแลกเต็มที่ กดดันแนวรับได้มากขึ้น พอได้ลุ้นประตูเป็นระยะแต่ไม่มากนัก ส่วนทางอันจิก็รอโต้อย่่างเดียวและหลุดขึ้นมาได้ลุ้นอยู่พอสมควรแต่จบสกอร์ ไม่เด็ดขาดพอ ทำให้สุดท้ายจบเกม อันจิเฉือนลิเวอร์พูลไปได้ด้วยสกอร์ 1-0
-----------------------------------------
นัดนี้ 11 ตัวจริงไม่ต้องสืบเพราะมีเกมใหญ่ในการออกไปเยือนเชลซี รออยู่ปลายสัปดาห์ ร็อดเจอร์สนอกจากจะใช้ทีมชุดสำรองแล้ว ตัวสำรองยังไม่ได้หนีบเอาพวกตัวหลักมาอีกต่างหาก เลือกเน้นครองเกม ไม่เสียประตูไว้ก่อน รวมไปถึงอุตส่าห์ปรับแผนการเล่นส่งแนวรับลงมาเต็มไปหมด หวังจะแบ่งแต้มกลับออกไปเป็นอย่างน้อย รูปเกมในช่วงครึ่งแรกก็ดูเหมือนว่าร็อดเจอร์สเลือกได้ดีแล้ว เพราะเกมโดยรวมก็เป็นไปตามที่ต้องการ แต่สุดท้ายฝูงปลาทูของร็อดเจอร์สก็มาพลาดจนได้ เมื่อโคอาเตสโดนโฉบไปกินในจังหวะที่คนอื่นๆ ยืนอยู่ห่าง เลยพลาดไปในที่สุด การแก้เกมและเปลี่ยนตัวสำรองก็เป็นไปตามอัตภาพ คงไปโทษอะไรร็อดเจอร์สไม่ได้
ถ้ามองจากรูปเกมอย่างเดียว เกมนี้ลิเวอร์พูลขาดนักเตะที่มีความคิดสร้างสรรในเกมรุก แทคติคที่ใช้วิงแบคแบบนี้ วิงแบคทั้งสองฝั่งมีความสำคัญมากต่อเกม และในเมื่อใช้ฟลานาแกนที่เล่นเกมรุกไม่ดีนัก รวมไปถึงดาวนิ่งที่จุดเด่นอยู่ที่การเปิดบอลจากริมเส้นแต่ดันไม่มีคนวิ่งโฉบ ไปเข้าฮอส ทำให้เกมริมเส้นกดดันอะไรไม่ได้ ความหวังต้องไปอยู่ที่โคลที่จะช่วยเจาะตรงกลางซึ่งก็ผ่านแนวรับไม่ค่อยได้ สุดท้ายเลยพลาดท่าไปในที่สุด แต่สาเหตุที่สำคัญกว่าคงอยู่ที่ขนาดทีมที่เล็กเกินไปเมื่อดูจากโปรแกรมที่ ต้องเตะ รวมไปถึงคุณภาพของนักเตะที่มีจำกัดเหลือเกิน ดาวรุ่งที่ได้โอกาสก็อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่าจะหวังพึ่งพา อะไรได้ ก็ได้แต่หวังว่าบทเรียนที่ได้รับ(อยู่บ่อยๆ) จะทำให้นักเตะดาวรุ่งก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักได้จริงๆ ในอนาคต ไม่ใช่ได้ลงเพราะไม่มีตัวเลือก
...ช่วงนี้ก็ดูฝูงปลาทูกันไปพลางๆ ลุ้นว่าตัวไหนจะกลายร่างเป็นฉลามได้บ้างก็แล้วกัน...
----------------------------------
นัดนี้เล่นพอใช้ได้ ค่อนไปทางไม่ดี
โจนส์ - พลาดในจังหวะเสียประตูที่ตัดสินใจไม่เด็ดขาด ถ้าคิดจะออกต้องออกได้เร็วและกดดันคนยิงได้มากกว่านั้น หรือไม่งั้นก็ต้องซื้อกองหลังว่าจะวิ่งมาบังทางได้ไปเลยดีกว่า แต่นอกจากจังหวะนั้นโจนส์เล่นได้ดีมาก ตำแหน่งการยืนและการเซฟลูกยิงทำได้ดี ช่วยเซฟลูกสำคัญได้ตลอด
ดาวนิ่ง - เกมรับพอใช้ได้ ดีว่าอันจิมาทีละคน ไม่ค่อยวิ่งเติมขึ้นมาก็เลยพอเอาตัวรอดได้ เกมรุกหาจังหวะเปิดบอลได้พอสมควร แต่ก็ไม่ค่อยมีเพื่อนให้เลือกเปิดเท่าไหร่เลยใช้ประโยชน์จากการเล่นของดาว นิ่งได้ไม่มากนัก มีส่วนร่วมกับเกมน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
คาราเกอร์ - เป็นแนวรับที่เล่นได้ดีที่สุดในทีมวันนี้ อ่านทางบอลได้ดี เข้าสกัดและบังทางยิงดี ผ่านบอลขึ้นเกมใช้ได้ ที่ดูไม่ดีไปสักหน่อยก็เรื่องการวิ่งไปซ้อนเพื่อนโดยเฉพาะทางริมเส้นที่ทำ ได้ช้า
โคอาเตส - นี่ก็อ่านทางบอลและเข้าสกัดได้ดี แต่สกัดบอลไม่ค่อยพ้นเขตอันตราย แล้วก็พลาดในจังหวะเสียประตูที่ดูจะเสียสมาธิไปเล็กน้อย
วิสดอม - เกมรับโดยรวมทำได้ดี แต่จังหวะต้องดวลตัวต่อตัวกับคู่ต่อสู้ดูจะมีลนลานให้เห็นบ้าง เป็นเซนเตอร์ที่เติมขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมเยอะที่สุดของวันนี้ ผ่านบอลและครองบอลพลาดให้เห็นเป็นระยะเหมือนกัน
ฟลานาแกน - ถ้าความพยายามเปลี่ยนเป็นประตูได้ วันนี้ฟลานาแกนคงยิงได้สักแปดลูก เกมรับเข้าบ่อยโฉ่งฉ่างไปหน่อยแต่ก็พอใช้ได้ เกมรุกวิ่งเิติมวิ่งสอดขึ้นไปอยู่ตลอดเวลา แต่จังหวะสุดท้่ายยังขาดทั้งประสิทธิภาพและจินตนาการ เปิดบอลยัดเข้าไปในเขตโทษดื้อๆ ไม่ได้ดูตาม้าตาเรืออยู่หลายครั้ง
โคดี้ - อันจิไม่ได้ดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากนัก งานของโคดี้ก็เลยมีไม่มากตามไปด้วย คุมพื้นที่และเก็บบอลพอใช้ได้ เอาตัวรอดจากการโดนไล่ได้ไม่เลว แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าเคาะบอลไปให้เพื่อนใกล้ตัวเท่านั้น
เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกยืนค่อนข้างสูง มีโอกาสได้หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษแต่ดันไม่ยิงเอง จ่ายบอลแม่นและเอาตัวรอดได้ดีเหมือนเดิม และก็ไม่ค่อยเสี่ยง, ไม่มีทีเด็ดทีขาดอะไรให้เห็นเหมือนเดิมเช่นกัน
เชลวี่ย์ - เล่นผิดฟอร์มไปมาก ไม่ค่อยเร่งเกม ไปกับบอลและวิ่งทำทางขึ้นหน้าน้อยกว่าปรกติ มีข้อผิดพลาดเยอะ มาเล่นได้ดีขึ้นในช่วง 15 -20 นาทีท้ายเกมแต่ก็ไม่ดีพอที่จะช่วยให้ทีมรอดกลับมาได้
โคล - เอาชนะตัวประกบไม่ได้ เล่นพลาดเยอะ แต่โคลเล่นได้ดีขึ้นกว่านัดล่าสุดของเขาแล้ว พอเห็นว่ามีจินตนาการในเกมรุกแต่ดูเหมือนว่าเขาจะเล่นไม่ได้อย่างที่ใจคิด บางครั้งคิดจะแตะบอลไปที่ว่างพลิกเล่นเองก็แตะแรงไป จะจ่ายตัดแนวรับให้เพื่อนก็ให้ผิดน้ำหนัก จะกระชากบอลเข้าไปในช่องที่แนวรับยืนค่อนข้างห่างก็ติด พอมีจังหวะที่ทำได้ดีให้เห็นบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก
มอแกน - แนวรับอันจิคุมพื้นที่ได้ดี มอแกนที่เคยเด่นในการหาพื้นที่เล่นวันนี้หาแทบไม่ได้เลย ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ตัวสำรอง
ปาเชโก้ - เจอสถานการณ์เดียวกับมอแกนคือหาพื้นที่เล่นไม่ค่อยได้ แต่ดูดีกว่ามอแกนเล็กน้อยตรงที่ผ่านบอลหนีแนวรับได้ดีกว่า
ซูโซ่ - ดึงจังหวะเพื่อหาช่องจ่ายบอลได้ดี ครองบอลกับตัวได้ดี แต่ออกบอลไม่ดีพอที่จะเอาชนะแนวรับอันจิที่คุมพื้นที่ได้ดีมาก โดยรวมทำให้เกมรุกแถวหน้าเขตโทษอันจิเล่นกันได้ดีขึ้น
อัส ไซดี้ - เล่นไปตามจังหวะและพื้นที่จะเปิดให้ ไม่ฝืนเล่นลูกยาก ช่วยให้ดาวนิ่งมีโอกาสได้เล่นกับบอลมากขึ้น แต่โดยรวมก็ช่วยทีมไม่ได้ในระดับที่ทีมต้องการ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ลิเวอร์พูล 1 - 1 นิวคาสเซิล (พรีเมียร์ลีค)
...เอื้อมไม่ถึง...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1
---------------------ซัวเรส-----------------------
------สเตอริ่ง-------ซาฮิน---------ซูโซ่--------
------------อัลเลน---------เจอราร์ด-------------
เอนริเก้----แอกเกอร์-----สเคอเทล----วิสดอม
----------------------โจนส์-----------------------
ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ติดต่อกันเป็นนัดที่สอง คราวนี้รับมือนิวคาสเซิลในเกมพรีเมียร์ลีค ร็อดเจอร์สปรับกลับมาใช้ทีมหลักชุดเดิมอีกครั้งขาดไปแค่จอห์นสันกับเรน่าที่ ยังไม่ฟิต เป็นโอกาสของโจนส์ต่อไป รวมไปถึงเอนริเก้ที่ได้กลับมาเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบคซ้ายอีกครั้ง ส่วนนิวคาสเซิลจัดมาทั้งบา,ซิสเซ่,อาร์ฟฟาลงตัวจริงอย่างพร้อมเพรียง ตัวหลักขาดไปเพียงแค่ติโยเต้ที่ติดโทษแบนอยู่เท่านั้น
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมา 10 นาทีแรกเป็นเกมของลิเวอร์พูลอยู่ฝ่ายเดียว เล่นเร็วไล่บอลสูงกองหลังดันขึ้นมาครึ่งสนามเปิดเกมรุกเต็มที่ ครองบอลและกดดันได้อย่างต่อเนื่องแม้จะพอได้ลุ้นจบสกอร์บ้างแต่ยังเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายไม่ค่อยได้ แต่หลังจากผ่าน 10 นาทีไปแล้ว นิวคาสเซิลตั้งหลักเก็บบอลเอาไว้กับตัวได้ดีขึ้น ทำให้เกมของลิเวอร์พูลเริ่มช้าลงไปและบอลเริ่มถอยห่างออกจากเขตโทษของนิวคาส เซิล ส่วนนิวคาสเซิลแม้จะได้บอลมากขึ้นแต่ยังทำเกมรุกไม่ได้เลย
ยิ่งเล่นเกมยิ่งเทกลับมาทางฝั่งนิวคาสเซิลมากขึ้นทีละน้อย เกมโดยรวมดูช้าลงและหาโอกาสเจาะเข้าเขตโทษกันแทบไม่ได้ มีเีพียงแค่จังหวะยิงไกลหรือไม่ก็บอลไปคนไม่ไป คนอยู่บอลไม่มา ลิเวอร์พูลยังคงครองเกมได้มากกว่าแต่รูปเกมไม่ได้เป็นต่อเหมือนในช่วงต้นเกม แล้ว ครึ่งแรกทำท่าจะจบที่สกอร์ 0-0 แต่แล้วนาที 43 อาร์ฟฟาขึ้นบอลทางริมเส้นขวา(ฝั่งซ้ายลิเวอร์พูล) สลัดหลุดผ่านสเตอริ่งกับเอนริเก้เข้าไปเปิดบอลข้ามไปเสาสอง คาบายเก็บบอลได้แล้วยิงแสกหน้าอัดเสยเพดานตาข่ายเข้าไปได้ให้ทีมเยือนนำ 1-0 และจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว
เข้าครึ่งหลัง ร็อดเจอร์สยังคงใช้ผู้เล่นชุดเดิมแต่มีการปรับวิธีเล่นเล็กน้อย ลิเวอร์พูลหันมาเร่งเกมให้เร็วขึ้น จ่ายบอลไปข้างหน้ามากขึ้นไม่เสียเวลาอยู่กับการเคาะหาช่องอยู่แถวกลางสนาม เหมือนท้ายครึ่งแรก ทำให้ลิเวอร์พูลมีเกมรุกที่ดุดันขึ้น บอลเข้าไปกดดันถึงหน้าเขตโทษบ่อยครั้งแลกมาด้วยการครอบครองบอลที่น้อยลง เพราะเสียบอลเร็วกว่าในครึ่งแรก
ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไป ลิเวอร์พูลยังหาช่องเจาะเข้าไปไม่ค่อยได้ ได้แต่ลุ้นนิดหน่อยกับการยิงไกลและลูกเตะมุม ซาฮินถูกถอยลงมาเล่นต่ำแล้วสลับเอาเจอราร์ดขึ้นไปเล่นสูงแต่ยังไม่ค่อยได้ผล นาที 66 ร็อดเจอร์สต้องส่งเชลวี่ย์ลงมาแทนซูโซ่ และนาทีถัดมาลิเวอร์พูลมาได้ประตูตีเสมอในที่สุด จากจังหวะที่นิวคาสเซิลจ่ายบอลพลาด เอนริเก้เก็บบอลได้แถวๆ เกือบกลางสนามแล้ววางยาวลึกให้ซัวเรสทันที ซัวเรสเอาบอลลงและพลิกหลบครูลยิงเข้าไปได้อย่างเหนือชั้น 1-1
หลังจากตีเสมอได้ เกมของลิเวอร์พูลดูคึกคักขึ้นมาทันตาเห็นทั้งจากกำลังใจที่เพิ่มขึ้นและการ เล่นแบบเดินหน้าฆ่ามันไม่แตะกลับหลังของเจอราร์ดกับเชลวี่ย์ ลิเวอร์พูลได้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง แม้กองหลังนิวคาสเซิลยังคงเล่นได้ดีแต่ลิเวอร์พูลเริ่มเจาะเข้าไปลุ้นในเขตโทษได้มากขึ้น นาที 74 ดาวนิ่งได้ลงมาแทนซาฮินอีกคน สลับสเตอริ่งไปเล่นทางขวา ถึงตรงนี้เกมเปิดแลกกันเต็มที่และเป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า ได้ลุ้นเป็นระยะ ในขณะที่นิวคาสเซิลแม้จะโต้ขึ้นไปได้ลุ้นเกือบเป็นประตูอยู่บ้างแต่โดยรวม แล้วหาโอกาสได้น้อยและค่อยๆ ถูกดันให้ต้องถอยไปตั้งรับ พอถึงช่วง 10 นาทีสุดท้ายนิวคาสเซิลก็แทบจะเล่นเกมรับอย่างเดียวแล้ว
นาที 84 โคลอชชินี่มาโดนใบแดงจากจังหวะเปิดปุ่มใส่ซัวเรส ลิเวอร์พูลบุกใส่เต็มที่และนิวคาสเซิลเตะทิ้งอย่างเดียว ลิเวอร์พูลหวุดหวิดจวนเจียนจะได้ประตูชัยหลายครั้งชนิดที่ได้ลุ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่ได้ยิง แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ นิวคาสเซิล 10 บุกมาแบ่งแต้มกลับไปได้ด้วยสกอร์ 1-1
-----------------------------------------
ร็อดเจอร์สจัด 11 ตัวจริงแบบไม่มีอะไรผิดคาดนักเมื่อดูจากการที่เรน่ากับจอห์นสันยังไม่ ฟิต(เขาว่าแบบนั้นนะ) แทคติคการเล่นก็เรียกว่ากล้าได้กล้าเสียทีเดียวเมื่อสั่งลุยตั้งแต่ต้นเกม แบคทั้งสองฝั่งเล่นเกมรุกเต็มที่ไม่ได้เล่นแบบกล้าๆ กลัวๆ คู่เซนเตอร์ดันกันขึ้นไปค่อนข้างสูงอยู่ตลอด ตรงนี้เป็นสิ่งที่ร็อดเจอร์สตัดสินใจได้ดีเพราะถึงแม้ว่าผลงานโดยรวมของทีม จะยังไม่ดีนัก รวมไปถึงเก็บแต้มในบ้านได้น้อยเหลือเกิน แต่การเจอกับทีมที่ไม่ใช่ทีมหัวตัวรางในบ้านตัวเองจะมาหน่อมแน้มติ๊ดชึ่งรอ คู่ต่อสู้พลาดมันก็ยังไงอยู่
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการตัดสินใจเปลี่ยนตัวของร็อดเจอร์สวันนี้ ค่อนข้างช้า ซาฮินไม่น่าได้ลงสนามมาในครึ่งหลัง, เชลวี่ย์น่าจะได้ลงมาเร็วกว่านั้น รวมไปถึงตอนที่นิวคาสเซิลเหลือ 10 คน น่าจะส่งตัวรุกลงมาเพิ่มเพราะนิวคาสเซิลไม่คิดโต้แล้ว หรือถ้าบาเก็บบอลได้บ้างก็ไม่มีเพื่อนช่วย จริงอยู่ว่ามันเสี่ยงที่จะโดนโต้กลับเสียประตูแพ้ แต่ถ้าไม่เสี่ยงตอนเล่นในบ้าน, คู่ต่อสู้เหลือ 10 คน, รูปเกมดีกว่า, นักเตะกำลังคึก แล้วควรจะไปเสี่ยงตอนไหนล่ะ?
นอกจากนั้น ฟอร์มการเล่นของนักเตะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้วันนี้ลิเวอร์พูลพลาด 3 แต้ม มันไม่ใช่ฟอร์มส่วนตัวที่เล่นไม่ดี แต่เป็นการประสานงานกันมากกว่า ในช่วง 1 ชั่วโมงแรกของเกมนั้น การประสานงานในเกมรุกระหว่างตัวรุก 4 คนทำได้ไม่ค่อยดีนัก พอรอก็ไม่วิ่งทำทาง พอว่างก็ไม่ให้ ซัวเรสออกริมเส้นไม่มีคนตัดเข้ากลาง พอแปะให้แล้ววิ่งไปก็ดันไม่ชิ่งกลับ อะไรทำนองนั้น ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลเสียเวลาเสียโอกาสไปมากทีเดียว รวมไปถึงจังหวะจบสกอร์ที่ขาดๆ เกินๆ ไม่ค่อยเด็ดขาด ทีมได้ยิงล่อเข้าไปร่วม 20 ครั้ง เตะมุมอีกเป็นสิบ แต่ทำได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ดีในเกมนี้คือเกมรุกของลิเวอร์พูลยังดูดี แม้จะประสานงากันไปไม่น้อยแต่เล่นได้เต็มพื้นที่ดี จังหวะที่ทำกันได้ดีก็มีให้เห็นอยู่ จังหวะเร่งเร่งได้ดีไม่ใช่เร่งแล้วเหมือนเตะอัดกำแพง และแม้กระทั่งเกมรับที่เสียประตู(อีกแล้ว) โดยรวมก็ถือว่าทำได้ดีขึ้นเพราะปิดโอกาสการยิงของนิวคาสเซิลได้ดีเอามากๆ ลูกโต้กลับที่โดนบ่อยๆ วันนี้กองหลังยังวิ่งไปประคองทันเกือบหมด ทำให้วันนี้ชัยชนะนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม แค่เอื้อมแล้วจริงๆ แต่...
...เอื้อมไม่ถึงครับ...
----------------------------------
นัดนี้เล่นใช้ได้ บางคนดีทีเดียวล่ะ
โจนส์ - ฟอร์มดีต่อเนื่อง ยืนตำแหน่งดีมาก เซฟได้แบบแทบไม่ต้องพุ่งเลย ช่วยทีมไว้ในจังหวะคอขาดบาดตาย 2-3 ครั้ง นัดนี้เริ่มเล่นบอลสั้นมากขึ้นกว่านัดก่อนๆ
เอนริเก้ - เกมรับโดยรวมค่อนข้างดีเลย แต่พลาดจังหวะเสียประตูซึ่งจริงๆ ก็ชี้บอกให้สเตอริ่งไปซ้อนแล้วแต่สเตอริ่งดันวิ่งมาบี้อาร์ฟฟาอีกคน อย่างไรก็ตามจังหวะนั้นเอนริเก้น่าจะทำได้ดีกว่านั้น ส่วนเกมรุกขึ้นเยอะได้บอลเยอะทำได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ดันมาทำดีเอาจังหวะได้ประตูที่คิดเร็วทำดีจ่ายให้ซัวเรสหลุด ซึ่งหลังจากนั้นพยายามวางลึกลักษณะเดียวกันอีกหลายลูก พลาดหมด สรุปคือเกมรับใช้ได้แต่พลาดหนักครั้งเดียวทำทีมเสียประตู เกมรุกไม่ได้เรื่องแต่ทำดีครั้งเดียวทีมได้ประตู เอาไงกับพี่แกดีล่ะ ร็อดเจอร์ส?
แอกเกอร์ - เล่นได้ดีมาก ยกเว้นจังหวะโหม่งสกัดที่โหม่งไม่ค่อยพ้นเขตอันตราย พาบอลและผ่านบอลขึ้นหน้าได้สุดยอด
สเคอเทล - ก๊อปแอกเกอร์มาเลย แต่เด่นกว่าในจังหวะเข้าสกัด
วิสดอม - เกมรับเหนียวแน่น เกมรุกเล่นได้ตามอัตภาพ
อัลเลน - แม้โดยรวมจะพูดได้เต็มปากว่าเล่นดี แต่ก็ออกบอลพลาดเยอะกว่าที่ผ่านมา มีจังหวะแย่งบอลสวยๆ ให้เห็นหลายครั้ง
เจอราร์ด - ชั่วโมงแรกของเกมยืนค่อนข้างต่ำ ช่วยทีมได้น้อย แต่พอทีมเข้าตาจนก็ต้องหันไปพึ่งเจอราร์ดอีก ดันขึ้นมาเล่นสูงได้ดี แม้จะเล่นพลาดเยอะแต่ก็บู๊ดุดันทำให้เกมเร็วและทะลุทะลวงแนวรับได้ดี
ซาฮิน - องค์ออก ฟอร์มช็อตไปดื้อๆ
สเตอริ่ง - โคตรโชคดีที่ไม่โดนเหลือง หรือแม้กระทั่งแดงในจังหวะที่ไปเสียบคู่ต่อสู้ในครึ่งแรก ฟอร์มโดยรวมทำได้ดีทีเดียวโดยเฉพาะช่วงหลังจากที่ได้ประตูตีเสมอแล้ว เรียกฟาลว์ได้เยอะ (จริงๆ ก็ไม่ได้เรียกหรอก แต่จับบอลเป็นโดนเตะ ไม่ทันได้ดีไซน์ท่าล้มแบบซัวเรสเลย) กดดันแนวรับได้ดีมาก
ซูโซ่ - 10 นาทีแรกเล่นได้สุดยอด 10 นาทีถัดมาเล่นได้ดี อีก 10 นาทีถัดมาไม่ค่อยได้บอล อีก 15 นาทีถัดมาหายไปเลย เข้าครึ่งหลังโผล่เข้าจอมาแว๊บๆ สองสามครั้งแล้วทีนี้หายสนิท
ซัวเรส - ครึ่งแรกก็ยังเล่นดื้อๆ ฝืนๆ ตามสไตล์ ส่วนหนึ่งมาจากเพื่อนก็ไม่ได้วิ่งทำทางให้แบบน่าจ่ายด้วย บางครั้งตัดออกข้างไปถึงเส้นหลังแล้วแต่ริมเส้นดันไปยืนอยู่มุมกรอบเขตโทษ ฝั่งนู๊น ส่วนกลางรุกยืนอยู่ห่างไกลโพ้นลับตา ครึ่งหลังพอเพื่อนวิ่งขึ้นมาช่วยมากขึ้นก็เล่นได้ดีขึ้น วันนี้เล่นงานโคลอชชินี่ล้มกลิ้งล้มหงายแถมโดนใบแดงอีกต่างหาก นอกจากนั้นจังหวะทำประตูยังจับบอลลง,แตะหลบทิม ครูลได้สุดยอดมาก
ตัวสำรอง
เชลวี่ย์ - ลงมาเล่นได้ดุดัน ขยับหาพื้นที่ว่างรับบอลได้ดีมาก เพื่อนจ่ายไปให้ได้ตลอด ดีหมดทุกอย่างยกเว้นจังหวะยิงประตูซึ่งพลาดลูกง่ายๆ 2-3 ครั้ง
ดาวนิ่ง - อยากเห็นซัวเรสบินได้...เอ่อ ก็เล่นดีแหล่ะ รับบอลไปเปิดเข้ากลางสวยๆ กดดันแนวรับได้ดีหลายลูก ช่วยถ่างแนวรับและกดดันให้นิวคาสเซิลต้องลงไปรับตามที่ลิเวอร์พูลต้องการ แต่เปิดอย่างเดียวจริงๆ และซัวเรสก็บินขึ้นไปโหม่งเหนือหัวโคลอชชินี่ไม่ไหว
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โฮเซ่ เอนริเก้.... ถ้า MOM คือคนที่เล่นได้ดีที่สุดเอนริเก้คงไม่ใช่ มีหลายคนที่เล่นได้ดีกว่าและเลือกค่อนข้างยาก ขอเลือกคนที่ส่งผลต่อเกมมากที่สุดอย่างเอนริเก้ก็แล้วกัน ถ้าเอนริเก้ไม่พลาด ลิเวอร์พูลก็ไม่เสียประตู แต่ถ้าเอนริเก้ไม่พลาด(คือจังหวะปรกติพี่แกต้องจ่ายเสีย ลูกนั้นพลาดจ่ายสวย) ลิเวอร์พูลก็ไม่ได้ประตูเช่นกัน
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1
---------------------ซัวเรส-----------------------
------สเตอริ่ง-------ซาฮิน---------ซูโซ่--------
------------อัลเลน---------เจอราร์ด-------------
เอนริเก้----แอกเกอร์-----สเคอเทล----วิสดอม
----------------------โจนส์-----------------------
ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ติดต่อกันเป็นนัดที่สอง คราวนี้รับมือนิวคาสเซิลในเกมพรีเมียร์ลีค ร็อดเจอร์สปรับกลับมาใช้ทีมหลักชุดเดิมอีกครั้งขาดไปแค่จอห์นสันกับเรน่าที่ ยังไม่ฟิต เป็นโอกาสของโจนส์ต่อไป รวมไปถึงเอนริเก้ที่ได้กลับมาเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบคซ้ายอีกครั้ง ส่วนนิวคาสเซิลจัดมาทั้งบา,ซิสเซ่,อาร์ฟฟาลงตัวจริงอย่างพร้อมเพรียง ตัวหลักขาดไปเพียงแค่ติโยเต้ที่ติดโทษแบนอยู่เท่านั้น
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมา 10 นาทีแรกเป็นเกมของลิเวอร์พูลอยู่ฝ่ายเดียว เล่นเร็วไล่บอลสูงกองหลังดันขึ้นมาครึ่งสนามเปิดเกมรุกเต็มที่ ครองบอลและกดดันได้อย่างต่อเนื่องแม้จะพอได้ลุ้นจบสกอร์บ้างแต่ยังเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายไม่ค่อยได้ แต่หลังจากผ่าน 10 นาทีไปแล้ว นิวคาสเซิลตั้งหลักเก็บบอลเอาไว้กับตัวได้ดีขึ้น ทำให้เกมของลิเวอร์พูลเริ่มช้าลงไปและบอลเริ่มถอยห่างออกจากเขตโทษของนิวคาส เซิล ส่วนนิวคาสเซิลแม้จะได้บอลมากขึ้นแต่ยังทำเกมรุกไม่ได้เลย
ยิ่งเล่นเกมยิ่งเทกลับมาทางฝั่งนิวคาสเซิลมากขึ้นทีละน้อย เกมโดยรวมดูช้าลงและหาโอกาสเจาะเข้าเขตโทษกันแทบไม่ได้ มีเีพียงแค่จังหวะยิงไกลหรือไม่ก็บอลไปคนไม่ไป คนอยู่บอลไม่มา ลิเวอร์พูลยังคงครองเกมได้มากกว่าแต่รูปเกมไม่ได้เป็นต่อเหมือนในช่วงต้นเกม แล้ว ครึ่งแรกทำท่าจะจบที่สกอร์ 0-0 แต่แล้วนาที 43 อาร์ฟฟาขึ้นบอลทางริมเส้นขวา(ฝั่งซ้ายลิเวอร์พูล) สลัดหลุดผ่านสเตอริ่งกับเอนริเก้เข้าไปเปิดบอลข้ามไปเสาสอง คาบายเก็บบอลได้แล้วยิงแสกหน้าอัดเสยเพดานตาข่ายเข้าไปได้ให้ทีมเยือนนำ 1-0 และจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว
เข้าครึ่งหลัง ร็อดเจอร์สยังคงใช้ผู้เล่นชุดเดิมแต่มีการปรับวิธีเล่นเล็กน้อย ลิเวอร์พูลหันมาเร่งเกมให้เร็วขึ้น จ่ายบอลไปข้างหน้ามากขึ้นไม่เสียเวลาอยู่กับการเคาะหาช่องอยู่แถวกลางสนาม เหมือนท้ายครึ่งแรก ทำให้ลิเวอร์พูลมีเกมรุกที่ดุดันขึ้น บอลเข้าไปกดดันถึงหน้าเขตโทษบ่อยครั้งแลกมาด้วยการครอบครองบอลที่น้อยลง เพราะเสียบอลเร็วกว่าในครึ่งแรก
ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไป ลิเวอร์พูลยังหาช่องเจาะเข้าไปไม่ค่อยได้ ได้แต่ลุ้นนิดหน่อยกับการยิงไกลและลูกเตะมุม ซาฮินถูกถอยลงมาเล่นต่ำแล้วสลับเอาเจอราร์ดขึ้นไปเล่นสูงแต่ยังไม่ค่อยได้ผล นาที 66 ร็อดเจอร์สต้องส่งเชลวี่ย์ลงมาแทนซูโซ่ และนาทีถัดมาลิเวอร์พูลมาได้ประตูตีเสมอในที่สุด จากจังหวะที่นิวคาสเซิลจ่ายบอลพลาด เอนริเก้เก็บบอลได้แถวๆ เกือบกลางสนามแล้ววางยาวลึกให้ซัวเรสทันที ซัวเรสเอาบอลลงและพลิกหลบครูลยิงเข้าไปได้อย่างเหนือชั้น 1-1
หลังจากตีเสมอได้ เกมของลิเวอร์พูลดูคึกคักขึ้นมาทันตาเห็นทั้งจากกำลังใจที่เพิ่มขึ้นและการ เล่นแบบเดินหน้าฆ่ามันไม่แตะกลับหลังของเจอราร์ดกับเชลวี่ย์ ลิเวอร์พูลได้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง แม้กองหลังนิวคาสเซิลยังคงเล่นได้ดีแต่ลิเวอร์พูลเริ่มเจาะเข้าไปลุ้นในเขตโทษได้มากขึ้น นาที 74 ดาวนิ่งได้ลงมาแทนซาฮินอีกคน สลับสเตอริ่งไปเล่นทางขวา ถึงตรงนี้เกมเปิดแลกกันเต็มที่และเป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า ได้ลุ้นเป็นระยะ ในขณะที่นิวคาสเซิลแม้จะโต้ขึ้นไปได้ลุ้นเกือบเป็นประตูอยู่บ้างแต่โดยรวม แล้วหาโอกาสได้น้อยและค่อยๆ ถูกดันให้ต้องถอยไปตั้งรับ พอถึงช่วง 10 นาทีสุดท้ายนิวคาสเซิลก็แทบจะเล่นเกมรับอย่างเดียวแล้ว
นาที 84 โคลอชชินี่มาโดนใบแดงจากจังหวะเปิดปุ่มใส่ซัวเรส ลิเวอร์พูลบุกใส่เต็มที่และนิวคาสเซิลเตะทิ้งอย่างเดียว ลิเวอร์พูลหวุดหวิดจวนเจียนจะได้ประตูชัยหลายครั้งชนิดที่ได้ลุ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่ได้ยิง แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ นิวคาสเซิล 10 บุกมาแบ่งแต้มกลับไปได้ด้วยสกอร์ 1-1
-----------------------------------------
ร็อดเจอร์สจัด 11 ตัวจริงแบบไม่มีอะไรผิดคาดนักเมื่อดูจากการที่เรน่ากับจอห์นสันยังไม่ ฟิต(เขาว่าแบบนั้นนะ) แทคติคการเล่นก็เรียกว่ากล้าได้กล้าเสียทีเดียวเมื่อสั่งลุยตั้งแต่ต้นเกม แบคทั้งสองฝั่งเล่นเกมรุกเต็มที่ไม่ได้เล่นแบบกล้าๆ กลัวๆ คู่เซนเตอร์ดันกันขึ้นไปค่อนข้างสูงอยู่ตลอด ตรงนี้เป็นสิ่งที่ร็อดเจอร์สตัดสินใจได้ดีเพราะถึงแม้ว่าผลงานโดยรวมของทีม จะยังไม่ดีนัก รวมไปถึงเก็บแต้มในบ้านได้น้อยเหลือเกิน แต่การเจอกับทีมที่ไม่ใช่ทีมหัวตัวรางในบ้านตัวเองจะมาหน่อมแน้มติ๊ดชึ่งรอ คู่ต่อสู้พลาดมันก็ยังไงอยู่
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการตัดสินใจเปลี่ยนตัวของร็อดเจอร์สวันนี้ ค่อนข้างช้า ซาฮินไม่น่าได้ลงสนามมาในครึ่งหลัง, เชลวี่ย์น่าจะได้ลงมาเร็วกว่านั้น รวมไปถึงตอนที่นิวคาสเซิลเหลือ 10 คน น่าจะส่งตัวรุกลงมาเพิ่มเพราะนิวคาสเซิลไม่คิดโต้แล้ว หรือถ้าบาเก็บบอลได้บ้างก็ไม่มีเพื่อนช่วย จริงอยู่ว่ามันเสี่ยงที่จะโดนโต้กลับเสียประตูแพ้ แต่ถ้าไม่เสี่ยงตอนเล่นในบ้าน, คู่ต่อสู้เหลือ 10 คน, รูปเกมดีกว่า, นักเตะกำลังคึก แล้วควรจะไปเสี่ยงตอนไหนล่ะ?
นอกจากนั้น ฟอร์มการเล่นของนักเตะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้วันนี้ลิเวอร์พูลพลาด 3 แต้ม มันไม่ใช่ฟอร์มส่วนตัวที่เล่นไม่ดี แต่เป็นการประสานงานกันมากกว่า ในช่วง 1 ชั่วโมงแรกของเกมนั้น การประสานงานในเกมรุกระหว่างตัวรุก 4 คนทำได้ไม่ค่อยดีนัก พอรอก็ไม่วิ่งทำทาง พอว่างก็ไม่ให้ ซัวเรสออกริมเส้นไม่มีคนตัดเข้ากลาง พอแปะให้แล้ววิ่งไปก็ดันไม่ชิ่งกลับ อะไรทำนองนั้น ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลเสียเวลาเสียโอกาสไปมากทีเดียว รวมไปถึงจังหวะจบสกอร์ที่ขาดๆ เกินๆ ไม่ค่อยเด็ดขาด ทีมได้ยิงล่อเข้าไปร่วม 20 ครั้ง เตะมุมอีกเป็นสิบ แต่ทำได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ดีในเกมนี้คือเกมรุกของลิเวอร์พูลยังดูดี แม้จะประสานงากันไปไม่น้อยแต่เล่นได้เต็มพื้นที่ดี จังหวะที่ทำกันได้ดีก็มีให้เห็นอยู่ จังหวะเร่งเร่งได้ดีไม่ใช่เร่งแล้วเหมือนเตะอัดกำแพง และแม้กระทั่งเกมรับที่เสียประตู(อีกแล้ว) โดยรวมก็ถือว่าทำได้ดีขึ้นเพราะปิดโอกาสการยิงของนิวคาสเซิลได้ดีเอามากๆ ลูกโต้กลับที่โดนบ่อยๆ วันนี้กองหลังยังวิ่งไปประคองทันเกือบหมด ทำให้วันนี้ชัยชนะนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม แค่เอื้อมแล้วจริงๆ แต่...
...เอื้อมไม่ถึงครับ...
----------------------------------
นัดนี้เล่นใช้ได้ บางคนดีทีเดียวล่ะ
โจนส์ - ฟอร์มดีต่อเนื่อง ยืนตำแหน่งดีมาก เซฟได้แบบแทบไม่ต้องพุ่งเลย ช่วยทีมไว้ในจังหวะคอขาดบาดตาย 2-3 ครั้ง นัดนี้เริ่มเล่นบอลสั้นมากขึ้นกว่านัดก่อนๆ
เอนริเก้ - เกมรับโดยรวมค่อนข้างดีเลย แต่พลาดจังหวะเสียประตูซึ่งจริงๆ ก็ชี้บอกให้สเตอริ่งไปซ้อนแล้วแต่สเตอริ่งดันวิ่งมาบี้อาร์ฟฟาอีกคน อย่างไรก็ตามจังหวะนั้นเอนริเก้น่าจะทำได้ดีกว่านั้น ส่วนเกมรุกขึ้นเยอะได้บอลเยอะทำได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ดันมาทำดีเอาจังหวะได้ประตูที่คิดเร็วทำดีจ่ายให้ซัวเรสหลุด ซึ่งหลังจากนั้นพยายามวางลึกลักษณะเดียวกันอีกหลายลูก พลาดหมด สรุปคือเกมรับใช้ได้แต่พลาดหนักครั้งเดียวทำทีมเสียประตู เกมรุกไม่ได้เรื่องแต่ทำดีครั้งเดียวทีมได้ประตู เอาไงกับพี่แกดีล่ะ ร็อดเจอร์ส?
แอกเกอร์ - เล่นได้ดีมาก ยกเว้นจังหวะโหม่งสกัดที่โหม่งไม่ค่อยพ้นเขตอันตราย พาบอลและผ่านบอลขึ้นหน้าได้สุดยอด
สเคอเทล - ก๊อปแอกเกอร์มาเลย แต่เด่นกว่าในจังหวะเข้าสกัด
วิสดอม - เกมรับเหนียวแน่น เกมรุกเล่นได้ตามอัตภาพ
อัลเลน - แม้โดยรวมจะพูดได้เต็มปากว่าเล่นดี แต่ก็ออกบอลพลาดเยอะกว่าที่ผ่านมา มีจังหวะแย่งบอลสวยๆ ให้เห็นหลายครั้ง
เจอราร์ด - ชั่วโมงแรกของเกมยืนค่อนข้างต่ำ ช่วยทีมได้น้อย แต่พอทีมเข้าตาจนก็ต้องหันไปพึ่งเจอราร์ดอีก ดันขึ้นมาเล่นสูงได้ดี แม้จะเล่นพลาดเยอะแต่ก็บู๊ดุดันทำให้เกมเร็วและทะลุทะลวงแนวรับได้ดี
ซาฮิน - องค์ออก ฟอร์มช็อตไปดื้อๆ
สเตอริ่ง - โคตรโชคดีที่ไม่โดนเหลือง หรือแม้กระทั่งแดงในจังหวะที่ไปเสียบคู่ต่อสู้ในครึ่งแรก ฟอร์มโดยรวมทำได้ดีทีเดียวโดยเฉพาะช่วงหลังจากที่ได้ประตูตีเสมอแล้ว เรียกฟาลว์ได้เยอะ (จริงๆ ก็ไม่ได้เรียกหรอก แต่จับบอลเป็นโดนเตะ ไม่ทันได้ดีไซน์ท่าล้มแบบซัวเรสเลย) กดดันแนวรับได้ดีมาก
ซูโซ่ - 10 นาทีแรกเล่นได้สุดยอด 10 นาทีถัดมาเล่นได้ดี อีก 10 นาทีถัดมาไม่ค่อยได้บอล อีก 15 นาทีถัดมาหายไปเลย เข้าครึ่งหลังโผล่เข้าจอมาแว๊บๆ สองสามครั้งแล้วทีนี้หายสนิท
ซัวเรส - ครึ่งแรกก็ยังเล่นดื้อๆ ฝืนๆ ตามสไตล์ ส่วนหนึ่งมาจากเพื่อนก็ไม่ได้วิ่งทำทางให้แบบน่าจ่ายด้วย บางครั้งตัดออกข้างไปถึงเส้นหลังแล้วแต่ริมเส้นดันไปยืนอยู่มุมกรอบเขตโทษ ฝั่งนู๊น ส่วนกลางรุกยืนอยู่ห่างไกลโพ้นลับตา ครึ่งหลังพอเพื่อนวิ่งขึ้นมาช่วยมากขึ้นก็เล่นได้ดีขึ้น วันนี้เล่นงานโคลอชชินี่ล้มกลิ้งล้มหงายแถมโดนใบแดงอีกต่างหาก นอกจากนั้นจังหวะทำประตูยังจับบอลลง,แตะหลบทิม ครูลได้สุดยอดมาก
ตัวสำรอง
เชลวี่ย์ - ลงมาเล่นได้ดุดัน ขยับหาพื้นที่ว่างรับบอลได้ดีมาก เพื่อนจ่ายไปให้ได้ตลอด ดีหมดทุกอย่างยกเว้นจังหวะยิงประตูซึ่งพลาดลูกง่ายๆ 2-3 ครั้ง
ดาวนิ่ง - อยากเห็นซัวเรสบินได้...เอ่อ ก็เล่นดีแหล่ะ รับบอลไปเปิดเข้ากลางสวยๆ กดดันแนวรับได้ดีหลายลูก ช่วยถ่างแนวรับและกดดันให้นิวคาสเซิลต้องลงไปรับตามที่ลิเวอร์พูลต้องการ แต่เปิดอย่างเดียวจริงๆ และซัวเรสก็บินขึ้นไปโหม่งเหนือหัวโคลอชชินี่ไม่ไหว
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โฮเซ่ เอนริเก้.... ถ้า MOM คือคนที่เล่นได้ดีที่สุดเอนริเก้คงไม่ใช่ มีหลายคนที่เล่นได้ดีกว่าและเลือกค่อนข้างยาก ขอเลือกคนที่ส่งผลต่อเกมมากที่สุดอย่างเอนริเก้ก็แล้วกัน ถ้าเอนริเก้ไม่พลาด ลิเวอร์พูลก็ไม่เสียประตู แต่ถ้าเอนริเก้ไม่พลาด(คือจังหวะปรกติพี่แกต้องจ่ายเสีย ลูกนั้นพลาดจ่ายสวย) ลิเวอร์พูลก็ไม่ได้ประตูเช่นกัน
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)