วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ลิเวอร์พูล 1-3 สวอนซี (แคปปิตอลวันคัพ)
...แพ้ภัยตัวเอง...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1
---------------------เยซิล-----------------------
------อัสไซดี้-------โคล---------ดาวนิ่ง-------
------------เชลวี่ย์----------อัลเลน-------------
โรบินสัน--คาราเกอร์--โคอาเตส---เฮนเดอร์สัน
----------------------โจนส์-----------------------
ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์รับมือสวอนซีทีมเก่าของร็อดเจอร์สในเกมแคปปิตอลวัน คัพ ร็อดเจอร์สปรับ 11 ตัวจริงเกือบยกทีมตามที่เห็นด้านบน แถมให้ตัวสำรองของตัวสำรองอย่างโรบินสัน, โคล, เฮนเดอร์สัน(ที่เล่นในตำแหน่งแบคขวา) ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกต่างหาก ส่วนทางสวอนซีส่งบริทตัน มิชู นายเออร์มากันครบ
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาค่อนข้างสูสี ประมาณ 20 นาทีแรกลิเวอร์พูลดูดีกว่าเล็กน้อย พาบอลไปป้วนเปี้ยนแถวหน้าเขตโทษได้มากกว่า สวอนซีพยายามจะต่อเกมสู้แต่บอลก็ไม่ค่อยไปข้างหน้า ไปได้ก็ค่อนข้างช้า แต่ทั้งสองฝ่ายยังหาจังหวะจบสกอร์กันได้ไม่มากนัก ยิ่งเวลาผ่านไป สวอนซีเริ่มดูดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเก็บบอลได้มากขึ้น สวนทางกับทางลิเวอร์พูลที่แนวรับเก็บบอลไว้เล่นได้น้อยลง ทำให้เกมเริ่มตกเป็นรองทีละน้อย
สวอนซีเริ่มพาบอลหลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษได้เป็นระยะ ได้โอกาสลุ้นบ้าง และมาทำประตูขึ้นนำได้สำเร็จในนาที 34 จากลูกเตะมุมที่เปิดเข้ากลางหน้าเขตหกหลา ชิโก้ ฟลอเรสได้ขึ้นโหม่งคนเดียวเข้าไปได้ 1-0 หลังจากนั้นเกมของสวอนซีก็ยังดีต่อเนื่อง แต่จังหวะสุดท้ายยังทำได้ไม่ดีพอ ส่วนทางลิเวอร์พูลแม้จะมีโอกาสได้ลุ้นประตูบ้าง แต่ก็หนักไปทางลุ้นอยู่ห่างๆ และรูปเกมโดยรวมเป็นรอง จนกระทั่งจบครึ่งแรก 1-0
เข้าครึ่งหลัง ร็อดเจอร์สรีบเปลี่ยนนักเตะทันที ส่งซัวเรสกับเจอราร์ดลงมาแทนเยซิลกับโคลและเล่นตามตำแหน่ง ดันเชลวี่ย์ขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น และดันแผงหลังสูงขึ้น ไล่บอลในแดนหน้ามากขึ้น ทำให้ช่วงต้นครึ่งหลังเกมของลิเวอร์พูลกลับมาดูดีกว่า นักเตะวิ่งเข้าถึงบอลเร็วกว่าในครึ่งแรกและแย่งบอลกลับมาได้เร็วขึ้น บุกกดดันได้ถึงหน้าเขตโทษแต่ออกบอลจังหวะสุดท้ายพลาดเป็นส่วนใหญ่ จังหวะที่ได้ยิงบ้างก็ยังทำไม่สำเร็จ
แล้วก็เป็นหนังม้วนเดิมกับครึ่งแรก สวอนซีที่ตกเป็นรองก่อนยิ่งเล่นยิ่งดีขึ้น เก็บบอลเล่นได้มากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับมีพื้นที่ให้เล่นค่อนข้างเยอะจากการดันสูงของลิเวอร์พูล ประมาณนาที 60 กว่าร็อดเจอร์สรีบส่งสเตอริ่งลงมาช่วยอีกคน โดยเปลี่ยนเอาอัสไซดี้ออก แต่สถานการณ์โดยรวมยังไม่เปลี่ยน ลิเวอร์พูลยังบุกได้มากแต่ได้ลุ้นน้อย สวอนซีที่เน้นเกมโต้กลับเร็วได้ลุ้นมากกว่าจนกระทั่งมาทำประตูหนีห่างไปได้ อีกในนาที 72 ที่โต้เร็วแล้วแนวรับลงไม่ทัน ดายเออร์ได้ชาร์จจ่อเข้าไปเป็น 2-0
ลิเวอร์พูลไม่มีทางเลือกต้องเดินหน้าบุกต่อไป แต่จังหวะสุดท้ายก็ยังขาดๆ เกินๆ อยู่ จนกระทั่งมาได้ลูกฟรีคิกในนาที 77 เจอราร์ดเปิดเข้าเขตโทษแล้วเป็นซัวเรสขึ้นโหม่งเข้าไปได้ 2-1 ทำให้ลิเวอร์พูลกลับมามีลุ้นอีกครั้ง ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลดันแผงหลังขึ้นมาสูงถึงครึ่งสนาม แบคเติมสูงเกือบสุดเส้น เชลวี่ย์แทบจะปักหลักอยู่หน้าเขตโทษคู่ต่อสู้ ทำเกมด้วยการออกบอลของเจอราร์ดเป็นหลัก โดยรวมทำได้ดีขึ้น บอลเข้าไปถึงในกรอบเขตโทษมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จังหวะสุดท้ายไม่ได้ดีขึ้นตามไปด้วย ทำให้ลิเวอร์พูลยังไม่สามารถตีเสมอได้
ช่วงท้ายเกมสวอนซียังมีทีเด็ดมาเซอร์ไพรส์ เมื่อหันมาไล่สูงตั้งแต่หน้าเขตโทษ ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นบอลได้ยากลำบาก แทนที่จะได้เอาบอลขึ้นไปบุกต่อเร็วๆ กลับกลายเป็นต้องเสียเวลาวนหนีหาช่องกว่าจะขึ้นบอลไปได้แต่ละจังหวะก็แทบตาย เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเกมเข้าสู่ช่วงทดเจ็บ สวอนซียังมาทำประตูปิดเกมได้อีกเมื่อตัดบอลจังหวะขึ้นเกมของลิเวอร์พูลได้ ก่อนจะผ่านบอลเข้ากลางให้ เดอกูสแมนชาร์จจ่อๆ แทบจะเป็นภาพเดียวกับประตูที่สอง ทำให้จบเกมสวอนซีบุกมาเอาชนะลิเวอร์พูลได้ถึงแอนฟิลด์ 3-1
-----------------------------------------
11 ตัวจริงวันนี้ดูสยองขวัญสั่นประสาทสมเป็นคืนวันฮาโลวีนจริงๆ แม้จะมีอัลเลนกับเชลวี่ย์ลงคุมเกม อัสไซดี้ที่ฟอร์มดีจากนัดก่อนหน้าได้ลงตัวจริง แต่นอกนั้นไม่ได้สร้างความรู้สึกว่าจะสามารถทำเกมเหนือกว่าคู่ต่อสู้ได้เลย โคล,โรบินสัน,เยซิลนั้นแทบไม่ได้ลงเลยก่อนหน้านี้ ดาวนิ่งที่ฟอร์มกระเตื้องขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าดี ซ้ำยังส่งเฮนเดอร์สันลงไปเล่นแบคขวาอีกต่างหาก พอไปรวมกับคู่หูต่างวัยกระชากใจกองเชียร์(ฝั่งตัวเอง) โคอาเตสกับคาราเกอร์เข้าไปอีกก็เลยเอวังด้วยประการฉะนี้
แน่นอนว่าช่วงนี้มีเกมลงเตะถี่และขนาดทีมไม่ได้ใหญ่นักจำเป็นต้องมีการหมุน เวียนนักเตะบ้าง แต่ถึงขนาดส่งเฮนเดอร์สันลงมาเล่นแบคขวา โคลกับโรบินสันเป็นตัวจริงในการเจอกับทีมที่ร็อดเจอร์สเองน่าจะรู้จักดีที่ สุดดูจะประมาทมากเกินไป ฟลานาแกนแม้จะฟอร์มไม่ดีนักแต่ดูยังไงก็น่าจะเล่นแบคขวาได้ถนัดกว่าเฮนเดอร์ สัน รวมไปถึงประสบการณ์ของเอนริเก้น่าจะช่วยทีมได้ดีกว่าโรบินสัน โคลยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าเขาแวดล้อมด้วยนักเตะชุดหลักอาจจะพอเล่นได้ แต่จัดทีมให้เขาเป็นตัวทำเกมหลักทั้งที่ร้างสนามไปพอสมควรแบบนี้ก็ยากที่งัด ฟอร์มเก่งออกมาได้ นัดนี้ลิเวอร์พูลแพ้เพราะการจัดตัวจริงของร็อดเจอร์สจริงๆ ครับ
หันมาดูรูปเกมบ้าง ปัญหาของลิเวอร์พูลเกมนี้หลักๆ เลยอยู่ที่แผงหลัง 4 คน โคอาเตสกับคาราเกอร์เก็บบอลไม่ได้ ขึ้นบอลไม่ถนัด โรบินสันได้แค่เอาตัวรอด เฮนเดอร์สันปิดพื้นที่ได้ไม่ดี แม้จะสกัดบอลได้แต่ดันเก็บบอลได้น้อยทำให้ทีมเสียการครองบอลบ่อยและง่ายเกิน ไป จังหวะขึ้นเกมแผงหลังก็ช่วยทีมได้น้อย โคอาเตสกับคาราเกอร์ผ่านบอลไปข้างหน้าหรือพาขึ้นไปเองได้ไม่ดีนัก ต้องรอให้กลางลงมาล้วงบอล แบคสองข้างไม่สามารถขึ้นไปช่วยปีกทำเกมได้ ทำให้เกมรุกต้องไปหวังพึ่งแค่ตัวรุก 3 คนที่อยู่หลังกองหน้า ซึ่งสุดท้ายก็ไม่พอ
ที่หนักหนาสาหัสที่สุดของวันนี้อยู่ที่การประสานงานของนักเตะในทีมที่ดูไม่ จืดเลย ช่องระหว่างคู่เซนเตอร์และเซนเตอร์กับแบคขวาถ่างอ้าซ่าให้คู่ต่อสู้แทงบอล ทะลุเข้าไปได้ง่ายมากๆ ปีกกับแบคไม่สามารถจะวิ่งสอดทำชิ่งเล่นเกมริมเส้นได้เลย การเล่นในพื้นที่แคบบริเวณหน้าเขตโทษของกองหน้า-กองกลางทำอะไรไม่ได้มากไป กว่าส่งบอลยัดเข้าเท้าเพื่อน ทำให้เกมครึ่งแรกลิเวอร์พูลทำอะไรแทบไม่เป็นชิ้นเป็นอัน และครึ่งหลังแม้จะดูดีขึ้นเมื่อมีเจอราร์ดกับซัวเรสลงมา แต่คนอื่นที่อยู่ในสนามก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
...นัดนี้แพ้สนิท แบบไม่เหลืออะไรให้เสียดายครับ...
----------------------------------
นัดนี้เล่น..ไม่ดี
โจนส์ - ...แต่คนนี้ดีนะ เซฟลูกยากไว้ได้หลายครั้ง ลูกง่ายๆ เซฟได้หมด ยืนตำแหน่งดี ตัดสินใจเร็ว ไม่ได้โจนส์ช่วยไว้เกมนี้เละแน่
โรบินสัน - ฟอร์มส่วนตัวไม่ได้เลวร้ายนัก เกมรับใช้ได้ ขึ้นไปช่วยเกมรุกไม่ได้และเชื่อมเกมไม่ค่อยดีนัก
คาราเกอร์ - ช้า ไม่ใช่ในเรื่องไปวิ่งแข่งกับใคร แต่เป็นปฏิกิริยาที่ดูจะช้าลง ช่วยขวางลูกยิงได้ดีอยู่ครั้งสองครั้ง นอกนั้นอย่าไปพูดถึง
โคอาเตส - สเตอริ่งติดโรคฝืนเล่นยากจากซัวเรสฉันใด โคอาเตสก็ติดโรคสาดจากคาราเกอร์ฉันนั้น บอลมาเป็นหวด เข้าสกัดยังใช้ได้แต่อ่านทางบอลได้ไม่ดีนัก
เฮนเดอร์สัน - ได้เล่นแบคขวาช่วงสั้นๆ ท้ายเกมกับเอฟเวอร์ตัน นัดนี้เลยถูกส่งเป็นแบคตัวจริงมันซะเลย วางบอลยาวได้ไม่เลวและครึ่งหลังเติมขึ้นไปช่วยเปิดบอลได้หลายครั้ง แต่ปัญหาใหญ่คือเ้จ้าตัวดูจะไม่เข้าใจพื้นที่รับผิดชอบของแบค ปล่อยให้มีช่องว่างค่อนข้างเยอะ ทั้งในเขตโทษและริมเส้น จบนัดนี้อาจเดินเข้าไปบอกร็อดเจอร์สว่า "ถ้าจะให้เล่นแบคขวา พี่กระโดดถีบยอดหน้าผมเถอะครับ" ก็เป็นได้
อัลเลน - ยังเล่นได้ตามมาตรฐานตัวเองอยู่ ปัญหาคือการขึ้นเกมของสวอนซีส่วนใหญ่อยู่ทางริมเส้น กองหลังพลาดก็พลาดไป ถ้าสกัดได้ก็สาดทิ้ง ในเกมรับอันเลนเลยทำประโยชน์ให้กับทีมไม่ได้มากนัก ส่วนเกมรุกหาจังหวะสอดขึ้นมาเล่นเกมรุกได้ดี ผ่านบอลให้เพื่อนได้ดีแล้ว แต่เพื่อนที่รับบอลไปทำเกมไม่ค่อยได้
เชลวี่ย์ - ครึ่งแรกง่วนอยู่กับการช่วยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า ไม่ได้ทำอะไรมากนัก ครึ่งหลังได้เล่นเกมรุกมากขึ้น โดยรวมแล้วเชื่อมเกมพอใช้ได้ เกมรุกหาตำแหน่งยิงเองได้ดีแต่จ่ายบอลทีเด็ดทีขาดได้น้อย
โคล - ...เราเลิกกันเถอะ
อัสไซดี้ - ได้บอลน้อย ต้องไปคนเดียวบ่อย ให้บอลเพื่อนไปก็ไม่ค่อยได้คืน หาโอกาสเปิดบอลเข้ากลางได้บ้าง แต่โดยรวมแ้ล้วก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก
ดาวนิ่ง - มีส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างมาก หาโอกาสยิงเองได้เยอะทีเดียว..พลาดเรียบ ครอสบอลเข้ากลาง...พลาดเีรียบ ไม่ค่อยมีจังหวะพาบอลไปเองมากนัก
เยซิล - ยังคงหาบอลไม่ค่อยเจอ จับบอลเหมือนเป็นกองหลังที่แตะคืนให้เพื่อนมากกว่าจะเป็นกองหน้าที่พยายามจะ แตะหลบคู่ต่อสู้ โอกาสหน้าค่อยว่ากันใหม่
ตัวสำรอง
เจอราร์ด - ลงมาแล้วต้องกลายเป็นตัวหลักในเกมรุก ออกบอลทำเกมทั้งสั้นยาว ทำชิ่ง จ่ายทะลุ ขวางสนาม ออกมุมธง ชิพข้ามแนวรับ ดึงจังหวะรอเพื่อนเติม ออกไปครอสบอลริมเส้น วิ่งทำทาง หาช่องยิงเอง เก็บบอลจังหวะสองที่กองหลังสกัด เปิดฟรีคิก ทำได้ดีเป็นส่วนใหญ่และอย่างเดียวที่เจอราร์ดไม่ได้ทำคือลงเป็นเซฟแทนแบรด โจนส์
ซัวเรส - เล่นฝืนทำบอลเสียไปหลายครั้ง ยิงหากรอบประตูไม่ค่อยเจอ แต่หาตำแหน่งรับบอลได้ค่อนข้างดี ขึ้นโหม่งลูกตีไข่แตกได้ดีด้วย
สเตอริ่ง - ดีหมดยกเว้นจังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย บางครั้งก็จ่ายให้เพื่อนที่โดนคู่ต่อสู้ล้อมอยู่ 4 คนมันซะอย่างนั้น
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...แบรด โจนส์.... นัดนี้ถึงแพ้ก็ต้องยกให้ละครับ ไม่ได้คนนี้ลิเวอร์พูลอาจโดนพอๆ กับเรดดิ้งที่เจออาร์เซนอลเมื่อวานได้
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555
เอฟเวอร์ตัน 2 - 2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)
...เสียดายที่ไม่ชนะ พอๆ กับดีใจที่ไม่แพ้...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1
---------------------ซัวเรส----------------------
------ซูโซ่----------ซาฮิน---------สเตอริ่ง-----
-------------เจอร์ราด---------อัลเลน-----------
เอนริเก้----แอกเกอร์---สเคอเทล-----วิสดอม
----------------------โจนส์-----------------------
ลิเวอร์พูลเดินทางข้ามสแตนลี่ย์พาร์คบุกไปเยือนเอฟเวอร์ตันในเกมพรีเมียร์ลี ค นัดนี้มีการเปลี่ยน 11 ตัวจริงเล็กน้อย เมื่อซูโซ่กับสเตอริ่งได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งหลัง เอนริเก้ที่หายไปนานก็กลับมาประจำการทางฝั่งซ้ายสวนทางกับจอห์นสันที่ไม่มี ชื่อในทีม ส่วนผู้รักษาประตูยังเป็นโจนส์ต่อไป (ตามข่าวบอกว่าจอห์นสันกับเรน่าไม่ฟิตเลยไม่ได้เป็นตัวจริง)
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาก็เป็นเอฟเวอร์ตันที่บุกใส่ไม่ยั้งด้วยเกมเร็วและหนัก เน้นเจาะทางขวา (เอนริเก้) ไล่บอลเร็วเต็มสนามจนทำให้ลิเวอร์พูลเก็บบอลได้ไม่มากนักและตั้งเกมของตัว เองได้ไม่ถนัด ต้องสลับใช้บอลยาวมากกว่าในนัดที่ผ่านมา เกมเร็วและเปิดแลกกันเป็นทางฝั่งเอฟเวอร์ตันที่ดูดีกว่าเล็กน้อย แต่แล้วนาที 14 ซัวเรสได้บอลจังหวะสองในเขตโทษแถวๆ ริมเส้นฝั่งขวา กึ่งยิงกึ่งจ่ายเข้ามาเต็มแรงบอลโดนเบห์นเข้าประตูไป 1-0
เอฟเวอร์ตันยังคงตั้งหน้าตั้งตาเจาะทางเอนริเก้ต่อไป สลับด้วยบอลโด่งเข้าเขตโทษแต่เป็นลิเวอร์พูลที่เก็บบอลได้ดีขึ้น สามารถเปิดเกมรุกแลกได้มากขึ้น ทำให้เกมลิเวอร์พูลพลิกกลับมาดูดีกว่าเล็กน้อย จนกระทั่งนาที 20 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก เจอราร์ดเปิดเข้าเขตโทษและเป็นซัวเรสขึ้นโหม่งโดนบางๆ แต่ถ้าทำให้ฮาเวิร์ดเสียจัิงหวะ บอลเข้าประตูไปได้เป็น 2-0
แต่หลังจากนั้นแค่ 2 นาที เอฟเวอร์ตันก็ไล่ตามมาได้สำเร็จจากลูกเตะมุม โจนส์ชกบอลไม่ขาด ออสมันเก็บบอลได้แถวหน้าเขตโทษก่อนจะยิงเรียดย้อนเข้าไปได้ 2-1 เอฟเวอร์ตันยิ่งได้ใจเปิดเกมรุกได้ดีต่อเนื่อง ในขณะที่ลิเวอร์พูลเกมรับดูจะรวนไปไม่น้อย ได้แต่ถอยกันลงไปช่วยตั้งรับ เก็บบอลตั้งเกมหรือโต้กลับได้ไม่มากนัก เป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกของเกมไป เอฟเวอร์ตันย้ายฝั่งหันไปเจาะทางวิสดอมด้วยการทำเกมของมิลาลาสและได้ผลยอด เยี่ยม วิสดอมรับมือมิลาลาสแทบไม่ได้ทำให้บอลของเอฟเวอร์ตันมากดดันอยู่แถวเขตโทษ อยู่เกือบตลอด จนในที่สุดนาที 35 เอฟเวอร์ตันก็ทำสำเร็จจาการเปิดบอลของเฟอร์ไลนี่เข้ากลางให้เพื่อนชาร์จเข้า ไปได้ 2-2 หลังจากนั้นเกมโดยรวมยังคงเป็นของเอฟเวอร์ตันที่บุกเข้าใส่ ลิเวอร์พูลทำได้แค่ประคองตัวให้รอดไปจนกระทั่งจบครึ่งแรก 2-2
เข้าครึ่งหลัง ร็อดเจอร์สแก้เกมทันทีด้วยการส่งเชลวี่ย์กับโคอาเตสลงมาแทนซาฮินกับซูโซ่ ปรับมาเล่น 3-5-2 วางสเตอริ่งไว้บนสุด แล้วใช้เชลวี่ย์มาช่วยแดนกลางรับมือกับเกมหนักของเอฟเวอร์ตัน ส่วนทางเอฟเวอร์ตันเองโชคร้ายที่มิลาลาสเจ็บเลยต้องเปลี่ยนออกเอฟเวอร์ตัน ยังคงเดินหน้าบุกต่อแต่การขาดมิลาลาสประกอบกับแนวรับลิเวอร์พูลที่ใช้ตัวผู้ เล่นมากขึ้นทำให้เอฟเวอร์ตันกดดันได้น้อยลง กลายเป็นลิเวอร์พูลที่สามารถเก็บบอลเอามาโต้และมีจังหวะได้ลุ้นมากขึ้นกว่า ในท้ายครึ่งแรก
ลิเวอร์พูลมีโอกาสเล่นโต้กลับพอสมควรแต่จังหวะสุดท้ายยังทำพลาดเป็นส่วนใหญ่ กลับเป็นทางฝั่งเอฟเวอร์ตันที่ยิ่งเล่นยิ่งดี บอลโด่งเริ่มกดดันได้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะในเกมเปิดหรือลูกตั้งเตะ ซึ่งนักเตะเอฟเวอร์ตันขึ้นถึงบอลก่ีอนแทบทุกจังหวะ นาที 70 เฮนเดอร์สันได้ลงมาแทนวิสดอมในตำแหน่งแบคขวา เวลาประมาณ 20 นาทีที่เหลืออยู่ลิเวอร์พูลยังพอได้โต้อยู่บ้างแต่น้อยลง รวมไปถึงเก็บบอลจังหวะสองในเกมรุกของตัวเองแทบไม่ได้เลย ส่วนเอฟเวอร์ตันก็ยังบดหนักต่อไปด้วยลูกโด่งและได้ลุ้นอยู่เป็นระยะ ครองบอลได้มากกว่า เก็บบอลจังหวะสองทั้งรุกและรับได้มากกว่า รวมไปถึงมีโอกาสลุ้นทำประตูมากกว่า แต่ยังพลิกแซงไม่สำเร็จ
ถึงนาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลที่ประคองตัวรอดมาได้อย่างสะบักสะบอมเกือบพลิกกลับมาชนะ เมื่อเจอราร์ดเปิดลูกฟรีคิกโด่งเข้าไปในเขตโทษ โคอาเตสโหม่งชงให้ซัวเรสยิงเข้าไปได้ แต่ผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้าไปเสียก่อน ทำให้ลิเวอร์พูลที่เกือบตายพลาดโอกาสขโมย 3 แต้มกลับจากกูดิสันพาร์ค จบที่ผลเสอม 2-2
-----------------------------------------
เรื่องแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้ จังหวะท้ายเกมที่ซัวเรสยิงได้แต่มีธงล้ำหน้า ลูกนั้นซัวเรสไม่ล้ำแน่ๆ แต่โคอาเตสยังไม่แน่ และขณะที่พิมพ์อยู่นี่ยังไม่ได้ดูภาพช้าในมุมที่เห็นชัด ส่วนเรื่องว่าโคอาเตสจะทำฟาลว์(กดหลัง) นั่นไม่ใช่แน่เพราะสัญญาณธงคือล้ำหน้าไม่ใช่ฟาลว์ ซึ่งน่าเสียดายมากๆ ที่ผู้กำกับเส้นดันมาตาดีเอาจังหวะสำคัญ ไม่งั้นลิเวอร์พูลจะควัก 3 แต้มกลับมาได้แบบเหลือเชื่อเลยทีเดียว
11 ตัวจริงวันนี้ดูขัดตาเล็กน้อยเมื่อร็อดเจอร์สใช้ซูโซ่แทนที่จะเป็นอัสไซดี้ที่ ฟอร์มดีมาในนัดกลางสัปดาห์ จะว่าโรเตชั่นก็พิลึกอยู่เมื่อนักเตะวัย 33 อย่างเจอราร์ดยังลงได้ 2 เกมติด รวมไปถึงเชลวี่ย์ที่น่าจะได้ลงแทนซาฮินเมื่อพิจารณาจากฟอร์มของซาฮินที่มี ปัญหาตลอดเวลาเจอเกมเร็วและหนัก ซึ่งการเจอกับเอฟเวอร์ตันไม่มีทางเป็นเกมเบาๆ ช้าๆ เล่นกันไปเรื่อยๆ ตามจังหวะแน่นอน ส่วนเรน่ากับจอห์นสัน เขาว่าไม่ฟิตก็ไม่ฟิตแล้วกัน
แต่เรื่องที่ร็อดเจอร์สทำได้น่าประทับใจมากคือการแก้เกม ช่วงพักครึ่งที่ตัดสินใจปรับมาเล่น 3-5-2 อาจไม่ถึงขั้นมหัศจรรย์ แต่การปรับเกมให้ยืดหยุ่นกับสถานการณ์ตอนนั้นที่เห็นชัดๆ ว่าเป็นรอง โดยเฉพาะแนวรับ 4 คนที่มีปัญหาตลอด การปรับมาเล่นหลัง 3 (รวมวิงแบคก็ 5) ก็เป็นการแก้เกมที่ได้ผลดีมาก ช่วงต้นครึ่งหลังเกมรุกเอฟเวอร์ตันแผ่วไปพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว รวมไปถึงตลอดครึ่งหลังแม้จะโดนกดดันหนัก แต่เมื่อมีผู้เล่นเกมรับเยอะขึ้นก็ดูจะทำให้งานยากมากกลายเป็นยากเฉยๆ ไปเลย นอกจากนั้นการส่งโคอาเตสลงมายังช่วยทำให้สเคอเทลวิ่งออกไปซ้อนวิสดอมได้ สะดวกขึ้น เชลวี่ย์ลงมารับมือกับลูกหนักของเอฟเวอร์ตันได้ดีกว่าซาฮินเห็นๆ และเฮนเดอร์สันแม้จะไม่ใช่แบคแต่ลงมาเล่นได้น่าอุ่นใจกว่าวิสดอมเยอะ สเตอริ่งที่เล่นไม่ออกในครึ่งแรกแต่เสี่ยงเก็บไว้ก็ทำผลงานได้ดีในครึ่งหลัง เมื่อเปลี่ยนแทคติคแล้วเหมาะกับเจ้าตัว เป็นวันที่ร็อดเจอร์สแก้เกมได้ดีครับ
อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องถือว่าลิเวอร์พูลโชคดีไม่น้อย ลูกแรกที่ได้มาแม้จะเป็นลูกที่ซัวเรสต้องได้รับคำชมเมื่อเลือกเล่นอย่างฉลาด แต่มันคงเป็นลูกที่วัดดวงมากกว่าหวังผล, มิลาลาสที่เล่นงานวิสดอมเละเทะก็ดันเจ็บเล่นครึ่งหลังไม่ได้ รวมไปถึงตัวสำรองของเอฟเวอร์ตันที่คุณภาพห่างจากตัวจริงลิบ ยิ่งเปลี่ยนยิ่งแผ่วทำให้ลิเวอร์พูลรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อเมื่อดูจากรูป เกมโดยรวม แต่ว่าก็ว่าเถอะ ถ้าเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล คงไม่มีใครคิดถึงโชคดีในวันนี้เท่าไหร่หรอก แต่คิดถึงโชคร้ายในจังหวะสุดท้ายของเกมที่โดนธงล้ำหน้ามากกว่า...ซึ่งรวมถึง ผมด้วย
...ไม่งั้นชนะไปแล้วนะเนี้ย~...
----------------------------------
นัดนี้เล่นกันเกือบดี
โจนส์ - พลาดในจังหวะเสียประตูแรกที่ชกบอลได้แย่มาก และการเตะเปิดเกมเพื่อนยังคงไม่ได้เปรียบเหมือนเดิม แต่นอกจากนั้นก็ถือว่ายืนตำแหน่งได้ดีมาก สามารถดักทางบอลได้หมด อ่านทิศทางบอลได้ดีไม่ปัดลูกที่ไม่เข้ากรอบให้เสียเตะมุมเล่น
เอนริเก้ - เล่นได้ไม่เลว แต่แน่นอนว่าไม่ดี พลาดในการยืนตำแหน่งและอ่านทางบอล มีส่วนทำให้เสียประตูที่สอง จังหวะดวลตัวต่อตัวทำได้น่าพอใจไม่ว่าจะเบียดไหล่ต่อไหล่หรือปิดทางลูกเปิด เชื่อมเกมพอใช้ได้ หวาดเสียวและพลาดให้เห็นบ้างแต่โดยรวมก็ไม่ได้หนักหนานัก
แอกเกอร์ - ครึ่งแรกรับมือกับเฟอร์ไลนี่เป็นส่วนใหญ่ สู้ไม่ได้จริงๆ ส่วนครึ่งหลังมีโคอาเตสมาช่วยเลยเล่นง่ายขึ้นนิดหน่อย
สเคอเทล - ครึ่งแรกรับมือกับเจลาวิช ดูดีกว่าแอกเกอร์ที่เจอเฟอร์ไลนี่เล็กน้อยแต่รวมๆ แล้วก็ยัง "เอาไม่อยู่" น่าเห็นใจเหมือนกันเมื่อเจ้าตัวต้องวิ่งออกไปซ้อนวิสดอมอยู่ตลอดเกม พื้นที่รับผิดชอบเยอะเกินกว่าเจ้าตัวจะรับไหว ถ้าไม่ได้โคอาเตสลงมาช่วยน่าจะสภาพแย่กว่านี้
วิสดอม - ต้นเกมเอฟเวอร์ตันไปเจาะเอนริเก้ วิสดอมยังเล่นได้ดีอยู่ แต่พอโดนเจาะทางฝั่งตัวเอง โดยเฉพาะมิลาเลส วิสดอมเละ ครึ่งหลังไม่มีมิลาเลสแต่โดนเบห์นเติมขึ้นมา วิสดอมก็มีปัญหาตลอด เป็นวันที่เล่นได้ไม่ดีเลย (ซึ่งต้องชมมิลาเลสกับเบห์นด้วยว่าเล่นดีจริงๆ)
ซาฮิน - เจอเกมที่ไม่ถนัดอีกครั้งหนึ่ง สู้ลูกหนักและเกมเร็วของเอฟเวอร์ตันไม่ได้ มีส่วนร่วมกับเกมน้อยและถูกเปลี่ยนตัวในที่สุด
เจอราร์ด - เป็นวันที่ช่วยทีมไว้ได้เยอะทีเดียว แม้เกมรุกจะไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่ช่วยเกมรับและประคองเกมแดนกลางไม่ให้แย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ เปลี่ยนรับเป็นรุกได้ดีกว่าทุกคนในทีม เปิดฟรีคิกได้ดีในจังหวะ 2-0 และจังหวะสุดท้ายของเกม
อัลเลน - สู้กับกลางเอฟเวอร์ตันได้ลำบาก ปะทะสู้ไม่ได้แต่มีใจสู้มาแทน หลายครั้งที่แย่งบอลไม่ได้ก็ยังอุตส่าห์ไปนัวเนียพัวพันชลอเกมไว้ได้ วันนี้ทีมเก็บบอลจังหวะสองในเกมรับได้ไม่มากนัก แต่อัลเลนคือคนคนที่เก็บได้มากที่สุดในทีมแล้ว
ซูโซ่ - บอลไปไม่ค่อยถึง และเมื่อถึงก็ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก ยังวางบอลได้ดีสองสามลูก แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกม
สเตอริ่ง - ครึ่งหลังค่อนข้างเงียบ โดนใบเหลืองและเกือบจะโดนเหลืองที่สอง ครึ่งหลังพอปรับแทคติคให้สเตอริ่งได้เล่นกับพื้นที่ทำได้ดีขึ้นมาก มีส่วนร่วมกับการโต้กลับเร็วอยู่ตลอด ถ้าเล่นจังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะจ่ายหรือยิงได้ดีกว่านี้ ลิเวอร์พูลน่าจะสู้ได้ดีขึ้น มีความสามารถแต่ยังคงต้องเก็บประสบการณ์ต่อไป
ซัวเรส - เล่นฉลาดจนทีมได้ลูกแรก ยืนตำแหน่งดีทำให้ทีมได้ลูกที่สอง รวมไปถึงเกือบจะได้ลูกที่สาม หงุดหงิดน้อยกว่าที่คิดเยอะเมื่อดูจากเกมที่มีการปะทะกันตลอดเวลา มีส่วนร่วมกับเกมตลอดและทำได้ดีทีเดียว
ตัวสำรอง
โคอาเตส - ลงมาช่วยทีมได้ดีตามแทคติคเพราะทำให้สเคอเทลกับแอกเกอร์เล่นง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟอร์มส่วนตัวไม่ถึงกับดีนัก เสียฟาลว์ง่ายและลูกกลางอากาศทำได้แค่เบียดไม่สามารถขึ้นเอาชนะได้
เชลวี่ย์ - ลงมารับมือกับเกมหนักได้ดีกว่าซาฮิน ช่วยแดนกลางพอใช้ได้ หนักไปทางช่วยเกมรับมากกว่าจะได้เล่นเกมรุก
เฮนเดอร์สัน - แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งถนัดแต่นิ่งกว่าวิสดอม เติมขึ้นไปเปิดบอลได้ลุ้น 2-3 ครั้ง
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... 2 (และเกือบจะ 3) ประตูที่ทำให้ทีมก็ชัดเจนพอแล้ว แต่ยกตำแหน่งนี้ให้เพราะท่าดีใจหลังจากได้ประตูแรกล้วนๆ...ทำท่าพุ่งล้มต่อ หน้ากองเชียร์เอฟเวอร์ตันและเดวิด มอยส์
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ลิเวอร์พูล 1 - 0 อันชิ มัคชาคาล่า (ยูโรป้าลีค)
...มีพัฒนาการ...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1
---------------------ซัวเรส----------------------
-----อัสไซดี้-------เชลวี่ย์--------ดาวนิ่ง-------
--------------ซาฮิน---------เจอร์ราด-----------
จอห์นสัน---แอกเกอร์---สเคอเทล----วิสดอม
----------------------โจนส์-----------------------
ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านต่อเนื่องเป็นนัดที่ 4 โดยนัดนี้เป็นเกมยูโรป้าลีครับมือทีมเยือนจากรัสเซีย อันชิ มัคชาคาล่า (จริงๆ มันอ่านยังไงใครรู้ช่วยบอกที) ร็อดเจอร์สส่งตัวหลักลงเยอะกว่าที่ผ่านมา เปลี่ยนแปลงแค่แผงตัวรุกหลังกองหน้าที่ส่งอัสไซดี้กับดาวนิ่งลงเป็นตัวจริง
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า ครองบอลได้ตั้งแต่ต้น ใช้เชลวี่ย์ยืนสูงเป็นตัวทำเกม ส่วนอันชิปักหลักอยู่แดนตัวเอง ประกบตัวรุกแน่นมาก อย่าว่าแต่จะพลิกบอลหันหน้าเข้าประตู แค่จับบอลยังแทบไม่มีเวลา เลยทำให้ลิเวอร์พูลที่แม้จะครองบอลได้แต่ยังหาโอกาสยิงได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันนัก โดยเกมรุกส่วนใหญ่ของทีมมาจากจังหวะการขยับหาช่องและแตะบอลหลบของซัวเรส ส่วนตัวรุกคนอื่นๆ ยังไม่มีบทบาทมากนัก
ยิ่งเล่นอันชิยิ่งดูดีขึ้น เมื่อตัดบอลได้ไม่สาดทิ้งมั่วซั่วแต่เก็บบอลตั้งเกมรุกของตัวเองขึ้นไปบ้าง แต่โดยรวมก็ยังครองบอลได้น้อยกว่าและลิเวอร์พูลยังได้เปรียบอยู่ทั้ง เปอร์เซนต์การครองบอลและจังหวะลุ้นจบสกอร์ ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกของเกมไป อันชิเริ่มไล่บอลสูงขึ้นทำให้ลิเวอร์พูลดูจะขึ้นเกมลำบากมากขึ้นเล็กน้อยแต่ ก็ยังกุมสถานะได้เปรียบอยู่ อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลยังไม่สามารถหาจังหวะยิงได้ถนัดนักและจังหวะได้ยิงผู้รักษาประตู ก็ยังไม่ต้องออกแรงเซฟ ส่วนอันชินั่นแทบไม่ได้ยิงเลย จนจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0
เข้าครึ่งหลัง สเตอริ่งได้ลงมาแทนจอห์นสัน โดยโยกเอาดาวนิ่งไปเล่นแบคซ้าย สเตอริ่งมาเล่นทางริมเส้นฝั่งขวา เจอราร์ดถูกดันขึ้นมาเล่นสูงมากขึ้น ทิ้งซาฮินไว้เชื่อมเกมจากหลังมาหน้าแค่คนเดียว ส่วนอันชิดูเหมือนตั้งใจลงมาเปิดเกมรุกมากขึ้น แต่ยังไม่ค่อยกล้าเิติมกันขึ้นมามากนัก ตัวรุกที่ขึ้นมายังมีไม่มากทำให้เกมรุกยังไม่ค่อยต่อเนื่อง
ในที่สุดก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น นาที 53 ดาวนิ่งที่ยืนตำแหน่งแบคซ้าย เติมขึ้นมารับบอลแล้วตัดเข้ากลางก่อนยิงด้วยเท้าขวาเสียบเสาสองเข้าไปได้อย่างสวยงาม 1-0
หลังจากเสียประตู อันชิเริ่มหันมาเล่นเกมรุกอย่างจริงจังมากขึ้น แต่ยังทำได้ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ กลายเป็นลิเวอร์พูลที่โต้ขึ้นไปได้น่ากลัวกว่าแต่ยังยิงเพิ่มไม่ได้ ก่อนที่อันชิจะทยอยเปลี่ยนตัวมาเพื่อปรับเกมรุกแล้วค่อยๆ ทำได้ดีขึ้น จากที่ขึ้นมาได้แค่กลางสนามเริ่มขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเริ่มได้ลุ้นยิงบ้างเป็นระยะ ทางด้านลิเวอร์พูลที่ได้โต้หลายจังหวะแต่ทำไม่ได้ เริ่มถูกกดดันมากขึ้น แนวรับเริ่มออกอาการเป๋ไปเป๋มาให้เห็นและบอลโต้เริ่มน้อยลง จนรูปเกมเริ่มตกเป็นรอง หนักไปทางต้องตั้งรับแต่ก็ยังเอาตัวรอดกันไปได้
เข้า 10 นาทีสุดท้ายของเกม นาที 80 อัลเลนได้ลงมาแทนเชลวี่ย์เพื่อขันเกมรับให้แน่นขึ้น และอันเลนเองก็ทำได้ดี แต่อันชิเปิดเกมรุกเต็มที่ แผงกลางแผงหลังดันกันขึ้นมาช่วยเกมรุกอย่างเป็นระบบ ไม่มีมั่ว ไม่มีสาด ทำให้สามารถกดดันลิเวอร์พูลได้อย่างหนัก โจนส์ที่เล่นมาสบายๆ เกือบทั้งเกมเริ่มมีงานให้ทำอย่างต่อเนื่อง แม้ลิเวอร์พูลจะโต้ขึ้นไปได้บ้าง แล้วอันที่จริงก็ถือว่าทำได้ไม่เลวเมื่อหลายจังหวะสามารถพาบอลไปได้ถึงในเขต โทษแต่การผ่านบอลสุดท้ายรวมไปถึงการจบสกอร์ยังทำได้ไม่ดี ทำให้สกอร์ยังอยู่แค่ 1-0 เวลาที่เหลืออยู่จึงเป็นอันชิที่บุกกดดันได้มากกว่า แต่ในที่สุดก็เจาะแนวรับไม่สำเร็จ ลิเวอร์พูลเอาตัวรอดมาได้ 1-0
-----------------------------------------
ร็อดเจอร์สเน้นเกมนี้มากทีเดียวเมื่อดูจาก 11 ตัวจริง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะสถานการณ์ดูล่อแหลมเหลือเกิน เพราะพ้นจากนัดนี้ต้องออกไปเยือนทั้งอันชิทั้งอูดิเนเซ่ ถ้ามัวแต่กังวลกับเกมในลีคที่จะต้องไปเยือนเอฟเวอร์ตันในคืนวันอาทิตย์เผลอๆ จะถึงขั้นตกรอบเอา ก็ถือว่าเป็นเน้นที่สมควรทำแล้ว โดยเฉพาะถ้าดูจากผลที่ได้ต้องถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง
นัดนี้ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีและสมควรเป็นผู้ชนะ แม้ว่าประตูที่ได้มาออกจะเหนือความคาดหมายไม่น้อย ดาวนิ่งอาจจะทำได้ดีในลูกลักษณะนี้สมัยอยู่วิลล่า แต่ตั้งแต่มาอยู่ลิเวอร์พูลเจ้าตัวยังทำแทบไม่ได้เลย(ชนเสาชนคานอยู่ 3-4 ครั้งในฤดูก่อน) อยู่ๆ มายิงได้เอาตอนที่โดนถอยไปเป็นแบค แถมยิงด้วยเท้าขวาอีกต่างหาก ก็ต้องถือว่าโชคดีอยู่เหมือนกัน
ลิเวอร์พูลทำเกมรุกได้ดีเมื่อหาจังหวะพาบอลขึ้นไปได้ถึงในเขตโทษบ่อยครั้ง แต่ปัญหาคือไม่สามารถเล่นบอลในจังหวะสุดท้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิงพลาดไปเองบ้าง ฝืนจะยิงจนพลาดบ้าง หลายครั้งมีเพื่อนอยู่ในตำแหน่งดีกว่าแต่ก็ไม่ค่อยจะยอมส่งบอลให้ พออยู่ในเขตโทษไม่ว่าจะใครก็ตามดูลนลานเร่งรีบไม่นิ่งเหมือนตอนอยู่หน้าเขต โทษ ทำให้โอกาสหลุดลอยไปหลายต่อหลายครั้ง ทั้งๆ ที่น่าจะยิงนำห่างและปิดเกมไปได้อย่างสบายแล้วแท้ๆ
อย่างไรก็ตาม เกมของลิเวอร์พูลดูพัฒนาขึ้นมาจากช่วงเปิดฤดูกาลเยอะทีเดียว เกมรับดูจะเหนียวแน่นขึ้นทั้งในเรื่องของการลดข้อผิดพลาด(ยังมีอยู่แต่น้อย ลง) รวมไปถึงการทำลายจังหวะยิงของคู่ต่อสู้ที่ดูดีขึ้น ส่วนเกมรุกจากที่เคยได้แต่ป้วนเปี้ยนแถวหน้าเขตโทษ ช่วงนี้รู้สึกจะหลุดเข้าไปถึงในเขตโทษมากขึ้น โดยสรุปแล้วจากตอนช่วงเปิดฤดูกาลที่ต้องนั่งลุ้นว่าจะพลาดโดนเมื่อไหร่ จะตึเสมอได้มั้ย แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาลุ้นว่าจะรักษาสกอร์ขึ้นนำได้จนจบมั้ย จะยิงนำห่างปิดเกมได้เมื่อไหร่
...ก็เป็นปัญหาที่น่ารื่นรมย์ไม่น้อยครับ...
----------------------------------
นัดนี้เล่นกันค่อนไปทางดี
โจนส์ - เล่นสบายๆ มาเป็นชั่วโมงก่อนจะเริ่มงานชุกในช่วงประมาณ 20 นาทีท้าย แม้โดยรวมจะมีลูกยากให้เซฟไม่มากนัก แต่ก็ต้องชมว่ายืนตำแหน่งดีมาก สมาธิอยู่กับเกมตลอด สามารถวิ่งออกมารับบอล, พุ่งไปเชคระยะลูกยิงไกลที่ไม่เข้ากรอบ เอาตัวรอดจากการโดนวิ่งไล่ในระยะประชิดได้ดี ที่สำคัญคือวันนี้เตะเปิดเกมได้ดีขึ้นเยอะเลย...ซวยแล้วเหม่งเอ้ย...
จอห์นสัน - ครึ่งแรกอันชิยังขึ้นมากันน้อย เกมรับยังไม่ต้องทำอะไรมาก หนักไปทางขึ้นไปเล่นเกมรุก ทำได้ดีในการพาบอลไปถึงสุึดเส้นและเล่นร่วมกับอัสไซดี้ ได้ลุ้นยิงเองก็พอประมาณ แต่จังหวะสุดท้ายไม่เด็ดขาด ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งเพราะอะไรยังงงๆ อยู่ เพราะตอนเล่นครึ่งแรกก็ไม่เห็นมีอาการเจ็บ (แต่ก็คงเพราะเจ็บนั่นแหล่ะ)
แอกเกอร์ - เข้าสกัดและบังทางบอลได้ดีมาก ผ่านบอลและพาบอลขึ้นไปเองได้ดี
สเคอเทล - ปะทะได้หนักหน่วงทั้งบนพื้นและลูกกลางอากาศ ขวาทางยิงและลูกยิงได้ดี ฟอร์มโดดเด่นมาก
วิสดอม - เกมรุกช่วยอะไรไม่ได้เหมือนเดิม แต่ขึ้นไปเชื่อมเกมได้ดีมากขึ้น เกมรับเหนียวแน่นมาก มีทั้งความเร็วและพละกำลัง พลาดให้เห็นบ้างในช่วงที่โดนบดหนักๆ แต่ก็พอเอาตัวรอดได้
ซาฮิน - ยืนต่ำและเล่นได้ไม่ดีนัก ขยับไปรอรับบอลจากแผนหลังได้ไม่ดีเอามากๆ ทำให้ช่วงที่อันชิไล่สูงบอลขึ้นไปข้างหน้าได้ช้า คุมพื้นที่ได้ดีพอประมาณ อย่างน้อยก็ไม่ได้ปล่อยให้คู่ต่อสู้เลี้ยงดุ่ยๆ ผ่านไปได้ ส่วนที่ยังดีอยู่คือการจ่ายบอลไปข้างหน้า
เจอราร์ด - เล่นพลาดเยอะมาก จินตนาการในการเล่นยังอยู่ครบแต่ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าเดิม แม้จะยังมีจังหวะที่ทำได้ดีให้เห็นอยู่เป็นระยะ แต่โดยรวมถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองที่เคยทำได้
เชลวี่ย์ - ครึ่งแรกดูจะยังขาดๆ เกินๆ ไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก แต่ครึ่งหลังที่ีเจอราร์ดขึ้นมาช่วยดูจะทำได้ดีขึ้น วันนี้หาจังหวะสอดเข้าไปในเขตโทษได้ดีหลายครั้ง รวมไปถึงหาพื้นที่ยิงไกลได้ดีเป็นระยะ ฉวยโอกาสวิ่งเข้าไปฉกบอลจากเท้าคู่ต่อสู้ได้ดี ผ่านบอลได้ค่อนข้างแม่นยำ
อัสไซดี้ - เล่นได้โดดเด่นมาก ครึ่งแรกยังไม่หวือหวามากแต่ก็ทำชิ่งเล่นร่วมกับจอห์นสันได้ดี พอเข้าครึ่งหลังยิ่งทำได้ดีมากขึ้นไปอีกโดยเฉพาะจังหวะโต้กลับ กระชากบอลได้ดีมาก ตัวต่อตัวผ่านได้ตลอด ทำเสียบอลน้อยถ้าเทียบกับสไตล์การเล่นลักษณะนี้ ไม่หวงบอลและจ่ายให้เพื่อนที่ตำแหน่งดีกว่าอยู่ตลอด ถ้าเพื่อนยิงได้เด็ดขาดกว่านี้น่าจะมีสัก 2-3 แอสซิส
ดาวนิ่ง - ครึ่งแรกในตำแหน่งริมเส้นขวาทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ครึ่งหลังในตำแหน่งแบคซ้ายเล่นเกมรับได้ดีพอประมาณ ไม่เหนียวแน่นนักแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่เติมขึ้นมาช่วยเชื่อมเกมได้ดีตลอด ยิงประตูชัยได้อีกต่างหาก
ซัวเรส - ครึ่งแรกเล่นได้โดดเด่นโดยเฉพาะจังหวะแตะบอลหลบคู่ต่อสู้ การทำเกมและจังหวะได้ลุ้นยิงในช่วงครึ่งแรกมาจากการเล่นของซัวเรสล้วนๆ ครึ่งหลังขยับไปเล่นริมเส้นบ่อยขึ้น ฝืนเล่นยากและทำพลาดเป็นระยะ แต่โดยรวมก็ยังถือว่าน่าพอใจ
ตัวสำรอง
สเตอริ่ง - ไม่มีจังหวะพาบอลไปเองสักเท่าไหร่ แต่วิ่งหาพื้นที่ว่างได้ดี ที่ทำได้ดีมากๆ ในวันนี้คือสามารถเบียดไหล่ต่อไหล่กับคู่ต่อสู้ได้อย่างไม่เป็นรอง อันที่จริงก็เบียดชนะเป็นส่วนมากด้วยซ้ำ และมีส่วนช่วยให้เกมโต้กลับเร็วสามารถพาบอลไปถึงเขตโทษได้หลายครั้ง
อัลเลน - ลงมาแค่ 10 นาที แต่ถ้าไม่ได้ลงมาอันชิคงบดได้หนักกว่านี้และทีมอาจพังท้ายเกมได้ ชลอเกมรุกและเก็บบอลได้ดี ทำให้เกมแดนกลางดูดีขึ้นกว่าในช่วงก่อนหน้านั้น
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...อุสซามะ อัสไซดี้... ถ้าดูจากประตูก็ต้องเป็นดาวนิ่ง ถ้าดูจากรูปเกมที่ชนะมาได้เพราะไม่เสียประตูก็ต้องเป็นสเคอเทล แต่ถ้าดูจากฟอร์มการเล่นจะเป็นคนอื่นไม่ได้เลยนอกจากริมเส้นโมรอคโคคนนี้ เล่นได้ในแบบฉบับของปีกแท้ๆ ที่ลิเวอร์พูลไม่มีมานานหลายปีแล้ว
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ลิเวอร์พูล 1 - 0 เรดดิ้ง (พรีเมียร์ลีค)
...หืดจับ รากเลือก...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1 (ทีมตัวจริงจากนัดสโตค)
---------------------ซัวเรส----------------------
-----สเตอริ่ง-------ซาฮิน--------ซูโซ่----------
-------------อัลเลน---------เจอร์ราด-----------
จอห์นสัน---แอกเกอร์---สเคอเทล----วิสดอม
----------------------โจนส์-----------------------
เกมลีคกลับมาเตะอีกครั้งหลังจากหลีกทางให้เกมทีมชาติ ลิเวอร์พูลก็ยังได้เล่นในบ้านอยู่ โดยมีคู่ต่อสู้ที่ยังหาชัยชนะในลีคไม่เจอและเสียประตูง่ายอย่างเรดดิ้งเป็น ผู้มาเยือน ร็อดเจอร์สจัดทีมตัวจริงชุดเดิมยกเว้นโจนส์ได้ลงแทนเรน่าที่มีอาการบาดเจ็บ
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาเป็นเรดดิ้งที่ตั้งเกมบุกใส่ ส่วนลิเวอร์พูลเล่นกันเหมือนยังหาจังหวะตัวเองไม่เจอ จ่ายพลาดง่ายและขึ้นเกมช้าทั้งๆ ที่เรดดิ้งยังไม่ได้ทำอะไรมาก แต่เรดดิ้งเองก็ใช้โอกาสที่มีราวๆ เกือบ 10 นาทีให้เป็นประโยชน์ใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น ก่อนที่จะเป็นลิเวอร์พูลที่ค่อยๆ ดีขึ้น ครองเกมตั้งเกมของตัวเองได้มากขึ้น จนทำให้เรดดิ้งต้องถอยกันลงไปตั้งรับในแดนตัวเอง
ผ่าน 10 นาทีของเกมไป ลิเวอร์พูลที่คุมเกมได้แล้ว เน้นการขึ้นบอลทางฝั่งซ้ายสลับกับตรงกลางแต่ยังเจาะได้ลำบาก แม้จะได้ยิงเป็นระยะแต่ไม่ค่อยได้ยิงในพื้นที่สุดท้าย ส่วนเรดดิ้งก็อุดอย่างเดียว ตั้งรับลึกในกรอบเขตโทษ จนเกมรุกลิเวอร์พูลเริ่มไปไม่เป็น เล่นไปเล่นมาแล้วทำได้แค่วนๆ อยู่แถวหน้าเขตโทษ พอเกมผ่านไปถึงประมาณนาที 25 เรดดิ้งเลยย่ามใจ ค่อยๆ ดันสูงมากขึ้น เปิดเกมรุกมากขึ้น ก็เลยพลาด.. นาที 29 จากจังหวะทำเกมเร็วของลิเวอร์พูล ซัวเรสได้บอลแล้วรีบจ่ายทะลุให้สเตอริ่งหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษผ่านตัวตัว บล็อคและผู้รักษาประตูเข้าไปได้ 1-0
หลังจากเสียประตู เรดดิ้งไม่ได้ถอยกลับไปรับและเริ่มเปิดเกมรุกมากขึ้นแต่ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หนักไปทางจ่ายเสียกันไปเอง ส่วนลิเวอร์พูลที่มีพื้นที่เล่นมากขึ้นยังทำอะไรเพิ่มไม่ได้ จนกระทั่งจบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0
เข้าครึ่งหลัง รูปเกมก็อปมาจากท้ายครึ่งแรกเป๊ะ เกมค่อนข้างเปิดและเป็นลิเวอร์พูลที่ได้ลุ้นประตูเป็นระยะ แต่เรดดิ้งใช้เวลากว่า 15 นาที ค่อยๆ พาตัวเองกลับเข้าฝั่งได้ บอลที่สะเปะสะปะไร้ทิศทางเริ่มแม่นยำและได้ลุ้นประตูมากขึ้นเรื่อยๆ นาที 63 เชลวี่ย์ได้ลงมาแทนซาฮิน ถึงตรงนี้เกมเปิดแลกกันสนุก ลิเวอร์พูลหวุดหวิดจะได้ประตูนำห่างหลายครั้ง ส่วนเรดดิ้งก็เริ่มได้ลุ้นมากขึ้นจนโจนส์เริ่มมีงานให้ทำบ้างแล้ว
นาที 75 เอนริเก้ลงมาแทนซูโซ่ โยกสเตอริ่งไปขวาแล้วใช้เอนริเก้เล่นปีกซ้าย ซึ่งเอนริเก้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ผ่านบอลเข้ากลางได้สวยๆ หลายครั้งแต่ซัวเรสยิงทิ้งหมด หลังจากมีโอกาสแล้วทำไม่ได้เกมเลยไม่ขาด พอเข้า 10 นาทีสุดท้ายกลายเป็นเรดดิ้งที่เร่งโหมเกมบุกเข้าใส่และทำได้ดี ครองบอลได้ตลอดและได้ลุ้นประตูเป็นระยะโดยเฉพาะจากการเจาะตรงกลาง กลายเป็นลิเวอร์พูลที่ต้องลงไปรับต่ำและโต้แทบไม่ขึ้น
นาที 84 เฮนเดอร์สันลงแทนสเตอริ่ง เวลาที่เหลือเรดดิ้งบดใส่เต็มที่ได้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายลิเวอร์พูลก็เอาตัวรอดมาได้แบบเจียนไปเจียนอยู่ 1-0
-----------------------------------------
เรื่องแรกที่ต้องพูดถึงก่อนเลย ลิเวอร์พูลชนะในบ้านในเกมลีคได้(สักที)แล้ว, เก็บคลีนชีตได้สำเร็จ ดูที่ผลลัพธ์อย่างเดียวนัดนี้ฟินละครับ 555+
11 ตัวจริงไม่มีอะไรผิดคาดเพราะเอนริเก้กลายเป็นตัวหลักในม้านั่งสำรองไปแล้ว บอรินี่กับเรน่าก็เจ็บ ส่วนการเปลี่ยนตัวสำรองแปลกใจไม่น้อยที่เอาเอนริเก้ลงแทนที่จะเป็นอัสไซดี้ (แต่ไม่ได้แปลกใจที่ไม่ใช่ดาวนิ่ง คาดว่าหมดอนาคตเพราะปากพาจนไปเรียบร้อย) สำหรับเชลวี่ย์กับเฮนเดอร์สันคิดว่าลงมาถูกจังหวะของเกมดีแล้ว
ในเรื่องรูปเกม วันนี้ต้องถือว่าโชคดีที่เรดดิ้งเผลอดันสูงขึ้นในช่วงประมาณนาที 25 ทำให้พอมีพื้นที่ด้านหลังแนวรับให้ลิเวอร์พูลเล่น จนกระทั่งทำให้ได้ประตูชัย ถ้าเรดดิ้งเลือกอุดทั้งเกมแบบสโตค ลิเวอร์พูลคงต้องเหนื่อยหนักกว่านี้แน่
โดยรวมนัดนี้ไม่ใช่วันที่ดีนักของลิเวอร์พูล เกมรุกเข้าอีหรอบเดิมคือเจาะได้(โดยเฉพาะในเกมเปิด)แต่จบสกอร์ไม่ได้เรื่อง แผงกลางยังคงหยุดเกมคู่ต่อสู้ไม่ค่อยได้ พื้นที่บริเวณหน้าเขตโทษปิดได้ไม่ดี มีที่ว่างให้คู่ต่อสู้เล่นเยอะเอามากๆ ส่วนแผงหลังพอโดนบดหนักแล้วมีออกอาการ ลนลานและสกัดบอลไม่ค่อยขาด แต่สิ่งที่ดีเอามากๆ คือการสร้างโอกาสทำประตูที่ทำได้เยอะ และทำได้ดีด้วย หลายครั้งที่บอลผ่านเข้าไปได้ยิงในตำแหน่งที่ต้องใส่สกอร์แล้ว รวมถึงโอกาสประเภทต้องเร่งๆ รนๆ ยิงหรือยิงไกลหรือจ่ายยัดเข้ากลาง (ซึ่งโอกาสประเภทนี้ทำได้เยอะนานแล้ว) ก็ทำได้ตลอดเกม
อดัม มอแกน หรือเยซิล น่าจะได้รับโอกาสในเร็วๆ นี้ แต่จะให้ดีมกราีรีบไปสอยกองหน้าตัวจบสกอร์มาสักตัวจะดีกว่า
...ดูนัดนี้แล้วคิดถึงฟาวเลอร์จริงๆ ครับ...
----------------------------------
นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ ไม่ได้แย่ แต่จะเรียกดีก็ไม่เต็มปาก
โจนส์ - ยืนตำแหน่งได้ดี บังบอลจังหวะคู่ต่อสู้หลุดเดียวไว้ได้ เรดดิ้งยิงพอได้ลุ้นอีกสองสามครั้งก็เซฟไว้ได้หมด ลูกกลางอากาศก็ไม่พลาด อย่างเดียวที่โจนส์ทำได้อนาถมากๆ คือการเตะเปิดเกมที่เพื่อนไม่เคยได้บอลเลยแม้แต่ครั้งเดียว...
จอห์นสัน - เกมรับไม่มีอะไรให้ห่วงนักและทำได้ดี ส่วนเกมรุกบุกขึ้นไปได้ยิง 2-3 ครั้ง พอได้ลุ้น แต่โดยรวมก็เป็นวันที่ไม่ได้มีบทบาทกับเกมมากนัก
แอกเกอร์ - เข้ามาซ้อนตำแหน่งเพื่อนไม่ว่าจะแบคหรือกลางรับได้ค่อนข้างช้า เข้าสกัดพอใช้ได้ เล่นแทบไม่เสียฟาลว์และไม่เสียบอล
สเคอเทล - เสียฟาลว์ค่อนข้างง่าย(กรรมการเป่าง่ายด้วย) ขึ้นไปเล่นลูกตั้งเตะได้ดีหลายครั้ง มีปัญหาในการรับมือเจสัน โรเบิร์ตที่ลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังพอสมควร แต่โดยรวมก็เล่นใช้ได้ ไม่ได้ถึงขึ้นเลวร้ายอะไร
วิสดอม - เกมรุกไม่ได้ขึ้นเลย ช่วยเชื่อมเกมก็ไม่ค่อยดี เกมรับไม่ถึงขึ้นเหนียวแน่น มีพลาดให้เห็นบ้างแต่ยังไม่ถึงกับรั่ว เล่นได้แค่ประคองตัว
อัลเลน - เล่นพลาดหลายจังหวะ (แต่ก็ยังน้อยอยู่) เชื่อมเกมได้ดีและหาจังหวะเติมขึ้นไปช่วยเกมด้านหน้าได้ดีมาก ชลอจังหวะที่คู่ต่อสู้จะเปลี่ยนรับเป็นรุกได้ดี แต่ที่ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่คือคุมพื้นที่หน้าเขตโทษตัวเองหลวม และเข้าปะทะน้อยไปหน่อย
เจอราร์ด - ได้บอลน้อยลงจากนัดก่อนๆ ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรมากนัก หนักไปทางช่วยเชื่อมเกม ไม่เด่นทั้งเกมรุกเกมรับ
ซาฮิน - ซวยที่สุดในทีม ด้วยความที่ไม่ชอบพาบอลไปกับตัวแต่ชอบส่งแล้ววิ่งไปรอจบ เลยกลายเป็นไม่ค่อยได้ทำอะไรเพราะบอลไม่ค่อยกลับมาหา หลายครั้งที่สเตอริ่งกับซัวเรสยิงนกตกปลาออกล่าสัตว์กันอย่างสนุกสนาน ภาพช้ารีเพลย์จังหวะยิงภาพสุดท้ายก่อนตัดเข้าเกมจะเห็นซาฮินยืนชูมือหงอยๆ อยู่ในเขตโทษในตำแหน่งที่ไม่มีทั้งคนประกบและไม่มีทั้งบอล... สุดท้ายโดนเปลี่ยนตัวออกเป็นคนแรกอย่างน่าเจ็บใจ
สเตอริ่ง - ยืนตำแหน่งรอบอลได้ดีรวมถึงมีความเร็ว ถ้ามีพื้นที่ว่างหลังแนวรับ เพื่อนวางยาวหรือจ่ายทะลุแนวรับมาเมื่อไหร่เป็นเก็บบอลได้ วิ่งตัดแนวรับได้ดี ผ่านบอลพอใช้ได้ แต่เมื่อไหร่ที่มีจังหวะยิงเองจะมองไม่เห็นเพื่อนทันที หลายครั้งที่เพื่อนยืนว่างอยู่แต่สเตอริ่งไม่ให้ หลายครั้งก็ตัดสินใจช้าเกินไปทำให้ทีมเสียโอกาสไปไม่น้อย อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนยิงประตูให้ทีมชนะมาได้
ซูโซ่- ผนึกกำลังกับวิสดอมในการอนุรักษ์หญ้าแถวมุมธงฝั่งขวาของคู่ต่อสู้ไม่ให้โดนเหยียบย่ำได้สุดยอด อันที่จริงก็เล่นได้ดี จับบอลครองบอลได้สุดยอด ไม่มีใครแย่งบอลจากซูโซ่ได้ ผ่านบอลก็เข้าขั้นดี...แต่ซูโซ่ไม่ควรไปเล่นตำแหน่งนั้นเลย เสียของสุดๆ
ซัวเรส - ได้ฟาลว์ยากมาก แต่สีหน้าเจ็บปวดประหนึ่งขาหักทุกครั้งที่คู่ต่อสู้เข้ามาปะทะก็ไม่ได้ชวน ให้กรรมการคิดว่าควรให้ฟาลว์แต่อย่างใด ลงมาต่ำคอยเชื่อมเกมทำเกมได้ดี ผ่านบอลให้เพื่อนได้สวยชนิดที่คนยิงมันต้องยิงเข้าแน่ๆ สองสามครั้งแต่เพื่อนทำได้แค่ประตูเดียว ส่วนเจ้าตัว ทุกครั้งที่มีโอกาสยิง ไม่นกก็ปลาต้องตาย...
ตัวสำรอง
เชลวี่ย์ - พาบอลไปกับตัวได้ดีกว่าซาฮิน เจาะแนวรับได้ดีไม่ว่าจะเลี้ยงไปเองหรือวิ่งทำทาง มีโอกาสยิงที่ไม่น่าเชื่อว่าจะพลาด...แต่พลาด
เอนริเก้ - ลงมาแล้วสามารถเปิดบอลเข้ากลางได้ดี ถึงเท้าซัวเรส 2-3 ครั้งชนิดที่มีเวลาให้เตรียมตัวยิง
เฮนเดอร์สัน - ไม่ได้ทำอะไรนอกจากวิ่งไล่บอล
.แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ..ราฮีม สเตอริ่ง... ฟอร์มโดยรวมไม่ถึงกับสุดยอด ไม่ได้เด่นกว่าคนอื่นมากนัก แต่นี่คือคนยิงประตูชัย และนั่นคือการเปลี่ยนจาก 1 เป็น 3 แต้ม!
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ลิเวอร์พูล 0 - 0 สโตค ซิตี้ (พรีเมียร์ลีค)
...เจาะแล้ว แต่ไม่เข้า...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1
---------------------ซัวเรส----------------------
-----สเตอริ่ง-------ซาฮิน--------ซูโซ่----------
-------------อัลเลน---------เจอร์ราด-----------
จอห์นสัน---แอกเกอร์---สเคอเทล----วิสดอม
----------------------เรน่า-----------------------
ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านต่อเนื่อง นัดนี้เปิดบ้านรับสโตคในเกมลีค ร็อดเจอร์สให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งที่ทำผลงานดีอย่างซูโซ่และวิสดอมลงเป็นตัว จริงทางฝั่งขวา ที่หลุดไปคือบอรินี่ นอกนั้นก็ยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมอยู่
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายก็เปิดแลกใส่กันทันที แดนกลางไล่ถึงบอลกันเร็วแทบไม่มีพื้นที่และเกมเร็วมาก สโตคพยายามผ่านบอลให้ถึงริมเส้นเพื่อจะเปิดบอลโด่งเข้ากลาง ส่วนลิเวอร์พูลโดนบีบจนครองบอลไม่ได้นานนักและต้องเร่งส่งบอลขึ้นหน้า ช่วงต้นเกมรูปเกมค่อนข้างสูสีโดยเป็นสโตคที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เปรียบนักและไม่ได้ลุ้นประตู
ลิเวอร์พูลค่อยๆ ประคับประคองเกมกลับมาได้ ผ่าน 20 นาทีไปเริ่มครองเกมได้ดีขึ้นและสโตคต้องหันมาใช้ลูกหนักเข้าหยุดเกม ทำให้เสียฟาลว์อย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ตัดสิน ลี เมสัน ค่อนข้างใจเย็น ให้ใบเหลืองยาก สโตคเลยวิ่งไล่อัดได้อย่างสบายใจ อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลเริ่มเป็นฝ่ายครองเกมได้มากกว่าและพาบอลขึ้นไปป้วนเปี้ยนแถวเขต โทษได้บ่อยครั้งขึ้น แต่หาโอกาสเจาะเข้าไปในเขตโทษไม่ค่อยได้ ก่อนจะจบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0
เข้าครึ่งหลัง สโตคถอยลงไปรับมากขึ้นและเล่นระมัดระวังจนเสียฟาลว์น้อยลง เปิดโอกาสให้ลิเวอร์พูลที่ลงมาเร่งเกมเต็มที่ได้ทำเกมรุกใส่ฝ่ายเดียว จอห์นสันถูกดันขึ้นไปเล่นเกมรุกมากขึ้น เช่นเดียวกันกับแอกเกอร์และอัลเลนที่หาโอกาสเติมขึ้นไปถึงหน้าเขตโทษบ่อย ครั้ง แม้จะกดดันได้ต่อเนื่องแต่ลิเวอร์พูลก็ยังหาโอกาสเจาะเข้าเขตโทษได้ อย่างอยากลำบาก
ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไป ซูโซ่กับสเตอริ่งสลับฝั่งกันเล่นและเป็นสเตอริ่งที่ทำเกมได้ดีขึ้น ลิเวอร์พูลยังคงเร่งเกมรุกต่อเนื่องแต่ยังเข้าพื้นที่สุดท้ายไม่ค่อยได้เช่น เดิม แม้จะมีบางจังหวะที่หลุดเข้าไปได้บ้างก็จะโดนเร่งหรือบีบมุมแคบทำให้ยิงได้ ไม่ถนัดนัก ยังทำประตูขึ้นนำไม่สำเร็จ
นาที 67 โคลลงมาแทนซูโซ่ นาที 79 อัสไซดี้แทนซาฮิน แล้วโยกโคลมาเล่นกลาง แต่ตลอดช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่า...ลิเวอร์พูลเก็บบอลได้ สโตคอุด ลิเวอร์พูลพาบอลบุกขึ้นมาแล้วจะไปเสียบอลแถวๆ หน้าเขตโทษหรือจ่ายพลาดจังหวะสุดท้าย สโตคสกัดหรือเตะเปิดเกมออกมา ลิเวอร์พูลเก็บบอลได้.... วนไปอย่างนี้จนกระทั่งจบเกมที่สกอร์ 0-0
-----------------------------------------
แปลกใจเล็กน้อยที่ร็อดเจอร์สถอดซูโซ่ก่อนซาฮิน และเอาโคลลงก่อนอัสไซดี้ แต่ก็ไม่ถึงผิดคาดมหัศจรรย์หรือเป็นมหันตภัยอะไร
เป็นนัดที่ไม่มีอะไรผิดความคาดหมายในด้านแทคติค สโตคเล่นแบบสโตค ลิเวอร์พูลเล่นแบบลิเวอร์พูล ทั้งสองฝ่ายไม่ก่อความผิดพลาดอะไร สิ่งที่ทำให้เกมนี้ออกมาเป็นอย่างที่เห็นคือผู้ตัดสิน ลี เมสัน ที่ปล่อยเกมในช่วงครึ่งแรก ทำให้สโตคเล่นหนักได้ตลอดในครึ่งแรกและครึ่งหลังก็ไม่มีนักเตะโดนใบเหลืองใน ตำแหน่งสำคัญทำให้นักเตะสโตคเล่นได้อย่างไม่กดดันนัก หากผู้ตัดสินให้ใบเหลืองง่ายกว่านี้อีกสักนิด สโตคไม่น่าเหลือ 11 คนได้ยันจบเกมหรืออย่างน้อยน่าจะพะวงกับการทำฟาลว์จนเล่นผิดพลาดให้เห็น มากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินไม่ได้ผิดพลาดอะไรมากนัก ที่พลาดจริงๆ น่าจะเป็นเกมรุกของลิเวอร์พูลเองมากกว่า นักเตะลิเวอร์พูลมีปัญหากับเกมหนักของสโตคมากกว่าที่คิด ซาฮินนั้นแทบหายไปจากเกม สเตอริ่งโดนเบียดกระเด็นกระดอน ซูโซ่ก็ดูจะยั้งๆ ในจังหวะ 50/50 ในขณะที่ซัวเรสให้ผลตรงกันข้ามคือยิ่งโดนเตะยิ่งดื้อจะพาบอลไปโดนเตะอีก(ซะ อย่างนั้น) ส่วนคนอื่นๆ ก็เล่นกันได้ยากลำบาก ยิ่งเวลาผ่านไปแล้วยิงนำไม่ได้ ยิ่งกดดันตัวเองหนักเข้าไปอีก ทำให้เกมโดยรวมแม้จะครองบอลได้มากกว่าเยอะ และบอลเลยแดนกลางไปอยู่แถวหน้าเขตโทษบ่อยครั้งแต่เจาะเข้าไปลุ้นประตูได้ไม่ มากนัก
ส่วนสิ่งที่ลิเวอร์พูลทำได้ดีก็ยังมี คือสามารถลดความผิดพลาดที่เห็นมาตลอดในช่วงหลังลงไปได้มาก (มีอยู่บ้างแต่น้อยและไม่ถึงตาย) สามารถเก็บบอลครองเกมได้ ไม่สะดุดเสียบอลให้สโตคเอามาบุก ปิดเกมโต้กลับได้สนิท(แม้ว่าสโตคจะไม่ค่อยสนใจโต้นักก็เถอะ) และถึงแม้จะเจาะเข้าไปแทบไม่ได้ก็ยังอุตส่าห์ดิ้นรนหาช่องหาโอกาสลุ้นได้ ประตูอยู่หลายครั้งเหมือนกัน
การเจาะแนวรับของทีมที่เล่นไม่เน้นสวย ไม่เลือกวิธีการ ไม่ได้จะเอาประตู แต่อุดแหลกขอแค่ 1 แต้่มแบบนี้เข้าไปให้ได้ เป็นโจทย์ยากโจทย์ใหญ่ของทีมที่ต้องการจะอยู่ในตำแหน่งที่ได้ไปเล่นบอลยุโรป โดยเฉพาะ UCL เสมอนัดนี้ไม่ใช่บทเรียนของนักเตะ แต่เป็นบทเรียนให้ผู้จัดการทีมอย่างร็อดเจอร์สแก้ไขต่อไป เพราะนี่จะไม่ใช่เกมเดียวแน่ที่ต้องเจอคู่ต่อสู้เล่นแบบนี้ ส่วนนักเตะในสนามนั้นเล่นเต็มที่เท่าที่ความสามารถจะพึงมีแล้ว การเล่นของพวกเขาเหมือนอยากตะโกนออกมาดังๆ ว่า...
...พยายามแล้วค๊าบ แต่มันเจาะไม่เข้าจริงๆ ...
----------------------------------
นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ ค่อนไปทางดี
เรน่า - ไม่ได้เซฟอะไรเลยสักลูก และไม่ต้องออกมาตัดบอลเร็วบอลโด่งอะไรเท่าไหร่ วันนี้ออกบอลสั้นกับพื้นหวาดเสียวอยู่หลายลูกแต่ก็ไม่ถึงกับพลาดอะไร
จอห์นสัน - มีงานในเกมรับน้อยและจัดการได้ไม่ยาก ส่วนเกมรุกทำได้ดีมากๆ ในช่วงต้นครึ่งหลังประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก
แอกเกอร์ - ดักเก็บบอลที่ทะลุบ้างได้ดี ผ่านบอลไปข้างหน้าได้ดีมาก มีจังหวะแอบเติมขึ้นไปข้างหน้า ทั้งพาบอลไปเองและวิ่งทำทางได้ดีหลายครั้ง
สเคอเทล - ช่วยกันกับแอกเกอร์ปิดตายเคร้าช์ได้สนิท เล่นลูกกลางอากาศได้ดี มีลูกหนักไว้คอยปะทะกับกองทัพนักเตะกอริลล่าของสโตค
วิสดอม - ยังเชื่อมเกมได้ดี ไม่ค่อยพลาด แต่ก็ไม่ค่อยได้ขึ้นไปช่วยเกมรุกมากนักเช่นกัน เกมรับก็ไม่ถูกกดดันอะไรเท่าไหร่ เอาตัวรอดได้สบาย
อัลเลน - เก็บบอลจังหวะสองได้ดีทั้งในเกมรุกและเกมรับ ทำให้ทีมครองบอลได้นาน อ่านทางบอลและวิ่งไล่เพรซซิ่งเร็วได้ดี ผ่านบอลสั้นให้เพื่อนได้เร็วดี ไม่ต้องเงื้อนาน
เจอราร์ด - เป็นตัวคุมจังหวะในเกมรุกอยู่ตลอดเกมแม้แต่ในช่วงครึ่งแรกที่ยืนค่อนข้างต่ำ วันนี้ทำชิ่งในพื้นที่แคบๆ ไม่ค่อยผ่าน แต่การวางบอลยาวไปพื้นที่ว่างทำได้ดี แทบจะเป็นคนเดียวในทีมที่สร้างสรรค์และกำหนดทิศทางของเกมรุก ไม่ใช่แค่วิ่งตะบึงมันขึ้นไปดื้อๆ หรือจ่ายบอลยัดแบบไม่รู้ว่าจะเล่นยังไงต่อ
ซาฮิน - เจอบอลสไตล์อังกฤษแท้ๆ ทำเอาเล่นไม่ออก ดูแหยงๆ เหวอๆ ไม่ค่อยกล้าเข้าบอล จังหวะบอลอยู่กับตัวก็โดนเร่งจนจ่ายบอลสวยๆ แบบที่ผ่านมาไม่ได้ แม้จะยังพอเอาตัวรอดได้คือไม่จ่ายบอลเสียหรือโดนแย่งบอลจากเท้าสักเท่าไหร่ แต่ก็ช่วยทีมไม่ได้มากนัก
สเตอริ่ง - เจอความหนักและการเล่นแบบจวนเจียนจะฟาลว์อยู่ตลอดของแนวรับสโตคแล้วมีปัญหา มากเหมือนกัน ช่วงที่เล่นทางซ้ายทำอะไรแทบไม่ได้เลย พอโยกไปทางขวาแล้วดูดีขึ้นมาก หาโอกาสเปิดบอลและยิงเองได้บ้าง ที่ทำได้ดีมากคือความขยันวิ่งไล่บอลที่แย่งหรือเข้าไปบังบอลจนได้บอลคืนกลับ มาหลายครั้ง
ซูโซ่- ได้บอลค่อนข้างน้อย วิสดอมไม่ค่อยขึ้นมาช่วย ส่วนเจอราร์ดก็มองหาซัวเรสก่อนตลอด ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกมมากนัก ยังครองบอลได้เหนียวแน่นและจ่ายบอลได้ดี
ซัวเรส - โดนอัดหนักตั้งแต่ต้นยันจบ ยิ่งโดนเตะยิ่งดื้อจะพาบอลไปเอง ช่วงครึ่งหลังหลายครั้งเลี้่ยงบอลไปเหมือนรอให้เตะแต่นักเตะสโตคไม่เล่นด้วย บังทางอย่างเดียว ทำเกมได้ค่อนข้างดีแต่ฝืนจนเสียไปก็ไม่น้อย ถ้าเล่นกับเพื่อนมากกว่านี้จะดีกว่า โดยเฉพาะซูโซ่กับสเตอริ่งที่วิ่งเก้อไปหลายรอบ
ตัวสำรอง
โคล - ต๋อม...(เสียงหินโยนลงน้ำ)
อัสไซดี้ - ต๋อม.....(ก้อนที่สอง)
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โจ อัลเลน... ถ้าชนะคงเป็นเจอราร์ดที่เป็นคนคุมเกมรุกไปแล้ว แต่เมื่อได้แค่เสมอ ขอเลือกคนที่เก็บบอลให้ทีมได้มากและผ่านบอลไปรอบๆ อย่างอัลเลนก็แล้วกัน
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ลิเวอร์พูล 2 - 3 อูดิเนเซ่ (ยูโรป้า)
...คืนนั้น สวรรค์ล่ม...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1
---------------------บอรินี่-----------------------
-----อัสไซดี้-------เชลวี่ย์--------ดาวนิ่ง-------
-------------อัลเลน------เฮนเดอร์สัน----------
โรบินสัน---คาราเกอร์---โคอาเตส---จอห์นสัน
----------------------เรน่า-----------------------
เกมยูโรป้าลีค ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับอูดิเนเซ่ที่เสมอกับอันซิมาในนัดแรก ร็อดเจอร์สยังใช้ผู้เล่นสำรองเป็นส่วนใหญ่แต่มีตัวหลักลงมาช่วยอยู่หลายคน และในม้านั่งสำรองยังเก็บนักเตะคนสำคัญอย่างซัวเรส, เจอราร์ดไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดด้วย
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาอูดิเนเซ่ยพยายามไล่บอลเต็มสนามและเน้นบุกเจาะทางฝั่งโรบินสัน ส่วนลิเวอร์พูลเล่นช้า ต่อบอลสั้นตามช่องกันขึ้นไปเรื่อยๆ แต่แดนกลางเข้าไล่เร็วจนอูดิเนเซ่ตั้งเกมของตัวเองไม่ถนัด ทำให้เกมค่อยๆ ไหลมาทางลิเวอร์พูลทีละน้อยแต่ยังเจาะพื้นที่สุดท้ายได้ไม่มากนัก
แต่ในที่สุดลิเวอร์พูลมาเจาะแนวรับได้สำเร็จในนาที 23 เชลวี่ย์ออกบอลไปให้ดาวนิ่งทางริมเส้นขวาก่อนจะวิ่งทะลุเข้าไปในเขตโทษโหม่ง ลูกครอสของดาวนิ่งที่เปิดกลับเข้ามาให้ 1-0 และหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็เล่นได้ง่ายขึ้น ความกดดันน้อยลงไป รวมไปถึงอูดิเนเซ่ที่เล่นระมัดระวังมากขึ้น เน้นปิดพื้นที่ในแดนตัว ไล่บอลในแดนกลางน้อยลง ทำให้ลิเวอร์พูลครองบอลเอาไว้ได้แบบเบ็ดเสร็จ ผ่านบอลไปมาทั่วสนาม มีช่องก็เจาะ ไม่มีก็ผ่านบอลไปเรื่อย เน้นความแน่นอนเอาไว้ก่อน อูดิเนเซ่แทบไม่ได้บอลกลับมาครองเลย ส่วนลิเวอร์พูลยังทำประตูเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0
เข้าครึ่งหลังแค่ไม่กี่วินาที อูดิเนเซ่ได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็วจากจังหวะวางบอลยาวแล้วจอห์นสันทำบอล ปลิ้นจากเท้าโดนตัดไปได้ ก่อนที่จังหวะสุดท้ายจะเป็นดินาตาเล่แปเข้าประตูไปได้สำเร็จ 1-1 โดยครึ่งหลังนี้อูดิเนเซ่ปรับเกมหันมาไ่ล่บอลเร็วตั้งแต่แดนหน้า กดดันไม่ให้ลิเวอร์พูลผ่านบอลได้สะดวกและได้ผลเป็นอย่างดี ลิเวอร์พูลตั้งเกมของตัวเองได้ลำบาก จ่ายบอลผิดพลาดมากขึ้นและครองบอลได้น้อยลง
รูปเกมโดยรวมยังดูสูสี โดยเป็นทางฝั่งอูดิเนเซ่ได้เปรียบเล็กน้อย นาที 64 ร็อดเจอร์สเปลี่ยนเอาเจอราร์ดกับซัวเรสลงมาแทนอัสไซดี้กับเฮนเดอร์สัน เกมของลิเวอร์พูลเร็วและทะลุทะลวงมากขึ้นทันที จนเกมทำท่าว่าจะพลิกกลับมาทางลิเวอร์พูล แต่แล้วนาที 70 กลับเป็นอูดิเนเซ่ที่พลิกขึ้นนำในจังหวะได้ฟรีคิกทางริมเส้นใกล้กรอบเขตโทษ เปิดโด่งเข้ามาแล้วเป็นโคอาเตสที่ขึ้นถึงบอลแต่โหม่งสะบัดไม่พ้นกรอบ ทำเข้าประตูตัวเองไป 2-1
ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมต่อไปจนเกิดความผิดพลาดเองบ่อยครั้ง เพียงแค่ 2 นาทีถัดมา อูดิเนเซ่ตัดบอลได้โต้เร็วกลับมา ดินาตาเล่บังบอลจากคู่เซ็นเตอร์ได้ก่อนเปิดให้ปาสควาเล่ที่วิ่งขึ้นมายิงไกล จากนอกเขตเข้าประตูไปได้สำเร็จ 3-1 ลิเวอร์พูลยังไม่ท้อ ตั้งหน้าตั้งตาบุกต่อไปและตีตื้นได้เร็วเช่นกัน นาที 75 จากฟรีคิกแถวมุมเขตโทษ ซัวเรสปั่นเสียบใต้คานอย่างสวยงามให้ลิเวอร์พูลไล่เข้ามาเป็น 3-2
อูดิเนเซ่พยายามดึงเกมให้ช้าลงและไม่สาดบอลทิ้งมั่วซั่ว ส่วนลิเวอร์พูลยังเร่งจะเอาประตูตีเสมอให้ได้ พลาดบ้างดีบ้างแต่โดยรวมก็สามารถกดดันและลุ้นประตูได้อยู่ตลอด นาที 79 สเตอริ่งได้ลงมาแทนบอรินี่อีกคน ลิเวอร์พูลดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกเกือบหมด กดดันและหาช่องยิงได้หลายครั้งแต่จบสกอร์ไม่สำเร็จ ส่วนทางฝั่งอูดิเนเซ่ก็เล่นได้ตามแทคติค เก็บบอลได้บ้างเป็นระยะ และโต้ได้นิดหน่อย ไม่ถึงกับรับอย่างเดียว ก่อนจะเอาตัวรอดไปได้จนจบเกม เฉือนชนะลิเวอร์พูลได้สำเร็จ 3-2
-----------------------------------------
ดูจากรายชื่อ 11 ตัวจริงรวมไปถึงตัวสำรองแล้ว ร็อดเจอร์สไม่ได้ประมาทอูดิเนเซ่ และอันที่จริงคุณภาพของนักเตะโดยรวมของลิเวอร์พูลชุดนี้ไม่ได้เป็นรอง รูปเกมครึ่งแรกทีมชุดที่ลงไปก็น่าจะเอาอยู่จริงๆ เมื่อทำประตูขึ้นนำได้และครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว แต่มาพังเอาครึ่งหลังเพราะการเสียสมาธิในช่วงต้นเกมและการรับมือกับการวิ่งไล่บอลเร็วได้ไม่ ดีพอทำให้เกมนี้หลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย
จุดสลบในเกมนี้ของลิเวอร์พูลอยู่ที่เกมรับในแดนกลาง ทุกครั้งที่โดนคู่ต่อสู้ตัดบอลได้ที่กลางสนาม กองกลางไม่สามารถหยุดคู่ต่อสู้ได้ในระดับที่น่าพอใจ รวมไปถึงพื้นที่หน้าเขตโทษที่เปิดไว้เยอะ พอมีความผิดพลาดปุ๊ป บอลทะลักถึงเขตโทษทันที ส่วนหนึ่งเป็นจุดด้อยของแทคติคที่ดันกลางขึ้นไปสูงถึงกลางสนามหมด(เพื่อแลกกับเปอร์เซ็นต์การครองบอลและบีบพื้นที่ในแดนของคู่ต่อสู้) แต่อีกส่วนหนึ่งคือนักเตะในแดนกลางโดยเฉพาะอัลเลนกับเฮนเดอร์สันยังเล่นเกมรับได้ไม่เด็ดขาดด้วย ลิเวอร์พูลตอนนี้ถ้าเจอกับทีมที่ "มีอะไร" มาสู้ ยังขาดลูคัสไม่ได้จริงๆ
แต่ไม่ใช่ว่าอะไรจะแย่ไปซะหมด (ที่จริงมีดีเยอะด้วย) อันดับแรก ริมเส้นของลิเวอร์พูลตอนนี้ดูดีกว่าฤดูกาลก่อนมาก เกมริมเส้นทะลุทะลวงได้มากขึ้น ทำผลงานได้เป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น อันดับต่อมา ลูกเซตพีซมีความน่ากลัวมากขึ้นตามลำดับ ได้ลุ้นบ่อยครั้ง ไม่ใช่ขึ้นไปไม่เจอบอลแบบแต่ก่อน อันดับสุดท้ายคือนักเตะในทีมเล่นตามแทคติคที่วางไว้ได้เนียนตาขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้น จะรวมเอาลูกฮึดสู้ไม่ถอย เดินหน้าจะทวงคืน ไม่หน้างอ คอหัก เดินเท้าสะเอวเข้าไปด้วยก็ยังได้
หวังว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่ฉุดความมั่นใจและฟอร์มการเล่นที่ดูดีขึ้น ก็คงจะดี
...แต่ยังเสียดายนัดนี้ไม่หายจริงๆ ครับ...
----------------------------------
นัดนี้เล่นกันใช้ได้
เรน่า - ฟอร์มกระเตื้องขึ้นมาก 3 ลูกที่โดนไปไม่มีลูกไหนที่น่าจะทำอะไรได้มากกว่านั้น ยืนตำแหน่งได้ดี ออกมาเล่นลูกกลางอากาศถึงบอลตลอด ที่ดูไม่ดีอย่างเดียวในวันนี้คือชกบอลไม่ค่อยพ้นเขตโทษ ร่ำๆ จะโดนซ้ำหลายครั้ง (จริงๆ โดนไปครั้งนึงด้วยแต่เซฟไว้ได้)
โรบินสัน - ช่วยอัสไซดี้ได้น้อยไปหน่อย ไม่ค่อยกล้าเล่นในพื้นที่สุดท้ายของคู่ต่อสู้ เกมรับพอเอาตัวรอดได้ ไม่ได้เหนียวแน่นแต่ก็ไม่ถึงรั่ว โดยรวมถ้ามองจากมุมว่าเป็นดาวรุ่งถือว่าทำได้ดีน่าประทับใจ แต่ถ้าจะขึ้นชั้นมาเป็นตัวหลักแทนเอนริเก้ก็อย่าพึ่งเลยจ๊ะ~
โคอาเตส - เล่นได้ดีทั้งเกม เข้าสกัดได้หนักหน่วงแม่นยำ ปั๊กเดียวอยู่ตลอดไม่เสียฟาลว์ด้วย ลูกกลางอากาศก็เล่นได้เด็ดขาด พลาดครั้งเดียวคือทำเข้าประตูตัวเอง ซึ่งน่าเห็นใจไม่น้อยเพราะจริงๆ แล้วอ่านทางบอลได้ดีแล้ว ขึ้นถึงบอล แต่ดันอยู่กลางประตูแถมตัวเริ่มจะตกลงมาทำให้ควบคุมทางบอลยาก
คาราเกอร์ - ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะปรับตัวให้เข้ากับแทคติคที่ดูไม่น่าไปกันได้กับเจ้าตัว ได้ดีขนาดนี้ ขยับหาที่ว่างให้เพื่อนคืนบอลมาให้ได้ดี ไม่สาดทิ้งมั่วซั่ว ส่งบอลได้ดีเพื่อนไม่ต้องเจอความกดดัน แต่ปัญหาคืองานหลักอย่างเกมรับทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ความหนักในการเบียดปะทะลดน้อยอย่างน่าใจหาย ส่วนความเร็วคงไม่มีใครพูดถึงนานแล้ว ดูไปดูมาเหมือนโคอาเตสต้องมาประคองคาราเกอร์มากกว่าจะเป็นในทางตรงกันข้าม
จอห์นสัน - บุกได้คลั่งมาก ทำได้ดีระดับนึงในเรื่องนั้น เล่นเหมือนลืมไปแล้วว่าตำแหน่งคือแบ็ค พอทีมครองบอลได้ ใจคิดถึงเกมบุกอย่างเดียว ตั้งสมาธิกับเกมรับน้อยไปหน่อย ปล่อยพื้นที่รับผิดชอบให้เพื่อนมารับกรรมบ่อยเกินความจำเป็น
อัลเลน - มีการตัดสินใจที่ดี มีความหลากหลายในการเล่นและคุมจังหวะเกมได้ดี มีส่งพลาดให้เห็นบ้า่งแต่ไม่บ่อยนัก เกมรับก็ดูใช้ได้ เก็บบอลจังหวะสองและเข้าสกัดเร็วได้ไม่เลว ที่ดูมีปัญหาคือถ้าโดนคู่ต่อสู้แตะบอลหนีหรือบอลผ่านแนวของตัวเองไปเมื่อ ไหร่ บรรลัยเมื่อนั้น ตามไปไม่ค่อยทัน วิ่งเบียดไม่ค่อยอยู่
เฮนเดอร์สัน - ช่วยอะไรทีมไม่ได้มากนัก เล่นได้ดีในครึ่งแรกที่อูดิเนเซ่ยังไม่ไล่มาก โดยรวมทำได้แค่เชื่อมเกม และนัดนี้เป็นช่องโหว่ในเกมรับแดนกลางอย่างแท้จริง
อัสไซดี้ - ทำอะไรไม่ค่อยได้ จังหวะ 1-1 ยังหาช่องเปิดบอลได้แต่บอลที่เปิดเข้าไปไม่ถึงเพื่อน แต่เกมนี้หนักไปทางโดนรุมซ้อน 2 ตลอด มองหาตัวช่วยก็ไม่ค่อยจะมีเพราะโรบินสันจะชิ่งบอลกลับมาให้แทบจะในทันที ส่วนเชลวี่ย์หรือบอรินี่รับบอลไปแล้วก็ไม่ค่อยจะให้คืน
เชลวี่ย์ - ครึ่งแรกเล่นได้โดดเด่นมาก หา่ช่องเปิดบอลทำเกมรุกได้ดี ไม่ครองบอลนานจนเสียบอล วิ่งเติมเข้าเขตโทษไปทำประตูได้ด้วย ครึ่งหลังดูบทบาทน้อยลงไปเพราะบอลไปขึ้นที่เจอราร์ดหมดแต่ก็ยังมีส่วนร่วม กับเกมอยู่ตลอด ที่แย่ของวันนี้คือการเข้าบอลแบบแฟนบอลนั่งกุมขมับเริ่มกลับมาอีกแล้ว แต่โดยรวมก็ยังถือว่าเป็นที่ดีได้อยู่
ดาวนิ่ง - ฟอร์มกระเตื้องขึ้นตามแรงกระตุ้นจากร็อดเจอร์ส เล่นได้ดีที่สุดตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา เปิดบอลให้เพื่อนทำประตูได้และเปิดได้ลุ้นอีก 2-3 ครั้ง ลงมาช่วยเกมรับได้ดี เล่นเกมรับมากพอๆ กับจอห์นสัน เกมรุกแม้จะหนักไปทางแปะให้เพื่อนแต่ก็มีจังหวะที่ดีให้เห็นเป็นระยะๆ อยู่ตลอดเกม อย่างไรก็ตาม ถ้าหวังจะกลับมาเป็นตัวหลัก ฟอร์มนัดนี้ยังเป็นได้แค่จุดเริ่มต้น
บอรินี่ - ครึ่งแรกยังมีส่วนร่วมกับเกมดีอยู่ หาพื้นที่ว่างได้ดีและลงมาช่วยเชื่อมเกมได้ตลอด แต่เข้าครึ่งหลังบอลเริ่มไปไม่ถึงก็ค่อยๆ หายไปจากเกม และหายไปแบบไร้ร่องรอยตั้งแต่ซัวเรสลงสนาม มาโผล่อีกทีก็ตอนเรียกฟาลว์ให้ซัวเรสยิงฟรีคิกตีตื้นนั่นแหล่ะ
ตัวสำรอง
เจอราร์ด - ลงมาทำให้เกมเร็วและดุดันขึ้น แต่ก็มีส่วนพลาดจนทำให้ทีมเสียประตูจากการเร่งมากเกินไปเหมือนกัน
ซัวเรส - กดดันแนวรับได้ดี พลิกหลบพาบอลไปได้ดีหลายครั้ง ทำชิ่งได้แม่นไม่ค่อยพลาด ยิงฟรีคิกได้ดีด้วย แต่ยังเสียดายลูกยิงมุมแคบไม่หาย จังหวะนั้นมีเชลวี่ย์รอชาร์จอยู่โล่งๆ แต่ซัวเรสไม่ได้จ่ายให้
สเตอริ่ง - เลี้ยงผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง เปิดบอลเข้ากลางแทบไม่ได้ กดดันแนวรับได้ดีระดับนึง โดยรวมดีกว่าอัสไซดี้ก่อนหน้านั้น
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)