ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3 (4-2-3-1 หรือ 4-3-2-1 แล้วแต่ศรัทธา แต่ไม่ใช่ 4-5-1 แน่)
------มักซี่----------เค้าท์--------เบลามี่--------
--------เจอราด----สเปียริ่ง------เชลวี่ย์--------
ออเรลิโอ----โคอาเตส----คาราเกอร์----เคลลี่
-----------------------เรน่า-----------------------
ลิเวอร์พูลเตะในเกม FA Cup เปิดบ้านรับโอลแดม ดัลกลิชปรับทีมค่อนข้างมาก เปลี่ยนแทคติคมาเล่นหน้า 3 เค้าท์เป็นตัวเป้าโดยมีมักซี่กับเบลามี่เล่นริมซ้ายและขวา แดนกลาง 3 คน มีเจอราดกับเชลวี่ย์ทำเกมรุก ตัวรับเป็นสเปียริ่ง ในขณะที่แผงหลังมีชื่อออเรลิโอกับเคลลี่กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง พร้อมด้วยคู่เซนเตอร์ตัวจริง(บอลถ้วย)อย่างโคอาเตสกับคาราเกอร์ ส่วนตำแหน่งผู้รักษาประตูเรน่าปล้นมาจากโดนี่แบบงงๆ
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมก็ได้กลิ่นอายฟุตบอลอังกฤษแท้ๆ ลอยออกมาจากจอกันเลยทีเดียว ทั้งสองฝ่ายวิ่งไล่เข้าหาบอลกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่ค่อยครองบอลและเน้นเล่นเร็ว เห็นเพื่อนยืนอยู่ข้างหน้าก็หวดตูมขึ้นไป และเป็นโอลแดมที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยในการวิ่งไล่บอลจนลิเวอร์พูลตั้งเกมของตัวเองได้ลำบาก และหาอาศัยบอลเร็วบุกเข้าใส่ได้เป็นชุด หาโอกาสลุ้นทำประตูได้ด้วยอีกต่างหาก แต่ยังทำไม่สำเร็จ
ทางฝั่งลิเวอร์พูลเองก็เล่นกันเร็ว โดยเกมส่วนใหญ่ขึ้นโดยเจอราด ทั้งล้วงบอล ทั้งพาบอลไปเอง เปิดเองอีกต่างหากและเป็นเกมรุกทางฝั่งขวาของเบลามี่ที่ทะลุึขึ้นไปป้วน เปี้ยนใกล้เขตโทษได้เป็นระยะ แต่จังหวะลุ้นประตูยังน้อยอยู่ นาที 28 กลับเป็นโอลแดมที่พลิกขึ้นนำได้ก่อน จากจังหวะยิงไกลนอกเขตโทษ บอลพุ่งแรงและเร็วเสียบเสาแรกเข้าไปให้ทีมเยือนนำ 1-0 แบบช็อคแฟนบอลเจ้าถิ่น
แต่เพียง 2 นาทีถัดมา ลิเวอร์พูลบุกขึ้นมาได้ถึงเขตโทษ เชลวี่ย์ได้บอลแถวมุมกรอบเขตโทษด้านขวายิงไปโดนเบลามี่บอลเปลี่ยนทางเข้าเสาแรกไปให้ทีมตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว 1-1
โอลแดมยังคงบุกต่ออย่างบ้าคลั่ง เปิดเกมแลกกับลิเวอร์พูลอย่างสนุก แต่รูปเกมเริ่มเทมาทางลิเวอร์พูลมากขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะการออกบอลยาวไปที่ว่างซึ่งบุกกดดันโอลแดมได้อยู่ตลอด และมาได้จุดโทษจากจังหวะโต้กลับในนาที 45 เจอราดรับหน้าที่ยิงไม่พลาดให้ทีมขึ้นนำ 2-1 ก่อนจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่้าว
เข้าครึ่งหลัง โอลแดมก็ยังไม่เปลี่ยนเกมอะไร ดันกันขึ้นมาสูงเปิดเกมรุกเต็มที่แต่เริ่มกดดันแนวรับลิเวอร์พูลได้น้อยลง ส่วนลิเวอร์พูลเองก็มีช่องและมีพื้นที่ให้โต้ได้ตามสบาย แม้จะมีปัญหากับการครองบอลและการขึงเกมรุกอยู่บ้าง แต่เกมของโอลแดมเองก็ไม่ได้มีอะไรมากนักจึงทำให้ลิเวอร์พูลเล่นได้อย่างไม่กดดัน
ลิเวอร์พูลมาได้เพิ่มอีกในนาที 68 เชลวี่ย์ตัดบอลได้หน้าเขตโทษโอลแดม จ่ายต่อให้เบลามี่หักเข้ากลางแล้วเป็นเชลวี่ย์ที่เข้าไปยิงเองให้ทีมนำห่าง 3-1 หลังจากนั้นนาที 71 ฟลานาแกนก็ได้ลงมาแทนออเรลิโอโดยเล่นแทนในตำแหน่งแบคซ้ายเลย
โอลแดมยังคงเล่นเอามันต่อไป แต่บอลแทบจะไปไม่ถึงเขตโทษลิเวอร์พูลแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มปล่อยให้เชลวี่ย์ทำเกมเป็นส่วนใหญ่แล้วถอยเจอราดลงต่ำ เล็กน้อยคอยคุมจังหวะแล้วทำให้การครองบอลดูดีขึ้น นาที 75 ดาวนิ่งได้ลงแทนเบลามี่ ถึงตรงนี้เกมรุกของลิเวอร์พูลเริ่มเน้นเจาะตรงกลางมากขึ้น
นาที 87 คาโรลได้ลงแทนเค้าท์และอีกสองนาทีถัดมา เจ้าตัวก็ได้จังหวะเอี้ยวตัวยิงนอกเขตโทษเข้าไปได้อย่างสวยงาม ส่งให้ลิเวอร์พูลนำขาด 4-1 เท่านั้นยังไม่พอ นาทีสุดท้ายของการทดเวลา เจอราดได้โอกาสยิงไกลแถวมุมเขตโทษ บอลติดเซฟแต่กระดอนข้ามมาเสาสองเข้าทางดาวนิ่งฮาล์ฟวอลเล่ย์เข้าไปได้เป็น 5-1 และเป็นประตูแรกของเจ้าตัวด้วย ทำให้จบเกมลิเวอร์พูลชนะไปท่วมท้น 5-1
------------------------------------------
ดัลกลิชปรับทีมมากเหลือเกินในนัดนี้ แน่นอนว่านักเตะหลายคนอย่างโคอาเตส, คาราเกอร์, มักซี่, เค้าท์ มักจะได้ลงในบอลถ้วยอยู่แล้ว แต่นัดนี้ยังมีออเรลิโอ, เชลวี่ย์, เคลลี่โผล่มาจอยอีก ในขณะที่นักเตะสำคัญอย่างเจอราดก็พึ่งจะได้เป็นตัวจริงนัดแรกหลังหายเจ็บ กลับมา แค่เปลี่ยนนักเตะยังไม่พอ ดัลกลิชยังปรับแทคติคอีกด้วยโดยใช้ผู้เล่นในแดนหน้าถึง 3 คน โดยตัวริมเส้นอย่างมักซี่และเบลามี่ลงมาช่วยเกมรับแค่ครึ่งสนาม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองกลางกองหลังไป ดูออกจะประมาทโอลแดมไม่น้อย รูปเกมในช่วงต้นเกมก็ชี้ชวนให้เข้าใจอย่างนั้น เมื่อกลางที่มีน้อยกว่าแถมไม่ค่อยสัดทัดเกมรับหยุดโอลแดมไม่อยู่ รวมไปถึงแผงหลังที่นัดกันออกทะเล หลงตำแหน่งและเข้าประกบช้า,ประกบห่าง จนทำให้เสียประตูแรกไปก่อนในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยิ่งเล่นไปก็ยิ่งเข้าใจว่าทำไมดัลกลิชถึงกล้าประมาท โอลแดมไม่มีอะไรมาสู้จริงๆ และนี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขาแพ้เละเทะด้วย คือนอกจากลูกยิงผีจับยัดลูกนั้นแล้ว พวกเขาขึ้นเกมแบบมั่วซั่ว สักแต่ว่าเปิดบอลไปให้เพื่อนเร็วๆ แล้วดันกันขึ้นไปสูงๆ คิกแอนด์โฮฟแบบต้นตำรับกันเลยทีเดียว(ถึงจะโยนโด่งไม่มากนักก็ตาม) ไม่มีการครองบอล ไม่มีการชะลดเกมในจังหวะที่ควรชลอ แผงหลังก็ดันกันขึ้นไปสุ่มสี่สุ่มห้าจนเปิดโอกาสให้ลิเวอร์พูลได้ซ้อมเกมโต้ กลับกันทั้งเกม นอกจากเกมรุกแล้ว เกมรับก็เข้าขั้นมหันตภัย ลูกแรกกับลูกที่สามเป็นการเสียประตูที่รับรองว่าเราจะไม่ได้เห็นจากเกมในระ ดับพรีเมียร์ลีคบ่อยนักแน่ๆ ส่วนลูกที่สองกับสี่ก็เป็นการเสียประตูที่เพราะดันกันขึ้นไปสูงแบบไม่ดูตามาตาเรือจนโดยโต้กลับไส้แตกด้วย
...ก็คงต้องยกเครติดให้ดัลกลิชไปที่กล้าใส่เต็มๆ ไม่คิดอะไรมาก ไม่ต้องเอาเกมสวยด้วยการขึงพืดครึ่งสนาม แค่บุกโต้มันเข้าไปเป็นพอ...เกินพอด้วยซ้ำเกือบครึ่งโหลแหน่ะ...
แม้จะชนะด้วยสกอร์ห่างถึง 5-1 แต่วันนี้เกมของลิเวอร์พูลยังผิดพลาดค่อนข้างมากโดยเฉพาะเกมรับและการครอง เกม แดนกลางแม้จะมีน้อยแต่ก็ควรจะทำได้ดีกว่านี้ ส่วนแนวรับแม้ว่าจะต้องมาเจอบอลที่ทะลักเข้ามาบ่อยๆ แต่ด้วยคุณภาพตัวผู้เ่ล่นของโอลแดมแล้วต้องถอดหายใจเฮือกใหญ่ๆ เหมือนกันเพราะไม่น่าเชื่อว่าแนวรุกระดับนี้จะสามารถสร้างปัญหาให้แผงหลังลิ เวอร์พูลได้ขนาดนั้น(โดยเฉพาะช่วงต้นเกม) ดูแล้วคงต้องลุ้นให้แนวรับตัวหลัก 4 คนห้ามเจ็บห้ามป่วยห้ามตายกันล่ะ
----------------------------------
นัดนี้เล่นได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง
เรน่า - หน้าตาดูไม่มีความมั่นใจยังไงไม่รู้ แต่งานส่วนมากก็แค่ออกมารับบอลโยนที่เลยมา ลูกที่เสียไปคงโทษเขาไม่ได้ เพราะคนที่ปัดลูกแบบนั้นได้คงต้องตัวเท่าปีเตอร์เชคแล้วเร็วเท่าการ์ซียาส
ออเรลิโอ - 15 นาทีแรกเล่นเอาเครียด แต่ก็กลับขึ้นฝั่งได้ทันเพราะหลังจากนั้นก็ลดข้อผิดพลาดน้อยลงจนแทบไม่มี
โคอาเตส - ดูจะมีปัญหากับเกมเร็วและการเข้าปะทะ หลายครั้งที่เข้าประกบคู่ต่อสู้ช้าและเข้าบอลช้าเกินไป
คาราเกอร์ - ฟอร์มรูดลงไปยิ่งกว่าช่วงต้นฤดูกาล คงต้องนั่งสำรองต่ออีกนาน
เคลลี่ - ขยันเติมเกมดีและทำเกมรุกได้พอใช้ มีไอเดียในการทำเกมรุก ปัญหาคือขึ้นแล้วลงไม่ค่อยทันและเข้าสกัดผิดพลาดผิดเหลี่ยมให้เห็นอยู่เหมือนกัน
เชลวี่ย์ - เร่งเกมตลอดเวลา ไม่ค่อยมีจังหวะผ่อน เล่นเกมรุกได้ดุดันดีทั้งการพาขึ้นไปเอง,จ่ายทะลุและเข้าไปเติมแถวสอง มีผลงานในเกมรุกที่ไม่ด้อยไปกว่าเจอราดเลย แต่ดูจะไม่ระวังในการปิดพื้นที่ในเกมรับสักเท่าไหร่
สเปียริ่ง - อ่านเกมได้ไม่ดีเลย ยืนผิดตำแหน่งบ่อยมากทั้งในจังหวะเกมรุกที่ต้องรองบอลที่เพื่อนขึ้นต่อไม่ ได้ และเกมรับที่จะช่วยชะลอเกมคู่ต่อสู้ สภาพร่างกาย,ความขยันและการเข้าปะทะนั้นดูดีแล้วแต่คงต้องจับกรอกเปปทีนอีก เยอะๆ เลยถ้าคิดจะใช้งานระยะยาว
เจอราด - ครึ่งแรกแย่งซีนเด็กๆ หมด ทำเกมด้วยตัวเองมากเกินไป ลงไปล้วงบอลถึงหน้าเขตโทษและทำเกมเองจนถึงจังหวะสุดท้าย ถึงจะทำได้ดีแต่กลายเป็นว่าลิเวอร์พูลไม่ได้ใช้ประโยชน์จากนักเตะคนอื่นๆ เท่าที่ควร (ครึ่งแรกเชลวี่ย์แทบไม่ได้ทำเกม และทั้งเกมมักซี่กับสเปียริ่งเกือบหายไปเลย) ส่วนครึ่งหลังที่ถอยต่ำลงนิดหน่อยแล้วปล่อยให้เชลวี่ย์ทำเกมเป็นหลัก ดูจะทำให้ทีมมีสมดุลย์ดีกว่าในครึ่งแรก
มักซี่ - ไม่มีโอกาสได้ทำเกมมากนักเพราะบอลส่วนใหญ่ไปขึ้นทางเบลามี่หมด แต่ยังหุบเข้ามาหาจังหวะยิงได้ดีเช่นเคย เพียงแต่ไม่เป็นประตูทั้งๆ ที่ควรยิงได้อย่างน้อย 1 ลูก ตอนนาที 92 ที่กล้องจับไปแทบช็อค เพราะลืมไปแล้วว่ามักซี่ยังอยู่ในสนาม นี่สรุปครึี่งหลังเล่นกันแค่ 10 คนใช่มั้ย?
เค้าท์ - ในฐานะกองหน้า...ไม่ไหวแล้วจริงๆ หลายครั้งที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าคนประกบแต่กลับครองบอลไม่ได้ซะอย่างนั้น แค่ข้อดีที่ยังมีอยู่คือหลังจากให้บอลไปแล้วเค้าท์จะรีบวิ่งทำทางเข้าไปในเขตโทษทันที รวมไปถึงจังหวะที่เพื่อนจะเปิดบอลเข้าในกรอบ เค้าท์จะวิ่งส่ายหาที่่ว่างตลอด ช่วยดึงตัวประกบและเปิดทางให้เพื่อนได้ดีโดยเฉพาะเบลามี่, เจอราด, เชลวี่ย์ เล่นง่ายขึ้นเยอะ
เบลามี่ - ในวัย 30 อัพแบบนี้ กลายเป็นว่าเบลามี่ใช้ความเร็วความคล่องตัวกดดันฝ่ายตรงข้ามได้ดีกว่ารุ่น น้องในทีมซะอีก การวิ่งทำทางและการเปิดบอลเข้ากลางนัดนี้ถือว่าสุดยอด มีส่วนร่วมกับเกมรุกและการทำประตูของทีมอยู่ตลอด
ตัวสำรอง
ฟลานาแกน - ลงมาในจังหวะที่ทีมตั้งสติได้แล้วเลยโชคดีไป ไม่มีข้อผิดพลาดอะไร
ดาวนิ่ง - พอลงมาเพื่อนไม่ค่อยจ่ายบอลให้ซะงั้น หันไปเจาะตรงกลางแทนเลยได้บอลน้อยไปหน่อย แต่อย่างน้อยก็ยิงได้แล้วและยิงได้ดีด้วย
คาโรล - ยิงได้หล่อมาก แต่โหม่งได้...มาก (หาดูไฮไลท์ในนาที 94 ที่ได้โหม่งจ่อๆ ขึ้นคนเดียวประกรอบ) เอาเป็นว่าเลิกให้บอลโ่ด่งเกินหัวเข่าคาโรลกันดูดีมั้ย...อาจจะแฮททริคทุก นัดก็ได้นะ
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เคร็ก เบลามี่...จะว่าไปแล้ว รู้สึกว่านัดไหนที่ได้ลงตัวจริง ผมจะเลือกเขาเป็น MOM เกือบทุกนัดเลยนะ
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น