วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 0 - 0 สโต๊ค ซิตี้


...จุก...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 3-6-1 (ุึตอนเล่นจริง ดาวนิ่ง-เฮนเดอร์สัน-อดัม-เจอราด สลับตำแหน่งกันตลอด)

------------------------เค้าท์---------------------

-----------------------เจอราด--------------------

-----------ดาวนิ่ง--เฮนเดอร์สัน--อดัม----------

เอนริเก้---------------------------------จอห์นสัน

-----โคอาเตส-----คาราเกอร์-----สเคอเทล----

------------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับการเยือนของทีมที่เด่นในเรื่องลูกกลางอากาศและเกมรับอย่างสโต๊ค ดัลกลิชปรับแทคติคอีกครั้งด้วยการหันมาเล่น 3-6-1 ใช้เซนเตอร์ 3 คน เกมริมเส้นเป็นหน้าที่ของเอนริเก้กับจอห์นสัน ส่วนกองกลาง 4 คนสลับตำแหน่งเล่นกันทั้งเกมรุกเกมรับ โดยมีเค้าท์เป็นหน้าเป้าเพียงคนเดียว
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมเป็นลิเวอร์พูลที่เข้าไล่บีบพื้นที่เร็ว เร่งเกม พยายามเปิดเกมรุกเต็มที่แต่ดูเหมือนนักเตะจะวิ่งทับตำแหน่งกันบ่อยครั้ง ทำให้เกมรุกติดขัดไปบ้าง ส่วนทางสโต๊คก็วิ่งปิดพื้นที่กลางสนามไม่ใ้ห้ลิเวอร์พูลขึ้นเกมได้ง่าย เน้นเกมรับแล้วใช้บอลยาวโต้เอาอย่างเดียวไม่ครองบอล ช่วงต้นเกมลิเวอร์พูลยังหาโอกาสผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายไปลุ้นได้บ้างแต่ยังเข้าไม่ถึงบอล

              15 นาทีแรกของเกมผ่านไป เกมเริ่มช้าลง ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดแต่เจาะเข้าเขตโทษไม่ได้, วิ่งทับตำแหน่งกันเป็นระยะ ประกอบกับโดนสโต๊ควิ่งไล่ปิดพื้นที่ตรงกลางอย่างหนาแน่น ทำให้ลิเวอร์พูลทำได้แค่เคาะบอลอยู่กลางสนามและริมเส้นแต่ทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้ แทบจะไม่มีโอกาสลุ้นทำประตูจนกระทั่งจบครึ่งแรกอย่างจืดชืด 0-0

              เข้าครึ่งหลังลิเวอร์พูลดันแผงกลางสูงขึ้นมากกว่าในครึ่งแรก กดดันแนวรับสโต๊คได้มากขึ้นจนต้องไปรับลึกอยู่หน้าเขตโทษ แต่บอลสุดท้ายยังไม่สามารถเปิดผ่านแผงหลังสโต๊คเข้าไปได้ เกมยังเหมือนในครึ่งแรก นาที 58 ดัลกลิชส่งคาโรลลงไปแทนดาวนิ่งเพื่อเพิ่มตัวเลือกในเขตโทษที่ก่อนหน้านั้นมีเค้าท์เพียงคนเดียว แต่สโต๊คยังรับมือกันได้ดีไม่มีความผิดพลาดให้เห็น

              ยิ่งเล่นลิเวอร์พูลยิ่งหมดมุขที่จะเจาะแนวรับสโต๊ค กลายเป็นสโต๊คที่ได้ครองบอลบุกกันขึ้นมาบ้าง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจหรือเน้นเกมโต้กลับอะไรมากนัก ขึ้นกันมาแค่ 1-2 คน ที่เหลือยังคงปิดพื้นที่ในแนวรับกันอยู่ตลอด นาที 74 เบลามี่ได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สันอีกคน แต่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่สามารถเจาะตรงกลางได้ ไม่ว่าจะด้วยการพาบอลเลี้ยงจี้หรือลูกชิ่ง หาจังหวะยิงไกลได้ยากลำบาก ส่วนริมเส้นทำได้แค่ครอสตั้งแต่ยังไม่สุดเส้นและบอลไม่แม่นพอที่จะถึงกองหน้า พยายามอย่างไรก็เจาะไม่เข้า ก่อนจะจบเกมไปแบบจืดชืด 0-0 แบบหาจังหวะจบสกอร์ได้น้อยมากๆ
------------------------------------------
           
              อันที่จริงเกมนี้แทบไม่มีอะไรมากไปกว่า สโต๊ค - อุด, ลิเวอร์พูล - เจาะไม่เข้า... เกือบไม่มีรายละเอียดอะไรให้พูดถึง

            วันนี้คงต้องพูดถึงแทคติคของดัลกลิชอย่างเดียวเท่านั้น วิธีเล่นแบบนี้ลิเวอร์พูลเคยใช้ได้ผลในช่วงปลายฤดูก่อนในการเล่นกับทีมใหญ่ ด้วยการใช้เซนเตอร์ 3 คน กองหน้าคนเดียว กองกลางช่วยกันวิ่งไล่เพื่อเอาบอลมาไว้กับตัวให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันได้ผลกับทีมที่ต้องการเอาชนะ แต่กับสโต๊ควันนี้ไม่ใช่... สโต๊คไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า 1 คะแนน ทำให้พวกเขาไม่เดือดร้อนใดๆ ทั้งสิ้นกับการไม่ได้ครองบอล หรือไม่ได้ลุ้นประตู กลับกลายเป็นฝั่งลิเวอร์พูลเองที่ยิ่งเล่นยิ่งกดดัน ใน 1 ชั่วโมงแรกของเกม ตัวเลือกในเขตโทษมีเพียงเค้าท์คนเดียว ในขณะที่สโต๊คมีเซนเตอร์ถึง 3 คน โอกาสที่แผงกลางจะจ่ายบอลทะลุให้เค้าท์พลิกเล่นได้แทบจะเป็นศูนย์ เมื่อเค้าท์ถ่างออกไปริมเส้นเพื่อต่อบอล คนที่วิ่งเข้ามาเติมในเขตโทษก็มีแค่คนเดียว หรือบางจังหวะไม่มีเลย ทำให้สร้างโอกาสในการทำประตูแทบไม่ได้

              ในแผงกลางนั้น ลิเวอร์พูลอัดกันลงมาแน่นและแน่นอนว่ามันทำให้ทำลายเกมของสโต๊คได้เด็ดขาดแย่งบอลมาครองได้มากกว่า แต่จังหวะที่จะเปลี่ยนเกมรับเป็นรุก หรือจังหวะที่จะรุกเข้าใส่พื้นที่สุดท้าย ลิเวอร์พูลมีแต่ตัวเลือกด้านข้างแต่ไม่มีตัวเลือกด้านหน้า ส่วนใหญ่จึงทำได้แค่เคาะบอลกันไปมา พยายามจะชิ่งหรือจ่ายทะลุแล้วไปติดกองหลัง ตั้งแต่ต้นเกมยันจบเกม

              จริงๆ แล้วแทคติคก็เป็นภาพกว้างที่แสดงให้เห็นคร่าวๆ ว่าตำแหน่งการเล่นเป็นอย่างไร ตอนเล่นจริงถ้าเล่นได้มีประสิทธิภาพเรื่องมันก็จบ อย่างเช่นในแทคติคนี้ เมื่อสโต๊คไม่เปิดเกมสู้ ข้างหน้ามีแค่เคร้าช์ค้ำอยู่คนเดียว ทำให้เซนเตอร์อย่างน้อย 1 คนสลับกันขึ้นมาเติมเกมได้อยู่ตลอด ซึ่งโคอาเตสกับสเคอเทลก็ขึ้นมาตลอดตามนั้นจริงๆ แต่พวกเขาไม่ได้มีจุดเด่นในการพาบอลหรือจ่ายบอลในเกมรุกอย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ส่วนกองกลางเมื่อไม่ต้องพะวงเกมสวนกลับของคู่ต่อสู้ น่าจะมีจังหวะที่วิ่งทำทางขึ้นไป หรือเข้ารอบอลในเขตโทษมากกว่านี้ แต่หลายๆ จังหวะก็เลือกที่ยืนกันอยู่ข้างนอกเขตจนทำให้ไม่มีช่องจะให้บอลทะลุเข้าไป

              ส่วนเรื่องที่ทำให้สงสัยที่สุดในวันนี้คือการเปลี่ยนตัว แน่นอนว่าการเปลี่ยนคาโรลกับเบลามี่ลงมาเป็นเรื่องปรกติ แต่คนที่เปลี่ยนออกนี่สิ... ทำไมดัลกลิชถึงไม่เลือกที่จะเปลี่ยนเซนเตอร์ออกสักคนแล้วหันกลับไปเล่นหลัง 4 เพราะในเมื่อสโต๊คไม่เน้นโต้และทรัพยากรที่มีอยู่ก็ไม่ได้เอื้อให้โต้ได้อย่างน่ากลัวอยู่แล้ว เพราะมีเพียงเอทเทอร์ริงตันคนเดียวที่ไปกับบอลได้ดี ในขณะที่เคร้าช์ก็เอาชนะสเคอเทลไม่ได้ นั่นหมายถึงแบคสองข้างยังคงเติมเกมรุกได้สะดวกอยู่ กลับไปเลือกเปลี่ยนดาวนิ่ง(หรือแม้กระทั่งเฮนเดอร์สัน) ที่ถึงแม้ว่าจะเล่นได้ไม่ดีนักแต่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าคนที่ยังอยู่ในสนามไปสักเท่าไหร่ อย่างน้อยคุณภาพในการเปิดบอลของดาวนิ่งก็ยังดีกว่าจอห์นสัน,สเคอเทล ซึ่งกลายเป็นคนที่ต้องเติมขึ้นมาเปิดบอลอยู่บ่อยๆ ในช่วงท้ายเกมด้วย

              สุดท้ายก็เลยเจาะไม่เข้า...หนักไปกว่านั้นคือหาโอกาสจบสกอร์แทบไม่ได้...
----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ไม่ดีนัก

เรน่า - แทบไม่ต้องเซฟอะไร วันนี้ออกบอลเร็วไปริมเส้นได้ดีหลายจังหวะ

จอห์นสัน -ไม่ต้องเล่นเกมรับเลย เล่นเกมรุกอย่างเดียวแต่เอาชนะแบคของสโต๊คไม่ได้ ไปไม่ถึงสุดเส้น,ตัดเข้ากลางแล้วยิงได้ไม่ดีพอ รวมไปถึงการเปิดบอลที่ไม่ดีนัก

โคอาเตส - เปิดบอลขึ้นหน้าได้ไม่ดีเท่าไหร่ หลายครั้งที่เลือกโยนยาวทั้งๆ ที่มีเพื่อนรอบอลอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้มีงานในเกมรับอะไรมากมาย

คาราเกอร์ - ไม่มีลูกยากหรือโดนกดดันอะไรมากนัก เกือบทำพลาดในจังหวะที่โหม่งคืนหลังช้า แต่นอกนั้นก็เก็บกวาดลูกที่หลุดเข้ามาในพื้นที่อันตราย(ที่ไม่ค่อยมี)ได้ดี

สเคอเทล - เอาชนะเคร้าช์ได้อย่างเด็ดขาด ชิงขึ้นโหม่งได้ก่อนเกือบทุกครั้งและทำให้เคร้าช์โหม่งชงให้เพื่อนแทบไม่ได้เลยตลอดเกม จังหวะเกมรุกก็พยายามขึ้นมาช่วยบ่อยครั้ง แต่ศักยภาพของเจ้าตัวก็ไม่ได้เอื้อให้เล่นเกมรุกสักเท่าไหร่

เอนริเก้ - ขึ้นมาเล่นเกมรุกน้อยกว่าจอห์นสันเล็กน้อย เอาตัวรอดจากการโดนวิ่งไล่บีบและเล่นกับพื้นที่แคบๆ ได้ดี แต่วันนี้สร้างประโยชน์ในเกมรุกแทบไม่ได้เลย

ดาวนิ่ง - เงียบสนิท ไม่มีพื้นที่ให้ลากบอล ช่วงที่อยู่ในสนามก็ไม่มีเป้าให้เปิดบอลเท่าไหร่เพราะข้างในมีเค้าท์คนเดียว ไม่ไ้ด้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

เฮนเดอร์สัน - กลายเป็นตัวเชื่อมเกมธรรมดาๆ ไปเลยในเกมนี้ ครึ่งแรกยัีงพอเห็นว่ามีจังหวะที่ฉีกมาเล่นเกมริมเส้นร่วมกับเค้าท์หรือจอห์นสันบ้างนิดหน่อย ส่วนครึ่งหลังทำได้แค่เคาะบอลไปมาจนกระทั่งโดนเปลี่ยนออก

อดัม - ครึ่งแรกเป็นคนที่พยายามจะพุ่งเข้าไปในเขตโทษและพาบอลเลี้ยงตะลุยตรงกลางเข้าไปเองในหลายจังหวะ ทำได้ดีในระดับนึงแต่ไม่ดีพอจะสร้างโอกาสหรือจบสกอร์ให้ทีมได้ วิ่งบีบพื้นที่, ช่วยเกมรับเยอะและทำให้ครึ่งหลังดูเหมือนหมดแรงจนถอยตัวเองไปคอยจ่ายบอลอยู่แถวกลางสนามมากกว่าในครึ่งแรก

เจอราด - ...วิ่งไปทั่วสนามและพยายามจะทำทุกอย่างไม่ว่าจะหาช่องยิงไกล, ไปเปิดบอลริมเส้น, จ่ายทะลุให้กองหน้า ส่วนใหญ่ไม่ผ่านแผงหลังสโต๊ค และส่วนน้อยที่บอลไปดีเพื่อนร่วมทีมดันเอาไปทำอะไรต่อไม่ได้

เค้าท์ - เล่นแบบเค้าท์ๆ เอาชนะคู่ต่อสู้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางครั้งก็ทำบอลลั่น แต่บางครั้งก็วิ่งสลัดตัวประกบได้ดี ไปช่วยวิ่งตัดบอลมาได้หลายครั้ง ก่อนจะเงยหน้าแล้วพบว่า...ในเขตโทษไม่มีใคร(ก็หน้าเป้าคนเดียวดันลงมาล้วงบอลนี่หว่า)

ตัวสำรอง

คาโรล - แข้งขาอ่อนเหลือเกิน จะช้าหรือหาตำแหน่งไม่ดียังไม่เท่าไหร่ แต่จุดแข็งหนึ่งเดียวที่คาโรลควรมีอยู่ตลอดคือความแข็งแกร่ง และวันนี้ไม่เห็นสิ่งนั้นเลย

เบลามี่ - เจอแบคซ้อน 2 ซ้อน 3 ตัดเข้ากลางเจออีก 2 ของสโต๊คเข้าไปเบลามี่หาโอกาสทำอะไรไม่ได้เลยไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : มาร์ติน สเคอเทล... เจอราดยังคงเป็นความหวังหนึ่งเดียวในวันที่เกมรุกติดขัด และวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ แต่สเคอเทลทำได้ดีกว่าที่เคยทำได้ เกมรับเก็บกองหน้าได้หมดจด ขึ้นมาลุ้นโหม่งได้ 2-3 ครั้ง อยู่ว่างๆ ก็ขึ้นมาช่วยต่อบอลตรงกลางอีกต่างหาก

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น