อย่าโลภมาก...ลาภจะหาย
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2
-------------ซัวเรส-------เบลามี่----------------
มักซี่-----------อดัม---------ลูคัส---------เค้าท์
เอนริเก้---แอกเกอร์----สเคอเทล----จอห์นสัน
----------------------เรน่า-----------------------
หลังจากมีเกมทีมชาติมาขั้น พรีเมียร์ลีคกลับมาเตะอีกครั้ง โดยนัดนี้ลิเ้วอร์พูลเริ่มนัดแรกของซี่รี่ย์สุดโหด เชลซี-ซิตี้-เชลซี แถมนัดนี้ยังต้องออกไปเยือนเชลซีด้วย มีการปรับตัวผู้เล่นนิดหน่อย โดยเบลามี่ได้ลงแทนคาโรลในแดนหน้า, แดนกลาง มักซี่กับเค้าท์ได้ลงก่อนดาวนิ่งและเฮนเดอร์สัน ส่วนแผงหลังยังใช้ผู้เล่นชุดเดิม ส่วนทางด้านเชลซี เลือกใช้ดรอกบาก่อนตอเรส และแดนกลางส่งกลางเชิงรับมาถึงสองคนคือ รามิเลสและมิเกล
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาเชลซีวิ่งไล่บอลถึงตัวตลอดเวลาและเป็นฝ่ายแย่งบอลไป ครองได้แทบจะฝ่ายเดียว แต่จังหวะเข้าทำยังทำกันช้า ทำให้ไม่สามารถสร้างโอกาสได้มากนัก ลิเวอร์พูลต้องรอกว่า 10 นาทีถึงจะเริ่มครองบอลบุกตอบโต้ได้บ้าง โดยเ้น้นขึ้นเกมทางฝั่งขวาที่มีเค้าท์กับจอห์นสันอยู่ ทำให้รูปเกมกลับมาสูสี สู้กันที่กลางสนามเป็นส่วนใหญ่
ทั้งคู่ยังเล่นกันอย่างระมัดระวังและไม่มีจังหวะเข้าทำกันสักเท่าไหร่ แต่ในนาที 34 เชลซีขึ้นบอลพลาดในแดนตัวเอง มิเกลโดนอดัมปั้มบอลได้ บอลทะลักไปเข้าทางเบลามี่ ทำชิ่งกับซัวเรสก่อนที่จังหวะสุดท้ายจะผ่านบอลไปให้มักซี่ได้ยิงผ่านตัวเชค เข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
เวลาที่เหลือเชลซีพยายามจะ เร่งแต่เร่งไม่ขึ้น เพราะทั้งดรอกบา มาลูดา มาต้าเล่นไม่ออก ทั้งจังหวะขึ้นเกมรุกยังทำกันได้ช้า ทำให้จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลยังรักษาสกอร์นำ 1-0 เอาไว้ได้
เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเริ่มเล่นช้าลงและพยายามเน้นความแน่นอนให้มากขึ้น เปลี่ยนเบลามี่ไปเล่นทางซ้ายแล้วเอามักซี่มายืนตรงกลาง ทิ้งซัวเรสไว้ข้างหน้าคนเดียว ส่วนทางเชลซีเปลี่ยนเอามิเกลออก ส่งสเตอริดจ์ลงมา โหมบุกตั้งแต่เริ่มเกมและกดดันถึงหน้าเขตโทษลิเวอร์พูลได้ตลอด โดยเฉพาะจังหวะการเข้าทำที่รวดเร็วมากขึ้นกว่าในครึ่งแรก ทำให้ลิเวอร์พูลได้แต่ถอยไปรับกันลึกแถวหน้าเขตโทษเท่านั้น
ไม่นานเชลซีก็ทำสำเร็จ นาที 55 มาลูด้ามาบอลมาทางริมเส้น นักเตะลิเวอร์พูลวิ่งถอยหลังกันหมดไม่มีใครเข้าบอล ทำให้มาลูด้าได้ยิง บอลไม่เข้ากรอบแต่ไปเข้าทางสเตอริดจ์ที่วิ่งเข้ามาทางเสาสองแปโล่งๆ เข้าไปให้เชลซีตามตีเสมอเป็น 1-1
หลังจากนั้นเชลซีก็ยังโหมบุกอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ลิเวอร์พูลเริ่มรวนกันอย่างเห็นได้ชัด เปิดโอกาสให้เชลซีได้ลุ้นจบสกอร์เป็นระยะ นาที 66 เฮนเดอร์สันได้ลงแทนเบลามี่ที่หายไปจากเกม ทำให้เกมตรงกลางดูดีขึ้นเล็กน้อยในเกมรับ แต่ก็ยังโดนบุกหนักอยู่ดี นาที 77 ดาวนิ่งได้ลงแทนมักซี่ที่หายไปจากเกมเช่นกัน และรูปเกมก็ยังคงเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลยังโดนพับสนามบุกอยู่ต่อเนื่อง แถมยังโต้กลับได้ไม่ดี ส่วนเชลซีเองแม้จะได้บุกใส่อยู่ตลอดแต่หาโอกาสจบได้ไม่มากพอ รวมไปถึงจบสกอร์กันได้ไม่ดีพอด้วย
แต่แล้วโบอาสก็ตัดสินใจเสี่ยงมากขึ้น นาที 84 ตอเรสกับไมราเลสได้ลงมาแทนดรอกบาและรามิเลส หวังจะทุบลิเวอร์พูลให้ตายคาสนาม กลับกลายเป็นว่า 3 นาทีถัดมา อดัมได้โอกาสวางบอลยาวให้จอห์นสันที่แอบวิ่งเติมขึ้นไป ก่อนที่จอห์นสันจะลากบอลเข้าไปในเขตโทษและยิงผ่านทั้งเชคและเทอรี่เข้าไปได้ ให้ลิเวอร์พูลแซงนำได้อย่างเหลือเชื่อ(เมื่อดูจากรูปเกม) 2-1
ท้ายเกม นาที 89 คาโรลได้ลงแทนซัวเรส ก่อนที่จะเกมจะจบไปด้วยสกอร์ 2-1
------------------------------------------
ดัลกลิชปรับตัวผู้เล่น 3 ตำแหน่งซึ่งเป็น 3 คนที่ฟอร์มไม่ค่อยดีในระยะหลัง ทั้งคาโรล, ดาวนิ่ง, เฮนเดอร์สัน แต่รูปเกมก็ไม่ได้ต่างออกไปจากก่อนหน้านี้มากนัก แต่วันนี้สิ่งที่ลิเวอร์พูลทำไ้ด้ดีคือทีมเวิร์ค ในครึ่งแรก เวลานักเตะเชลซีได้บอล จะมีนักเตะลิเวอร์พูลกรูกันเข้าไปรุมแย่งบอลอยู่ตลอด ทำให้เชลซีไม่สามารถต่อบอลกันได้สะดวก ทำให้เกมรุกของเชลซีช้าและถึงกับเสียประตูในจังหวะที่มิเกลโดนอดัมกับเบลามี่รุมกินโต๊ะ ในครึ่งหลัง แม้จะโดนบุกกดดันหนักอย่างต่อเนื่อง แต่แผงกองกลางวิ่งลงมาช่วยกองหลังไล่อยู่ตลอด ทำให้เชลซีแม้จะได้บอลเยอะ พาบอลไปป้วนเปี้ยนแถวเขตโทษได้เยอะ แต่ก็ทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ตัดสินเกมนี้คือแทคติคของทางฝั่งเชลซีเอง ผู้เล่นตัวจริงของเชลซี ใช้กลางรับถึงสองคน ในขณะที่เกมรุกหวังพึ่งนักเตะที่อยู่ในช่วงขาลงอย่างดรอกบากับมาลูด้าเป็น หลัก ทำให้ครึ่งแรกเกมของเชลซีดูไม่จืดเลย เล่นแบบไม่มีความเร็วและไม่มีความคิดสร้างสรรค์ พอมาถึงครึ่งหลังที่ส่งสเตอริดจ์ลงมา รวมไปถึงการดันแผงหลังอย่าง หลุยส์, โคล, อิวาโนวิช ทำให้เกมรุกกดดันได้อย่างหนัก แสดงให้เห็นแล้วว่าถ้าเชลซีตัดสินใจเปิดหน้าแลกกันตั้งแต่ต้น ด้วยการส่งผู้เล่นที่เล่นเกมรุกได้ดีกว่าอย่างตอเรส, สเตอร์ริดจ หรือแม้กระทั่งไมราเลส แล้วเล่นเกมเร็วบุกหนักแบบที่ทำในต้นครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลอาจพังไปตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วก็ได้
ที่เด็ดที่สุดคงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนตอเรสกับไมราเลสลงมา ทั้งยังดันกันขึ้นมาสูงจนนักเตะทุกคนแทบจะยืนอยู่ในฝั่งลิเวอร์พูล หวังจะทำประตูชัยให้ได้ จนเป็นที่มาของประตู 2-1 ของลิเวอร์พูล ทั้งๆ ที่ถ้ามองย้อนไปกับเกมที่เชลซีโดนอาร์เซนอลอัดยับมาก็เป็นกรณีคล้ายๆ กันคือเชลซีตีเสมอได้แล้ว แต่กลับเสี่ยงที่จะเปิดเกมรุกจนแบบไม่ระวังจนกระทั่งอาร์เซนอลได้โต้กลับจน เชลซีต้องเป็นฝ่ายเจ็บเสียเองมาแล้ว แต่โบอาสก็คงยังไม่ระวังตัวอีก
...ก็ต้องบอกว่าเจ็บแล้วไม่จำเองนี่หว่า!
----------------------------------
วันนี้เล่นกันเกือบดี
เรน่า - ตัดบอลและเซฟจังหวะสำคัญได้หลายครั้ง อยู่ในฟอร์มที่ดีมาก
เอนริเก้ - เติมเกมรุกน้อยกว่าที่ผ่านมา จังหวะที่ขึ้นไปบ้างก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เกมรับยังเหนียวแน่นปิดเกมเชลซีได้ตลอด
แอกเกอร์ - เข้าสกัดและเล่นลูกกลางอากาศได้ดี เป็นอีกคนที่ฟอร์มกำลังเข้าฝัก
สเคอเทล - ฟอร์มยังดีอยู่ต่อเนื่อง มีจังหวะพลาดให้เห็นอยู่บ้าง แต่ถ้าเทียบกับโจทย์ยากอย่างเชลซี รวมไปถึงรูปเกมในครึ่งหลังแล้ว ต้องถือว่าทำได้น่าพอใจ
จอห์นสัน - เกมรับทำได้ดีระดับนึง แต่ยังจัดการกับการครอสบอลของเชลซีได้ไม่ดีนัก มีหลายครั้งที่ปล่อยให้ครอสบอลได้ง่ายเกินไป ส่วนเกมรุก ในครึ่งแรกทำได้ดีกับการเติมขึ้นไปทำเกม ส่วนครึ่งหลังที่แทบไม่ได้ขึ้นไปเลย พอแอบขึ้นไปก็ยิงประตูชัยได้มันซะงั้น
มักซี่ - เป็นนักเตะที่สม่ำเสมอมากกับการโผล่มายิงแล้วหายไปจากเกม นัดนี้ก็ไม่มีอะไรผิดฟอร์ม
อดัม - เป็นนัดที่เล่นได้ดีอีกนัด มีจังหวะเข้าสกัดที่ดีหลายหน และเปิดบอลยาวในจังหวะประตูที่สองได้อย่างสุดยอด แต่ดูจะมีปัญหากับการขึ้นแล้วลงไม่ทัน ปล่อยให้กลางเชลซีพาบอลไปได้ในจังหวะโต้กลับอยู่บ่อยเหมือนกัน
ลูคัส - เข้าบอลได้แม่นยำและขยันกว่า 2-3 นัดที่ผ่านมา เสียฟาลว์น้อยด้วย ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดีมาก
เค้าท์ : ครึ่งแรกยังดูเป็นเค้าท์คนเดิมอยู่ แต่พอเข้าครึ่งหลังดูเหมือนหมดแรง วิ่งไล่ได้ไม่มากเท่าที่เคยทำได้ มีส่วนร่วมกับเกมรุกไม่มากนัก
เบลามี่ - เล่นได้ไม่ดี ไม่ค่อยไล่บอล มีส่วนร่วมกับเกมน้อยตั้งแต่ครึ่งแรก เข้าครึ่งหลังยิ่งหายเงียบไปเลย
ซัวเรส - ฟอร์มหลุดหนักกว่านัดที่เล่นกับสวอนซี หลายจังหวะที่ควรไปไม่กล้าไป และให้บอลพลาดบ่อย ส่วนหนึ่งต้องบอกว่าลิเวอร์พูลทิ้งให้ซัวเรสอยู่คนเดียวกว่า 50 นาทีด้วย โดนประกบ 2 ตัวอยู่เกือบตลอดเกม
เฮนเดอร์สัน - ลงมาเล่นตรงกลางแทนมักซี่ ทำให้แดนกลางดูดีขึ้นกว่า่ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย
ดาวนิ่ง - เกือบลืมว่าได้ลงสนาม อาจเป็นเพราะรูปเกมที่โดนบุกพับอยู่ฝ่ายเดียวด้วย แทบไม่ได้บอลเลย
คาโรล - มีเวลาในสนามแค่ 4 นาที ลงมาบังบอลเรียกฟาลว์ แต่กรรมการไม่เป่าให้สักจังหวะ
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เฟอร์นานโด ตอเรส ... ลงมา 3 นาทีลิเวอร์พูลยิงได้เลย สุดยอดจริงๆ
----------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น