มีอะไรให้ต้องลุ้นบ้าง พอให้ตื่นเต้น
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2
--------------คาโรล-------ซัวเรส------------------
ดาวนิ่ง-------อดัม-------ลูคัส--------เฮนเดอร์สัน
เอนริเก้-----สเคอเทล-----คาราเกอร์------เคลลี่
------------------------เรน่า------------------------
หลังจากจากบ้านไปนาน 3 นัด วันนี้ลิเวอร์พูลได้กลับมาเล่นในบ้านอีกครั้ง เจอกับวูลฟ์ที่ฟอร์มพึ่งกระเตื้องขึ้นมาในนัดกลางสัปดาห์ ดัลกลิชปรับไปใช้ทีม "ตัวจริง" ของเขาอีกครั้ง
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาวูลฟ์ลอกการบ้านสโต๊ค, สเปอร์ด้วยการวิ่งเข้าใส่ทันที ไล่เพรซซิ่งทั่วสนามตั้งแต่แดนหน้า เกมเปิดแลกกันบอลไปถึงเขตโทษทั้งสองฝั่ง แต่เป็นลิเวอร์พูลทำไ้ด้ก่อน ในนาที 11 อดัมได้จังหวะยิงไกลจากนอกเขต กองหลังวูลฟ์ก้มลงโหม่งบอลแฉลบเข้าประตูไปให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
หลังจากเสียประตูเกมรุกของวูลฟ์ดูชะงักไปเล็กน้อย ลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลได้มากขึ้นแต่ยังกดดันวูลฟ์ไม่ได้เท่าไหร่ จนวูลฟ์ค่อยๆ ตั้งเกมของตัวเองกลับมาได้ หลังจากผ่าน 25 นาทีแรกไป โดยแดนกลางของลิเวอร์พูลทำลายเกมรุกไม่ค่อยได้และเสียบอลเร็ว วูลฟ์เริ่มครองเกมได้มากขึ้นแต่กองหลังก็ดันสูงมากขึ้นเช่นกัน เป็นโอกาสให้ลิเวอร์พูลได้เล่นจังหวะโต้กลับ นาที 38 บอลยาวจากเอนริเก้ให้ซัวเรสหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงมุมแคบให้ทีมนำห่างเป็น 2-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
เข้าครึ่งหลัง วูลฟ์เปลี่ยนตัวทีเดียวสองคน เล่นเกมรุกเต็มที่โดยเน้นเล่นบอลยาวและได้ผลเป็นอย่างดี สามารถกดดันลิเวอร์พูลได้ตั้งแต่ต้นเกม และเพียงแค่นาที 49 จากการขึ้นบอลทางฝั่งขวา เอนริเก้ปั้มบอลแล้วหาบอลไม่เจอเป็นฮันท์ที่วิ่งไปเอาบอลเปิดกลับเข้ากลางให้แฟลทเชอร์ที่พึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมายิงเข้าไปได้ให้วูลฟ์ไล่มาเป็น 2-1
ลิเวอร์พูลพยายามเปิดเกมรุกกลับทันที และได้โอกาสยิงทั้งจาก ซัวเรส คาโรล และดาวนิ่ง แต่ติดเซฟและชนเสาไปหมด เกมเปิดแลกกันทั้งคู่ แต่พอผ่านชั่วโมงแรกของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มขึ้นบอลกันเสียเอง ตั้งเกมรุกไม่ได้และเกมเป็นของวูลฟ์มากขึ้น บอลยาวของวูลฟ์และการเล่้นของยาวิสทางด้านซ้ายยังกดดันลิเวอร์พูลได้ต่อเนื่อง แต่โอกาสจบสกอร์ยังทำไม่ได้ จนกระทั่งนาที 71 เค้าท์ได้ลงแทนเฮนเดอร์สัน ทำให้เกมรุกของยาวิสเริ่มแผ่วลง รวมไปถึงบอลยาวของวูลฟ์เริ่มเสียกันเองมากขึ้น นาที 81 เจอราดได้ลงมาแทนซัวเรส วูลฟ์ยังพยายามบุกอยู่แต่เกมรุกดูจะฝืดๆ ไปแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลได้ลุ้นบ้างเล็กน้อยจากจังหวะโต้กลับแต่ก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ จนจบเกมไปด้วยชัยชนะของลิเวอร์พูล 2-1
------------------------------------------
นัดนี้ดัลกลิชกลับมาใช้ทีมชุดเดิมอีกครั้ง ด้วยแทคติคที่แทบไม่ต่างอะไรจากนัดที่ผ่านๆ มา แต่ผลลัพธ์กลับออกมาไม่เลว อันดับแรกต้องขอยกเครดิตให้กับแผงกองกลาง(ยกเว้นลูคัส)ที่ยกระดับเกมของตัวเองขึ้นมาได้ดีกว่านัดก่อน รวมไปถึงซัวเรสที่วันนี้ลงมาล้วงบอลและทำเกมในแดนกลางได้ดี ทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลทำได้ค่อนข้างน่าพอใจ ทั้งการขึ้นเกมรุกและจังหวะโต้กลับ
อันดับถัดมา นัดนี้เป็นการเล่นในบ้าน จริงอยู่ที่ว่าหากเอาวูลฟ์(ที่เล่นนอกบ้าน) ไปเปรียบกับสโต๊คหรือสเปอร์(ที่เล่นในบ้าน) อาจจะดูว่ายังไม่แกร่งเท่า แต่ลิเวอร์พูลเองก็เล่นเหมือนเป็นคนละทีม ทั้งๆ ที่แทคติคเดิม ตัวผู้เล่นเดิม ซึ่งเห็นได้ชัดมากจากผู้เล่นฝั่งซ้ายทั้งแผง (เอนริเก้+ดาวนิ่ง+ซัวเรส) ที่ดูจะกล้าเล่น กล้าไป กล้ากระชาก ไม่เหมือนตอนที่เล่นนอกบ้านที่ดูจะกล้าๆ กลัวๆ แค่มีคนมาวิ่งไล่ก็เคาะกลับหลัง คงได้แต่หวังให้ดัลกลิชสามารถล้างสมองลูกทีมให้มีความเชื่อมั่นตอนเล่นนอกบ้านเหมือนเล่นในบ้านให้ได้เร็วๆ
เรื่องสุดท้าย ขอพูดถึงการเปลี่ยนตัวของดัลกลิช ซึ่งนัดนี้เปลี่ยนตัวได้ถูกใจมาก เค้าท์ทำให้แดนกลางปิดพื้นที่กันได้ดีขึ้นโดยเฉพาะฝั่งซ้ายที่กำลังยุบเพราะโดนยาวิสนวดอยู่ ส่วนเจอราดที่ลงแทนซัวเรสแทนที่จะเป็นคาโรลก็เหมาะสมแล้ว เพราะยังสามารถใช้ประโยชน์ในการครองบอลเวลากองหลังสาดทิ้งออกมา หรือช่วยป้องกันลูกตั้งเตะ(ถ้าโดน) ในขณะที่ซัวเรสเริ่มออกอาการหมดแรงให้เห็น ส่วนเกมโต้กลับเจอราดกับเค้าท์ก็ประสานงานกันได้ไม่เลวอยู่แล้ว
มองทางฝั่งวูลฟ์ พวกเขาพลาดที่ไม่สามารถวิ่งไล่ได้ตลอดเกม ทำได้ดีแค่เฉพาะในช่วงต้นครึ่งแรกกับต้นครึ่งหลัง ถ้าสามารถวิ่งไล่ได้ตลอดเกมยังไม่แน่ว่าจะแพ้หรือปล่าว
----------------------------------
วันนี้ส่วนใหญ่เล่นกันได้ดี
เรน่า - ตัดบอลโด่งพลาดสองสามครั้ง แต่ไม่ถึงขั้นทำให้ทีมเสียประตู ฟอร์มโดยรวมยังใช้ได้อยู่
เอนริเก้ - เป็นนัดแรกที่เห็นว่าเติมเกมรุกทั้งเกม ทำไ้ด้ดีในเกมรุก แต่เกมรับหลายจังหวะเล่นแบบเสียดายบอลมากไปหน่อย
สเคอเทล - เข้าบอลหวาดเสียวหลายครั้ง ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะต้องเล่นเสียงถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่วันนี้ยังดีที่ไม่พลาด
คาราเกอร์ - เล่นลูกโด่งไม่ค่อยดี ไม่มีจังหวะให้ต้องดวลกับกองหน้าสักเท่าไหร่ พอเอาตัวรอดไปได้
เคลลี่ - ครึ่งแรกเล่นได้ดีมาก ส่วนครึ่งหลังโดยเฉพาะตอนต้องดวลกับยาวิสเกือบเอาไม่อยู่เหมือนกัน
ดาวนิ่ง - เล่นได้โดดเด่น ทำเกมได้ดีและประสานงานกับทั้งเอนริเก้และซัวเรสได้ดีมาก
ลูคัส - ออกทะเลสุดๆ เข้าบอลเสียฟาลว์เกือบทุกลูกในช่วงครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังก็เล่นได้แค่พอประคองตัว ตัดเกมรุกของวูลฟ์แทบไม่ได้เลย
อดัม - ต้นเกมเข้าบอลเสียฟาลว์ง่ายเกินไป พอผ่านครึ่งชั่วโมงแรกดูจะระวังในการเข้าบอลมากขึ้น วันนี้ให้บอลไปข้างหน้าได้ดี ยิงไกลที่ทำให้ทีมได้ประตูแรกได้ดีด้วย
เฮนเดอร์สัน : ไม่ค่อยได้บอลและไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกม แต่ก็ไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็นเช่นกัน จ่ายบอลไม่เสีย เกมรับก็วิ่งลงมาช่วย
ซัวเรส - เป็นวันที่เล่นได้ดี ทำเกมรุกให้กับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีจังหวะฝืนเล่นยากอยู่บ้างแต่ไม่ทำบอลเสียมากเท่านัดก่อนๆ
คาโรล - พยายามเคลื่อนที่มากขึ้น มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น ถ้าไม่นับเรื่องประตู วันนี้คาโรลก็เล่นได้ไม่เลว แต่เป็นกองหน้าหาจังหวะยิงไม่ได้จะบอกว่าเล่นดีก็คงไม่ใช่
เค้าท์ -ลงมาช่วยไล่ในแดนกลางและริมเส้นฝั่งขวาได้ดี ประสานงานกับเจอราดในจังหวะโต้กลับพอใช้ได้
เจอราด - ไม่ต้องลงไปช่วยไล่แถวหน้าเขตโทษมากนัก เล่นค่อนข้างจะสบาย มีจังหวะป้วนเปี้ยนแถวหน้าเขตโทษวูลฟ์บ่อยครั้งแต่ยังทำอะไรไม่ได้
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : สจ๊วต ดาวนิ่ง...ที่จริงถ้าพูดถึงคนตัดสินเกมคงไม่พ้นซัวเรส ซึ่งทุกคนรู้ว่าซัวเรสทำได้ แต่ขอเลือกดาวนิ่งเพราะว่าวันนี้เล่นได้ดีขึ้นกว่านัดก่อนๆ มากจนน่าประทับใจ
----------------------------------------------------------------
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554
ไบรตัน 1 - 2 ลิเวอร์พูล
เกือบไม่ชนะ..แปลว่ายังชนะอยู่...เฮ่อ..
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2
--------------ซัวเรส-------เบลามี่------------------
มักซี่---------สเปียริ่ง---------ลูคัส----------เค้าท์
โรบินสัน-----โคอาเตส-----คาราเกอร์------เคลลี่
------------------------เรน่า------------------------
ออกไปเยือนอีกแล้ว ในเกมลีคคัพเจอกับทีมในหัวตางรางแชมเปี้ยนชิพอย่างไบรตัน แทคติคยังเหมือนเดิมแต่ดัลกลิชเปลี่ยนผู้เล่นจากนัดก่อนหลายตำแหน่ง แต่ยังมีซัวเรสเป็นตัวจริงในแดนหน้า
-------------------------------------------------------
เปิดเกมมาทั้งสองฝ่ายต่อบอลสู้กันบนพื้น ลิเวอร์พูลเร่งจังหวะเล่นกันเร็ว ไม่ครองบอลนาน ทางไบรตันไม่ค่อยไล่บอลและเปิดพื้นที่ให้ลิเวอร์พูลเล่นค่อนข้า่งมาก ทำให้ต้นเกมเป็นลิเวอร์พูลมากกว่าและในนาที 7 ซัวเรสได้โอกาสไหลบอลให้เบลามี่วิ่งตัดมายิงมุมแคบเสียบเสาสองเข้าไปให้ทีมเยือนขึ้นนำเร็ว 1-0
หลังจากได้ประตูขึ้นนำ เกมยังคงเป็นของลิเวอร์พูลอยู่ โดนลูคัสและสเปียริ่งดันกันขึ้นมาค่อนข้างสูงและดักเก็บบอลจังหวะ 2 ได้ดี ทำให้ไบรตันไม่สามารถขึ้นเกมได้ ผ่าน 20 นาทีแรกไป ลิเวอร์พูลเริ่มเล่นช้าลงทำให้ไบรตันเริ่มเล่นเกมของตัวเองได้มากขึ้น แต่โอกาสทำประตูยังเป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลที่ทำได้มากกว่า มีโอกาสได้ประตูเพิ่มหลายครั้งแต่ยังถากเสาชนคานอยู่
เล่นไปเล่นมาลิเวอร์พูลยิ่งผ่อนเกมมากขึ้นจนในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เป็นฝั่งไบรตันที่ได้บุกกันเข้ามาถึงเขตโทษบ่อยมากขึ้น ได้โอกาสยิงในกรอบ 1 ครั้งแต่เรน่ากับเคลลี่ยังช่วยกันเซฟไว้ได้ทำให้ครึ่งแรกลิเวอร์พูลยังรักษา สกอร์นำ 1-0
เข้าครึ่งหลัง ไบรตันกลับลงลมาเล่นได้ดีขึ้น ช่วยกันวิ่งไล่บีบพื้นที่ตั้งแต่แดนหน้าจนลิเวอร์พูลไปกันไม่เป็น โดนบีบจนจ่ายบอลเสียกันไปเองหลายครั้ง กลายเป็นฝ่ายไบรตันที่ได้ครองบอลมากกว่าและบุกกดดันได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเล่นของตัวริมเส้นทั้งสองฝั่งที่กดดันแบคดาวรุ่งได้ตลอด แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอที่จะเป็นประตูเท่านั้นเอง
นาที 60 บัคลี่ ตัวริมเส้นที่เล่นได้โดดเด่นของไบรตันเกิดเจ็บจนต้องเปลี่ยนออก ทำให้เกมของไบรตันสะดุดเล้กน้อย ไม่ดุดันเท่า 15 นาทีแรกของครึ่งหลัง แต่เกมส่วนใหญ่ก็ยังมาป้วนเปี้ยนในฝั่งลิเวอร์พูลอยู่ดี นาที 75 เจอราดได้ลงมาแทนซัวเรส ถึงนาที 7 ไบรตันส่งตัวรุกลงมาอีก 2 ตัว หวังเปิดเกมรุกเต็มที่ทำให้ลิเวอร์พูลต้องลงไปเน้นตั้งรับ รอจังหวะโต้กลับ
ไบรตันยังบุกกดดันถึงในเขตโทษได้เป็นระยะ แต่ถึงนาที 81 เจอราดสกัดบอลจากในเขตโทษ เป็นเบลามี่ได้บอลแถวกลางสนามลากไปจนเกือบถึงเขตโทษก่อนไหลให้มักซี่และต่อไปถึงเค้าท์ได้แปบอลเช็ดเสาสองเข้าไปให้ทีมนำ 2-0
หลังจากนั้นเกมรุกของไบรตันก็ดับไปทันที นาที 86 ฟลานาแกนได้ลงแทนเคลลี่ เกมทำท่าว่าจะจบแล้ว แต่นาที 89 สเปียริ่งดันไปเสียดายบอล หยุดบอลในเขตโทษแล้วตัวเองถลำออกไปนอกสนามบอลเ้ข้าทางกองหน้าไบรตัน คาราเกอร์วิ่งเข้ามาสกัดแต่ไปโดนข้อเท้าทำให้เสียจุดโทษ ไบรตันไล่มาเป็น 2-1 แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น จบเกมด้วยชัยชนะแบบหืดขึ้นคอของลิเวอร์พูล 2-1
------------------------------------------
นัดนี้ดัลกลิชเปลี่ยนทีมเกือบยกชุดแต่ยังคงแทคติคเดิมไว้ น่าจะต้องการให้นักเตะปรับตัวให้เข้ากับแทคติคนี้ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งเรื่องแทคติคนั้นไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ที่พลาดจนเกือบจะทำให้ลิเวอร์พูลเอาตัวไม่รอดในนัดนี้คือฟอร์มของตัวผู้ เล่นเองที่เล่นกันได้ต่ำกว่ามาตรฐานเอามากๆ ในเกือบจะทุกตำแหน่ง
ยังมีปัญหาเรื้อรังที่ลิเวอร์พูลยังแก้ไม่ตกตั้งแต่ต้นฤดูกาล นั่นคือไม่สามารถรับมือกับการโดนไล่เพรซซิ่งได้เลย พอโดนเพรซซิ่งปุ๊ป ลิเวอร์พูลจะทำได้แค่เคาะกลับกันไปมาตรงกลางสนามแล้วก็โดนบีบให้จ่ายเสีย เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่นัดแรกกับซันเดอร์แลนด์แล้ว ถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ อย่าว่าแต่เป็นแชมป์หรือ Top 4 แค่จะไปยูโรป้าก็หนักใจแล้ว
ส่วนเรื่องดีๆ ที่มีให้เห็นคือการกลับมาของเจอราดที่ดูร่างกายจะฟิตสมบูรณ์ดี และเบลามี่ที่เล่นร่วมกับทีมได้ดีมาก แทนที่จะเอามาเป็นตัวสำรองของซัวเรสกับคาโรล ฟอร์มของเบลามี่ในวันนี้อาจจะทำให้เจ้าตัวกลายเป็นตัวหลักของทีมเสียเองก็ ได้
----------------------------------
วันนี้เล่นได้ไม่น่าประทับใจนัก
เรน่า - งานเข้าเยอะแบบไม่น่าเชื่อ แต่ก็ทำไ้ด้ดีมากกับการเซฟลูกสำคัญและการออกมาตัดบอล
โรบินสัน - เติมแล้วลงไม่ค่อยทัน ในเกมรับยังพอประคองตัวเองไปได้จนจบเกม
โคอาเตส - จังหวะสกัดทำได้หนักและแม่นยำดี แต่การตัิดสินใจและการขึ้นบอลยังดูลนลานอยู่
คาราเกอร์ - วันนี้ช่วยซ้อนเด็กๆ ได้ดีกว่านัดที่ผ่านๆ มา แต่ดันมาตายตอนจบที่ไปจิ้มเอาข้อเท้ากองหน้าจนเสียจุดโทษ
เคลลี่ - เป็นวันที่เล่นได้ไม่ดี ถูกพลิกไปได้บ่อยครั้งและป้องกันลูกโยนได้ไม่ดีเอามากๆ
สเปียริ่ง - เข้าไม่ค่อยถึงบอล เสียฟาลว์ง่าย ทั้งยังพลาดแบบไม่ควรจะพลาดในช่วงท้ายเกมจนทำให้ทีมเสียประตู
ลูคัส - ถ้าพูดแบบเข้าข้างก็ต้องบอกว่าเล่นแย่ รักษาพื้นที่หน้าเขตโทษได้ไม่ดีเลย หยุดเกมตรงกลางของไบรตันได้น้อยมาก
มักซี่ - โผล่มาจ่าย
เค้าท์ : เล่นเหมือนคนไม่มีแรง ดูเปลี้ยๆ ยังไงไม่รู้ แต่จังหวะที่ยิงลูกที่สองก็ต้องถือว่าทำได้ดีและทำให้ทีมชนะด้วย
ซัวเรส - เล่นไม่ออกเลย น่าจะยิงได้อย่างน้อย 2 ลูก ก็พลาดไปเองหมด ฝืนเล่นยากไปในหลายจังหวะ
เบลามี่ - เชื่อมเกมจากกลางไปหน้าได้ดีระดับนึง แม้จะหายไปจากเกมร่วม 1 ชั่วโมง (นาที 20-80) แต่ทั้ง 2 ประตูของลิเวอร์พูลในวันนี้ต้องให้เครดิตเบลามี่เต็มๆ
เจอราด -ลงมากลายเป็นว่าต้องไปช่วยเกมรับซะอย่างนั้น ทำได้ดีกว่าสเปียริ่งและลูคัสด้วย ทั้งยังช่วยเปิดให้เบลามี่เอาไปแปรเป็นประตูได้
ฟลานาแกน - ไม่ได้โชว์ฟอร์มมากนัก
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เคลก เบลามี่..ไม่ใช่คนนี้จะเป็นใครล่ะ? มีประสบการณ์และวิธีการเล่นที่ทั้งซัวเรสและคาโรลควรดูไว้บ้าง
----------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2
--------------ซัวเรส-------เบลามี่------------------
มักซี่---------สเปียริ่ง---------ลูคัส----------เค้าท์
โรบินสัน-----โคอาเตส-----คาราเกอร์------เคลลี่
------------------------เรน่า------------------------
ออกไปเยือนอีกแล้ว ในเกมลีคคัพเจอกับทีมในหัวตางรางแชมเปี้ยนชิพอย่างไบรตัน แทคติคยังเหมือนเดิมแต่ดัลกลิชเปลี่ยนผู้เล่นจากนัดก่อนหลายตำแหน่ง แต่ยังมีซัวเรสเป็นตัวจริงในแดนหน้า
-------------------------------------------------------
เปิดเกมมาทั้งสองฝ่ายต่อบอลสู้กันบนพื้น ลิเวอร์พูลเร่งจังหวะเล่นกันเร็ว ไม่ครองบอลนาน ทางไบรตันไม่ค่อยไล่บอลและเปิดพื้นที่ให้ลิเวอร์พูลเล่นค่อนข้า่งมาก ทำให้ต้นเกมเป็นลิเวอร์พูลมากกว่าและในนาที 7 ซัวเรสได้โอกาสไหลบอลให้เบลามี่วิ่งตัดมายิงมุมแคบเสียบเสาสองเข้าไปให้ทีมเยือนขึ้นนำเร็ว 1-0
หลังจากได้ประตูขึ้นนำ เกมยังคงเป็นของลิเวอร์พูลอยู่ โดนลูคัสและสเปียริ่งดันกันขึ้นมาค่อนข้างสูงและดักเก็บบอลจังหวะ 2 ได้ดี ทำให้ไบรตันไม่สามารถขึ้นเกมได้ ผ่าน 20 นาทีแรกไป ลิเวอร์พูลเริ่มเล่นช้าลงทำให้ไบรตันเริ่มเล่นเกมของตัวเองได้มากขึ้น แต่โอกาสทำประตูยังเป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลที่ทำได้มากกว่า มีโอกาสได้ประตูเพิ่มหลายครั้งแต่ยังถากเสาชนคานอยู่
เล่นไปเล่นมาลิเวอร์พูลยิ่งผ่อนเกมมากขึ้นจนในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เป็นฝั่งไบรตันที่ได้บุกกันเข้ามาถึงเขตโทษบ่อยมากขึ้น ได้โอกาสยิงในกรอบ 1 ครั้งแต่เรน่ากับเคลลี่ยังช่วยกันเซฟไว้ได้ทำให้ครึ่งแรกลิเวอร์พูลยังรักษา สกอร์นำ 1-0
เข้าครึ่งหลัง ไบรตันกลับลงลมาเล่นได้ดีขึ้น ช่วยกันวิ่งไล่บีบพื้นที่ตั้งแต่แดนหน้าจนลิเวอร์พูลไปกันไม่เป็น โดนบีบจนจ่ายบอลเสียกันไปเองหลายครั้ง กลายเป็นฝ่ายไบรตันที่ได้ครองบอลมากกว่าและบุกกดดันได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเล่นของตัวริมเส้นทั้งสองฝั่งที่กดดันแบคดาวรุ่งได้ตลอด แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอที่จะเป็นประตูเท่านั้นเอง
นาที 60 บัคลี่ ตัวริมเส้นที่เล่นได้โดดเด่นของไบรตันเกิดเจ็บจนต้องเปลี่ยนออก ทำให้เกมของไบรตันสะดุดเล้กน้อย ไม่ดุดันเท่า 15 นาทีแรกของครึ่งหลัง แต่เกมส่วนใหญ่ก็ยังมาป้วนเปี้ยนในฝั่งลิเวอร์พูลอยู่ดี นาที 75 เจอราดได้ลงมาแทนซัวเรส ถึงนาที 7 ไบรตันส่งตัวรุกลงมาอีก 2 ตัว หวังเปิดเกมรุกเต็มที่ทำให้ลิเวอร์พูลต้องลงไปเน้นตั้งรับ รอจังหวะโต้กลับ
ไบรตันยังบุกกดดันถึงในเขตโทษได้เป็นระยะ แต่ถึงนาที 81 เจอราดสกัดบอลจากในเขตโทษ เป็นเบลามี่ได้บอลแถวกลางสนามลากไปจนเกือบถึงเขตโทษก่อนไหลให้มักซี่และต่อไปถึงเค้าท์ได้แปบอลเช็ดเสาสองเข้าไปให้ทีมนำ 2-0
หลังจากนั้นเกมรุกของไบรตันก็ดับไปทันที นาที 86 ฟลานาแกนได้ลงแทนเคลลี่ เกมทำท่าว่าจะจบแล้ว แต่นาที 89 สเปียริ่งดันไปเสียดายบอล หยุดบอลในเขตโทษแล้วตัวเองถลำออกไปนอกสนามบอลเ้ข้าทางกองหน้าไบรตัน คาราเกอร์วิ่งเข้ามาสกัดแต่ไปโดนข้อเท้าทำให้เสียจุดโทษ ไบรตันไล่มาเป็น 2-1 แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น จบเกมด้วยชัยชนะแบบหืดขึ้นคอของลิเวอร์พูล 2-1
------------------------------------------
นัดนี้ดัลกลิชเปลี่ยนทีมเกือบยกชุดแต่ยังคงแทคติคเดิมไว้ น่าจะต้องการให้นักเตะปรับตัวให้เข้ากับแทคติคนี้ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งเรื่องแทคติคนั้นไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ที่พลาดจนเกือบจะทำให้ลิเวอร์พูลเอาตัวไม่รอดในนัดนี้คือฟอร์มของตัวผู้ เล่นเองที่เล่นกันได้ต่ำกว่ามาตรฐานเอามากๆ ในเกือบจะทุกตำแหน่ง
ยังมีปัญหาเรื้อรังที่ลิเวอร์พูลยังแก้ไม่ตกตั้งแต่ต้นฤดูกาล นั่นคือไม่สามารถรับมือกับการโดนไล่เพรซซิ่งได้เลย พอโดนเพรซซิ่งปุ๊ป ลิเวอร์พูลจะทำได้แค่เคาะกลับกันไปมาตรงกลางสนามแล้วก็โดนบีบให้จ่ายเสีย เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่นัดแรกกับซันเดอร์แลนด์แล้ว ถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ อย่าว่าแต่เป็นแชมป์หรือ Top 4 แค่จะไปยูโรป้าก็หนักใจแล้ว
ส่วนเรื่องดีๆ ที่มีให้เห็นคือการกลับมาของเจอราดที่ดูร่างกายจะฟิตสมบูรณ์ดี และเบลามี่ที่เล่นร่วมกับทีมได้ดีมาก แทนที่จะเอามาเป็นตัวสำรองของซัวเรสกับคาโรล ฟอร์มของเบลามี่ในวันนี้อาจจะทำให้เจ้าตัวกลายเป็นตัวหลักของทีมเสียเองก็ ได้
----------------------------------
วันนี้เล่นได้ไม่น่าประทับใจนัก
เรน่า - งานเข้าเยอะแบบไม่น่าเชื่อ แต่ก็ทำไ้ด้ดีมากกับการเซฟลูกสำคัญและการออกมาตัดบอล
โรบินสัน - เติมแล้วลงไม่ค่อยทัน ในเกมรับยังพอประคองตัวเองไปได้จนจบเกม
โคอาเตส - จังหวะสกัดทำได้หนักและแม่นยำดี แต่การตัิดสินใจและการขึ้นบอลยังดูลนลานอยู่
คาราเกอร์ - วันนี้ช่วยซ้อนเด็กๆ ได้ดีกว่านัดที่ผ่านๆ มา แต่ดันมาตายตอนจบที่ไปจิ้มเอาข้อเท้ากองหน้าจนเสียจุดโทษ
เคลลี่ - เป็นวันที่เล่นได้ไม่ดี ถูกพลิกไปได้บ่อยครั้งและป้องกันลูกโยนได้ไม่ดีเอามากๆ
สเปียริ่ง - เข้าไม่ค่อยถึงบอล เสียฟาลว์ง่าย ทั้งยังพลาดแบบไม่ควรจะพลาดในช่วงท้ายเกมจนทำให้ทีมเสียประตู
ลูคัส - ถ้าพูดแบบเข้าข้างก็ต้องบอกว่าเล่นแย่ รักษาพื้นที่หน้าเขตโทษได้ไม่ดีเลย หยุดเกมตรงกลางของไบรตันได้น้อยมาก
มักซี่ - โผล่มาจ่าย
เค้าท์ : เล่นเหมือนคนไม่มีแรง ดูเปลี้ยๆ ยังไงไม่รู้ แต่จังหวะที่ยิงลูกที่สองก็ต้องถือว่าทำได้ดีและทำให้ทีมชนะด้วย
ซัวเรส - เล่นไม่ออกเลย น่าจะยิงได้อย่างน้อย 2 ลูก ก็พลาดไปเองหมด ฝืนเล่นยากไปในหลายจังหวะ
เบลามี่ - เชื่อมเกมจากกลางไปหน้าได้ดีระดับนึง แม้จะหายไปจากเกมร่วม 1 ชั่วโมง (นาที 20-80) แต่ทั้ง 2 ประตูของลิเวอร์พูลในวันนี้ต้องให้เครดิตเบลามี่เต็มๆ
เจอราด -ลงมากลายเป็นว่าต้องไปช่วยเกมรับซะอย่างนั้น ทำได้ดีกว่าสเปียริ่งและลูคัสด้วย ทั้งยังช่วยเปิดให้เบลามี่เอาไปแปรเป็นประตูได้
ฟลานาแกน - ไม่ได้โชว์ฟอร์มมากนัก
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เคลก เบลามี่..ไม่ใช่คนนี้จะเป็นใครล่ะ? มีประสบการณ์และวิธีการเล่นที่ทั้งซัวเรสและคาโรลควรดูไว้บ้าง
----------------------------------------------------------------
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554
สเปอร์ 4 - 0 ลิเวอร์พูล
เละ...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 ดูเหมือนจะเป็นแทคติคหลักไปแล้ว ไม่ว่าเหย้าหรือเยือน
---------------คาโรล-------ซัวเรส-------------------
ดาวนิ่ง--------อดัม-------ลูคัส--------เฮนเดอร์สัน
เอนริเก้----แอกเกอร์----คาราเกอร์-----สเคอเทล
-------------------------เรน่า------------------------
นัดนี้ลิเวอร์พูลต้องออกไปเยือนอีก 1 นัด โดยเจอกับสเปอร์ที่พึ่งชนะมาในนัดก่อน ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัวจากทีมสัปดาห์ก่อนแค่ตำแหน่งเดียวคือคาโรลได้ลงแทน เค้าท์ นอกนั้นเหมือนเดิมทุกตำแหน่ง
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาเป็นสเปอร์ที่เร่งเกมรุกใส่อย่างรวดเร็ว กดดันได้อย่างต่อเนื่อง เน้นขึ้นบอลทางซ้าย และเพียงแค่นาทีที่ 7 จากการเปิดบอลจากทางฝั่งซ้าย ลิเวอร์พูลสกัดกันไม่ขาด บอลกลิ้งอยู่แถวหน้าเขตโทษเข้าทางโมดริชยิงเต็มข้อเสียบเสาไกลไปอย่างสวยงาม 1-0
สเปอร์ยังไล่เพรซซิ่งกลางสนามตัดเกมของลิเวอร์พูลได้ ตลอด ลิเวอร์พูลไม่สามารถทำเกมของตัวเองได้เลย นาทีที่ 18 จากการกะจังหวะบอลพลาดของกองหลังสเปอร์ทำให้คาโรลได้เกี่ยวบอลเข้าไปในเขต โทษ ซัวเรสยิงเข้าไปแต่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน
ความบรรลัยเริ่มต้นเมื่อนาที 27 แอกเกอร์ที่มีอาการเจ็บตั้งแต่จังหวะเสียประตูแรกเล่นต่ีอไม่ไหว โคอาเตสได้ลงแทน นาทีถัดมา อดัมไปเข้าบอลผิดจังหวะโดนใบเหลืองที่ 2 ไล่ออกไป หลังจากนั้นเกมก็เป็นของสเปอร์ทั้งหมด อีกทั้งลิเวอร์พูลยังมาโดนใบเหลืองอีกสามใบโดยในนาที 36 สเคอเทลโดนจากจังหวะขวางเบล นาที 40 โคอาเตสเสียบอเดบายอ นาที 49 ซัวเรสโดนเพราะไปปรบมือประชดผู้กำักับเส้น ก่อนจบครึ่งแรกไปแบบระบมๆ 1-0
เข้าครึ่งหลัง สเปอร์เปลี่ยนฟาร์ทลงมาแทนครานชาร์กะเอากันให้ตาย เกมส่วนใหญ่ยังเป็นของสเปอร์อยู่แต่ลิเวอร์พูลจัดระเบียบในแนวรับกันได้ดี ขึ้น สามารถปิดพื้นที่สุดท้ายกันได้ดีกว่าในครึ่งแรก แต่แล้วนาที 63 ลิเวอร์พูลต้องมาเหลือ 9 คน จากจังหวะที่สเคอเทลไปสกัดเบล หลังจากนั้นเป็นสเปอร์ที่มาได้ประตูติดๆ กันอีกสองลูก โดยนาที 66 เดโฟได้หลุดเข้าไปยิง 2-00 และนาที 68 เรน่ารับลูกยิงไกลกระฉอก อเดบายอซ้ำเข้าไปได้เป็น 3-0
ดัลกลิชส่งเบลามี่กับสเีปี ยริ่งลงมาแทนดาวนิ่งกับซัวเรส แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นาทีสุดท้ายยังมาโดนอเดบายอร์ที่ยืนโ่ล่งๆ ในเขตโทษยิงเข้าไปอีกลูก จบเกมด้วยสกอร์ 4-0
------------------------------------------
ที่ต้องพูดถึงเป็นอันดับแรกคงหนีไม่พ้นแทคติค 4-4-2 ดัลกลิชมีความมั่นใจในทีมของตัวเองและกล้าเสี่ยงมากที่เกมนัดเยือนเจอคู่ ต่อสู้ที่แข็งแกร่งแบบนี้ยังจัดกองกลางลงไปแค่ 4 ตัว แทนที่จะเป็น 5 ตัีว ผลที่ออกมาคือเกมแดนกลางของลิเวอร์พูลแพ้อย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ตอนที่ยังมี 11 คนเท่ากัน อดัมกับลูคัสไม่สามารถเอาชนะโมดริชกับปาร์คเกอร์ได้เลยไม่ว่าจะในเกมรุกเกม รับ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกมเป็นของสเปอร์ตั้งแต่ต้นยันจบ บางทีเกมเยือนนัดต่อๆ ไป ดัลกลิชน่าจะเสี่ยงน้อยกว่านี้โดยแพคเกมแดนกลางให้แน่นกว่านี้จะดีกว่าหรือ ปล่าว? อีกทั้งตอนที่เหลือ 10 คน ดัลกลิชยังกล้าเสี่ยงให้ทั้งคาโรลและซัวเรสอยู่ในสนาม ไม่เปลี่ยนกลางรับอย่างสเปียริ่งลงแทน โดยรวมแล้วผมว่าดัลกลิชเสี่ยงมากเกินไปในนัดนี้
อันดับต่อมาคือเรื่องแบคขวา สเคอเทลเอาเบลไม่อยู่จริงๆ และไม่มีคนมาช่วยด้วยเลยยิ่งไปกันใหญ่ ตัวเลือกในตำแหน่งแบคขวานั้นสเคอเทลดูดีกว่าฟลานาแกนและคาราเกอร์จริงๆ แต่ตำแหน่งปีกขวาไม่ว่าจะเป็นดาวนิ่งหรือเฮนเดอร์สันน่าจะลงมาช่วยเกมรับ มากกว่านี้หน่อย ในเกมที่ต้องเจอกับปีกที่อันตรายอย่างเบล
เรื่องสุดท้ายคือ กรรมการ วันนี้ผมว่ากรรมการเป่าได้ถูกต้องแล้วไม่มีจังหวะที่ค้านสายตา แต่รู้สึกว่าจะเถรตรงไปหน่อย คือบ่อยครั้งที่เราจะเห็นว่ากรรมการก่อนจะไล่ใครออกสักคนมักจะมีการเตือน ก่อนแต่ัวันนี้ไม่มีเลย แถมตอนที่เหลือ 10 คนแล้ว ถ้าไม่รุนแรงจนเหลือรับจริงๆ กรรมการก็มักจะไม่ไล่ออกอีกคนจนเหลือ 9 แต่กรรมการวันนี้ดูเหมือนจะเปิดตำราเป่ากันเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับการที่ดัลกลิชให้ข่าวเหมือนไม่พอใจกรรมการเมื่อช่วง สัปดาห์ก่อนหรือปล่าว
-----------------------------------
วันนี้ค่อนข้างเสียขวัญกันพอสมควร
เรน่า - เล่นได้ดีมาตลอดจนกระทั่งทีมเหลือ 9 คน พลาดจังหวะที่เสียลูกที่ 3 อย่างไม่น่าพลาด
เอนริเก้ - มั่นใจในตัวเองและเสียดายบอลมากไปหน่อย ในบางจังหวะสกัดแบบคาราเกอร์ไปเลยน่าจะปลอดภัยกว่า
แอกเกอร์ - เล่นดี " ถ้า " ไม่เจ็บ แต่แอกเกอร์ก็พิสูจน์ตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาจะเจ็บแบบนี้ไปเรื่อยๆ
คาราเกอร์ - น่าจะช่วยซ้อนสเคอเทลได้ดีกว่านี้ แต่ถ้าเป็นจังหวะสกัดดูจะเป็นกองหลังที่เล่นได้ดีที่สุดของลิเวอร์พูลวันนี้แล้ว
สเคอเทล - โดดเดี่ยวเกินไปกับการรับมือปีกที่มีความเร็วความคล่องอย่างเบล รับเละอยู่คนเดียวตั้งแต่ต้นเกมยันโดนไล่ออก
อดัม - โดนไล่มากๆ เล่นไม่ออกเลย แถมวันนี้เข้าบอลผิดจังหวะจนโดนไล่ออกอีกต่างหาก
ลูคัส - พออดัมรวนก็รวนตาม ครึ่งแรกปิดพื้นที่หน้าเขตโทษไม่ดีเลย ส่วนการขึ้นบอลไปข้างหน้าก็หนักไปทางจ่ายเสียเป็นส่วนมาก
เฮนเดอร์สัน - ทำอะไรไม่ได้เลย
ดาวนิ่ง : เหมือนเฮนเดอร์สันเลย
ซัวเรส - ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเพื่อนก็โดนไล่ออกไปทีละคนๆ แทบไม่ได้บอล คุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ด้วย
คาโรล - พักบอลในแดนหน้าไม่ได้ เป็นเหตุผลที่ทำให้ช่วงต้นครึ่งแรกทีมไม่สามารถเปิดเกมรุกได้ แต่ช่วงครึ่งหลังที่ต้องถอยไปช่วยตรงกลางมากขึ้นทำได้ดีขึ้น แต่ก็สายเกินไปแล้ว
โคอาเตส - ดูแนวโน้มเหมือนจะชอบโยนพอๆ กับคาราเกอร์เลย ไว้ดูในนัดต่อๆ ไป
เบลลามี่&สเปียริ่ง - ไม่มีโอกาสทำอะไร
----------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 ดูเหมือนจะเป็นแทคติคหลักไปแล้ว ไม่ว่าเหย้าหรือเยือน
---------------คาโรล-------ซัวเรส-------------------
ดาวนิ่ง--------อดัม-------ลูคัส--------เฮนเดอร์สัน
เอนริเก้----แอกเกอร์----คาราเกอร์-----สเคอเทล
-------------------------เรน่า------------------------
นัดนี้ลิเวอร์พูลต้องออกไปเยือนอีก 1 นัด โดยเจอกับสเปอร์ที่พึ่งชนะมาในนัดก่อน ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัวจากทีมสัปดาห์ก่อนแค่ตำแหน่งเดียวคือคาโรลได้ลงแทน เค้าท์ นอกนั้นเหมือนเดิมทุกตำแหน่ง
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาเป็นสเปอร์ที่เร่งเกมรุกใส่อย่างรวดเร็ว กดดันได้อย่างต่อเนื่อง เน้นขึ้นบอลทางซ้าย และเพียงแค่นาทีที่ 7 จากการเปิดบอลจากทางฝั่งซ้าย ลิเวอร์พูลสกัดกันไม่ขาด บอลกลิ้งอยู่แถวหน้าเขตโทษเข้าทางโมดริชยิงเต็มข้อเสียบเสาไกลไปอย่างสวยงาม 1-0
สเปอร์ยังไล่เพรซซิ่งกลางสนามตัดเกมของลิเวอร์พูลได้ ตลอด ลิเวอร์พูลไม่สามารถทำเกมของตัวเองได้เลย นาทีที่ 18 จากการกะจังหวะบอลพลาดของกองหลังสเปอร์ทำให้คาโรลได้เกี่ยวบอลเข้าไปในเขต โทษ ซัวเรสยิงเข้าไปแต่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน
ความบรรลัยเริ่มต้นเมื่อนาที 27 แอกเกอร์ที่มีอาการเจ็บตั้งแต่จังหวะเสียประตูแรกเล่นต่ีอไม่ไหว โคอาเตสได้ลงแทน นาทีถัดมา อดัมไปเข้าบอลผิดจังหวะโดนใบเหลืองที่ 2 ไล่ออกไป หลังจากนั้นเกมก็เป็นของสเปอร์ทั้งหมด อีกทั้งลิเวอร์พูลยังมาโดนใบเหลืองอีกสามใบโดยในนาที 36 สเคอเทลโดนจากจังหวะขวางเบล นาที 40 โคอาเตสเสียบอเดบายอ นาที 49 ซัวเรสโดนเพราะไปปรบมือประชดผู้กำักับเส้น ก่อนจบครึ่งแรกไปแบบระบมๆ 1-0
เข้าครึ่งหลัง สเปอร์เปลี่ยนฟาร์ทลงมาแทนครานชาร์กะเอากันให้ตาย เกมส่วนใหญ่ยังเป็นของสเปอร์อยู่แต่ลิเวอร์พูลจัดระเบียบในแนวรับกันได้ดี ขึ้น สามารถปิดพื้นที่สุดท้ายกันได้ดีกว่าในครึ่งแรก แต่แล้วนาที 63 ลิเวอร์พูลต้องมาเหลือ 9 คน จากจังหวะที่สเคอเทลไปสกัดเบล หลังจากนั้นเป็นสเปอร์ที่มาได้ประตูติดๆ กันอีกสองลูก โดยนาที 66 เดโฟได้หลุดเข้าไปยิง 2-00 และนาที 68 เรน่ารับลูกยิงไกลกระฉอก อเดบายอซ้ำเข้าไปได้เป็น 3-0
ดัลกลิชส่งเบลามี่กับสเีปี ยริ่งลงมาแทนดาวนิ่งกับซัวเรส แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นาทีสุดท้ายยังมาโดนอเดบายอร์ที่ยืนโ่ล่งๆ ในเขตโทษยิงเข้าไปอีกลูก จบเกมด้วยสกอร์ 4-0
------------------------------------------
ที่ต้องพูดถึงเป็นอันดับแรกคงหนีไม่พ้นแทคติค 4-4-2 ดัลกลิชมีความมั่นใจในทีมของตัวเองและกล้าเสี่ยงมากที่เกมนัดเยือนเจอคู่ ต่อสู้ที่แข็งแกร่งแบบนี้ยังจัดกองกลางลงไปแค่ 4 ตัว แทนที่จะเป็น 5 ตัีว ผลที่ออกมาคือเกมแดนกลางของลิเวอร์พูลแพ้อย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ตอนที่ยังมี 11 คนเท่ากัน อดัมกับลูคัสไม่สามารถเอาชนะโมดริชกับปาร์คเกอร์ได้เลยไม่ว่าจะในเกมรุกเกม รับ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกมเป็นของสเปอร์ตั้งแต่ต้นยันจบ บางทีเกมเยือนนัดต่อๆ ไป ดัลกลิชน่าจะเสี่ยงน้อยกว่านี้โดยแพคเกมแดนกลางให้แน่นกว่านี้จะดีกว่าหรือ ปล่าว? อีกทั้งตอนที่เหลือ 10 คน ดัลกลิชยังกล้าเสี่ยงให้ทั้งคาโรลและซัวเรสอยู่ในสนาม ไม่เปลี่ยนกลางรับอย่างสเปียริ่งลงแทน โดยรวมแล้วผมว่าดัลกลิชเสี่ยงมากเกินไปในนัดนี้
อันดับต่อมาคือเรื่องแบคขวา สเคอเทลเอาเบลไม่อยู่จริงๆ และไม่มีคนมาช่วยด้วยเลยยิ่งไปกันใหญ่ ตัวเลือกในตำแหน่งแบคขวานั้นสเคอเทลดูดีกว่าฟลานาแกนและคาราเกอร์จริงๆ แต่ตำแหน่งปีกขวาไม่ว่าจะเป็นดาวนิ่งหรือเฮนเดอร์สันน่าจะลงมาช่วยเกมรับ มากกว่านี้หน่อย ในเกมที่ต้องเจอกับปีกที่อันตรายอย่างเบล
เรื่องสุดท้ายคือ กรรมการ วันนี้ผมว่ากรรมการเป่าได้ถูกต้องแล้วไม่มีจังหวะที่ค้านสายตา แต่รู้สึกว่าจะเถรตรงไปหน่อย คือบ่อยครั้งที่เราจะเห็นว่ากรรมการก่อนจะไล่ใครออกสักคนมักจะมีการเตือน ก่อนแต่ัวันนี้ไม่มีเลย แถมตอนที่เหลือ 10 คนแล้ว ถ้าไม่รุนแรงจนเหลือรับจริงๆ กรรมการก็มักจะไม่ไล่ออกอีกคนจนเหลือ 9 แต่กรรมการวันนี้ดูเหมือนจะเปิดตำราเป่ากันเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับการที่ดัลกลิชให้ข่าวเหมือนไม่พอใจกรรมการเมื่อช่วง สัปดาห์ก่อนหรือปล่าว
-----------------------------------
วันนี้ค่อนข้างเสียขวัญกันพอสมควร
เรน่า - เล่นได้ดีมาตลอดจนกระทั่งทีมเหลือ 9 คน พลาดจังหวะที่เสียลูกที่ 3 อย่างไม่น่าพลาด
เอนริเก้ - มั่นใจในตัวเองและเสียดายบอลมากไปหน่อย ในบางจังหวะสกัดแบบคาราเกอร์ไปเลยน่าจะปลอดภัยกว่า
แอกเกอร์ - เล่นดี " ถ้า " ไม่เจ็บ แต่แอกเกอร์ก็พิสูจน์ตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาจะเจ็บแบบนี้ไปเรื่อยๆ
คาราเกอร์ - น่าจะช่วยซ้อนสเคอเทลได้ดีกว่านี้ แต่ถ้าเป็นจังหวะสกัดดูจะเป็นกองหลังที่เล่นได้ดีที่สุดของลิเวอร์พูลวันนี้แล้ว
สเคอเทล - โดดเดี่ยวเกินไปกับการรับมือปีกที่มีความเร็วความคล่องอย่างเบล รับเละอยู่คนเดียวตั้งแต่ต้นเกมยันโดนไล่ออก
อดัม - โดนไล่มากๆ เล่นไม่ออกเลย แถมวันนี้เข้าบอลผิดจังหวะจนโดนไล่ออกอีกต่างหาก
ลูคัส - พออดัมรวนก็รวนตาม ครึ่งแรกปิดพื้นที่หน้าเขตโทษไม่ดีเลย ส่วนการขึ้นบอลไปข้างหน้าก็หนักไปทางจ่ายเสียเป็นส่วนมาก
เฮนเดอร์สัน - ทำอะไรไม่ได้เลย
ดาวนิ่ง : เหมือนเฮนเดอร์สันเลย
ซัวเรส - ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเพื่อนก็โดนไล่ออกไปทีละคนๆ แทบไม่ได้บอล คุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ด้วย
คาโรล - พักบอลในแดนหน้าไม่ได้ เป็นเหตุผลที่ทำให้ช่วงต้นครึ่งแรกทีมไม่สามารถเปิดเกมรุกได้ แต่ช่วงครึ่งหลังที่ต้องถอยไปช่วยตรงกลางมากขึ้นทำได้ดีขึ้น แต่ก็สายเกินไปแล้ว
โคอาเตส - ดูแนวโน้มเหมือนจะชอบโยนพอๆ กับคาราเกอร์เลย ไว้ดูในนัดต่อๆ ไป
เบลลามี่&สเปียริ่ง - ไม่มีโอกาสทำอะไร
----------------------------------------------------------------
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554
สโต๊ค 1 - 0 ลิเวอร์พูล
ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 4-4-2
---------------เค้าท์-------ซัวเรส-------------------
ดาวนิ่ง--------อดัม-------ลูคัส--------เฮนเดอร์สัน
เอนริเก้----แอกเกอร์----คาราเกอร์-----สเคอเทล
-------------------------เรน่า------------------------
ออกไปเยือนทีมที่มีเกมรับดีและวิ่งสู้ฟัดอย่างสโต๊ค ดัลกลิชเลือกดรอปคาโรล ใช้เค้าท์กับซัวเรสเป็นหน้าคู่แผงกลางยังเหมือนเดิม ส่วนแนวรับสเคอเทลที่เล่นแบคขวาจำเป็นได้ดีจากนัดก่อน ได้เล่นแบคขวาอีกนัด
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายเร่งเกมเข้าหากัน ทางสโต๊คเน้นบอลไดเรกต์เต็มที่ และวิ่งไล่บอลกันอย่างบ้าคลั่งตั้งแต่แดนหน้า ส่วนลิเวอร์พูลเล่นบอลเร็วเช่นกัน เน้นวางยาวไปที่วางให้กองหน้าวิ่งไล่บอล เกมยังดูสูสีอยู่จนกระทั่งนาที 20 คาราเกอร์เบียดปะทะกับวอลเตอร์ในเขตโทษแล้วเสียหลักพลาดไปรั้งตัววอลเตอร์จนเสียจุดโทษ วอลเตอร์ยิงเองไม่พลาด 1-0
สโต๊คยังอาศัยการวิ่งไล่บอลเร็วในแดนกลางทำลายเกมลิเวอร์พูลจนไปไม่เป็น ถูกบีบให้ต้องจ่ายบอลเสียบ่อยครั้ง อีกทั้งกองกลางสโต๊คยังสามารถเก็บบอลที่กองหลังสกัดออกมาได้ดีมาก ทำให้ปิดเกมรุกของลิเวอร์พูลได้สนิทจนกระทั่งจบครึ่งแรก 1-0
เข้าครึ่งหลัง ดาวนิ่งกับเฮนเดอร์สันสลับฝั่งกัน ลิเวอร์พูลพยายามเล่นช้าลงและเน้นความแน่นอนมากขึ้น แต่รูปเกมยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นาที 62 จากจังหวะเฮนเดอร์สันหลุดเดี่ยวแบบไม่น่าเชื่อว่าสโต๊คจะพลาด ลิเวอร์พูลได้ยิงติดๆ กัน 5 ครั้งแต่ติดเซฟหมด 5 นาทีถัดมา ดัลกลิชตัดสินใจเปลี่ยนคาโรลกับเบลลามี่ลงแทนเค้าท์กับเฮนเดอร์สัน โดยเบลลามี่ลงไปเล่นทางซ้าย
รูปเกมลิเวอร์พูลดีขึ้นทันตาเห็น โดยเน้นขึ้นทางซ้ายที่มีเบลลามี่และเอนริเก้ สามารถบุกกดดันได้อย่างต่อเนื่องแต่จังหวะสุดท้ายกองหลังสโต๊คยังสามารถช่วย สกัดไว้ได้หมด นาที 81 จอห์นสันได้ลงแทนสเคอเทล
จนเข้าช่วงทดเจ็บ ซัวเรสเปิดบอลโดนมืออัพสันแต่พลาดได้จุดโทษและนาทีสุด ท้ายของเกมโกลสโต๊คขึ้นตัดบอลพลาด บอลไหลมาเข้าทางซัวเรสแปโ่ล่งๆ หลุดกรอบแบบไม่น่าเชื่อ ทำให้จบเกมด้วยความพ่ายแพ้นัดแรกของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ 1-0
------------------------------------------
ดัลกลิชปรับแทคติคโดยหันไปเล่น 4-4-2 เห็นได้ชัดว่าเค้าท์วิ่งอยู่ในแดนหน้าเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้วิ่งลงมาช่วยตรงกลางเหมือนนัดที่ผ่านมา ผลคือแผงกลาง 4 คนโดยสโต๊ควิ่งไล่จนทำอะไรแทบไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าแทคติคจะผิดพลาดอะไร เพราะถ้าไม่มีความผิดพลาดส่วนบุคคลจนเสียจุดโทษ ก็ยังไม่เห็นว่าสโต๊คจะเจาะเข้ามาได้อย่างไร(ไม่นับลูกนั้น สโต๊คก็เจาะไม่ได้เลยจริงๆ)
ในความผิดพลาดยังมีข้อดีให้ เห็นอยู่บ้างนั่นคือ ลิเวอร์พูลสามารถเร่งเกมโหมบุกในยามที่กดดันได้ดีกว่าฤดูก่อน ช่วง 20 นาทีสุดท้ายสามารถกดดันได้ตลอด บอลที่ผ่านเข้าไปในเขตโทษก็เรียกว่าได้ลุ้นแทบทุกลูก ไม่เหมือนฤดูก่อนที่ถ้าเข้าช่วง 20 นาทีสุดท้ายแล้วทีมเป็นรองนี่แทบไม่ต้องลุ้นอะไรกันเลย แต่นัดนี้ต้องให้เครดิตกองหลังสโต๊คที่เล่นได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
มองมาทางฝั่งสโต๊ค สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้คือการวิ่งไล่บอลของสโต๊คที่สามารถทำได้ตั้งแต่ นาทีแรกยันนาทีสุดท้าย กองหลังก็เข้าสกัดบอลได้ดีและเด็ดขาดมากไม่ว่าจะบอลเรียดบอลโด่ง ช่วงท้ายเกมที่โดนกดดันหนักก็รับมือได้ดีทีเดียว ไม่มีอาการลนลานให้เห็น
-----------------------------------
วันนี้ถึงแพ้แต่ผลงานพอใช้ได้
เรน่า - ไม่มีจังหวะใ้ห้ต้องเซฟ บอลสโต๊คแทบไม่หลุดเข้ามาในเขตโทษเลย ออกบอลเร็วไปริมเส้นได้ดี
เอนริเก้ - ช่วงครึ่งหลังเติมขึ้นไปสูงจนสุดเส้น ทำได้ดีพอใช้ในการเปิดบอลได้น้ำหนักและทิศทาง
แอกเกอร์ - ไม่มีข้อผิดพลาด ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีตลอดเกม
คาราเกอร์ - ช้าไป 1 จังหวะทำให้พลาดในจังหวะเสียจุดโทษ แต่นอกนั้น คาราเกอร์ทำได้ดีตลอดทั้งลูกโหม่งและการประกบ
สเคอเทล - ไม่มีงานในเกมรับ พยายามจะเติมเกมรุกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก
อดัม - ถูกบีบจนจ่ายบอลเสียค่อนข้างเยอะ ไม่ถึงกับแย่เพราะยังสามารถวางบอลไปที่ว่างได้บ้าง แต่ก็ไม่ดีเท่านัดก่อนๆ
ลูคัส - เล่นดีมาก เข้าสกัดได้แม่นยำ เปิดบอลไปข้างหน้าจัดว่าดีทีเดียว ทั้งเกมพลาดแค่ 2 ครั้งตอนนาที 66 ที่จ่ายบอลพลาดเข้าทางโจนส์กับช่วงท้ายเกมที่วิ่งไปอัดเบโควิ ช(โกลสโต๊ค)ดื้อๆ
เฮนเดอร์สัน - เป็นแผงกลางคนเดียวที่พอจะเล่นได้บ้าง พลาดจังหวะหลุดเดี่ยวอย่างไม่ควรจะพลาด แต่โดยรวมแล้วดูดีกว่าดาวนิ่ง น่าเสียดายเล็กน้อยที่โดนเปลี่ยนออก
ดาวนิ่ง : ครึ่งแรกเล่นซ้าย เอนริเก้ก็ไม่ค่อยขึ้นมาเติม ครึ่งหลังเล่นขวา สเคอเทลก็เติมเก้ๆ กังๆ ต้องไปคนเดียวบ่อยครั้งและโดนประกบติดจนทำอะไรไม่ได้
เค้าท์ - ถูกดันไปเล่นกองหน้าและจบกัน...
ซัวเรส - จังหวะพลิกบอลได้ยังน่ากลัวอยู่ แต่พลาดจังหวะจบสกอร์หลายครั้ง น่าจะยิงได้ดีกว่านี้
คาโรล - ลงไปค้ำกองหลังสโต๊ค ทำให้ซัวเรสได้มีพื้นที่เล่นมากขึ้น ทำหน้าที่นั้นได้ดี แต่เจ้าตัวไม่ค่อยได้บอลเท่าไหร่
เบลลามี่ - ลงไปเปลี่ยนเกมได้ระดับนึง เล่นกับเอนริเก้ได้ไม่เลวทีเดียว
----------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 4-4-2
---------------เค้าท์-------ซัวเรส-------------------
ดาวนิ่ง--------อดัม-------ลูคัส--------เฮนเดอร์สัน
เอนริเก้----แอกเกอร์----คาราเกอร์-----สเคอเทล
-------------------------เรน่า------------------------
ออกไปเยือนทีมที่มีเกมรับดีและวิ่งสู้ฟัดอย่างสโต๊ค ดัลกลิชเลือกดรอปคาโรล ใช้เค้าท์กับซัวเรสเป็นหน้าคู่แผงกลางยังเหมือนเดิม ส่วนแนวรับสเคอเทลที่เล่นแบคขวาจำเป็นได้ดีจากนัดก่อน ได้เล่นแบคขวาอีกนัด
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายเร่งเกมเข้าหากัน ทางสโต๊คเน้นบอลไดเรกต์เต็มที่ และวิ่งไล่บอลกันอย่างบ้าคลั่งตั้งแต่แดนหน้า ส่วนลิเวอร์พูลเล่นบอลเร็วเช่นกัน เน้นวางยาวไปที่วางให้กองหน้าวิ่งไล่บอล เกมยังดูสูสีอยู่จนกระทั่งนาที 20 คาราเกอร์เบียดปะทะกับวอลเตอร์ในเขตโทษแล้วเสียหลักพลาดไปรั้งตัววอลเตอร์จนเสียจุดโทษ วอลเตอร์ยิงเองไม่พลาด 1-0
สโต๊คยังอาศัยการวิ่งไล่บอลเร็วในแดนกลางทำลายเกมลิเวอร์พูลจนไปไม่เป็น ถูกบีบให้ต้องจ่ายบอลเสียบ่อยครั้ง อีกทั้งกองกลางสโต๊คยังสามารถเก็บบอลที่กองหลังสกัดออกมาได้ดีมาก ทำให้ปิดเกมรุกของลิเวอร์พูลได้สนิทจนกระทั่งจบครึ่งแรก 1-0
เข้าครึ่งหลัง ดาวนิ่งกับเฮนเดอร์สันสลับฝั่งกัน ลิเวอร์พูลพยายามเล่นช้าลงและเน้นความแน่นอนมากขึ้น แต่รูปเกมยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นาที 62 จากจังหวะเฮนเดอร์สันหลุดเดี่ยวแบบไม่น่าเชื่อว่าสโต๊คจะพลาด ลิเวอร์พูลได้ยิงติดๆ กัน 5 ครั้งแต่ติดเซฟหมด 5 นาทีถัดมา ดัลกลิชตัดสินใจเปลี่ยนคาโรลกับเบลลามี่ลงแทนเค้าท์กับเฮนเดอร์สัน โดยเบลลามี่ลงไปเล่นทางซ้าย
รูปเกมลิเวอร์พูลดีขึ้นทันตาเห็น โดยเน้นขึ้นทางซ้ายที่มีเบลลามี่และเอนริเก้ สามารถบุกกดดันได้อย่างต่อเนื่องแต่จังหวะสุดท้ายกองหลังสโต๊คยังสามารถช่วย สกัดไว้ได้หมด นาที 81 จอห์นสันได้ลงแทนสเคอเทล
จนเข้าช่วงทดเจ็บ ซัวเรสเปิดบอลโดนมืออัพสันแต่พลาดได้จุดโทษและนาทีสุด ท้ายของเกมโกลสโต๊คขึ้นตัดบอลพลาด บอลไหลมาเข้าทางซัวเรสแปโ่ล่งๆ หลุดกรอบแบบไม่น่าเชื่อ ทำให้จบเกมด้วยความพ่ายแพ้นัดแรกของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ 1-0
------------------------------------------
ดัลกลิชปรับแทคติคโดยหันไปเล่น 4-4-2 เห็นได้ชัดว่าเค้าท์วิ่งอยู่ในแดนหน้าเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้วิ่งลงมาช่วยตรงกลางเหมือนนัดที่ผ่านมา ผลคือแผงกลาง 4 คนโดยสโต๊ควิ่งไล่จนทำอะไรแทบไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าแทคติคจะผิดพลาดอะไร เพราะถ้าไม่มีความผิดพลาดส่วนบุคคลจนเสียจุดโทษ ก็ยังไม่เห็นว่าสโต๊คจะเจาะเข้ามาได้อย่างไร(ไม่นับลูกนั้น สโต๊คก็เจาะไม่ได้เลยจริงๆ)
ในความผิดพลาดยังมีข้อดีให้ เห็นอยู่บ้างนั่นคือ ลิเวอร์พูลสามารถเร่งเกมโหมบุกในยามที่กดดันได้ดีกว่าฤดูก่อน ช่วง 20 นาทีสุดท้ายสามารถกดดันได้ตลอด บอลที่ผ่านเข้าไปในเขตโทษก็เรียกว่าได้ลุ้นแทบทุกลูก ไม่เหมือนฤดูก่อนที่ถ้าเข้าช่วง 20 นาทีสุดท้ายแล้วทีมเป็นรองนี่แทบไม่ต้องลุ้นอะไรกันเลย แต่นัดนี้ต้องให้เครดิตกองหลังสโต๊คที่เล่นได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
มองมาทางฝั่งสโต๊ค สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้คือการวิ่งไล่บอลของสโต๊คที่สามารถทำได้ตั้งแต่ นาทีแรกยันนาทีสุดท้าย กองหลังก็เข้าสกัดบอลได้ดีและเด็ดขาดมากไม่ว่าจะบอลเรียดบอลโด่ง ช่วงท้ายเกมที่โดนกดดันหนักก็รับมือได้ดีทีเดียว ไม่มีอาการลนลานให้เห็น
-----------------------------------
วันนี้ถึงแพ้แต่ผลงานพอใช้ได้
เรน่า - ไม่มีจังหวะใ้ห้ต้องเซฟ บอลสโต๊คแทบไม่หลุดเข้ามาในเขตโทษเลย ออกบอลเร็วไปริมเส้นได้ดี
เอนริเก้ - ช่วงครึ่งหลังเติมขึ้นไปสูงจนสุดเส้น ทำได้ดีพอใช้ในการเปิดบอลได้น้ำหนักและทิศทาง
แอกเกอร์ - ไม่มีข้อผิดพลาด ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีตลอดเกม
คาราเกอร์ - ช้าไป 1 จังหวะทำให้พลาดในจังหวะเสียจุดโทษ แต่นอกนั้น คาราเกอร์ทำได้ดีตลอดทั้งลูกโหม่งและการประกบ
สเคอเทล - ไม่มีงานในเกมรับ พยายามจะเติมเกมรุกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก
อดัม - ถูกบีบจนจ่ายบอลเสียค่อนข้างเยอะ ไม่ถึงกับแย่เพราะยังสามารถวางบอลไปที่ว่างได้บ้าง แต่ก็ไม่ดีเท่านัดก่อนๆ
ลูคัส - เล่นดีมาก เข้าสกัดได้แม่นยำ เปิดบอลไปข้างหน้าจัดว่าดีทีเดียว ทั้งเกมพลาดแค่ 2 ครั้งตอนนาที 66 ที่จ่ายบอลพลาดเข้าทางโจนส์กับช่วงท้ายเกมที่วิ่งไปอัดเบโควิ ช(โกลสโต๊ค)ดื้อๆ
เฮนเดอร์สัน - เป็นแผงกลางคนเดียวที่พอจะเล่นได้บ้าง พลาดจังหวะหลุดเดี่ยวอย่างไม่ควรจะพลาด แต่โดยรวมแล้วดูดีกว่าดาวนิ่ง น่าเสียดายเล็กน้อยที่โดนเปลี่ยนออก
ดาวนิ่ง : ครึ่งแรกเล่นซ้าย เอนริเก้ก็ไม่ค่อยขึ้นมาเติม ครึ่งหลังเล่นขวา สเคอเทลก็เติมเก้ๆ กังๆ ต้องไปคนเดียวบ่อยครั้งและโดนประกบติดจนทำอะไรไม่ได้
เค้าท์ - ถูกดันไปเล่นกองหน้าและจบกัน...
ซัวเรส - จังหวะพลิกบอลได้ยังน่ากลัวอยู่ แต่พลาดจังหวะจบสกอร์หลายครั้ง น่าจะยิงได้ดีกว่านี้
คาโรล - ลงไปค้ำกองหลังสโต๊ค ทำให้ซัวเรสได้มีพื้นที่เล่นมากขึ้น ทำหน้าที่นั้นได้ดี แต่เจ้าตัวไม่ค่อยได้บอลเท่าไหร่
เบลลามี่ - ลงไปเปลี่ยนเกมได้ระดับนึง เล่นกับเอนริเก้ได้ไม่เลวทีเดียว
----------------------------------------------------------------
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)