"ของ" เริ่มทยอยมาให้เห็นบ้างแล้ว
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1
-----------------------ซัวเรส-----------------------
------ดาวนิ่ง------เค้าท์------เฮนเดอร์สัน---------
---------------อดัม-----------ลูคัส-----------------
เอนริเก้------แอกเกอร์-------คาราเกอร์------เคลลี่
------------------------เรน่า------------------------
กลับมาเล่นในบ้านอีกครั้งเจอกับโบลตัน โดยที่ลิเวอร์พูลต้องขาดไมราเลสเนื่องจากอาการบาดเจ็บไปอีกคน นัดนี้ดัลกลิชปรับแทคติคเล็กน้อยด้วยการพักคาโรลเป็นแค่ตัวสำรองและส่งเค้าท์มาเล่นตรงกลาง ส่วนทางขวายังให้เฮนเดอร์สันปักหลักต่อไป
-------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มเกมได้คึกคึก ครองบอลและเคลื่อนที่กันได้ดี เน้นต่อบอลบนพื้น เมื่อเสียบอลก็วิ่งไล่เร็ว ส่วนโบลตันถูกกดดันจนต้องถอยไปตั้งรับอยู่แถวหน้าเขตโทษตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แค่นาที 15 ดาวนิ่งได้บอลยาวหลุดเข้าไปในเขตโทษยิงติดเซฟ เค้าท์เก็บบอลได้ก่อนแปะกลับหลังมาให้เฮนเดอร์สันยิงเข้าไปให้ทีมนำ 1-0
หลังจากเสียประตูโบลตันพยายามจะบุกโต้กลับมาบ้างแต่ขาดความต่อเนื่อง ในขณะที่ลิเวอร์พูลกองกลางยังทำงานกันได้ดีทั้งเกมรับที่ตัดบอลได้เร็ว และเกมรุกที่ต่อบอลกันได้ไหลลื่น แต่เล่นไปจนถึงนาที 30 ลิเวอร์พูลต้องเสียเคลลี่ไปจากอาการบาดเจ็บและเป็นสเคอเทลที่ได้ลงแทน และเล่นในตำแหน่งแบคขวาเลย
ลิเวอร์พูลเริ่มผ่อนเกมลง แต่ยังได้ลุ้นเป็นระยะจากการวางบอลยาว ส่วนโบลตันเล่นเกมรุกกันไม่ต่อเนื่องและไม่สามารถกดดันอะไรลิเวอร์พูลได้ จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0
เข้าครึ่งหลังรูปเกมยังไม่เปลี่ยนจากครึ่งแรก เกมยังเป็นของลิเวอร์พูล นาที 52 จากลูกเตะมุม สเคอเทลวิ่งโฉบตัดหน้าไนท์โหม่งเข้าไปได้เป็น 2-0 ก่อนที่นาทีถัดมา อดัมได้บอลหน้าเขตโทษยิงเรียดเสียบเสาไกลให้ทีมนำห่าง 3-0
โบลตันพยายามดันขึ้นสูง เปิดเกมแลกแต่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น กลับเป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่ยังไม่ผ่อนเกมได้โอกาสลุ้นจบสกอร์เป็นระยะ จนกระทั่งเข้า 20 นาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลถึงได้เริ่มผ่อนเกมลง ถึงอย่างนั้นโบลตันก็ไม่สามารถตั้งเกมของตัวเองได้ นาที 76 มักซี่และคาโรลได้ลงแทนเฮนเดอร์สันและซัวเรส
นาที 92 จากจังหวะไม่น่าจะมีอะไร โบลตันวางบอลยาวจากครึ่งสนาม คาราเกอร์สกัดไม่ดีบอลเลยไปถึงเปตรอฟลากเข้าเขตโทษ คาราเกอร์วิ่งไปสกัดได้ในจังหวะสุดท้าย แต่บอลดันกลิ้งไปเข้าทางคลาสนิคพอดี ก่อนจะยิงผ่านเรน่าเข้าไปให้โบลตันตีไข่แตก 3-1 และจบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
------------------------------------------
ดัลกลิชปรับทีมสองจุดในนัดนี้ อย่างแรกคือการพักคาโรล สองคือการวางเค้าท์เป็นหน้าต่ำ(กลางรุก)ตรงกลาง ในประเด็นคาโรลนั้นคงไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าเจ้าตัวยังเอาชนะความกดดันไม่ได้ แต่ประเด็นเค้าท์นั้นนับเป็นสาเหตุสำคัญต่อชัยชนะเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นเรื่อยมาจนถึง 3 นัดก่อนหน้านี้ ถ้าเค้าท์ได้ลงสนามพร้อมเฮนเดอร์สัน ดัลกลิชมักจะให้เฮนเดอร์สันหุบเข้ากลางแล้วเอาเค้าท์ไปเ่ล่นริมเส้น แต่นัดนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้นเค้าท์ที่ได้เล่้นตรงกลางกลับกลายเป็นตัวที่ลงมาล้วงบอลจากแดนกลาง ทำให้ซัวเรสมีอิสระในการวิ่งหาที่ว่างข้างหน้ามากขึ้นกว่านัดก่อนๆ การไล่บอลและเบียดปะทะของเค้าท์ทำให้ตัวรับทั้งสองคนคืออดัมและลูคัสพลอยเล่นง่ายไปด้วย
รวมไปถึงการวิ่งไปต่อบอลกับทั้งเฮนเดอร์สันและดาวนิ่งก็ทำได้ดีเช่นกัน
มองทางฝั่งโบลตัน นัดนี้เล่นได้ไม่ดีนัก แดนกลางไม่สามารถหยุดเกมของลิเวอร์พูลได้ และที่แย่มากคือช่องว่างระหว่างเซนเตอร์กับแบคทั้งสองข้าง มันกว้างขวางโอโถ่งเหลือเกิน เรียกได้ว่าถ้าลิเวอร์พูลวางบอลไปทางช่องดังกล่าว ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา เป็นได้หลุดไปสุดเส้น หรือได้เปิดเข้ากลางแทบทุกครั้ง
-----------------------------------
วันนี้ทำงานกันได้ดีทุกคน
เรน่า - พึ่งรู้ว่าอยู่ในสนามตอนเดินเข้าไปเก็บบอลในนาที 92
เอนริเก้ - เล่นได้ดีมาก สมบูรณ์แบบทั้งในเกมรับและรุก ความหลอนอย่างเดียวของเอนริเก้คือชอบคืนบอลให้ผู้รักษาประตูมากเกินไปแต่ถ้าสื่อสารกับเรน่าได้ดีแบบนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
แอกเกอร์ - เป็นเกมที่เล่นง่ายสุดๆ ว่างจนได้เลี้ยงบอลลุยเกินครึ่งสนามหลายครั้ง
คาราเกอร์ - ทำงานของตัวเองได้ดีจนกระทั่งมาพลาดในช่วงทดเจ็บที่ต้องบอกว่าโชคร้ายเล็กน้อย(แต่พลาดมาก)ที่บอลกระเด้งเป็นใจให้กองหน้าโบลตันถึงสองครั้งซ้อน
เคลลี่ - ได้อยู่ในสนามแค่ครึ่งชั่วโมง เกมรับยังดีเหมือนเดิม แต่เริ่มเห็นแววออเรลิโอคนที่สองยังไงชอบกล
อดัม - ยังเชื่อมเกมและกระจายบอลได้ดีเหมือนนัดก่อน แถมนัดนี้ยังมีแถมการวางบอลยาวและการยิงไกลให้ด้วย
ลูคัส - ปรกติลูคัสชอบวิ่งถอยหลังคุมพื้นที่แล้วไปสกัดเอาแถวๆ หน้าเขตโทษ แต่วันนี้เล่นแปลกไปด้วยการเข้าสกัดตั้งแต่จังหวะแรกและทำได้ดีมาก เอาชนะกองกลางของโบลตันได้เด็ดขาด
เฮนเดอร์สัน - ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ กับตำแหน่งริมเส้นทางขวา โดยเฉพาะการครอสบอลทั้งโด่งทั้งเรียดที่เข้าตาจริงๆ ผลงานนัดนี้อาจทำให้เราไม่ได้เห็นเขาเล่นตรงกลางไปอีกพักใหญ่ๆ
เค้าท์ : เล่นแบบเค้าท์ๆ เรื่องคิลเลอร์พาสหรือยิงตูมเดียวหายอย่าไปพูดถึง แต่การทุ่มเท,เล่นเป็นทีมทำให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นได้เล่นกันอย่างสบาย
ดาวนิ่ง - เล่นได้ง่ายขึ้นเพราะมีทั้งเค้าท์ ซัวเรส เอนริเก้มาค่อยชิ่งบอลด้วย ทำให้เกมทางซ้ายไหลลื่นตลอดเกม ควรจะมีชื่อเป็นคนทำประตูแรกด้วยซ้ำ แต่โชคร้ายที่ติดเซฟ
ซัวเรส - ยังคงเป็นตัวทะลุทะลวงได้ดี การหาพื้นที่และการไปกับบอลของซัวเรสเป็นอาวุธหลักของลิเวอร์พูลในนัดนี้ เสียดายที่กลางครึ่งหลังโดนคำตัดสินที่ไม่ค่อยเป็นใจหลายครั้งเล่นงานจนหงุดหงิดเต็มที่ เลยโดยเปลี่ยนตัวออกก่อนจะเอาฟันไปไล่เฉาะใครเข้า
สเคอเทล - ลงไปเล่นแบคขวา เล่นดีกว่าเซนเตอร์มันซะงั้น ทั้งการเข้าสกัด การเติมเกมรุกทำได้ดีหมด แถมทำประตูได้ด้วยอีกต่างหาก
คาโรล - พยายามเคลื่อนที่มากขึ้นกว่านัดก่อนไม่ได้ปักหลักอยู่แค่หน้าเขตโทษ...แต่ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เล่นเหมือนเดิมดีกว่า
มักซี่ - ได้ลงจริงๆ นะ
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เดิร์ค เค้าท์ แม้สไตล์การเล่นจะไม่ได้ยิงกระจาย จ่ายเทพแบบใครเขา จับบอลก็ไม่เคยได้เปรียบ แตะบอลก็นึกว่ายิงไกล แต่นัดนี้เค้าท์แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า การมีเค้าท์อยู่ในสนาม ทำให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นเล่นได้ง่ายและทำผลงานได้ดีขึ้นจริงๆ
----------------------------------------------------------------
วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554
เอกเซเตอร์ 1 - 3 ลิเวอร์พูล
หวังมากไปหรือคิดมากไป?
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1
-----------------------ซัวเรส----------------------
-----มักซี่-----ไมราเลส-----เฮนเดอร์สัน---------
--------------อดัม----------สเปียริ่ง----------------
โรบินสัน----วิลสัน-----สเคอเทล-----ฟลานาแกน
-------------------------เรน่า------------------------
เกมบอลถ้วยนัดแรกของฤดูกาล ดัลกลิชส่งตัวสำรองผสมกับนักเตะดาวรุ่งจนออกมาเป็นอย่างที่เห็น ผิดคาดเล็กๆ ที่เห็นเรน่าได้ออกสตาร์ทตัวจริงแทนที่จะเป็นโดนี่ รวมไปถึงซัวเรสที่ได้ลงก่อนคาโรลที่น่าจะฟิตกว่าด้วย
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลเล่นค่อนข้างช้าเน้นความแน่นอน ต่อบอลสั้นกันไปเรื่อย เมื่อเสียบอลก็วิ่งไล่เพรซซิ่งทั้งสนาม ส่วนเอกเซเตอร์ไม่ได้ตั้งรับลึก พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่เช่นกัน แต่ด้วยความที่แผงกองกลางของเอกเซเตอร์จ่ายบอลกันผิดพลาดบ่อยครั้ง ทำให้ลิเวอร์พูลได้บุกมาป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษอยู่ตลอด แต่การเปิดบอลจังหวะสุดท้ายยังขาดๆ เกินๆ เลยยังทำอะไรไม่ได้
นาที 20 จากจังหวะถูกเสียบแย่งบอล ไมราเลสล้มลงผิดท่าไหล่กระแทกพื้นจนเล่นต่อไม่ได้ คาโรลถูกส่งลงมาทันที หลังจากนั้นแค่ 3 นาที จากจังหวะตัดบอลกลางสนาม มักซี่จ่ายไปให้เฮนเดอร์สันทางขวาที่ยืนโล่งอยู่ ก่อนจะครอสบอลเข้ากลาง โกล์ปัดได้แต่ไม่พ้นอันตราย เข้าทางซัวเรสได้ยิงลอดขาเข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
หลังจากนั้นเกมก็เร็วขึ้น ทั้งสองฝ่ายเปิดเกมรุกแลกกันตลอด โดยทางเอกเซเตอร์ยังพาบอลมาไม่ค่อยจะพ้นครึ่งสนาม ส่วนลิเวอร์พูลจ่ายบอลสุดท้ายกันไม่ผ่าน ก่อนที่ 5 นาทีท้ายจะเล่นช้าลงและจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 1-0
เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาเน้นครองบอลแล้วอาศัยจังหวะที่ตัดบอลกลางสนามมาได้ทำเกมรุก ส่วนเอกเซเตอร์ยังยกระดับเกมของตัวเองไม่ได้ นาที 55 ซัวเรสหลุดไปเข้าเขตโทษก่อนจะเปิดบอลจังหวะแรกติดกองหลัง บอลมาเข้าทางให้ซัวเรสได้เปิดเข้ากลางอีกครั้งแล้วเป็นมักซี่ที่วิ่งมาแปแถวๆ จุดโทษเข้าไปง่ายๆ 2-0
นาที 58 คาโรลได้บอลแถวหน้าเขตโทษ แต่งบอล 1 จังหวะก่อนจะหวดตูมเดียวหายให้ทีมนำห่างเป็น 3-0 เมื่อนำห่างดัลกลิชถอดซัวเรสออกทันทีส่งดาวนิ่งลงมาแทน ส่วนเอกเซเตอร์จากเกมรุกที่ไม่ค่อยจะมีอะไรอยู่แล้วคราวนี้ก็ดับสนิทไปเลย ลิเวอร์พูลเริ่มผ่อนเกมแค่เล่นไปตามจังหวะ
บอลติดชึ่งกันไปมาอยู่พักใหญ่ นาที 77 เชลวี่ได้ลงแทนอดัม และนาที 79 กองหน้่าเอกเซเตอร์ได้บอลเข้าไปในเขตโทษ สเคอเทลสกัดผิดจังหวะ ไปจิ้มเอาข้อเท้า เสียจุดโทษ ทำให้เอกเซเตอร์ไล่มาเป็น 3-1 หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็เน้นปิดเกม ส่วนเอกเซเตอร์ก็ไม่ได้วิ่งไล่อะไรจริงจัง จนกระทั่งจบเกมไปด้วยสกอร์ 3-1
------------------------------------------
ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนตัวหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะแผงหลังที่ยกเด็กมาทั้งชุด แต่ถ้ามองดูในม้านั่งสำรองจะเห็นว่าดัลกลิชเน้นกับเกมนัดนี้เอามากๆ เพราะมีทั้งคาโรล, ดาวนิ่ง, เค้าท์, เอนริเก้, คาราเกอร์ อยู่ในม้านั่งสำรอง เรียกได้ว่าถ้ามีอะไรผิดพลาดก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนทันทีแล้วก็ได้ใช้ประโยชน์จริงๆ เมื่อไมราเลสเจ็บไปตั้งแต่ต้นเกม
ประเด็นสำคัญที่ทำให้เกมออกมาเป็นอย่างที่ควรจะเป็นคือคุณภาพของเอกเซเตอร์ ซึ่งเล่นได้สมมาตรฐานลีควันจริงๆ ทั้งยังใจใหญ่เปิดเกมสู้โดยไม่เน้นตั้งรับ แล้วรูปเกมก็ออกมาไม่เป็นสัปปะรดเลย จ่ายบอลกลางสนามพลาดเยอะมาก ทั้งเกมยิงเขากรอบครั้งเดียว(ไม่นับลูกโทษ) ปล่อยพื้นที่ให้ซัวเรสเล่นเหมือนจะบอกว่า "ตามสบายเลยครับพี่" เฮนเดอร์สันก็มีโอกาสได้วางเท้าครอสโล่งๆ แทบทุกจังหวะที่ได้บอล อะไรมันจะไปเหลือล่ะ
อีกสาเหตุคือการเล่นของซัวเรสที่เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน ตอนนี้ตัวทะลุทะลวงในเกมรุกของลิเวอร์พูลหวังพึ่งซัวเรสคนเดียวจริงๆ ย้อนกลับไปมองสองเกมแรกในลีครวมทั้งนัดนี้จะเห็นได้ชัดว่าช่วงเวลาที่มีซัวเรสในสนาม ลิเวอร์พูลเล่นเหมือนเป็นคนละทีมกับเวลาที่ไม่มีซัวเรส ไม่ใช่เฉพาะประตู แต่หมายถึงไอเดียในเกมรุกด้วย ถ้าแนวโน้มยังเป็นอย่างนี้ต่อไปโดยตัวรุกอื่นๆ ยังแบ่งเบาภาระไม่ได้ ลิเวอร์พูลจะมีปัญหาในระยะยาวเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในยุค ตอเรส-เจอราด มาแล้วแน่นอน
-----------------------------------
หลายคนทำผลงานพอดูได้
เรน่า - ออกมาช้าครั้งเดียวในช่วงต้นครึ่งหลัง นอกนั้นก็ออกมาตัดบอลได้ดีตลอด
โรบินสัน - เหมือนถูกสั่งมาให้เล่นแค่ครึ่งสนาม รักษาตำแหน่งของตัวเองได้ดี
วิลสัน - ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเคาะบอลไปมา
สเคอเทล - เข้าใจว่าลงมาเรียกความฟิตหลังจากหายเจ็บ แต่ทำงามไส้ในจังหวะเสียจุดโทษที่น่าจะรับมือได้ดีกว่านั้น
ฟลานาแกน - ยังมีอาการลนลานให้เห็นเล็กน้อยถึงปานกลาง คงต้องการเวลาสั่งสมประสบการณ์อีกเยอะ
สเปียริ่ง - เล่นค่อนข้างเสี่ยง คือชอบเข้าบอลพรวดพราด พลาดปุ๊ปก็โดนสวนทันที แต่ถ้าตัดได้ทีมก็ได้รุกจากจังหวะที่ได้เปรียบ ขยันหาตำแหน่งคอยรับบอลจากแผงหลังซึ่งทำให้กองหลังเล่นง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องสาดทิ้งมั่วซั่ว
อดัม - เชื่อมเกมและกระจายบอลทำได้ดี แต่ยืนค่อนข้างต่ำเลยมีบทบาทกับเกมรุกน้อย
เฮนเดอร์สัน - ฟอร์มกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย การครอสบอลวันนี้ทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมดัลกลิชถึงอย่างจะให้เล่นริมเส้นเหลือเกินเพราะโยนแม่นมาก
มักซี่ - ยังคงรักษามาตรฐานเดิมอีกครั้งคือ หายไปจากเกม โผล่มาถูกที่จังหวะจะยิง แล้วก็หายไปจากเกมอีกครั้ง
ซัวเรส - เล่นง่ายเพราะนักเตะเอกเซเตอร์ปล่อยให้เล่นได้ตามสบาย เป็นทุกอย่างของเกมรุกในวันนี้ พอโดนเปลี่ยนตัวออกลิเวอร์พูลก็ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย
คาโรล - แม้จะยิงได้ แต่วันนี้ฟอร์มด่ำดิ่งหนักเข้าไปกว่าเกมกับอาเซนอลอีก หน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเกม เล่นไปหงุดหงิดไป ขนาดยิงได้หรือทีมชนะแล้วยังยิ้มไม่ออกเลย โดนความกดดันเล่นงานอย่างหนัก ปัญหาอยู่ที่ใจมากกว่าร่างกาย
ไมราเลส - ไม่ได้ทำอะไรก็เจ็บไปก่อน
ดาวนิ่ง - ลงมาตอนเกมขาด พยายามจะเล่นอยู่แต่เพื่อนไม่ขยับมาช่วยกันสักเท่าไหร่
เชลวี่ย์ - ลงมาเคาะบอลเล่นราว 10 นาที
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : หลุยส์ ซัวเรส ...ไ่ม่ต้องคิด
----------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1
-----------------------ซัวเรส----------------------
-----มักซี่-----ไมราเลส-----เฮนเดอร์สัน---------
--------------อดัม----------สเปียริ่ง----------------
โรบินสัน----วิลสัน-----สเคอเทล-----ฟลานาแกน
-------------------------เรน่า------------------------
เกมบอลถ้วยนัดแรกของฤดูกาล ดัลกลิชส่งตัวสำรองผสมกับนักเตะดาวรุ่งจนออกมาเป็นอย่างที่เห็น ผิดคาดเล็กๆ ที่เห็นเรน่าได้ออกสตาร์ทตัวจริงแทนที่จะเป็นโดนี่ รวมไปถึงซัวเรสที่ได้ลงก่อนคาโรลที่น่าจะฟิตกว่าด้วย
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลเล่นค่อนข้างช้าเน้นความแน่นอน ต่อบอลสั้นกันไปเรื่อย เมื่อเสียบอลก็วิ่งไล่เพรซซิ่งทั้งสนาม ส่วนเอกเซเตอร์ไม่ได้ตั้งรับลึก พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่เช่นกัน แต่ด้วยความที่แผงกองกลางของเอกเซเตอร์จ่ายบอลกันผิดพลาดบ่อยครั้ง ทำให้ลิเวอร์พูลได้บุกมาป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษอยู่ตลอด แต่การเปิดบอลจังหวะสุดท้ายยังขาดๆ เกินๆ เลยยังทำอะไรไม่ได้
นาที 20 จากจังหวะถูกเสียบแย่งบอล ไมราเลสล้มลงผิดท่าไหล่กระแทกพื้นจนเล่นต่อไม่ได้ คาโรลถูกส่งลงมาทันที หลังจากนั้นแค่ 3 นาที จากจังหวะตัดบอลกลางสนาม มักซี่จ่ายไปให้เฮนเดอร์สันทางขวาที่ยืนโล่งอยู่ ก่อนจะครอสบอลเข้ากลาง โกล์ปัดได้แต่ไม่พ้นอันตราย เข้าทางซัวเรสได้ยิงลอดขาเข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำ 1-0
หลังจากนั้นเกมก็เร็วขึ้น ทั้งสองฝ่ายเปิดเกมรุกแลกกันตลอด โดยทางเอกเซเตอร์ยังพาบอลมาไม่ค่อยจะพ้นครึ่งสนาม ส่วนลิเวอร์พูลจ่ายบอลสุดท้ายกันไม่ผ่าน ก่อนที่ 5 นาทีท้ายจะเล่นช้าลงและจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 1-0
เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาเน้นครองบอลแล้วอาศัยจังหวะที่ตัดบอลกลางสนามมาได้ทำเกมรุก ส่วนเอกเซเตอร์ยังยกระดับเกมของตัวเองไม่ได้ นาที 55 ซัวเรสหลุดไปเข้าเขตโทษก่อนจะเปิดบอลจังหวะแรกติดกองหลัง บอลมาเข้าทางให้ซัวเรสได้เปิดเข้ากลางอีกครั้งแล้วเป็นมักซี่ที่วิ่งมาแปแถวๆ จุดโทษเข้าไปง่ายๆ 2-0
นาที 58 คาโรลได้บอลแถวหน้าเขตโทษ แต่งบอล 1 จังหวะก่อนจะหวดตูมเดียวหายให้ทีมนำห่างเป็น 3-0 เมื่อนำห่างดัลกลิชถอดซัวเรสออกทันทีส่งดาวนิ่งลงมาแทน ส่วนเอกเซเตอร์จากเกมรุกที่ไม่ค่อยจะมีอะไรอยู่แล้วคราวนี้ก็ดับสนิทไปเลย ลิเวอร์พูลเริ่มผ่อนเกมแค่เล่นไปตามจังหวะ
บอลติดชึ่งกันไปมาอยู่พักใหญ่ นาที 77 เชลวี่ได้ลงแทนอดัม และนาที 79 กองหน้่าเอกเซเตอร์ได้บอลเข้าไปในเขตโทษ สเคอเทลสกัดผิดจังหวะ ไปจิ้มเอาข้อเท้า เสียจุดโทษ ทำให้เอกเซเตอร์ไล่มาเป็น 3-1 หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็เน้นปิดเกม ส่วนเอกเซเตอร์ก็ไม่ได้วิ่งไล่อะไรจริงจัง จนกระทั่งจบเกมไปด้วยสกอร์ 3-1
------------------------------------------
ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนตัวหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะแผงหลังที่ยกเด็กมาทั้งชุด แต่ถ้ามองดูในม้านั่งสำรองจะเห็นว่าดัลกลิชเน้นกับเกมนัดนี้เอามากๆ เพราะมีทั้งคาโรล, ดาวนิ่ง, เค้าท์, เอนริเก้, คาราเกอร์ อยู่ในม้านั่งสำรอง เรียกได้ว่าถ้ามีอะไรผิดพลาดก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนทันทีแล้วก็ได้ใช้ประโยชน์จริงๆ เมื่อไมราเลสเจ็บไปตั้งแต่ต้นเกม
ประเด็นสำคัญที่ทำให้เกมออกมาเป็นอย่างที่ควรจะเป็นคือคุณภาพของเอกเซเตอร์ ซึ่งเล่นได้สมมาตรฐานลีควันจริงๆ ทั้งยังใจใหญ่เปิดเกมสู้โดยไม่เน้นตั้งรับ แล้วรูปเกมก็ออกมาไม่เป็นสัปปะรดเลย จ่ายบอลกลางสนามพลาดเยอะมาก ทั้งเกมยิงเขากรอบครั้งเดียว(ไม่นับลูกโทษ) ปล่อยพื้นที่ให้ซัวเรสเล่นเหมือนจะบอกว่า "ตามสบายเลยครับพี่" เฮนเดอร์สันก็มีโอกาสได้วางเท้าครอสโล่งๆ แทบทุกจังหวะที่ได้บอล อะไรมันจะไปเหลือล่ะ
อีกสาเหตุคือการเล่นของซัวเรสที่เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน ตอนนี้ตัวทะลุทะลวงในเกมรุกของลิเวอร์พูลหวังพึ่งซัวเรสคนเดียวจริงๆ ย้อนกลับไปมองสองเกมแรกในลีครวมทั้งนัดนี้จะเห็นได้ชัดว่าช่วงเวลาที่มีซัวเรสในสนาม ลิเวอร์พูลเล่นเหมือนเป็นคนละทีมกับเวลาที่ไม่มีซัวเรส ไม่ใช่เฉพาะประตู แต่หมายถึงไอเดียในเกมรุกด้วย ถ้าแนวโน้มยังเป็นอย่างนี้ต่อไปโดยตัวรุกอื่นๆ ยังแบ่งเบาภาระไม่ได้ ลิเวอร์พูลจะมีปัญหาในระยะยาวเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในยุค ตอเรส-เจอราด มาแล้วแน่นอน
-----------------------------------
หลายคนทำผลงานพอดูได้
เรน่า - ออกมาช้าครั้งเดียวในช่วงต้นครึ่งหลัง นอกนั้นก็ออกมาตัดบอลได้ดีตลอด
โรบินสัน - เหมือนถูกสั่งมาให้เล่นแค่ครึ่งสนาม รักษาตำแหน่งของตัวเองได้ดี
วิลสัน - ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเคาะบอลไปมา
สเคอเทล - เข้าใจว่าลงมาเรียกความฟิตหลังจากหายเจ็บ แต่ทำงามไส้ในจังหวะเสียจุดโทษที่น่าจะรับมือได้ดีกว่านั้น
ฟลานาแกน - ยังมีอาการลนลานให้เห็นเล็กน้อยถึงปานกลาง คงต้องการเวลาสั่งสมประสบการณ์อีกเยอะ
สเปียริ่ง - เล่นค่อนข้างเสี่ยง คือชอบเข้าบอลพรวดพราด พลาดปุ๊ปก็โดนสวนทันที แต่ถ้าตัดได้ทีมก็ได้รุกจากจังหวะที่ได้เปรียบ ขยันหาตำแหน่งคอยรับบอลจากแผงหลังซึ่งทำให้กองหลังเล่นง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องสาดทิ้งมั่วซั่ว
อดัม - เชื่อมเกมและกระจายบอลทำได้ดี แต่ยืนค่อนข้างต่ำเลยมีบทบาทกับเกมรุกน้อย
เฮนเดอร์สัน - ฟอร์มกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย การครอสบอลวันนี้ทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมดัลกลิชถึงอย่างจะให้เล่นริมเส้นเหลือเกินเพราะโยนแม่นมาก
มักซี่ - ยังคงรักษามาตรฐานเดิมอีกครั้งคือ หายไปจากเกม โผล่มาถูกที่จังหวะจะยิง แล้วก็หายไปจากเกมอีกครั้ง
ซัวเรส - เล่นง่ายเพราะนักเตะเอกเซเตอร์ปล่อยให้เล่นได้ตามสบาย เป็นทุกอย่างของเกมรุกในวันนี้ พอโดนเปลี่ยนตัวออกลิเวอร์พูลก็ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย
คาโรล - แม้จะยิงได้ แต่วันนี้ฟอร์มด่ำดิ่งหนักเข้าไปกว่าเกมกับอาเซนอลอีก หน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเกม เล่นไปหงุดหงิดไป ขนาดยิงได้หรือทีมชนะแล้วยังยิ้มไม่ออกเลย โดนความกดดันเล่นงานอย่างหนัก ปัญหาอยู่ที่ใจมากกว่าร่างกาย
ไมราเลส - ไม่ได้ทำอะไรก็เจ็บไปก่อน
ดาวนิ่ง - ลงมาตอนเกมขาด พยายามจะเล่นอยู่แต่เพื่อนไม่ขยับมาช่วยกันสักเท่าไหร่
เชลวี่ย์ - ลงมาเคาะบอลเล่นราว 10 นาที
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : หลุยส์ ซัวเรส ...ไ่ม่ต้องคิด
----------------------------------------------------------------
วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554
อาร์เซนอล 0 - 2 ลิเวอร์พูล
แข่งเรือแข่งพายแข่งได้...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1
-------------------------คาโรล----------------------
------ดาวนิ่ง------เฮนเดอร์สัน------เค้าท์---------
----------------อดัม------------ลูคัส----------------
เอนริเก้-----แอกเกอร์------คาราเกอร์------เคลลี่
-------------------------เรน่า------------------------
หลังจากทำได้เสมอในบ้านนัดแรก นัดนี้ลิเวอร์พูลต้องออกมาเยือนอาร์เซนลอที่สภาพทีมกำลังย่ำแย่ ขายฟาเบรกัส แซวินโญ่,โรซิคกี้โดนแบน, วิลเชียร์เจ็บ ต้องใช้นักเตะดาวรุ่งถึงสองตำแหน่งคือจิคเคลสันทางแบคขวาและฟริมซงเป็นกลาง รับ ด้านดัลกลิชปรับทีมจากนัดแรกหันมาเล่น 4-2-3-1 โดยเคลลี่ได้ลงในตำแหน่งแบคขวา และเค้าท์ทางฝั่งขวา หุบเฮนเดอร์สันไปเล่นตรงกลาง
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายก็บุกใส่กันทันที เล่นเกมเร็วใส่กันตลอด ลิเวอร์พูลดูเน้นเล่นบนพื้นมากขึ้นกว่านัดแรก ช่วงต้นเกมยังสูสีกันอยู่จนกระทั่งนาที 14 กอสคีลานี่เกิดเจ็บ เวนเกอร์ต้องส่งมิเคลซึ่งเป็นดาวรุ่งลงมาแทน หลังจากนั้นอาร์เซนอลก็ดูเล่นช้าลง ลิเวอร์พูลได้บอลมาบุกมากขึ้น โดยบุกได้ถึงเขตโทษและมีจังหวะจบสกอร์ได้บ้างแต่ยังไม่เป็นประตู
จนเข้าช่วง 10 นาทีสุดท้าย เกมกลับมาสูสีกันเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลพยายามเน้นขึ้นบอลทางจิคเคลสันแต่ยังทำอะไรไม่ได้ และเกมรุกเริ่มตันๆ ส่วนทางอาร์เซนอลเกมรุกริมเ้ส้นทั้งอาชาวินและวัลคอตดับสนิท มีเพียงนาสรี่คนเดียวที่เล่นได้ทำให้เกมรุกลดความน่ากลัวลงไปมาก จนกระทั่งหมดเวลาครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 0-0
เข้าครึ่งหลัง อาร์เซนอลเน้นครองบอลมากขึ้น หันมาเล่นช้าเน้นความแน่นอนเป็นหลัก รวมทั้งดันแผงกองหลังขึ้นสูงเพื่อดักล้ำหน้าซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี ทำให้คาโรลเล่นแทบไม่ได้ แถมกองกลางลิเวอร์พูลยังไม่สามารถจ่ายบอลทะลุกับดักล้ำหน้าได้เลย บอลจึงไปไม่ถึงเขตโทษอาร์เซนอลเหมือนในครึ่งแรก
เกมมาเปลี่ยน อีกครั้งในนาที 70 พริมซงที่เล่นได้เด่นมากในครึ่งแรกมาโดนเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงจากจังหวะยกขาใส่ลูคัส ทำให้อาร์เซนอลเหลือแค่ 10 ดัลกลิชไม่รอช้าเปลี่ยนตัวสำรองทันที เอาไมราเลสกับซัวเรสลงมาแทนคาโรลและดาวนิ่ง โดยให้ซัวเรสยืนอยู่ข้างหน้า ไมราเลสยืนกลาง และถ่างเฮนเดอร์สันไปทางขวา ส่วนเวนเกอร์เองก็แก้เกมทันทีเช่นกันเอาแลนบิวรี่ที่เล่นรับลงมาแทนอาชาวิน
หลังจากได้เปรียบตัวผู้เล่น ลิเวอร์พูลเร่งเกมเข้าใส่ทันทีและกดดันได้อย่างต่อเนื่อง อาเซนอลได้แต่ตั้งรับอยู่ในแดนตัวเอง จนกระทั่งนาที 78 ไมราเลสจ่ายบอลตัดกองหลังให้ซัวเรส มิเกลเข้ามาสกัดแต่บอลไปโดนแรมซี่เด้งข้ามหัวเชสนี่เข้าประตูไปให้ลิเวอร์พู ลนำ 1-0
นาที 80 เวนเกอร์ส่งเบนเนอร์มาแทนวัลคอตเพื่อหวังลุ้นตีเสมอ แต่นาที 84 อาเซนอลยังมาซวยซ้ำเข้าไปอีก เมื่อเจคคินสันเกิดอาการบาดเจ็บแต่เปลี่ยนออกไม่ได้แล้วเพราะเปลี่ยนครบสาม คนไปเรียบร้้อย ทำให้อาเซนอลแทบจะหมดลุ้นและพาบอลไปกดดันลิเวอร์พูลหน้าเขตโทษไม่ได้เลย
เข้า 5 นาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลเริ่มปิดเกม แต่นาที 90 ลูคัสที่ตัดบอลมาได้ จ่ายบอลให้ไมราเลสเคาะกลับเข้ากลางให้ซัวเรสแปง่ายๆ เข้าไปเป็น 2-0 ก่อนจะจบเกมส์ไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
------------------------------------------
นัดนี้ดัลกลิชปรับแทคติคมาเล่น 4-2-3-1 จนได้ ทั้งยังเปลี่ยนนักเตะจากนัดก่อน 2 ตำแหน่ง คือเคลลี่และเค้าท์ ทำให้นักเตะแต่ละคนได้เล่นในตำแหน่งและบทบาทที่ตัวเองถนัด ในแดนหลัง เคลลี่ลงมาแทนฟลานาแกนและปิดเกมรุกริมเส้นของอาเซนอลได้อยู่หมัด ในแดนกลาง ลูคัสดูดีมีความสุขขึ้นมากเมื่อมีเพื่อนมาเล่นใกล้ๆ ทั้งอดัมและเฮนเดอร์สัน ไม่เหมือนเวลาเล่น 4-4-2 ที่ลูคัสจะลังเลในการออกบอลมากกว่านี้ ในแดนหน้าเค้าท์ได้วิ่งอย่างเป็นอิสระอีกครั้งและดูจะเหมาะกว่าการเล่นเป็น หน้าเป้าอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลชนะในวันนี้ คงหนีไม่พ้นเหตุผลสำคัญ 2 ข้อ อันดับแรกคือความซวยของอาเซนอล นอกจากจะขาย,แบน,เจ็บ ไปหลายตัว ยังมาโดนไล่ออก จังหวะที่เสียลูกแรก ซัวเรสก็น่าจะล้ำหน้าไปก่อนด้วย เท่านั้นยังไม่พอ พอเปลี่ยนเบนเนอร์ลงมาหวังลุ้นประตู เจคคินสันดันมาเจ็บอีก เหมือนต้องเล่นกันแค่ 9 คนในช่วงท้ายเกม
ประการต่อมาคือการ เปลี่ยนตัวดัลกลิช นอกจากจะเปลี่ยนตัวเร็วแล้ว ยังไ่ม่ทำอะไรเหนือธรรมชาติด้วย คาโรลเล่นไม่ออกก็เปลี่ยนออก และรูปเกมที่อาเซนอลต้องลงไปรับ ทำให้การวิ่งของเค้าท์ไม่จำเป็นของเปลี่ยนออก และสองประตูที่ได้มา ก็ได้มาจากการเล่นของทั้งไมราเลสและซัวเรสทั้งสองลูก...แฮปปี้เอนดิ้งกันไป
-----------------------------------
หลายคนทำผลงานได้ีดี
เรน่า - ไม่มีบอลยากๆ ให้ต้องเซฟ ไม่มีงานให้ทำเท่าไหร่ ออกบอลเร็วไปด้านข้างได้ดี
เอนริเก้ - มีจังหวะคืนหลังเสี่ยงๆ อยู่ 2 หนแต่ไม่ทำให้ทีมเสียประตู นอกนั้นเล่นดีมาก โดยเฉพาะการปิดเกมของวัลคอตได้อย่างยอดเยี่ยม
แอกเกอร์ - เข้าบอลไม่แน่นเท่าไหร่ แต่ไม่ถึงกับเสียหายอะไรมาก
คาราเกอร์ - ประกบฟาน เพอร์ซี่ตายสนิท ต้องบอกว่าโชคดีด้วยที่กลางอาเซนอลเปิดบอลมาให้ฟาน เพอซี่ไม่ค่อยได้
เคลลี่ - ไม่ต้องเทียบกับฟลานาแกน เอาไปเทียบกับจอห์นสันได้เลย ถ้านับเฉพาะเกมรับที่ถือเป็นงานหลักของกองหลัง เคลลี่ทำได้ดีกว่าจอห์นสันอีก
ลูคัส - กลาง 3 ทำให้ลูคัสเล่นง่ายขึ้น มีส่วนร่วมกับเกมมากกว่านัดก่อน มีจังหวะพลาด 2 ครั้งที่เกือบถึงเสียประตู แต่นอกนั้นก็ถือว่าทำได้ดีมากๆ
อดัม - เล่นค่อนข้างต่ำ ทำได้ดีทั้งรุกและรับ เป็นตัวเชื่อมเกมที่ดี ทำให้เกมลิเวอร์พูลของข้างลื่นกว่านัดก่อน
เฮนเดอร์สัน - เป็นอีกนัดที่เล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เมื่อได้เล่นตรงกลางแล้วดูดีกว่านัดก่อนแบบเทียบกันไม่ได้
เค้าท์ - วิ่ง การวิ่งไล่บอลและทำทางของเค้าท์มีส่วนช่วยเกมของลิเวอร์พูลไม่น้อย ส่วนการจ่ายบอลและการครอสบอลมีประโยชน์กับทีมไม่มาก
คาโรล - วันนี้เพื่อนจ่ายบอลมาค่อนข้างดีกว่านัดที่แล้ว ทั้งการครอสที่มาจากด้านข้างมากกว่าด้านหลัง และบอลจ่ายตามช่อง แต่เป็นคาโรลเองที่ยืนตำแหน่งไม่ดี ทำชิ่งก็ไม่ได้ เป็นวันที่เล่นจัดว่าแย่
ดาวนิ่ง - เป็นตัวทำเกมของทีมไปเรียบร้อย ไปกับบอลได้ดี แต่คนที่จะมาเล่นด้วยยังไม่มี ทั้งคนวิ่งทำทาง คนทำชิ่ง ยังหาคนเล่นเขาขากับดาวนิ่งไม่ได้ ค่อนข้างโดดเดี่ยวและต้องไปคนเดียวบ่อยเกินไป
ไมราเลส - ดูมุ่งมั่นมากและทำได้ดีกับการแอสสิสถึง 2 ลูก
ซัวเรส - ด้วยความฟิตที่มีจำกัด เอามาเล่นแค่ 20 นาทีแบบนี้ดูเหมาะกว่า และซัวเรสก็ไม่ทำให้ผิดหวังกับการกดดันจนได้ 1 และยิงเองอีก 1 ประตู
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ชาลี อดัม แม้ไมราเลสกับ ซัวเรสจะเป็นคนตัดสินเกม, เอนริเก้กับลูคัส จะเล่นได้ดี แต่ชาลี อดัมคือคนที่ทำให้เกมของลิเวอร์พูลไหลลื่น ไม่สะดุดเหมือนนัดแรก ทั้งยังคอยช่วยอัดช่วยตั้นในแดงกลางอยู่ตลอดด้วย
----------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1
-------------------------คาโรล----------------------
------ดาวนิ่ง------เฮนเดอร์สัน------เค้าท์---------
----------------อดัม------------ลูคัส----------------
เอนริเก้-----แอกเกอร์------คาราเกอร์------เคลลี่
-------------------------เรน่า------------------------
หลังจากทำได้เสมอในบ้านนัดแรก นัดนี้ลิเวอร์พูลต้องออกมาเยือนอาร์เซนลอที่สภาพทีมกำลังย่ำแย่ ขายฟาเบรกัส แซวินโญ่,โรซิคกี้โดนแบน, วิลเชียร์เจ็บ ต้องใช้นักเตะดาวรุ่งถึงสองตำแหน่งคือจิคเคลสันทางแบคขวาและฟริมซงเป็นกลาง รับ ด้านดัลกลิชปรับทีมจากนัดแรกหันมาเล่น 4-2-3-1 โดยเคลลี่ได้ลงในตำแหน่งแบคขวา และเค้าท์ทางฝั่งขวา หุบเฮนเดอร์สันไปเล่นตรงกลาง
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายก็บุกใส่กันทันที เล่นเกมเร็วใส่กันตลอด ลิเวอร์พูลดูเน้นเล่นบนพื้นมากขึ้นกว่านัดแรก ช่วงต้นเกมยังสูสีกันอยู่จนกระทั่งนาที 14 กอสคีลานี่เกิดเจ็บ เวนเกอร์ต้องส่งมิเคลซึ่งเป็นดาวรุ่งลงมาแทน หลังจากนั้นอาร์เซนอลก็ดูเล่นช้าลง ลิเวอร์พูลได้บอลมาบุกมากขึ้น โดยบุกได้ถึงเขตโทษและมีจังหวะจบสกอร์ได้บ้างแต่ยังไม่เป็นประตู
จนเข้าช่วง 10 นาทีสุดท้าย เกมกลับมาสูสีกันเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลพยายามเน้นขึ้นบอลทางจิคเคลสันแต่ยังทำอะไรไม่ได้ และเกมรุกเริ่มตันๆ ส่วนทางอาร์เซนอลเกมรุกริมเ้ส้นทั้งอาชาวินและวัลคอตดับสนิท มีเพียงนาสรี่คนเดียวที่เล่นได้ทำให้เกมรุกลดความน่ากลัวลงไปมาก จนกระทั่งหมดเวลาครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 0-0
เข้าครึ่งหลัง อาร์เซนอลเน้นครองบอลมากขึ้น หันมาเล่นช้าเน้นความแน่นอนเป็นหลัก รวมทั้งดันแผงกองหลังขึ้นสูงเพื่อดักล้ำหน้าซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี ทำให้คาโรลเล่นแทบไม่ได้ แถมกองกลางลิเวอร์พูลยังไม่สามารถจ่ายบอลทะลุกับดักล้ำหน้าได้เลย บอลจึงไปไม่ถึงเขตโทษอาร์เซนอลเหมือนในครึ่งแรก
เกมมาเปลี่ยน อีกครั้งในนาที 70 พริมซงที่เล่นได้เด่นมากในครึ่งแรกมาโดนเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงจากจังหวะยกขาใส่ลูคัส ทำให้อาร์เซนอลเหลือแค่ 10 ดัลกลิชไม่รอช้าเปลี่ยนตัวสำรองทันที เอาไมราเลสกับซัวเรสลงมาแทนคาโรลและดาวนิ่ง โดยให้ซัวเรสยืนอยู่ข้างหน้า ไมราเลสยืนกลาง และถ่างเฮนเดอร์สันไปทางขวา ส่วนเวนเกอร์เองก็แก้เกมทันทีเช่นกันเอาแลนบิวรี่ที่เล่นรับลงมาแทนอาชาวิน
หลังจากได้เปรียบตัวผู้เล่น ลิเวอร์พูลเร่งเกมเข้าใส่ทันทีและกดดันได้อย่างต่อเนื่อง อาเซนอลได้แต่ตั้งรับอยู่ในแดนตัวเอง จนกระทั่งนาที 78 ไมราเลสจ่ายบอลตัดกองหลังให้ซัวเรส มิเกลเข้ามาสกัดแต่บอลไปโดนแรมซี่เด้งข้ามหัวเชสนี่เข้าประตูไปให้ลิเวอร์พู ลนำ 1-0
นาที 80 เวนเกอร์ส่งเบนเนอร์มาแทนวัลคอตเพื่อหวังลุ้นตีเสมอ แต่นาที 84 อาเซนอลยังมาซวยซ้ำเข้าไปอีก เมื่อเจคคินสันเกิดอาการบาดเจ็บแต่เปลี่ยนออกไม่ได้แล้วเพราะเปลี่ยนครบสาม คนไปเรียบร้้อย ทำให้อาเซนอลแทบจะหมดลุ้นและพาบอลไปกดดันลิเวอร์พูลหน้าเขตโทษไม่ได้เลย
เข้า 5 นาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลเริ่มปิดเกม แต่นาที 90 ลูคัสที่ตัดบอลมาได้ จ่ายบอลให้ไมราเลสเคาะกลับเข้ากลางให้ซัวเรสแปง่ายๆ เข้าไปเป็น 2-0 ก่อนจะจบเกมส์ไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
------------------------------------------
นัดนี้ดัลกลิชปรับแทคติคมาเล่น 4-2-3-1 จนได้ ทั้งยังเปลี่ยนนักเตะจากนัดก่อน 2 ตำแหน่ง คือเคลลี่และเค้าท์ ทำให้นักเตะแต่ละคนได้เล่นในตำแหน่งและบทบาทที่ตัวเองถนัด ในแดนหลัง เคลลี่ลงมาแทนฟลานาแกนและปิดเกมรุกริมเส้นของอาเซนอลได้อยู่หมัด ในแดนกลาง ลูคัสดูดีมีความสุขขึ้นมากเมื่อมีเพื่อนมาเล่นใกล้ๆ ทั้งอดัมและเฮนเดอร์สัน ไม่เหมือนเวลาเล่น 4-4-2 ที่ลูคัสจะลังเลในการออกบอลมากกว่านี้ ในแดนหน้าเค้าท์ได้วิ่งอย่างเป็นอิสระอีกครั้งและดูจะเหมาะกว่าการเล่นเป็น หน้าเป้าอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลชนะในวันนี้ คงหนีไม่พ้นเหตุผลสำคัญ 2 ข้อ อันดับแรกคือความซวยของอาเซนอล นอกจากจะขาย,แบน,เจ็บ ไปหลายตัว ยังมาโดนไล่ออก จังหวะที่เสียลูกแรก ซัวเรสก็น่าจะล้ำหน้าไปก่อนด้วย เท่านั้นยังไม่พอ พอเปลี่ยนเบนเนอร์ลงมาหวังลุ้นประตู เจคคินสันดันมาเจ็บอีก เหมือนต้องเล่นกันแค่ 9 คนในช่วงท้ายเกม
ประการต่อมาคือการ เปลี่ยนตัวดัลกลิช นอกจากจะเปลี่ยนตัวเร็วแล้ว ยังไ่ม่ทำอะไรเหนือธรรมชาติด้วย คาโรลเล่นไม่ออกก็เปลี่ยนออก และรูปเกมที่อาเซนอลต้องลงไปรับ ทำให้การวิ่งของเค้าท์ไม่จำเป็นของเปลี่ยนออก และสองประตูที่ได้มา ก็ได้มาจากการเล่นของทั้งไมราเลสและซัวเรสทั้งสองลูก...แฮปปี้เอนดิ้งกันไป
-----------------------------------
หลายคนทำผลงานได้ีดี
เรน่า - ไม่มีบอลยากๆ ให้ต้องเซฟ ไม่มีงานให้ทำเท่าไหร่ ออกบอลเร็วไปด้านข้างได้ดี
เอนริเก้ - มีจังหวะคืนหลังเสี่ยงๆ อยู่ 2 หนแต่ไม่ทำให้ทีมเสียประตู นอกนั้นเล่นดีมาก โดยเฉพาะการปิดเกมของวัลคอตได้อย่างยอดเยี่ยม
แอกเกอร์ - เข้าบอลไม่แน่นเท่าไหร่ แต่ไม่ถึงกับเสียหายอะไรมาก
คาราเกอร์ - ประกบฟาน เพอร์ซี่ตายสนิท ต้องบอกว่าโชคดีด้วยที่กลางอาเซนอลเปิดบอลมาให้ฟาน เพอซี่ไม่ค่อยได้
เคลลี่ - ไม่ต้องเทียบกับฟลานาแกน เอาไปเทียบกับจอห์นสันได้เลย ถ้านับเฉพาะเกมรับที่ถือเป็นงานหลักของกองหลัง เคลลี่ทำได้ดีกว่าจอห์นสันอีก
ลูคัส - กลาง 3 ทำให้ลูคัสเล่นง่ายขึ้น มีส่วนร่วมกับเกมมากกว่านัดก่อน มีจังหวะพลาด 2 ครั้งที่เกือบถึงเสียประตู แต่นอกนั้นก็ถือว่าทำได้ดีมากๆ
อดัม - เล่นค่อนข้างต่ำ ทำได้ดีทั้งรุกและรับ เป็นตัวเชื่อมเกมที่ดี ทำให้เกมลิเวอร์พูลของข้างลื่นกว่านัดก่อน
เฮนเดอร์สัน - เป็นอีกนัดที่เล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เมื่อได้เล่นตรงกลางแล้วดูดีกว่านัดก่อนแบบเทียบกันไม่ได้
เค้าท์ - วิ่ง การวิ่งไล่บอลและทำทางของเค้าท์มีส่วนช่วยเกมของลิเวอร์พูลไม่น้อย ส่วนการจ่ายบอลและการครอสบอลมีประโยชน์กับทีมไม่มาก
คาโรล - วันนี้เพื่อนจ่ายบอลมาค่อนข้างดีกว่านัดที่แล้ว ทั้งการครอสที่มาจากด้านข้างมากกว่าด้านหลัง และบอลจ่ายตามช่อง แต่เป็นคาโรลเองที่ยืนตำแหน่งไม่ดี ทำชิ่งก็ไม่ได้ เป็นวันที่เล่นจัดว่าแย่
ดาวนิ่ง - เป็นตัวทำเกมของทีมไปเรียบร้อย ไปกับบอลได้ดี แต่คนที่จะมาเล่นด้วยยังไม่มี ทั้งคนวิ่งทำทาง คนทำชิ่ง ยังหาคนเล่นเขาขากับดาวนิ่งไม่ได้ ค่อนข้างโดดเดี่ยวและต้องไปคนเดียวบ่อยเกินไป
ไมราเลส - ดูมุ่งมั่นมากและทำได้ดีกับการแอสสิสถึง 2 ลูก
ซัวเรส - ด้วยความฟิตที่มีจำกัด เอามาเล่นแค่ 20 นาทีแบบนี้ดูเหมาะกว่า และซัวเรสก็ไม่ทำให้ผิดหวังกับการกดดันจนได้ 1 และยิงเองอีก 1 ประตู
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ชาลี อดัม แม้ไมราเลสกับ ซัวเรสจะเป็นคนตัดสินเกม, เอนริเก้กับลูคัส จะเล่นได้ดี แต่ชาลี อดัมคือคนที่ทำให้เกมของลิเวอร์พูลไหลลื่น ไม่สะดุดเหมือนนัดแรก ทั้งยังคอยช่วยอัดช่วยตั้นในแดงกลางอยู่ตลอดด้วย
----------------------------------------------------------------
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ลิเวอร์พูล 1-1 ซันเดอร์เแลนด์
คบเด็ก...สร้างบ้าน
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2
-----------------ซัวเรส------คาโรล-------------------
ดาวนิ่ง---------อดัม--------ลูคัส--------เฮนเดอร์สัน
เอนริเก้----แอกเกอร์-----คาราเกอร์----ฟลานาแกน
-------------------------เรน่า--------------------------
เปิดฤดูกาลใหม่ด้วยด้วยตัวผู้เล่นใหม่หลายคน ดาวนิ่ง,อดัม,เฮนเดอร์สันและเอนริเก้ได้ลงเป็นตัวจริงทันที มีปัญหาเล็กๆ ในตำแหน่งแบคขวาเมื่อจอห์นสันเจ็บ ดัลกลิชเลือกฟลานาแกนลงสนามก่อนเคลลี่ โดยเริ่มด้วยแทคติค 4-4-2 ที่ดัลกลิชพยายามจะให้ลิเวอร์พูลเล่นให้ได้
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลพยายามจะเปิดเกมรุกเข้าใส่ เน้นขึ้นบอลทางซ้ายด้วยการเล่นของซัวเรสกับดาวนิ่ง ส่วนซันเดอร์แลนด์ยืนต่ำเน้นรับแล้วโต้เร็วด้วยการเล่นของคู่กองหน้า แค่นาทีที่ 5 ซัวเรสกระโดดบล๊อคบอลจากริชาร์ดสันมาได้จากครึ่งสนาม ลากหลุดเดี่ยวมาถึงเขตโทษก่อนจะโดนริชาร์ดทำฟาล์ว แต่ซัวเรสยิงจุดโทษพลาดไปแบบไม่ได้ลุ้น
ซันเดอร์แลนด์เน้น ขึ้นบอลทางขวาในฝั่งของเอนริเก้แต่ยังทำอะไรไม่ได้ นาที 12 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก อดัมเปิดเข้ามาเสาแรกซัวเรสโหม่งเช็ดเข้าไปได้ ลิเวอร์พูลาขึ้นนำ 1-0
เมื่อนำแล้วลิเวอร์พูลเ้น้นครองบอล มากขึ้น เกมสูสีอยู่ที่กลางสนามเป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่านิดหน่อยเพราะบุกเข้าไป ใกล้เขตโทษได้มากกว่า ซันเดอร์แลนด์มีลุ้นแค่จากลูกครอสแต่ยังโยนไม่เข้าเป้า ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0
เข้าครึ่งหลัง ซันเดอร์แลนด์เปลี่ยนมาเล่นเกมรุกมากขึ้น แผงกองกลางดันกันสูงขึ้นมาช่วยกองหน้ามากขึ้นและได้ผลทันที ลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลไม่ได้ ซันเดอร์แลนด์ไล่เพรซซิ่งจนได้ครองบอลและบุกเข้ามาใกล้เขตโทษได้มากขึ้นกว่า ครึ่งแรก รวมไปถึงเปลี่ยนไปเน้นขึ้นบอลทางซ้ายฝั่งของฟลานาแกนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฟลานาแกนมีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งจ่ายพลาด เข้าพรวดเป็นระยะๆ
จน นาที 57 ซันเดอร์แลนด์ได้ครอสบอลจากฝั่งขวา บอลเลยมาเสาสอง ฟลานาแกนหลงตำแหน่งประกบไม่ดี ปล่อยให้ลาร์สันเอียงตัววอลเล่ย์ตูมเดียวหายให้ซันเดอร์แลนด์ตีเสมอได้ 1-1
ดัล กลิชแก้เกมทันทีด้วยการส่งเค้าท์มาแทนเฮนเดอร์สันที่เล่นไม่ออก ในนาที 61 แต่หลังจากนั้นกลับเป็นซันเดอร์แลนด์ที่ยิ่งเล่นยิ่งดี ในขณะที่ลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งแย่ ต่อบอลกันได้ไม่ีกี่จังหวะก็โดนบีบจนต้องโยนยาวไปเสียปล่าวอยู่ตลอด นาที 75 ไมราเลสได้ลงแทนซัวเรสที่หมดแรง โดยรูปเกมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลิเวอร์พูลยังคงบุกไปไม่ถึงเขตโทษและหาโอกาสจบสกอร์แทบไม่ได้จนกระทั่งจบเกม ไปด้วยผล 1-1
------------------------------------------
ช่วงหน้าร้อนลิเวอร์พูลได้นักเตะมาใหม่จนถึงขณะนี้รวม 5 คน ประกอบด้วย เฮนเดอร์สัน,อดัม, โดนี่, ดาวนิ่ง, เอนริเก้ นัดเปิดสนามนี้ได้ลงเป็นตัวจริงถึง 4 คน แถมช่วงปรีซีซั่น 4 คนนี้แถบไม่ได้เล่นร่วมกันสักเท่าไหร่ ซึ่งผลลัพธ์ก็คือทีมยังเล่นไม่เข้าขากัน เล่นกันไปคนละทิศละทาง
ดูในสนาม สิ่งที่ลิเวอร์พูลขาดไปคือตัวเชื่อมเกมจากหลังไปกลาง และจากกลางไปหน้า อดัมกับลูคัสดูยังไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่ว่าจังหวะไหนใครจะลงไปรับบอล จังหวะไหนใครจะขึ้นไปต่อบอล กองหลังสกัดบอลได้แล้วก็ไม่มีใครให้จ่ายสุดท้ายก็ต้องโยนยาว ริมเส้นหรือกองหน้าเก็บบอลได้แล้วก็ไม่มีใครให้พักบอลสุดท้ายก็ต้องลุยไปคน เดียว ทำให้เกมของลิเวอร์พูลไม่ต่อเนื่องอย่างที่ควรจะเป็น
หมัด เด็ดที่น๊อคลิเวอร์พูลดับคาที่คือความผิดพลาดส่วนบุคคลของฟลานาแกน ซึ่งหวังว่าผ่านนัดนี้ไปฟลานาแกนจะหายต๋อมไปแบบโรบินสันได้จะเป็นการดี ดาวรุ่งคนนี้มีอนาคตแต่ยังไม่มีปัจจุบัน
ถึงตรงนี้ดัลกลิ ชคงต้องเลือก ว่าจะให้ทีมเล่น 4-4-2 เป็นหลักต่อไป หรือจะกลับมาเล่น 4-2-3-1 อย่างที่ตัวผู้เล่นถนัดแต่ผู้จัดการทีมไม่ค่อยปลื้ม ถ้าจะเล่น 4-4-2 กันต่อคงต้องจับลูคัสกับอดัมไปจูนกันอีกหลายยกทีเดียว อย่าว่าแต่อควิลานี่กับไมราเลสจะหมดประโยชน์กับทีมไปเลยถ้าเล่น 4-4-2...คอยดูกันต่อไป
-----------------------------------
ผลงานแต่ละคน ดูในส่วนตัวค่อนข้างดี (แต่พอรวมกันแล้วมันแย่)
เรน่า - ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ไม่มีข้อผิดพลาด
ฟลานาแกน - พอโดนกดดันมีปัญหาทันที ถ้าไม่รีบลดข้อผิดพลาดมีหวังโดนดองยาวแน่
แอกเกอร์ - เล่นได้ดี ไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น การเข้าสกัดในตำแหน่งอันตรายทำได้เด็ดขาด
คาราเกอร์ - ประกบกองหน้าได้แน่นกว่าที่คิด ทำให้กองหน้าซันเดอร์แลนด์ทำอะไรไม่ได้เลย
เอนริเก้ - พึ่งมาได้ 2 วัน แต่กลายเป็นคนที่เล่นได้โดดเด่นมากในวันนี้
ลูคัส - เคลื่อนที่น้อยเกินไป ทำได้ดีแค่เฉพาะในเกมรับ
อดัม - ครึ่งแรกเล่นได้เด่นมาก แต่ครึ่งหลังเล่นไม่ออกมันซะดื้อๆ
ดาวนิ่ง - เล่นดีเฉพาะครึ่งแรก พอเข้าครึ่งหลัง ค่อนข้างโดดเดี่ยว ไม่ค่อยมีใครมารอต่อบอลใกล้ๆ
เฮนเดอร์สัน - ตลอด 60 นาทีที่อยู่ในสนาม ดับสนิท เป็นนักเตะใหม่คนเดียวที่ฟอร์มยังไม่น่าประทับใจ
คาโรล - ซวยมากที่เพื่อนร่วมทีมโยนบอลมาแต่ละลูกไม่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเลย เป็นเกมที่ยากมากสำหรับคาโรลและไม่มีโอกาสได้ทำอะไรสักเท่าไหร่
ซัวเรส - มีความฟิตเล่นได้แค่ครึ่งแรก พอเข้าครึ่งหลังดูเปลี้ยเพลียแรง และทำให้เกมรุกของทีมขาดความต่อเนื่องไปเลย
เค้าท์ - ลงมาทำได้ดีกว่าเฮนเดอร์สันแต่ไม่ดีพอที่จะทำให้รูปเกมของทีมดีขึ้น
ไมราเลส - ลงมาแล้วต้องเล่นทางริมเส้นซ้าย นอกจากจะไม่ทำให้รูปเกมดีขึ้นแล้วยังทำให้ดูแย่ลงไปอีก
----------------------------------------------------------------
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)