มาจากไหนกันเยอะแยะเนี่ย...เกือบครึ่งโหล
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1
-------------------------ซัวเรส------------------------
---------มักซี่--------ไมราเลส--------เค้าท์----------
----------------ลูคัส------------สเปียริ่ง---------------
โรบินสัน----สเคอเทล----คาราเกอร์----ฟลานาแกน
-------------------------เรน่า--------------------------
ลิเวอร์พูลที่กำลังสะบักสะบอมจากอาการบาดเจ็บของนักเตะกว่าครึ่ง ทีม นัดนี้เปลี่ยนแทคติคเล็กน้อย เริ่มเกมด้วยแทคติค 4-2-3-1 ที่ไม่ได้เห็นมานาน คาโรลยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ทำให้ซัวเรสลงยืนข้างหน้าคนเดียว ทางซ้ายมักซี่ได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ทางขวาเป็นเค้าท์ ส่งผลให้ไมราเลสได้อาณิสงฆ์กลับไปยืนตรงกลางอีกครั้ง ลูคัสกับสเปียริ่งยังเกี่ยวก้อยเล่นคู่กันอยู่ เช่นเดียวกับสเคอเทลและคาราเกอร์ ในขณะที่แบคซ้ายต้องใช้โรบินสันลงตั้งแต่ต้นเกม ส่วนฟลานาแกนได้ลงต่อเนื่องทางด้านแบคขวา
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมด้วยความคึกคักของนักเตะฝั่งเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูลวิ่งไล่เ้ข้าหาบอลกันเร็ว ส่วนเบอร์มิงแฮมเอาแต่ถอยไปตั้งรับทำให้บอลอยู่ในการครอบครองของลิเวอร์พู ลเป็นส่วนใหญ่ แค่นาที 7 สเปียริ่งก็ได้โอกาสยิงไกล ฟอสเตอร์รับกระฉอกแล้วเป็นมักซี่ที่วิ่งเข้าไปซ้ำได้เป็นประตู 1-0
เบอร์มิ่งแฮมยังดูมีปัญหาในการขึ้นบอล ทั้งยังถูกบีบจากการโดนวิ่งไล่ทำให้เสียบอลกันค่อนข้างเร็ว ส่วนทางด้านลิเวอร์พูล เล่นบอลสั้นเน้นความแน่นอนเป็นหลัก นาที 23 ซัวเรสที่ได้หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษติดฟอสเตอร์ คราวนี้เป็นเค้าท์ที่ซ้ำจังหวะแรกติดแต่ลุกขึ้นมาซ้ำเองอีกครั้งเข้าไปได้ 2-0
พอสกอร์ขยับห่าง ลิเวอร์พูลมีการปรับแทคติคเล็กน้อยด้วยการถ่างไมราเลสไปเล่นริมเส้นทางขวา ดันเค้าท์ไปเล่นข้างหน้าคู่กับซัวเรส การวิ่งลงมารับบอลและหาพื้นที่ว่างของซัวเรสช่วยให้เกมของลิเวอร์พูลดูไหล ลื่น ในขณะที่เบอร์มิงแฮมเองก็ดูไม่ค่อยจะไล่บอลกันสักเท่าไหร่ ทำให้เกมเป็นของลิเวอร์พูลอยู่ฝ่ายเดียวจนจบครึ่งแรก
เข้าครึ่งหลัง เบอร์มิงแฮมดูจะลงมาวิ่งไล่มากขึ้น แต่ก็เข้ากันไม่ค่อยถึงบอล ส่วนลิเวอร์พูลผ่อนเกมลงไป มักซี่กับเค้าท์ลงมาช่วยเกมรับมากจนทำให้ซัวเรสยืนโดดเดี่ยวอยู่ด้านหน้า ทำเกมรุกไม่ค่อยได้ แต่เบอร์มิงแฮมเองยังคงทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันอยู่ดี
นาที 66 ซัวเรสหลุดกับดักล้ำหน้า พาบอลไปเกือบสุดเส้นก่อนจะตักข้ามมาเสาสองให้มักซี่แปโล่งๆ เข้าไปเป็น 3-0 ถึงตรงนี้เบอร์มิงแฮมดูหมดใจลงไปทันที กลับเป็นลิเวอร์พูลที่เล่นกันได้คึกคักอีกครั้งหนึ่ง นาที 73 มักซี่ยิงไกลจากนอกเขตโทษ ผู้รักษาประตูปัดได้ แต่จังหวะสุดท้ายบอลยังไปเข้าทางมักซี่ที่วิ่งตามเข้ามาในเขตโทษ ซ้ำเข้าไปได้อีกเป็น 4-0
นาที 79 เชลวี่ย์ลงไปแทนโรบินสันที่มีใบเหลืองติดตัวอยู่ โดยเล่นในตำแหน่งแบคซ้าย นาที 84 โคลแทนไมราเลสที่มีอาการบาดเจ็บเ็ล็กน้อย นาที 86 โคลที่พึ่งลงไปพาบอลเข้าไปในเขตโทษก่อนจะยิงแฉลบขากองหลังเสียบเสาแรกเข้าไป เป็นประตูปิดท้าย 5-0
นาที 89 กองหน้าที่โลกลืมอย่างเอนกอกได้ลงมาแทนมักซี่ และจบเกมส์ด้วยชัยชนะท่วมท้นที่สุดในฤดูกาลของลิเวอร์พูล
------------------------------------------
นัดนี้เล่นกันได้ดีขึ้นกว่านัดที่แล้ว ที่ประทับใจมากคือบรรดาผู้เล่นดาวรุ่งที่เล่นกันได้ดี ทั้งโรบินสันและฟลานาแกน รวมไปถึงสเปียริ่งที่ดูจะติดลมบนไปเรียบร้อยแล้ว ตัวสำรองที่หายไปนานอย่างมักซี่กลับมาลงสนามก็ทำได้ดีมากๆ ในขณะที่ตัวหลักที่ลงอย่างต่อเนื่องยังคงรักษามาตรฐานตัวเองเอาไว้ได้ทำให้ ผลงานของทีมออกมาดีกว่าที่คาด จนแทบจะลืมไปเลยว่าทีมขาดกองหน้าค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรอย่างคาโรลไป
ข้อผิดพลาดในวันนี้ไม่มีให้เห็นเลย สาเหตุหลักคือเบอร์มิงแฮมเล่นกันเหมือนทำใจมาจากบ้าน ไม่มีความมุ่งมั่น ขาดแรงกระตุ้น ไม่สามารถสร้างความกดดันอะไรให้กับบรรดาดาวรุ่งของลิเวอร์พูลได้ นัดที่เหลือของฤดูกาลของลิเวอร์พูลคงไม่มีอะไรมากไปกว่านั่งดูฟอร์มของดาว รุ่งที่ได้รับโอกาสลงเล่นกันอย่างต่อเนื่องแล้วหวังว่าจะมีใครสักคน หรือหลายคนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้ในฤดูกาลหน้า ตอนนี้ที่เห็นอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีสเปียริ่งแล้วคนหนึ่งล่ะ
-----------------------------------
ผลงานแต่ละคนทำได้ดี
เรน่า - ได้ออกมาตัดบอลและเซฟลูกยิงไกลค่อนข้างบ่อย แต่ที่อันตรายจริงๆ ไม่มีเลย เปิดบอลเร็วได้ดีเหมือนเดิมแล้ว
โรบินสัน - ความตื่นเต้นที่เห็นในนัดก่อนไม่เห็นแล้วในนัดนี้ เล่นนิ่งขึ้นมาก แต่การขึ้นบอลยังต้องปรับปรุง
สเคอเทล - ดาวรุ่งเล่นดี แต่สเคอเทลมีลูกมั่วๆ ให้เห็นเหมือนกันในช่วงต้นเกม แต่ท้ายครึ่งแรกและครึ่งหลังกลับมาตั้งสติได้ดี
คาราเกอร์ - คอยประคองรุ่นน้องอย่างเดียว ไม่เจอความกดดันอะไร
ฟลานาแกน - กล้าวิ่งเติมขึ้นมาให้เห็นบ้าง การเปิดบอลเข้ากลางยังเข้าขั้นห่วย การเปิดบอลขึ้นหน้ายังต้องปรับปรุง แต่การยืนตำแหน่งและการเข้าสกัดทำได้น่าพอใจมาก
ลูคัส - ช่วยซ้อนแบคได้ดี ทำลายเกมกลางสนามได้เด็ดขาด
สเปียริ่ง - ช่วยไล่บอลกลางสนามได้ดีมาก มีโอกาสขึ้นไปร่วมเล่นเกมรุกด้วย หาโอกาสยิงไกลได้ดีสองสามครั้งแต่ไม่เป็นประตู
มักซี่ - ส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับตัวรุกสามคนที่เหลือ แต่โผล่เข้าจอเป็นยิง ทำแฮททริคได้มันซะอย่างนั้น หาตำแหน่งในการจบสกอร์ได้ดีเหมือนเดิม
ไมราเลส - มีส่วนร่วมกับเกมตลอดทั้งรุกทั้งรับ ในเกมรับลงมาตัดลูกสำคัญได้หลายครั้ง ในเกมรุกเป็นตัวเปิดบอลคนสำคัญเลยทีเดียว
เค้าท์ - เป็นวันที่เล่นได้ดีมากอีกวันหนึ่ง เป็นหัวหอกในการเจาะโซนรับของเบอร์มิงแฮม เปิดบอลใช้ได้ด้วยไม่ค่อยพลาดเหมือนนัดที่ผ่านๆ มา
ซัวเรส - ค่อยวิ่งหาที่ว่างสลับกับลงมารับบอลจากแดนกลาง ช่วยให้เกมรุกไหลลื่นและเพื่อนร่วมทีมเล่นง่าย แต่จังหวะการยิงยังดูไม่ค่อยคมสักเท่าไหร่
เชลวี่ย์ - ลงมาเล่นแบค ดูท่าทางใช้ได้ทีเดียว อาจเป็นอีกทางเลือกนอกจากโรบินสัน
โคล - ลงมาได้เล่นบอลอยู่จังหวะเดียว แล้วทำประตูได้ด้วย
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ไมราเลส เค้าท์ มักซี่ จิ้มเลือกเอาสักคนเถอะ เลือกไม่ได้เลยว่าใครดีกว่าใคร
----------------------------------------------------------------
วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554
อาร์เซนอล 1 - 1 ลิเวอร์พูล
ดราม่า....ได้อีก
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2
----------------ซัวเรส--------คาโรล----------------
ไมราเลส--------ลูคัส--------สเปียริ่ง---------เค้าท์
ออเรลิโอ----สเคอเทล----คาราเกอร์----ฟลานาแกน
-------------------------เรน่า-------------------------
ลิเวอร์พูลใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากนัดก่อน ออกไปเยือนอาร์เซนอลที่ตัวหลักอยู่กันครบ
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมทั้งสองฝ่ายวิ่งไล่บี้กันตรงกลางสนาม ทำให้ครองบอลกันไม่ได้ค่อยได้ ลิเวอร์พูลได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกและเตะมุม ในขณะที่อาร์เซนอลมีเกมโอเพ่นเพลย์ที่ดีกว่าแต่บอลยังเข้าไม่ค่อยถึงเขตโทษ สักเท่าไหร่ จนถึงนาที 21 ออเรลิโอ้ก็เจ็บเองอีกแล้ว ดัลกลิชต้องส่งดาวรุ่งอย่างโรบินสันลงมาแทน กลายเป็นว่าแบคทั้งสองข้างของลิเวอร์พูลใช้ดาวรุ่งทั้งสองฝั่งและทำให้ทีม ต้องพะวงกับเกมรัุบมากจนแทบไม่ครองบอลเล่นเลย ซัวเรสต้องถอยลงมาช่วยไล่ทางริมเส้นส่งผลให้ลิเวอร์พูลเล่นในลักษณะ 4-5-1 ตามสภาพ เป็นอาร์เซน่อลที่ครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว พยายามเล่นงานจากริมเส้น แต่กองกลางของลิเวอร์พูลยังช่วยเกมรับได้ดีมาก อาร์เซนอลหาจังหวะจบสกอร์แทบไม่ได้ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0
เข้าครึ่งหลังรูปเกมยังไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่เล่นไปได้แค่ประมาณ 10 นาที ฟลานาแกนก็ขึ้นโหม่งปะทะกับคาราเกอร์จนคาราเกอร์น๊อคกลางอากาศ ต้องปฐมพยาบาลกันอยู่ร่วม 10 นาที ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกไปแล้วกีเกียคอสได้ลงมาแทน เกมเปลี่ยนทันทีเมื่อไม่มีคาราเกอร์ แผงหลังลิเวอร์พูลออกอาการอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสกัดผิดพลาด ยืนหลงตำแหน่ง แต่อาร์เซนอลยังฉวยโอกาสไม่ได้ แถมเล่นไปเล่นมานักเตะอาร์เซนอลเริ่มหมดมุขซะเอง จ่ายบอลไม่ละเีอียดและเล่นพลาดหลายครั้งจนกองหลังลิเวอร์พูลกลับมาตั้งสติ ได้
นาที 71 เชลวีย์ได้ลงแทนคาโรลที่มีอาการบาดเจ็บที่้ข้อเท้า เค้าท์ถูกดันไปเล่นหน้าแล้วใช้เชลวี่ย์เล่นทางขวา ซัวเรสลงมายืนตรงกลางสนามเป็นคนขึ้นบอลจากกลางไปหน้า ส่วนทางอาร์เซนอลเปลี่ยนเกมเช่นกัน ส่งเบนเนอร์กับอาร์ชาวินลงมาแทนวิลเชียร์กับวัลคอต
หลังจากนั้นเป็นอาร์เซนอลที่โหมบุกได้อย่างน่ากลัวอีกครั้ง แต่ลิเวอร์พูลยังคุมพื้นที่ได้ดี นาที 81 เวนเกอร์ส่งซงลงมาแทนดิยาบี้อีกคน นาที 85 กองหลังลิเวอร์พูลพลาดทำให้อาร์เซนอลมีโอกาสยิงในกรอบเขตโทษแต่เรน่ายังช่วย เซฟไว้ได้สองครั้งซ้อนๆ
เกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่แล้วในช่วงทดเจ็บนาที 97 ฟาเบรกัสพาบอลเข้าเขตโทษ สเีปียริ่งไปขัดขาเสียจุดโทษ ฟานเพอร์ซี่ยิงไม่พลาด อาร์เซนอลขึ้นนำ 1-0 แต่นาทีุถัดมา ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกริมเส้นเขตโทษ ซัวเรสยิงไปติดกำแพงบอลกระดอนไปเข้าทางลูคัส เอบูเอ้วิ่งไปกระแทกใส่หลังลูคัสมันซะอย่างนั้น เสียจุดโทษบ้าง เค้าท์รับหน้าที่ไม่พลาด ทำให้เกมจบลงด้วยผลเสมอจนได้ 1-1
------------------------------------------
ลิเวอร์พูลยังโดนอาการบาดเจ็บตามหลอกหลอนเช่นเคย วันนี้การเปลี่ยนตัวสามครั้งเป็นการเปลี่ยนเพื่อแทนนักเตะที่เจ็บทั้งสิ้น แถมยังต้องส่งแบคดาวรุ่งลงถึงสองคน เป็นเกมที่แทบไม่มีโอกาสได้เล่นเกมรุกเลย แต่สำหรับเกมรับเล่นกันได้ดีมาก โดยเฉพาะกองกลางตัวรับคือลูคัสกับสเปียริ่งที่ทำลายเกมกลางได้ดีและช่วยซ้อน แบคที่ยังอ่อนประสบการณ์ได้ตลอด
ที่ดูไม่น่าประทับใจ เท่าไหร่คือกองหน้า คาโรลดูโดดเดี่ยวเกินไป ส่วนซัวเรสได้บอลน้อยมาก กลายเป็นว่าในครึ่งหลัง หลังจากคาโรลโดนเปลี่ยนออกไปแล้ว สถานการณ์บังคับให้ซัวเรสต้องลงมาเอาบอลขึ้นไปเองกลับทำได้ดีกว่าในช่วงที่ ยังเล่นกับคาโรล บางทีดัลกลิชน่าจะต้องลองใช้ซัวเรสในฐานะ ปีกซ้าย หรือ หน้าต่ำ หรือ ตัวฟรีหลังกองหน้า ดูบ้าง เพราะดูแล้วการเล่นในลักษณะหน้าคู่กับคาโรลดูจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่า ไหร่
สำหรับอาร์เซนอล...กลับไปตบกะโหลกเอบูเอ้ก็พอแล้ว จังหวะนั้นถ้ามีสติสักนิด ไม่ต้องวิ่งไปสัมผัสตัวลูคัสเลยก็ยังได้
-----------------------------------
ผลงานแต่ละคนทำได้ดี
เรน่า - มีพลาดช่วงต้นเกมอยู่นิดหน่อย แต่หลังจากนั้นเล่นได้ดีตลอดเกม มีจังหวะเซฟสำคัญอยู่สองครั้งในนาที 85
ออเรลิโอ - เจ็บอีกแล้ว ถ้าลำบากนักก็ปล่อยให้พี่โอ้แกพักไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียโควต้าตัวสำรอง
สเคอเทล - เล่นได้ดี จะมาเริ่มออกลูกมั่วๆ ไปบ้างก็หลังจากคาราเกอร์ถูกเปลี่ยนตัวออกไปแล้ว
คาราเกอร์ - กลับมาเล่นได้ในฟอร์มที่ดีที่สุด แต่ดันมาเจ็บไปซะอีก
ฟลานาแกน - สมาธิกับเกมยังไม่ดีพอ ขึ้นบอลค่อนข้างมั่ว แต่จังหวะสกัดทำได้แม่นยำดี
ไมราเลส - หนักไปทางเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่และทำได้ดี ส่วนการผ่านบอลให้กองหน้ายังทำได้ไม่ดีนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้ครองบอลน้อยมากด้วย
ลูคัส - เด่นมากในการคุมพื้นที่หน้าเขตโทษ และคอยช่วยโรบินสัน มีการเข้าสกัดที่เด็ดขาดมาก
สเปียริ่ง - วิ่งได้ดีไม่มีหมด ไล่จนกองกลางอาเซนอลไปกันไม่เป็น มีสอดขึ้นมาช่วยเกมรุกบ้างในบางโอกาสด้วย
เค้าท์ - ยังใช้ความขยันช่วยเกมไว้ได้เยอะ มีทีเด็ดในการยิงจุดโทษที่ไว้ใจได้ด้วย
ซัวเรส - กลับกันกับนัดก่อน วันนี้ครึ่งแรกเงียบมาก แต่ครึ่งหลังเมื่อได้บอลเยอะ ทำเกมได้น่ากลัวทีเดียว
คาโรล - โดนประกบจนทำอะไรไม่ได้ ค่อนข้างโดดเดี่ยว
โรบินสัน - ยังดูตื่นๆ อยู่ คิดช้า ทำช้า ต้องให้เวลาอีกมาก
กีเกียคอส - บอลมาไม่ค่อยถึงในเขตโทษ กีเกียคอสเลยไม่โดนกดดันอะไร เอาตัวรอดได้สบาย
เชลวี่ย์ - ทำอะไรเป็นผิดไปหมด เป็นวันที่ลงมาแล้วทำประโยชน์ได้น้อยมาก
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เจย์ สเปียริ่ง ... ทั้งๆ ที่ทำเสียจุดโทษนี่แหล่ะ แต่ในเกมต้องยกให้คนนี้จริงๆ เล่นได้น่าประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ
----------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2
----------------ซัวเรส--------คาโรล----------------
ไมราเลส--------ลูคัส--------สเปียริ่ง---------เค้าท์
ออเรลิโอ----สเคอเทล----คาราเกอร์----ฟลานาแกน
-------------------------เรน่า-------------------------
ลิเวอร์พูลใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากนัดก่อน ออกไปเยือนอาร์เซนอลที่ตัวหลักอยู่กันครบ
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมทั้งสองฝ่ายวิ่งไล่บี้กันตรงกลางสนาม ทำให้ครองบอลกันไม่ได้ค่อยได้ ลิเวอร์พูลได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกและเตะมุม ในขณะที่อาร์เซนอลมีเกมโอเพ่นเพลย์ที่ดีกว่าแต่บอลยังเข้าไม่ค่อยถึงเขตโทษ สักเท่าไหร่ จนถึงนาที 21 ออเรลิโอ้ก็เจ็บเองอีกแล้ว ดัลกลิชต้องส่งดาวรุ่งอย่างโรบินสันลงมาแทน กลายเป็นว่าแบคทั้งสองข้างของลิเวอร์พูลใช้ดาวรุ่งทั้งสองฝั่งและทำให้ทีม ต้องพะวงกับเกมรัุบมากจนแทบไม่ครองบอลเล่นเลย ซัวเรสต้องถอยลงมาช่วยไล่ทางริมเส้นส่งผลให้ลิเวอร์พูลเล่นในลักษณะ 4-5-1 ตามสภาพ เป็นอาร์เซน่อลที่ครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว พยายามเล่นงานจากริมเส้น แต่กองกลางของลิเวอร์พูลยังช่วยเกมรับได้ดีมาก อาร์เซนอลหาจังหวะจบสกอร์แทบไม่ได้ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0
เข้าครึ่งหลังรูปเกมยังไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่เล่นไปได้แค่ประมาณ 10 นาที ฟลานาแกนก็ขึ้นโหม่งปะทะกับคาราเกอร์จนคาราเกอร์น๊อคกลางอากาศ ต้องปฐมพยาบาลกันอยู่ร่วม 10 นาที ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกไปแล้วกีเกียคอสได้ลงมาแทน เกมเปลี่ยนทันทีเมื่อไม่มีคาราเกอร์ แผงหลังลิเวอร์พูลออกอาการอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสกัดผิดพลาด ยืนหลงตำแหน่ง แต่อาร์เซนอลยังฉวยโอกาสไม่ได้ แถมเล่นไปเล่นมานักเตะอาร์เซนอลเริ่มหมดมุขซะเอง จ่ายบอลไม่ละเีอียดและเล่นพลาดหลายครั้งจนกองหลังลิเวอร์พูลกลับมาตั้งสติ ได้
นาที 71 เชลวีย์ได้ลงแทนคาโรลที่มีอาการบาดเจ็บที่้ข้อเท้า เค้าท์ถูกดันไปเล่นหน้าแล้วใช้เชลวี่ย์เล่นทางขวา ซัวเรสลงมายืนตรงกลางสนามเป็นคนขึ้นบอลจากกลางไปหน้า ส่วนทางอาร์เซนอลเปลี่ยนเกมเช่นกัน ส่งเบนเนอร์กับอาร์ชาวินลงมาแทนวิลเชียร์กับวัลคอต
หลังจากนั้นเป็นอาร์เซนอลที่โหมบุกได้อย่างน่ากลัวอีกครั้ง แต่ลิเวอร์พูลยังคุมพื้นที่ได้ดี นาที 81 เวนเกอร์ส่งซงลงมาแทนดิยาบี้อีกคน นาที 85 กองหลังลิเวอร์พูลพลาดทำให้อาร์เซนอลมีโอกาสยิงในกรอบเขตโทษแต่เรน่ายังช่วย เซฟไว้ได้สองครั้งซ้อนๆ
เกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่แล้วในช่วงทดเจ็บนาที 97 ฟาเบรกัสพาบอลเข้าเขตโทษ สเีปียริ่งไปขัดขาเสียจุดโทษ ฟานเพอร์ซี่ยิงไม่พลาด อาร์เซนอลขึ้นนำ 1-0 แต่นาทีุถัดมา ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกริมเส้นเขตโทษ ซัวเรสยิงไปติดกำแพงบอลกระดอนไปเข้าทางลูคัส เอบูเอ้วิ่งไปกระแทกใส่หลังลูคัสมันซะอย่างนั้น เสียจุดโทษบ้าง เค้าท์รับหน้าที่ไม่พลาด ทำให้เกมจบลงด้วยผลเสมอจนได้ 1-1
------------------------------------------
ลิเวอร์พูลยังโดนอาการบาดเจ็บตามหลอกหลอนเช่นเคย วันนี้การเปลี่ยนตัวสามครั้งเป็นการเปลี่ยนเพื่อแทนนักเตะที่เจ็บทั้งสิ้น แถมยังต้องส่งแบคดาวรุ่งลงถึงสองคน เป็นเกมที่แทบไม่มีโอกาสได้เล่นเกมรุกเลย แต่สำหรับเกมรับเล่นกันได้ดีมาก โดยเฉพาะกองกลางตัวรับคือลูคัสกับสเปียริ่งที่ทำลายเกมกลางได้ดีและช่วยซ้อน แบคที่ยังอ่อนประสบการณ์ได้ตลอด
ที่ดูไม่น่าประทับใจ เท่าไหร่คือกองหน้า คาโรลดูโดดเดี่ยวเกินไป ส่วนซัวเรสได้บอลน้อยมาก กลายเป็นว่าในครึ่งหลัง หลังจากคาโรลโดนเปลี่ยนออกไปแล้ว สถานการณ์บังคับให้ซัวเรสต้องลงมาเอาบอลขึ้นไปเองกลับทำได้ดีกว่าในช่วงที่ ยังเล่นกับคาโรล บางทีดัลกลิชน่าจะต้องลองใช้ซัวเรสในฐานะ ปีกซ้าย หรือ หน้าต่ำ หรือ ตัวฟรีหลังกองหน้า ดูบ้าง เพราะดูแล้วการเล่นในลักษณะหน้าคู่กับคาโรลดูจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่า ไหร่
สำหรับอาร์เซนอล...กลับไปตบกะโหลกเอบูเอ้ก็พอแล้ว จังหวะนั้นถ้ามีสติสักนิด ไม่ต้องวิ่งไปสัมผัสตัวลูคัสเลยก็ยังได้
-----------------------------------
ผลงานแต่ละคนทำได้ดี
เรน่า - มีพลาดช่วงต้นเกมอยู่นิดหน่อย แต่หลังจากนั้นเล่นได้ดีตลอดเกม มีจังหวะเซฟสำคัญอยู่สองครั้งในนาที 85
ออเรลิโอ - เจ็บอีกแล้ว ถ้าลำบากนักก็ปล่อยให้พี่โอ้แกพักไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียโควต้าตัวสำรอง
สเคอเทล - เล่นได้ดี จะมาเริ่มออกลูกมั่วๆ ไปบ้างก็หลังจากคาราเกอร์ถูกเปลี่ยนตัวออกไปแล้ว
คาราเกอร์ - กลับมาเล่นได้ในฟอร์มที่ดีที่สุด แต่ดันมาเจ็บไปซะอีก
ฟลานาแกน - สมาธิกับเกมยังไม่ดีพอ ขึ้นบอลค่อนข้างมั่ว แต่จังหวะสกัดทำได้แม่นยำดี
ไมราเลส - หนักไปทางเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่และทำได้ดี ส่วนการผ่านบอลให้กองหน้ายังทำได้ไม่ดีนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้ครองบอลน้อยมากด้วย
ลูคัส - เด่นมากในการคุมพื้นที่หน้าเขตโทษ และคอยช่วยโรบินสัน มีการเข้าสกัดที่เด็ดขาดมาก
สเปียริ่ง - วิ่งได้ดีไม่มีหมด ไล่จนกองกลางอาเซนอลไปกันไม่เป็น มีสอดขึ้นมาช่วยเกมรุกบ้างในบางโอกาสด้วย
เค้าท์ - ยังใช้ความขยันช่วยเกมไว้ได้เยอะ มีทีเด็ดในการยิงจุดโทษที่ไว้ใจได้ด้วย
ซัวเรส - กลับกันกับนัดก่อน วันนี้ครึ่งแรกเงียบมาก แต่ครึ่งหลังเมื่อได้บอลเยอะ ทำเกมได้น่ากลัวทีเดียว
คาโรล - โดนประกบจนทำอะไรไม่ได้ ค่อนข้างโดดเดี่ยว
โรบินสัน - ยังดูตื่นๆ อยู่ คิดช้า ทำช้า ต้องให้เวลาอีกมาก
กีเกียคอส - บอลมาไม่ค่อยถึงในเขตโทษ กีเกียคอสเลยไม่โดนกดดันอะไร เอาตัวรอดได้สบาย
เชลวี่ย์ - ทำอะไรเป็นผิดไปหมด เป็นวันที่ลงมาแล้วทำประโยชน์ได้น้อยมาก
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เจย์ สเปียริ่ง ... ทั้งๆ ที่ทำเสียจุดโทษนี่แหล่ะ แต่ในเกมต้องยกให้คนนี้จริงๆ เล่นได้น่าประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ
----------------------------------------------------------------
วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554
ลิเวอร์พูล 3 - 0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
นอกบ้านเราแพ้ได้ทุกทีม ในบ้านเราก็ชนะได้ทุกทีม
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2
----------------ซัวเรส--------คาโรล----------------
ไมราเลส--------ลูคัส--------สเปียริ่ง---------เค้าท์
ออเรลิโอ----สเคอเทล----คาราเกอร์----ฟลานาแกน
-------------------------เรน่า-------------------------
ดัลกลิชยังคงใช้ 4-4-2 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแทคติคหลักของทีมไปแล้ว มีการปรับแผงหลังเล็กน้อยจากอาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลายคน โดนแบคซ้ายออเรลิโอหายเจ็บกลับมาทัน ส่วนแบคขวาดัลกลิชเลือกใช้ดาวรุ่งอย่างฟลานาแกนเป็นตัวจริงเลย สำหรับแผงกลางและหน้ายังเป็นชุดเดิมจากนัดที่แล้ว
-------------------------------------------------------
เิริ่มเกมกันแบบค่อนข้างระมัดระวังตัวทั้งคู่ ซิตี้พยายามเน้นขึ้นบอลทางขวาให้อดัม จอห์นสันเล่น ซึ่งยังทำอะไรไม่ได้มากนัก ส่วนลิเวอร์พูลเองก็เน้นขึ้นทางซ้ายให้ซัวเรสเป็นหลักเช่นกัน นาที 7 ซัวเรสก็ได้หลุดไปยิงติดเซฟฮาร์ทแล้วไปชนเสา ซิตี้เองยังเล่นแบบกล้าๆ กลัวๆ ไม่ค่อยกล้าดันกันขึ้นมาทำเกมรุกมากนัก เปิดโอกาสให้ลิเวอร์พูลเล่นแบบไม่กดดัน วิ่งไล่วิ่งอัดอยู่ฝ่ายเดียวและสามารถแย่งบอลมาครองได้มากขึ้นเรื่อยๆ
นาที 13 คาโรลไปเกี่ยวบอลมาจากเตเบซได้แถวกลางสนาม ไมราเลสได้บอลไปยิงติดกองหลังซิตี้เด้งมาเข้าทางคาโรลซัดเต็มข้อจากหน้าเขต โทษเข้าไปให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำเร็ว 1-0
เสียประตูไปแล้วซิ ตี้ก็ยังไม่ฟื้น แถมอาการยังหนักยิ่งขึ้นเมื่อเตเบซเ่ล่นต่อไม่ไหว ต้องส่งบาโลเตลลี่ลงมาแทน ยิ่งเล่นเกมยิ่งเป็นของลิเวอร์พูลมากขึ้น จนนาที 34 ได้โอกาสยิงติดๆ กันในเขตโทษ 3-4 ครั้ง ก่อนที่จังหวะสุดท้ายจะเป็นเค้าท์ที่แปเสียบเสาไกลเข้าไปได้ ลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0
ตั้งลูกเขี่ยบอลกันเสร็จ ซิตี้ยังไม่ได้เอาทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ลิเวอร์พูลตัดบอลกลับมาได้ ไมราเลสได้โอกาสตักบอลเข้าไปในเขตโทษ คาโรลวิ่งโฉบมาโหม่งตัดหน้ากองหลังเข้าไปอีกเป็น 3-0 ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เข้าครึ่งหลังซิตี้ยังเล่นเหมือนไม่ได้เอาวิญญาณมาด้วย ในขณะที่ลิเวอร์พูลเริ่มหันไปตั้งรับเหนียวแน่นแล้วรอโต้กลับ ซิตี้ต่อบอลกันช้าแถมยังต่างคนต่างเล่น ในขณะที่ลิเวอร์พูลช่วยกันวิ่งไล่ทุกตัว โดยเฉพาะคู่กลางคือสเปียริ่งกับลูคัสที่หยุดเกมของซิตี้ได้ตั้งแต่กลางสนาม จนกองหลังไม่เจอความกดดันอะไรเลย
ผ่้าน 1 ชั่วโมงไปแล้วลิเวอร์พูลหันมาเน้นครองบอลมากขึ้น ส่วนซิตี้เล่นเหมือนไม่เอาแล้ว ไม่วิ่งไล่ ไม่เติมเกม ปล่อยให้ลิเวอร์พูลเคาะบอลกันสบาย จนกระทั่งซิลบาลงมาในสนามถึงได้ดูกระเตื้องขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังไม่สามารถกด ดันอะไรกองหลังลิเวอร์พูลได้ ส่วนลิเวอร์พูลเองมีจังหวะจากการโต้กลับบ้างแต่ยังขาดๆ เกินๆ กันไปเอง จนกระทั่งหมดเวลา ลิเวอร์พูลชนะซิตี้ไปอย่างสบายเท้า 3-0
------------------------------------------
ลิเวอร์พูลทำผลงานกันได้ในบ้านเช่นเคย นักเตะทุกคนขยันวิ่งช่วยกันไล่ เลยพาลให้สงสัยว่าตอนออกนอกบ้านมันวิ่งกันแบบนี้ไม่เป็นเหรอ มีการปรัีบแทคติคเล็กน้อยโดยซัวเรสในนัดนี้ถ่างไปรับบอลริมเส้นมากกว่าที่ ผ่านมาแล้วได้ผลเป็นอย่างดี บอลจากแดนกลางไปแดนหน้าได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนั้นแดนกลางในวันนี้เล่นเกมรับกันได้ดีมาก จะว่าไปก็อาจจะเป็นเพราะทั้ง 4 คนเป็นนักเตะเชิงรับอยู่แล้ว (ไมราเลสก่อนมาลิเวอร์พูลก็เล่นรับ เค้าท์ก็เล่นตัวรับตั้งแต่สมัยยืนกองหน้า) พอใส่ความขยันลงไปอีกเลยทำให้แดนกลางเอาชนะซิตี้ได้อย่างขาดลอย และเป็นที่มาให้รูปเกมและสกอร์ออกมาอย่างที่เห็น
จะว่าไป ซิตี้เองก็เล่นได้น่าอนาถไม่ใช่น้อย บอลตาม 3 ลูกยังเล่นอย่างกับทีมนำอยู่ ขาดแรงจูงใจ ขาดผู้นำในสนาม ขาดความมุ่งมั่นที่จะเล่นเพื่อทีมอย่างน่าใจหาย ซิตี้คงไปไหนไม่ได้ไกล ถ้านักเตะยังเล่นด้วยทัศนคติแบบนี้อยู่
ส่วนลิเวอร์พูล คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะแก้ปัญหาเกมนอกบ้านได้เมื่อไหร่ ... สงสัยคงต้องรอถึงฤดูหน้า ...
-----------------------------------
ผลงานแต่ละคนทำได้ดี
เรน่า - ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเกมได้เซฟแค่ลูกเีดียว ไม่โดนกดดันอะไร เปิดเกมได้ดีมาก
ออเรลิโอ - ไว้ใจได้เสมอเวลาที่ผ่านความฟิตลงเล่นได้
สเคอเทล - วันนี้ไม่ได้ทำฟาลว์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซ้อนแบคและประกบกองหน้าได้ดี
คาราเกอร์ - แทบไม่รู้ว่าอยู่ในสนาม เกือบไม่ต้องสกัดอะไรเลยเพราะบอลของซิตี้เข้าไม่ถึงเขตโทษ วันนี้ไม่โยนบอลยาวเลย ใช้วิธีเคาะสั้นให้แบคกับกองกลางตลอด...ซึ่งดีแล้ว
ฟลานาแกน - ไม่ได้ถูกทดสอบอะไรมากเพราะซิตี้ไม่ได้ดันเกมรุกสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด เล่นได้นิ่งดีทีเดียว ไม่มีอาการตื่นเต้นร้อนรนให้เห็น
ไมราเลส - ยังต้องเล่นริมเส้นต่อไป แม้จะสามารถจ่ายบอลให้คาโรลทำประตูได้แต่โดยรวมแล้วถือว่าผลงานไม่น่าประทับ ใจสักเท่าไหร่ในตำแหน่งนี้
ลูคัส - โหดถึงใจดี วิ่งได้ทั้งเกม เข้าปะทะได้หนักหน่วง จ่ายบอลขึ้นหน้าได้ดีกว่าที่ผ่านมา
สเปียริ่ง - วิ่งพล่านหนักยิ่งกว่าลูคัส ตัดเกมกลางสนามของซิตี้ได้เด็ดขาด
เค้าท์ - ทำเกมพอใช้ได้ มีส่วนร่วมกับเกมรุกตลอด
ซัวเรส - ช่วงต้นครึ่งแรกเล่นได้โดดเด่นมาก แต่เข้าครึ่งหลังได้บอลน้อยลง แถมบอลไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ จัดเป็นวันที่ซัวเรสค่อนข้างเงียบทีเดียว
คาโรล - ในที่สุดก็ยิงได้และทั้ง 2 ลูกจัดเป็นประตูที่มีคุณภาพจริงๆ ที่น่าดีใจคือดูเหมือนจะปรับตัวเข้าทีมได้ดีขึ้น มีการประสานงานที่ดูลงตัวมากกว่านัดก่อนๆ มาก
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : แอนดี้ คาโรล ..ที่จริงลูคัสกับสเปียริ่งทำผลงานได้ดีมาก แต่ไหนๆ คาโรลก็เริ่มนับหนึ่งได้แล้ว แถมนับสองต่อเลยด้วย จะให้เครดิตกันบ้างก็คงไม่น่าเกลียดอะไร
----------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2
----------------ซัวเรส--------คาโรล----------------
ไมราเลส--------ลูคัส--------สเปียริ่ง---------เค้าท์
ออเรลิโอ----สเคอเทล----คาราเกอร์----ฟลานาแกน
-------------------------เรน่า-------------------------
ดัลกลิชยังคงใช้ 4-4-2 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแทคติคหลักของทีมไปแล้ว มีการปรับแผงหลังเล็กน้อยจากอาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลายคน โดนแบคซ้ายออเรลิโอหายเจ็บกลับมาทัน ส่วนแบคขวาดัลกลิชเลือกใช้ดาวรุ่งอย่างฟลานาแกนเป็นตัวจริงเลย สำหรับแผงกลางและหน้ายังเป็นชุดเดิมจากนัดที่แล้ว
-------------------------------------------------------
เิริ่มเกมกันแบบค่อนข้างระมัดระวังตัวทั้งคู่ ซิตี้พยายามเน้นขึ้นบอลทางขวาให้อดัม จอห์นสันเล่น ซึ่งยังทำอะไรไม่ได้มากนัก ส่วนลิเวอร์พูลเองก็เน้นขึ้นทางซ้ายให้ซัวเรสเป็นหลักเช่นกัน นาที 7 ซัวเรสก็ได้หลุดไปยิงติดเซฟฮาร์ทแล้วไปชนเสา ซิตี้เองยังเล่นแบบกล้าๆ กลัวๆ ไม่ค่อยกล้าดันกันขึ้นมาทำเกมรุกมากนัก เปิดโอกาสให้ลิเวอร์พูลเล่นแบบไม่กดดัน วิ่งไล่วิ่งอัดอยู่ฝ่ายเดียวและสามารถแย่งบอลมาครองได้มากขึ้นเรื่อยๆ
นาที 13 คาโรลไปเกี่ยวบอลมาจากเตเบซได้แถวกลางสนาม ไมราเลสได้บอลไปยิงติดกองหลังซิตี้เด้งมาเข้าทางคาโรลซัดเต็มข้อจากหน้าเขต โทษเข้าไปให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำเร็ว 1-0
เสียประตูไปแล้วซิ ตี้ก็ยังไม่ฟื้น แถมอาการยังหนักยิ่งขึ้นเมื่อเตเบซเ่ล่นต่อไม่ไหว ต้องส่งบาโลเตลลี่ลงมาแทน ยิ่งเล่นเกมยิ่งเป็นของลิเวอร์พูลมากขึ้น จนนาที 34 ได้โอกาสยิงติดๆ กันในเขตโทษ 3-4 ครั้ง ก่อนที่จังหวะสุดท้ายจะเป็นเค้าท์ที่แปเสียบเสาไกลเข้าไปได้ ลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0
ตั้งลูกเขี่ยบอลกันเสร็จ ซิตี้ยังไม่ได้เอาทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ลิเวอร์พูลตัดบอลกลับมาได้ ไมราเลสได้โอกาสตักบอลเข้าไปในเขตโทษ คาโรลวิ่งโฉบมาโหม่งตัดหน้ากองหลังเข้าไปอีกเป็น 3-0 ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เข้าครึ่งหลังซิตี้ยังเล่นเหมือนไม่ได้เอาวิญญาณมาด้วย ในขณะที่ลิเวอร์พูลเริ่มหันไปตั้งรับเหนียวแน่นแล้วรอโต้กลับ ซิตี้ต่อบอลกันช้าแถมยังต่างคนต่างเล่น ในขณะที่ลิเวอร์พูลช่วยกันวิ่งไล่ทุกตัว โดยเฉพาะคู่กลางคือสเปียริ่งกับลูคัสที่หยุดเกมของซิตี้ได้ตั้งแต่กลางสนาม จนกองหลังไม่เจอความกดดันอะไรเลย
ผ่้าน 1 ชั่วโมงไปแล้วลิเวอร์พูลหันมาเน้นครองบอลมากขึ้น ส่วนซิตี้เล่นเหมือนไม่เอาแล้ว ไม่วิ่งไล่ ไม่เติมเกม ปล่อยให้ลิเวอร์พูลเคาะบอลกันสบาย จนกระทั่งซิลบาลงมาในสนามถึงได้ดูกระเตื้องขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังไม่สามารถกด ดันอะไรกองหลังลิเวอร์พูลได้ ส่วนลิเวอร์พูลเองมีจังหวะจากการโต้กลับบ้างแต่ยังขาดๆ เกินๆ กันไปเอง จนกระทั่งหมดเวลา ลิเวอร์พูลชนะซิตี้ไปอย่างสบายเท้า 3-0
------------------------------------------
ลิเวอร์พูลทำผลงานกันได้ในบ้านเช่นเคย นักเตะทุกคนขยันวิ่งช่วยกันไล่ เลยพาลให้สงสัยว่าตอนออกนอกบ้านมันวิ่งกันแบบนี้ไม่เป็นเหรอ มีการปรัีบแทคติคเล็กน้อยโดยซัวเรสในนัดนี้ถ่างไปรับบอลริมเส้นมากกว่าที่ ผ่านมาแล้วได้ผลเป็นอย่างดี บอลจากแดนกลางไปแดนหน้าได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนั้นแดนกลางในวันนี้เล่นเกมรับกันได้ดีมาก จะว่าไปก็อาจจะเป็นเพราะทั้ง 4 คนเป็นนักเตะเชิงรับอยู่แล้ว (ไมราเลสก่อนมาลิเวอร์พูลก็เล่นรับ เค้าท์ก็เล่นตัวรับตั้งแต่สมัยยืนกองหน้า) พอใส่ความขยันลงไปอีกเลยทำให้แดนกลางเอาชนะซิตี้ได้อย่างขาดลอย และเป็นที่มาให้รูปเกมและสกอร์ออกมาอย่างที่เห็น
จะว่าไป ซิตี้เองก็เล่นได้น่าอนาถไม่ใช่น้อย บอลตาม 3 ลูกยังเล่นอย่างกับทีมนำอยู่ ขาดแรงจูงใจ ขาดผู้นำในสนาม ขาดความมุ่งมั่นที่จะเล่นเพื่อทีมอย่างน่าใจหาย ซิตี้คงไปไหนไม่ได้ไกล ถ้านักเตะยังเล่นด้วยทัศนคติแบบนี้อยู่
ส่วนลิเวอร์พูล คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะแก้ปัญหาเกมนอกบ้านได้เมื่อไหร่ ... สงสัยคงต้องรอถึงฤดูหน้า ...
-----------------------------------
ผลงานแต่ละคนทำได้ดี
เรน่า - ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเกมได้เซฟแค่ลูกเีดียว ไม่โดนกดดันอะไร เปิดเกมได้ดีมาก
ออเรลิโอ - ไว้ใจได้เสมอเวลาที่ผ่านความฟิตลงเล่นได้
สเคอเทล - วันนี้ไม่ได้ทำฟาลว์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซ้อนแบคและประกบกองหน้าได้ดี
คาราเกอร์ - แทบไม่รู้ว่าอยู่ในสนาม เกือบไม่ต้องสกัดอะไรเลยเพราะบอลของซิตี้เข้าไม่ถึงเขตโทษ วันนี้ไม่โยนบอลยาวเลย ใช้วิธีเคาะสั้นให้แบคกับกองกลางตลอด...ซึ่งดีแล้ว
ฟลานาแกน - ไม่ได้ถูกทดสอบอะไรมากเพราะซิตี้ไม่ได้ดันเกมรุกสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด เล่นได้นิ่งดีทีเดียว ไม่มีอาการตื่นเต้นร้อนรนให้เห็น
ไมราเลส - ยังต้องเล่นริมเส้นต่อไป แม้จะสามารถจ่ายบอลให้คาโรลทำประตูได้แต่โดยรวมแล้วถือว่าผลงานไม่น่าประทับ ใจสักเท่าไหร่ในตำแหน่งนี้
ลูคัส - โหดถึงใจดี วิ่งได้ทั้งเกม เข้าปะทะได้หนักหน่วง จ่ายบอลขึ้นหน้าได้ดีกว่าที่ผ่านมา
สเปียริ่ง - วิ่งพล่านหนักยิ่งกว่าลูคัส ตัดเกมกลางสนามของซิตี้ได้เด็ดขาด
เค้าท์ - ทำเกมพอใช้ได้ มีส่วนร่วมกับเกมรุกตลอด
ซัวเรส - ช่วงต้นครึ่งแรกเล่นได้โดดเด่นมาก แต่เข้าครึ่งหลังได้บอลน้อยลง แถมบอลไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ จัดเป็นวันที่ซัวเรสค่อนข้างเงียบทีเดียว
คาโรล - ในที่สุดก็ยิงได้และทั้ง 2 ลูกจัดเป็นประตูที่มีคุณภาพจริงๆ ที่น่าดีใจคือดูเหมือนจะปรับตัวเข้าทีมได้ดีขึ้น มีการประสานงานที่ดูลงตัวมากกว่านัดก่อนๆ มาก
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : แอนดี้ คาโรล ..ที่จริงลูคัสกับสเปียริ่งทำผลงานได้ดีมาก แต่ไหนๆ คาโรลก็เริ่มนับหนึ่งได้แล้ว แถมนับสองต่อเลยด้วย จะให้เครดิตกันบ้างก็คงไม่น่าเกลียดอะไร
----------------------------------------------------------------
วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554
เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2 - 1 ลิเวอร์พูล
ได้หน้า...ลืมหลัง
-------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 ด้วยผู้เล่นชุดเดิมจากนัดก่อน
----------------ซัวเรส--------คาโรล----------------
ไมราเลส--------ลูคัส--------สเปียริ่ง---------เค้าท์
จอห์นสัน----แอกเกอร์----สเคอเทล----คาราเกอร์
-------------------------เรน่า-------------------------
หลังจากรอมาข้ามสัปดาห์ ลิเวอร์พูลกลับมาเตะอีกครั้งโดยออกไปเยือนเวสต์บรอมวิชที่คุมโดย รอย ฮอดจ์สัน ใช้ผู้เล่นชุดเดิมล้วนๆ ในขณะที่เวสต์บรอมเกมแต้มมาได้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงฮอดจ์สันเองก็เป็นกุนซือที่ทำเกมในบ้านได้ดีมาตลอดอยู่แล้วด้วย นับว่าเป็นเกมยากอีกเกมหนึ่ง
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาไม่ทันไร นาที 7 จอห์นสันก็เจ็บจนต้องส่งกีเกียคอสลงมาแทน แอกเกอร์ถูกถ่างไปเล่นแบคซ้าย ลิเวอร์พูลพยายามเล่นบอลเร็ว ในขณะที่ เวสต์บรอมวิชเน้นเล่นบอลบนพื้นเน้นจ่ายบอลและทำกันได้ดีมาก นาที 25 ลิเวอร์พูลมาเสียแอกเกอร์ที่เจ็บออกไปอีกคน เป็นวิลสันที่ได้ลงมาแทน ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเริ่มเล่นช้าลงและจ่ายบอลกันผิดพลาดหลายครั้ง ส่วนเวสต์บรอมวิชยังทำกันได้ดีอย่างต่อเนื่อง หาจังหวะยิงนอกเขตได้อยู่ตลอดแต่เป็นเรน่าที่คว้าติดมือไว้ได้เรียบ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0
เข้าครึ่งหลัง รูปเกมยังเหมือนเดิม แต่นาที 50 ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม สเคอเทลขึ้นได้สูงกว่ากองหลังโหม่งเข้าไปได้ ลิเวอร์พูลนำ 1-0 ถึงแม้จะได้ประตูขึ้นนำแต่รูปเกมลิเวอร์พูลยังไม่ได้กระเตื้องขึ้น เกมตรงกลางเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ บอลของเวสต์บรอมวิชบุกขึ้นมาป้วนเปี้ยนแถวหน้าเขตโทษได้อยู่ตลอด
นาที 62 ลิเวอร์พูลก็พลาดจนได้ โอเดมวิงกี้จับบอลในเขตโทษแล้วพลิกเร็ว กีเกียคอสเสียบทั้งคนทั้งบอลจากด้านหลังเสียจุดโทษ ทำให้เวสต์บรอมวิชตีเสมอเป็น 1-1 หลังจากนั้นเกมก็เปิดแลกกันมากขึ้น แต่เป็นทางฝั่งเวสต์บรอมวิชที่ยังทำได้ดีกว่าเช่นเดิม ส่วนลิเวอร์พูลมีการปรับแทคติคเล็กน้อย โดยให้ไมราเลสมาเล่นทางขวาและซัวเรสถ่างมาเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายมากขึ้น
เกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้นเล็กน้อยจากการเล่นของซัวเรสแต่ยังไม่ถึงขั้นได้ เปรียบ นาที 87 โคลได้ลงมาแทนเค้าท์ แต่นาทีถัดมา กีเกียคอสก็พลาดอีกครั้ง เบียดโอเดมวิงกี้ไม่อยู่ถูกฉกบอลไปได้ เรน่าเข้ามาขวางเสียจุดโทษอีกรอบ และเวสต์บรอมวิชไม่พลาดขึ้นนำได้สำเร็จ 2-1
ช่วงท้ายเกมลิเวอร์พูลมีโอกาสจากสเคอเทลที่ขึ้นโหม่งลูกเตะมุมแต่ไม่เข้ากรอบ และได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกชิพข้ามหัวผู้รักษาประตูของซัวเรสแต่กองหลังเวสต์ บรอมวิชยังสกัดได้บนเส้น จบเกมเป็นทีมเจ้าบ้านแซงเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-1
------------------------------------------
ลิเวอร์พูลโชคร้ายที่เสียกองหลังสองคนไปตั้งแต่ต้นเกม ทำให้แผงหลัง 4 คนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟทั้งหมด เรื่องการเติมเกมรุกของแบคลืมไปได้เลย ไล่ขึ้นมาถึงแผงมิดฟิลด์ ลูคัสกับสเปียริ่งเล่นกันได้ดีขึ้นกว่านัดก่อนแต่ยังไม่ดีพอ ทำลายเกมของเวสต์บรอมวิชแทบไม่ได้ปล่อยให้บอลเลยไปกดดันแผงกองหลังตลอด ริมเส้นสองฝั่งก็เล่นกันไม่ออกโดยสิ้นเชิง บอลไปแทบไม่ถึงกองหน้าเลย
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับโชคสักเท่าไหร่ ในเมื่อลิเวอร์พูลมีโอกาสในช่วงมกราแต่ดันไม่ซื้อกองหลังเข้ามาเสริมทีม ตอนนี้แผลเริ่มเปิดออกอีกครั้งแล้วยังไม่รู้จะห้ามเลือดกันได้รึปล่าว ถ้าสามารถจบฤดูกาลได้ในอันดับที่ 5 นี่ต้องเรียกว่าเข้าขั้นปาฏิหารย์กันแล้ว
-----------------------------------
ผลงานแต่ละคนส่วนใหญ่ทำกันได้ไม่ดี
เรน่า - เซฟได้ตลอดเกมยกเว้นลูกจุดโทษ ไม่มีเรน่าทีมคงไม่ได้ลุ้นมีแต้มจนกระทั่งหมดเวลาแน่ๆ
วิลสัน - ไม่นิ่ง ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ยืนตำแหน่งไม่ดีเอามากๆ
สเคอเทล - เล่นได้ดีชนิดผีเข้า แทบไม่เสียฟาลว์เลย สกัดได้เด็ดขาด ทำประตูได้อีกต่างหาก (แต่ยิงทีไรทีมไม่ชนะ)
กีเกียคอส - เจอเล่นงานจนเสียคนถึงสองครั้ง สู้กับนักเตะที่มีความคล่องตัวไม่ได้จริงๆ
คาราเกอร์ - ในเกมรับยังช่วยทีมไว้ได้เยอะ ปิดเกมริมเส้นในฝั่งของตัวเองได้ดี แต่เกมรุก...ลืมๆ มันไปเถอะ...
ไมราเลส - เหมือนนัดที่แล้ว
ลูคัส - เล่นเกมรุกได้ดีขึ้นนิดหน่อย แต่เกมรับทำได้ไม่ดีเลย
สเปียริ่ง - ขาดพลังทำลายล้าง ปล่อยให้กลางเวสต์บรอมเล่นง่ายเกินไป แต่การเชื่อมเกมทำได้ดีขึ้น
เค้าท์ - เป็นวันที่ฟอร์มฝืดสนิท ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ซัวเรส - ช่วงที่ยืนสูงแทบไม่ได้บอลเลย แต่ตอนที่ออกไปรับบอลริมเส้นทำเกมได้ดีมาก ถ้ามีคนคอยทำชิ่งหรือวิ่งทำทางที่รู้ใจน่าจะทำได้ดีกว่านี้
คาโรล - กระโดดโหม่งจนปวดหัว เพื่อนส่งบอลมาแต่ละลูกไม่ได้เปรียบเลย ดูเสียสมาธิในช่วงครึ่งที่โดนอัดหนักๆ ด้วย
จอห์นสัน/แอกเกอร์ - เจ็บเร็วไปหน่อย ไม่ทันได้ทำอะไร
โคล - ได้ลง 6 นาทีโดนบอล 3 ครั้ง คงจะไปโทษอะไรโคลไม่ได้
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เรน่า ... ถ้าจบฤดูย้ายจริงๆ ปีหน้าเตรียมบรรลัยกันได้เลย
----------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 ด้วยผู้เล่นชุดเดิมจากนัดก่อน
----------------ซัวเรส--------คาโรล----------------
ไมราเลส--------ลูคัส--------สเปียริ่ง---------เค้าท์
จอห์นสัน----แอกเกอร์----สเคอเทล----คาราเกอร์
-------------------------เรน่า-------------------------
หลังจากรอมาข้ามสัปดาห์ ลิเวอร์พูลกลับมาเตะอีกครั้งโดยออกไปเยือนเวสต์บรอมวิชที่คุมโดย รอย ฮอดจ์สัน ใช้ผู้เล่นชุดเดิมล้วนๆ ในขณะที่เวสต์บรอมเกมแต้มมาได้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงฮอดจ์สันเองก็เป็นกุนซือที่ทำเกมในบ้านได้ดีมาตลอดอยู่แล้วด้วย นับว่าเป็นเกมยากอีกเกมหนึ่ง
-------------------------------------------------------
เริ่มเกมมาไม่ทันไร นาที 7 จอห์นสันก็เจ็บจนต้องส่งกีเกียคอสลงมาแทน แอกเกอร์ถูกถ่างไปเล่นแบคซ้าย ลิเวอร์พูลพยายามเล่นบอลเร็ว ในขณะที่ เวสต์บรอมวิชเน้นเล่นบอลบนพื้นเน้นจ่ายบอลและทำกันได้ดีมาก นาที 25 ลิเวอร์พูลมาเสียแอกเกอร์ที่เจ็บออกไปอีกคน เป็นวิลสันที่ได้ลงมาแทน ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเริ่มเล่นช้าลงและจ่ายบอลกันผิดพลาดหลายครั้ง ส่วนเวสต์บรอมวิชยังทำกันได้ดีอย่างต่อเนื่อง หาจังหวะยิงนอกเขตได้อยู่ตลอดแต่เป็นเรน่าที่คว้าติดมือไว้ได้เรียบ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0
เข้าครึ่งหลัง รูปเกมยังเหมือนเดิม แต่นาที 50 ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม สเคอเทลขึ้นได้สูงกว่ากองหลังโหม่งเข้าไปได้ ลิเวอร์พูลนำ 1-0 ถึงแม้จะได้ประตูขึ้นนำแต่รูปเกมลิเวอร์พูลยังไม่ได้กระเตื้องขึ้น เกมตรงกลางเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ บอลของเวสต์บรอมวิชบุกขึ้นมาป้วนเปี้ยนแถวหน้าเขตโทษได้อยู่ตลอด
นาที 62 ลิเวอร์พูลก็พลาดจนได้ โอเดมวิงกี้จับบอลในเขตโทษแล้วพลิกเร็ว กีเกียคอสเสียบทั้งคนทั้งบอลจากด้านหลังเสียจุดโทษ ทำให้เวสต์บรอมวิชตีเสมอเป็น 1-1 หลังจากนั้นเกมก็เปิดแลกกันมากขึ้น แต่เป็นทางฝั่งเวสต์บรอมวิชที่ยังทำได้ดีกว่าเช่นเดิม ส่วนลิเวอร์พูลมีการปรับแทคติคเล็กน้อย โดยให้ไมราเลสมาเล่นทางขวาและซัวเรสถ่างมาเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายมากขึ้น
เกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้นเล็กน้อยจากการเล่นของซัวเรสแต่ยังไม่ถึงขั้นได้ เปรียบ นาที 87 โคลได้ลงมาแทนเค้าท์ แต่นาทีถัดมา กีเกียคอสก็พลาดอีกครั้ง เบียดโอเดมวิงกี้ไม่อยู่ถูกฉกบอลไปได้ เรน่าเข้ามาขวางเสียจุดโทษอีกรอบ และเวสต์บรอมวิชไม่พลาดขึ้นนำได้สำเร็จ 2-1
ช่วงท้ายเกมลิเวอร์พูลมีโอกาสจากสเคอเทลที่ขึ้นโหม่งลูกเตะมุมแต่ไม่เข้ากรอบ และได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกชิพข้ามหัวผู้รักษาประตูของซัวเรสแต่กองหลังเวสต์ บรอมวิชยังสกัดได้บนเส้น จบเกมเป็นทีมเจ้าบ้านแซงเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-1
------------------------------------------
ลิเวอร์พูลโชคร้ายที่เสียกองหลังสองคนไปตั้งแต่ต้นเกม ทำให้แผงหลัง 4 คนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟทั้งหมด เรื่องการเติมเกมรุกของแบคลืมไปได้เลย ไล่ขึ้นมาถึงแผงมิดฟิลด์ ลูคัสกับสเปียริ่งเล่นกันได้ดีขึ้นกว่านัดก่อนแต่ยังไม่ดีพอ ทำลายเกมของเวสต์บรอมวิชแทบไม่ได้ปล่อยให้บอลเลยไปกดดันแผงกองหลังตลอด ริมเส้นสองฝั่งก็เล่นกันไม่ออกโดยสิ้นเชิง บอลไปแทบไม่ถึงกองหน้าเลย
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับโชคสักเท่าไหร่ ในเมื่อลิเวอร์พูลมีโอกาสในช่วงมกราแต่ดันไม่ซื้อกองหลังเข้ามาเสริมทีม ตอนนี้แผลเริ่มเปิดออกอีกครั้งแล้วยังไม่รู้จะห้ามเลือดกันได้รึปล่าว ถ้าสามารถจบฤดูกาลได้ในอันดับที่ 5 นี่ต้องเรียกว่าเข้าขั้นปาฏิหารย์กันแล้ว
-----------------------------------
ผลงานแต่ละคนส่วนใหญ่ทำกันได้ไม่ดี
เรน่า - เซฟได้ตลอดเกมยกเว้นลูกจุดโทษ ไม่มีเรน่าทีมคงไม่ได้ลุ้นมีแต้มจนกระทั่งหมดเวลาแน่ๆ
วิลสัน - ไม่นิ่ง ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ยืนตำแหน่งไม่ดีเอามากๆ
สเคอเทล - เล่นได้ดีชนิดผีเข้า แทบไม่เสียฟาลว์เลย สกัดได้เด็ดขาด ทำประตูได้อีกต่างหาก (แต่ยิงทีไรทีมไม่ชนะ)
กีเกียคอส - เจอเล่นงานจนเสียคนถึงสองครั้ง สู้กับนักเตะที่มีความคล่องตัวไม่ได้จริงๆ
คาราเกอร์ - ในเกมรับยังช่วยทีมไว้ได้เยอะ ปิดเกมริมเส้นในฝั่งของตัวเองได้ดี แต่เกมรุก...ลืมๆ มันไปเถอะ...
ไมราเลส - เหมือนนัดที่แล้ว
ลูคัส - เล่นเกมรุกได้ดีขึ้นนิดหน่อย แต่เกมรับทำได้ไม่ดีเลย
สเปียริ่ง - ขาดพลังทำลายล้าง ปล่อยให้กลางเวสต์บรอมเล่นง่ายเกินไป แต่การเชื่อมเกมทำได้ดีขึ้น
เค้าท์ - เป็นวันที่ฟอร์มฝืดสนิท ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ซัวเรส - ช่วงที่ยืนสูงแทบไม่ได้บอลเลย แต่ตอนที่ออกไปรับบอลริมเส้นทำเกมได้ดีมาก ถ้ามีคนคอยทำชิ่งหรือวิ่งทำทางที่รู้ใจน่าจะทำได้ดีกว่านี้
คาโรล - กระโดดโหม่งจนปวดหัว เพื่อนส่งบอลมาแต่ละลูกไม่ได้เปรียบเลย ดูเสียสมาธิในช่วงครึ่งที่โดนอัดหนักๆ ด้วย
จอห์นสัน/แอกเกอร์ - เจ็บเร็วไปหน่อย ไม่ทันได้ทำอะไร
โคล - ได้ลง 6 นาทีโดนบอล 3 ครั้ง คงจะไปโทษอะไรโคลไม่ได้
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เรน่า ... ถ้าจบฤดูย้ายจริงๆ ปีหน้าเตรียมบรรลัยกันได้เลย
----------------------------------------------------------------
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)