วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

ลิเวอร์พูล 1-2 วูลฟ์แฮมป์ตัน (เอฟเอคัพรอบ 4)


3 นัด 3 ถ้วย ...แอนฟิลด์ล้วนๆ
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-------------------โอริกิ-------------------
--------เฟอมิโน่----------วู้ดเบิร์น--------
-------อิจาเลีย-----------ไวนัลดุม-------
--------------------ลูคัส--------------------
โมเรโน่---คลาวาน---โกเมส---แรนดอล
------------------คาริอุส-------------------

_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านอีกนัด  คราวนี้เป็นเกมเอฟเอคัพกับวูล์ฟแฮมตัน  คล็อปปรับทีมเยอะ  หน้าตา 11 ตัวจริงออกมาแบบที่เห็น
-------------------------------------------------------

_______ แค่นาทีแรกก็ส่อแววโกโก้ครั้นช์มาแต่ไกล  เสียฟรีคิกแถวเส้นข้าง  วูล์ฟโยนลึกไปเสาสอง  แนวรับประกบกันไม่ดีปล่อยให้วูล์ฟได้โหม่งง่าย 1-0

_______ หลังจากเริ่มเกมแบบช็อคๆ ลิเวอร์พูลเล่นกันไม่ค่อยมีสมาธิ ขาตายหลายจังหวะโดยเฉพาะเกมรับที่ไม่ค่อยมีเขาไปแย่งบอล  วูล์ฟทำได้ทั้งเกมโต้และเปิดเกมรุกขึ้นมาเอง วางยาวก็มี หลุดเดี่ยวก็มา ดีว่ายังบวกเพิ่มไม่ได้  ส่วนลิเวอร์พูลจังหวะบุกที่เป็นชิ้นเป็นอันส่วนใหญ่คือการวางยาวไปที่ว่างมุมธง ด้านขวาได้เปิดบ่อยกว่าซ้าย แต่เกมเจาะตรงกลางหรือเกมในพื้นที่สุดท้ายอย่าถามถึง

_______ ผ่าน 20 นาทีไปลิเวอร์พูลถึงได้เล่นแบบมีสมาธิขึ้น  วันนี้คู่ต่อสู้อย่างวูล์ฟไม่ได้เน้นรับต่ำแต่หันมาวิ่งไล่ตัวเปิดบอล ทำให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสตักข้ามแนวรับบ้าง แต่ตัว(ควรจะ)รุกอย่างอิจาเรียกับไวนัลดุมออกบอลเกมรุกไม่ได้ กลายเป็นต้องไปพึ่งโมเรโน่กับลูคัสเป็นคนออกบอล บอลกับคนเลยไม่ค่อยได้มีวาสนามาเจอกัน

_______ เกมโดยรวมสูสี ลิเวอร์พูลคุมเกมไม่ได้และความดุดันสู้วูล์ฟไม่ได้เลย ท้ายครึ่งแรกนาที 41 ยังมาโดนเพิ่มอีกลูกจากจังหวะโต้กลับรวดเดียวจากเขตโทษอีกฝั่งมาอีกฝั่ง แนวรับลิเวอร์พูลเข้าแย่งบอลก็ไม่ได้ดักบอลก็ไม่ดี  สุดท้ายนักเตะวูล์ฟได้บอลไปกระชากหลบคาริอุสเข้าไปสอยซะ 2-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง  คูตินโย่ได้ลงแทนแรนดอลทันที ปรับมาเล่นหลัง 3 ถอยลูคัสไปยืนเซ็นเตอร์ วู้ดเบิร์นยืนวิงขวา โมเรโน่ยืนวิงซ้าย บอลเกมรุกของทีดีขึ้นมาก ไม่ได้เปิดผ่านทุกลูก(เอาจริงก็ไม่ค่อยผ่านหรอก) แต่กดดันแนวรับได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวรับวูล์ฟเองก็สกัดบอลไม่ค่อยขาด แต่ลิเวอร์พูลยังไม่มีลูกจากแถวสองหรือจังหวะสองที่ดีทำให้ไม่ค่อยได้ยิงแบบเป็นชิ้นเป็นอัน

_______ นาที 65 สเตอริดจ์ได้ลงมาแทนเฟอมิโน่ เกมส่วนใหญ่ลิเวอร์พูลครองบอลได้ดีแล้ว เปิดบอลเข้าไปกดดันได้บ้างแล้ว  โดยตรงกลางหนักไปทางยิงไกล ส่วนเปิดบอลหันไปพึ่งวู้ดเบิร์นทางมุมธงขวา แต่ปิดเกมของวูล์ไปไม่ได้  วูล์ฟยังคงโต้ได้เป็นระยะ

_______ นาที 74 ชานได้ลงมาแทนอิจาเรียเป็นไพ่ใบสุดท้าย ลิเวอร์พูลเร่งเกมหนักขึ้นและทำได้ดีขึ้นในเรื่องการเก็บบอลสองจังหวะรุก แต่การเข้าทำยังเจาะลำบาก กว่าจะได้ประตูไล่มาต้องรอถึงนาที 86 จากจังหวะเตะมุมที่วูล์ฟสกัดกันไม่ขาด สุดท้ายเป็นสเตอริดจ์ที่โหม่งจากเสาแรกข้ามไปเสาสองให้โอริกิวอลเล่ย์จ่อๆ เข้าไป 2-1

_______ หลังจากนั้นแค่นาทีเดียว จังหวะเดิมเป๊ะคือลูกเตะมุมแล้ววูล์ฟสกัดไม่ขาด บอลเข้าทางโอริกิได้ยิงอีกครั้ง แต่บอลมาเร็วจนคุมทิศทางไม่ได้โดนบล็อคออกไป

_______ นาทีถัดมาวูล์ฟได้โต้ขึ้นมาโดยการลากเดี่ยวขึ้นมาทางริมเส้นซ้าย ลูคัสวิ่งตามไม่ทันแต่ยังอุตส่าห์ไปช่วยบล็อคจังหวะยิงเอาไว้ได้ รักษาความหวังอันน้อยนิดได้ต่อไปจนต่อเวลา

_______ แต่ตลอดเวลาทดเจ็บลิเวอร์พูลก็ทำอะไรไม่ได้ อย่าว่าแต่ประตู โอกาสก็แทบไม่มี จบเกม  ...บ้านไป 2-1 เป็นการแพ้สามนัดติดในสามรายการในแอนฟิลด์ ควานหาชัยชนะไม่เจอต่อไป

-----------------------------------------

_______ เกมรับยวบเป็นทิชชู่เปียกน้ำที่โดนขยี้ซ้ำ ส่วนเกมรุกก็เผ็ดสุดๆ ...คือดูไม่จืดเลย

_______ นัดนี้ที่เห็นชัดคือความมั่นใจของทีมลดลงถึงระดับอันตรายแล้ว เล่นกันกล้าๆ กลัวๆ สมาธิไม่ค่อยดี นัดนี้อย่าว่าแต่บอลชิ่ง เอาแค่บอลสั้นให้เพื่อนยังน้ำหนักไม่ดีทิศทางไม่ได้ ถือเป็นเรื่องน่ากลัวยิ่งกว่าอาการบาดเจ็บหรือฟอร์มการเล่นเสียอีก

_______ ในส่วนของคล็อป ดูจากโจทย์เฉพาะหน้า เขาต้องจัดทีมแบบนี้แหละเพราะมีเกมใหญ่ที่สำคัญกว่ารออยู่ แต่นักเตะตอบสนองความต้องการไม่ได้เลย

_______ แต่ถ้ามองภาพกว้าง ก็คล็อปเองนี่แหละที่มีส่วนทำให้ทีมเล็กลงด้วยการปล่อยนักเตะบางคนไปแล้วไม่ซื้อมาเพิ่ม มันจะเพอร์เฟ็คมากถ้าเราได้นักเตะที่ต้องการจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้...เอาพวกที่พอใช้ได้มาแก้ขัดก่อนไหมมม

_______ สุดท้ายแล้ว  นี่คือคล็อป  ความสำเร็จของเขาได้มาจากการสร้างทีมที่เขาต้องการจริงๆ ไม่เคยใช้ใครแก้ขัด ดังนั้นเราทำได้แค่รอต่อไป

_______ ...อีกสักพัก

-----------------------------------------

นัดนี้ดูแล้วเพลีย

คาริอุส -  เซฟสำคัญได้ครั้งนึงในในครึ่งหลัง  แต่สองประตูที่เสียไปก็มีส่วนพลาดด้วย

โมเรโน่ - เล่นได้ดีกว่าคนอื่น เกมรับทีมบังคับให้ลอยสูงแต่เขายังมีความเร็วที่จะวิ่งตามลงมาช่วยทีมได้บ้าง ในขณะที่การเชื่อมเกมและการเล่นเกมรุก เขาเติมขึ้นไป “ทำอะไรสักอย่าง” แล้วคอยถอยลงมา ประสิทธิภาพอาจจะน้อย แต่ทัศนคติน่ะถูกแล้ว แปะไปแปะมามันไม่ได้อะไร

คลาวาน - จะทำอัลลัยดูวัยพี่บ้างง ไอ้นั่นก็ลอย ไอ้นู่นก็หลุด ไอ้นี่ก็พรวด จากนักฟุตบอลแทบจะกลายเป็นภารโรงคอยเก็บกวาดซากที่น้องๆ หนูๆ ทิ้งไว้ ซ้อนหลุดบ้างแต่ยังเก็บได้ประมาณนึง

โกเมส - เป็นนักเตะที่มีอนาคต ...แต่ไม่มีปัจจุบัน

ลูคัส - คล่องเมื่อวาน คลานวันนี้ ทางบอลดี เก็บบอลได้ แต่อย่าให้ไกลตัว ครึ่งก้าวก็ไม่ทันแล้ว

แรนดอล - ดับอนาคตของตัวเองที่ริบหรี่อยู่แล้วให้ดับสนิทในนัดนี้นี่แหละ

อิจาเรีย - ไม่กล้าออกบอลเกมรุก จังหวะจะเล่นด้วยการให้แล้วไปก็ไม่ถงไม่ถามเพื่อนสักคำว่าพร้อมมั้ย ครึ่งแรกแย่มาก ครึ่งหลังพอมีคูตี้มาช่วยแล้วดูแย่น้อยลง

ไวนัลดุม - น้องจะเลีย(อิจาเรีย) พี่จะคลึง จับบอลได้ต้องคลึงหายี่ห้อก่อนจะทำอะไรต่อ ส่วนนึงคือเจ้าตัวดูจะถนัดเป็นตัวรับบอลมากกว่าเปิดบอล แต่ด้วยสถานะที่เกินดาวรุ่งมาแล้วก็ควรทำอะไรได้มากกว่าน้องนุ่งมันมั่ง

วู้ดเบิร์น -  ทำได้ดีในเรื่องการวิ่งไปรับบอลที่ว่างแถวเส้นข้างหรือมุมธงแล้วเปิดย้อนเข้ามาในกรอบ แต่นั้นคือทั้งหมดที่เด็กวัย 17 คนนี้ทำได้

เฟอมิโน่ -  ฟอร์มส่วนตัวไม่ถึงกับแย่ ถ้าสังเกตหน่อยจะเห็นว่าเฟอมิโน่วิ่งตามช่องอยู่ตลอด แต่วิ่งแล้ววิ่งอีก วิ่งจนเดิน กองกลางพวกก็แปะมันอยู่นั่น แถมจังหวะยัดใส่ตัวมาให้ก็ไม่มีใครวิ่งสอดไปรับบอล เอวังพังพินาศ

โอริกิ -  เก็บบอลได้ประมาณนึง เรียกฟาล์วใช้ได้ แต่ให้ทำเกมเองไม่ใช่แนว ท้ายเกมเริ่มขาดสมาธิเสียฟาล์วง่าย ยังดีที่ทำประตูได้

ตัวสำรอง

คูตินโย่ - ช่วยเปิดบอลขึ้นหน้าได้ ไม่ใช่จ่าย 10 หลุด 10 แต่อย่างน้อยยังกดดันแนวรับได้บ้าง

สเตอริดจ์ - หาช่องไม่เจอ จะมาออกบอลเองก็ไม่ดี แต่มีดีที่ไหวพริบในจังหวะที่ทำให้ทีมตีไข่แตก ลูกนั้นถ้าเป็นกองหน้าโง่ๆ โหม่งยัดๆ ไม่ข้ามคานก็ติดบล็อคไปแล้ว

ชาน - โด้ออกเมสซี่เข้า ...ตามนั้น

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...อัลแบร์โต้ โมเรโน่… เป็นเกมที่เลือก MOM โคตรยากด้วยฟอร์มที่เห็นๆ กันอยู่ แต่ขอเลือกแบ็คตัวจริงที่ม้านั่งสำรองด้วยเหตุผลว่าพยายามจะทำอะไรมากกว่าคนอื่นก็แล้วกัน (เผื่อใครยังไม่รู้  ผมชอบสไตล์โมเรโน่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว 555+)
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

ลิเวอร์พูล 0-1 เซาท์แธมป์ตัน (ลีคคัพ)


เป๊ะแต่ชื่อ
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-----------------สเตอริดจ์-----------------
--------คูตินโย่-----------เฟอมิโน่--------
-------ลัลลาน่า-------------ชาน----------
----------------เฮนเดอร์สัน---------------
มิลเนอร์---มาติป---ลอฟเรน----อาโนลด์
------------------คาริอุส-------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นลีคคัพรอบรองชนะเลิศนัดสองกับเซาท์แธมป์ตัน ซึ่งนัดแรกเพิ่งไปแพ้เค้ามา 1-0 นัดนี้คล็อปเลือกใช้สเตอริดจ์ที่ได้เล่นถ้วยนี้มาตลอดเป็นตัวจริงตามเดิม
-------------------------------------------------------

_______ ช่วงต้นเกมยังเล่นระวังกันทั้งคู่ ลิเวอร์พูลครองบอลได้แต่ไม่เร่งเกม เน้นบุกทางซ้ายเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาคือครองบอลกันไม่เหนียวและเก็บบอลสองไม่ค่อยได้ ส่วนเซาท์แธมป์ตันได้บอลน้อยก็จริงแต่จังหวะเก็บบอลพวกทำได้ดี ไม่เสียเร็วและต่อบอลไปถึงด้านหน้าได้ โดยเฉพาะทางริมเส้น

_______ ผ่าน 20 นาทีแรก ลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลได้นานขึ้น แต่การเข้าทำเจาะไม่ได้เหมือนเดิม ทางเซาท์แธมป์ตันใช้พื้นที่ริมเส้นที่แบ็คลิเวอร์พูลลอยเอามาโจมตีได้เป็นระยะ โดยเฉพาะทางฝั่งอาโนลด์ เกือบได้ประตูชนิดยิงจาก 6-7 หลาอยู่สองครั้งแต่ติดเซฟคาริอุสสลับยิงพลาดไปเอง

_______ ลิเวอร์พูลยังควานหาโอกาสของตัวเองไม่เจอ และเซาท์แธมป์ตันสร้างโอกาสของตัวเองได้แต่ใช้ไม่คุ้ม จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

_______ กลับลงมาครึ่งหลัง เซาท์แธมป์ตันกะเอาตายด้วยการส่ง เชน ลอง ลงมาและหันมาไล่สูงพยายามจะเปิดเกมรุก แต่กลายเป็นลิเวอร์พูลที่พอมีพื้นที่ให้เล่นแล้วทำได้ดีกว่า ได้เล่นในจังหวะของตัวเองและเกมรุกเร็วขึ้น ได้เปิดจากด้านข้างเข้าไปลุ้นชาร์จลุ้นโหม่งแบบถึงบอลเป็นระยะ แต่คุมบอลให้เข้ากรอบยังไม่ได้

_______ ลิเวอร์พูลเร่งเกมเต็มที่ ทั้งทำทางและวิ่งไล่ แต่เมื่อไม่ได้ประตูและเวลาน้อยลงก็เริ่มเร่งจนพลาด แถมเซาท์แธมป์ตันที่เลือกบุกไม่ได้ผล พอพ้นนาที 70 ไปก็ถอยลงไปอุดกันเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลยังได้โยนจากด้านข้างเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่หลังเซาท์แธมป์ตันหันหน้าหาบอลหมดแล้วก็เลยสกัดได้หมด

_______ นาที 78 โอริกิได้ลงแทนชาน นาที 87 ไวนัลดุมได้ลงแทนคูตินโย่ แต่เวลาทั้งหมดลิเวอร์พูลเอาชนะแนวรับไม่ได้เลย ได้แค่เปิดบอลเข้าไปลุ้น พอเข้าช่วงทดเจ็บนาที ได้ลูกเตะมุมอยู่ดีๆ แต่เปิดมาโดนสกัดแล้วโดนโต้จนสุดท้ายบอลมาถึงเชน ลองได้ยิงในกรอบให้มันจบๆ ไป 1-0 ส่งเซาท์แธมป์ตันเข้าไปรอชิงด้วยการชนะลิเวอร์พูลได้ทั้งไปกลับในสกอร์เดียวกัน 1-0 ทั้งสองนัด

-----------------------------------------

_______ เซาท์แธมป์ตันเปิดหน้าอยู่แค่ 20 นาทีนิดๆ ของต้นครึ่งหลัง นอกนั้นพวกเขาเอาชนะได้หมด

_______ นัดนี้เป็นอีกนัดที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่หลายคนกังวลตั้งแต่ต้นฤดูกาลมันเป็นจริง ทั้งในเรื่องขนาดทีมที่เล็กและแทคติคที่ใช้พลังเยอะจนทำให้นักเตะฟิตไม่พอ

_______ ดูเฉพาะรายชื่อ ลิเวอร์พูลมีทีมที่ดีมากในช่วง 3-4 นัดหลังรวมนัดนี้ด้วย แต่ลงสนามจริงหลายคนไม่ได้อยู่ในสภาพ 100% มาติปเองเพิ่งได้ลงเต็มเกมหลังจากหายไปนานก็ฟอร์มหลุด, คูตินโย่ยังไม่ฟิตชัดเจน, เฮนโด้เองก็เคยวิ่งได้มากกว่านี้, ลัลลาน่าก็เจ็บช่วงครึ่งหลังจนเล่นได้ไม่เต็มที่ แม้กระทั่งสายอึดอย่างมิลเนอร์ยังมีอาการยุบ ขึ้นแล้วลงช้า(ในจังหวะที่ควรลงนะ)

_______ เรื่องจะให้คล็อปเปลี่ยนสไตล์ของเขาให้หันมาวิ่งน้อยลงมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นคล็อป(และเรา) คงต้องรอให้ทีมมีขนาดใหญ่กว่านี้อีกมากๆ ถ้าหวังจะประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันครับ

_______ ช่วงนี้ก็เป็นชิ้นเป็นอัน...แต่คนละความหมาย ไปพลางๆ ก่อนนะ

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นแค่พอใช้ได้

คาริอุส -  เซฟสำคัญได้ในครึ่งหลังช่วยให้แฟนบอลได้มีเวลาเจ็บปวดยาวนานขึ้น 555+

มิลเนอร์ - ต้นเกมเล่นหลุดเยอะเลย แต่เล่นไปสัก 15 นาทีแล้วเริ่มเข้าที่เข้าทาง เวลาส่วนใหญ่ขึ้นไปช่วยรับบอลไปเปิดเข้ากลางได้ดี บอลกดดันกว่าคนอื่นเปิด แต่ยังไม่ดีระดับชนะแนวรับ ส่วนเกมรับตัวเองเคยลงมาคุมพื้นที่ได้ดีกว่านี้

มาติป - อยู่เมืองไทยคงตกมอฯไซต์วินตายไปแล้ว ซ้อนไม่ดีอย่างแรง โดนแตะหลบได้ตลอด

ลอฟเรน - เข้าไปสกัดหรือประคองตัวที่ครองบอลอยู่น่ะดี แต่อ่านเกมวันนี้ไม่ค่อยดี ไปยืนเอ๋อๆ ในกรอบจังหวะคู่ต่อสู้เปิดบอลใส่กรอบหลายครั้ง  ไม่รู้ว่าจะประกบหรือบังทางบอลหรือยังไง

อาโนลด์ - โชว์ฟอร์มระดับซูเปอร์แมน...ตอนโดนแทงด้วยคริปโตไนท์

ชาน - ช่วยเข้าปะทะได้ดีหลายครั้ง หยุดการครองบอลของคู่ต่อสู้ได้ดี แต่เกมรุกอย่าถือสา เปลี่ยนรับเป็นรุกอย่าหาความ

เฮนเดอร์สัน - เปลี่ยนรับเป็นรุกพอใช้ เกมรับไม่แย่ ออกบอลหาที่ว่างดีกว่าคนอื่น แต่ถ้าเทียบกับมาตรฐานส่วนตัวต้องบอกว่าพี่กัปตันเราวันนี้น้ำหนักบอลไม่ค่อยนิ่งนะ

ลัลลาน่า -  ครึ่งแรกยังเงียบๆ แต่ต้นครึ่งหลังเล่นได้วูบวาบมาก พอมีพื้นที่เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ก่อนจะโดนอาการบาดเจ็บช่วงกลางๆ ครึ่งหลังพรากลงกระทะกลายเป็นกระดี่ผัดเผ็ดไป

คูตินโย่ -  ออกบอลตัดแนวรับได้น่ากลัวดี มีอยู่สองสามหนที่คนวิ่งตัดแนวรับเกือบได้หลุดไปยิงแล้ว พลิกบอลขึ้นหน้าได้ แต่ด้วยสภาพร่างกายทำให้คูตี้ยังไปกับบอลไม่น่ากลัว แถมยิ่งเล่นยิ่งหายไปจากเกม

เฟอมิโน่ - ได้บอลเยอะนะ แต่ทั้งหมดคือทำได้แค่เคาะคืนเพื่อน

สเตอริดจ์ - พอคู่ต่อสู้ดันสูงก็หาช่องได้อันนี้เก่งจริง ได้ชาร์จหนึ่งหนได้ซ้ำระยะหกหลากหนึ่งหนแต่คุมบอลไม่อยู่ ส่วนช่วงที่คู่ต่อสู้รับต่ำก็...ตามสภาพ

ตัวสำรอง

โอริกิ - เอาลงมาเป็นเป้ารับบอลโด่ง แต่บอลดีๆ ไม่เคยมาหา ช่วยไม่ได้มากนัก

ไวนัลดุม - ไม่ได้มีเวลาทำอะไร

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โคลด ปูแอล… เก็บกินได้สิ้นซาก แทคติคละเอียดกริ๊บ คือไม่ใช่แค่ยืนต่ำๆ รอสกัดบอล แต่พวกเขามีครบทั้งวิธีเก็บบอล โต้ ปิดช่องเปิดบอล แม้แต่ช่วงต้นครึ่งหลังที่ดูว่าเป็นรอง นั่นคือแกเสี่ยงลุ้นเอาประตูปิดเกม ซึ่งพอไม่ได้ก็ถอยไปรับในเวลาไม่นาน
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

ลิเวอร์พูล 2-3 สวอนซี (พรีเมียร์ลีค)



สติสตังค์ไปไหนกันหมดดด
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-----------------เฟอมิโน่------------------
--------คูตินโย่-----------ลัลลาน่า--------
--------ชาน------------ไวนัลดุม----------
----------------เฮนเดอร์สัน---------------
มิลเนอร์---คลาวาน---ลอฟเรน----ไคลน์
-----------------มินโยเล่-------------------

_______ เกมหงส์เดือด(ตั้งเอง) ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับสวอนซีด้วย 11 ตัวจริงแล้ว 7 ตัวสำรองที่ดูดีสุดในรอบเดือน ขาดไปเพียงแค่มาเน่ที่ไปแอฟริกันคัพออฟเนชั่นคนเดียวแค่นั้น
-------------------------------------------------------

_______ ต้นเกมลิเวอร์พูลตั้งเกมช้าๆ ยังไม่เร่ง ส่วนสวอนซีเน้นรับตรงกลางให้แน่นปล่อยริมเส้นให้ลิเวอร์พูลต่อบอลกันไป แผงหลังดันสูงจนลิเวอร์พูลเปิดบอลเข้าทำไม่ถนัด ได้แต่โยนเข้ามาจากริมเส้นเท่านั้น

_______ ยิ่งเล่น สวอนซียิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่ต้นเกมพาบอลข้ามแดนไม่ได้เลย พ้น 10 นาทีไปเริ่มพามาได้ พ้น 20 นาทีไปเริ่มต่อบอลเก็บบอลได้นานขึ้น แม้จะยังไม่ได้ลุ้นเปิดบอลเข้าทำ (ได้ลุ้นจริงจังหนเดียวคือนาที 19 ที่เปิดแฉลบลอฟเรนไปชนเสา) แต่รูปเกมไม่เป็นรองมากนัก ส่วนลิเวอร์พูลโดนบีบให้ทำได้แค่เปิดจากด้านข้างซึ่งไม่ถนัด บอลไม่เข้าหัว ที่เข้าบ้างก็คุมบอลไม่ได้ จบครึ่งแรกที่ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ไม่ทันไรก็งามไส้ไอ้หยา จากลูกเตะมุมเปิดลึกเข้ามาลิเวอร์พูลสกัดไม่ออก บอลตกลงเข้าทางยอเรนเต้ทิ่มหาย 1-0 เท่านั้นยังไม่พอ นาที 52 จากจังหวะสวอนซีเติมกันขึ้นมาทางฝั่งไคลน์จนได้เปิดบอลเข้ากลาง ยอเรนเต้คนเดิมโถมเข้ามาโหม่งแถวกรอบหกหลา ผ่ากลางแนวรับสามคนของลิเวอร์พูลกระเด็นไปตามๆ กัน ส่วนบอลก็หายเข้าตาข่ายไปตามระเบียบ 2-0

_______ พอตามห่าง ลิเวอร์พูลก็เลือดเข้าตา ต่อบอลกันน้อยลง เล่นบอลยาวและเร่งเปิดบอลเข้าทำกันมากขึ้น แล้วก็เหมือนหงส์จับยัด นาที 52 มิลเนอร์ขึ้นไปเปิดบอลจากริมเส้นเข้ากลาง ข้ามหัวกองหลังที่ได้เหลี่ยมแล้วไปเข้าหัวเฟอมิโน่ที่จริงๆ ไม่น่าถึง(น่าจะมีผลักกองหลังด้วย) โหม่งเข้าไปได้ 2-1

_______ นาที 56 สเตอริดจ์ได้ลงแทนคูตินโย่ น่า่จะเป็นเพราะคูตี้ยังฟิตไม่เต็มร้อย

_______ ลิเวอร์พูลเปิดหน้าแลก ดันขึ้นมาสูงทิ้งเฮนโด้ไว้แนวเดียวกับคู่เซ็นเตอร์ยืนเป็นแผงกันแถววงกลม นอกนั้นดันขึ้นหน้าหมด เกมตรงกลางต่อไม่ได้ชิ่งไม่ออก แต่ก็ใช้พื้นที่ริมเส้นเข้าโจมตีสลับกับการเก็บบอลสองเปิดย้อนเข้าไป กดดันสวอนซีที่เริ่มเสียสมาธิหลังเสียประตูแรกได้พอสมควร

_______ นาที 69 จังหวะเปิดบอลยาวขึ้นไปทางซ้าย ไวนัลดุมเอาบอลลงอย่างสวยหนีตัวที่เข้ามาไล่ได้ด้วย ก่อนเปิดโด่งย้อยๆ เข้ากลางให้เฟอมิโน่กระโดดพักอกแล้วยิงเร็ว ตีเสมอให้ทีมได้ 2-2 และโอริกิได้ลงแทนเมสซี่ที่เล่นไม่ค่อยออกทันที

_______ หลังจากตีเสมอได้ ลิเวอร์พูลออกบอลช้าลงเริ่มหันมาต่อบอลมากขึ้น ส่วนสวอนซียังดูช็อคๆ อยู่ครองเกมได้ไม่ดีเท่าเดิม แต่แล้วจากการบุกขึ้นได้เพียงชุดแรก กองหลังลิเวอร์พูลก็ยืนหลังบอลกันหมดแล้ว แต่จังหวะไม่มีใครเข้าบอลทำให้สวอนซีพาบอลหลุดเข้ามาถึงหน้ากรอบ คลาวานทิ้งตัวสกัดบอลทะลัก แต่บอลเจ้ากรรมดันเด้งไปเข้าทางซิกูสันได้ยิงซ้ำ 3-2 น้ำตานองละทีนี้

_______ เวลาที่เหลืออยู่ ลิเวอร์พูลคุมสมาธิให้ใจเย็นไม่ได้ ออกบอลยาวเร่งบอลเร็วอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีคนขวางเมื่อไหร่เป็นโยนเข้ากรอบ บอลสั้นบอลชิ่งไม่ค่อยเล่นและเล่นได้ลำบากด้วยเพราะแนวรับสวอนซียืนกันแน่นหน้ากรอบ โอกาสได้ลุ้นส่วนใหญ่คือการเปิดบอลเข้ามาแล้วกองหลังสกัดไม่ขาด ลิเวอร์พูลมีโอกาสดีสุดจากลัลลาน่าที่ได้โหม่งซ้ำระยะแค่ 7-8 หลาแต่หลุดข้ามคาน

_______ ลูกฟุตบอลยังโบยบินเป็นนกอยู่ตลอด หญ้าเญ่อไม่ค่อยได้สัมผัส ลิเวอร์พูลบุกแบบลุ้นเอาดาบหน้า ไม่ได้เน้นไม่ได้ดีไซน์วิธีบุกเท่าไหร่แล้ว แถมเข้าบอลไม่ระวังเสียฟาล์วอยู่บ่อย นาที 94 มาติปได้ลงมาแทนไวนัลดุมยืนอยู่ข้างหน้าอีกคน แต่สุดท้ายความพยายามแทบทั้งหมดของลิเวอร์พูลก็ลอยไปเข้ามือฟาเบียงสกี้หมด จบเกมสวอนซีบุกมาชนะได้ที่แอนฟิลด์ 3-2

-----------------------------------------

_______ รูปเกมดูไม่ดีนัก คือบุกอย่างลนลานจนไม่ได้ใช้จุดเด่นในเรื่องการประสานงานเท่าไหร่เลย

_______ จริงๆ แล้วเกมรับลิเวอร์พูลโดยรวมไม่ได้เล่นแย่ แต่จังหวะที่เสียประตูทั้งสามลูกมันเกิดจากการเสียสมาธิมากกว่า โดยเฉพาะลูกสองลูกสามนี่ชัด ถ้าใจอยู่กับเกมรับน่าจะปิดช่องได้ดีกว่านี้ แต่นี่เหมือนชะงักและไม่ได้อ่านเกมรับอย่างที่ควร แล้วสวอนซีดันจบได้พอดี

_______ สิ่งที่สวอนซีทำได้ดีมากๆ ในเกมนี้คือการปิดเกมของลิเวอร์พูล ไม่ใช่แค่รับเหนียวแน่น แต่วิธีรับของพวกเขาทำให้ลิเวอร์พูลเจาะตรงกลางไม่ได้ ต้องไปโยนจากด้านข้างเอา ในขณะที่สวอนซียังกล้าต่อบอลเก็บบอลจนลิเวอร์พูลบุกไม่ค่อยต่อเนื่องด้วย

_______ ลิเวอร์พูลทำได้ดีในเรื่องของความพยายามที่โดน 2-0 ไปแล้วยังบุกจนตีเสมอได้ และกับการเข้าทำที่ไม่ถนัดนัก พวกเขายังอุตส่าห์ทำได้ถึงสองลูก อันนี้ต้องชมจากใจ

_______ แต่ที่ไม่ดีเลยในเกมนี้คือลิเวอร์พูลไม่สามารถเล่นในเกมของตัวเองได้เลย ไม่ได้เลย เกมชิ่งวิ่งช่องเจาะแนวรับหายไปหมด และเวลาส่วนใหญ่ลนจนเปิดบอลพลาดไปเอง ยิ่งช่วงบอมบ์ท้ายเกมนนี่ดูไม่จืด การทิ้งแนวทางการเล่นของตัวเองดูเลวร้ายยิ่งกว่าความพ่ายแพ้เสียอีก

_______ ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะกลับไปตั้งสติ เรียกเกมของตัวเองกลับมาให้ได้โดยไว เพราะถึงที่สุดแล้วถ้าต้องไปแย่งที่สี่กับอาเซนอลจริงๆ นี่มันนรกชัดๆ แย่งแชมป์ลีคยังง่ายกว่าแย่งที่สี่จากอาเซนอลนะผมว่า

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นเกือบดี

มินโยเล่ -  ไม่มีซูเปอร์เซฟแต่ฟอร์มส่วนตัวใช้ได้ สามลูกที่โดนนี่มันยากเกินจริงๆ

มิลเนอร์ - ขึ้นมาช่วยต่อบอลได้ดี เปิดบอลเข้ากลางกดดันได้ประมาณนึง หนึ่งในนั้นเป็นแอสซิสด้วย แต่วันนี้มิลเนอร์ลอยสูงมากและลงไปปิดพื้นที่ไม่ค่อยทัน งานเข้าคลาวานหลายครั้ง

คลาวาน - ชิงเหลี่ยมกับยอเรนเต้แล้วเสียเปรียบหลายครั้ง โชคดีมากๆ ที่ไม่โดนใบเหลืองที่สอง อันที่จริงผมคิดว่าเขาเล่นไม่ได้แย่ แต่การที่ต้องเป็นตัวสุดท้ายดวลกับคู่ต่อสู้จังหวะจะโต้อยู่แถวกลางสนาม  มันเป็นโจทย์ยากเกินไปสำหรับเซ็นเตอร์ที่ไม่ได้เด่นเรื่องความเร็วอยู่แล้ว

ลอฟเรน - ผมคิดว่าเขาพลาดในจังหวะเสียประตูทั้งลูก 2-3 ไม่ใช่พลาดที่สกัดไม่ได้ แต่ตำแหน่งที่เขายืนมันผิดไม่รู้ไปดักอะไรตรงนั้น แต่วันนี้การผ่า่นบอลของเขาทำได้ดี ดันขึ้นมาช่วยต่อบอลในแดนหน้าได้มากด้วย ไม่ต้องพึ่งเฮนโด้คนเดียว

ไคลน์ - คู่ต่อสู้เปิดพื้นที่ด้านข้างไว้ให้และไคลน์เติมขึ้นไปรับบอลได้ดีตลอด แต่จังหวะหลังจากครองบอลแล้วเขาช่วยอะไรเกมรุกไม่ได้เลย โอเคเราไม่ได้หวังให้เขาโซโล่เดี่ยวเข้าไปซัดแบบอัลเวส หรือโยนเข้าหัวแบบเบห์น แต่อย่างน้อยก็ควรทำอะไรได้มากกว่าเคาะบอลคืนหลัง

ชาน - ช่วยทำเกมรุกได้น้อยเกินไปทั้งๆ ที่พอมีเวลาตอนได้บอล แต่กับการเชื่อมเกมและดักบอลไม่ให้คู่ต่อสู้เปิดเขาทำได้ดี

ไวนัลดุม - นี่ก็หายไปเลยจากเกม ครั้งเดียวที่เขาโผล่มามีส่วนร่วมกับเกมรุกเป็นชิ้นเป็นอันคือจังหวะเปิดให้เฟอมิโน่โหม่งได้ประตู นึกภาพดูว่าคู่กองกลางด้านใน (ชาน-ดุม) สร้างเกมรุกไม่ออกเลยมันจะเป็นยังไง...ก็ยังนี้นี่แหล่ะ

เฮนเดอร์สัน -  เชื่อมเกมกระท่อนกระแท่น คือมีลูกวางยาวไปที่ว่างที่ดีสุดในทีม บอลสั้นก็ยังลื่นอยู่ แต่วันนี้ออกบอลพลาดเยอะกว่าที่ควร ด้วยความที่อยากจะเร่งเกม

คูตินโย่ -  สภาพความฟิตยังมีปัญหาเล่นได้แค่ชั่วโมงนึง ไม่ค่อยพาบอลไปเองแต่ยังมีบอลเกมรุกที่ดูดีกว่าชาน-ดุม พอคูตี้ออกไปทีมเหลือแต่ลูกโยนสาดจากข้าง

ลัลลาน่า - วิ่งไล่วิ่งรับบอลได้ดีอยู่ แต่บอลมาไม่ค่อยถึง เพราะส่วนใหญ่บอลไปเล่นด้านข้างด้วยแบ็คหมด ขาดคนประสานงานตรงกลางและตัวเขาเองก็ไม่สามารถเจาะพื้นที่แคบๆ แถวหน้าเขตโทษได้ด้วย

เฟอมิโน่ - ได้เล่นในตำแหน่งถนัดผลงานส่วนตัวจัดว่าดี แม้จะเปิดบอลเข้าทำหรือพาบอลเลี้ยงเอาชนะแนวรับไม่ได้ แต่วิ่งไปรับบอลด้านข้างได้ตลอด รวมถึงวิ่งสอดรับบอลเปิดเข้าเขตโทษก็ถือว่าถึงบอลหลายครั้ง ยิงได้สองลูกอีกต่างหาก

ตัวสำรอง

สเตอริดจ์ - ให้ตายเถอะริดจ์ พี่คิดว่าเล่นสิบคน

โอริกิ - โอ้แม่เจ้า พี่นึกว่าเล่นเก้าคน

มาติป - ลงมายืนข้างหน้า มองบอลลอยข้ามหัวไปข้ามหัวมา

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โรแบร์โต้ เฟอมิโน่… ทำได้สองลูก ดูดีกว่าเพื่อนแล้ว
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)



เสียดายโอกาส ไม่เสียดายคะแนน
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-----------------เฟอมิโน่------------------
--------โอริกิ------------ลัลลาน่า--------
--------ไวนัลดุม------------ชาน----------
----------------เฮนเดอร์สัน---------------
มิลเนอร์--คลาวาน--ลอฟเรน---อาโนลด์
-----------------มินโยเล่-------------------

_______ เกมแดงเดือดนัดสองที่โอลด์แทรฟอร์ด นัดนี้แบ็คขวาแหกโผอาโนลด์ได้ลงตัวจริงแทนไคลน์(ที่คงเจ็บ) นอกนั้นก็ยังเป็นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เกมครึ่งแรกสู้กันที่กลางสนามอย่างดุเดือด ไม่มีฝ่ายไหนได้ครองบอลบุกยาวๆ และไปไม่ถึงกรอบสักเท่าไหร่ ไล่บอลกันเร็วแล้วเข้าเป็นเข้าไม่มียืนดู หนักไปทางลุ้นจากจังหวะเล่นบอลฉาบฉวยและพอได้ลุ้นทั้งคู่

_______ นาที 26 แมนฯยูนมาพลาดเสียจุดโทษ จากจังหวะเตะมุมแล้วป๊อกบากระโดดโหม่งพลาดเสียแฮนด์บอล มิลเนอร์รับหน้าที่ยิงไม่พลาด 1-0

_______ นาที 33 ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ ซลาตันยิงกดเรียดเต็มแรงมินโยเล่ต์ล้มตัวเซฟได้ นาที 41 มคิตายานได้หลุดเดี่ยวก็โดนมินโยเล่ต์เซฟได้อีกด้วยความช่วยเหลือของมิลเนอร์ที่เข้ามาช่วยบีบมุมด้วย

_______ แมนฯยูบุกทางริมเส้นได้ค่อนข้างดีแต่แบ็คยังไม่ขึ้นเลยยังเปิดลำบาก จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง แมนฯยูฯส่งรูนี่ย์ลงมาแทนคาริคแล้วเปิดหน้าบุกใส่เต็มอัตราศึก ดันสูง แบ็คลอย เร่งเกมเร็ว ส่วนลิเวอร์พูลรับมากขึ้นเน้นโต้แต่ดันโต้ไม่ค่อยขึ้น เป็นแมนฯยูฯที่โดนกดดันเปิดบอลได้เรื่อยๆ โดนเฉพาะทางฝั่งมิลเนอร์

_______ นาที 60 คูตินโย่ได้ลงแทนโอริกิ ลิเวอร์พูลมีจังหวะเก็บบอลโต้ขึ้นไปถึงเขตโทษแมนฯยูฯได้ดีขึ้น สร้างโอกาสได้ด้วยแต่ดันปิดไม่ลง

_______ นาที 65 มาต้าได้ลงมาแทนมาชิอัล จนเข้า 15 นาทีท้ายแมนฯยูฯ ส่งเฟอไลนี่ลงมาแล้วหันมาโยนยาวตรงมาหน้าเขตโทษแล้วได้ผล บอลมาข้างหน้าเร็วมาก ประกอบเกมริมเส้นโดยเฉพาะฝั่งมิลเนอร์ วาเลนเซียเติมขึ้นมาเปิดบอลได้บ่อย บอลมาป้วนเปี้ยนหน้ากรอบเขตโทษลิเวอร์พูลบ่อยมาก ลิเวอร์พูลโต้ไม่ค่อยขึ้นในแง่ปริมาณ แต่ในแง่คุณภาพ ก็ยังหาจังหวะพาบอลเข้าไปจนได้จบสกอร์ในเขตโทษอยู่บ้างเหมือนกัน

_______ ...แต่หลุดกรอบ ติดเซฟ ติดบล็อค

_______ จนกระทั่งนาที 84 จากจังหวะเปิดจากริมเส้นของวาเลนเซีย ที่จริงๆ แล้วล้ำหน้าอยู่ก่อน บอลเปิดกลับเข้ามาเข้าหัวเฟอไลนี่โหม่งไปชนเสา แล้วก็เป็นวานเลนเซียตามเข้ามาเก็บบอลที่เกือบหลุดเส้นหลัง จ่ายยัดให้ซลาตันย่อตัวโหม่งเสยคานเข้าไป ตีเสมอ 1-1

_______ เวลาที่เหลือก็ยังเป็นแมนฯยูฯที่กดดันได้น่ากลัว ในขณะที่ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ยิงในเขตโทษแบบน่าได้ของไวนัลดุมแต่ยิงคืนโกลมันซะงั้น จบเกมด้วยผลเสมอ 1-1 แบบเสียดายที่ไม่ชนะกันทั้งสองฝ่าย

-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกเป็นเกมคุณภาพของทั้งสองทีม แต่ครึ่งหลังเป็นอีกเรื่อง

_______ จุดเปลี่ยนของเกมมันอยู่ต้นครึ่งหลังมูรินโย่เปลี่ยนทีมมาเล่นเกมรุกเต็มตัวนี่ล่ะ รูนี่ย์แทนคาริคแถมด้วยแบ็คเติมสูงทำให้เกมแมนฯยูฯดุขึ้นมากๆ ในขณะที่ในจังหวะเกมคู่ต่อสู้เปิดหน้าแลกแบบนี้ ลิเวอร์พูลเคยเปิดหน้าสู้ด้วยแต่วันนี้ไม่ ทำให้ครึ่งหลังเกมแมนฯยูฯดีกว่าชัดเจน

_______ ส่วนทางคล็อป การเปลี่ยนคูตินโย่ลงเป็นการตัดสินใจที่ทุกคนเดาได้อยู่แล้ว การเลือกโอริกิออกก็แน่นอนว่าคล็อปซื้อการประสานงานของดูโอ้บราซิล มากกว่าการเก็บบอลของโอริกิ ถามว่าพลาดมั้ย? ก็คงไม่ใช่เพราะคูตี้เฟอมิโน่ประสานงานจนได้หลุดเข้าไปยิงเหน่งๆ รอบนึง และหลังจากนั้นถึงจะโต้ได้น้อยแต่มันมีครั้งน่าได้ประตูมากกว่าที่แมนฯยูฯบุกแทบตายเสียอีก

_______ แปลกใจอยู่หน่อยก็ตรงที่ท้ายๆ เกมสักห้านาทีสิบนาที ทำไมคล็อปไม่ลองส่งสเตอริดจ์ลงมาลุ้นดูหว่า ลูกพลิกแพลงและความเด็ดขาดของสเตอริดจ์ต่อให้ไม่มีส่วนกับเกมเลยก็ยังทำให้ได้ลุ้นอยู่นะ

_______ จังหวะเสียประตู มันน่าเสียดายที่จริงๆ วาเลนเซียล้ำหน้า แต่จังหวะก่อนหน้านั้นแมนฯยูฯไม่ล้ำหน้าแล้วได้ยิงในกรอบด้วย ผู้กำกับเส้นก็จับล้ำหน้าซะงั้น เพราะงั้นไอ้เจ้าผู้กำกับเส้นคนนี้พลาดได้สม่ำเสมอมาก 555+

_______ แม้จะเสียดายกับโอกาสจบสกอร์ที่ยิงให้เข้าสักดอกสิโว้ยยยยย...แต่ไม่ได้ แลกมากับเกมรับที่ฟอร์มระเบิดกระฉูดกันหลายคน จนโดนแค่ลูกเดียว ...ด้วยฟอร์มปกติของกองหลังเราเนี่ย ถ้าโดนกดขนาดนี้มีโดนแซงไปแล้ว ดังนั้นเฉลี่ยๆ รวมๆ จบเสมอก็...เอานะ

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้

มินโยเล่ -  ฟอร์มเปล่งปลั่งปิ๊งปั๊งเป็นดาวประกายพฤกษ์ยามฟ้าเปิด ตำแหน่งดี มือเหนียวไม่กระฉอก ตัดบอลโด่งได้ขาดไม่ว่าจะรับเข้ามือหรือชก ซวยละเมิ๊งงงง พ่อหนุ่มเยอรมัน

มิลเนอร์ - ยิงจุดโทษได้เฉียบขาดเหมือนเดิม เชื่อมเกมวันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ไม่ค่อยพลาดแต่ไม่ค่อยขึ้นหน้า ส่วนเกมรับพอเจอแบ็คเติมขึ้นมาช่วยปีกมิลเนอร์มีปัญหาเยอะมาก คือเจ้าตัวไม่ได้เล่นแย่(เรียกดีได้เลยล่ะ) แต่เพื่อนแทบไม่ช่วยเลย ไม่เหมือนอาโนลด์ที่มีคนช่วยเพียบ

คลาวาน - สกัดบอลที่เปิดเข้ากรอบได้ดี ดักเล่นก่อนถึงกองหน้าก็หลายครั้ง เป็นวันที่ผลงานส่วนตัวเล่นได้เนี๊ยบ

ลอฟเรน - เป็นอีกคนที่ฟอร์มกระฉูดมาก ประกบซลาตันได้ดีเกินคาด ซ้อนอาโนลด์ช่วยทีมไว้ได้หลายครั้ง เสียฟาล์วน้อย สกัดบอลเด็ดขาด

อาโนลด์ - มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยเป็นระยะ ครั้งที่หนักหนาจริงๆ มีหนเดียว แต่ทั้งหมดนั้นได้เพื่อนช่วยซ้อนไว้ได้หมด จังหวะเล่นรวมๆ ไม่ลนลานและไม่ได้เป็นบ่อ ส่วนเรื่องเชื่อมเกมก็ช่างน้องเค้าเถอะ

ชาน - เล่นเกมรับได้ดีในแง่การวิ่งปิดช่องและเก็บบอลหน้ากรอบ แต่มีปัญหากับการเชื่อมเกมที่หาที่รับบอลได้น้อย ยิ่งเกมรุกที่ควรเติมขึ้นไปบ้างแทบไม่ขึ้นเลยทำให้เกมรุกหรือเกมโต้ของทีมมีตัวเลือกน้อย

ไวนัลดุม - เล่นเกมรับได้ดีเช่นเดียวกับชาน ด้อยกว่าหน่อยตรงเรื่องเข้าไปปะทะแย่งบอลที่หลวมไปนิด แต่ดีกว่าชานมากๆ ตรงเรื่องการวิ่งสอดขึ้นไปเล่นเกมรุก มีโอกาสได้ยิงหลายหนด้วย แต่ยิงแต่ละที….

เฮนเดอร์สัน -  ช่วยเกมรับได้ดี ปิดเกมหน้าเขตโทษตรงกลางได้ แต่จังหวะจะเปิดบอลขึ้นหน้าโดนไล่จนออกบอลไม่สะดวก หนักไปทางได้แค่เปิดบอลหนีตัวไล่

โอริกิ -  เก็บบอลดี เรียกฟาล์วได้ หาโอกาสยิงเองแทบไม่ได้เลยแต่มีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะ

ลัลลาน่า - เป็นผึ้งงานตัวสำคัญ เกมรับลงไปช่วยอาโนลด์ก็เยอะ ตรงกลางก็ช่วยไล่ ในขณะที่เกมรุกก็เป็นคนวิ่งทำทางรับบอลได้เยอะ แต่นั่นก็ทำให้เขาอยู่ไกลจากกรอบเกินไปจนไม่ค่อยได้เล่นเกมรุกมากเท่าที่ควร

เฟอมิโน่ - เล่นได้เป็นธรรมชาติขึ้น ได้บอลพอควร หาโอกาสได้ประมาณนึง แต่ลูกเด็ดขาดไม่ว่าจะจ่ายหรือยิงไม่มี

ตัวสำรอง

คูตินโย่ - ยังไม่ฟิตเต็มที่ ไม่ค่อยกล้าไปเองสักเท่าไหร่ แต่ออกบอลน่ากลัวอยู่หลายครั้ง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เดยัน ลอฟเรน… นัดนี้ไม่มินโยเล่ก็ลอฟเรนนี่ล่ะครับ แต่เลือกลอฟเรนเพราะโจทย์ยากกว่ามินโยเล่
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.