วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 5-1 ฮัลล์ (พรีเมียร์ลีค)


เสือร้องไห้!
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-------------------เฟอมิโน่------------------
-------คูตินโย่----------------มาเน่---------
-------ไวนัลดุม-----------ลัลลาน่า----------
------------------เฮนเดอร์สัน----------------
มิลเนอร์----คลาวาน------มาติป-----ไคลน์

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับฮัลล์ นัดนี้คล็อปตัวเลือกเพียบ ตัดสินใจใช้ 11 คนแรกตามผังที่เห็นด้านบน
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลก็จับฮัลล์ขึงพืดอยู่แค่ครึ่งสนาม ตัดบอลมาครองได้ตลอด แบ็คสองฝั่งถ่างไปรับบอลสูง คูตินโย่กับลัลลาน่าหุบเข้าไปช่วยต่อบอลตรงกลาง บุกใส่บุกเอาเจาะเข้าเขตโทษได้เป็นระยะ ได้ยิงแล้วด้วย จนกระทั่งทำประตูแรกได้ในนาที 17 จากจังหวะขึ้นทางซ้ายของมิลเนอร์ จ่ายเรียดให้คูตินโย่ดึงจังหวะก่อนจ่ายยัดเข้าไปแถวจุดโทษให้ลัลลาน่าที่วิ่งตามช่องมาจับหนึ่งทีก่อนยิงหักข้อ 1-0

_______ พอสกอร์ขยับ ฮัลล์ฮึดฮัดทำท่าจะสู้ ต่อบอลมากขึ้น แต่บอลแทบไม่เคยเลยวงกลมสนามมาได้เลย ยังคงเป็นลิเวอร์พูลที่ได้บอลน้อยลงเป็นฝ่ายเจาะเข้าเขตโทษได้มากกว่า

_______ นาที 29 จากจังหวะโต้เร็วตรงกลางสนาม มาเน่ได้หลุดไปถึงในเขตโทษก่อนหักเข้ากลางให้คูตินโย่หวดเต็มข้อ เอลโมฮามาดี้เซฟด้วยมือข้างเดียวอย่างงดงาม ติดแค่ว่าน้องแกเป็นกองหลังไม่ใช่โกลล์ เลยเสียจุดโทษแถมโดนแดงไปด้วย มิลเนอร์ยิงไม่พลาด 2-0

_______ นำห่างแถมคู่ต่อสู้เหลือสิบคน ผลลัพธ์เกมนี้แทบไม่ต้องลุ้นอะไรแล้ว ลิเวอร์พูลได้ขึงเกมต่อ ครองบอลฝ่ายเดียว บอลถึงหน้าเขตโทษตลอดสลับเจาะเข้าเขตโทษเป็นระยะ นาที 36 มิลเนอร์จ่ายหักให้ลัลลาน่าพลิกบอลแล้วยัดใส่มาเน่ตรงแถวหน้าเขตโทษ มาเน่หมุนตัวยิง 3-0 ประตูนี้ลอกข้อสอบลูกแรกมาเลย แค่เปลี่ยนตัวละครเท่านั้นเอง จบครึ่งแรกทีสกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง เกมเหมือนเดิมเป๊ะ ลิเวอร์พูลยังคงเดินหน้าบุกไม่ได้เคาะบอลชะลอเกม แต่มาพลาดเสียจุดโทษ เอ้ย เสียลูกเตะมุม ฮัลล์โยนโด่งเข้ามากองหลังสกัดไม่ขาดโดนซ้ำในเขตโทษ 3-1

_______ แต่ก็เท่านั้น นาทีถัดมาหลังจากเขี่ยบอลได้ไม่นาน คูตินโย่รับบอลแถวกลางแดนฮัลล์ แต่งมาหน้าเขตโทษก่อนยิงเต็มข้อเข้าเสาสองไปเรียบร้อย ยิงมายิงกลับไม่โกง 4-1

_______ ฮัลล์คงอยากกลับบ้านเต็มแก่ ยังดีว่าไม่มีเล่นนอกเกม ส่วนลิเวอร์พูลก็เติมกันขึ้นมาเล่นเกมรุกสนุกสนาน ครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว นาที 68 สเตอริดจ์ได้ลงแทนลัลลาน่า และแค่สองนาทีถัดมาสเตอริดจ์ก็เรียกจุดโทษได้ มิลเนอร์คนเดิมเพิ่มเติมคือซัดจุดโทษเข้าอีกรอบ ส่งให้ทีมนำห่าง 5-1

_______ เกมยังไม่มีอะไรเปลี่ยน แถมลิเวอร์พูลยังวิ่งไล่ใส่เสือสิบคนอย่างต่อเนื่องจนฟุตบอลในสนามร่ำๆ จะกลายเป็นโศกนาฎกรรมเสือลำบากเข้าให้ทุกที นาที 74 ชานกับกรูยิชได้ลงแทนเฮนเดอร์สันกับคูตินโย่ เวลาที่เหลืออยู่ ลิเวอร์พูลทำประตูเพิ่มไม่ได้ทั้งๆ ที่ก็เจาะเข้าเขตโทษสลับได้ลูกเตะมุมอยู่เรื่อยๆ ส่วนพี่เสือแกไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว จบเกมไปที่สกอร์ 5-1
-----------------------------------------

_______ เป็นเกม “ม้วนเดียวจบ” รูปเกมในฝันที่ทุกคนอย่างเห็น

_______ ลิเวอร์พูลทำดีมากกับการวิ่ง นัดนี้แนวรับฮัลล์วิ่งตามตัววิ่งช่องไม่ทันเลย ส่วนการต่อบอลแม้จะไม่ค่อยเสียบอลในพื้นอันตรายอย่างใน-หน้าเขตโทษ แต่ต่อกันข้ามแดนก็ไม่ได้ ฮัลล์มีจังหวะอันตรายจริงๆ แค่สองครั้ง ซึ่งไม่ใช่การทำเกมของตัวเองเลยสักครั้ง ครั้งแรกในครึ่งแรกคือคลาวานจ่ายบอลโดนปั้ม ฮัลล์เลย(เกือบ)ฉกไปเปิดได้ ส่วนครั้งที่สองที่ได้เตะมุมและได้ประตู คือการสาดยาวแบบไร้อนาคตแต่มิลเนอร์แกเอาบอลลงพลาดลูกหลุดออกหลังไปเอง

_______ แม้ว่าจุดเปลี่ยนสำคัญจะอยู่ที่เอลโมฮามาดี้สวมวิญญาณผู้รักษาประตูจนโดนใบแดง+เสียประตูที่สอง แต่ถึงแม้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าฮัลล์จะสู้ยังไงเพราะก่อนหน้านั้นก็โดนกดมิดไมล์อยู่แล้ว

_______ เป็นวันที่เล่นกันบรรเทิงมากครับ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดีมาก

คาริอุส - ชั้นมาทำอะไรที่นี่?

มินโยเล่(ไม่ได้ลง) - อยากให้เธออยู่ตรงนี้….

โม...(ที่นั่งดูมิลเนอร์เล่น) - ฉิบหายแล้วกู….

มาติป - ช่วยลูกกลางอากาศได้ดีมาก ลูกสาดเพ้อเจ้อจากแนวหลังของฮัลล์โดนมาติปเก็บกินหมด

ลอฟเรน(ที่นั่งดูคลาวานเล่น) - นายคิดแบบที่ชั้นคิดมั้ย B1

ซาโก้(ที่นั่งดูคลาวานเล่น) - ชั้นก็คิดแบบนั้นแหล่ะ B2

ไคลน์ -  พอไปเทียบกับคนอื่นที่ฟอร์มพุ่งขึ้นมาพร้อมกัน กลายเป็นว่าไคลน์ฟอร์มสู้คนอื่นไม่ได้ซะงั้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้เล่นแย่ลง เชื่อมเกมดีแต่ไม่มีลูกเด็ดขาด ประกบพลาดหนเดียวตอนเสียประตู

เฮนเดอร์สัน - อ่านเกมดี เก็บบอลสองกับเข้าปะทะใส่ตัวเก็บบอลเปลี่ยนรับเป็นรุกของฮัลล์ได้ดีมาก พอตัวเยอะกว่ายิ่งเล่นง่ายหนักเข้าให้อีก

ไวนัลดุม - วิ่งรับบอลได้ดี เชื่อมเกมกับเพื่อนได้ลื่นไหล นัดนี้ไม่ปล่อยให้เฮนโด้วิ่งหอบแดร๊กคนเดียวด้วย ช่วยขยับไล่ขยับอัดบ่อยอยู่

ลัลลาน่า - วิ่งไล่บอลและเชื่อมเกมไม่หยุดตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม อ่านจะลากผ่านแนวรับไม่ได้ ลูกจ่ายคิลเลอร์พาสก็ไม่มี แต่วิ่งจนได้ดีมีส่วนกับประตู ยิงเบิกร่องได้ด้วย

เฟอมิโน่ - ขยับหาที่รับบอลได้ดี คือไม่ได้ยืนค้ำเป็นหน้าเป้า พร้อมจะขยับไปรับบอล และไม่เน้นจะต้องเล่นเองหรือยิงเอง แค่ถ่างให้แนวรับมีช่อง ซึ่งทำได้ตามแผน

มาเน่ - ได้บอลน้อยลงไปบ้างเพราะวันนี้ทุกคนขยับรับบอลเล่นได้หมด กดดันคู่ต่อสู้ได้ดี ลูกเปิดหักเข้าในทำได้ดีหลายครั้ง โดนเบียดโดนแซะไม่ค่อยล้ม

คูตินโย่ - เลิกบ้ายิงก็กลายเป็นอาวุธหลักของทีมได้เสมอ ลูกแรกนั่นถ้าเป็นบางวันพี่แกยิงเองไปแล้ว ฮัลล์ก็คงคิดงั้นเพราะวิ่งมาบังทางกันหมด พอจ่ายให้ลัลลาน่ากองหลังเลยถลำยกแผงไปเรียบร้อย ตลกร้ายคือวันนี้ยิงไกลแค่ไม่กี่ครั้งได้ประตูด้วย

ตัวสำรอง

สเตอริดจ์ - เล่นคนละสไตล์กับเฟอมิโน่ชัดเจน พื้นที่ไม่มีให้เล่น สไตล์วิ่งช่องเน้นเข้าทำเองแบบสเตอริดจ์ก็ลำบากหน่อย แต่อย่างน้อยก็เรียกจุดโทษให้กับทีมได้และขยับตามช่องอยู่ตลอด

ชาน - now loading….

กรูยิช - ไม่ได้โชว์อะไร

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เจมส์ มิลเนอร์…ยิงสองจุดโทษ เป็นคนเริ่มจังหวะที่ได้ประตูแรกและประตูที่สามอีก ขึ้นไปรับบอลเชื่อมเกมได้ตลอด คือดี คือลืมไปเลยว่าเคยมีโม...โมๆ อะไรนะ นึกชื่อไม่ออก
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 4-1 เลสเตอร์ (พรีเมียร์ลีค)


Thanks for the party!
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-------------------สเตอริดจ์------------------
-------เฟอมิโน่----------------มาเน่---------
-------ไวนัลดุม-----------ลัลลาน่า----------
------------------เฮนเดอร์สัน----------------
มิลเนอร์-----ลูคัส-------มาติป-------ไคลน์
--------------------มินโยเล่------------------

_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในแอนฟิลด์(สักที) หลังจากปรับปรุงสนามเสร็จ นัดนี้ไม่มีลอฟเรน คาริอุสที่มีอาการบาดเจ็บ, คูตินโย่ก็เพิ่งเดินทางไกลเลยเป็นได้แค่สำรอง และแผนการเล่นมีปรับเล็กน้อยตามผังด้านบน
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาทั้งสองฝั่งเล่นเร็วใส่กันทันที ลิเวอร์พูลยืนคุมพื้นที่สูงแต่ไม่ได้ไล่มากนัก ส่วนเลสเตอร์ไล่ตั้งแต่เขตโทษเลย ลิเวอร์พูลได้บอลเยอะกว่าเกมขึ้นทางริมเส้นได้แต่ขึ้นได้ไม่ค่อยเร็วนักเพราะต้องคอยหนีตัวไล่ ส่วนเลสเตอร์ถ้าไล่บนแล้วไม่ได้พวกถอยไปยืนรับต่ำหน้า-ในเขตโทษเลย

_______ นาที 13 ลิเวอร์พูลขึ้นนำได้สำเร็จจากการทำเกมเร็วขึ้นทางฝั่งซ้ายที่มิลเนอร์วิ่งขึ้นไปรับบอลสูงก่อนจ่ายทะลุตามช่องเข้ากลาง กองหลังโดนสเตอริดจ์วิ่งดึงไปทำให้เฟอมิโน่ทีสอดมารับบอลได้โอกาสแตะหลบหนึ่งจังหวะก่อนยิงย้อนทางไปเสาแรก 1-0

_______ พอสกอร์ขยับก็เริ่มเห็นแผลของเลสเตอร์ทันที นัดนี้พวกเขาวิ่งตามตัววิ่งทำทางได้ไม่ดีเลย และพื้นที่หน้าเขตโทษปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้ครองบอลเล่นง่ายเกินไป เกมรุกเร็วที่เคยทำได้วันนี้ไปไม่ถึงเขตโทษ ทำได้แค่เอาบอลไปโยนจากริมเส้นซึ่งถ้าไม่ติดบล็อคก็โดนตัดได้ก่อนถึงตัวชาร์จ ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายได้บุกเข้าไปกดดันได้ลุ้นยิงในเขตโทษอยู่หลายครั้ง

_______ นาที 31 ลิเวอร์พูลบวกเพิ่มจนได้จากจังหวะที่เลสเตอร์ดันสูง สเตอริดจ์ได้วิ่งหลุดไปเอาบอลก่อนตอกสั้นให้มาเน่ที่วิ่งตามมาชิพข้ามตัวชไมเคิลเข้าไป 2-0 จังหวะนี้กองหลังตัวสุดท้ายของเลสเตอร์ยืนห้อยต่ำมากเลยทำให้สเตอริดจ์ไม่ล้ำ แถมยังวิ่งตามไปปิดทางเล่นสเตอริดจ์ไม่ดีอีกต่างหาก

_______ ยิ่งเล่นเกมยิ่งเป็นของลิเวอร์พูล แม้ว่าเลสเตอร์จะพยายามบุกแต่บอลเข้าทำหาได้มีสาระอันใดไม่ นาที 38 ลูคัสทนไม่ไหวเลยต้องโชว์ให้ดูว่าจ่ายใส่พานเข้าทำกันแบบนี้ ด้วยการจับบอลด้วยเท้าขวาแต่บอลไปโดนเท้าซ้าย พอบอลลั่นไกลตัวก็จัดการจิ้มเข้ากลางหนีมินโยเล่ที่วิ่งเข้ามาหา ทั้งน้ำหนักและทิศทางบอลตรงเข้าหาวาร์ดี้ที่รออยู่หน้าประตูชาร์จโล่งๆ เข้าไปได้ไม่ยาก 2-1 และทำให้ช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งแรกเลสเตอร์มีฮึดมีแรงวิ่งได้มากขึ้นแต่ยังทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-1

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังครองเกมเหนือกว่า เน้นครองบอลมากขึ้นเล็กน้อย ทางด้านเลสเตอร์มีปัญหากับเกมรับแดนกลางมากจริงๆ วิ่งตามตัววิ่งสอดไม่ทันเลย แต่ยังดีว่าบอลจังหวะสองพวกเขายังเก็บได้ดีกว่าา เกมเป็นรองแต่ยังพอมีช่องสู้ได้บ้าง

_______ นาที 56 เลสเตอร์มาพลาดอีกครั้งเมื่อลิเวอร์พูลบุกเจาะตรงกลาง ไวนัลดุมวิ่งสอดมารับบอลในเขตโทษก่อนแปะให้ลัลลาน่าหวดไม่จับ 3-1

_______ พอสกอร์ขยับห่างอีกครั้งคราวนี้เลสเตอร์เปิดหน้าแลกเต็มตัว เน้นโยนโด่งเข้าเขตโทษจากด้านข้าง ได้ทุ่มได้เตะมุมก็จะบอลม์เข้าไปแถวๆ หน้าเส้นหกหลาท่าเดียว แม้จะโหม่งถึงบอลบ้างแต่ไม่ได้ทั้งน้ำหนักและทิศทาง ลิเวอร์พูลที่มีช่องให้เล่นเยอะขึ้นทำเกมเร็วโต้ได้น่าลุ้นประตูมากกว่ากันเยอะ

_______ นาที 76 คูตินโย่กับสจ๊วต ได้ลงมาแทนสเตอริดจ์กับไวนัลดุม ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลโต้ได้ถึงเขตโทษบ่อยครั้งขาดแค่จังหวะสุดท้ายที่ไม่คมพอ ส่วนเลสเตอร์ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ารอลุ้นลูกเตะมุมที่เปิดโด่งๆ เข้าไป

_______ นาที 90 ลิเวอร์พูลโต้เร็ว เฮนเดอร์สันเปิดบอลขึ้นหน้าให้มาเน่วิ่งถึงบอลก่อนชไมเคิลแถวกลางแดนเลสเตอร์ มาเน่แตะหลบได้ก่อนหาจังหวะข้ามฟากมาให้เฟอมิโน่แตะหลบกองหลังแล้วยิงใส่ปากประตูโล่งๆ เป็น 4-1 และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______ อ้อ นาที 90+2 โมเรโน่ได้ลงมาแทนมาเน่ด้วยนะ เข้าใจว่าเปลี่ยนออกให้แฟนบอลปรบมือให้มาเน่เสียมากกว่าา
-----------------------------------------

_______ เป็นเกมที่เล่นได้ดีกว่ามากครับ ถ้าสเตอริดจ์คมๆ นี่มีครึ่งโหลไปแล้วด้วยมั้ง

_______ ที่แปลกตาไปสักหน่อยคือเกมนี้ลิเวอร์พูลไล่บอลน้อยลงนะ (เทียบกับนัดก่อนๆ) แต่การทำทางนี่ทำได้ดีทุกคน ที่น่าประทับใจสุดเห็นจะเป็นสเตอริดจ์ที่ทั้งความเร็วความฟิตและช่องทางการวิ่งกลับมาเป็นคนเดิมที่เรารู้จักแล้ว ในขณะที่ไวนัลดุมกับลัลลาน่าพอทีมปรับแผนการเล่นเล็กน้อยดูจะหาที่หาทางเล่นกันได้ดีขึ้น ส่วนมาเน่ไม่ต้องพูดถึงแล้ว

_______ ทางด้านเลสเตอร์ ขาดกองเต้นี่ยิ่งกว่าขาดใจ เกมรับแดนกลางแย่มาก ช่องเพียบ แย่งบอลก็ช้า ยิ่งพอต้องเปิดเกมบุกเองนี่ยังไปกันใหญ่

_______ ทีมบุกมันส์ ยิงเยอะ แต่เครื่องหมายการค้าคือการเสียประตูง่ายนี่ก็ยังตามมาหลอกหลอนนะ อันนี้ต้องทำใจ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดี

มินโยเล่ - ดวลหมัดกับฮูทได้สนุก แม้จะเลือดกำเดาไหล, หางคิ้วแตก ชกบอลไม่ค่อยไปไหนแต่ก็ชกโดนบอลได้(เกือบทุกลูก)

มิลเนอร์ - เชื่อมเกมได้ดี มีแอสซิสต์ด้วย ส่วนเกมรับแม้จะปล่อยให้คู่ต่อสู้พาบอลมาถึงเกือบมุมธงได้บ่อยแต่บังทางเปิดบอลใช้ได้

ลูคัส - ทางบอลดีมาก ดักบอลเปิดเรียดที่เปิดเข้ามาได้หมดทุกลูก ออกไปวิ่งบีบคู่ต่อสู้ที่ฉีกไปรับบอลได้ถึงเนื้อถึงตัวและแซะบอลทิ้งได้หมด มีปัญหากับการดวลลูกโหม่งกับฮูทชนิดสู้กันไม่ได้ ส่วนเหตุการณ์ในนาที 38 นั้น….

มาติป - บอลมาไม่ค่อยถึง คือถ้าไม่โดนกองกลางตัดให้ก่อนก็ติดลูคัสก่อน ไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไร

ไคลน์ -  โดนกดดันน้อย คู่ต่อสู้ไปขึ้นอีกฝั่งมากกว่า วันนี้เชื่อมเกมสูงถึงหน้าเขตโทษคู่ต่อสู้เลยทีเดียว รับส่งต่อบอลได้โอเคอยู่ แต่ถ้าคิดการใหญ่เมื่อไหร่ ไม่ว่าจะจ่ายเข้าทำหรือลากเข้าไปเป็นพลาดทุกที

เฮนเดอร์สัน - โดนล้างสมองเป็นตัวรับไปเรียบร้อย อ่านเกมรับใช้ได้ ตำแหน่งมีหลุดๆ บ้างแต่วิ่งตามมาบังได้น่าพอใจอยู่ เข้าบอลได้ดีขึ้นมาก ส่วนการแปะ เอ้ย ผ่านบอลสั้นก็ทำได้ดี เรื่องบุกเรื่องพลิกบอลอะไรก็ให้คนอื่นเขาทำไป

ไวนัลดุม - ถ้าใครคิดว่าบอลอาแปะแบบเฮนโด้มันง่ายต้องดูไวนัลดุมเลย บอลสั้นสู้เฮนโด้ไม่ได้ มีช้ามีพลาดให้เห็นบ่อยกว่า แต่ที่เจ้าตัวทำได้ดีขึ้นมากคือการหาที่รับบอล, การประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ทำได้ทั้งวิ่งสอดขึ้นไปช่วยยิง วิ่งตามไปจัดแถวสอง วิ่งหาที่รับบอลจากเฮนโด้ ในขณะที่เกมรับแม้จะไม่ได้เน้นเล่นนัก แต่มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ก็แย่งบอลได้เหมือนกัน โหม่งตัดบอลยาวดี

ลัลลาน่า - วิ่งไล่ได้ดี พอเล่นในตำแหน่ง(และในแผน) ที่ไม่ได้คาดหวังให้เขาต้องสร้างสรรค์เกมรุกอะไรมากนักก็ดูจะเล่นเป็นประโยชน์ขึ้น ช่วยสกรีนบอลก่อนหลุดมาถึงเฮนโด้ได้ดี ในขณะที่การเชื่อมเกมก็ทำได้ลื่นไหล ไม่ครองบอลนาน

เฟอมิโน่ - มีส่วนร่วมกับเกมเยอะพอควร ไม่ใช้โอกาสเปลือง ทำได้เข้าตามากกับการวิ่งสลับตำแหน่งกับเพื่อน ไม่มีทับทางวิ่งกันเลย

มาเน่ - มาแล้ว

สเตอริดจ์ - กลับมาวิ่งทำทางได้เด็ดขาดเหมือนเดิมแล้ว แม้จะไม่ได้ยิงเองเลยสักลูกแต่มีส่วนสำคัญมากกับเกมรุกของทีม นัดนี้ขาดแค่ความคมในการทำประตูเท่านั้นเอง

ตัวสำรอง

สจ๊วต - เฮนโด้จูเนียร์

คูตินโย่ - พวกจะลากไปส่อง ไม่ก็ยืนรอยิงแถวมุมกรอบเขตโทษอย่างเดียวเลยค้าบ ไม่เล่นกับใครเลย

โมเรโน่ - ใช่มั้ย?...เห็นหลังแว๊บๆ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซาดิโอ มาเน่…แย่งสป็อตไลท์จากคูตินโย่ได้เป็นที่เรียบร้อย กลายเป็นมือหนึ่งของทีมแบบไม่ต้องสงสัย
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.