วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

เซาท์แธมป์ตัน 3-2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...ต้อนรับกัปตันทีมคนใหม่….
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-2-2
-------------โอริกิ--------สเตอริดจ์-------------
คูตินโย่---------------------------------ลัลลาน่า
-------------ชาน------------อัลเลน-------------
ไคลน์-----ซาโก้----ลอฟเรน----ฟลานาแกน
----------------------มินโยเล่---------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเซาท์แธมป์ตันในเกมลีค นัดนี้คล็อปปรับทีมเยอะ หันมาใช้หน้าคู่ พักเฟอมิโน่ เฮนเดอร์สันก็ยังไม่พร้อม ทีมตัวจริงเลยออกมาแปลกตาแบบที่เห็น ไฮไลท์อยู่ที่ฟลานาแกนได้ลงมาพร้อมปลอกแขนกัปตันทีมฉลองสัญญาใหม่ที่พึ่งเซ็นไป
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาช่วง 10 นาทีแรกลิเวอร์พูลเก็บบอลแรกดีกว่าแต่เปิดบอลเข้าทำไม่ได้ เซาท์แธมป์ตันไล่แดนกลางได้ดี แถมยังน่าจะได้จุดโทษเป็นอย่างยิ่งในนาที 8 จังหวะโต้กลับทางฝั่งฟลานาแกน เชน ลองได้บอลกระชากเข้าเขตโทษ ลอฟเรนเอาแขนไปพาดใส่ ลองล้มแต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้

________ พ้น 10 นาทีแรกไปเกมสูสี หาโอกาสเข้าทำกันไม่ได้ จนกระทั่งนาที 17 แบ็คขวาเซาท์เติมขึ้นมาแล้วทำบอลเสียกลางสนาม คูตินโย่ได้บอลเลี้ยงจี้ขึ้นหน้า เลี้ยงตัดเข้ากลางก่อนยิงไปเสียบเสาสองให้ทีมขึ้นนำได้ 1-0

_______ หลังสกอร์ขยับ เกมของเซาท์เริ่มสะดุด จ่ายบอลพลาดเองมากขึ้น ส่วนทางลิเวอร์พูลเริ่มโต้เร็วได้ดีขึ้น นาที 22 ซาโก้แซะบอลจากตัวรุกได้ทางมุมธงฝั่งซ้าย คูตินโย่ได้บอลในแดนแล้วจ่ายเรียดขึ้นทางแคบให้โอริกิรับบอลแล้วลากเข้าไปถึงหน้าเขตโทษ ไหลให้สเตอริดจ์ในเขตโทษ หลอกหนึ่งจังหวะแล้วยิงย้อนไปเสาสอง 2-0

_______ สกอร์ห่าง เซาท์เน้นเกมรุกริมเส้นมากขึ้น แต่เกมรุกไม่ต่อเนื่อง ส่วนลิเวอร์พูลหันมาเน้นเกมรับแล้วโต้ ซึ่งก็ทำได้ดีมาก บอลโต้ได้บ่อย ไปถึงเขตโทษและได้ยิงอยู่เรื่อยๆ ด้วย โอกาสจะได้ 3-0 มีเยอะ ทั้งจากอัลเลนได้ยิงโล่งๆ แถวจุดโทษไปติดเซฟ, สเตอริดจ์ได้บอลในเขตโทษแต่ยิงไม่ดีเอง, อัลเลนยิงได้แล้วแต่กรรมการจับล้ำหน้าซาโก้ไปก่อน ทำให้จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำแค่ 2-0 จากรูปเกมที่ดีกว่าสุดกู่หากนับเฉพาะหลังจากที่ได้ลูก 2-0 เป็นต้นมา

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเปลี่ยนเอาสเคอเทลลงแทนลอฟเรนที่โดนใบเหลืองไปแล้วและโดนโห่จากแฟนบอลอย่างหนัก ส่วนเซาท์ส่งเอามาเน่กับวันยาม่าลงมาทันทีเช่นกัน แล้วเกมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง...

_______ เซาท์ลงมาบุกกดดันได้ตั้งแต่ต้น บอลโยนจากริมเส้นเล่นงานแนวรับได้ตลอด นาที 49 สเคอเทลไปดึงเสื้อเปเล่เสียจุดโทษ มินโยเล่ช่วยเซฟจุดโทษของมาเน่เอาไว้ได้ ถึงตรงนี้นึกว่ารอดเหรอ? เปล๊า~

_______ ครึ่งหลังลิเวอร์พูลมีปัญหากับการโต้ค่อนข้างมาก วันยาม่าดักตัวพลิกบอลของลิเวอร์พูลได้ดีตลอด ในขณะที่การไปกับบอลของมาเน่ก็สร้างปัญหาให้กับแดนกลางลิเวอร์พูลอยู่เรื่อยเพราะแย่งบอลมาได้ช้า และทีเด็ดอยู่ที่แนวรับคือสเคอเทลที่มีปัญหาในเกมรับด้วย

_______ นาที 64 ลิเวอร์พูลมาพลาดจนได้ ฟลานาแกนกับชานเล่นกันใกล้ไป สุดท้ายฟลานาแกนโดนแซะบอลไปจนได้ มาเน่ได้บอลในเขตโทษ ซาโก้ตามมาประกบช้าไป มาเน่ยิงเสาแรกเข้าไปได้ 2-1

_______ พอสกอร์ขยับครั้งนี้ จากที่ลิเวอร์พูลดูเสียเปรียบเล็กน้อยก็กลายเป็นเสียเปรียบหนักเลย เก็บบอลไม่ได้ โต้ไม่ขึ้น นาที 70 เบนเทเก้ได้ลงแทนสเตอริดจ์และเบนเทเก้มีส่วนร่วมกับเกมแบบเป็นประโยชน์จริงๆ ครั้งเดียวในนาที 74 ที่ได้โอกาสรับบอลจากลัลลาน่าไปยิงในเขตโทษหลุดกรอบเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย

_______ แย่ไปกว่านั้น ช่วง 20 นาทีสุดท้ายผู้เล่นลิเวอร์พูลหลายคนออกอาการหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด คูตินโย่ ลัลลาน่าขยับช้าหนึ่งจังหวะและกระชากบอลไม่ไปแล้ว ในขณะที่อัลเลนที่กลิ้งเป็นลูกขนุนอยู่แต่แรกคราวนี้กลายเป็นวิ่งไม่ถึงบอลเลย

_______ นาที 83 เซาท์ก็ทำสำเร็จ เปเล่ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ แตะหาที่ว่างแล้วยิงตีเสมอได้สำเร็จ 2-2

_______ ยัง ยังบรรลัยไม่พอ นาที 86 มาเน่ได้บอลในกรอบเขตโทษ ซาโก้ตามประกบไม่แน่น โดนมาเน่หาจังหวะยิงให้เซาท์แซงได้สำเร็จ 3-1 ก่อนที่นาที 88 โอโจ้จะได้ลงมายืนงงในสนามแทนอัลเลนและเกมจบลงที่สกอร์ดังกล่าว 3-2
-----------------------------------------

_______ สเคอเทล!

_______ เฮ้อ...ถอนหายใจสักบรรทัดก่อนนะ

_______ เอาล่ะ ครึ่งแรกโชคดีมากที่ไม่เสียประตู ได้ประตูง่ายมากด้วย แต่ดันยิงเค้าไม่ตาย ถ้าได้สามศูนย์ไปก่อนครึ่งหลังคิดว่าไม่มีปัญหา ส่วนครึ่งหลังก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า มาเน่+วันยาม่า ลงมาใช้พละกำลังบดขยี้แดนกลางลิเวอร์พูลที่เริ่มล้าอย่างได้ผล ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น

_______ การเปลี่ยนตัวของผู้จัดการทีมสองคนส่งผลมากในนัดนี้ คนนึงเปลี่ยนแล้วดีเอาๆ คนนึงเปลี่ยนแล้วแย่เอาๆ

_______ กรณีเปลี่ยนลอฟเรนตอนพักครึ่ง ผมเห็นด้วยว่าต้องเปลี่ยนนะ ลอฟเรนเล่นไม่แย่แต่เหลืองแล้ว โดนโห่หนักและมีอาการกับเสียโห่พอควร อยู่ต่อมีสิทธิไปแน่ ถึงตรงนั้นทางเลือกให้เปลี่ยนลงคือสเคอเทลกับตูเร่ แล้วคล็อปเลือกสเคอเทล...

_______ แต่กรณีเปลี่ยนตัวครั้งที่สอง ผมคิดว่าคล็อปพลาดจริงคราวนี้ คือการเปลี่ยนสเตอริดจ์ออกผมเห็นด้วย สเตอริดจ์ไม่มีอะไรเลยในครึ่งหลัง แต่เมื่อเปลี่ยนออกแล้ว ในสนามยังมีโอริกิอยู่ แดนกลางก็เป็นรองรูปเกมก็เป็นรองโดน 2-1 แล้วด้วย คล็อปเอาเบนเทเก้ลงไปทำไม เบนเทเก้ที่ไม่ได้เหมาะกับเกมโต้อยู่แล้วด้วย ช่วยไล่บอลหรือเล่นเกมรับก็ไม่ได้ เอาลงไปทำม๊ายยย~

_______ ชานกับอัลเลนเล่นคู่กลางด้วยกันได้ดีในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังที่เจอตัวถึกเข้าไปนี่ลำบากเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัลเลน เกมรุกเติมขึ้นไปเจอวันยาม่านี่คือดับทุกลูก ในขณะที่เกมรับแย่งบอลใครแทบไม่ได้เลยในครึ่งหลัง เสียดายที่วันนี้ไม่มีชื่อลูคัสในม้านั่งสำรอง ไม่งั้นชีวิตคงง่ายกว่านี้

_______ นัดนี้คล็อปคงได้รู้จักลูกทีมตัวเองเพิ่มขึ้นอีกหน่อย อัลเลนเล่นดีและมีประโยชน์กับทีมแต่ไม่ใช่กับทุกสถานการณ์, ฟลานาแกนดีพอจะอยู่ในทีมแต่ไม่น่าจะดีพอได้ลงก่อนไคลน์ในตำแหน่งนี้, สเคอเทลต้องไปเคาะสนิทให้นานกว่านี้หน่อยมั้ยแล้วค่อยให้ลงมาเล่นใหม่

_______ สเคอเทลวันนี้นี่กัปตันตัวจริงเลย พาเหล่าลูกเรือที่ร้างทะเลไปนานอย่าง ซาโก้ มินโยเล่ ฟลานาแกน อัลเลน พุ่งออกกลางอ่าวอย่างไม่รีรอ

_______ สลัดดดด~
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดีในครึ่งแรก...ครึ่งหลังเบลอมันไป

มินโยเล่ - เซฟลูกโทษได้ดีมาก แต่ในเกมปกติ ออกมาตัดลูกกลางอากาศได้แย่มากขั้นสุด คือออกมาผิดจังหวะ ออกมากั๊ก ควรออกแล้วไม่ออกอยู่ตลอดครึ่งหลัง แถมโดนไปสามลูกที่ยิงจากระยะไกล ไม่ได้แรงมาก แต่ไปไม่ถึงบอลเลยสักลูก

ไคลน์ - เกมรับคุมพื้นที่ตัวเองได้น่าพอใจมุมธงไม่โดนเล่นงาน แต่กับการเล่นฝั่งนี้ ไคลน์เล่นได้ธรรมดามากและช่วยทีมได้น้อย เกมรุกไม่ต้องพูดถึง เอาแค่เชื่อมเกมยังหาประโยชน์ไม่ค่อยได้

ลอฟเรน - ครึ่งแรกน่าโดนจุดโทษสุดๆ เสียเหลืองได้ชัดเจนมาก มีปัญหากับเสียโห่พอควร สกัดได้เด็ดขาดดีอยู่แต่เข้าบอลร่ำๆ จะโดนเหลืองสองเอาง่ายๆ

ซาโก้ - ครึ่งแรกสกัดได้ดี ดักได้หมด มีปัญหาแค่เรื่องมั่นใจเกินเหตุและเล่นลูกยากมากไปหน่อย แต่พอครึ่งหลังเท่านั้นล่ะ...รองกัปตันเลย ประกบห่างตลอด เข้าถึงบอลก็ช้า

ฟลานาแกน - เกมรุกจัดว่าใช้ได้ เติมขึ้นไปรับบอลดีตลอด แต่มีปัญหากับเกมรับพอควร แม้จะหยุดไม่ให้คู่ต่อสู้ตัดหลังได้ ใครเลี้ยงมาโง่ๆ ก็สกัดได้หมด แต่กับการเปิดบอลฟลานาแกนปิดได้แย่ บีบให้คู่ต่อสู้เปิดยากไม่ค่อยได้ และไฮไลท์ของเจ้าตัวอยู่ที่การเชื่อมเกมที่ให้บอลไม่ค่อยดี ขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมแล้วหลุดตำแหน่งโดนโต้บ่อย

ชาน - เป็นวันที่ชานเล่นดีที่สุดในรอบหลายนัด เกมรับดีแย่งได้เยอะ อ่านเกมดีทำให้วิ่งถึงคนครองบอลบ่อยมาก ขยันวิ่งเต็มสนาม มีโอกาสทั้งเติมขึ้นไปหรือพาบอลขึ้นไปเองแล้วมีส่วนร่วมกับเกมรุกได้ดีหลายครั้ง แต่ครึ่งหลังเริ่มวิ่งไม่ค่อยถึงบอลแล้วเพราะต้องรับผิดชอบเยอะไป

อัลเลน - ครึ่งแรกช่วยเชื่อมเกมได้ดีมาก บอลขึ้นหน้าและไปรอบๆ ได้ดีไม่ใช่แค่เคาะสั้นๆ ให้คนใกล้ๆ วิ่งทำทางรับบอลก็ยอดเยี่ยม แต่พอเข้าครึ่งหลังเจอวันยาม่ากับมาเน่เท่านั้นแหล่ะ...ไข่ต้มปอกเปลือกบนจานแบนที่อยู่บนท้ายรถกระบะที่กำลังวิ่งดีๆ นี่เอง

ลัลลาน่า - มีจังหวะจับบอลแรกแล้วพลิกหาคนจ่ายต่อที่ดีมากๆ อยู่หลายครั้ง แต่กับการพาบอลไปเองหรือวิ่งทำทางวันนี้ถือว่าทำได้น้อย ช่วยวิ่งไล่จนหมดแรงตั้งแต่กลางครึ่งหลัง

คูตินโย่ - ยิงลูกแรกได้สุดยอด พลิกบอลขึ้นหน้า พาบอลไปเอง และเปลี่ยนรับเป็นรุกในจังหวะโต้ได้คมกริบ หาตำแหน่งรับบอลได้ตลอด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะครึ่งแรก

โอริกิ - หาที่รับบอลได้ดี ไปกับบอลกดดันคู่ต่อสู้ได้ เปิดบอลหรือหาจังหวะยิงเองก็พอใช้ได้ ที่ไม่ดีคือการเก็บบอล เสียบอลง่ายไป และการรับบอลที่ว่าดีก็อยู่ที่รอบนอกทั้งนั้น ในเขตโทษหาที่หาทางเล่นไม่ได้เลย

สเตอริดจ์ - ตรงข้ามกับโอริกิ หาจังหวะในเขตโทษดี ยิงลูกแรกได้ดี อีกครั้งที่ยิงพลาดก็ยังต้องชมว่าสร้างจังหวะให้ตัวเองได้ดี เก็บบอลไว้กับตัวดีมาก คู่ต่อสู้แย่งไม่ได้หรือไม่ก็ต้องทำฟาล์ว แต่กับการเคลื่อนที่วันนี้สเตอริดจ์ล้มเหลว

ตัวสำรอง

สเคอเทล  - สกัดบอลเปิดเข้ามาในเขตโทษ โหม่งเคลียร์เด็ดขาด ประกบคู่ต่อสู้มิดชิด เก็บบอลเล่นต่อ จ่ายบอลขึ้นหน้า ทั้งหมดที่ว่ามาทำไม่ได้เลย

เบนเทเก้ - หาโอกาสยิงได้ก็พลาด มีส่วนร่วมกับเกมน้อยมาก

โอโจ้ - ลงมาทำอะไรตอนนี้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มาร์ติน สเคอเทล…ชานเล่นดีที่สุดในทีมครับ แต่สเคอเทล...โดดเด่น...เป็นประกาย..ฉายแววเซ็นเตอร์ตัวหลัก...ไทยพรีเมียร์ลีคมากๆ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

แมนฯยู 1-1 ลิเวอร์พูล (ยูโรป้าลีค) (รวมสองนัด 3-1)


...ดอกเดียว หายเสียวเลย….
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1
---------------------สเตอริดจ์---------------------
----คูตินโย่---------เฟอมิโน่------ลัลลาน่า----
-------------ชาน---------เฮนเดอร์สัน-----------
มิลเนอร์-----ซาโก้-------ลอฟเรน------ไคลน์
----------------------มินโยเล่---------------------

_______ แดงเดือดเวอร์ชั่นยูโรป้าลีค นัดที่สองเล่นที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ลิเวอร์พูลไม่มีเกมสุดสัปดาห์ก่อนเลยได้พักมากกว่า คล็อปใช้ทีมชุดเดิมแต่โมเรโน่เจ็บตอนวอร์ม(ผู้บรรยายเค้าว่างั้น)  มิลเนอร์เลยมีชื่อเป็นตัวจริงแทน
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาแมนฯยูก็ผีเข้าทันที ผิดกับนัดก่อนเป็นคนละทีม เน้นเกมรุกเร่งเกมเร็วและวิ่งถึงบอลตลอด เกมรุกเน้นริมเส้นทั้งสองฝั่งโดยเป็นทางมาชิอัลที่กดดันไคลน์ได้ดีพอควร ส่วนลิเวอร์พูลเน้นการไล่บอลทำลายจังหวะแถวกลางสนามเป็นหลัก เกมไม่ต่อเนื่องทั้งคู่แต่เป็นแมนฯยูที่เอาบอลมาใกล้เขตโทษได้มากกว่า

________ เกมรุกกดดันฝั่งไคลน์ยิ่งเล่นยิ่งเห็นผลจนถึงขั้นได้ประตูในที่สุด นาที 19 มาชิอัลกระชากบอลในเขตโทษ ไคลน์ทิ่มบอลผิดจังหวะเสียจุดโทษ มาชิอัลยิงไม่พลาด 1-0

_______ สกอร์ขยับ แมนฯยูเริ่มเห็นความหวังรำไร เร่งเกมได้ดีขึ้น ตัดบอลได้มากขึ้น เกมรุกต่อเนื่องขึ้น แดนกลางทำได้ดีกว่าทั้งรับและรุก ได้ลุ้นประตูเพิ่มด้วย ในขณะที่ลิเวอร์พูลเริ่มบุกได้น้อยลง แต่ยังมีจังหวะเข้าทำที่ได้ลุ้นอยู่บ้างไม่ถึงกับโดนกดแบนในแดนตัวเอง ทั้งฟรีคิกของสเตอริดจ์ในนาที 34 ที่ยิงไปชนคาน และเฮนเดอร์สันทำชิ่งกับคูตินโย่จนตัวเองได้หลุดไปยิงเสยท้องนกตายอย่างอำมหิตในนาที 41

_______ แมนฯยูกำลังบุกเพลินๆ ชีวิตเริ่มมีความหวัง แต่ก็มาพังทลายลงเอาตอนนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก จากการโต้เร็ว ชานจ่ายให้คูตินโย่รับบอลทางริมเส้นซ้าย มีบาเรล่าวิ่งมาประคอง แต่คูตินโย่กระชากเข้าในไปสุดเส้นหลัง ก่อนชิพบอลข้ามตัวเดเคอาเข้ามุมแคบเสาแรกได้สำเร็จ 1-1 ว๊า~ เสมอตั้งแต่พักครึ่งเลย

_______ เข้าครึ่งหลัง แมนฯยูกลับลงมาดันสูงทั้งแผงขึ้นไปถึงวงกลม กดดันได้ดุเดือดดีมาก เปิดบอลเข้าทำได้ตลอดและเก็บบอลสองได้ต่อเนื่อง ส่วนลิเวอร์พูลเก็บบอลเล่นลำบากแล้วเพราะไม่มีพื้นที่และคู่ต่อสู้เข้าเร็วตลอด จะโต้ก็ทำได้ไม่ดีพอ ทั้งๆ ที่มีช่องให้เพียบแค่ลำเลียงบอลพลาดกันไปเอง

_______ แมนฯยูรูปเกมดีกว่าชัดเจนแต่แนวรับลิเวอร์พูลไม่ค่อยกดดันเท่าไหร่เพราะได้เปรียบเรื่องสกอร์ ยังเล่นเอาตัวรอดกันไปได้เรื่อย นาที 67 โอริกิได้ลงแทนสเตอริดจ์ที่วันนี้ไม่ค่อยวิ่งตามบอล นาที 71 อัลเลนได้ลงแทนเฮนเดอร์สันที่คาดว่าเจ็บ เพราะเปลี่ยนออกแล้วเดินเข้าห้องพักไปเลย

_______ หลังจากเปลี่ยนตัวสองคนนี้แล้ว ลิเวอร์พูลปรับมาเน้นการวิ่งไล่ในแดนหน้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากที่เน้นคุมแค่ครึ่งสนามเป็นหลักในช่วงก่อนหน้า  ทำลายจังหวะขึ้นเกมได้บ้างแต่แมนฯยูวันนี้มาดีจริง ยังหาโอกาสเอาบอลขึ้นหน้าได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะเฟอไลนี่กับลินการ์ดที่คนนึงพักบอลโด่ง อีกคนนึงพลิกบอลขึ้นหน้าได้ดีตลอด แต่กับจังหวะเข้าทำ พวกเขายังจ่ายบอลฝ่าแนวรับไม่ค่อยได้ ที่ผ่านไปได้บ้างก็ดันยิงกันไม่คมอีก

_______ นาที 84 เบนเทเก้ลงแทนเฟอมิโน่ เกมยังไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ แมนฯยูบุกเต็มที่แบบไม่ต้องเข้ารอบก็ได้แต่ขออีกสักลูกได้ดี กดอยู่แถวรอบๆ เขตโทษได้ตลอด ส่วนลิเวอร์พูลที่เก็บบอลได้บ้างก็โต้ได้ไม่เฉียบขาดเลย หาโอกาสได้บ้างก็เอาไปโยนทิ้งหมด จบเกมเลยทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ เสมอ 1-1 สกอร์รวม 3-1 ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบต่อไป
-----------------------------------------

_______ เกมนี้ต่างจัดนัดก่อนเยอะเลย แมนฯยูเล่นดีกว่าจริง อันที่จริงพวกเขาน่าชนะนัดนี้ด้วย

_______ คล็อปเองเริ่มเกมนี้แบบระวังตัว ไม่ได้เน้นไล่สูงเดินหน้าฆ่ามันแบบนัดก่อน รวมไปถึงแบ็คสองฝั่งแทบไม่ขึ้นเลย ยังดีว่าไม่ได้สั่งให้ทีมถอยไปตั้งรับไม่งั้นจะแย่กว่านี้ ที่คล็อปทำได้ไม่ดีเท่าไหร่เห็นจะเป็นการเปลี่ยนตัวช้า คือเกมเป็นรองอยู่นานแล้วตั้งแต่ครึ่งแรก แต่กว่าจะเปลี่ยนล่อไปนาที 67

_______ แต่ก็นั่นแหล่ะ เกมยังยันอยู่ 1-1 ไม่ต้องซีเรียสมากก็ได้

_______ ที่เป็นปัญหาจริงๆ อยู่ที่ฟอร์มผู้เล่นมากกว่า ลิเวอร์พูลวันนี้หงอยกว่านัดก่อนเยอะ ไม่รู้เจอบรรยากาศในโอลด์แทรฟฟอร์ดหรือยังไง ความมุ่งมั่นสู้คู่ต่อสู้ไม่ได้ วิ่งหาบอลน้อยกว่า วิ่งทำทางน้อยลง จังหวะให้บอลไม่เด็ดขาด ดูเฉพาะนัดนี้นัดเดียว พวกเขาสู้ไม่ได้และเล่นได้น่าแพ้

_______ แต่ก็นั่นแหล่ะ(อีกรอบ) ก็นี่มันบอลไปกลับนี่หว่า สกอร์รวมได้เปรียบสุดกู่ ก็เล่นประคองตัวไปก็พอ แล้วก็ประคองจนรอดได้จริงๆ
_______ เกมโต้กลับไปสิ่งที่ทีมทำได้โคตรแย่ในวันนี้ ขนาดลูกตีเสมอของคูตินโย่ที่มากจากการโต้กลับก็จริงก็ต้องบอกว่าเพื่อนไม่เติม ไม่มีคนเล่นด้วย คูตินโย่ถึงเล่นแบบนั้นด้วยนะ จังหวะแบบนั้นจริงๆ แล้วควรมีคนตีคู่มาได้เร็วกว่านั้น ทั้งเกมนี้โดยเฉพาะครึ่งหลัง แมนฯยูเปิดช่องกว้างบานตะไทใหญ่เป็นปากแม่น้ำแยงซีเกียงแต่ลิเวอร์พูลลำเลียงบอลจังหวะโต้พลาดกันเอง แค่ให้ตามช่องกันไปอย่างที่เคยทำได้น่าจะได้หลุดไปยิงในเขตโทษอย่างน้อยๆ ก็อีก 2-3 ครั้งแล้ว เดเคอาคงเซฟได้ไม่หมดหรอก แต่นี่พลิกบอลพลาดบ้าง เก็บบอลนานจนช่องปิดบ้าง น่าเสียดาย

_______ สำหรับยูโรป้าลีค ตราบใดที่เซบีย่ายังไม่ตกรอบโอกาสที่ใครจะได้แชมป์ก็น้อยครับ 555+ แต่เอาเถอะ เข้ารอบไว้ก่อนเป็นดี

_______ ส่วนทางด้านแมนฯยู เอ้อ ผู้เล่นเค้าก็ยังเล่นเพื่อผู้จัดการทีมอยู่นะ เรื่องนี้ดีใจด้วยจริงๆ ขนาด 20 นาทีท้ายที่ไม่รอดแน่แล้วก็ยังเล่นเต็มที่อยู่ และอย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ได้ลุ้นอยู่รวมครึ่งชั่วโมง ลุ้นที่จะทำได้อย่างที่ฟานกัลพูดคือชนะ 2-0 ในเวลา

_______ ...ถ้าไม่มีคูตินโย่ละก็นะ...
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้แค่พอใช้

มินโยเล่ - เปิดบอลใกล้ไกลได้ดีทีเดียว มีจังหวะออกบอลเร็วเท่านั้นที่ทำได้แย่ การยืนตำแหน่ง การเล่นลูกกลางอากาศก็ทำได้ดี เห็นมีพลาดครั้งเดียวที่ออกไปกั๊กกับมิลเนอร์ในครึ่งแรกแต่ก็แก้ตัวด้วยการถอยไปปัดบอลทิ้งได้ทัน

มิลเนอร์ - รับมือแรชฟอร์ดและบาเรล่าได้ดีกว่าที่คิด เอาบอลกลับมาได้ไม่มากก็จริงแต่บังทางเปิดบอลและหยุดไม่ให้ไปต่อได้ ยิ่งพอไคลน์เริ่มเป๋ คู่ต่อสู้เฮละโลกันไปฝั่งนู๊นหมดมิลเนอร์ยิ่งเล่นง่าย

ลอฟเรน - ครึ่งแรกซ้อนไคลน์ห่างไปหน่อยแต่ครึ่งหลังดีขึ้น ดักบอลได้เยอะ ทั้งลูกโด่งลูกเรียด จ่ายบอลพาเสียวอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่พลาดนะ

ซาโก้ - ประกบมาชิอัลได้ดี หยุดทั้งคนทั้งบอลที่เข้ามาในเขตโทษได้เยอะมาก เป็นแนวรับที่เล่นได้ดีที่สุดในวันนี้ แข็งแกร่งในทุกจังหวะ แต่ท้ายเกมเริ่มมั่นใจมากจนทำอะไรไม่เข้าท่าหลายครั้ง ยังดีว่าไม่ทำเสียประตูหรือพาตัวเองโดนใบเหลือง

ไคลน์ - นัดก่อนเรียกจุดโทษ นัดนี้ทำเสียจุดโทษ รับมือกับมาชิอัลได้ไม่ดีพอ เสียฟาล์วติดกันหลายครั้ง หลังจากเสียจุดโทษเริ่มเสียความมั่นใจด้วย ยังดีว่าประคองตัวรอดไปได้ไม่โดนเผา ไม่เสียใบเหลืองเพิ่ม แต่โดยรวมก็เป็นวันที่ไคลน์เล่นได้ไม่ดีนัก

ชาน - เข้าไปแย่งบอลได้ดี บังบอลได้อร่อยเหาะมาก ขวางปุ๊บจบไม่ต้องแย่งเลย จังหวะวิ่งเข้าไปเบียดบังเอาเหลี่ยมได้เปรียบก็ทำได้ดีทั้งเกม เสียแค่ว่าวิ่งน้อยไปหน่อย ทั้งวิ่งไล่บอล ทั้งวิ่งทำทางนั่นแหล่ะ

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกมีส่วนร่วมกับเกมเยอะ เอาบอลขึ้นหน้าได้บ้างแต่น้อย เชื่อมเกมไม่ค่อยดีเพื่อนไม่ได้เปรียบ ทำหมูหกในนาที 41 ที่อุตส่าห์หลุดเข้าไปได้ยิงในเขตโทษ ครึ่งหลังไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกมและโดนเปลี่ยนออก

ลัลลาน่า - แทบไม่มีส่วนกับเกมรุกเลย ยังดีว่าช่วยไล่บอลเกมรับได้เยอะ โดยเฉพาะครึ่งหลังนี่แทบจะถอยลงมาเป็นแบ็คอีกคน

เฟอมิโน่ - ขยันวิ่งก็จริงอยู่แต่โดนไล่ติดจนพลิกบอลได้น้อยมาก ทำเสียบอลไม่มากเท่าไหร่แต่บอลออกไปเพื่อนก็ไม่ได้เปรียบเช่นกัน เป็นตัวรุกที่ดับสุดในทีม

คูตินโย่ - เชื่อมเกมดีที่สุดในทีมแล้วแต่หาเพื่อนเล่นด้วยไม่ค่อยได้ หลายครั้งเลยทำได้แค่หมุนไปหมุนมา ทำได้สุดยอดกับการตีเสมอที่ได้มาเพราะความสามารถเฉพาะตัวล้วนๆ

สเตอริดจ์ - วิ่งหาที่รับบอลได้ดี หาโอกาสยิงในเขตโทษได้ด้วยแต่พลาด อย่างไรก็ตาม วันนี้สเตอริดจ์ไม่ค่อยตามบอล เลี่ยงการปะทะมากไปหน่อย

ตัวสำรอง

โอริกิ&อัลเลน  - ขยันวิ่งไล่วิ่งทำทางดีตลอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าจดจำมากนัก

เบนเทเก้ - ลงมาช่วยเคาะบอลให้เพื่อนได้บ้าง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มามาดู ซาโก้…คูตินโย่พาทีมเข้ารอบไม่ต้องสงสัย แต่นับเฉพาะนัดนี้คู่เซ็นเตอร์นี่ล่ะพาทีมยันเสมอมาได้ และซาโก้ดูดีกว่าลอฟเรนแบบไม่ต้องสืบ ทั้งๆ ที่ลอฟเรนก็เล่นไม่พลาดเลยนะ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (ยูโรป้าลีค)


...ไม่มีใครไร้ข้อผิดพลาด เดเคอาก็เช่นกัน….
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1
---------------------สเตอริดจ์---------------------
----คูตินโย่---------เฟอมิโน่--------ลัลลาน่า----
-------------ชาน---------เฮนเดอร์สัน------------
โมเรโน่-----ซาโก้-------ลอฟเรน---------ไคลน์
----------------------มินโยเล่---------------------

_______ แดงเดือดเวอร์ชั่นยูโรป้าลีค นัดนี้เลคแรกเล่นที่แอนฟิลด์ก่อน คล็อปส่งสเตอริดจ์ที่พักมาดีเป็นตัวจริงอีกครั้ง รวมไปถึงไคลน์ที่ได้พักในนัดก่อนด้วย ส่วนทางแมนฯยูเจอสถานการณ์ผู้เล่นบาดเจ็บเยอะ มีดาวรุ่งหลายตำแหน่ง มีมาต้าเป็นจอมทัพ มีกองหน้าดาวรุ่งฟอร์มสดอย่างแรชฟอร์ดลงสนามด้วย
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมานาทีแรกเกือบได้กริบกันทั้งแอนฟิลด์ แมนฯยูได้โยนจากทางฝั่งไคลน์ข้ามไปเสาสอง โมเรโน่หุบเข้ามายืนดักถูกตำแหน่งแล้วแต่ดันโชว์โหม่งวืด แรชฟอร์ดกระโดดตีเข่าดีว่าบอลไม่เข้ากรอบ

________ หลังจากจังหวะสยองขวัญนาทีแรกแล้ว เกมเป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า วิ่งไล่บอลเร็ว ไล่บอลสูง แผงกลางและหลังดันขึ้นไปคุมพื้นที่สูง แต่ยังครองบอลไม่ต่อเนื่องและเสียฟาล์วบ่อย ทางแมนฯยูเกมดูเป็นรองแต่ยังเรียกฟาล์วได้ดี เปลี่ยนรับเป็นรุกยังพอได้แม้จะไปไม่ถึงเขตโทษ และในเกมรับก็ยังวิ่งไล่ทำลายจังหวะไม่ให้ลิเวอร์พูลที่ได้บอลมากกว่าขึ้นบอลได้ง่ายนัก

_______ เกมเล่นกันมาในทรงนั้นจนกระทั่งนาที 19 จังหวะขึ้นเกมทางขวา ไคลน์วิ่งทำทางเข้าเขตโทษแล้วโดนเดปายที่วิ่งตามไปสะกิดขาทำฟาล์วบนเส้นเขตโทษ กรรมการเป่าให้จุดโทษ สเตอริดจ์รับหน้าที่ยิง เดเคอาพุ่งเซฟโดนปลายนิ้วแต่บอลเข้ามุมและแรงพอที่จะฝ่าเข้าไปได้ 1-0

_______ พอสกอร์ขยับเกมเปลี่ยนทันที เกมของลิเวอร์พูลจากที่ดูดีกว่าเล็กน้อยกลายเป็นดีกว่าแบบเห็นได้ชัด เก็บบอลเล่นได้ต่อเนื่อง เกมทางซ้ายไหลลื่น ตรงกลางคูตินโย่กับเฟอมิโน่พลิกบอลกันสนุก กลางแมนฯยูไล่ไม่จน ลิเวอร์พูลเปิดบอลเข้าทำได้จากทุกทิศทางทั้งซ้ายขวาและเจาะกลาง แต่เดเคอาก็เซฟแม่งอยู่นั่น เซฟจนเซ็ง เซฟจนเบื่อ สองหลาคูตินโย่ก็เซฟ สเตอริดจ์ได้หวดไม่มีคนประกบในเขตโทษก็เซฟ สี่หลาลัลลาน่าก็เซฟ

_______ ทางฝั่งแมนฯยูเองเก็บบอลเล่นได้น้อย โต้ไม่ขึ้น นานๆ จะได้โผล่มาเยือนเขตโทษสักที ใกล้เคียงสุดเห็นจะเป็นจังหวะที่ซาโก้โชว์หวดวืดจนมาต้าเก็บบอลได้ในเขตโทษนาที 29 แต่ก็ยังไม่ได้ยิงอยู่ดี จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0 ในรูปเกมที่น่าจะได้สักสามลูก

_______ เข้าครึ่งหลัง ฟานกัลแก้เกมมาดี ถอดแรชฟอร์ดออกส่งคาริคลงสนาม ปรับมาเล่นหลัง 3 ดันบลินด์ไปเล่นวิงซ้าย หันมาเล่นเกมรุกมากขึ้น เกมรุกริมเส้นโดยเฉพาะฝั่งบลินด์กดดันลิเวอร์พูลได้ดีมาก ได้เปิดบอลเข้าไปลุ้นบ่อย แม้จะยังไม่ค่อยได้จบสกอร์แต่ถือว่ากดดันได้มากแล้ว

_______ ส่วนทางลิเวอร์พูลแม้จะมีปัญหากับการหยุดเกมรุกริมเส้นของคู่ต่อสู้ รูปเกมเป็นรองชัดแล้ว แต่กับการโต้หรือการพาบอลขึ้นหน้าทำเกมรุกยังใช้ได้อยู่ ไม่ได้โดนขึงหงิกคาเขตโทษตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว ได้ลุ้นยิงลุ้นเปิดอยู่บ้าง

_______ นาที 64 คล็อปแก้เกมบ้าง ส่งอัลเลนลงมาแทนสเตอริดจ์ เริ่มถอยลงไปรับในแดนมากขึ้น เน้นการวิ่งทำลายเกมกลางสนามมากขึ้นกว่าครึ่งแรกที่เน้นการวิ่งไล่จี้แดนหน้า เกมรับของลิเวอร์พูลค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่อัลเลนลงมา แมนฯยูเริ่มบุกได้น้อยลง ได้เปิดน้อยลง

_______ เกมรุกของแมนฯยูทำได้ดีแค่พาบอลขึ้นหน้าแต่ยิ่งเล่นยิ่งตัน แถมเก็บบอลจังหวะสองเป็นรองมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเริ่มขยับโต้ได้บ่อยขึ้น ได้บอลมากขึ้น เปลี่ยนจากรับในแดนกลายเป็นไล่ในแดนหน้าได้มากขึ้น

_______ นาที 73 ยังมาได้ประตูเพิ่มจากจังหวะโต้เร็ว เกมทางขวาลัลลาน่าพลิกบอลได้สวย จ่ายให้เฮนเดอร์สัน(ที่น่าจะล้ำหน้า)ได้หลุดขึ้นไปทางสุดเส้นขวา เฮนเดอร์สันเปิดเข้ากลางไม่ค่อยดีแต่คาริคที่ดักบอลได้ไม่เคลียร์ทิ้ง เจตนาจะแปะบอลให้เพื่อนเล่นต่อ กลายเป็นลัลลาน่าที่วิ่งตามเข้าไปเอาบอลได้ จ่ายหักให้เฟอมิโน่ตามมาชาร์จ คราวนี้เดเคอาช่วยไม่ไหวแล้ว 2-0

_______ สกอร์ขยับห่าง เล่นได้สักพักฟานกัลก็เปลี่ยนตัวอีกครั้ง ส่งเออเรร่ากับชไวน์สไตเกอร์ลงแทนมาต้าที่เล่นไม่ออกและชไนเดอร์ลิน เกมยังไม่กระเตื้องมากนัก ส่วนคล็อปส่งโอริกิลงแทนเฟอมิโน่นาที 83 แล้วส่งผลกับเกมมากกว่า เพราะบอลสาดทิ้งขึ้นหน้าโอริกิวิ่งจี้ตามบอลไปกดดันคาริคได้ตลอด ทำให้แมนฯยูเร่งเกมไม่ได้ แถมเสียการครองบอลบ่อยขึ้นจากการที่คาริคต้องเตะทิ้งหนีโอริกิ

_______ ช่วงเวลาที่เหลือ ลิเวอร์พูลยังหยุดเกมรุกแมนฯยูได้ดี ส่วนเกมรุกตัวเองไม่ได้เร่งมากแต่ก็ยังพอได้ลุ้นนิดๆ หน่อยๆ อยู่ตลอด จนจบเกมทีสกอร์ 2-0 กุมความได้เปรียบก่อนไปเยือนโอลด์แทรฟฟอร์ดในนัดหน้า

-----------------------------------------

_______ ไม่บ่อยนักที่เกมแดงเดือดแล้วลิเวอร์พูลจะมีเกมที่ดีกว่าแมนฯยูแบบสิ้นเชิง แต่นัดนี้เป็นหนึ่งในนั้น

_______ ในส่วนของคล็อป ต้องให้เครดิตที่เขาพักสเตอริดจ์ไว้สมบูรณ์พร้อมในนัดนี้ ถึงจะไม่ได้เล่นเต็ม 90 นาทีแต่ครึ่งแรกสเตอริดจ์วิ่งได้เต็มที่ดีมาก, เกเก้นเพรสซิ่งทำงานได้เต็มสูบดี และการเปลี่ยนตัวทั้งสองครั้งส่งผลดีกับเกมแบบเห็นได้ชัด

_______ ในส่วนของผู้เล่น นอกจากฟอร์มที่กำลังขาขึ้นของหลายคน ต้องบอกว่านัดนี้ความมุ่งมั่นเต็มร้อยกันดีมากด้วย ต่อให้แทคติคดีกว่านี้ ถ้าขาดความมุ่งมั่นก็เล่นออกมาดีไม่ได้หรอก

_______ การวิ่งไล่ช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นก็จริง แต่สำหรับเกมรุกแล้วต้องบอกว่าการประสานงานกันของคูตินโย่กับเฟอมิโน่ช่วยทีมได้เยอะมาก แต่ก่อนเราจะเห็นกันชินตาว่าถ้าคูตินโย่โดนประกบก็จบข่าว แต่ตอนนี้ประกบคูตินโย่ เฟอมิโน่ก็ช่วยพลิกบอลได้ และโมเรโน่ที่ดูมีปัญหากับเกมรับอยู่บ้างก็วิ่งทำทางได้ดีตลอด รวมถึงสเตอริดจ์ที่วิ่งฉีกออกมารับบอลได้ดี ทำให้เกมฝั่งซ้ายและกลางลื่นไหลตลอดครึ่งแรก และครึ่งหลังก็ยังช่วยทำให้ทีมเปลี่ยนรับเป็นรุกได้ดีอยู่

_______ เกมนี้ขอแวะพูดถึงกรรมการนิดนึง นกหวีดหวานมากนะครัชชช เดี๋ยวอมเดี๋ยวเป่าเดี๋ยวควักเหลือง ใกล้เคียงกับปาฏิหารย์มากที่ทั้งสองทีมเหลือครบ 11 คนได้จนจบเกมเนี่ย

_______ และสุดท้าย สำหรับแมนฯยู ครึ่งแรกเป็นการวางแผนผิดพลาดจริงๆ พวกเขาเอาตัวรอดจากการวิ่งไล่ได้ไม่ดีพอ แถมยังไปเน้นเล่นรับเข้าให้อีก ครึ่งหลังพอเปลี่ยนมาเน้นรุกทำได้ดีขึ้น แต่การทำได้ดีของพวกเขาก็ชวนให้สงสัยว่า ฟานกัลจะเอาบลินด์ไปเล่นเซ็นเตอร์ทำไม(วะ) เขาเล่นวิงแบ็คหรือถ้าหลังสี่เล่นฟูลแบ็คน่าจะเป็นประโยชน์กับทีมมากกว่าเพราะหาที่รับบอล หาจังหวะเปิดบอลได้ลุ้นทีเดียว

_______ ยังไม่นับว่าพวกเขาเลือกที่จะเข้าทำด้วยบอลโยนแล้ว แต่ไม่เอาเฟอไลนี่เข้าไปรอในเขตโทษ กลับเอามาเคาะบอลกลางสนาม? เพื่อ? แต่สำหรับการส่งคาริคลงมาผมว่าฟานกัลไม่พลาดนะ จังหวะนั้นมันต้องเล่นรุก(ไม่งั้นโดนบี้ตายแบบครึ่งแรก) แล้วบลินด์ก็ขึ้นไปกดดันได้จริง แค่ต้องหาคนมาเล่นเซ็นเตอร์แทน ซึ่งคาริคก็ยังดูดีกว่าเด็กละมั้งนะ และเออเรร่าลงแทนมาต้าที่เล่นไม่ออกก็ดีกว่าไม่ได้ลองอะไร

_______ ชนะ 2-0 สำหรับเกมไปกลับแบบนี้ต้องบอกว่าสมบูรณ์แบบแล้ว แต่กับรูปเกมแบบนี้ก็ชวนให้เสียดายเล็กๆ เหมือนกันที่ไม่ทุบให้ตายกันไปเลยตั้งแต่นัดนี้ แต่ก็นั่นแหล่ะ การเจอกับผู้รักษาประตูอย่างเดเคอาในวันท็อปฟอร์มแบบนี้ได้สองประตูก็เก่งแล้ว

_______ สำหรับเดเคอา ข้อผิดพลาดอย่างเดียวของเขาในวันนี้คือ...อยู่ผิดทีม...ไปมาดริดสักทีได้มั้ย อยู่แถวนี้มันเกะกะจริงเชียว
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นดีทุกคนทั้งเกม

มินโยเล่ - ไม่ได้เซฟเลย มีกระโดดชกบอลก่อนหน้ามาชิอัลได้โหม่งทีนึงที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นการป้องกันประตู นอกนั้นเพื่อนเก็บให้หมด

โมเรโน่ - ครึ่งแรกพรวดพราดมาก ดีว่าไม่โดนใบเหลืองเลยยังพรวดพราดได้ต่อไป จัดการกับแรซฟอร์ดได้ดีเพียงแต่เสียฟาล์วง่ายและบ่อยไป ส่วนเกมรุกและเชื่อมเกมวันนี้เล่นได้ดีมากโดยเฉพาะครึ่งแรก ทำทางรับบอลได้ดีตลอด

ลอฟเรน - เก็บกินบอลเปิดขึ้นหน้าได้ดี ลูกที่กองหน้าเอาลงได้ก็ยังประกบได้ติดไม่มียืนห่างให้เห็น การจ่ายบอลก็ไม่มีพลาด เป็นเกมที่เล่นได้ดี

ซาโก้ - ประกบมาชิอัลได้ดี ไม่นับลูกเตะวืดระดับ “อายมั้ยนั่น” ในนาที 29 เกมนี้ต้องบอกว่าซาโก้เป็นแนวรับที่เล่นได้ดีที่สุดของทีมเลย สกัดได้เก็บบอลได้จ่ายบอลหนีตัวไล่ได้

ไคลน์ - เรียกจุดโทษให้ทีมได้ ครึ่งแรกแทบไม่มีเกมรับให้เล่นเพราะบอลไปขึ้นอีกฝากบ่อยกว่า กับเกมรุกก็เชื่อมเกมได้ดีเพียงแต่บอลไม่ค่อยมาและไม่ค่อยเน้นเล่นพื้นที่มุมธงแบบอีกฝั่ง ครึ่งหลังเจองานในเกมรับที่หนักขึ้นเพราะมีคู่ต่อสู้สองคนขึ้นมาตลอด ทำได้ดีในแง่ที่ปิดพื้นที่ีมุมธงไม่ให้รั่ว แต่ยังมีปัญหากับการปล่อยให้คู่ต่อสู้เก็บบอลหรือโยนบอลเข้ากลางง่ายไปหน่อย

ชาน - วันนี้เน้นยืนต่ำ เล่นเกมรับพอใช้ได้ ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดี แต่เด่นมากจริงๆ กับการช่วยเอาบอลจากหลังไปกลาง พลิกหนีตัวไล่ได้ จ่ายขึ้นหน้าก็ได้ ไม่ต้องแปะกลับหลังบ่อยนัก เขาทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าเฮนเดอร์สันเวลาถอยลงต่ำ

เฮนเดอร์สัน - ช่วยเชื่อมเกมแดนกลางได้โอเค ยังต้องพึ่งดูโอ้บราซิลอยู่เยอะในการพลิกบอล และการเติมขึ้นหน้ายังทำอะไรไม่เป็นสัปปะรดทั้งๆ ที่มีจังหวะและโอกาส แต่เฮนโด้มีดีตรงบอลเปลี่ยนฝั่งที่ทำได้ดีที่สุดในทีม ช่วยให้เกมลื่นและมีเกมรุกที่ต่อเนื่อง

ลัลลาน่า - ครึ่งแรกยังไม่เด่น ก็เน้นแค่วิ่งไล่วิ่งทำทาง แต่ครึ่งหลังเริ่มมีบทบาทมากขึ้น บอลแรกจับหรือแตะได้ดีหลายครั้ง ช่วยพลิกบอลได้ดีหลายจังหวะ มีส่วนร่วมกับประตูอีกด้วย

เฟอมิโน่ - ช่วยพลิกบอลได้ดี จ่ายบอลพลาดน้อยทั้งๆ ที่หลายครั้งก็โดนไล่ติด ช่วยวิ่งไล่ได้ดีตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม ยิงประตูสำคัญได้ด้วย

คูตินโย่ - เก็บบอลไว้กับตัวได้ดี พลิกบอลขึ้นหน้าดีที่สุดในทีมแล้วไม่ว่าจะพลิกขึ้นไปเองหรือชิ่งไปให้เพื่อนที่ทำทางขึ้นหน้า(โดยเฉพาะโมเรโน่กับเฟอมิโน่) เด่นในเรื่องเชื่อมเกมและออกบอลให้เพื่อนไปรุกต่อ แต่ตัวเองไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับบอลเข้าทำสุดท้ายเท่าไหร่

สเตอริดจ์ - วิ่งหาที่รับบอลได้ดี ดีไปหรือเปล่าไม่แน่ใจเพราะไม่ค่อยได้อยู่ในเขตโทษ แต่ก็ทำให้ได้บอลเยอะและประสานงานกับเพื่อนได้ลื่น ยิงจุดโทษเด็ดขาด วิ่งไล่ได้ตลอด

ตัวสำรอง

อัลเลน - ช่วยวิ่งไล่กดดันคู่ต่อสู้ได้ดี มีส่วนช่วยเป็นอย่างมากกับการเก็บบอลจังหวะสองของทีม ทั้งในเกมรับ และการวิ่งตามบอลจังหวะบอลพึ่งตายในเกมรุก แต่กับเกมรุกจริงๆ ก็อย่าไปอะไรกับปีย์โล่มากนักเลย

โอริกิ - ไม่แน่ใจว่าจะลงมาเป็นกองหน้าหรือลงมาวิ่งไล่คาริคอย่างเดียว คือทำทางไม่ค่อยดี เพื่อนจ่ายยาก แต่ทำดีมากกับการไล่จี้คาริด ได้ทุ่มมาแบบง่ายๆ หลายครั้ง ชะลอไม่ให้คาริคเอาบอลขึ้นหน้าได้ก็หลายครั้ง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ดาบิด เดเคอา…ไม่ใช่ว่าคนในทีมเล่นไม่ดีครับ แต่ลามะเด่นสุดในสนามแล้วจริงๆ เปลี่ยนเป็นโกลคนอื่นรับรองนัดหน้าไม่เหลืออะไรให้ต้องลุ้นกันละ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

คริสตัล พาเลซ 1-2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)

...เป็นแบทแมนไม่ไหว เป็นโจ๊กเกอร์ก็ได้(วะ)….
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1
-----------------------โอริกิ-----------------------
----ลัลลาน่า--------เฟอมิโน่--------มิลเนอร์----
-------------ชาน---------เฮนเดอร์สัน------------
โมเรโน่-----ซาโก้-------ลอฟเรน---ฟลานาแกน
----------------------มินโยเล่---------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเชือกกล้วย….คริสตัล พาเลซ นัดนี้คล็อปปรับผู้เล่นแค่สองคนคือซาโก้กับโมเรโน่ได้กลับมาเป็นตัวจริง
-------------------------------------------------------

________ ลิเวอร์พูลเริ่มเกมแบบเอื่อยๆ บุกนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ค่อยวิ่งทำทางหรือไล่อะไรมากนัก ส่วนพาเลซรับลึก จังหวะเปิดเกมใช้บอลยาวจากแนวหลังบ่อย ได้ผลด้วย ลิเวอร์พูลตัดลูกกลางอากาศที่โยนมาไม่ค่อยดี โหม่งไม่ได้บ้าง โหม่งได้แต่บอลจังหวะสองเก็บไม่ได้บ้าง นาที 11 อเดบายอได้โหม่งชนคานไปทีนึง

________ ลิเวอร์พูลได้บอลมากกว่าจริงแต่เจาะเข้าเขตโทษไม่ได้ หยุดเกมโต้เร็วและการพลิกบอลเล่นของโบลาซี่กับซาฮาได้ไม่ดี ทำให้พาเลซที่ได้บอลนน้อยกว่าหาโอกาสลุ้นประตูมากกว่าด้วยซ้ำ จบครึ่งแรกยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาขยันไล่บอลมากขึ้น แต่พาเลซดันมาได้ประตูนำก่อนจากลูกตั้งเตะ นาที 48 จากลูกเตะมุม ลิเวอร์พูลสกัดบอลไม่ขาด โดนพาเลซยิงสวนสามครั้งซ้อน โดยจังหวะสุดท้ายเป็นเล็ดลี่ย์ได้กดจากหน้าเขตโทษเข้าไปได้ 1-0

_______ ลิเวอร์พูลเดินหน้าขยับไล่ขยับทำทางต่อไป เกมดูดีขึ้น บอลจังหวะสองก็เก็บได้มากขึ้นด้วย แต่ยังฝ่าด่านสุดท้ายเอาบอลเข้าเขตโทษไม่ได้ ส่วนพาเลซรูปเกมแย่ลงนิดหน่อย โต้ได้น้อยลง แต่เกมรับพื้นที่สุดท้ายแน่นปั๊ก ไม่มีลูกหวาดเสียว โกลอย่างแม็คคาธี่ไม่เจองานยาก

_______ นาที 61 คูตินโย่ได้ลงแทนฟลานาแกน คล็อปขยับเอามิลเนอร์ลงไปแบ็คแทน แต่นาทีถัดมาก็งานงอก จังหวะเติมขึ้นไปสูง พาเลซเก็บบอลได้กำลังจะโต้ มิลเนอร์พุ่งเสียบจากด้านหลังโดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป ลิเวอร์พูลเหลือสิบคนตามอยู่หนึ่งลูก กับเวลาครึ่งชั่วโมงที่เหลืออยู่

_______ เกมของลิเวอร์พูลที่เหลือสิบคนกลับดูดีขึ้นในเรื่องการเอาบอลขึ้นหน้า จากการที่ขยับวิ่งกันมากขึ้นและมีคูตินโย่มาช่วยพลิกบอล ในขณะที่พาเลซไม่ได้อยากบุก เล่นกันไปชิลๆ แต่แค่เล่นตามจังหวะก็เอาบอลขึ้นหน้าได้เรื่อยๆ เพราะมีพื้นที่ให้เล่นเยอะ แต่การที่แดนกลางกับหลังไม่ได้ตามขึ้นมาด้วยก็ทำให้เกมรุกของพาเลซไม่ต่อเนื่องและไม่มีอะไรน่ากลัว

_______ นาที 72 ส้มทั้งไร่ก็หล่นใส่หน้าแข้งเฟอมิโน่ บอลคืนหลังให้โกลเตะทิ้งง่ายๆ แม็คคาธี่ลื่นแล้วเตะแป็ก บอลเรียดและเบาเข้าทางเฟอมิโน่ เจ้าตัวเก็บได้แล้วพาขึ้นไปยิงล่อเป้าผ่านแม็คคาธี่ ตีเสมอให้กับทีม 1-1

_______ พอสกอร์กลับมาเสมอ จังหวะการเล่นของพาเลซดูสะดุดไป บอลจ่ายบอลชิ่งหรือการวิ่งตามบอลเริ่มทำผิดพลาดมากขึ้น แต่ด้วยความที่ตัวเยอะกว่าก็เลยไม่ได้โดนกดดันเท่าไหร่ ส่วนทางลิเวอร์พูลเอาบอลขึ้นมาได้เร็วขึ้น เก็บบอลสองจังหวะรุกดีขึ้น แต่เจาะไม่เข้าเหมือนเดิม

_______ นาที 80 เบนเทเก้แทนโอริกิแต่ไม่ได้ส่งผลกับเกมรุกของทีมมากนัก พาเลซก็เปลี่ยนตัวรุกลงมา แต่เกมรุกไม่ต่อเนื่อง

_______ นาที 88 ตูเร่แทนเฟอมิโน่ จิกเอาชานที่ลงไปเล่นเซ็นเตอร์อยู่พักใหญ่ให้กลับมาอยู่ตรงกลาง ก็ยังเจาะไม่ได้เหมือนเดิม

_______ เกมทำท่าจะเสมอ แต่ทดเจ็บนาทีสุดท้าย จังหวะสุดท้ายของเกม เฮนโด้จ่ายบอลขึ้นหน้าตามช่องให้เบนเทเก้วิ่งตามบอลไปในเขตโทษ เดอลานี่ถลาเข้ามาหาแต่ตัดสินใจไม่สไลด์บอล ตัวไถลหัวเข่าไปสัมผัสโดนข้อเท้าเบนเทเก้ เบนเทเก้ร่วงทันที ผู้ตัดสินมารีเนอร์ไม่ได้เป่าให้ในอึดใจแรก แต่ไลน์แมนบอกว่าฟาล์ว มารีเนอร์เลยตัดสินใจให้จุดโทษ เบนเทเก้รับหน้าที่สังหาร ยิงสไตล์บาโลเตลี่เข้าไปได้สำเร็จ ส่งทีมให้พลิกกลับมาชนะพาเลซได้ 2-1 ทั้งๆ ที่เหลือสิบคน

-----------------------------------------

_______ จะบอกว่าคล็อปแพ้ทางพาร์ดิวก็คงพอได้มั้ง

_______ พาร์ดิวไม่ต่อบอล แต่เน้นวางยาวไปแดนหน้าซึ่งมันพอดีไปแก้ทางฟุตบอลวิ่งไล่ของคล็อปได้ ซึ่งต้องบอกว่าพาร์ดิวมีอาวุธครบมือจะเล่นได้แบบนั้นเพราะ โบลาซี่ ซาฮา อเดบายอ เอาบอลลงได้ไปกับบอลดี

_______ ปัญหาของพาเลซคือเข้าทำห่วยแตก เกมไม่ต่อเนื่อง และเกมรับพลาดง่าย ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาแพ้ในที่สุด ทั้งๆ ที่ไม่น่าแพ้

_______ ส่วนลิเวอร์พูล คล็อปเองก็คงอยากจะหมุนเวียนผู้เล่นบ้างถึงได้ส่งชุดนี้มา เขาแก้เกมได้ถูกจุดแล้วกับการส่งคูตินโย่ลงมาช่วย ส่วนการส่งเบนเทเก้แทนโอริกิ(แทนที่จะเล่นหน้าคู่) และส่งตูเร่ลงแทนเฟอมิโน่(แทนที่จะเก็บตัวรุกไว้ในสนาม) ก็ต้องไม่ลืมว่าทีมตอนนั้นเหลือ 10 คนนะครับ เปลี่ยนระวังตัวแบบนี้ก็โอเคแล้วน่า~

_______ ในเรื่องจุดโทษ เอ่อ...พุ่งครับ ถามว่ามีการสัมผัสตัวกันมั้ยผมเห็นว่ามีนะ หัวเข่าเดอลานี่ย์น่าจะไปเกี่ยวโดนข้อเท้าเบนเทเก้นิดหน่อย แต่ข้อสรุปผมยังเหมือนเดิมคือ พุ่งครับ

_______ ลูกนี้น่าจะคล้ายๆ กับจังหวะแอชลี่ย์ ยังโดนเกล็น จอห์นสันสะกิดเข้าให้ในแดงเดือดสมัยไหนสักปีจำไม่ได้ ครั้งนั้นผมว่าลูกนั้นไม่น่าเป็นจุดโทษ ลูกนี้ก็เช่นกัน

_______ ลิเวอร์พูลนัดที่ไม่ได้วิ่งไล่มากมายอะไรแบบนัดนี้ดูแล้วอึดอัดครับ แต่การชนะพาเลซได้(สักที) รวมไปถึงรักษาโอกาสได้ลุ้นที่ 4 ไว้ได้ต่อไปก็โอเคอยู่นะ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นดีแค่ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย

มินโยเล่ - เอาบอลขึ้นหน้าแย่ ช้า ไม่ตรงเพื่อน แต่เรื่องตำแหน่งยืนหรือการออกมาเล่นลูกกลางอากาศไม่มีข้อผิดพลาด

โมเรโน่ - รักษาตำแหน่งได้ดีขึ้นกว่านัดก่อนๆ แต่เข้าบอลไม่ดี เสียฟาล์วง่าย เอาบอลกลับมาได้น้อยไปหน่อย เชื่อมเกมแค่พอใช้ได้ไม่ถึงกับดี

ลอฟเรน - เข้าบอลถึงลูกถึงคนดีเหลือเกิน หยุดได้เด็ดขาดมาก มีสกัดบอลไม่ไปไหนให้เห็นนิดหน่อยแต่ไม่ได้แย่มากเหมือนช่วงพีคๆ ของเจ้าตัวแล้ว

ซาโก้ - ช่วยสกัดลูกเปิดเข้าเขตโทษได้เยอะ ตำแหน่งดี จ่ายบอลขึ้นหน้าได้ดี

ฟลานาแกน - คุมพื้นที่ดีแต่เข้าสกัดหรือบังบอลเปิดได้แย่ เชื่อมเกมเข้าขั้นแย่มาก คือคิดได้ดีแล้วกับการได้บอลแล้วพยายามจะเอาขึ้นหน้าให้เร็ว ไม่ย้อนหลังมากนัก แต่จ่ายบอลไปจริงๆ พลาดโดนตัดได้บ่อยเกินไป

ชาน - ขยับตัวน้อยเหลือเกิน โดยเฉพาะครึ่งแรกแทบไม่ได้ช่วยอะไรทีมเลย ครึ่งหลังคึกคักขึ้น เข้าถึงบอลและบังบอลได้ดีทีเดียว เชื่อมเกมใกล้ๆ ได้ดี

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกเล่นไม่ดีเช่นกัน เอาบอลขึ้นหน้าได้ช้าและน้อย ครึ่งหลังดีขึ้น และครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกมเชื่อมเกมได้ดีมาก รวมถึงจังหวะสำคัญที่ทำให้ทีมได้จุดโทษในช่วงท้ายเกม

ลัลลาน่า - ไล่บอลได้ประมาณนึง ขยันทำทางดีแต่พอได้บอลแล้วทำอะไรต่อไม่ได้

เฟอมิโน่ - ได้บอลพอสมควรแต่ทำอะไรต่อไม่ได้ จะทำชิ่งก็ไม่มีคนเล่นด้วย ให้แล้วไปก็ไม่ค่อยได้บอล(สวยๆ)คืน แต่จังหวะที่ส้มหล่นก็ทำได้ดีไม่พลาด

มิลเนอร์  - เชื่อมเกมไม่ดีนัก ไม่ค่อยลงมารับบอลด้านล่าง แต่ยังคงไล่บอลได้ดีอยู่ ขยันทำทางรับบอลอยู่ แต่การเข้าบอลไม่ระวังหลายครั้งก็ทำให้โดนไล่ออกไปในที่สุด

โอริกิ - วิ่งหาที่รับบอลได้ดี แต่ค้ำบอลไม่ดี จ่ายยัดให้เก็บหรือชิ่งไม่ได้ บอลโด่งก็เอาลงเล่นต่อได้น้อย

ตัวสำรอง

คูตินโย่ - พลิกบอลขึ้นหน้าได้ดีมาก เลี้ยงบอลดี เก็บบอลเหนียวแน่น เป็นส่วนสำคัญในการพลิกเกมของทีม

เบนเทเก้ - วิ่งหาที่รับบอลสู้โอริกิไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ยังพยายามขยับอยู่ตลอด ชิ่งบอลคืนให้เพื่อนได้นิดหน่อย มาทำได้ดี(อ่า...ถ้าหมายถึงทำให้ทีมได้ประโยชน์อ่ะนะ)คือจังหวะเรียกจุดโทษและยิงจุดโทษ

ตูเร่ - เก็บบอลไว้กับทีมได้เยอะขึ้น สกัดทิ้งน้อยลง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...คริสเตียน เบนเทเก้…ถ้าว่ากันด้วยฟอร์มและผลกระทบกับเกม คูตินโย่ต้องได้ MOM แต่ฟุตบอลไม่ใช่มวยไม่มีชนะคะแนน และไม่ใช่ยิมนาสติคความสวยงามไม่ได้ตัดสินผลลัพธ์ สามแต้มเต็มได้มาเพราะเบนเทเก้ครับ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.