วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 3-2 แอสตัน วิลล่า (พรีเมียร์ลีค)




…#SaveRodgers...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 3-5-2

---------------สเตอริดจ์-----------อิ้งค์-----------------
------------คูตินโย่-----------------มิลเนอร์------------
โมเรโน่-------------------ลูคัส-------------------ไคลน์
--------ซาโก้----------สเคอเทล---------ชาน---------
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ หลังจากโชว์เมพในบอลถ้วยไปเมื่อกลางสัปดาห์ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านอีกรอบรับมือวิลล่าในเกมลีค เบนเทเก้กับลอฟเรนยังเจ็บอยู่ 11 ตัวจริงเลยออกมาเป็นแบบข้างบน
-------------------------------------------------------

_______ 1 นาที 7 วิ ยิงเปรี้ยงแรกเข้าเลย ลิเวอร์พูลขึ้นเกมมาทางซ้าย คูตินโย่จ่ายยัดใส่ตัวมิลเนอร์รับบอลหน้าเขตโทษ เจ้าตัวแตะบอลแรกแล้วพลิกยิงเสียบเสาสอง 1-0

________ ลิเวอร์พูลออกนำเร็วและยังคงเดินหน้าเล่นเกมบุกต่อได้ดี เน้นเกมริมเส้นโดยเฉพาะเกมฝั่งซ้ายที่มีทั้งโมเรโน่และคูตินโย่ แผงกลางดันขึ้นสูง ส่วนทางวิลล่าช่วงต้นเกมยังพยายามเล่นเกมบุกโดยเน้นขึ้นบอลทางริมเส้นฝั่งชาน ได้เปิดบอลอยู่เหมือนกัน

_______ ผ่านไปราว 15 นาที ยิ่งเล่นวิลล่าก็ยิ่งถอยไปรับ เกมรุกไม่เอาแล้วเล่นอย่างกับนับอยู่ 3-4 ลูก ยืนหลัง 5 กลาง 5 หน้าไม่มี ทำให้ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่าเยอะ เกมริมเส้นบุกขึ้นไปได้เปิดบ่อย และการดันแผงกลางขึ้นไปสูงทำให้เก็บบอลจังหวะสองได้เยอะมากด้วย

_______ อย่างเดียวที่ยังสร้างปัญหาให้กับลิเวอร์พูลคือพวกเขาเอง หลายครั้งที่เก็บบอลสองได้แล้วแต่หนุนบอลขึ้นหน้าพลาด และบางครั้งบอลแนวรับก็สกัดบอลสาดมั่วถั่วขึ้นหน้าของวิลล่าได้ไม่ดีเอง

_______ เกมรุกของลิเวอร์พูลได้ลุ้นเยอะแต่ยิงเพิ่มไม่ได้ เกมรับพลาดแล้วแต่ยังไม่โดนลงโทษทั้งๆ ที่น่าโดนอย่างน้อยสองครั้งจากจังหวะการโหม่งของเกสเตด ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ได้แต่รำพึงว่าไม่ต้องพักครึ่งก็ได้มั้งเพราะทั้งสองฝ่ายไม่เปลี่ยนตัวและไม่เปลี่ยนวิธีการเล่น วิลล่ายังคงแช่แป้งในแดนตัวเองและลิเวอร์พูลยังเอิงเอยทิงนองนอยอยู่รอบๆ เขตโทษวิลล่าแต่เจาะไม่เข้า เปิดติด ยิงหลุดกรอบ

_______ แต่ในที่สุดแนวรับวิลล่าก็มาพลาดจนได้ พลาดง่ายๆ อีกต่างหาก นาที 59 สเตอริดจ์ได้บอลแล้วทำชิ่งกับมิลเนอร์จนหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษแบบไม่มีตัวเข้ามาเร่ง 2-0

_______ หลังจากตาม 2-0วิลล่าเปลี่ยนตัวทันทีและเริ่มขยับเกมรุกบ้างแล้วแต่กลายเป็นว่าลิเวอร์พูลมีช่องให้เล่นมากขึ้น เกมรุกบุกกดันได้มากกว่าช่วงก่อนหน้า แต่ยังยิงติดเปิดติดอยู่

_______ โลกของร็อด..เอ้ย~ ของลิเวอร์พูลเป็นสีชมพูอยู่ได้แค่ราว 5 นาทีก็ต้องตื่นมาพบความจริง นาที 66 วิลล่าขึ้นเกมรุกมาทางริมเส้นฝั่งซาโก้ ฮัตตันวิ่งสอดขึ้นไปมุมธงมีลูคัส(น่าจะใช่ ดูไม่ทัน)วิ่งตามไปแต่ปิดทางเปิดไม่ทัน บอลมาไม่โด่งและไม่แรงเท่าไหร่ ซาโก้ที่อยู่เสาแรกน่าจะพุุ่งเข้าไปสกัดได้แต่ไม่ทำ ปล่อยบอลเลยมากลางประตูให้เกสเตดได้ชาร์จลูกที่น่าจะง่ายที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขาเข้าไปได้ 2-1

_______ ยังจดรายละเอียดการทำประตูไม่ทันเสร็จ เงยหน้าขึ้นมา สเตอริดจ์ยิงให้ทีมหนีห่างได้ทันที ทันทีจากการเข้าทำแบบเดิมๆ และความผิดพลาดของแนวรับแบบเดิมๆ สเตอริดจ์ได้บอลแล้วทำชิ่งกับคูตินโย่ ตัวเองวิ่งทำทางเข้าไปได้ยิงในเขตโทษ 3-1

_______ ถึงตรงนี้เกมเปิดแลกใส่กันแล้ว วิลล่ากล้าเติมเกมรุกอย่างต่อเนื่องและลิเวอร์พูลก็พยายามจะโต้ไปตามพื้นที่ที่มีให้เล่น ลิเวอร์พูลได้โอกาสเยอะแต่ก็ทำเพิ่มไม่ได้สักที

_______ วิลล่าใช้ไม่นานในการทำประตู แค่นาที 71 จากการเปิดบอลจากทางฝั่งชานตั้งแต่ยังไม่ถึงเส้นหลัง เกสเตดขึ้นได้สูงกว่าซาโก้โถมโหม่งเข้าไปได้อีกให้สกอร์ขยับเข้ามาใกล้ 3-2

_______ เวลาที่เหลืออยู่ เกมโดยรวมยังเป็นลิเวอร์พูลที่ดีกว่าชัดเจนนั่นแหล่ะ แต่คุมเกมไม่ได้ แม้จะบุกเยอะ แต่การยิงไกลไม่ค่อยเข้ากรอบโดยเฉพาะจากเจ้าประจำคือคูตินโย่ ในขณะที่บอลเปิดจากริมเส้นไปโดนดักได้ตลอด ส่วนบอลตามช่องก็ออกแนวบอลหลุดคนไม่หลุดสลับกับคนหลุดบอลไม่หลุด

_______ ส่วนทางวิลล่าเติมกันขึ้นมาเล่นเกมรุกเยอะขึ้นแล้วแต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าโหมบุก และในเกมรับก็ยังรับมือแนวรุกได้ดีโดยเฉพาะจังหวะปิดเกมริมเส้นไม่ให้เปิดบอลที่มีคุณภาพเข้าไปได้ ทำให้จบเกมวิลล่าทำสำเร็จ...เอ๊~ เดี๋ยวๆๆ ไม่ใช่สิ ...จบเกมวิลล่าเลยไล่ตีเสมอไม่ทัน ลิเวอร์พูลเฉือนเอาชนะไปได้ 3-2

_______ ป.ล.อัลเลนได้ลงแทนสเตอริดจ์ในนาที 92 ไม่ต้องงงครับว่าลงไปทำไมตอนนั้น มีเฉลยช่วงท้าย :P
-----------------------------------------

_______ หลังผิงฝาสุดๆ แบบไม่มีทางถอยแล้วสำหรับร็อดเจอร์ก็เลยต้องจัดทีมที่มั่นใจที่สุดและเน้นเกมรุกที่สุดเท่าที่จะทำได้

_______ น่าสนใจสำหรับประตูที่เกิดขึ้นวันนี้ (ทั้ง 5 ลูกรวมทั้งสองฝั่ง) จนต้องยกขึ้นมาพูดถึงก่อน คือทุกประตูมีจุดร่วมเหมือนกันคือสมาธิของผู้เล่นแนวรับที่ไม่ได้เรื่องเลย

_______ประตูแรกทั้งเซ็นเตอร์และกลางรับวิลล่าปล่อยให้มิลเนอร์โล่งขนาดนั้นได้ยังไงในพื้นที่หน้าเขตโทษตัวเอง ประตูที่สองและสามของทางฝั่งลิเวอร์พูลเป็นจังหวะเข้าทำเหมือนกันเป๊ะคือ 1-2 ของสเตอริดจ์ ไอ้เรื่องบอลชิ่งเนี่ยไม่แปลกครับ แต่แปลกที่ทั้งสองครั้งไม่มีคนวิ่งตามสเตอริดจ์ไป สำหรับเกมรับแล้วเป็นความผิดพลาดที่น่าตบกะโหลกมาก บอลให้แล้วไปแบบนี้ไม่ว่าบอลจะย้อนมาที่คนวิ่งทำทางหรือไม่ยังไงต้องมีคนวิ่งตามครับปล่อยไปโล่งงั้นได้ไง นี่ยังไม่นับอีกสองสามครั้งที่มิลเนอร์เอย คูตินโย่เอย อิ้งค์เอย วิ่งหลุดเข้าไปในลักษณะคล้ายๆ กันด้วยแต่เข้าไม่ถึงบอลด้วยนะ หลังวิลล่าไม่ได้เล่นดีเลยวันนี้

_______ ส่วนสองประตูของทางฝั่งวิลล่าก็สะท้อนให้เห็นว่าแนวรับเราไม่มีสมาธิและดูจะสื่อสารกันไม่ดีด้วย ลูกแรกซาโก้ไม่ควรปล่อยอย่างยิ่งแต่ในขณะเดียวกันมินโยเล่ควรพร้อมจะเล่นกว่านั้นหน่อยมั้ย แล้วทำไมสเคอเทลหรือชานไม่วิ่งตามเกสเตดไปสักคน ลูกที่สองซาโก้ก็ดูเหมือนจะรู้ตัวช้ามากว่ามีเกสเตดวิ่งโถมมาจากด้านหลัง

_______ ทั้ง 5 ประตูนี้ความผิดพลาดของแนวรับมีส่วนกับประตูมากพอๆ กับความเด็ดขาดของคนยิงเลยครับ

_______ เกมนี้ลิเวอร์พูลเน้นเกมรุกมากจริงๆ จังหวะบอลอยู่กับเท้าเนี่ยไม่เท่าไหร่ ยังไงก็ต้องวิ่งเติมขึ้นไปนั่นแหล่ะ แต่ที่เห็นว่าเปลี่ยนคือแผงกลาง นัดนี้จะเห็นลูคัสยืนสูงขึ้นไปถึงราวๆ กลางแดนวิลล่าอยู่ตลอด จุดประสงค์คือการเก็บบอลจังหวะสองในเกมรุกให้ได้ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้หลายครั้งด้วย ทำให้บอลอยู่กับทีมเยอะ ซึ่งการเลือกเล่นแทคติคแบบนี้ผมว่าร็อดเจอร์เลือกได้ดีและลูกทีมก็ตอบสนองได้ดีด้วย บอลไปมุมธงได้เร็วและบ่อยจริงๆ

_______ เกมรุกยังคงตันๆ เหมือนเดิมแม้จะพยายามสร้างโอกาสให้เยอะแล้วในขณะที่เกมรับมีปัญหาหนักกว่าเพราะดันกลางขึ้นไปสูง จังหวะเก็บบอลสองไม่ได้หรือหนุนบอลพลาดขึ้นมาทีคู่ต่อสู้เก็บได้นี่โล่งยันเขตโทษตัวเองเลย รวมไปถึงเกมรับริมเส้นที่วันนี้แย่มาก วิงสองข้างลอยแล้วไม่ค่อยระวังตัวเติม ในขณะที่เซ็นเตอร์ด้านข้างก็ออกมาช่วยได้น้อยไปหน่อย

_______ การเปลี่ยนตัวแบบปริศนาเซ็นนี่ก็อีก นัดนี้เปลี่ยนตัวโดยการไม่เปลี่ยนตัวมันซะงั้น สเตอริดจ์ยิงได้ดีก็จริงแต่สภาพความฟิตและความคล่องหดหายไปเยอะมากน่าจะโดนเปลี่ยนออกเร็วกว่านั้น ไม่ต้องนับในรายอิ้งค์ที่วันนี้เล่นไม่ออก แต่ทั้งคู่ได้เล่นครบ 90 นาที ส่วนการเปลี่ยนอัลเลนลงมาตอนนั้นถ้าดูจากรูปเกมก็ต้องถามว่าทำไปเพื่อ!? อย่าว่าแต่ความ “ไม่” พยายามปิดเกมริมเส้นคู่ต่อสู้ซึ่งดูจะเป็นอันตรายอย่างเดียวจากทางฝั่งวิลล่า ร็อดเจอร์มีทางเลือกเพียบเลยครับ(เพราะนำอยู่ตลอด) จะสั่งแบ็คให้ยืนต่ำหน่อยมั้ย, เซ็นเตอร์ตัวริมยืนถ่างออกมาหน่อยมั้ย, ปรับหลัง 4 ให้ริมเส้นมีตัวผู้เล่นสองคนตลอดมั้ย

_______ ไม่อ่ะ ไม่ทำสักอย่าง ปล่อยให้เค้าขึ้นริมเส้น เปิดบอลเข้ามาจนเป็นประตูได้ฝั่งละครั้ง

_______ อย่างไรก็ตาม นัดนี้ที่เกมและสกอร์มันออกมาเป็นแบบนี้ต้องให้เครดิตพี่คนนี้ครับ...

_______ ทิม เชอร์วู๊ด!

_______ ไม่รู้อะไรดลใจให้พี่แกเลือกเล่นเกมรับอยู่ร่วมหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นหนึ่งชั่วโมงที่ทีมพี่แกเป็นฝ่ายตามหลังด้วยนะ คือถ้าใครได้ดูก็จะเห็นได้ว่าช่วงต้นเกมเนี่ยวิลล่ายังบุกอยู่ เกมรุกไม่ได้ต่อเนื่องอะไรนัก และได้เปิดบอลก็ไม่มาก แต่ก็ยังมีจังหวะได้ลุ้นประตูในระดับที่ “หวังได้” อยู่เหมือนกัน แล้ววิธีการบุกของพวกคือการโยนบอลจากเส้นข้างโดยที่มีเกสเตดรอชาร์จเนี่ยโคตรจะของแสลงแนวรับลิเวอร์พูลเลยด้วยครับ ถึงอย่างนั้นพี่แกเล่นไปเล่นมากลับถอยไปรับ ส่วนอีกช่วงที่กลับมาบุกอีกครั้งคือโดน 2-0 ไปนั่นแหล่ะ ซึ่งภาพที่ออกมาก็คล้ายช่วงต้นเกม คือไม่ต่อเนื่องแต่ได้ลุ้นแล้วคราวนี้ได้ประตูอีกต่างหาก

_______ ถ้าเลือกบุกแต่แรก ไม่ต้องโหมหรอกเอาแค่ระดับที่เล่นในช่วงต้นเกมนั่นแหล่ะ รับรองว่าพี่ร็อดฯ เอ้ย~ ลิเวอร์พูลมีกระอักครับ

_______ นี่ยังไม่นับเรื่องสั่งให้ลูกทีมถอยหลังรับด้วยนะ ช่วงกลางๆ ครึ่งหลังช่วงประมาณที่ยิงกันรัวๆ นั่นล่ะ วิลล่าวิ่งไล่บอลเต็มสนามลิเวอร์พูลก็มีปัญหาเหมือนกันแต่พวกเขาก็ดันไม่เล่นแบบนั้นให้มันตลอด โดยรวมแล้วต้องบอกว่าวิลล่าเล่นอย่างกับไม่รู้ว่าลิเวอร์พูลมีปัญหาตรงไหนซะอย่างนั้นอ่ะครับ

_______ ...สรุปพี่เชอร์วู๊ดแกจะ #SaveRodgers ใช่มั้ย -”-
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันไม่ค่อยดีเท่าไหร่

มินโยเล่ - โชว์มือไม้อ่อนไปหนในครึ่งแรกแต่ไม่โดนลงโทษ ไม่ค่อยกดดันไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเท่าไหร่ ทั้งสองลูกที่เสียไปคงยากที่จะเซฟแต่ควรจะมีปฏิกิริยาที่พร้อมจะเล่นมากกว่านั้น นี่ทั้งสองครั้งมินโยเล่ยืนแบบหมดสภาพนักศึกษาเลย~

โมเรโน่ - เล่นเกมรุกเป็นอย่างเดียวเลย นัดนี้ไม่ใช่เล่นเกมรับพลาดแต่คุณน้องแทบไม่เล่นเลยครัชช ยังดีที่ครึ่งแรกมีจังหวะวิ่งตามคนเลี้ยงจี้มาสไลด์ทิ้งได้หลายครั้งแต่ต้องหักลบกับการอ่านเกมไม่ดี บางครั้งวิ่งตามไปไล่บอลมั่วซั่วมากไปหน่อย สำหรับเกมรุกทำได้ดีมากกับการวิ่งทำทาง เปิดบอลกดดันคู่ต่อสู้ได้บ้างแต่ไม่คมเท่าไหร่ เชื่อมเกมได้ดี

ซาโก้  - ยับ บอลเรียดไม่พลาด สกัดบอลก็ขาดดี แต่ถ้าต้องดวลกลางอากาศกับเกสเตดนี่สู้ไม่ได้จริงๆ

สเคอเทล - ช่วยเคลียร์บอลจากกรอบได้น้อยไปหน่อย คือบอลโยนมานี่พี่แกหาไม่ค่อยเจอ แต่ยังประกบคู่ต่อสู้ได้พอใช้

ชาน - ชานมีจังหวะงามไส้หนเดียวในครึ่งแรกที่สกัดบอลตั้งให้เกสเตดยิงเฉ๊ย~ แต่นอกนั้นชานเล่นได้ดี เกมรับที่ไม่โดนกดดันมากนักไม่มีอะไรผิดพลาด(อีก) ผ่านบอลขึ้นหน้าได้ดี เพื่อนไม่ว่างก็พาบอลขึ้นเองได้+วิ่งไปรองบอลตันๆ คืนมาได้เร็ว

ไคลน์ - เติมเกมบ่อยแต่ได้เล่นกับบอลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนนึงเป็นเพราะมิลเนอร์ออกบอลเกมรุกไม่ดีเท่าคูตินโย่, คู่กองหน้าไม่ค่อยฉีกมารับบอลฝั่งนี้ แต่เกมรับทำได้ดีกว่าโมเรโน่เยอะ อ่านเกมได้ดีกว่ารู้ว่าตอนไหนควรลงให้เร็ว ปิดการเปิดบอลพอใช้ได้

ลูคัส - ยืนสูงคอยดักเก็บบอลสองและหยุดการเปลี่ยนรับของคู่ต่อสู้ได้ดี โดยเฉพาะครึ่งแรกที่ทำได้ดีมากๆ แต่มีปัญหากับการจ่ายบอลย้อนไปข้างหน้าที่พลาดมากกว่าที่ควร บางทีรีบร้อยเกินไปหน่อยจนเสียบอลเร็ว ส่วนจังหวะที่คู่ต่อสู้พลิกหนีได้ก็ลาก่อย~

มิลเนอร์ - การออกบอลเกมรุกยังน่าผิดหวังอยู่ แต่เชื่อมเกมกลางสนามได้ดี ดีมาก ขยันหาที่ว่างและขยับเข้าไปรับบอลอยู่ตลอด เกมรับก็ช่วยวิ่งไล่ตั้งแต่จังหวะทีมเสียบอลได้ดี จังหวะยิงประตูแรกเร็วทำได้งามหยดทั้งการจับการยิง

คูตินโย่ - เน้นไปเชื่อมเกมมากขึ้น ออกบอลเกมรุกได้ดีที่สุดในทีมแล้ว คือให้แล้วเพื่อนเอาไปทำเกมรุกต่อได้เลย แต่กับบอลคิลเลอร์พาสนี่ยังไม่มีมาให้เห็น เช่นเดียวกับการยิงไกลที่ยิ่งยิงน้ำตาคนดูก็ยิ่งไหล

อิ้งค์ - ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ดีขึ้นแต่ยังไม่ดีพอถึงขั้นน่าพอใจ จังหวะเล่นในเขตโทษยังขาดๆ เกินๆ มีส่วนร่วมกับเกมน้อย ที่ยังดูดีคือความขยันไม่ได้ลดลง ขยับหาช่องเล่นตลอด วิ่งตามไปเร่งไปแซะคู่ต่อสู้ได้บ่อยด้วย

สเตอริดจ์ - เอาจริงๆ จังหวะการเล่นยังไม่ดีเท่าไหร่ ความคล่องยังเทียบไม่ได้กับช่วงพีคๆ การเลี้ยงบอลจี้ก็ไม่น่ากลัว การกระชากบอลยิ่งแล้วใหญ่ช้าไปเยอะเลย ท้ายเกมก็ดูไม่ค่อยจะมีแรงว่ิ่ง แต่ที่ยังไม่หายไปไหนคือความคมในการจบสกอร์ เท่าที่จำได้คือได้ยิงในกรอบเขตโทษ 4 ครั้งเข้ากรอบหมด ได้สองประตู ติดบล็อค 1 ติดเซฟปลายมือ 1 ถือเป็นการยิงที่มีประสิทธิภาพเอามากๆ

ตัวสำรอง

อัลเลน - ได้ลงเล่นเป็นนัดที่ 200 ในเกมลีคในชีวิตค้าแข้ง...คงเป็นสาระเดียวที่ร็อดเจอร์ส่งเค้าลงสนาม

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ทิม เชอร์วู๊ด…สองประตูของสเตอริดจ์มีผลกับแต้มและรูปเกมมาก, ยิง 1 จ่าย 1 ตะบึงทั่วสนามของมิลเนอร์ก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน แต่จับสองคนนี้มัดรวมกันอิมแพคยังไม่เท่ากลยุทธโดนตีหัวแต่วิ่งเข้าบ้าน+เห็นแผลแต่ยืนดูของเชอร์วู๊ด
------------------------------------------------------------

ป.ล. เรื่องเชอร์วู๊ดนี่แซวเล่นเฉยๆ นะครับ มืออาชีพระดับนี้เค้าไม่มาเล่นเป็นเด็กๆ แบบแกล้งแพ้หรือทำงานไม่เต็มที่หรอก
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 1-1 นอริช


…พอเห็นโลงศพ เริ่มหลั่งน้ำตา...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 3-5-2

---------------เบนเทเก้----------สเตอริดจ์------------
------------คูตินโย่-----------------มิลเนอร์------------
โมเรโน่-------------------ลูคัส-------------------ไคลน์
--------ซาโก้----------สเคอเทล---------ชาน---------
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับนอริชที่เจอกันพักหลังๆ ยิงกระจายทุกครั้ง นัดนี้แบรนดอน ร็อดเจอร์ ที่กำลังเก้าอี้ร้อนรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ตัดสินใจปรับทีมขนานใหญ่ เลือกเล่นหน้าคู่มาแต่ไกลเลย แต่ยังคงแผนหลัง 3 ไว้ ตำแหน่งการเล่นตามผังด้านบน
-------------------------------------------------------

_______ ต้นเกมลิเวอร์พูลเล่นเร็ว เร่งเกม วิงแบ็คสองข้างลอยสูงตลอด ได้เปิดบอลเข้าไปลุ้นบ่อยแต่ก็พลาดบ่อย ส่วนนอริชเริ่มจากการตั้งรับในแดน เกมรุกเน้นเจาะริมเส้นฝั่งโมเรโน่+ซาโก้แต่ยังผ่านไม่ได้

________ ผ่านไปราว 15 นาที นอริชเริ่มหันมาไล่แดนหน้าอย่างเต็มตัวซึ่งก็ได้ผล ลิเวอร์พูลทำเร็วแบบต้นเกมไม่ได้เร็ว ขึ้นเกมลำบาก โดนบีบให้ต้องตั้งเกมช้าลงและบอลไปข้างหน้าได้น้อยลง ส่วนเกมรุกของนอริชแดนกลางจ่ายบอลหนีตัวไล่ได้ดีมาก กลางลิเวอร์พูลไล่ไม่จน แต่เกมรุกริมเส้นจังหวะที่จะเปิดบอลทำไม่ดี สร้างโอกาสไม่ได้

_______ ตลอดครึ่งแรก ลิเวอร์พูลได้ลุ้นจากการเปิดบอลจากริมเส้นเป็นหลัก โดยเฉพาะโมเรโน่ที่เปิดบอลได้ลุ้นได้จบอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายแล้วยังไม่คมพอ ส่วนนอริชเก็บบอลจังหวะสองได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่จังหวะโต้ทำได้ไม่ดี ทำได้แค่ตัดบอลมาครองเอาไว้ได้มากกว่าแค่นั้น จบครึี่งแรกยัง 0-0

_______ ช่วงพักครึ่ง อิ้งค์ได้ลงแทนเบนเทเก้ที่มีอาการบาดเจ็บ นอริชกลับลงมาเร่งเกมรุกได้น่ากลัว วิ่งไล่เร็วและเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกกันเยอะ กดดันได้ต่อเนื่องแต่ในที่สุดกลับเป็นการเร่งจนพลาดไปเอง นาที 48 จังหวะที่นอริชเก็บบอลได้แล้วพยายามจะเปิดเร็ว ลูคัสวิ่งเข้าไปเร่งตัวเปิดจนบอลออกสั้น โมเรโน่ตัดบอลได้กลางสนามก่อนรีบเปิดสวนให้อิ้งค์ได้วิ่งหลุดเข้าไปยิงมุมแคบเข้าไปได้ 1-0

_______ หลังจากได้ประตูเกมก็เปลี่ยน นอริชยังคงพยายามจะเร่งเกมรุกต่อ ในขณะที่ลิเวอร์พูลเล่นแบบมั่นใจขึ้นและเดินเกมรุกต่อเช่นกัน สามารถจ่ายบอลเล่นงานช่องว่างระหว่างคู่เซ็นเตอร์กับแบ็คของนอริชได้ตลอด บอลไปถึงเขตโทษบ่อย และได้เปิดบอลเข้าทำเยอะมาก แต่ยังเพิ่มสกอร์ไม่สำเร็จ

_______ ทางด้านนอริช เกมโต้ทางฝั่งขวา(ซาโก้+โมเรโน่)เริ่มทำงานได้ดีขึ้น แม้จะยังไม่ค่อยได้เปิดบอลแต่บอลไปถึงบริเวณมุมธงได้หลายครั้ง นาที 61 ก็มาตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะเตะมุม บอลเปิดโด่งเข้ามากลางประตูแถวหน้าเส้น 6 หลา มินโยเล่ตัดได้ถึงบอลจริงแต่เบามาก บอลไม่ไปไหนตกอยู่ในเขตโทษ มาร์ตินเก็บบอลพักอกแล้วกระดกข้ามมินโยเล่เข้าไปได้ง่ายๆ 1-1

_______ หลังจากสกอร์ขยับอีกครั้ง นอริชที่เร่งเกมมาพักใหญ่ก็ถอยกลับไปรับในแดน เน้นเกมรับ-โต้ขึ้นไปทางฝั่งขวา (ซาโก้+โมเรโน่) พอใช้ได้ ในขณะที่ลิเวอร์พูลรีบเปลี่ยนตัวเอาลัลลาน่าลงแทนสเตอริดจ์ที่ดูยังไม่ค่อยฟิตออก เร่งเกมเปิดเกมรุกแลกเต็มตัว ได้ลุ้นเปิดลุ้นยิงเป็นระยะ

_______ นาที 72 เฟอร์มิโน่ได้ลงแทนลูคัส ลิเวอร์พูลปรับกลับมาเล่นหลัง 4 เอาชานยืนกลาง มิลเนอร์ขวา ลัลลาน่าซ้าย แม้จะเล่นหลัง 4 แล้วแต่แบ็คทั้งสองฝั่งยังเติมสูงเหมือนเดิม ถึงตรงนี้เกมเปิดแลกกันเพราะพื้นที่ด้านหลังมีให้เล่นเยอะทั้งสองฝ่าย มีลุ้นประตูทั้งคู่ด้วย

_______ นาที 78 ลิเวอร์พูลน่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆ จากจังหวะโต้เร็วที่คูตินโย่ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ มีอิ้งค์วิ่งตีคู่รออยู่ตรงกลางและคูตินโย่เองก็ไม่มีตัวมาเร่ง แต่จังหวะสุดท้ายคูตินโย่ตัดสินใจยิงเองไปติดเซฟซะอย่างนั้น

_______ 10 นาทีท้าย ลิเวอร์พูลเร่งเกมรุกเต็มที่ ได้เปิดได้ยิงแต่ไม่ได้ประตู ในขณะที่นอริชหันมาเล่นระวังตัวมากขึ้น มีช่องค่อยทำ จังหวะรุกไม่เติมเยอะเหมือนช่วงก่อนหน้า เน้นเอาแค่ตัดบอลมาครองไว้ ลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งลนจนกดดันได้ไม่ค่อยต่อเนื่อง สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จจบเกมที่สกอร์ 1-1
-----------------------------------------

_______ หลังจากพักผู้เล่นไว้หลายคนในเกมยุโรป มานัดนี้ร็อดเจอร์ก็จัดทีมที่น่าจะดีที่สุดเท่าที่เขามีตอนนี้ลงสนาม(ซักที) จาก 11 ตัวจริง ผมว่ามีแค่สเตอริดจ์คนเดียวเท่านั้นที่น่าตั้งคำถามเกี่ยวกับความฟิต แต่สำหรับรายชื่ออื่นไม่น่ามีดีไปกว่านี้แล้วครับ

_______ ...แล้วทำไมไม่ชนะ?

_______ ก่อนอื่นในรายของสเตอริดจ์ที่ได้ลงตัวจริงนั้น ผมว่าโอเค คือเรื่องของเรื่องร็อดเจอร์กำลังเก้าอี้ร้อนสุดๆ ใครก็รู้ การที่เขาจะเลือกผู้เล่นที่เขาคิดว่าไว้ใจได้ที่สุดลงสนามมันก็เข้าใจได้และสภาพความฟิตเท่าที่เห็นสเตอริดจ์ก็เล่นได้เต็มที่อย่างน้อยก็คือ 45 นาทีซึ่งเพียงพอแล้วกับการเป็นตัวจริง อันนี้คราวซวยมาเยือนเพราะเบนเทเก้เจ็บมากกว่าเลยทำให้ท้ายเกมเหลือกองหน้าแค่คนเดียว ถ้าเบนเทเก้ไม่เจ็บ ผมคิดว่าร็อดเจอร์น่าจะเปลี่ยนอิ้งค์ลงมาแทนสเตอริดจ์ในราวๆ นาที 60 อยู่ดี ดังนั้นผมคิดว่าการใช้สเตอริดจ์เป็นตัวจริงผมว่าไม่ใช่เรื่องผิดพลาด

_______ ผมยังคงไม่เห็นด้วยเท่าไหร่กับการเล่นหลัง 3 ด้วยเหตุผลเดิมๆ คือระยะยาวไม่น่าเวิร์ค+ไม่อยากให้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ภาพรวมของทีมชุดใหญ่ไม่ได้เอื้อให้ทีมเล่นหลัง 3 ได้จริงๆ เพราะใครไม่อยู่เข้าสักคนก็เล่นให้มีประสิทธิภาพไม่ได้แล้ว การต้องเปลี่ยนมาเล่นหลัง 4 กลางเกมก็พิสูจน์เรื่องนี้ให้เห็นอยู่ ยิ่งถ้าดูจากเกม 70 นาทีช่วงที่ยังเล่นหลัง 3 จะเห็นว่าชานเองก็ต้องเติมขึ้นมาสูงอยู่บ่อยครั้งเพื่อจะทำให้เกมมันไปข้างหน้า โดยเฉพาะเกมรุกฝั่งขวาถ้าชานไม่ขึ้นก็ไปไม่ได้ บอลตายหลายครั้ง ก็เลยสงสัยว่าไม่ดันชานขึ้นไปเล่นตรงกลางให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าหลัง 3 หลัง 4 อะไรนี่ยังไม่ได้ส่งผลต่อเกมโดยรวมเท่าไหร่ครับ เพราะชานเองก็ดันขึ้นช่วยแดนกลางบ่อยมากนั่นแหล่ะ

_______ การเปลี่ยนตัวก็ทำได้ดีแล้ว เบนเทเก้เจ็บก็เปลี่ยนกองหน้าลงมา สเตอริดจ์ไม่ไหวก็เปลี่ยนออก และตัดสินใจเปลี่ยนตัวรับส่งตัวรุกตั้งแต่ก่อนถึง 15 นาทีสุดท้ายด้วยซ้ำ นอกจากนั้นการเลือกเล่นเกมรุกอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นยันจบเกมก็ดูดีมากด้วย

_______ สิ่งที่ทำให้ไม่ชนะ นัดนี้ผมว่าเป็นเพราะฟอร์มส่วนตัวของผู้เล่นมากกว่าแทคติค ถ้าให้ชี้เฉพาะเจาะจงกันลงไปก็เป็นคูตินโย่กับการใช้โอกาสร่วม 7-8 ครั้งเสียของหมด และอาการมารยาทงามของมินโยเล่ (คนอื่นไม่ใช่ไม่มีพลาดแต่สองคนนี้ส่งผลชัดในเรื่องสกอร์) รวมไปถึงทีมเวิร์คที่ดูมีปัญหา การเปิดบอลแบบรู้ใจกันไม่มีเลย ต้องรอให้มีช่องให้เห็นๆ นั่นแหล่ะถึงเปิดได้ ก็เล่นปรับไปปรับมาทั้งตัวผู้เล่นทั้งแทคติคนี่นะ จะไปเข้าขากันได้ยังไง

_______ นับเฉพาะนัดนี้ ผมไม่โทษร็อดเจอร์กับผลเสมอครับ แต่...

_______ มีแต่แน่นอน

_______ พอมองย้อนไปก็ชวนให้คิดว่าทำไมเขาถึงดื้อนัก โมเรโน่เอยซาโก้เอย ลงมาแล้วผลงานไม่เคยแย่กว่าโกเมสกับลอฟเรนเลยสักนัด(ฤดูนี้) แต่นี่พึ่งจะเป็นนัดแรกในลีคที่ทั้งคู่ได้เป็นตัวจริงพร้อมกัน ยิ่งในรายของโมเรโน่ยิ่งน่าเจ็บใจมากครับเพราะคนที่ได้ลงแทนไม่ใช่แม้แต่แบ็คซ้ายธรรมชาติด้วยซ้ำ

_______ การเลือกเล่นหน้าคู่ ที่จริงก็เล่นได้ตั้งแต่เปิดฤดูเพราะทั้งอิ้งค์ทั้งเบนเทเก้ฟิตมาตลอด รวมไปถึงปีกแท้ๆ ในทีมก็ไม่มี กลางรุกที่ฟอร์มไปวัดไปวาได้มีแค่คนเดียวคือคูตินโย่ แต่ดันยัดกองกลางมาเพียบทุกนัด อันนี้เป็นกรณีเดียวกับการเลือกเล่นเกมรุก แบ็คเติมสูง ซึ่งเล่นได้ตั้งนานแล้ว ทั้งไคลน์ ทั้งโมเรโน่ นี่เป็นแบ็คที่พร้อมจะบุกเพราะเร็ว, เลี้ยงและเปิดได้ทั้งคู่ กลับเลือกที่ดองทั้งคู่ไว้ในฝั่งตัวเองซึ่งไม่สร้างประโยชน์อะไรสักเท่าไหร่

______ ทั้งหลายทั้งปวง ทำไมถึงพึ่งมาเล่นนัดนี้ ทำไมต้องรอให้มันเข้าตาจนขนาดนี้ด้วย?

______ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาสามปีกว่ากับร็อดเจอร์ เราจะได้เห็นกรณีคล้ายๆ กันนี้ทุกฤดู กรณีอย่างอัลเลนก็ดี, เจอราร์ดยืนต่ำคนเดียวก็ดี, ลอฟเรนหรือบาโลเตลี่ก็ดี ฯลฯ ร็อดเจอร์ต้องรอจนสถานการณ์มันเข้าตาจนแบบนี้ทุกครั้งถึงได้กล้าทำในสิ่งที่จริงๆ แล้วมันไม่ได้พิสดารอะไรเลยคือแค่เอาคนที่ควรลงลงมา, เล่นในแผนที่เหมาะกับผู้เล่นที่มี

______ ซ้ำร้ายคือพอสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ร็อดเจอร์ก็จะแอบปรับทีมกลับไปเป็นแบบเดิมทุกครั้งไป

______ ได้แต่หวังว่าความพยายามจะกลับมาของร็อดเจอร์ครั้งนี้จะ “ช้าไป” สำหรับบอร์ดบริหารครับ ไม่งั้นก็วนกันลูปเดิมนั่นแหล่ะ แม้นัดนี้จะดีขึ้นแต่ผมยืนยันคำเดิมว่า “อย่างช้าก็ต้นธันวานี้เถอะ”
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันใช้ได้

มินโยเล่ - ตำแหน่งยืนดี ออกมาปิดมุมได้เร็ว อ่านเกมอยู่ตลอด เขาพลาดจริงๆ แค่ครั้งเดียวคือจังหวะเสียประตูที่ปัดบอลไม่ไปไหน ซึ่งเขาเองก็ปัดบอลลักษณะนี้ให้เห็นบ่อยๆ นัดนี้ซวยพลาดแล้วโดนแค่นั้นเอง

โมเรโน่ - เล่นเกมรุกเป็นหลัก วิ่งเติมได้อร่อยมาก รับบอลไปเปิดได้เยอะ เปิดบอลกดดันดีด้วย สร้างโอกาสได้มากที่สุดในทีมแล้ว ประตูที่ได้เขาก็เป็นคนแอสซิส ส่วนเกมรับลงไปช่วยน้อยเหลือเกิน ซาโก้รับเละคนเดียว

ซาโก้  - ครึ่งแรกเล่นได้ยอดเยี่ยมมาก ตัวต่อตัวเก็บได้หมดและดักตัดบอลก่อนถึงคู่ต่อสู้ได้เยอะ พอครึ่งหลังเริ่มเล่นไม่ดีเท่าครึ่งแรก คู่ต่อสู้เริ่มเอาบอลไปถึงมุมธงและได้เปิดบ้างแล้ว แต่โดยรวมแล้วยังเป็นนัดที่ซาโก้เล่นได้ดี

สเคอเทล - ครึ่งแรกเล่นได้ดีมากเช่นกัน ครึ่งหลังยังคงทำได้ดีกับการโหม่งสกัดและเก็บบอลเล่น แต่เริ่มมีปัญหากับการประกบตัวที่วิ่งทำทางเข้ามาในเขตโทษ แม้คู่ต่อสู้จะเปิดบอลจากสุดเส้นหลังเข้ามาได้ไม่กี่ครั้ง แต่มีอย่างน้อยสองครั้ง(เท่าที่จำได้) ที่เป็นตำแหน่งที่เขาควรจะตัดได้แต่ทำไม่ได้ ซึ่งถ้าสองครั้งนั้นคนชาร์ฺจคมกว่านี้ทีมแพ้ไปแล้วครับ

ชาน - เกมรับแทบไม่ต้องเล่น คู่ต่อสู้ไม่ได้บุกมาฝั่งนี้หรือจังหวะที่มาบ้างก็เสร็จไคลน์ไปหมดแล้ว ทำได้ดีกับการเก็บบอลเล่นและเอาบอลขึ้นหน้า โดยเฉพาะจังหวะพาบอลขึ้นมาเองทำได้ดีหลายครั้ง เปิดช่องให้เพื่อนได้เล่นง่าย ช่วงที่ดันขึ้นมาเล่นกลางก็ยังจ่ายบอลได้ดี

โกเมส - สุดยอด ฟอร์มดีที่สุดตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา

ไคลน์ - เติมเกมรุกเยอะเช่นกันแต่ได้เปิดบอลน้อยกว่าโมเรโน่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนเล่น/ให้บอลไปที่มุมธงเท่าไหร่ เชื่อมเกมและเล่นเกมรับได้ดี

ลูคัส - ราวๆ 15 นาทีแรก จังหวะไม่ค่อยดี เปิดพลาดวิ่งไม่ทัน แต่หลังจากเปิดบอลให้เพื่อนได้ลุ้นอยู่หนนึงแล้วเหมือนมั่นใจขึ้น กลับมาเล่นได้ดีเฉยเลย ทั้งเปิดบอล ทั้งวิ่งไล่ ทั้งดักตัดบอล พอเข้าครึ่งหลังช่วงที่เกมเปิดแลกกันอยู่พักใหญ่เริ่มวิ่งไม่ทัน ลงไม่ทัน จนสุดท้ายโดนถอดออกไป

มิลเนอร์ - เล่นพลาดเยอะมาก ตลกร้ายคือแทบทุกครั้งเห็นว่าไอเดียของเขาดีมากแล้ว ชนิดที่ถ้าผ่านไปได้ก็ได้ยิงโล่งๆ หรือเปิดแบบเลือกคนชาร์จเลย แต่ดันทำแบบที่คิดไม่ได้ ผิดน้ำหนักบ้าง วิ่งช้าไปบ้าง

คูตินโย่ - เล่นไม่ออก เชื่อมเกมได้น้อย เขาทำได้ดีกับการหาจังหวะยิงที่หาได้เยอะเหลือเกิน แต่ยิงแต่ละทีนี่แทบจะปิดไฟนอน ยิ่งนาที 78 ที่หลุดเดี่ยวไปนี่ทีวีแทบพัง ข้างบ้านแทบด่าครับ

เบนเทเก้ - พอเล่นคู่สเตอริดจ์แล้วไม่รู้จะเอาตัวไปวางไว้ไหน พยายามจะเล่นแบบกองหน้าตัวชงแล้วแต่ก็ไม่รู้ใจกันกับเพื่อน เป็นนัดที่เขาสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้น้อยกว่าที่ควร

สเตอริดจ์ - เล่นเหมือนลืมว่าทีมเล่นหน้าคู่ เพื่อนมีค้ำอยู่ไม่ค่อยให้ จังหวะให้ก็เหมือนลืมว่านี่เบนเทเก้ไม่ใช่ซัวเรสหรือสเตอลิ่ง ความฟิตยังไม่ดีนัก แต่การจับบอล เรียกฟาล์ว พักบอลให้เพื่อนนี่ถือว่าดีเลย

ตัวสำรอง

อิ้งค์ - นึกถึงเบลามี่ขึ้นมาเลยครับ เร็ว+ขยัน+โวยวาย+รอยสักที่แขน+เล่นเหมือนนาทีสุดของการทดเจ็บอยู่ตลอดเวลา ถ้าเขาดึงช้าบ้างก็จะดีกว่านี้เอง แต่กับฟอร์มตอนนี้ก็พอทำให้อุ่นใจได้ว่าเราจะไม่ต้องเห็นโอริกิบ่อยนักและสเตอริดจ์ยังพักได้เท่าที่ต้องการ

ลัลลาน่า - ลืมพ่อม้าน้ำคนเก่าไปเลย สองนัดมานี่เลิกม้วนแล้ว ยังคงมีส่วนกับเกมไม่มากเท่าไหร่แต่มีดีตรงที่ใจคิดจะรุก บอลไปข้างหน้าตลอด กล้าเล่นและพอจะสร้างโอกาสได้ด้วย

เฟอมิโน่ - นัดนี้ลงมาช่วยทีมได้จริง จับบอลดี จ่ายบอลไปที่ว่างและจ่ายตามช่องได้มากหลายครั้ง พอเลิกโชว์แล้วดูดีขึ้นเยอะเลย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...อัลแบร์โต้ โมเรโน่… นับเฉพาะครึ่งแรก ซาโก้ มาแน่นอน ถ้าเกมจบที่ 1-0 อิ้งค์ก็ยังน่าสนใจ แต่พอเป็นแบบนี้แล้วโมเรโน่ดูดีที่สุดกับฟอร์มการเติมเกมรุกและเปิดบอลได้ลุ้นหลายครั้ง ทำ 1 แอสซิสด้วย
------------------------------------------------------------

ป.ล. ผมพยายามจะเขียนให้เป็นกลางที่สุดมาเสมอแหล่ะ แต่ต้องขอหมายเหตุไว้หน่อยว่าผมนี่ FC โมเรโน่ นะครับ ใครอ่านแล้วคิดว่าผมอวยเจ้านี่เยอะไปก็แชร์ความเห็นกันได้ (นี่อาจเป็นเหตุผลที่ผมถล่มโกเมสหนักมาตั้งแต่เปิดฤดูก็เป็นได้ 555+)

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

บอร์กโดซ์ 1-1 ลิเวอร์พูล (ยูโรป้า)


…#ร็อดเจอร์เป็นคนตลก...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 3-4-2-1

---------------------------โอริกิ-------------------------
------------คูตินโย่----------------ลัลลาน่า------------
โมเรโน่------รอสสิเตอร์--------------ชาน-------ไอบ์
---------ซาโก้------------ตูเร่----------โกเมส---------
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นยูโรป้าลีคนัดแรกด้วยการออกไปเยือนบอร์กโดซ์ที่ฝรั่งเศษ นัดนี้ร็อดเจอร์จัดทีมเน้นตัวตัวสำรองผสมเด็กดาวรุ่ง รวมไปถึงหันกลับมาเล่นหลัง 3 อีกครั้ง
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายยังเล่นกันอย่างระวังตัว ไม่ค่อยเติมเกมและเล่นกันช้า ทางฝั่งลิเวอร์พูลต่อบอลกันไม่ค่อยเนียน พลาดกันเองเยอะ ส่วนบอร์กโดซ์คุมพื้นที่สูงแต่จังหวะเข้าทำก็ช้าและไม่แม่นยำ

________ ยิ่งเล่นลิเวอร์พูลที่ไม่ได้ดันสูงอยู่แล้วยิ่งถอยต่ำลง แม้จะตัดบอลกลับมาได้ก็จะเสียคืนไปอย่างเร็วเพราะข้างหน้าไม่มีคนรอรับบอลนอกจากโอริกิคนเดียว ส่วนบอร์กโดซ์ได้บอลมาครองมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จังหวะเข้าทำยังไม่พัฒนา

_______ นาที 28 ตูเร่ที่เจ็บตั้งแต่ต้นเกมก็เล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนตัวออก คิริเบย่า ดาวรุ่งชาวสเปนได้ลงมาแทนและทำให้ต้องเปลี่ยนตำแหน่งกันวุ่นวาย ชานถอยลงมาเล่นเซ็นเตอร์แบ็คขวา โกเมสหุบเข้าไปเล่นตัวกลาง และคิริเบย่าเล่นกองกลางแทนตำแหน่งชาน

_______ 15 นาทีท้ายของครึ่งแรก บอร์กโดซ์คุมเกมเอาไว้ได้หมด ได้เปิดบอลเป็นระยะและได้ลุ้นจบสกอร์ด้วยแต่ยังไม่คมพอจะเป็นประตูทั้งๆ ที่เกมรับของลิเวอร์พูลเองก็พอมีช่องให้เจาะอยู่ ส่วนลิเวอร์พูเองก็ได้แต่รับ โต้ไม่ขึ้น เก็บบอลจังหวะสองแทบไม่ได้เลย จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลปรับเกมด้วยการดันแผงกลางขึ้นไปให้สูงขึ้น คูตินโย่กับลัลลาน่ายืนชิดโอริกิและวิงแบ็คสองข้างก็ดันขึ้นไปรอรับบอลริมเส้น ส่วนบอร์กโดซ์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

_______ เกมรุกของลิเวอร์พูลดูดีมากขึ้นและครองบอลเล่นได้มากกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่จังหวะเข้าทำยังคงเหง่งหง่าง รูปเกมออกมาสูสีโดยทั้งคู่ก็เล่นไม่ได้ดีไปกว่ากัน เก็บบอลจังหวะสองได้น้อย กองกลางทำเกมรุกไม่ดี ทำให้ต่างฝ่ายต่างเล่นกันเป็นช็อตๆ เกมไม่ได้ต่อเนื่องอะไร

_______ นาที 65 จากจังหวะไม่น่ามีอะไร ลิเวอร์พูลได้บอลทุ่มในแดนหน้า ลัลลาน่ารับบอลได้แล้วพลิกบอลแตะลอดขาตัวประกบจนหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนจะยิงเรียดไปเข้าหน้าต่างเสาสอง ชนิดงงกันทั้งสนาม คนดูยังไม่ทันลุ้นคนพากย์ยังนั่งสตั๊นว่าอะไรมันจะง่ายกันขนาดนั้น 1-0

_______ สกอร์ขยับแล้วแต่รูปเกมโดยรวมยังไม่เปลี่ยนตาม ก่อนที่บอร์กโดซ์จะทยอยส่งตัวสำรองมาทีละคนในนาที 69 และ 76 ในขณะที่ลิเวอร์พูลเอง อิ้งค์ได้ลงแทนโอริกิตามตำแหน่ง โอริกิลงมาแล้วได้โชว์เอาบอลลงแล้วยิงย้อนเสาสองอยู่หนแต่ยังไม่เป็นประตู

_______ ช่วงตั้งแต่ 65 - 80 นี้แม้บอร์กโดซ์จะยังหาจังหวะลุ้นประตูได้บ้างแต่เกมไม่ต่อเนื่องและคุมเกมไม่อยู่ ลิเวอร์พูลทำท่าจะเอาอยู่รอดกลับไปได้ นาที 80 บรานาแกนได้ลงมาแทนรอสสิเตอร์ที่ครึ่งเล่นดรอปลงไป

_______ แค่นาทีถัดมาก็เป็นเรื่อง บอร์กโดซ์จ่ายบอลยัดเข้ามาตรงกลางแถวเส้นเขตโทษ โกเมสยืนห่างไปหน่อยยืนดูคู่ต่อสู้เดาะบอลได้ตั้งสามจังหวะแบบไม่เข้าไปเบียด จนชานต้องเข้ามาช่วยซ้อนตวัดบอลทิ้งออกไป แต่บอลเบาเกินไปกลายเป็นจุสซี่ที่อยู่โล่งอยู่ทางฝั่งซ้ายได้ยิงเปรี้ยงทะลวงเพดานตาข่าย 1-1

_______ สกอร์กลับมาเท่ากันกับเวลาที่เหลืออยู่เกือบ 10 นาที ตอนแรกคิดว่าเกมจะกลับมาเดือดแต่ก็เปล่า บอร์กโดซ์ยังบุกต่อก็จริงแต่ไม่ได้โหม จังหวะเข้าทำก็แย่ ในขณะที่ลิเวอร์พูลก็ยังเล่นเน้นชัวร์เอาไม่แพ้ไว้ก่อนต่อไป จนจบเกมที่สกอร์ 1-1
-----------------------------------------

_______ นัดนี้ร็อดเจอร์ไม่เน้นนะครับไม่เน้น ส่งเด็กมาเที่ยวฝรั่งเศษเต้มมมมม~

_______ นัดนี้ปรับกลับมาเล่นหลัง 3 อีกแล้ว แถมเป็นหลัง 3 แบบหน้าตัวเดียวด้วย ผมเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการเล่นหลัง 3 แต่ถ้าจะเล่นจริงๆ ก็น่าจะใช้หน้าคู่ไปเลยมากกว่า (โอริกิ+อิ้งค์) แถมด้วยแทคติค รับ 10 คนเข้าให้อีก ไม่รู้ทำไมร็อดเจอร์จะต้องเอาชัวร์ซะขนาดนั้น ที่เยือนบอร์กโดซ์นะครับไม่ใช่มาดริด,บาซ่า อะไรจะหวาดกลัวคู่ต่อสู้ขนาดนั้น

_______ การใช้เด็กเยอะนี่ก็ด้วย คือผมเห็นด้วยกับการใช้เด็กลงเล่นในบางตำแหน่ง แต่ไม่ใช่ลงครึ่งทีมแถมตัวรองแทบยกแผงแบบนี้ คือต่อให้อยากพักตัวหลักจริงก็ควรหนีบใครมานั่งสำรองบ้างมั้ย (ว่าแต่พักสเคอเทล ลอฟเรน ไคลน์ ไม่คิดพักโกเมสมั่งเหรอ :P)

_______ การจัดทีมและทัศนคติแบบไม่กล้ารุกของร็อดเจอร์ในนัดนี้ไม่น่าประทับใจเลย ที่ดีอย่างเดียวของร็อดเจอร์นัดนี้คือการปรับเกมตอนพักครึ่งที่ดันแผงกลางให้สูงนั่นแหล่ะ ได้ผลจริง เกมดีขึ้นจริง คำถามเดิมคือทำไมไม่เล่นแบบนี้แต่แรกล๊าวววว~

_______ การเปลี่ยนตัวก็...คือ...แบบว่าถ้าดูจากรายชื่อตัวสำรองแล้วก็ลำบากใจแทนเหมือนกันเพราะไม่รู้จะส่งใคร แต่ประเด็นก็อยู่ที่ย่อหน้าข้างบนนั่นแหล่ะ ตูเร่เจ็บแล้วไม่มีกองหลังซีเนียร์สำรองจะเอาเด็กคนไหนลงก็คงไม่ต่างกันมาก และถึงแม้ว่าจะปรับกลับมาเล่นหลัง 4 ได้ผมก็ยังไม่เห็นด้วย ผมไม่เคยเห็นด้วยกับการเปลี่ยนหลัง 3 เป็น 4 (และในทางกลับกันด้วย) กลางเกม
_______ ส่วนการเปลี่ยนอิ้งค์กับบรานาแกนแทนตำแหน่งคนเดิมก็ตอบโจทย์อยู่แล้ว คือถ้าจะเล่นหน้าคู่คงเล่นแต่แรก เปลี่ยนแบบนี้คือไม่ได้คิดอะไรแล้วนอกจากเอาฟิตแล้วทีมเล่นเหมือนเดิม

_______ เรื่องแทคติคก็ว่ากันไป ส่วนฟอร์มการเล่นในสนามนัดนี้ประสานงานกันแย่ครับ บอลไปทางคนไปทาง หรือบางทีต้องเงยหน้ามองอยู่นานกว่าจะรู้ว่ามีใครให้ส่งบ้าง ที่หลอนที่สุดอยู่ที่การประสานงานในแนวรับ นัดนี้เซ็นเตอร์โหม่งแย่งกันเองบ่อยมากครับ บางทีก็เทมาประกบตัวเดียวกัน ทั้งนี้น่าจะเป็นผลมาจากการเปลี่ยนทั้งผู้เล่นทั้งแทคติคการเล่นไปๆ มาๆ เนี่ยล่ะ

_______ เรื่องฟอร์มการเล่นของดาวรุ่งต้องแยกกันให้ชัดนะครับ ระหว่าง “การให้โอกาสดาวรุ่ง” กับ “ฟอร์มในสนาม” การให้โอกาสดาวรุ่งนั้นดีแน่ครับ นัดนี้เยอะไปแหล่ะ แต่บางคนบางตำแหน่งมันก็น่าให้โอกาสจริงๆ อย่างรอสสิเตอร์หรือบรานาแกน หรือกระทั่งไอบ์กับโกเมส ถ้าตัดนัดก่อนหน้าออกไปให้หมด นับเฉพาะนัดนี้พวกเขาก็ควรได้ลงตัวจริงในนัดแบบนี้นี่แหล่ะ ที่ผิดคือการได้ลงตัวจริงนัดก่อนๆ มากกว่า

_______ แต่กับฟอร์มการเล่นในสนามก็ต้องว่ากันตรงๆ ดาวรุ่งแทบทั้งหมดในสนามผลงานไม่ดีเท่าไหร่ และคงต้องตั้งคำถามว่าบางคนนี่พร้อมขึ้นชุดใหญ่แล้วจริงหรือ / ดีกว่าคนที่ปล่อยไปแล้วจริงหรือ

______ ผลเสมอ 1-1 นี่ว่ากันตรงๆ จากรูปเกมที่เห็นต้องบอกว่าไม่แพ้ก็บุญแล้วครับ โดนล่อเป้าจังๆ ไปสองสามลูกที่ไม่จะแจ้งอีกไม่น้อยแต่เสียแค่ลูกเดียว ในขณะที่ลูกที่ได้มาแบบโชว์เดี่ยวผสมความพลาดของกองหลังด้วย

______ ก็ต้องรอดูว่าจะคุ้มมั้ยกับการพักตัวหลักแบบพั๊ก~พัก คือไม่ให้แม้แต่บินมาเลย ค่อนทีมแบบนี้กับการเจอนอริชละครับ
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันไม่ค่อยดี

มินโยเล่ - ตำแหน่งยืนดีมาก บออลไม่มุมจริงเข้าซองหมด เซฟสำคัญช่วยทีมไว้ได้สองสามครั้ง มือไม้อ่อนไปหน่อยกับการตัดบอลกลางอากาศเพราะบอลไม่ค่อยขาดแต่ยังดีที่ตัดโดนบอลบ่อย

โมเรโน่ - ครึ่งแรกยังเงียบๆ ครึ่งหลังเติมเกมสูงแล้วช่วยเชื่อมเกมได้ดีมาก แต่จังหวะเปิดบอลนี่ไม่อยากจะมอง เกมรับมีลงไม่ทันเป็นระยะ

ซาโก้  - เข้าปะทะดี ซ้อนวิงแบ็คปิดพื้นที่ริมซ้ายได้ ฟอร์มดีที่สุดในบรรดาเซ็นเตอร์ทั้ง 4 คนที่ได้ลงวันนี้

ตูเร่ - น่าเสียดายที่มีอาการเจ็บตั้งแต่นาที 10 ช่วงที่ยังฟิตก็เล่นได้ดีไม่มีตกหล่น แต่พอมีอาการเจ็บก็ส่งผลมาก ทั้งโหม่งไม่ขาด ทั้งขยับตัวช้า จนที่สุดต้องเปลี่ยนออกตั้งแต่กลางครึ่งแรก

โกเมส - เริ่มเกมด้วยตำแหน่งเซ็นเตอร์ขวาซึ่งทำผลงานได้ดี เก็บกินบอลยาวได้หมด บังบอลชนะคู่ต่อสู้  พอขยับเข้ากลางเท่านั้นล่ะมีเป๋ ยังเข้าบอลได้ดี โหม่งได้ดี แต่ตำแหน่งยืนไม่ดี ประกบห่างหลายครั้ง จังหวะควรพุ่งออกมาเล่นหน้าเขตโทษก็ไม่ออก

ไอบ์ - มีส่วนกับเกมน้อยมาก จังหวะได้บอลก็เล่นได้พื้นๆ เอาชนะจังหวะตัวต่อตัวไม่ได้และเปิดบอลไม่ได้ดีไปกว่าโมเรโน่สักเท่าไหร่

ชาน - ดึงจังหวะช้าตลอดจนทีมรวนไปหลายครั้ง คือหลายจังหวะควรเร็ว หลายจังหวะกำลังจะโต้ ชานดึงช้าหมดจนคู่ต่อสู้ลงทัน+เพื่อนวิ่งฟรี ถอยไปเล่นเซ็นเตอร์ขวาก็มีจังหวะยืนผิดตำแหน่งเป็นระยะ แต่กับการผ่านบอลขึ้นหน้ายังทำได้ดี

รอสสิเตอร์ - ครึ่งแรกเล่นได้ดี ตัดบอลได้เยอะ พยายามออกบอลยาวบ่อยและดีมากกว่าเสีย พอเข้าครึ่งหลังที่ทีมดันแผงกลางสูงขึ้นจนเขาต้องวิ่งเยอะขึ้นก็เล่นพลาดมากขึ้น เสียฟาล์วง่ายขึ้น โดนพลิกหนีบ่อย

ลัลลาน่า - มีส่วนร่วมในเกมน้อยมากพอๆ กับไอบ์ แต่วันนี้เขาเลิกม้วนแล้ว ได้บอลพลิกเล่นไม่ก็พาขึ้นหน้าตลอด ทำเสียก็พอสมควรแต่ก็ได้มาหนึ่งประตู

คูตินโย่ - ครึ่งแรกได้บอลเยอะแต่ไม่มีตัวมาเล่นด้วย หรือถึงมีเขาก็ฝืนจนพังแทบทุกจังหวะ ครึ่งหลังฝืนน้อยลง จังหวะสุดท้ายได้เล่นน้อยลงแต่ทำให้เชื่อมเกมได้ดีขึ้น

โอริกิ - โดดเดี่ยวมาก ช่วงต้นเกมยังรักษาตำแหน่งตัวเองได้ดี ค้ำแนวรับได้ ชิ่งบอลกลับได้บ้าง แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเข้ารกเข้าพง ครึ่งหลังนี่ทะลุออกทะเลไปเรียบร้อย วิ่งไปไหนไม่รู้ บอลเบิลเก็บไม่อยู่

ตัวสำรอง

ชิริเบย่า - สิ่งเดียวที่น่าจดจำคือวิธีการออกเสียงชื่อของเขา

อิ้งค์ - ลงมาชะตากรรมเดียวกับโอริกิ ได้ยิงหนนึงซึ่งจังหวะนั้นทำได้ดีมากกับการจับบอล ขยันไล่บอลมากกว่าโอริกิแต่ก็ไล่มากไปจนหลุดตำแหน่งกระจายเหมือนกัน

บรานาแกน - มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนัก ช่วยเกมรับได้น้อยไปหน่อย ผลงานสู้รอสสิเตอร์(ฟอร์มครึ่งแรก)ไม่ได้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโยเล่…ลัลลาน่ายิงประตูได้แต่ฟอร์มโดยรวมยังไม่ดี ดังนั้นก็เหลือแต่มินโยเล่ที่เซฟช่วยทีมไว้ได้หลายครั้ง ...นี่สรุปเราต้องชมพี่ร็อดฯ ช่ะ ที่ไม่เอาบ็อกดานลงเนี่ย
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.