วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 1-1 เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีค)


...เล่น 11 คนเท่ากันกลัวจะชนะง่ายไปมั้ง...
__________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-2 (4-2-2-1)

-------------------บาโลเตลลี่---------------------
สเตอลิ่ง-----------ลัลลาน่า----------------------
----------เฮนเดอร์สัน-------เจอราร์ด------------
โมเรโน่---ลอฟเรน-------สเคอเทล----มานกีโย่
---------------------มินโยเล่-----------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเล่นเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้ในช่วงที่ทั้งสีน้ำเงินสีแดงฟอร์มตกพอๆ กัน ร็อดเจอร์ยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมเป็นหลักโดยมีสเคอเทลได้กลับมาเป็นตัวจริง
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายวิ่งเข้าใส่กันไม่ยั้งแบบไม่่รอใครมาตัดริบบิ้นเปิดงาน เกมเร็วและบอลไปถึงเขตโทษกันได้ทั้งสองฝ่ายแต่เป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าเล็กน้อยเพราะได้เปิดบ้างจบบ้าง ในขณะที่เอฟเวอร์ตันยังหาโอกาสไม่ได้แม้แต่จะเปิดบอล

_______ ยิ่งเล่นเกมก็หนักขึ้นเรื่อยๆ และลิเวอร์พูลเริ่มครองเกมได้ดีกว่า วันนี้ในแดนกลางเจอราร์ดไม่ได้ปักหลักยืนต่ำเหมือนที่ผ่านมาแต่ยืนเท่าเฮนเดอร์สันและสลับกันวิ่งขึ้นลง เกมของลิเวอร์พูลทางซ้ายลื่นไหลมากกว่าจากการเติมเกมของโมเรโน่และทั้งทีมช่วยกันไล่สูงเป็นระยะๆ ได้ดี

______เอฟเวอร์ตันเล่นเร็วแล้วสู้ไม่ได้เลยหันมาดึงเกมช้าลง พอเกมผ่าน 20 นาทีแรกของเกมไปก็ไม่เหลือภาพบอลจากเขตโทษไปเขตโทษแล้ว ถึงตรงนี้เอฟเวอร์ตันเน้นคุมพื้นที่ในแดนตัวเองแน่น ทิ้งลูคาคูไว้แถวริมเส้นฝั่งโมเรโน่เพื่อคอยพักบอลลงเล่นจังหวะรุก ยังทำเกมริมเส้นไม่ได้แต่ตรงกลางยังพอต่อบอลกันได้ถึงหน้าเขตโทษ เกมโดยรวมเป็นลิเวอร์พูลที่ดีกว่า แต่เอฟเวอร์ตันก็ยังหาโอกาสสู้ได้ดีไม่ถึงกับโดนบี้แบนอยู่ในแดนตัวเอง

_______ ช่วงท้ายครึ่งแรกรูปเกมโดยรวมยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เกมค่อนข้างช้าและหาโอกาสจบสกอร์กันได้น้อย ส่วนใหญ่ทำได้แค่เปิดเข้าไปลุ้นเท่านั้น จบครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตันยังเล่นทรงเดิม ไม่ไล่บอลมากนัก ส่วนลิเวอร์พูลก็ขยับไล่บอลกันน้อยลง ทำให้เอฟเวอร์ตันมีโอกาสได้ครองบอลมากขึ้นและพาบอลมาถึงเขตโทษได้บ่อยขึ้น เกมดูดีขึ้นกว่าครึ่งแรก

_______ นาที 60 ร็อดเจอร์ตัดสินใจส่งคูตินโย่ลงมาเพิ่มในสนามทำให้ลิเวอร์พูลมีครบ 11 คนสักที โดยคูตินโย่เล่นตรงกลาง ขยับลัลลาน่าไปขวาแทน แต่ยังไม่ทันจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก นาที 65 ลิเวอร์พูลก็มาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ แล้วก็เป็นเจอราร์ดที่รับหน้าที่ยิงเข้ากรอบ ฮาเวิร์ดปัดได้แต่บอลไม่เปลี่ยนทางยังคงพุ่งเข้าประตูไป 1-0

_______ พอถูกขึ้นนำเอฟเวอร์ตันถึงได้มาเร่งเกมรุกเต็มตัว เน้นเกมริมเส้นเต็มที่ แต่ยังขึ้นบอลกันผิดพลาดเองบ่อยครั้ง ส่วนทางลิเวอร์พูลที่ตัดบอลได้กลางสนามจะเล่นจังหวะโต้ก็พลาดกันไปเองบ่อยครั้ง ทั้งที่พลาดในจังหวะสุดท้ายและจังหวะออกบอลตั้งเกม รวมไปถึงไม่ค่อยดันมาช่วยเกมรุกแล้ว ทำให้เกมช่วง 60-80 นี้ทั้งสองฝ่ายผลัดกันเล่นพลาดเองและสกอร์ยังอยู่ที่ 1-0

_______ เช้าช่วง 10 นาทีท้ายของเกม ลิเวอร์พูลถอยลงไปรับลึกหน้าเขตโทษตัวเองกันหมดแล้ว ช่วยกันสกัดบอลเปิดเข้ามาในเขตโทษได้ดี ส่วนทางเอฟเวอร์ตันครองบอลบุกได้ต่อเนื่องแต่ยังเจาะเข้าเขตโทษไม่ค่อยได้ โอกาสส่วนใหญ่ยังมาจากการยิงไกลซึ่งยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก

_______ นาที 87 แลมเบิร์ตลงมาแทนบาโลเตลลี่ ลิเวอร์พูลเล่นเน้นปิดเกมเต็มที่ ไม่โต้และโต้แทบไม่ได้ เข้าสู่ช่วงทดเวลาลิเวอร์พูลทำท่าจะเอาตัวรอดไปได้แล้วแต่ในนาที 92 จากจังหวะที่แนวรับสกัดออกไปได้แล้ว จากีลก้าวิ่งเข้ามาเก็บบอลจังหวะสองแล้วยิงไกลสวนกลับเข้าไปอย่างสุดสวย บอลไซด์หนีมือมินโยเล่เข้าประตูไปได้ เอฟเวอร์ตันตีเสมอได้ไม่น่าเชื่อ 1-1 และจบเกมที่สกอร์ดังกล่าว
-----------------------------------------

_______ เป็นเกมที่ลิเวอร์พูลเล่นได้กระเตื้องขึ้นกว่านัดก่อนๆ เกมดีกว่าคู่ต่อสู้ แต่ไม่ดีพอจะชนะ

_______ 10 (+1) ผู้เล่นตัวจริงยังใช้ชุดเดิมเป็นหลักและยังเล่น 4-3-3 ตามเดิม แต่นัดนี้แดนกลางมีการปรับรายละเอียดเล็กน้อย เจอราร์ดไม่ได้ยืนต่ำแทบเท่าคู่เซนเตอร์เหมือนที่ผ่านมา และจังหวะตั้งเกมบอลไม่ต้องมาตั้งที่เจอราร์ดทุกลูกแล้ว แต่ใช้ทั้งเจอราร์ดกับเฮนเดอร์สันสลับกันเล่นทั้งเกมรุกเกมรับ ส่วนทางด้านบน ลัลลาน่าได้เข้ามาตรงกลาง ขยับสเตอลิ่งไปทางซ้ายมากขึ้น

_______ รูปเกมที่ออกมาแดนกลางของลิเวอร์พูลเล่นกันได้ดีขึ้น(อ่านย่อหน้าเอฟเวอร์ตันประกอบ) ทั้งเฮนเดอร์สันและเจอราร์ดมีส่วนกับเกมรุกมากกว่าที่ผ่านมา และลัลลาน่าก็เล่นกับเพื่อนได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เกมรุกไม่ต้องไปพึ่งสเตอลิ่งแค่คนเดียวแล้ว ตลอดเกมจะเห็นจังหวะที่ทีมได้โอกาสเปิดบอลเข้าทำบ่อยครั้งมาก แต่บอลส่วนใหญ่ไม่ชนะแนวรับ และบอลส่วนน้อย(ที่ถ้านับเป็นจำนวนครั้งก็ยังถือว่าเยอะพอสมควร) ก็ดันจบสกอร์กันไม่เด็ดขาดเอง

_______ นี่เป็นเกมที่พอจะพูดได้ว่า ขาดที่จังหวะจบสกอร์เท่านั้นครับ

_______ ...แต่...

_______ จะบอกว่าเล่นดีแล้วนี่ไม่ใช่ครับ หลักๆ เลยลิเวอร์พูลยังมีปัญหากับ 11 ตัวจริงที่ยังเป็น 10(+1) หรือกระทั่ง 9(+2) ด้วยซ้ำ อีตา +1 นี่ไม่ต้องพูดถึครับ แต่+2 ซึ่งผมหมายถึงบาโลเตลลี่ นัดนี้ก็เล่นไม่เข้ากับเพื่อนร่วมทีมเลย ทำให้ทีมเสียจังหวะในเกมรุกไปเยอะจากทั้ง 2 คนนี้

_______ นัดนี้ขอพูดถึงบาโลเตลลี่เต็มๆ ยาวๆ สักครั้ง (คอมเม้นต์ข้างล่าง 3 บรรทัดคงไม่พอ) ใน 4-3-3 แบบนี้น้องโอ้แกจะวิ่งไปไหนนักหนาไม่เข้าใจ คือข้างหน้าไม่ค้ำก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่โอ้เล่นวิ่งไปเรื่อยเปื่อย ถึงริมเส้นก็มี ลงไปถึงครึ่งสนามในจังหวะที่เพื่อนเติมขึ้นไปแล้วก็มี อีกทั้งจังหวะเพื่อนร่วมทีมได้บอลแล้วแทนที่โอ้จะวิ่งทำทางก็เลือกไปยืนรอบอล ปล่อยเพื่อนวิ่งไปเองบ่อยครั้ง พอไปรวมกับจังหวะการเล่นที่ติดๆ ขัดๆ และหวงบอลมากกว่าปกติเลยกลายเป็นนัดที่บาโลเตลลี่นอกจากจะไม่สร้างประโยชน์แล้วยังหนักไปทางทำลายเกมรุกของทีมด้วยครับ คือใจคอจะไม่ปรับตัวหาคนอื่นบางหรือยังไง นัดนี้เห็นกันชัดว่าทีมขาดคนวิ่งทำทางในจังหวะทำเกมเร็วเพราะคนยืนข้างหน้าอย่างโอ้ดันหยุดรอบอล กองหลังก็เลยไม่ต้องวิ่งถอยหลัง ยืนดักได้สบาย รู้ว่าไม่ใช่สไตล์ที่เจ้าตัวจะวิ่งขึ้นหน้าแต่ถ้าสถานการณ์มันเรียกร้องปานนั้นก็ฝืนตัวเองบ้างก็ได้มั้ง

_______  นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องสมาธิในเกม อันที่จริงเมื่อมีสเคอเทลกลับมาเป็นตัวจริง และแบ็คสองข้างที่ไม่ลอยติดลมบนแต่หันมาสนใจเกมรับอย่างที่ควรจะเป็นแบบนี้ นัดนี้เป็นนัดที่เกมรับของทีมดูดีขึ้นแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังมาพลาดท้ายเกมเหมือนนัดที่แล้วจนได้ ลูกตีเสมอนั้นจากีลก้ายิงได้โคตรสุดยอดก็จริงอยู่ แต่ในขณะเดียวกันจังหวะนั้นกองกลางที่ควรจะยืนเกะกะรอเล่นบอลจังหวะสองอยู่หน้าเขตโทษกลับถอยลงมาในเขตโทษกันหมด ถ้าสมาธิดีกว่านั้นและมีคนไปขวางจากีลก้าดีกว่านั้นสักนิด บางทีทีมอาจเอาตัวรอดเก็บ 3 แต้มสำเร็จไปแล้วครับ

_______ มองทางฝั่งเอฟเวอร์ตัน ส่วนตัวผมมองว่านัดนี้วิธีการเล่นของพวกเขาส่งผลให้เกมออกมาเป็นรูปแบบนี้ พวกเขาไม่ค่อยวิ่งไล่ ไล่กันอยู่แค่ราวๆ 10 นาทีของเกมเท่านั้น นอกนั้นก็คุมพื้นที่แน่นอย่างเดียว วิ่งถอยปล่อยให้ลิเวอร์พูลคุมแดนกลางกันได้ง่าย การโต้กลับก็พึ่งลูคาคูอย่างเดียวไม่ได้หลากหลายอะไร แสดงเจตนาชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า 1 แต้มก็เอาแล้ว น่าเสียดาย(สำหรับเรา)ตรงที่เอฟเวอร์ตันเล่นได้ไม่ดีนัก เกมรับหยุดการเปิดบอลเข้าทำได้ไม่ดีเลย ในขณะที่ในเขตโทษก็ปล่อยให้ลิเวอร์พูลได้ง้างยิงง้างโหม่งบ่อยเกินไป(แม้จะหนักไปทางติดบล็อคก็ตาม) และในช่วงที่เร่งเกมรุก พวกเขาก็เร่งกันไปแบบตามมีตามเกิด เปิดเข้ามาลุ้นเอาไม่ได้มีวิธีการอะไรที่กดดันได้เป็นพิเศษ แต่ยังอุตส่าห์โชคดีฉก 1 แต้มติดมือกลับไปได้ซะอย่างนั้น

_______ เอ้อ ว่าแต่นัดนี้ใครรู้บ้างว่า...มาร์โควิชไปไหนครัชชช พักร้อนเหรอ?
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันดีบ้างไม่ดีบ้าง

มินโยเล่ - ลูกที่เสียประตูช่วยอะไรไม่ได้ ลูกยิงไกลที่ไม่ยากก็จัดการได้หมด แต่ยังคงพลาดเล็กพลาดน้อยให้เห็นเป็นระยะ โดยเฉพาะนาทีประมาณ 31 ที่ลูกเลยเข้าเขตโทษในน้ำหนักที่แรงแล้ว สเคอเทลบังให้มิดสนิทแล้ว น้องมินแกยืนเฝ้าเส้นซะงั้น

โมเรโน่ - ต้องบู๊กับลูกากูตลอดเกม เอาชนะไม่ค่อยได้แต่ดีพอที่จะทำให้ลูกากูได้โอกาสพลิกน้อยมาก ปิดพื้่นที่มุมธงพอใช้ได้ และยังสามารถหาโอกาสเติมสูงขึ้นไปเปิดบอลเข้ากลางสวยๆ ได้หลายครั้งด้วย โดยเฉพาะในครึ่งแรก

ลอฟเรน - ฟอร์มดีขึ้น อ่านเกมดีขึ้น โดยเฉพาะการเข้าบอลก่อนถึงกองหน้าที่ทำได้บ้างไม่ใช่ปล่อยคู่ต่อสู้จับบอลก่อนตลอดเหมือนหลายนัดที่ผ่านมา จังหวะที่ต้องเข้าไปชนกับลูกากูก็บังไม่ให้พลิกได้พอใช้ คือไม่โดนพลิกเข้าใน

สเคอเทล - ซ้อนเพื่อนได้ดีและสกัดบอลเข้าทำได้เด็ดขาด

มานกีโย่ - เติมเกมน้อยแต่ทำได้ดีในเรื่องการเชื่อมเกมและเกมรับก็ไม่ขี้เหร่ ที่สำคัญคือไม่ค่อยหลุดตำแหน่งให้เห็น คุมพื้นที่พอใช้ได้แม้จะโดนเปิดหรือกระชากไปสุดเส้นหลังบ้าง

เจอราร์ด  - มีส่วนร่วมกับเกมเยอะทั้งรุกและรับ เกมรุกแม้จะไม่มีจังหวะเข้าทำให้เห็น แต่ผ่านบอลขึ้นหน้าดี และในเกมรับอ่านเกมดีวิ่งตามตัวรุกถึงบอลบ่อยครั้ง มีอิสระในการเล่นมากกว่าที่ผ่านมาไม่ต้องปักหลักแค่ด้านหลัง

เฮนเดอร์สัน - มีส่วนกับเกมรุกมากขึ้น วางบอลไปให้ตัววิ่งทำทางได้ดีหลายครั้ง จังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะยิงหรือจ่ายเข้าทำยังไม่ดีนัก เกมรับถึงบอลน้อยกว่าที่ผ่านมาแต่โดยรวมก็เป็นวันที่เล่นได้ดี

ลัลลาน่า - ขยันวิ่งมาก ช่วยเรื่องทำทางและทำชิ่งในแดนหน้าได้ดีหลายครั้ง ฝืนเล่นเองน้อยลงแต่จังหวะที่ฝืนยังคงพลาดเรียบเหมือนเดิม ในเกมรับก็ลงมาช่วยได้ตลอดเกม แต่ช่วงกลางๆ ครึ่งหลังดูหมดแรงให้เห็นเหมือนกัน

ม………. - ……………….

สเตอลิ่ง - มีส่วนร่วมกับเกมน้อยลงกว่า 2-3 เกมที่ผ่านมา แต่ก็ยังได้ถือว่าเยอะอยู่ ครองบอลได้ดีและใช้ความเร็วกระชากไปเปิดบอลได้หลายครั้ง บอลเข้าทำยังน้ำหนักขาดๆ เกินๆ เป็นส่วนใหญ่ แต่ครั้งที่เปิดให้ได้ดีมากๆ จนเพื่่อนน่าจบสกอร์ได้ก็มีให้เห็นเหมือนกัน

บาโลเตลลี่ - ผิดที่ผิดทางผิดเวลาผิดไปหมด เห็นความพยายาม(ในแบบของเจ้าตัว)แล้ว ไม่ว่าจะพยายามมีส่วนร่วมกับเกม, แต่งหาจังหวะยิง, ช่วยเรียกฟาล์ว แต่จังหวะการเล่นไม่ได้จริงๆ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมด้านบนได้เลย

ตัวสำรอง

คูตินโย่ - ครองบอลได้ดี บอลเข้าทำไม่มีแต่เชื่อมเกมได้เด่นทีเดียว

แลมเบิร์ต - ถูกบอรินี่เข้าสิง ลงสนามมาแล้ววิ่งไล่บอลไม่หยุด กลายเป็นว่าเพื่อนจ่ายบอลให้ไม่ได้เลยในจังหวะที่จะทำเกมรุกเพราะวิ่งไปไหนไม่รู้ ...คนที่อยากให้วิ่งไม่วิ่ง คนที่อยากให้อยู่เฉยๆ นี่วิ่งจั๊ง~

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...อัลแบร์โต้ โมเรโน่…เจอราร์ดกับสเคอเทล เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ขอเลือกโมเรโน่ที่รับมือลูกากูได้ดีกว่าที่คิด แม้จะล็อคตายไม่ได้แต่ก็ทำให้ลูคาคูเล่นไม่ถนัดล่ะ แถมยังหาโอกาสเล่นเกมรุกได้อีก วิ่งได้ทั้งเกมไม่มีหมด ...พลาดจะๆ ครั้งเดียวก็อีตอนเสียบลูคาคูเสียฟาล์วช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายนั่นแหล่ะ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 1-1 มิดเดิ้ลสโบรห์ (2-2 ต่อเวลา, 14-13 จุดโทษ)(ลีคคัพ)



...ยิงกันขาแทบหักครับ...
__________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

--------------------แลมเบิร์ต----------------------
ลัลลาน่า-----------สเตอลิ่ง-------------มาโควิช
------------ลูคัส-------------รอทสิเตอร์----------
เอนริเก้------ซาโก้---------ตูเร่---------มานกีโย่
---------------------มินโยเล่-----------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นลีคคัพรอบ 3 เปิดบ้านรับมิดเดิ้ลสโบรห์ นัดนี้ร็อดเจอร์หมุนเวียนผู้เล่นหลายตำแหน่ง แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ทั้งนั้น มีเพียงรอทสิเตอร์คนเดียวที่เป็นดาวรุ่ง
-------------------------------------------------------

_______ ต้นเกมลิเวอร์พูลบุกด้วยการใช้สเตอลิ่งเป็นตัวหลักในการทำเกมรุก  ทำทุกอย่างทั้งคอยวิ่งลงมาเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า, พาบอลเลี้ยงจี้, วิ่งหาที่ว่างและประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม พาบอลไปกดดันถึงหน้าเขตโทษคู่ต่อสู้ได้เป็นระยะ ส่วนโบโร่ทำท่าเหมือนจะบุกสู้ แต่บอลไม่ต่อเนื่องและไม่เป็นชิ้นเป็นอันนัก

_______ แค่นาที 10 ลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูนำ สเตอลิ่งพาบอลเข้าไปได้ยิงในเขตโทษติดบล็อค แลมเบิร์ตซ้ำก็ติดบล็อค แต่บอลยังเด้งไปเข้าทางรอทสิตเตอร์ซ้ำดาบ 3 จากระยะไกลเรียดผ่านผู้รักษาประตูไปได้ 1-0

_______ หลังจากสกอร์ขยับ กลายเป็นว่าโบโร่ถอยลงไปรับต่ำมากและไม่ได้พยายามเร่งเกม ส่วนลิเวอร์พูลได้โอกาสขึ้นมาเซตบอลกันสูง คู่กลางขึ้นมายืนต่อบอลกันเลยวงกลมกลางสนามอีกเพราะโบโร่ไม่ขึ้นมาไล่ ลิเวอร์พูลยังเป็นฝ่ายกดดันได้ดีกว่า โดยเฉพาะการเล่นของสเตอลิ่ง

_______ พอเข้าใกล้ครึ่งชั่วโมงของเกม สเตอลิ่งเริ่มผ่อนเกมของตัวเองลงไป ทำเอาเกมของลิเวอร์พูลก็ตันไปด้วย เจาะแนวรับไม่ได้แถมบอลไปถึงหน้าเขตโทษน้อยลง ยังดีว่าคุมเกมได้ดีอยู่ ส่วนทางโบโร่เกมรุกก็ไม่ได้มีอะไรมาก อาศัยตัดบอลจากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของลิเวอร์พูลเองเป็นหลัก พยายามขึ้นเกมรุกทางริมเส้นแล้วตะบี้ตะบันโยนเข้ากลางไปวัดดวง แต่เกมยังคงไม่ได้ต่อเนื่องนัก แม้ได้เปิดพอสมควรแต่ยังชาร์จไม่เจอบอล ช่วงท้ายๆ ครึ่งแรกลิเวอร์พูลมาเร่งเกมรุกอีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง โบโร่กลับลงมาก็ไม่ได้เร่งเกมรุก ไม่ได้วิ่งไล่แดนหน้า เพียงแต่ขยับโซนรับขึ้ินมายืนสูงขึ้นกว่าครึ่งแรกเท่านั้นเอง เล่นเหมือนเกมยังอยู่ที่ 0-0 ส่วนลิเวอร์พูลกลับลงมาเล่นกันแบบช้าๆ ราวกับว่านำอยู่สัก 18-0 แบ็คสองข้างก็ไม่ค่อยเติมขึ้นมาแล้ว คนอื่นนอกจากสเตอลิ่งก็ทำเกมไม่ได้ หนักไปทางเคาะกลับหลัง ไม่ก็ฝืนเลี้ยงฝืนส่งคืนบอลให้คู่ต่อสู้ ส่งผลให้เกมช่วง 15 นาทีแรกเกมครึ่งหลัง ช้าและน่าเบื่อมาก

_______ แต่พอนาที 62 เท่านั้นละครับ ตื่นเลย จากจังหวะที่ลิเวอร์พูลตัดบอลได้แล้วในเขตโทษตัวเอง กำลังจะเปลี่ยนรับเป็นรุก ซาโก้(ดูตามตำแหน่งน่าจะใช่ ถ้าดูผิดทักด้วย)ทำงามไส้ด้วยการจ่ายใส่เอนริเก้ที่ยังไม่พร้อมโดนตัดบอลกลับไปได้แล้วเปิดบอลเข้ากลางซาโก้ก็ไปทำแฮนบอลด์เสียฟรีคิกแถวๆ มุมเขตโทษอีก โบโร่เปิดฟรีคิกมาทางเสาแรก คราวนี้เป็นเอนริเก้ที่ประกบตัวได้แล้ว ยืนข้างหน้าแล้ว แต่ยกเท้าสกัดผิดจังหวะ บอลจึงเลยไปถึงตัวชาร์จโหม่งเข้าไปได้ 1-1

_______ พอตีเสมอได้แล้ว โบโร่ก็ขนพวกขึ้นรถบัสวิ่งกลับไปหน้าเขตโทษตัวเองเหมือนครึ่งแรก ส่วนลิเวอร์พูลก็หาทางเจาะเข้าไปไม่ได้ แถมสเตอลิ่งเริ่มเงียบมากขึ้นเรื่อยๆ อาการเหมือนเหนื่อย ทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลเร่งไม่ขึ้นและกดดันคู่ต่อสู้ได้น้อยลงๆ

_______ นาที 74 บาโลเตลลี่ได้ลงแทนแลมเบิร์ต นาที 79 ดาวรุ่งอีกคนนึงคือวิลเลี่ยมได้ลงมาแทนรอทสิเตอร์ แต่ผลลัพธ์โดยรวมยังไม่ต่างจากเดิมมากนัก ซ้ำร้ายคือยังไม่ค่อยพยายามจะเร่งเกมกันอีกต่างหาก ช่วงนาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลยังโชคร้ายอีกนิดหน่อย เมื่ออยาล่าทำวอลเล่ย์บอลในเขตโทษ(เรียกว่าแฮนด์บอลคงน้อยไป) แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้จุดโทษ ทำให้เกมในเวลาจบที่สกอร์ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษกันออกไปอีก

_______ เข้าช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ลิเวอร์พูลพึ่งจะเริ่มเร่งเกมรุกให้มากขึ้น แบ็คสองข้างเติมสูงกันมากขึ้น  ได้เปิดเข้าไปลุ้นในเขตโทษอย่างต่อเนื่องแต่ยังหาโอกสยิงเหมาะๆ ไม่ได้ ส่วนทางโบโร่ก็อุดอย่างเดียวเอาตัวรอดไปได้เรื่อยจนกระทบจบ 15 นาทีแรก

_______ เข้าช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังลงมาเร่งเกมกดดันได้ต่อเนื่อง บอลเฉียดหัวเฉียดเท้าเกือบได้จบเรื่อยๆ จนต้องสงสัยว่าแล้วในเวลา 90 นาที พี่ทำอะไรกันอยู่ครัชชช~ ทำไมไม่เร่งแบบนี้ และในที่สุดลิเวอร์พูลก็ทำได้สำเร็จจริงๆ ในนาที 119 สเตอลิ่งพาบอลไปสุดเส้นหลังก่อนจ่ายกลับมาให้เอนริเก้ได้ทำชิ่งกับลัลลาน่า หลุดเข้าไปถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษก่อนจะหักเรียดเข้ากลางมา บาโลเตลลี่วิ่งเข้าจะชาร์จแต่กองหลังสกัดได้ก่อน บอลไหลไปเข้าทางซูโซ่ที่วิ่งเติมมาได้ซ้ำเข้าไปได้สำเร็จ 2-1

________ พอสกอร์ขยับ ลิเวอร์พูลก็เล่นปิดเกม หาโอกาสโต้ขึ้นไปได้ตลอดแต่ไม่เด็ดขาดพอจะทำประตูเพิ่ม ส่วนโบโร่ช่วงนี้ถือเป็นครั้งแรกของเกมที่พวกเขา เร่งเกมรุก ดันเกมสูง ซึ่งอันที่จริงก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ เปิดพื้นที่ด้านหลังไว้เพียบ บุกไม่ค่อยต่อเนื่องนักและหาโอกาสยิงแทบไม่ได้  ...ทำให้ลิเวอร์พูลปิดเกมได้สำเร็จแบบหืดจับ ด้วยสกอร์ในเวลา 1-1 , 2-1 ต่อเวลาพิเศษ ผ่านเขา้รอบต่อไป…

________ ...มันควรจะเป็นแบบนั้นครับ แต่ชีวิตจริงมันไม่ง่ายเหมือนละคร…

________ ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย(ของช่วงต่อเวลาพิเศษอีกต่างหาก) สเตอลิ่งจ่ายบอลคืนหลังพลาดแถวกลางสนามโดนตัดบอลไปได้ ซาโก้ดักพลาดโดนจ่ายทะลุช่อง ตูเร่ที่วิ่งเข้าซ้อนเป็นคนสุดท้ายวิ่งเข้าไปอัดดื้อๆ เสียจุดโทษแบบไม่ต้องเถียง เบนฟอร์ตรับหน้าที่ิยิงจุดโทษไม่พลาด ตีเสมอได้สำเร็จเป็น 2-2 ...ก็เตะจุดโทษตัดสินสิครับ

________ ในช่วงยิงจุดโทษตัดสิน ลิเวอร์พูลได้ยิงก่อน 5 มือวางแรกของทีมคือ บาโลเตลลี่, ลูคัส, ลัลลาน่า, ซูโซ่, สเตอลิ่ง ตามลำดับ ซึ่งบาโลเตลลี่ก็ยิงไม่พลาด ส่วนคนแรกของโบโร่คือเบนฟอร์ตที่พึ่งยิงจุดโทษมาเมื่อกี้ดันยิงไปติดเซฟมินโยเล่ทำให้ลิเวอร์พูลได้เปรียบก่อนตั้งแต่รอบแรก และหลังจากนั้นรอบ 2-3-4 ก็ยิงกันไม่พลาดในขณะที่โบโร่เองก็ไม่พลาดเพิ่มอีกเช่นกัน คนที่ 5 สเตอลิ่งออกมายิงถ้าเข้าก็ชนะ ...แต่เจ้าตัวก็ดันยิงพลาดติดเซฟ คนสุดท้ายของโบโร่ไม่พลาดก็เลยต้องยิงซัดเด้นเดทธ์กันต่อไปเป็นหนังชีวิต

________ ทั้งสองฝ่ายยิงกันยั๊นโกลล์ ยั๊นวนรอบสองทุกคนก็ยิงเข้ากันได้หมดไม่มีใครพลาด จนกระทั่งรอบที่ 14 ซูโซ่ที่ออกมายิงก่อนไม่พลาด แต่อโดม่าที่ยิงตามกลับยิงหลุดกรอบออกไปเอง ทำให้ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบได้สำเร็จแบบหืดจับ หอบจับ ถ้าหัวใจวายก็ปั้มจนฟื้นแล้ววายกันไปอีกรอบแล้วด้วยสกอร์ในเวลาเสมอ 1-1, ต่อเวลาพิเศษเสมอ 2-2, ยิงจุดโทษตัดสินชนะที่ 14-13
-----------------------------------------

_______ นัดนี้เป็นเกมที่ตื่นเต้นครับ ไม่ใช่จากรูปเกม แต่จากสกอร์มากกว่า

_______ 11 ตัวจริงมีการปรับเยอะ แต่เกือบทั้งหมดก็เป็นทีมชุดใหญ่ มีดาวรุ่งโผล่มาหน่อเดียว เป็นชุดที่ไม่ใช่แค่ “ไม่ประมาท” แต่เป็นชุดที่เรียกว่า “กรูจะเอา” แล้วครับ ส่วนทางด้านแทคติคมีการปรับไปในทางที่ดีเล็กน้อย

_______ รูปเกมที่ออกมารวมๆ แล้วยังไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากช่วงหลายนัดที่ผ่านมา นั่นคือทีมยังไม่มีปัญหาเจาะแนวรับของทีมที่รับลึกยืนต่ำ รวมไปถึงจุดอ่อนในแนวรับและพลาดในลูกตั้งเตะ เหมือนนั่งดูหนังภาคต่อที่ไม่มีอะไรใหม่จะเล่าแล้วนั่นละครับ เกมรุกมีสเตอลิ่งคนเดียวที่กดดันคู่ต่อสู้ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ช่วงเวลาที่สเตอลิ่งหายไปจากเกมหรือไม่ได้บอล เกมรุกของทีมตื้อต้นไปในบัดดล, แนวรับดูมีปัญหาเล็กน้อยกับตัวกลางรับที่ใช้ดาวรุ่งเล่น ในขณะที่ซาโก้และเอนริเก้ก็มีข้อผิดพลาดให้เห็นไม่น้อย

_______ ในเรื่องการรับมือลูกตั้งเตะอันที่จริงผมคิดว่าวันนี้ทำได้ดีขึ้นแล้วด้วยซ้ำเพราะคู่ต่อสู้ถึงบอลน้อยลง ไม่ใช่ถึงแทบจะทุกครั้งเหมือนนัดก่อนๆ แม้แต่ลูกที่เสียประตูก็ยังประกบกันได้ครบตัว คุมพื้นที่ได้หมด และตัวประกบอยู่ด้านหน้า ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นหมดแล้วด้วย แต่เป็นความผิดพลาดของเอนริเก้เองมากกว่าที่จับจังหวะบอลพลาดเลยสกัดไม่สำเร็จ

_______ ส่วนแทคติค 4-3-3 ที่ใช้วันนี้ จะบอกว่าดีกว่าไดมอนด์คงไม่เต็มปาก เพราะใช้ผู้เล่นคนละชุดกัน และเจอคู่ต่อสู้คนละทีม (จะมองว่าต่อให้เล่นไดมอนด์ ด้วยผู้เล่นชุดเดิมแต่เจอทีมแค่ระดับโบโร่ก็เล่นแบบนี้ได้ก็คงได้ครับ) แต่ประเด็นคือผมมองเฉพาะผลลัพธ์ของเกมนี้ที่เกิดขึ้น คือมันดูดีกว่าเกมที่ผ่านๆ มาพอสมควร ถึงจะเจาะไม่ได้เหมือนกัน แต่เกมแดนกลางดีขึ้นมาก ไม่ว่าจะเกมรับที่หยุดคู่ต่อสู้กลางสนามและรับมือลูกโต้ได้ดีขึ้น, เชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้ดีขึ้นด้วย

_______ ปํญหาของ 4-3-3 ก็คงหนีไม่พ้นบาโลเตลลี่นั่นละครับ เพราะถึงตรงนี้เจ้าตัวลงมาเล่นในระบบนี้เมื่อไหร่ ผลงานสู้ตอนเล่นหน้าคู่ไม่ได้ อย่าว่าแต่ร็อดเจอร์มองภาพการใช้สเตอริดจ์กับบาโลเตลลี่พร้อมกันไว้แบบไหน ถ้าเขาคิดใช้เป็นหน้าคู่กันก็ไม่ควรปรับกลับมาเล่น 4-3-3 อีกแล้ว ควรเล่นหน้าคู่แบบนั้นต่อไปเลยจะบอรินี่หรือแลมเบิร์ต หรือจะดันสเตอลิ่งขึ้นไปก็เอาสักคน แล้วค่อยไปแก้ปัญหาแดนกลางเอา แต่ถ้าเขาคิดเล่น 4-3-3 อยู่แล้ว(ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่) ก็หาคนไปยืนใกล้ๆ บาโลเตลลี่และคอยวิ่งสอดเข้าเขตโทษเอา อย่างนัดนี้ที่ช่วง 20 นาทีแรกที่สเตอลิ่งฟอร์มดีสุดๆ และลัลลาน่าวิ่งทำทางเป็นม้าป่าหนีไฟไหม้ ถ้าบาโลเตลลี่อยู่ในสนามตอนนั้นสกอร์มันอาจจะขยับพรวดไปแล้วก็เป็นได้ แต่พอลงมาในช่วงที่ทั้งลัลลาน่าและสเตอลิ่งหมดแรงแล้วก็เป็นอย่างที่เห็น

_______ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า 4-3-3 เหมาะกับทีมชุดนี้มากกว่า แต่ถ้าจะเล่นไดมอนด์ต่อก็เล่นไปเถอะ ยืนยันความคิดเดิมว่าจะเล่นอะไรก็เอาสักอย่าง เล่นให้เข้าใจให้เข้าขากันไปก่อน แล้วพอประสานงานลงตัวแล้ว จะพลิกบิดวิธีเล่นตามสถานการณ์มันก็ง่าย แต่ถ้าพลิกไปพลิกมาตอนทีมยังไม่ลงตัวมันจะยิ่งจูนกันช้าหนักเข้าไปอีก

_______  พูดถึงการประสานงาน คาใจเล็กๆ (แบบไม่ซีเรียสนัก) ว่าลัลลาน่าแกเกลียดอะไรมาโควิชรึปล่าว  หลายครั้งเลยที่มาโควิชว่างและเป็นจังหวะควรจ่าย ลัลลาน่าไม่จ่ายให้ ในขณะที่จังหวะคล้ายๆ กัน เจ้าตัวจ่ายให้สเตอลิ่งรัวๆ เลย

_______ อีกอย่างที่น่าสนใจในวันนี้คือบทบาทของลูคัสในเกมนี้ นี่เป็นเกมแรกนับตั้งแต่ทีมปล่อยสเปียริ่งไป ที่เขาลงสนามมาโดยมีคนอื่นรับหน้าที่ลูกหาบคอยวิ่งไล่ให้ ทำให้เขาได้ขยับขึ้นสูงเป็นระยะ และได้ทำอะไรมากกว่าวิ่งไปไล่ตัดบอลแล้วแปะส่งๆ ให้เพื่อน เล่นคล้ายๆ กับอลอนโซ่ตอนนู๊นละครับ(วิธีเล่นนะ ไม่ใช่ประสิทธิภาพ) ไม่ต้องไล่มาก แค่คุมพื้นที่แล้วดักตัดบอล ส่งบอลขึ้นหน้าให้มากและขึ้นไปเล่นสูงถ้ามีโอกาส ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานนัดนี้ได้ดีทีเดียวและน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับร็อดเจอร์ว่าจะเอายังไงต่อไปในแดนกลาง

_______ ...นัดหน้าเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้น่าสนใจมากครับว่าร็อดเจอร์จะจัดทีมยังไง, จะเอาใครลง และที่สำคัญอีกอย่างที่ต้องลุ้นคือ สเตอลิ่งจะฟิตแค่ไหนด้วย ขาดลิ่งจะขาดใจเอาครับช่วงนี้
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - เซฟลูกไม่ยากมากได้หมด ทำหน้าที่ของตัวเองพอใช้ได้แม้จะมีความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ตลอดเกมก็ตาม ส่วนการเซฟจุดโทษช่วงดวลตัดสินทำได้ไม่ดีเลย เขาควรจะกดดันคนยิงได้มากกว่านั้น

เอนริเก้ - เกมรับพอใช้ได้ โดนเปิดผ่านไปได้พอสมควรแต่คู่ต่อสู้ก็ต้องเร่งเปิดและไม่ใช่จะทำได้ทุกครั้งด้วย เชื่อมเกมได้ค่อนข้างดีและเติมขึ้นไปเล่นเกมรุกได้ดีกว่ามานกีโย่ พลาดในจังหวะเสียลูกแรกและสภาพความฟิตยังไม่ดีมากนัก

ตูเร่ - เล่นเป็นตัวสุดท้ายได้โอเค เข้าซ้อนและสกัดจังหวะสุดท้ายได้พอสมควร มีจังหวะพลาดให้เห็นนิดๆ หน่อยๆ ไม่มากนัก แย่หน่อยก็เรื่องความเร็วที่ดูจะช้าลงไปบ้างแล้ว จังหวะทำเสียจุดโทษผมไม่คิดว่าเขาผิด

ซาโก้  - แบ่งเบาภาระในการทำเกมรุกของคู่ต่อสู้ได้ดีมาก -*-  อันที่จริงโดยรวมแล้วนัดนี้ซาโก้อ่านเกมได้ดีและเข้าสกัดถึงบอลได้บ่อย แต่ปัญหาคือเขาสกัดบอลไม่ค่อยขาดไม่ว่าจะลูกโหม่งหรือการแทคเกิ้ล

มานกีโย่ - เป็นนัดแรกตั้งแต่ย้ายมาที่ได้โชว์เกมรับมากกว่ารุก เล่นเกมรับได้ดี ปิดพื้นที่มุมธงได้ดีกว่าเอนริเก้ วิ่งขึ้นวิ่งลงได้ดีไม่ค่อยเสียตำแหน่ง เกมรุกทำอะไรไม่ได้มากนักแต่ก็คิดเร็วทำเร็ว ได้บอลแล้วรีบจ่ายรีบเปิดแล้วรีบวิ่งกลับลงมาพื้นที่ตัวเอง

รอทสิเตอร์  - เป็นตัวไล่บอลแดนกลางและยืนต่ำกว่าลูคัสเป็นส่วนใหญ่ ขยันวิ่งทั้งทำท่าเชื่อมเกมและวิ่งไล่ถึงบอลได้เร็วดี การเข้าบอลต้องปรับปรุงอีกเยอะ การเชื่อมเกมออกบอลจังหวะที่ตัดได้แล้วทำได้น่าประทับใจมาก

ลูคัส - เป็นเกมที่มีภาระในเกมรับไม่มากนัก ดักตัดบอลได้พอสมควร เชื่อมเกมได้โอเคบอลไปข้างหน้าได้มาก หยุดเกมโต้กลับได้ดีด้วยการเข้าไปชลอตัวเปลี่ยนรับเป็นรูกของคู่ต่อสู้ได้เร็ว พยายามออกบอลเกมรุกด้วยตัวเองเยอะขึ้น พลาดบ้างดีบ้างแต่ดีกว่าไม่ยอมเล่น

ลัลลาน่า - ถูกสั่งมาให้เน้นเกมเลี้ยงจี้ิหรือไงไม่รู้ เป็นวันที่พยายามจะไปด้วยตัวเองเยอะมาก พลาดเยอะมากด้วยเช่นกัน แต่มีจังหวะประสานงานที่ดีกับเพื่อนร่วมทีมเยอะขึ้น ขยันวิ่งทำทางตลอดและช่วยไล่บอลในเกมรับได้ดีด้วย

มาโควิช  - ได้บอลน้อยกว่าลัลลาน่า ยังเล่นร่วมกับเพื่อนได้ไม่ดีนัก หาที่ว่างในเกมรุกได้ดีทีเดียว แต่หลังจากได้บอลแล้วเอาไปทำต่อไม่ค่อยดี จ่ายจังหวะควรยิงบ้าง จ่ายพลาดบ้าง และยังคงไม่ค่อยช่วยเกมรับเหมือนเดิม

สเตอลิ่ง - เป็นทุกอย่างในเกมรุก ครองบอลดี เลี้ยงจี้ได้ ลงมาเชื่อมเกมก็ทำได้ไม่พลาด โดยเฉพาะ 20 นาทีแรกของเกม สเตอลิ่งฟอร์มสุดยอดมาก แต่เข้าครึ่งหลังแล้วสภาพความฟิตมีปัญหา(ส่วนหนึ่งคงเพราะวิ่งเยอะตั้งแต่ต้นด้วย) เริ่มออกอาการหมดแรงก่อนเพื่อนเลย พลาดหนักมากจังหวะคืนหลังพลาดจนเกมต่อเนื่องไปถึงทีมเสียจุดโทษ ยิงจุดโทษตัดสินก็เป็นคนเดียวที่ยิงพลาดอีกต่างหาก

แลมเบิร์ต - เก็บบอลไม่อยู่ ผ่านบอลให้เพื่อนไม่ดีเท่าไหร่ ยังควานหาฟอร์มตัวเองไม่เจอต่อไป

ตัวสำรอง

บาโลเตลลี่  - นัดนี้ไม่ถอยห่างจากเขตโทษแล้ว แต่ก็ยังจมหายไปกับกองหลังอยู่ดี หาที่ว่างหาช่องเล่นไม่ได้

วิลเลี่ยม  - ฟอร์มสู้รอตสิเตอร์ที่ทำเอาไว้ก่อนหน้าไม่ได้โดยสิ้นเชิง ข้อผิดพลาดไม่มีให้เห็นชัดๆ ก็จริงอยู่แต่แทบไม่มีส่วนช่วยทีมเลย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ราฮีม สเตอลิ่ง... เป็นทุกอย่างในเกมรุกของทีมในช่วงนี้จริงๆ  ------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

EDIT เพิ่ม : ซูโซ่ : ขึ้่นไปมีส่วนร่วมกับเกมรุกพอควร ครองบอลได้ดี ยิงประตูสำคัญได้ด้วย 

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

เวสต์แฮม 3-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)



ค้อนทุบเพชรแตก...แหลกไม่ต้องซ่อม
__________________

ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-4-2 ไดมอนด์

-----------บาโลเตลี่------------บอรินี่------------
---------------------สเตอลิ่ง----------------------
---------เฮนเดอร์สัน-------------ลูคัส-----------
---------------------เจอราร์ด----------------------
โมเรโน่-----ลอฟเรน------สเคอเทล---มานกีโย่
---------------------มินโยเล่-----------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเวสต์แฮม นัดนี้ร็อดเจอร์เลือกใช้บอรินี่เล่นเป็นหน้าคู่กับบาโลเตลี่ เอาลูคัสกับเฮนเดอร์สันเล่นเป็นเหลี่ยมข้างของไดมอนด์
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมานาที 2 เวสต์แฮมได้ฟรีคิกตรงเส้นข้าง เลือกเปิดโด่งลึกข้ามมาสุดเสาสองแล้วโหม่งชงกลับเข้ากลาง เป็นรีดที่ได้โหม่งจ่อๆ โล่งๆ เข้าไปได้สำเร็จ 1-0 เท่านั้นยังไม่พอ นาที 7 เวสต์แฮมบุกเข้ามาทางริมเส้น ซาโก้(ของเวสต์แฮม) ชิพข้ามหัวมินโยเล่(หรือตั้งใจเปิดแต่ผิดเหลี่ยมก็ไม่รู้)เข้าไปได้อีกให้เวสต์แฮมนำ 2-0

_______ ลิเวอร์พูลโดนเร็วสองประตูและรูปเกมตั้งแต่เริ่มเขี่ยบอลสู้ไม่ได้เลยโดยสิ้นเชิง เกมบุกไม่ต้องพูดถึง แค่ตั้งเกมยังทำไม่ได้และเกมรับโดยเฉพาะริมเส้นหลวมมาก กลายเป็นเกมของเวสต์แฮมอยู่ฝั่งเดียว วิ่งไล่ตัดบอลแดนกลางแล้วเน้นขึ้นเกมทางริมเส้น กดดันแนวรับลิเวอร์พูลได้ตลอด

_______ นาที 22 ร็อดเจอร์รีบปรับเกมทันทีโดยส่งเอาซาโก้ลงแทนมานกีโย่ เปลี่ยนมาเล่นทรง 3-5-2 ยืนกันตามนี้

-----------บาโลเตลี่------------บอรินี่------------
--------------------เฮนเดอร์สัน-------------------
โมเรโน่-----ลูคัส--------เจอราร์ด-------สเตอลิ่ง
-------ซาโก้--------ลอฟเรน-------สเคอเทล----
---------------------มินโยเล่-----------------------

_______ พอปรับเกมแล้วรูปเกมลิเวอร์พูลดูดีขึ้นเล็กน้อย เกมริมเส้นเริ่มขึ้นได้ และมาได้ประตูคืนมาเร็วในนาที 26 จากจังหวะที่เฮนเดอร์สันโยนเข้ากลางแล้วบาโลเตลลี่เอาบอลลงอย่างเทพ พลิกยิงติดแต่บอลเด้งไปเข้าทางสเตอลิ่งที่ตามเข้ามายิงซ้ำเร็วเข้าไปได้ 2-1

_______ หลังจากสกอร์ขยับ ลิเวอร์พูลเริ่มทำเกมรุกริมเส้นกดดันคู่ต่อสู้ได้ต่อเนื่อง แต่โอกาสลุ้นประตูยังมีไม่มากนัก ส่วนเกมกลางสนามยังไม่ได้เปรียบ รวมไปถึงเกมรับทำได้ไม่ดี หยุดเกมคู่ต่อสู้ไม่ค่อยได้และเวสต์แฮมได้เปิดบอลจากริมเส้นค่อนข้างบ่อย ก่อนจะจบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-1

_______ เข้าครึ่งหลัง ลัลลาน่าได้ลงมาแทนลูคัสโดยยืนสูง เฮนเดอร์สันถอยมายืนต่ำ เกมโดยรวมลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่าปลายครึ่งแรกเล็กน้อย เกมริมเส้นยังทำได้ต่อเนื่องและมีลัลลาน่าที่คอยวิ่งหาที่ว่างคอยเชื่อมข้างหน้าได้ดีพอควร รวมไปถึงบอรินี่ที่กลับมาลงสนามแล้ว(ครึ่งแรกแทบไม่รู้ว่าอยู่ในสนาม) เจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายและได้โอกาสเปิดบอลเข้าทำมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถตีเสมอได้

_______ ส่วนทางเวสต์แฮมยังตั้งรับกันได้ดี แม้จะโดนเจาะเข้ามาในเขตโทษบ้างแล้วแต่บอลเข้าทำสุดท้ายยังช่วยกันสกัดได้หมด รวมไปถึงเกมโต้กลับที่เล่นใช้ได้ หลายจังหวะไปถึงเขตโทษด้วย ทำให้เกมช่วง 45-75 เป็นช่วงที่เกมเปิดแลกใส่กันสนุก

_______ เกมมาเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือในนาที 75 ร็อดเจอร์ส่งแลมเบิร์ตมาแทนบอรินี่ ส่วนอัลลาไดซ์ส่งคอลลินลงมาแทนวาเลนเซียแล้วปรับมาเล่นหลัง 5 ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลหาช่องเจาะไม่ได้อีกเลย อย่าว่าแต่ลุ้นประตู เอาแค่ได้เปิดบอลเข้าทำยังนับครั้งได้ แม้จะดันเจอราร์ดขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้นก็ไม่ช่วยอะไร ยิ่งเล่นเกมของลิเวอร์พูลยิ่งตัน ทั้งการเจาะตรงกลางและริมเส้น ได้แต่เคาะกันไปมาอยู่แถวกลางสนาม

_______ เกมทำท่าจะจบแบบเจ็บๆ อีกหนึ่งนัดสำหรับลิเวอร์พูล แต่คาดว่าจะเจ็บไม่พอ นาที 88 ซาโก้(ของลิเวอร์พูลนี่ล่ะ) เลยโหม่งบอลจังหวะไม่มีอะไรไปเข้าทางดาวนิ่งดื้อๆ แล้วดาวนิ่งก็เลยจ่ายทะลุช่องให้อัลมาฟิตาโน่หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษไม่พลาดเป็น 3-1 จบข่าว
-----------------------------------------

_______ นัดนี้แพ้หมดทั้งแทคติคทั้งฟอร์มผู้เล่นครับ

_______ 11 ตัวจริงนั้นแม้จะมีชื่อของบอรินี่กับลูคัส แต่ที่น่าสนใจจริงๆ อยู่ที่ร็อดเจอร์เลือกเล่นไดมอนด์ โดยมีเจอราร์ดยืนต่ำ เฮนเดอร์สันกับลูคัสประกบซ้ายขวา ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะให้ลูคัสยืนเท่าเจอราร์ดเล่นทรงแบบ 4-2-2-2 รึปล่าว (ต่างกันกับไดมอนด์เยอะนะ) แต่ก็ไม่ ไดมอนด์แท้ๆ เลยละครับแล้วผลคือ...

_______ ...เละ

_______ ลูคัสกับเฮนเดอร์สันเล่นเหลี่ยมข้างในแผนไดมอนด์ไม่ได้เลยครับ เกมรุกไม่ต้องพูดถึง เอาแค่เชื่อมเกมยังทำไม่ได้ เกมรับก็ช่วยอะไรไม่ได้เจอราร์ดรับเละคนเดียว แล้วตัวเจอราร์ดเองก็มีปัญหาทำให้เล่นไม่ได้ด้วย(อ่านย่อหน้าเวสต์แฮมประกอบ) ทำให้เกมตลอด 22 นาทีแรกที่เล่นไดมอนด์ เป็นรูปเกมที่แย่ที่สุดอีกนัดนึงในยุคของร็อดเจอร์เลย ดีว่ารีบเปลี่ยนแทคติคซะก่อน ไม่งั้นเกมนี้มีสิทธิโดนไม่ต่ำกว่าครึ่งโหล

_______  การปรับมาเล่น 3-5-2 ตั้งแต่นาที 22 เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าร็อดเจอร์ตัดสินใจได้ดีที่สุดในนัดนี้แล้วครับ คือเกมก็ไม่ได้ถึงกับพลิกมาเป็นต่อ เกมรับก็แย่เหมือนเดิม แต่บอลมันเป็นทรงขึ้น รุกได้บ้างโดยเฉพาะริมเส้น ได้มา 1 ประตูก็เพราะเกมริมเส้นนี่ล่ะ แล้วหลังจากนั้นก็พอลุ้นประตูได้บ้างเป็นระยะด้วย

_______ ที่เปลี่ยนซาโก้ลงมาส่วนหนึ่งคงเพราะต้องการรับมือลูกกลางอากาศให้มากขึ้น และการเลือกโมเรโน่แทนที่จะเป็นบอรินี่ คือเอาสเตอลิ่งไปคู่บาโลเตลลี่ข้างหน้า แล้วเอามานกีโย่เล่นวิงแบ็คตามตำแหน่ง น่าจะเป็นเพราะต้องการให้โอกาสบอรินี่ คือสถานการณ์ของบอรินี่ตอนนี้เนี่ย โอกาสอยู่ในทีมแทบไม่มีแล้ว ถ้าได้ลงตัวจริงแล้วยังจะเปลี่ยนออกทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดตั้งแต่นาที 22 เนี่ย...เอาสตั๊ดลูบหน้ายังสุภาพกว่าครับ ประเด็นการเปลี่ยนตัวเข้าออกตรงนั้นผมเลยคิดว่าร็อดเจอร์เลือกได้ดีแล้ว

_______ ที่พูดถึงไดมอนด์ๆ อยู่นี่ ผมไม่ได้คิดว่าแทคติคนี้มันแย่ ไม่ควรเล่นนะครับ แต่ผมคิดว่าการเล่นแบบนี้ โดยใช้เจอราร์ดยืนต่ำ, ใช้ลูคัสกับเฮนเดอร์สันประกบตอนนี้มันไม่เวิร์คเลย และ 3-5-2 อย่างนัดนี้ใช้แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ แต่ให้เล่นคงไม่ดีแน่ เกมรับริมเส้นลิเวอร์พูล “เน่า” มากครับใน 3-5-2 แบ็คสองข้างรุกอย่างเดียวไม่เล่นเกมรับ ตอนที่ลงมาก็เล่นเกมรับไม่ดีเพราะมัวแต่พะวงว่าจะเอาบอลขึ้นไปเล่นต่อยังไง ทำให้พื้นที่มุมธงโดนโจมตีได้ง่ายมาก ถูกโยนเข้ามากดดันบ่อยๆ  ส่วนเกมกลางสนามก็หยุดเกมคู่ต่อสู้ไม่ได้ กว่าจะตัดบอลได้คือหน้าเขตโทษตัวเองแทบทั้งนั้น

_______ ถ้าไม่มีแบ็คที่เล่นได้สมดุลย์ทั้งรุกและรับและอ่านเกมได้ดีระดับนึงว่าตอนไหนควรทำอะไร ให้ตายยังไงก็เล่น 3-5-2 ออกมาให้ดีไม่ได้ครับ ซึ่งทั้งทีมผมคิดว่ามีเอนริเก้คนเดียวที่เล่นวิงแบ็คได้ (แค่เล่นได้ด้วย ไม่ใช่เล่นดี) เพราะฉะนั้นหวังว่าร็อดเจอร์คงไม่บ้าจี้เอา 3-5-2 มาเล่นเป็นแทคติคหลักในนัดต่อไปนะ

_______ ส่วนจุดเปลี่ยนในนาที 75 ที่ทั้งสองฝั่งเปลี่ยนตัวนั้นทำให้เกมของลิเวอร์พูลดับสนิท แม้ผมจะไม่ถูกใจ(ส่วนตัวอยากให้ส่งมาโควิชแทนเฮนเดอร์สันหรือเจอราร์ดคนใดคนหนึ่ง)แต่ไม่คิดว่าร็อดเจอร์คิดผิด เพราะบอรินี่วิ่งมาชั่วโมงนึงแล้ว พอเล่นได้แต่ก็ไม่ถึงกับดี จะเอาแลมเบิร์ตลงไปลุ้นแทนพอเข้าใจได้ ที่เกมมันดับไปเลยเป็นเพราะทางเวสต์แฮมมากกว่า

_______ มองทางฝั่งเวสต์แฮม นัดนี้อัลลาไดซ์วางแผนมาดีมาก ที่สำคัญที่สุดอยู่ตรงที่การให้กองหน้าและกลางวิ่งไล่ในแดนหน้าเร็ว โดยเฉพาะเน้นไปที่เจอราร์ดที่จะมีคนวิ่งไล่ตามประกบแม้แต่จังหวะที่ไม่มีบอลอยู่ตลอดเวลา (ส่วนใหญ่เป็นดาวนิ่ง) เจอราร์ดแทบไม่มีเวลาให้เงยหน้ามองใครเลยและตั้งเกมไม่ได้ ส่วนเพื่อนคนอื่นก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก ตอนเล่นไดมอนด์ไม่ต้องพูดถึง แต่แม้กระทั่งตอนเล่น 3-5-2 แผงกลางโดยเฉพาะเจอราร์ดก็ยังโดนไล่บี้จนตั้งเกมไม่ได้ ส่วนในเกมรุก เวสต์แฮมก็ไม่คิดมากคือเล่นเน้นโยนจากริมเส้นเข้ามาซึ่งก็กดดันได้ตลอดเช่นกัน

_______ ทีเด็ดอีกอย่างคืออัลลาไดซ์ปรับมาเล่นหลัง 5 ตอนนาที 75 ทำให้ปิดเกมรุกลิเวอร์พูลได้สนิท แถมยังเปลี่ยนเอาอัลมาฟิตาโน่มาแทนซง(คนนี้เปลี่ยนนาที 68) ซึ่งสุดท้ายแล้วทำประตูได้ และเกมช่วง 15 นาทีท้ายเวสต์แฮมรับค่อนข้างต่ำ ความจำเป็นในการใช้ซงไปวิ่งไล่ก็น้อยลงไปด้วย จริงที่ว่าจังหวะเกมมันเป็นใจเพราะทีมนำอยู่ แต่ก็ต้องให้เครดิตอัลลาไดซ์ด้วยครับที่ละเอียด

_______ ...เลยชนะขาดไปทั้งรูปเกมทั้งสกอร์เลย
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันแย่...ต้องโทษแทคติคด้วย

มินโยเล่ - เริ่มขาดความมั่นใจ ยังเซฟลูกยิงไกลได้หมด แต่ตำแหน่งยืนผิดพลาดหลายครั้ง มีส่วนร่วมกับทุกประตูที่เสียไป หนักสุดคือลูกสอง เบาสุดคือลูกสามซึ่งแม้จะโดนล่อเป้าและไม่น่าจะช่วยเซฟได้ แต่ก็ควรจะยืนและปิดมุมได้ดีกว่านั้น

โมเรโน่ - แทบไม่เล่นเกมรับเลย อ่านเกมไม่ดีนัก จับบอลแรกพลาดบ่อยและเรียกฟาล์วเก้อทั้งเกม แต่เกมรุกพอใช้ได้โดยเฉพาะการเปิดบอลเข้าเขตโทษ

ลอฟเรน - อ่านเกมไม่ดีเป็นฝ่ายต้องวิ่งไล่ตามบ่อยครั้ง เล่นลูกตั้งเตะไม่ดีด้วย มีดีอยู่ตรงการสกัดที่ทำได้เด็ดขาด

สเคอเทล - ทิ้งตัวสกัดช่วยทีมไว้ได้พอสมควร อ่านเกมดีกว่าลอฟเรนและซาโก้...นิดนึง

มานกีโย่ - ซวย

เจอราร์ด - เป็นเกมที่แย่ที่สุดของเจ้าตัวในรอบหลายเดือน จริงที่ว่าโดนกดดันหนัก แต่เจอราร์ดเองก็ทำอะไรไม่ได้เลยด้วย หนีการโดนวิ่งไล่ไม่ได้ ตั้งเกมไม่ได้ เกมรับก็ช่วยได้น้อยไม่ว่าจะเรื่องวิ่งไปปิดพื้่นที่หรือการวิ่งตัดบอล ช่วงท้ายเกมที่ขึ้นไปเล่นเกมรุก ก็ช่วยทีมไม่ได้

ลูคัส - ในไดมอนด์ไม่ต้องพูดถึง ใน 3-5-2 ก็ยังช่วยเจอราร์ดได้น้อยไปในเรื่องของการเชื่อมเกม ยังดีว่าช่วยปิดพื้นที่ในเกมรับได้บ้าง

เฮนเดอร์สัน - เป็นวันที่ดับสนิทในทุกแทคติคและทุกด้าน  แม้แต่จังหวะที่เปิดเข้าไป(ดูตามตำแหน่งน่าจะใช่ครับ แต่ตอนพิมพ์ยังไม่ได้ดูไฮไลท์ ถ้าผิดทักได้ครับ) ให้บาโลเตลลี่ จนนำมาซึ่งประตูจริงๆ แล้วก็เปิดแรงและย้อนหลังด้วยซ้ำ แต่บาโลเตลลี่เก่งเองที่เอาลงได้สุดยอด

สเตอลิ่ง - เป็นคนที่เล่นได้ดีที่สุดของทีมในวันนี้ เลี้ยงจี้กดดันคู่ต่อสู้ได้ดีตลอดเกม ยิงได้ด้วย ถ้าวันนี้ไม่มีสเตอลิ่งจะยิ่งสยดสยองยิ่งกว่านี้อีก ส่วนเกมรับตอนที่ลงไปเล่นวิงแบ็คก็ลืมๆ ไปดีกว่า

บอรินี่ - ครึ่งแรก...อยู่ไหน ออกจอครั้งเดียวคือจังหวะหลุดทะลุเข้าไปยิงในเขตโทษ...พลาด ครึ่งหลังหาช่องได้ดีขึ้น เรียกฟาล์วได้ค่อนข้างดี ประโยชน์ของบอรินี่ที่เห็นชัดสุดคือทำให้บาโลเตลลี่มีอิสระในการถอยมาเชื่อมเกมกับเพื่อนได้สะดวกขึ้น...แค่นั้น….เขียนเองเศร้าเองครับ บอกเลย

บาโลเตลลี่ - พอเล่นหน้าคู่แล้วผลงานดีขึ้น เก็บบอลได้บ้างแต่ทำได้ดีในจังหวะให้บอลเร็ว ไม่ว่าจะชิ่งหรือให้ตามช่อง รวมไปถึงการลงมาช่วยเกมรับที่ลงน้อยแต่ลงมาแล้วช่วยได้จริงและการเชื่อมเกมแดนกลางได้พอสมควร

ตัวสำรอง

ซาโก้  - พึ่งบ่นไปนัดที่แล้วว่าโหม่งไปไหนไม่รู้...นัดนี้(นาที 88) รู้เลยครัช~ และทั้งเกมเล่นกดดันทีมตัวเองตลอด จ่ายบอลยัดใส่ตัวเพื่อนระยะประชิดในเขตโทษบ้าง เก็บบอลไว้นานเกินจนเสียจังหวะตั้งเกมบ้าง บังบอลไม่อยู่จนต้องเตะทิ้ง+โดนแย่งไปบ้าง

ลัลลาน่า - ช่วงนาที 45-75 เคลื่อนที่ได้ดี แม้จะทำเกมทะลุทะลวงไม่ได้แต่วิ่งส่ายหาที่ว่างช่วยทำชิ่งได้ดีหลายครั้ง มีส่วนทำให้เพื่อนได้เปิดบอลเข้าทำได้เป็นระยะ แต่ 15 นาทีสุดท้ายก็จมหายไปในแผงหลัง 5 คนของคู่ต่อสู้

แลมเบิร์ต - จมหายไปในแผงหลัง 5 คน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...แซม อัลลาไดซ์... ลิเวอร์พูลแพ้เพราะเค้าครับ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 2-1 ลูโดโกเรต (UCL)


นัดแรกก็ดราม่าซะแล้ว
__________________

ลิเวอร์พูลเล่นทรง 4-2-3-1 (หรือ 4-1-4-1, เฮนเดอร์สันยืนสูงเท่าๆ คูตินโย่)

---------------------บาโลเตลี่---------------------
สเตอลิ่ง------------คูตินโย่-------------ลัลลาน่า
---------เจอราร์ด-------------เฮนเดอร์สัน-------
โมเรโน่------ซาโก้------ลอฟเรน-------มานกีโย่
---------------------มินโยเล่-----------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือลูโดโกเรตจากบัลแกเรียในเกม UCL (โอย...พิมพ์แล้วน้ำตาจะไหล) นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมแค่ตำแหน่งเดียวคือสเตอลิ่งได้กลับมาเป็นตัวจริงและได้เล่นทางฝั่งซ้าย ย้ายลัลลาน่ากลับไปทางขวา นอกนั้นยังใช้ชุดเดิมจากนัดก่อน
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มต้นเกมได้อย่างบ้าคลั่งด้วยการวิ่งไล่บีบเร็ว เร่งเกมเร็วเต็มที่ตั้งแต่ต้น เปิดบอลขึ้นหน้าอยู่ตลอด แบ็คลอยสูงทั้งสองข้าง ส่วนทางทีมเยือนเองก็พยายามบุกสู้ทำให้เกมออกมาเร็วและเสียฟาล์วกันค่อนข้างบ่อยทั้งคู่ โดยเป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าพอสมควรเพราะได้โอกาสเปิดบอลเข้าไปลุ้นในเขตโทษบ้างแต่ยังทำประตูไม่ได้

_______ ผ่าน 20 นาทีแรกของเกมไปเกมของลิเวอร์พูลถึงเริ่มแผ่วลง เกมริมเส้นไปไม่ถึงมุมธงและบอลเจาะตรงกลางก็เริ่มไปไม่ค่อยถึงเขตโทษ ครองบอลและบุกได้ไม่ค่อยต่อเนื่องนัก กลายเป็นลูโดโกเรตที่เริ่มครองบอลได้บ้าง โดยอาศัยการขึ้นเกมริมเส้นในพื้นที่ที่แบ็คของลิเวอร์พูลลอยขึ้นไปสูงเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้กดดันอะไรแนวรับมากนัก

_______ เกมโดยรวมเล่นกันช้าลง ลิเวอร์พูลมาเร่งและกดดันได้ดีอีกครั้งในช่วงท้ายๆ ครึ่งแรกแต่ก็ยังทำประตูไม่ได้ สกอร์ยังอยู่ที่ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาเร่งเกมได้ดีอีกครั้ง เน้นการเลี้ยงจี้เข้าหาคู่ต่อสู้มากขึ้น ยิงไกลและเปิดบอลเข้าทำให้เร็วขึ้น แผงหลังจากที่ยืนกันสูงอยู่แล้วยิ่งสูงขึ้นไปอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งแบ็คสองข้างแทบจะขึ้นไปยืนกอดมุมธงอยู่แล้ว โดยรวมทำให้ทีมกดดันแนวรับได้ดีขึ้น มีโอกาสยิงเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นแต่ยังทำประตูไม่ได้ ส่วนลูโดโกเรตเน้นคุมพื้นที่และโต้กลับไปทางริมเส้นเป็นระยะแต่ไม่ได้กดดันมากนัก

_______ หลังจากโหมบุกอยู่นาน พยายามทั้งยิงไกลและใช้แบ็คสองฝั่งเปิดบอลเข้าไปในเขตโทษอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่ได้ประตู ร็อดเจอร์ก็ตัดสินใจปรับทีม นาที 67 ส่งบอรินี่กับลูคัสลงมาแทนลัลลาน่ากับคูตินโย่ เปลี่ยนไปเล่นหน้าคู่ไดมอนด์ โดยสเตอลิ่งยืนหลังคู่หน้า ลูคัสกับเฮนเดอร์สันประกบซ้ายขวา

_______ ลิเวอร์พูลเน้นเจาะตรงกลางอย่างเต็มที่ เกมริมเส้นเล่นแค่จ่ายออกไปให้แบ็คโยนกลับเข้ามาเท่านั้น โดยรวมทำให้เกมดูดีขึ้นเล็กน้อยโดยเฉพาะการวิ่งทำทางและเรียกฟาล์วของบอรินี่ที่สร้างโอกาสให้ทีมได้เป็นระยะ แต่กว่าจะมาได้ประตูขึ้นนำต้องรอถึงนาที 82 จากจังหวะที่โมเรโน่เปิดบอลเข้ากลาง กองหลังสกัดไม่ขาดบอลเข้าทางบาโลเตลลี่ได้พลิกยิงเข้าไปสำเร็จ 1-0

_______ พอขึ้นนำได้ ลิเวอร์พูลก็เล่นปิดเกมทันที เคาะบอลกันอยู่แดนหลังและดึงเกมให้ช้าลง ส่วนทางลูโดโกเรตเปลี่ยนกองหน้าลงมาสู้ เกมทำท่าว่าจะจบแล้วแต่ในช่วงทดเจ็บนาทีแรก ลิเวอร์พูลที่เติมกันขึ้นไปเล่นเกมรุกเพลิน โดยตัดบอลไปได้แล้วลูโดโกเรตโต้เร็วขึ้นมารวดเดียวถึงหน้าเขตโทษแบบไม่มีใครชะลอเกม, มินโยเล่ออกไปช้าจังหวะไม่ดีและลอฟเรนที่พยายามกวาดสกัดบอลก็ทำไม่สำเร็จ กลายเป็นอบาโล่กองหน้าของลูโดโกเรตแตะบอลหลบทุกสิ่งอย่างไปได้แล้วยิงตีเสมอได้สำเร็จ 1-1

_______ หลังจากถูกตีเสมอและเวลาแทบไม่เหลือแล้ว แต่แค่นาทีถัดมา ทีมกลับมาได้แบบเหลือเชื่อเมื่อกองหลังลูโดโกรเตพลาด เตะคืนผู้รักษาประตูในจังหวะที่เฮนเดอร์สันวิ่งชาร์จตามเข้าไป ผู้รักษาประตูไม่เตะบอลทิ้งพยายามแตะหนี แต่บอลไปเข้าทางเฮนเดอร์สันฉกไปได้กลายเป็นผู้รักษาประตูเสียบสกัดผิดจังหวะเสียจุดโทษ….

_______ ...เจอราร์ดยิงไม่พลาด 2-1 และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว ชนิดทีช็อคแฟนบอลทั้งสองฝั่งไปพอๆ กัน
-----------------------------------------

_______ นัดนี้ฟอร์มไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ความมุ่งมั่นเต็มร้อย

_______ 11 ตัวจริงแทบไม่เปลี่ยนจากนัดก่อน แต่นัดนี้ลิเวอร์พูลเล่นก้าวร้าวดุดันขึ้นเยอะ วิ่งไล่บอลมากขึ้น เล่นเกมรุกเร็วขึ้น คิดน้อยลง(นี่ชมนะ) ซึ่งทำได้เกือบตลอด 90 นาทีเลยด้วย ก็เร่งจนพลาดไปเยอะเหมือนกันแต่ก็ดีกว่าเคาะกันไปมาแดนหลังแล้วไม่ได้ลุ้นอะไรเลยนี่นะ

_______ ปัญหาหนักสุดของเกมนี้ยังอยู่ที่เรื่องทีมเวิร์คที่ยังต้องจูนกันต่อไป บอลไปทางคนไปทางยังมีให้เห็นเต็มไปหมด ซึ่งพอเร่งเกมรุกเร็วๆ แบบนี้ต้องอาศัยความเข้าใจกันเยอะกว่าปกติยิ่งพลาดไปกันใหญ่ อันนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาแล้วหวังว่าจะไม่นานนัก

_______ ปัญหาถัดมาผมคิดว่าอยู่ที่แผงหลัง การประสานงานไม่ดีนั้นเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่โดยรวมแล้วผมคิดว่าแผงหลัง 4 คนชุดนี้อ่านเกมไม่ค่อยดีนัก แบ็คสองข้างค่อนข้างอ่อนประสบการณ์ แม้จะเป็นสถานการณ์ที่ถูกสั่งให้เติมสูง แต่หลายครั้งพวกเขาควรจะตามลงมาให้มากกว่านั้น ส่วนคู่เซ็นเตอร์ไม่ใช่ดาวรุ่งแล้วแต่ก็ยังอ่านเกมพลาด ยืนตำแหน่งผิดให้เห็นเป็นระยะ แผงหลัง 4 คนนี้มีดีตรงความฟิตความเร็วและการเข้าสกัดที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าพวกเขาจะหวังใช้เรื่องนี้มาทดแทนการอ่านเกมผิดพลาด(บ่อยๆ)อยู่ตลอดก็ไม่ไหวนะครับ ดูแล้วสเคอเทลกับเอนริเก้ยังน่าจะมีโอกาสลงสนามอยู่พอสมควรเลย

_______ ทางด้านแทคติค 4-3-3 กับบาโลเตลลี่หน้าเดี่ยววันนี้ไม่เวิร์คเลยครับ ก็ไม่เวิร์คมาตั้งแต่นัดแรกของเจ้าตัวนั่นแหล่ะ เสียบอลแดนหน้าเร็วมากและเจาะคู่ต่อสู้ไม่ค่อยเข้า ในขณะที่ 4-4-2 ไดมอนด์นัดนี้ อาจทำให้กดดันพื้นที่สุดท้ายได้ดีขึ้นมาก แต่ทำให้เกมรับเข้าขั้นบรรลัยจักร ก็เล่นดันแบ็คขึ้นสูงแล้วปล่อยให้คนอายุเฉียด 35 ต้องวิ่งคุมพื้นที่เกือบครึ่งสนามนี่ครับ
_______ เรื่องนี้คงต้องปล่อยให้ร็อดเจอร์เลือกเอาเองละครับว่าจะเอายังไง จะเลือกทางไหนมันก็ได้อย่างเสียอย่างทั้งนั้น แต่ที่แน่ๆ จะใช้มันทั้งสองอย่างทุกเกมๆ แบบนี้ไม่น่าจะเวิร์ค

_______ ถ้าดูเฉพาะนัดนี้ การเปลี่ยนมาเล่นไดมอนด์ตอนนาที 67 ผมเห็นด้วยครับเพราะมันเข้าตาจนแล้ว ลองดีกว่าไม่ลอง แต่ช็อคและไม่เห็นด้วยเอามากๆ กับการเปลี่ยนตัวในรายของลูคัสที่ลงมาเล่นในตำแหน่งนั้น คือลูคัสลืมวิธีเล่นเกมรุกไปนานแล้วแต่ต้องขึ้นไปเล่นสูง แน่นอนว่าช่วยอะไรเกมรุกไม่ได้ ในขณะที่เจอราร์ดตอนนั้นก็เริ่มออกอาการหมดแรงวิ่งบ้างแล้วแต่ก็ดันต้องอยู่ต่อแถมยืนต่ำคนเดียวอีกต่างหาก ก็ไม่เข้าใจว่าถ้าจะเล่นไดมอนด์ตอนนั้น ทำไมไม่เปลี่ยนเจอราร์ดออกแล้วเอาลูคัสยืนต่ำ เก็บลัลลาน่าหรือคูตินโย่ไว้สักคน ซึ่งเกมรับหลังจากนั้นจนจบเกมก็มีปัญหามากจริงๆ

_______ ส่วนในรายบอรินี่ลงมาแล้วทำหน้าที่ตัวเองได้ดีครับ

_______ อย่างไรก็ตาม นัดแรกในรอบ 5 ปี กับการลงเล่น UCL เก็บชัยชนะได้ เป็นเรื่องดีแน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลอีกคู่มาดริดบอบม์บาเซิลซะเละเทะขนาดนั้นยิ่งเข้าทาง นัดต่อไปค่อยว่ากันใหม่แล้วกันครับ
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - ไม่ค่อยมีลูกยากให้เซฟ ตัดบอลกลางอากาศและบอลที่ทะลักเข้าเขตโทษได้ดี แต่จังหวะเสียประตูมีส่วนพลาดเยอะเลย คืออกไปช้าไปได้แค่ครึ่งทาง ถ้าจะไปได้แค่นั้นสู้ยืนคุมเส้นซะยังดีกว่า

โมเรโน่ - แทบไม่ได้เล่นเกมรับ ขึ้นแล้วไม่ค่อยลง รู้ว่าผู้จัดการทีมสั่งล่ะ แต่หลายๆ จังหวะ ควรตามลงมาให้ได้เร็วกว่านั้น สำหรับเกมรุกวิ่งทำทางและเชื่อมเกมได้ดี แค่ต้องปรับปรุงการเปิดบอลอีกสักหน่อย

ลอฟเรน - เร็วและเข้าสกัดได้ดี เบียดปะทะได้แข็งแกร่งด้วย แต่อ่านเกมไม่ดีเลย ต้องรอบอลไปก่อนถึงขยับได้แทบจะทุกครั้ง

ซาโก้ - มีปัญหากับลูกกลางอากาศพอสมควร คือโหม่งไม่ค่อยไปไหนสลับกับโหม่งไปไหนไม่รู้ โดยรวมทำได้ดีกับการอ่านเกมและเข้าสกัด แต่บทจะพลาดขึ้นมานี่พลาดหนักจริงๆ อย่างในนาที 71 ที่ยืนผิดตำแหน่งแบบไม่น่าเชื่อจนคู่ต่อสู้ได้หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษได้ง่ายๆ

มานกีโย่ - คล้ายโมเรโน่ แต่วิ่งทำทางไม่ดีเท่า บางจังหวะไปหยุดรอบอลแทนที่จะวิ่งขึ้นหน้า เปิดบอลได้ดูดีกว่าโมเรโน่เล็กน้อย แย่หน่อยตรงที่เพื่อนไม่ค่อยรักเท่าโมเรโน่ ได้บอลน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

เจอราร์ด - ไม่มีพื้นที่ให้วางบอลยาวเท่าไหร่แต่วันนี้เชื่อมเกมได้ดี ช่วง 60 นาทีแรกของเกมเล่นได้ไม่ผิดพลาดทั้งเกมรุกเกมรับ แต่พอผ่าน 60 นาทีไปแล้วเริ่มออกอาการหมดแรง ยิ่งพอทีมเล่นไดมอนด์ เจอราร์ดเล่นพลาดบ่อยขึ้น โดยเฉพาะเกมรับที่วิ่งปิดพื้นที่ไม่ทันเลย ส่วนลูกจุดโทษท้ายเกมยังคงยิงได้นิ่งสมเป็นมือ 1 ของทีมต่อไป

คูตินโย่ - ครึ่งแรกถอยต่ำมาช่วยเชื่อมเกมเยอะ ทำได้ดีในเรื่องนั้น ส่วนการทำเกมรุกพื้นที่สุดท้ายเห็นความพยายามจะผ่านบอลแล้วแต่เอาชนะแนวรับไม่ได้ ครึ่งหลังแทบไม่รู้ว่าอยู่ในสนาม

เฮนเดอร์สัน - ช่วยวิ่งคุมพื้นที่ได้ดีตลอดเกม เชื่อมเกมใช้ได้ เกมรุกยังไม่มีอะไรโดดเด่นเท่าไหร่ทั้งๆ ที่วันนี้ได้เล่นสูงกว่าปกติตั้งแต่เริ่มเกม แต่มาทำได้ดีมากๆ มากชนิดที่น่าจับไปแห่รอบเมืองด้วยการวิ่งเข้าไปฉกบอลและทำให้ทีมได้จุดโทษนำชัย

ลัลลาน่า - ขยันวิ่งไล่ดีแม้จะพรวดพราดไปนิด หาพื้นที่เล่นพอใช้ได้ไม่หายไปจากเกม ข่าวดีคือฟอร์มกระเตื้องขึ้นมาจากนัดก่อน ข่าวร้ายคือกระเตื้องขึ้นมาแค่นิดเดียว

สเตอลิ่ง - ครองบอลเลี้ยงจี้ได้ดีทั้งเกม ครึ่งแรกใช้ความเร็วความคล่องกดดันคู่ต่อสู้ได้ดี แม้จะเปิดบอลไม่ค่อยได้ลุ้นและหาจังหวะยิงเองไม่ได้เลยก็ตาม ครึ่งหลังดูล้าและกดดันได้น้อยลงไปพอสมควร

บาโลเตลลี่ - วิ่งน้อยกว่าคนอื่น ถอยห่างออกจากเขตโทษบ่อยเกินไปสำหรับแทคติคหน้าเดี่ยว เริ่มออกอาการหงุดหงิดให้เห็นบ้างแล้วซึ่งก็น่าเห็นใจเพราะหลายครั้งไปอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากแล้ว...เพื่อนไม่ให้บอล ยังดีว่าวันนี้ทำประตูแรกได้สำเร็จ

ตัวสำรอง

ลูคัส  - นอกจากเสียฟาล์วหน้าเขตโทษให้คู่ต่อสู้ได้ลุ้นฟรีคิกพื้นที่อันตรายแล้วก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย

บอรินี่ - ขยันวิ่งหาช่องและเรียกฟาล์วได้ดี

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...จอร์แดน เฮนเดอร์สัน...ฟอร์มไม่ได้โดดเด่นเปรี้ยงปร้าง เทียบกับสเตอลิ่งและเจอราร์ด(เฉพาะ 60 นาทีแรก) ยังดูด้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่เฮนเดอร์สันมีดีตรงที่เล่นได้คงเส้นคงว่าตลอด 90 นาที(...ในหลายๆ ความหมาย) แถมยังมีความขยันจนเรียกจุดโทษท้ายเกมได้ด้วย
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

EDIT: เนื่องจากความผิดพลาดเรื่องคนเรียกจุดโทษท้ายเกม แก้ไขตามนี้นะครับ (ขอคงอันเดิมที่พลาดไว้ด้วย เพื่อท่านอื่นมาอ่านต่อจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น)

1 มานกีโย่เป็นคนวิ่งเข้าไปฉกบอลและเรียกจุดโทษ ไม่ใช่เฮนเดอร์สัน
2 ในส่วนคอมเม้นต์ของเฮนเดอร์สัน ตัดเรื่องที่เกี่ยวกับการได้จุดโทษออกไปได้เลย
3 MOM ต้องเปลี่ยนจากเฮนเดอร์สันเป็นสเตอลิ่งครับ แบ็คสองข้างเล่นเกมรุกดีแต่ทิ้งเกมรับไปเลย ดังนั้นขอเลือกเป็นสเตอลิ่งที่เลี้ยงจี้พาบอลไปได้ดีทั้งเกมดีกว่าครับ