วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 4-0 สเปอร์ (พรีเมียร์ลีค)


...เช้งเม้งสินะ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

--------ซัวเรส---------สเตอริดจ์----------สเตอลิ่ง------
---------------คูตินโย่-----------เฮนเดอร์สัน------------
------------------------เจอราร์ด-------------------------
ฟลานาแกน------แอกเกอร์------สเคอเทล----จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นในบ้านรับมือสเปอร์ นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับแค่ตำแหน่งเดียวคือใช้สเตอลิ่งแทนอัลเลนแล้วหันมาเล่นในทรง 4-3-3 ที่ไม่ได้ใช้มาหลายนัด ส่วนสเปอร์ไม่มีชื่อของอเดบายอร์ที่ยังไม่ฟิต
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมายังไม่ทันจะโดนบอลกันครบทุกคน จังหวะเข้าทำครั้งแรกนาที 2 สเตอลิ่งจ่ายบอลทะลุช่องให้จอห์นสันที่วิ่งสอดขึ้นมาถึงสุดเส้นหลัง เปิดเรียดเข้ากลางแล้วก็เป็นกาบูลที่โชว์สเตปตราโอเร่เทิร์นในตำนาน (ไม่สวยงามเท่าแต่ลีลาพอใช้ได้) ส่งบอลเข้าประตูไปได้สำเร็จ ลิเวอร์พูลนำเร็ว 1-0

_______ สกอร์ขยับเร็วแต่สเปอร์ไม่ขยับด้วย พวกเขายังไม่เร่งเกม ไม่ไล่บอลแดนกลางแดนหน้าเอาแต่ถอยไปคุมพื้นที่แน่นในแดนหลัง ทำให้ลิเวอร์พูลตั้งเกมและครองบอลได้อย่างสะดวก ทำเกมได้ต่อเนื่องมีโอกาสออกบอลทะลุช่องได้เรื่อยๆ และเกมรุกทางขวาทำได้ไหลลื่น

_______ ลิเวอร์พูลมีโอกาสจ่ายบอลเข้าทำรัวๆ ครองบอลได้มากกว่า ตัดบอลกลับมาได้เร็ว คุมเกมได้อย่างสิ้นเชิง และมาได้ประตูเพิ่มในนาที 25 ดอร์สันที่พึ่งถูกเปลี่ยนลงมาแทนแฟร์ตองเก้นหมาดๆ จ่ายบอลไม่ดีไม่ตรงกาบูล ซัวเรสเลยเบียดแย่งบอลไปได้ก่อนพาบอลเข้าไปในเขตโทษมุมแคบแล้วยิงเข้าเสาสอง ไปได้ 2-0

_______ โดนไปสองลูกแล้วแต่เกมของสเปอร์ยังไม่ค่อยกระเตื้องนัก แม้จะมีโอกาสได้ยิงบางในจังหวะฉาบฉวยแต่ก็ยังติดกองหลังหมด เกมโดยรวมยังเป็นลิเวอร์พูลที่ครองเกมได้ดีกว่าแต่ก็ผ่อนเกมลงไปเองเรื่อยๆ จนเกมช้าลงและสเปอร์เริ่มกดดันได้บ้างนิดหน่อยในช่วงท้ายครึ่งแรกแต่ก็ไม่ดี ถึงขนาดจะได้ลุ้นประตูเป็นจริงเป็นจัง จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ก็ยังเป็นลิเวอร์พูลที่ีเดินหน้าเล่นเกมรุกมากกว่า ส่วนสเปอร์ตั้งเกมกันช้าและเกมรุกไม่ทะลุะทะลวงไม่กดดันแนวรับแต่อย่างใด และไม่นานนักนาที 55 ลิเวอร์พูลก็ได้ประตูหนีห่างไปอีก จากจังหวะเปลี่ยนรับเป็นรุก ฟลานาแกนพลิกบอลหนีตัวไล่ขึ้นมาดีเลี้ยงมาถึงครึ่งสนาม ก่อนจะผ่านบอลให้คูตินโย่ได้พาบอลไปถึงหน้าเขตโทษ มีสเตอลิ่งวิ่งทำทางอยู่ด้านหน้าแต่คูตินโย่ตัดสินใจยิงเอง บอลเรียดผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปได้ 3-0

_______ พอสกอร์ขาดสามลูก สเปอร์ยิ่งเข้ารกเข้าพงไปกันใหญ่ ตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ พยายามเปลี่ยนตัวรุกอย่างทาวเซนด์และเดมเบเล่ลงมาก็ยังไม่ได้ดูดีขึ้น นาที 63 อัลเลนได้ลงแทนคูตินโย่ ยังคงเป็นลิเวอร์พูลที่เล่นเคาะบอลกันไปตามช่อง(หนักขึ้นกว่าเดิมด้วย)และหา โอกาสวางบอลทะลุแนวรับเข้าไปลุ้นในพื้นที่สุดท้ายได้เป็นระยะ เพียงแต่ยังไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้เท่านั้น

_______ นาที 70 ลูคัสได้ลงแทนเจอราร์ดอีกคน ลิเวอร์พูลเคาะไปเคาะมาแต่ยังอุตส่าห์กดดันแนวรับได้ดีกว่าสเปอร์เยอะ นาที 75 ยังมาได้ประตูเพิ่มจากลูกตั้งเตะ เฮนเดอร์สันรับหน้าที่เปิดจากมุมเขตโทษด้านซ้าย บอลมาค่อนข้างต่ำแต่วิถีบอลเข้ากรอบ ซัวเรสหลบให้แล้วบอลก็เลยไม่โดนใครพุ่งเข้าโคนเสาสองไปให้ลิเวอร์พูลนำ 4-0

_______ เวลาที่เหลือ สเปอร์เหมือนพยายามจะดิ้นรนอยู่บ้างเพราะเห็นวิ่งไล่แดนหน้ากันมากขึ้นแต่ก็ ไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ ลิเวอร์พูลยังเคาะตามช่องกันไปเรื่อยเปื่อย ข้างหน้าว่างก็จ่ายทะลุสักทีนึง คุมเกมไว้ได้หมด นาที 83 โมเสสลงมาแทนสเตอลิ่งอีกคน ท้ายๆ เกม บอลของลิเวอร์พูลเริ่มไปถึงข้างหน้าน้อยลงแต่ก็ยังเยอะกว่าสเปอร์อยู่ดี ก่อนจะปิดเกมไปได้ไม่ยากเย็นนัก 4-0
-----------------------------------------

_______ สเปอร์ทั้งไม่พยายามสู้และไม่มีอะไรมาสู้เลยครับ กลายเป็นเกมแบบวันเวย์ตั้งกะต้นยันจบซะอย่างนั้น

_______ 11 ตัวจริงเปลี่ยนแค่ตำแหน่งเดียว อันที่จริงผมรู้สึกว่ามันน้อยไปหน่อยในแง่ที่ว่าอยากจะให้เพิ่มความสดให้กับทีมมากกว่านี้ โดยเฉพาะในตำแหน่งกลางรับหรือแนวรับ แต่ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบที่เห็นก็คงบ่นอะไรไม่ได้ ซึ่งอันที่จริงที่ทีมมาได้ขนาดนี้เหตุผลหลักเลยก็เป็นเพราะร็อดเจอร์ไม่ค่อยปรับทีมด้วยเหมือนกัน

_______ ที่น่าสนใจกว่าคือการปรับทีมมาเล่น 4-3-3 เหมือนเดิมแล้วหลังจากเปลี่ยนไปเล่น 4-4-2 ไดมอนด์อยู่ 3-4 นัด ซึ่งหลังๆ มาเกมรุกก็เริ่มตันๆ ให้เห็นเหมือนกัน พอนัดนี้กลับมา 4-3-3 รู้สึกว่าเกมรุกกลับมาดุดันทะลุทะลวงดีจริงๆ ไม่ได้บอกว่า 4-3-3 จะดีกว่า 4-4-2 ไดมอนด์นะครับ แค่รู้สึกว่าทีมชุดนี้สามารถปรับเปลี่ยนวิถีการเล่นตามสถานการณ์ได้ดีขึ้น กว่าแต่ก่อนแล้ว (แต่ก่อนจะเปลี่ยนทีกว่าจะเข้าที่ล่อเข้าไป 3-4 นัด) ซึ่งน่าจะทำให้ทีมมีทางเลือกมากขึ้น

_______ สำหรับวันนี้ ถ้าดูเฉพาะทางฝั่งลิเวอร์พูลต้องบอกว่าเล่นกันท็อปฟอร์มหลายคนตั้งแต่หน้า ยันหลัง แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ตัดสินรูปเกมและทำให้สกอร์ออกมาขาดขนาดนี้มาจากทางฝั่ง สเปอร์เองมากกว่า พวกเขามาเริ่มเกมแบบวิ่งถอยหลังตั้งแต่ต้นแล้ว เสียประตูเร็วแล้วก็เร่งเกมไม่ขึ้น สเปอร์ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการวิ่งถอยหลัง ครึ่งแรกพวกเขาแทบไม่วิ่งไล่แดนหน้าและแดนกลางไม่ว่าจะตอน 1-0 หรือ 2-0 ปล่อยให้ลิเวอร์พูลตั้งเกมกันได้ง่ายมากๆ ไม่เจอความกดดันอะไรเลย

_______ เข้าครึ่งหลัง ลงมาเหมือนจะไล่มากขึ้นแต่ก็หนักไปทางวิ่งกันไปคนๆ ไม่ได้วิ่งกันเป็นทีม แถมทำไม่สม่ำเสมออีกต่างหาก โดนเคาะหนีสองสามครั้งก็เลิกไล่แล้ว การไม่วิ่งของสเปอร์นี่ละครับที่ทำให้พวกเขาแพ้แบบหมดทางสู้ขนาดนี้ ยิ่งถ้ามองเทียบกับลิเวอร์พูลที่พักก็พักมาน้อยกว่า ประตูนำก็ยิงได้แล้ว แต่กลายเป็นฝ่ายที่วิ่งไล่ถึงบอลถึงตัวอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าสกอร์จะเป็นเท่า ไหร่ ก็สมควรแล้วละครับที่จะชนะขาดขนาดนี้

_______ ... ส่วนสเปอร์สมควรจะโดนสักครึ่งโหลจริงๆ ....
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี (ต้องให้เครดิตสเปอร์ด้วยที่เล่นกันได้แค่นั้น)

มินโยเล่ - ไม่ค่อยได้เซฟมากนักแต่จังหวะที่บอลหลุดมาก็จัดการได้หมด มีสมาธิกับเกมดีมาก เล่นบอลกับเท้าและออกบอลสั้นได้ดี

จอห์นสัน - เล่นได้ดีทั้งเกมรุกและเกมรับ วิ่งสอดขึ้นไปรับบอลข้างหน้าได้โดดเด่น (ลองเทียบกับฟลานาแกนดูสิ) แม้จะผ่านบอลจังหวะสุดท้ายไม่เด็ดขาดนัก เชื่อมเกมได้ดี

แอกเกอร์ - แทบไม่โดนกดดันอะไรเลย รักษาตำแหน่งได้ดีแต่ถ้าไม่คิดไปเองรู้สึกว่าจะเข้าบอลน้อยไปหน่อย (หนักไปทางวิ่งถอย) ผ่านบอลขึ้นหน้าได้ดี

สเคอเทล - อยู่ในฟอร์มที่ดี ปั๊กเดียวอยู่หมด สกัดบอลเด็ดขาด บล็อคลูกยิงดีด้วย

ฟลานาแกน - เชื่อมเกมพอใช้ได้ บอลไปข้างหน้าไม่ดีเท่าจอห์นสันแต่ก็ทำเสียน้อย เกมรับเข้าบอลหนักหน่วงมาก แม่นยำดีแต่ก็ออกแนวพรวดพราดเหมือนกันถ้าพลาดนิดเดียวรับรองได้ไปอาบน้ำก่อน เพื่อน ที่ทำได้ดีคือการตัดสินใจเล่น อาการยึกยักคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรแทบไม่มีให้เห็นแล้ว

เจอราร์ด - โดนกดดันจากผู้เล่นสเปอร์น้อยมากยิ่งทำให้เจอราร์ดเล่นง่ายเข้าไปใหญ่ เกมรับก็แทบไม่มีให้เล่น ระมัดระวังในการเข้าบอลอย่างเห็นได้ชัดแต่เนื่องจากสเปอร์เองก็รุกไม่ได้ อยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาอะไร เก็บบอลและเชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้ดีตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม

เฮนเดอร์สัน - มีส่วนร่วมกับเกมมากจริงๆ เชื่อมเกมได้ดีและออกบอลเกมรุกสวยๆ ได้หลายครั้ง เคลื่อนที่ทั้งรับบอลและไล่บอลก็ทำได้ต่อเนื่องทั้งเกม เกมนี้ถ้าจะมีอะไรพลาดก็คงมีแค่การจบสกอร์ลูกที่สเตอลิ่งผ่านมาให้ยิงแบบไม่ มีคนบล็อค ข้ามคานซะงั้น แต่ก็มาแก้ตัวได้จากฟรีคิกอยู่ดี

คูตินโย่ - เชื่อมเกมพอใช้ได้ ที่ทำได้เด่นคือการแตะหลบหนีตัววิ่งไล่ที่ทำได้ดีหลายครั้ง บอลเกมรุกพยายามจ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายหลายครั้งแต่ไม่ค่อยหลุด วันนี้จบสกอร์ได้ดีครั้งเดียว(ถ้าจำไม่ผิด)เป็นประตูเลย

สเตอลิ่ง - จ่ายบอลพอใช้ได้ วิ่งทำทางได้ดีอยู่ในที่ว่างตลอด แต่ที่ทำได้เด่นจริงๆ คือการเก็บบอล ส่วนเกมรับก็ขยันวิ่งไล่ช่วยแดนกลางได้ดีทีเดียว

สเตอริดจ์ - เก็บบอลและทำชิ่งได้ดี หาที่ว่างใช้ได้ แต่วันนี้มีส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับแนวรุกคนอื่น

ซัวเรส - พลิกบอลเล่นเองได้ดีหลายครั้ง เลี้ยงจี้กดดันคู่ต่อสู้ได้ ขยันวิ่งไล่แซะบอลอยู่ตลอด มีส่วนร่วมกับเกมรุกค่อนข้างมาก

ตัวสำรอง 

อัลเลน  - ลงมาเคาะ แล้วก็ทำหน้าที่นั้นได้ดี

ลูคัส - จังหวะการเล่นยังดูไม่ค่อยดีนัก เกมรับขยับช้าและรักษาพื้นที่ค่อนข้างหลวม

โมเสส
- ลงมาให้รู้ว่ายังอยู่แอนฟิลด์

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...จอร์แดน เฮนเดอร์สัน... นัดนี้เป็นเกมง่าย(หมายถึงตอนเล่นจริง)และเล่นดีกันหลายคนเลือกใครก็ได้ทั้ง นั้น แต่ขอเลือกเฮนเดอร์สันกับความสม่ำเสมอตลอด 90 นาที เพราะทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะนำลูกเดียวหรือนำสี่ลูก ไม่ว่าจะเกมรุกหรือเกมรับ สมาธิและขาสองข้างยังอยู่กับเกมตลอดเวลา
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 2-1 ซันเดอร์แลนด์ (พรีเมียร์ลีค)



...ลูคัส ลูคัส ลูคาสสสสส~...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-3-2 

-----------------ซัวเรส---------สเตอริดจ์---------------
---------อัลเลน--------คูตินโย่-------เฮนเดอร์สัน-------
------------------------เจอราร์ด-------------------------
ฟลานาแกน------แอกเกอร์------สเคอเทล----จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นในบ้านเจอซันเดอร์แลนด์ที่หนีตกชั้นอยู่ ร็อดเจอร์ใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมเป๊ะๆ จากนัดก่อน ส่วนซันเดอร์แลนด์มาแปลกด้วยการส่งกองหน้าคู่อย่างอัลติดอร์กับวิคแฮมลง มา...โดยที่ไม่ส่งตัวเปิดบอลอย่างอดัม จอห์นสันหรือลาร์สันลงมาด้วย
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มต้นเกมแบบชิลๆ ด้วยการเคาะหาช่องไปเรื่อย ไม่ได้เร่งเกมเร็วเหมือนที่ผ่านมา ผ่านบอลได้แม่นยำและทำให้ครองบอลได้ดีกว่าเยอะ พาบอลไปถึงเขตโทษได้แต่จ่ายบอลเข้าทำไม่ได้ ส่วนทางซันเดอร์แลนด์เริ่มเกม ด้วยการตั้งเกมสู้ วิ่งไล่ตั้งแต่แดนหน้า แม้จะวิ่งถึงบอลได้เร็วแต่ผู้เล่นลิเวอร์พูลก็เคาะบอลหนีได้ดีพอทำให้ยิ่ง เล่นซันเดอร์แลนด์ยิ่งถอยลงไปรับลึกขึ้น แต่พวกเขาทำได้ดีในการปิดพื้นที่เขตโทษที่แน่นโคตรๆ ลิเวอร์พูลหาช่องเล่นในเขตโทษไม่ได้เลย

_______ ทางลิเวอร์พูลเกมรุกด้านขวาทำได้ดีกว่าซ้ายและกลาง โดยเฉพาะการประสานงานระหว่างจอห์นสันและเฮนเดอร์สันที่ให้บอลและทำทางกันได้ดี ในเกมรับสามารถหยุดเกมโต้กลับของซันเดอร์แลนด์ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยซันเดอร์แลนด์พยายามเน้นการเจาะทางฟลานาแกน อุตส่าห์ส่งอัลติดอร์ไปยืนค้ำคู่กับฟลานาแกนแต่ก็เก็บบอลเล่นไม่ได้อยู่ดี

_______ ลิเวอร์พูลหาโอกาสในเกมเปิดแทบไมไ่ด้แต่ก็มาทำประตูได้สำเร็จจากลูกตั้งเตะ นาที 39 จากจังหวะได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ เจอราร์ดรับหน้าที่ยิง ทิศทางไม่ถึงกับเบียดมุมเบียดเสามากนักแต่น้ำหนักดีมาก แถมกำแพงซันเดอร์แลนด์ก็ตั้งหลวมมากด้วย มันโนเน่แม้จะพุ่งถูกสะกิดโดนบอลแต่เอาไม่อยู่ ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0

_______ เวลาราว 5 นาทีที่เหลืออยู่ซันเดอร์แลนด์พยายามกลับมาเร่งเกมเหมือน ตอนต้นเกม แบ็คเิติมมากขึ้นและโยนเร็วมากขึ้นไม่รอไปถึงใกล้เส้นหลัง กดดันได้บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับคอขาดบาดตายนัก จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลเลยยังนำอยู่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาเร่งเกมรุกเข้าใส่เต็มตัวแล้วใช้เวลาไม่นานนักก็ขยับหนีห่าง ได้สำเร็จ นาที 48 สเตอริดจ์รับบอลจากเฮนเดอร์สันแถวมุมเขตโทษด้านขวาก่อนจะแตะหาช่องแล้วยิง บอลไปแฉลบกองหลังแต่ยังมีน้ำหนักพอและได้ทิศทางเสียบเสาสองเข้าไปได้ 2-0

_______ พอสกอร์หนีห่าง ซันเดอร์แลนด์ก็เปิดหน้าแลกทันทีซึ่งก็ส่งผลให้ลิเวอร์พูลมีพื้นที่ในแดน หน้าให้เล่นทันทีเช่นกัน คู่กองหน้ารวมไปถึงคูตินโย่ที่แทบไม่มีพื้นที่เล่นสักเท่าไหร่ในครึ่งแรกได้ วิ่งตามใจฝันกันมากขึ้น ซันเดอร์แลนด์พาบอลมาถึงหน้าเขตโทษมากขึ้น แต่กลายเป็นลิเวอร์พูลที่หาจังหวะจบสกอร์ได้เป็นเรื่องเป็นราวกว่าแต่จังหวะสุดท้ายใช้เปลืองกันไปเอง

_______ ลิเวอร์พูลมีช่วงเวลาเฮฮาปาร์ตี้อยู่ราว 10 นาทีที่คุมเกมไว้ได้หมดและหาโอกาสยิงเพิ่มเรื่อยๆ พอถึงนาที 61 ซันเดอร์แลนด์ปรับเกมด้วยการส่งเอาคีซุึงยอนกับอดัม จอห์นสันลงมาแทนจัคเครินี่กับวิคแฮม ซันเดอร์แลนด์เริ่มทำเกมรุกได้มีทิศทางและเริ่มเป็นสัปปะรดมากขึ้น ช่วง 60-75 ยังเป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่าอยู่ หาจังหวะยิงได้รัวๆ แต่ทำไม่ได้ กลายเป็นซันเดอร์แลนด์ที่ค่อยๆ ทำเกมรุกกระเตื้องขึ้นๆ จนกระทั่งได้สิ่งที่ต้องการ

_______ นาที 76 จากจังหวะเตะมุมของซันเดอร์แลนด์ บอลเปิดมาลึกมากในเขต 6 หลา บอลไม่โดนใคร ตกลงพื้นข้ามไปเสาสอง คีซุนยองชาร์จเข้าไปได้ 2-1 และเป็นการปิดงานปาร์ตี้ของลิเวอร์พูลอย่างเป็นทางการ ร็อดเจอร์ส่งสเตอลิ่งลงมาแทนสเตอริดจ์ทันที ปรับมาเล่นในทรง 4-3-3 ใช้สเตอลิ่งขวา คูตินโย่ซ้าย เน้นรับแล้วโต้เต็มตัว โต้ได้น้อยลงกว่าช่วงก่อนหน้ายังไม่เท่าไหร่ แต่เกมรับเริ่มโดยเกมรุกบดบี้อย่างหนักเป็นเรื่องใหญ่กว่า

_______ ซันเดอร์แลนด์เร่งเกมได้ดีต่อเนื่อง แบ็คเิบิ๊คเติมสูงสุดเส้น ตัวสำรองอย่างชุนยองกับจอห์นสันเล่นงานกดดันแนวรับได้ต่อเนื่อง ลิเวอร์พูลโดนกดดันให้ถอยลงไปรับต่ำมากขึ้นและเก็บบอลได้น้อยลง พื้นที่หน้าเขตโทษเปิดไว้เยอะ ในขณะที่เปิดพื้นที่มุมธงก็ไม่ได้แน่น เอาง่ายๆ คือถอยลงไปกองกันในเขตโทษนั่นล่ะ ยังช่วยกันสกัดบอลเปิดเข้าทำทั้งเรียดทั้งโด่งทั้งจ่ายทะลุและยิงไกลได้อยู่ แต่สภาพดูไม่จืดขึ้นเรื่อยๆ

_______ ยิ่งเล่นลิเวอร์พูลยิ่งทำอะไรไม่ได้นอกจากสกัดไปเรื่อยๆ จังหวะโต้ก็หนักไปทางเผาเวลามากกว่าจะหาช่องเข้าทำเพิ่ม ผู้เล่นหลายคนออกอาการล้าและเคลื่อนที่กันได้น้อยลงแต่ยังอุตส่าห์กันฟัน ช่วยกันปิดเกมได้สำเร็จ จบเกมที่สกอร์ 2-1
-----------------------------------------

_______ เสียดายช่วงนาที 50-70 ครับ น่าจะได้เพิ่มหลายครั้งแต่ทำไม่ได้ กลายเป็นได้ลุ้นยันจบเกมเลย

_______ 11 ตัวจริงและแทคติคการเล่นของลิเวอร์พูลวันนี้ก็ยังคงรูปแบบเดิมไว้ ก็จริงว่าเป็นสไตล์ของร็อดเจอร์ที่พยายามจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรที่มันยังใช้ งานได้อยู่แต่นัดนี้ดูจะโหดกับผู้เล่นไปนิด คือตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลและผู้เล่นชุดนี้ก็เล่นกันมา ตั้งกะต้นฤดูแ้ล้ว แถมนัดก่อนก็พึ่งผ่านมาสามวันเท่านั้นเอง ทำให้นัดนี้ตั้งแต่กลางครึ่งหลังเรื่อยไปจนจบเกมหลายคนออกอาการล้าอย่างเห็น ได้ชัดเลย ขนาดพวกไม่หมดง่ายๆ อย่างซัวเรส, เฮนเดอร์สันยังวิ่งไม่ค่อยออกเลยครับ ผมว่าร็อดเจอร์น่าจะหมุนเวียนผู้เล่นมากกว่านี้สักนิด

_______ ในเกมนี้ผมว่าซันเดอร์แลนด์เตรียมตัวมาดีกว่า ต้นเกมพวกเขามาเล่นในทรง 3-5-2 ใช้เซ็นเตอร์ประกบ คู่กองหน้าซะจนแทบไม่มีช่องจะหายใจ และพื้นที่หน้าเขตโทษแน่นปั๊กจนคูตินโย่หรือใครก็ตามที่เติมขึ้นมาทำได้แค่ ขวางบอลไปมา ซันเดอร์แลนด์วางแทคติคมาปิดเกมลิเวอร์พูลได้ แต่ทางลิเวอร์พูลเองก็จูนเกมรับกันมาดี ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ มีให้เห็นน้อยมากในนัดนี้ แนวรับเล่นกันได้ดีขึ้น และทีเด็ดสุดๆ อยู่ที่ฟลานาแกนที่ดันทะลึ่งหยุดอัลติดอร์ซะสนิทเลยตลอดครึ่งแรก เลยทำให้ลิเวอร์พูลที่เจาะแทบไม่ได้ยังคุมเกมเอาไว้ได้แล้วมาขึ้นนำจากลูกตั้งเตะได้ในที่สุด

_______ ครึ่งแรกนี่เล่นได้สบายเพราะฟลานาแกนนี่ล่ะครับ

_______ ลิเวอร์พูลทำได้ดีมากที่เลือกเร่งเกมช่วงต้นครึ่งหลังและส่งผลให้ได้ประตู เพิ่มอย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเขาเลือกลงมาเคาะบอลติดชึ่งกันอาจจะบรรลัยไปแล้วก็ได้เพราะจะนำแค่ลูก เดียว ช่วงนาที 50-70 ถ้าดูเฉพาะแทคติคลิเวอร์พูลก็ทำได้ดีกว่าและเลือกถูกแล้วที่เน้นบอลยาวมากกว่าตั้งเกม แต่ต้องโทษตัวรุก 3 คนมากกว่าที่ฝืนและใช้โอกาสเปลืองกันไปหน่อย ทั้งๆ ที่เป็นช่วงเวลาที่ควรจะซันเดอร์แลนด์ลงหลุมได้แล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง

_______ การเปลี่ยนตัววันนี้ผมก็ว่าซันเดอร์แลนด์ทำได้ดีกว่า คีชุนยองกับอดัม จอห์นสันนี่เปลี่ยนเกมได้เห็นๆ จนแปลกใจว่าทำไมไม่ใช่ตั้งแต่ต้นเกม และในรายของโคลแบคก็ช่วยทีมได้จริงเช่นกัน กลับกันกับฝั่งลิเวอร์พูล การเปลี่ยนสเตอลิ่งลงมาแทนสเตอริดจ์ผมคิดว่าเป็นไอเดียที่ดีโดยเฉพาะการปรับ มาเล่น 4-3-3 เน้นบอลโต้เพราะพื้นที่มันเพียบจริงๆ แต่คำถามที่ผมสงสัยมากว่าทำไมร็อดเจอร์ไม่ส่งลูคัสลงมา? คือถ้าฟิตพอจะอยู่ในม้านั่งสำรองแล้วการเล่นแค่สัก 20-30 นาทีไม่น่าจะมีปัญหา แล้วช่วงที่สกอร์ขยับเป็น 2-1 แล้ว ปัญหาชัดๆ เลยของลิเวอร์พูลคือแดนกลางที่ยุบหมดแรงวิ่ง และพื้นที่หน้าเขตโทษที่เริ่มมีช่องบ่อยเหลือเกินซึ่งลูคัสน่าจะตอบโจทย์ได้ ไม่ว่าจะลงแทนอัลเลนหรือคูตินโย่

_______ โดยรวมผมยังคิดว่าร็อดเจอร์ทำได้โอเคแล้ว เพราะจะว่าไป ทีมมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะเค้าเปลี่ยนทีมน้อยนี่ล่ะ คงต้องทำใจถ้าร็อดเจอร์จะไม่ค่อยหมุนเวียนผู้เล่น แต่...

_______ ...20 นาทีท้ายของเกมนี้ ลูคัสอยู่ไหนครับ T^T
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันใช้ได้

มินโยเล่ - ยืนตำแหน่งดี ลูกที่ไม่อันตรายก็เซฟได้หมดไม่มีปัญหา ลูกที่เสียไปไม่แน่ใจว่าโดนคู่ต่อสู้มายืนขวางรึปล่าว(ดูไม่ทัน) เพราะบอลมันลึกมากจนผู้รักษาประตูน่าจะเล่นได้ แต่ถ้าโดนบังก็พอเข้าใจ วันนี้เล่นบอลสั้นด้วยเท้าได้ดี แต่เปิดบอลยาวกลับมาสยองเหมือนเดิมแล้ว

จอห์นสัน - ครึ่งชั่วโมงแรกของเกมช่วยเติมเกมรุกได้ดี ออกบอลเข้าทำในพื้นที่สุดท้ายเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ก็จริงแต่ก็กดดันได้ตลอด หลังจากนั้นก็ยังเติมเกมเยอะอยู่แต่ไม่ทะลุทะลวงเท่าครึ่งชั่วโมงแรกแล้ว เชื่อมเกมได้ดี ประสานงานกับเฮนเดอร์สันได้เด่น เกมรับโดยรวมถือว่าใช้ได้ มีแค่ช่วง 20 นาทีสุดท้ายที่หุบเข้ากลางบ่อยไปหน่อย

แอกเกอร์ - เล่นลูกกลางอากาศได้ดี ดักตัดบอลใช้ได้ ออกไปซ้อนแบ็คได้เร็วขึ้นกว่านัดสองนัดที่ผ่านมา

สเคอเทล - อยู่ในฟอร์มที่ดี เล่นลูกกลางอากาศได้ดีและสกัดได้เด็ดขาด

ฟลานาแกน - ชิงจังหวะเล่นและเข้าบอลเร็วใส่อัลติดอร์ได้ดีทั้งที่ตัวเล็กกว่า เป็นฟอร์มเกมรับที่ดีมากนัดนึงของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้ ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายต้องเจอกับบาร์สลี่ย์และจอห์นสันมากขึ้นก็พอจะปิดทางกระชากบอลคู่ต่อสู้และบีบให้โยนยากได้บ้าง

เจอราร์ด - หนึ่งชั่้วโมงแรกของเกมเล่นได้สุดยอด เก็บบอลและตั้งเกมรุกได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ครึ่งชั่วโมงหลังที่ซันเดอร์แลนด์เร่งเกมรุกเข้าใส่ เจอราร์ดมีปัญหากับเกมรับไม่น้อย เข้าหาบอลได้ช้า หลายครั้งถอยต่ำมากเกินไปจนแทบจะยืนแนวเดียวกับเซนเตอร์ปล่อยให้หน้าเขตโทษ ว่าง

เฮนเดอร์สัน - มีส่วนร่วมกับเกมมาก เชื่อมเกมและออกบอลเกมรุกได้ดี เกมรับก็ปิดพื้นที่ได้พอสมควร พูดถึงแค่บรรทัดเดียวแต่นี่เป็นเกมที่เฮนเดอร์สันเล่นได้ดีกว่าอีกหลายๆ นัดเลย

คูตินโย่ - ครึ่งแรกหาพื้นที่เล่นแทบไม่ได้ เชื่อมเกมได้พอสมควรแต่ไม่มีทีเด็ดทีขาดอะไร ที่แย่ที่สุดเห็นจะเป็นการเคลื่อนที่รับบอลที่ทำได้ไม่ดีเลย แต่ครึ่งหลังช่วง 50-70 มีพื้นที่แล้วเล่นได้โดดเด่นทีเดียว ไม่ว่าจะพาบอลไปเองหรือออกบอลไปที่ว่าง ถ้าในช่วงเวลานั้น ในพื้นที่สุดท้ายจะเล่นฝืนน้อยกว่านี้หน่อยจะเพอร์เฟคมากและน่าจะทำให้ทีมได้ลูก 3-0 ได้สักสามรอบ

อัลเลน - ครึ่งแรกเชื่อมเกมได้ดี ทำได้ดีมากในเรื่องการเคลื่อนที่หาที่ว่างรับบอล เฉพาะเรื่องนี้เจ้าตัวทำได้ดีที่สุดกว่าใครในทีม แต่การออกบอลเกมรุกไม่ค่อยมี พอเข้าครึ่งหลังก็เคลื่อนที่ได้น้อยลงและหายไปจากเกม ในเกมรับครึ่งแรกยังไล่ได้พอสมควร ดักได้ดีด้วย แต่ครึ่งหลังเริ่มคุมพื้นที่ไม่ดีนัก ยิ่ง 20 นาทีสุดท้ายยิ่งไม่รู้ว่าอยู่ในสนามไปทำไมให้ตายเถอะ

สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกก็ไม่ค่อยได้ออกกล้องเหมือนกัน ยังเก็บบอลได้ค่อนข้างดีแต่ก็ทำอะไรแทบไม่ได้ ไม่มีช่องให้เล่นเท่าไหร่ พอครึ่งหลังเป็นอีกคนที่กลับมาเล่นได้โดดเด่น วิ่งทำทางได้ดีตลอดและหาจังหวะยิงได้ดีสองสามครั้งจนกระทั่งโดนเปลี่ยนตัวออกไป

ซัวเรส - ครึ่งแรกแม้ จะไม่ค่อยมีพื้นที่เล่นและถูกประกบติด แต่ซัวเรสมีวิธีการเอาตัวรอดได้ดีกว่าสเตอริดจ์และคูตินโย่(รวมสเตอลิ่งด้วย ก็ได้) มีจังหวะการเล่นหลากหลายกว่ามาก เรียกฟาล์วได้บ่อยกว่าด้วย ครึ่งหลังมีพื้นที่และได้บอลเล่นเยอะขึ้นแต่ในพื้นที่สุดท้ายวันนี้เขาเล่น ได้ไม่ค่อยดีเ่ท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะจ่ายหรือหาจังหวะยิงเอง

ตัวสำรอง 

สเตอลิ่ง - เกมทะลุทะลวงอาจจะน้อยแต่ก็ขยันวิ่งดี ที่โดดเด่นคือเก็บบอลได้ดีขึ้นมาก ช่วงท้่ายเกมที่ต้องการเผาเวลาให้หมดไป สเตอลิ่งนี่ตัวต้นเพลิงเลยทีเดียว

ลูคัส - อยากให้ลงแต่ไม่ได้ลง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...จอห์น ฟลานาแกน... อันที่จริงเจอราร์ดกับเฮนเดอร์สันก็ทำได้ดี แต่ที่เลือกฟลานาแกนเพราะไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ฟลานาแกนเล่นเกมรับได้ดี ขนาดนี้ โดยเฉพาะในครึ่งแรก
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

คาร์ดิฟ 3-6 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...เล่นฟุตซอลกันใช่มั้ย...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-3-2 

-----------------ซัวเรส---------สเตอริดจ์---------------
---------อัลเลน--------คูตินโย่-------เฮนเดอร์สัน-------
------------------------เจอราร์ด-------------------------
ฟลานาแกน------แอกเกอร์------สเคอเทล----จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนคาร์ดิฟโดยนัดนี้ร็อดเจอร์ยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมและ แทคติคเดิม เปลี่ยนเพียงแค่ 1 ตำแหน่งคือให้คูตินโย่เล่นก่อนสเตอลิ่ง ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นเจ้าของพื้นที่ตรงนี้อยู่เดิมด้วยซ้ำ
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่เล่นกันแบบเกร็งๆ ผ่านบอลกันผิดๆ ถูกๆ โดนคาร์ดิฟตัดบอลกลางสนามแล้วเข้าทำเร็วกดดันได้เป็นชุดๆ ตั้งแต่ีต้น ใช้เวลาไม่นานนักก็ยิงขึ้นนำไปได้ก่อนในนาที 9 จากจังหวะที่อัลเลนลงไปตัดบอลแถวริมเส้นได้แล้วแต่จ่ายพลาดไปเข้าทางผู้เล่น คาร์ดิฟในเขตโทษ จ่ายย้อนออกมาให้มัชวิ่งเติมเข้ามายิงเข้าไปได้ 1-0

_______ สกอร์ขยับแล้วแต่แขนขาของผู้เล่นลิเวอร์พูลยังขยับกันไม่ค่อยจะออก เล่นผิดฟอร์มกันไปหลายคน ส่วนคาร์ดิฟเน้นคุมพื้นที่แถวในและหน้าเขตโทษตัวเองแน่น ไม่ได้ไล่แดนกลางแถววงกลมมากนัก เลยทำให้ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่าแล้วค่อยๆ หาช่องเข้าทำ นาที 16 ก็ทำได้สำเร็จ เป็นเฮนเดอร์สันที่จ่ายทะลุให้จอห์นสันที่วิ่งเติมขึ้นมารับบอลแล้วจ่าย เรียดเข้ากลางให้ซัวเรสชาร์จที่เสาแรกเข้าไป 1-1

_______ สกอร์กลับมาเสมอแต่รูปเกมยังเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลครองบอลมากกว่าแต่หาจัีงหวะเข้าทำไม่ค่อยได้ ส่วนคาร์ดิฟคุมพื้นที่สุดท้ายได้แน่น เกมโต้กลับเน้นขึ้นทางขวาได้ผลพอดีทีเดียว แม้จะครองบอลน้อยกว่าแต่ได้ลุ้นมากกว่า แถมนาที 25 ก็ออกนำได้อีกครั้งจากการจ่ายบอลทะลุช่องเซ็นเตอร์กับแบ็คที่ลิเวอร์พูลเปิด เอาไว้กว้าง แคมเบลวิ่งไปรับบอลได้ก่อนจะกระชากหนีแอกเกอร์หาพื้่นที่ยิงและจบสกอร์ได้ สำเร็จ 2-1

_______ ลิเวอร์พูลตกเป็นฝ่ายตามหลังอีกครั้ง มองในแง่ดีก็ยังพอบอกได้ว่าลิเวอร์พูลไม่ได้แย่ไปกว่าช่วงก่อนหน้า ยังคงเล่นกันเกร็งๆ และพลาดเองเป็นระยะต่อไป สมาธิในเกมดูจะเทไปที่เกมรุกมากเสียจนเกมรับเล่นกันได้ไม่เหนียวแน่นนัก โดยรวมแล้วคาร์ดิฟที่ได้ครองบอลน้อยกว่ายังคุมเกมได้ดีกว่า เกมครึ่งแรกทำท่าจะจบที่สกอร์ดังกล่าวแต่แล้วนาที 41 จากจังหวะต่อเนื่องจากเตะมุม คูตินโย่เปิดบอลเข้ากลางค่อนข้างลึกแล้วก็เป็นสเคอเทลที่วิ่งเข้าไปแหย่เท้า จิ้มบอลท่ามกลางฝูงกองหลังคาร์ดิฟเข้าไปได้หน้าตาเฉย ลิเวอร์พูลเลยตีเสมอได้ 2-2

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลดูดีขึ้นเล็กน้อยในเรื่องการตั้งเกมและผ่านบอลซึ่งทำได้ต่อเนื่อง มากขึ้นแต่รูปเกมโดยรวมยังไม่ต่างจากครึ่งแรกมากนัก ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่าแต่เจาะไม่เข้า คาร์ดิฟนานๆ โต้ทีพอได้ลุ้นและคุมเกมได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม แม้ลิเวอร์พูลจะทำอะไรในเกมเปิดไม่ได้แต่ก็อุตส่าห์มาทำประตูนำสำเร็จจนได้ จากลูกตั้งเตะ(บวกกับโชคช่วยนิดๆ) ประมาณนาที 53 ลิเวอร์พูลได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษ ซัวเรสยิงไปติดกำแพงแล้วบอลออกหลัง แต่จากจังหวะนี้ทำให้ผู้เล่นคาร์ดิฟเจ็บไป 2 คนต้องออกไปพยาบาลกันนอกสนาม ทำให้จังหวะต่อมาที่เล่นลูกเตะมุม คาร์ดิฟมีผู้เล่นในสนามแค่ 9 คน แล้วลิเวอร์พูลก็ฉวยโอกาสเอาไว้ได้ คูตินโย่เปิดเข้ามาบนเส้น 6 หลา สเคอเทลวิ่งเข้ามาโหม่งเสียบเสาเข้าไปให้ทีมพลิกแซงสำเร็จ 3-2

_______ พอลิเวอร์พูลพลิกขึ้นนำได้เกมก็เปลี่ยนไปทันที ในมุมของลิเวอร์พูลเองผู้เล่นคลายความกดดันลงไปได้มาก เริ่มผ่านบอลได้แม่นขึ้นและักล้าเล่นมากขึ้น ในมุมของคาร์ดิฟพวกเขาตามแล้วแต่เลือกที่ยังเล่นเหมือนเดิมคือคุมพื้นที่สุด ท้ายแน่นแทนที่จะเลือกวิ่งไล่ในแดนหน้าหรือกลางให้มากขึ้น ทั้งสองสาเหตุนี้ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเล่นง่ายเอามากๆ และเลือกที่จะเน้นเคาะครองบอลอยู่ในแดนตัวเองเพราะคู่ต่อสู้ไม่ค่อยจะไล่ข้างหน้า ครองบอลอยู่ได้แทบจะตลอดเวลา

_______ นาที 60 หลังจากเคาะครองบอลอยู่นาน ลิเวอร์พูลก็หาช่องเข้าทำได้ เริ่มต้นจากเฮนเดอร์สันที่จ่ายให้จอห์นสันวิ่งเข้าไปรับบอลในเขตโทษก่อนจะ จ่ายเข้าเรียดเข้ากลาง บอลแฉลบกองหลังแต่ยังไปเข้าทางสเตอริดจ์ตอกส้นไปให้ซัวเรสที่วิ่งตามเข้ามา จบสกอร์ได้สำเร็จ ลิเวอร์พูลหนีห่างเป็น 4-2

_______ พอสกอร์ขยับอีกครั้งโซลชาเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ว่าทีมตามอยู่ สั่งให้ตัวสำรองวอร์มก่อนจะทยอยเปลี่ยนลงมา นาที 65 ส่งมาสองคน นาที 70 ส่งเควิน โจนส์ลง มาอีกคน ส่วนลิเวอร์พูลมีส่งสเตอลิ่งแทนคูตินโย่ในนาที 68 เกมช่วง 60-70 นี่ลิเวอร์พูลเล่นกันได้ง่ายสบายชีวิตมากครับ คาร์ดิฟนอกจากจะไม่ค่อยไล่แล้วยังไม่ค่อยบุกด้วย

_______ แต่พอนาที 70 เป็นต้นไป (ซึ่งเควิน โจนส์ลงสนามมาแล้ว) คาร์ดิฟเปิดหน้าแลกทันที เปลี่ยนจังหวะมาเล่นแบบไม่คิดมากคือวาง ยาวจากแดนหลังให้โจนส์พักบอลเล่น บอลไปไหนต่อค่อยว่ากัน กองกลางกองหลังเติมกันขึ้นมาเล่นให้มันสูงๆ เข้าไว้ นาที 72 ซิสโซโก้ได้ลงแทนฟลานาแกนคาดว่าเอามาช่วยบอลโด่งอีกแรง และลิเวอร์พูลก็หันมาเล่นแบบรับโต้เต็มตัวเช่นกัน แล้วก็ทำได้สำเร็จในนาที 75 จอห์นสันวางบอลยาวจากแดนหลังลึกไปถึงเกือบหน้าเขตโทษคาร์ดิฟ กองหลังขึ้นถึงบอลแต่โหม่งไม่ดี บอลไม่ขาดแถมไปตกเข้าทางซัวเรสที่วิ่งตีคู่กันไปได้พาบอลเข้าเขตโทษก่อนจะ จ่ายเรียดเข้ากลางให้สเตอริดจ์ได้ยิงง่ายๆ 5-2

_______ สกอร์ขยับเป็น 5-2 แล้วแต่ตลกร้ายคือคาร์ดิฟกลับเล่นกันได้เป็นสัปปะรดมากกกว่าช่วง 3-2 หรือ 4-2 เล่นบอลไดเรกต์วางยาวใส่โจนส์แล้วคนที่เหลือก็วิ่งเติมกันขึ้นไปให้มันอยู่ ข้างหน้าเยอะๆ แม้จะหาจังหวะจบสกอร์ได้ไม่มากนัก แต่ก็กดดันแนวรับได้มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนทางลิเวอร์พูลถ้าเห็นช่องโต้ก็โต้ยาว ไม่มีช่องโต้ก็เน้นครองบอลเผาเวลากันไปเรื่อยๆ ยังคุมเกมไว้ได้ แต่ผู้เเล่นหลายคนเริ่มออกอาการหมดแรงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว

_______ ความพยายามของคาร์ดิฟมาได้ผลในที่สุดในนาที 88 จากบอลโยนเข้าเขตโทษ คู่เซนเตอร์ลิเวอร์พูลพลาดทั้งคู่ ปล่อยให้โจนส์โหม่งตั้งให้มัชจบสกอร์ได้ง่ายๆ ไล่มาเป็น 5-3 หลังจากนั้นก็ยังมีฮึดและพยายามโยนบอลเข้าใส่เขตโทษลิเวอร์พูลอยู่ตลอดเวลา นาที 92 ซาโก้แทนสเตอริดจ์ แนวรับลิเวอร์พูลยังหยุดการโยนปูพรมใส่เขตโทษได้ค่อนข้างดีและเกมทำท่าจะจบ แล้วแต่ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย นาที 90+6 สเคอเทลสกัดบอลยาวมาด้านหน้า ซัวเรสวิ่งเข้าไปปะทะกับกองหลังแล้วแย่งบอลมาได้ ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าฟาล์ว ซัวเรสเลยพาบอลหลุดเดี่ยวไปล่อเป้าคนเดียวโล่งๆ แล้วก็ยิงไม่พลาด ทำแฮททริคได้สำเร็จส่งให้ลิเวอร์พูลเก็บไส้คาร์ดิฟกลับแอนฟิลด์ไปด้วยสกอร์ 6-3
-----------------------------------------

_______ สมควรชนะแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่น่าเสียถึง 3 ลูกและไม่น่าได้ถึง 6 ลูกเช่นกัน

_______ 11 ตัวจริงและแทคติคการเล่นของลิเวอร์พูลวันนี้ก็ยังคงรูปแบบเดิมไว้ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะร็อดเจอร์ไม่ค่อยจะปรับทีมสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่แล้ว อะไรที่เล่นแล้วผลออกมาใช้ได้ก็ไม่ค่อยจะเปลี่ยนหรอก วันนี้ก็เปลี่ยนแค่คูตินโย่แทนสเตอลิ่งที่จะว่าไปแล้วน่าจะถนัดเล่นตำแหน่ง นี้มากกว่าสเตอลิ่งด้วยซ้ำ

_______ วันนี้สภาพจิตใจของผู้เล่นลิเวอร์พูลส่งผลต่อเกมมาก ช่วงต้นเกมพวกเขากดดันกันไปเองเล่นพลาดไปหลายจังหวะ โดยเฉพาะการออกบอลตั้งเกมของแนวรับที่พลาดกันรัวๆ โดนคาร์ดิฟตัดได้เอามาบุึกกดดันและทำได้ถึง 2 ประตู แต่โ่ชคดี(ในโชคร้าย)คือลิเวอร์พูลตกอยู่ในสถานการณ์กดดันคล้ายๆ กันอย่างนี้มาหลายหนแล้วตั้งแต่ฤดูกาลก่อน ซึ่งทีมชุดนี้จากแต่เดิมที่เจอความกดดันแล้วแข้งขาอ่อนกันไปหมด โดนนำเมื่อไหร่บรรลัยเมื่อนั้นกลายเป็นพอจะเอาตัวรอดมาได้ อย่างน้อยๆ จบครึ่งแรกที่ผลเสมอได้ทำให้ครึ่งหลังเล่นได้ง่ายขึ้นและรอดกลับมาในที่สุด วันเวลาที่เสียไปกับการกุมขมับเนื่องด้วยทีมนั้นขาดประสบการณ์รู้สึกจะเริ่มออกดอกออกผลให้เห็นกันแล้วครับ

_______ สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้ก็คงเป็นเรื่องความเด็ดขาดในการจบสกอร์ นับเฉพาะครึ่งแรก ถ้าดูกันที่จังหวะจบสกอร์ที่ได้ลุ้นจริงๆ จังๆ (ไม่นับไอ้พวกยิงวัดดวง) คาร์ดิฟทำได้เยอะกว่าลิเวอร์พูลอีก แต่ลิเวอร์พูลก็ยังอุตส่าห์จบครึ่งแรกที่ 2-2 กันได้สำเร็จ ยิ่งพอมาดูครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลใช้โอกาสไม่กี่ครั้งก็พลิกมานำห่างได้ถึง 5-2 และจบเกมยิงได้ถึงครึ่งโหลซึ่งถ้าจะว่ากันตามจริง มันมีนัดที่ลิเวอร์พูลสร้างโอกาสได้มากกว่าี้นัดนี้ไม่รู้ตั้งกี่นัดต่อกี่ นัดครับ แต่ยิงกันได้ไม่กี่ลูก

_______ มองทางฝั่งคาร์ดิฟ พวกเขาเริ่มต้นเกมได้ดีที่เน้นการคุมพื้่นที่สุดท้ายให้แน่น เลือกที่จะทิ้งการวิ่งไล่แดนหน้าและกลางไปเพราะผลลัพธ์ออกมาคือพวกเขาสามารถ หยุดเกมการเจาะตรงกลางของลิเวอร์พูลได้ดี และในเกมรุกการเลือกขึ้นเกมฝั่งขวาเลือกเจาะฟลานาแกนก็ได้ผลเอามากๆ ได้มาถึง 2 ประตูจากพื้นที่นั้น ปัญหาของคาร์ดิฟในช่วงแรกอยู่แค่เกมริมเส้นที่วันนี้จอห์นสันดันมาฟอร์มเข้า ฝักพอดี ทำให้พวกเขาจบครึ่งแรกได้แค่ผลเสมอทั้งๆ ที่น่าจะเป็นฝ่ายขึ้นนำได้ แถมต้นครึ่งหลังยังมาโชคร้ายในจังหวะเสียประตูที่สามอีกต่างหาก เลยทำให้พวกเขาเสียเปรียบและพลิกแพ้ในที่สุด

_______ อย่างไรก็ตาม คาร์ดิฟทำได้ไม่ดีนักในช่วงนาที 54 -70 ที่แช่แป้เอามากๆ ทำอย่างกับตัวเองเป็นฝ่ายขึ้นนำมันซะอย่างนั้น ไม่ไล่บอลเท่าที่ควรปล่อยให้ลิเวอร์พูลเคาะครองบอลกันได้สบาย นาที 70 - 80 ดีขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังถือว่าไล่น้อยเกินไปอยู่ดี ซึ่งสุดท้ายยังนำมาซึ่งประตู 4-2 ให้เกมมันยากเข้าไปอีก ถ้าพวกเขาวิ่งไล่, เติมเกมให้มากและหันมาโยนโด่งเข้าเขตโทษ เหมือนที่ทำได้ดีในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมให้มันเร็วกว่านี้ แม้ผมยังคิดว่าเกมโต้กลับของลิเวอร์พูลจะเล่นงานและเอาชนะพวกเขา่ได้(อย่าง ที่ทำได้ในนาที 75) แต่คาร์ดิฟจะต้องมีลุ้นมากกว่านี้อีกเยอะทีเดียว

_______ จากเกมนี้ ลิเวอร์พูลดูท่าจะต้องปรับปรุงแนวรับอย่างเร่งด่วนทีเดียว จริงที่ว่าส่วนหนึ่งมันมาจากความกดดันที่ทำให้แนวรับเล่นไม่ค่อยดีนักใน วันนี้ แต่นอกจากเรื่องกดดันแล้วก็ต้องยอมรับด้วยว่าแผงหลังชุดนี้เล่นกันได้ไม่ เหนียวแน่นเท่าที่ควร ทางด้านซ้าย ช่องระหว่างแอกเกอร์กับฟลานาแกนเปิดไว้โล่งโจ้ง คือฟลานาแกนเองแม้จะอ่านเกมดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นไว้ใจได้ พอมาประกอบกับแอกเกอร์ที่ดูเหมือนฟอร์มจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเข้าไปอีกยิ่ง ทำให้พื้นที่ตรงนี้อ่อนลงไปอีก (ถ้ายังจำกันได้นัดก่อนแมนยูก็เล่นงานตรงนี้ได้ผล), การเล่นลูกกลางอากาศของคู่เซนเตอร์คู่นี้ดูไม่ดีเลย นัดนี้เจอแค่โจนส์คนเดียวยังมีเป๋ให้เห็นในช่วงท้ายๆ, จอห์นสันยังเล่นเกมรับได้ไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่ บางทีอาจต้องปรับเปลี่ยนตัวจริงในแผงหลังกันบ้าง ตัวเลือกกลับมาให้เลือกกันสลอนแล้วด้วย

_______ การเจอกับทีมระดับคาร์ดิฟในวันที่พวกเขาก็ไม่ได้เล่นเกมรุกดุเดือดเด็ดขาด อะไรแล้วยังโดนยิงได้ตั้ง 3 ลูกนี่อย่าว่าแต่เป็นทีมลุ้นแชมป์เลยครับ แค่เป็นทีมระดับ top4 ก็ไม่ควรโดนแล้ว
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันใช้ได้

มินโยเล่ - สามลูกที่โดนไปไม่อยู่ในวิสัยที่จะช่วยอะไรได้ เหน่งๆ โล่งๆ ล่อเป้าซะขนาดนั้น แต่นอกจากจังหวะเสียประตูทั้งสามครั้งนั้น มินโยเล่แทบไม่ต้องทำอะไรเลย ที่แปลกตาหน่อยคือรู้สึกจะขยันออกมาเล่นลูกไกลเส้นมากขึ้น

จอห์นสัน - เติมขึ้นไปเล่นเกมรุกในพื้นที่สุดท้ายได้ดี ทั้งในเรื่องการวิ่งทำทางและการจ่ายเข้ากลาง เชื่อมเกมพอใช้ได้ แต่เกมรับโดยเฉพาะช่วงประมาณ 20 นาทีสุดท้ายที่คาร์ดิฟบุกเต็มที่แล้วจอห์นสันเล่นไม่ดีเลย คู่ต่อสู้กระชากไปเปิดง่ายเหลือเกิน

แอกเกอร์ - ช่วงต้นครึ่งแรกเล่นไม่ดี อ่านเกมและขยับไปปิดพื้นที่ด้านข้างพลาดมีส่วนกับสองประตูแรกที่เสียไป แต่หลังจากนั้นก็เล่นได้กระเตื้องขึ้น วันนี้ผ่านบอลขึ้นหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่

สเคอเทล - เล่นลูกกลางอากาศใช้ได้แต่เคยเล่นไ้ด้ดีกว่านี้เยอะ ยืนตำแหน่งได้ดีกว่าแอกเกอร์และวันนี้มีทีเด็ดในการทำถึงสองประตูซึ่งเป็นประตูในช่วงที่ทีมกำลังกดดันมากด้วย

ฟลานาแกน - มีปัญหากับการอ่านเกมพอสมควร ยืนขาตายให้คู่ต่อสู้จิ้มหนี, กระชากหนีไปง่ายๆ ให้เห็นเยอะไปหน่อย ยังเข้าปะทะได้ดีอยู่, เชื่อมเกมพอใช้ได้ และขยันวิ่งทำทางอยู่ตลอด

เจอราร์ด - เสียใบเหลืองเร็วตั้งแต่ต้นเกมแต่ก็รักษามาตรฐานการเล่นได้อยู่ เปลี่ยนรับเป็นรุกและออกบอลไปพื้นที่ว่างได้ดี ช่วยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้ดีกว่ากองกลางคนอื่นๆ

เฮนเดอร์สัน - เคลื่อนที่รับบอลและเชื่อมเกมได้ดี คุมพื้นที่ได้ดีกว่าอัลเลน(พอถึงตัวคู่ต่อสู้แล้วปะทะได้ดีกว่า)และ คูตินโย่(ขยันวิ่งมากกว่าเยอะ) มีส่วนกับเกมรุกไม่น้อย ออกบอลเกมรุกได้ดีหลายครั้งโดยเฉพาะจังหวะที่จ่ายตัดแบ็คให้จอห์นสันเติม ขึ้นไปถึงสุดเส้นถือว่าวันนี้ทำได้เยี่ยมทั้งน้ำหนักและทิศทาง

คูตินโย่ - เคลื่อนที่น้อยไปหน่อย เกมรับช่วยไล่บอลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เกมรุกยังขยับหาพื้นที่รับบอลพอใช้ได้แต่ก็เคยทำได้ดีกว่านี้ ทิศทางออกบอลดีทีเดียวแต่น้ำหนักไม่ค่อยจะได้ สิ่งที่ำทำได้ดีในวันนี้คือเชื่อมเกมและการเปิดลูกเตะมุม แต่นอกนั้นก็ไม่มีทีเด็ดทีขาดอะไร

อัลเลน - เล่นในจังหวะที่ไม่มีบอลได้ดีที่สุดในบรรดากองกลางของทีมไม่ว่าจะในเกมรุกหรือเกมรับ แต่จังหวะที่ถึงบอลแล้ว...

สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกไม่ค่อยกระชากบอลไปเอง วิ่งทำทางก็ไม่ค่อยดีนัก ทำได้แค่แปะบอลไปมาเป็นส่วนใหญ่ แต่ครึ่งหลังทำได้ดีขึ้นเยอะ มาเด่นเอามากๆ ก็หลังจากที่ทีมขึ้นนำไปแล้วที่วิ่งทำทางและผ่านบอลไปที่วางได้ดีอยู่ตลอด ยิงได้ด้วย

ซัวเรส - ครึ่งแรกค่อนข้างเงียบ ไม่ได้แย่แต่ไม่เด่น หาที่ทางไม่ค่อยจะได้แต่ก็ยังวิ่งเข้าชาร์จลูกแรกให้ทีมได้ดี ครึ่งหลังเริ่มทำได้ดีขึ้นในเรื่องการเก็บบอลและพาบอลไปเองแต่ก็คล้าย สเตอริดจ์ตรงที่มาเด่นเอาจริงๆ ก็ตอนที่ทีมขึ้นนำแล้ว ที่ดีกว่าสเตอริดจ์คือเขายิงได้อีกถึง 2 ลูกและเป็นคนจ่ายให้สเตอริดจ์ยิงด้วย

ตัวสำรอง 

สเตอลิ่ง - ขยันวิ่งกว่าคูตินโย่ เชื่อมเกมพอใช้ได้

ซิสโซโก้ & ซาโก้ - เล่นไปตามจังหวะ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มาร์ติน สเคอเทล... วันนี้มีคนสมควรได้ MOM อยู่สามคนคือเจอราร์ดที่เล่นเป็นกระดูกสันหลังของทีม ไม่มีเขาทีมคงเป๋ไปตั้งกะต้นเกมแล้ว, ซัวเรสกับแฮททริคและ 1 แอสซิส ซึ่งหมายถึงมีส่วนร่วมกับ 4 ประตูทีเดียว, แต่ขอเลือกไปที่สเคอเทลเพราะประทับใจการทำประตูสำคัญทั้งสองครั้งของเขา ครั้งแรกช่วยตีเสมอให้ทีมได้ก่อนหมดครึ่งแรกส่งผลกับกำลังใจของทีมมาก ครั้งที่สองก็ช่วยให้ทีมขึ้นนำเป็นครั้งแรกของวันช่วยลดความกดดันไปได้อีกเยอะ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2557

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...มาร์ค แคลทเทนเิบิร์ก...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-3-2 

-----------------ซัวเรส---------สเตอริดจ์---------------
---------อัลเลน---------สเตอริ่ง-------เฮนเดอร์สัน-----
------------------------เจอราร์ด-------------------------
ฟลานาแกน------แอกเกอร์------สเคอเทล----จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนแมนฯยูฯที่โอลแทรฟฟอร์ด หลังจากพักมานานนนนนมาก ร็อดเจอร์ปรับทีมเล็กน้อย ในด้านตัวผู้เล่นใช้อัลเลนลงตัวจริงก่อนคูตินโย่ แผงหลังใช้ชุดเดิมแต่ปรับเอาจอห์นสันกลับไปยืนขวา ตำแหน่งการยืนยังอยู่ในทรงไดมอนด์แต่สเตอริ่งที่ยืนตรงกลางไม่ได้ยืนสูง ห้อยอยู่หลังคู่หน้าแต่ถอยลงมายืนระดับเดียวกับอัลเลนและเฮนเดอร์สัน ส่วนทางแมนยูใช้ตัวผู้เล่นชุดที่น่าจะดีที่สุดของพวกเขาลงสนาม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาก็เป็นสงครามวงกลม ทั้งสองฝ่ายเข้าบอลกันได้เร็วทำให้ครองบอลกันไม่ค่อยจะปะติดปะต่อทั้งคู่ แต่ลิเวอร์พูลดูดีกว่าเ็ล็กน้อยที่เก็บบอลจังหวะสองได้ดีกว่าและพาบอลไปถึง เขตโทษได้บ่อยกว่า ส่วนทางแมนยูครองบอลได้มากกว่านิดหน่อยแต่บอลไปแทบไม่ถึงเขตโทษ

_______ เวลาผ่านไปกว่า 10 นาทีทั้งสองฝ่ายยังคงเล่นกันแบบระมัดระวังไม่ค่อยเติมเกมกันสูงนัก แมนยูเน้นขึ้นเกมเจาะทางฟลานาแกนได้ผลพอสมควรโดยเฉพาะการเติมขึ้นมาของราฟา เอลแต่ยังหาจังหวะจ่ายบอลเข้าทำแทบไม่ได้ ยังดีว่าในเกมรับสามารถหยุดบอลโต้เร็วของลิเวอร์พูลได้ดี ส่วนทางลิเวอร์พูลครองบอลได้น้อยกว่านิดหน่อยแต่กลับเป็นฝ่ายที่หาช่องจ่าย บอลเข้าทำได้ดีกว่าและสเตอริดจ์หาโอกาสได้แต่ัยังทำประตูไม่สำเร็จ

_______ ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมไป ยานาไซที่ช่วงต้นเกมขึ้นบอลทางซ้าย(ทางจอห์นสัน) ย้ายมาอยู่ฝั่งขวาและร่วมมือกับราฟาเอลเจาะฟลานาแกนซึ่งก็กดดันได้ดี ฟลานาแกนเสียฟาล์วบ่อยขึ้นและโดนใบเหลืองแล้วด้วย แต่ยังไม่ทันที่แมนยูจะได้เปรียบก็มาโดนเองเสียก่อนจากจังหวะทำเร็วของลิ เวอร์พูล นาที 32 สเตอริดจ์วางบอลยาวจากระยะไกลลึกไปทางเสาสอง ซัวเรสเอาบอลแตะหลบราฟาเอลที่เข้าพรวดได้ แต่ราฟาเอลยกมือมาปัดบอล...เสียจุดโทษ (โชคดีที่ไม่โดนใบเหลืองที่สอง) เจอราร์ดรับหน้าที่ยิงไม่พลาด 1-0

_______ หลังสกอร์ขยับ แมนยูทำท่าเหมือนจะเร่งเกมมากขึ้นแต่เร่งไม่ค่อยขึ้น ที่แย่ลงไปคือการไล่บอลแดนกลางที่เข้าบอลช้าลง ส่วนลิเวอร์พูลก็เริ่มเน้นครองบอลติ๊ดชึ่งทำให้เกมไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ช่วงใกล้ๆ จะหมดเวลาแมนยูเริ่มพาบอลขึ้นมาถึงเขตโทษได้บ่อยและได้โอกาสดีที่สุดจากรู นี่ย์ได้ยิงแบบไม่มีคนบล็อคแต่ติดเซฟมินโยเล่ ก่อนจะจบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายเขี่ยบอลแล้วจังหวะแรกที่พาบอลขึ้นมาก็ผ่านบอลเข้าไปได้ ถึงในเขตโทษ โจนส์กระแทกอัลเลนล้มลงไปผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษอีกครั้ง เจอราร์ดรับหน้าที่ยิง เลือกมุมเดิมแต่หันมายิงเรียดก็ไม่พลาด 2-0

_______ สกอร์ขยับเร็วตั้งแต่ต้นครึ่งหลังแต่รูปเกมไม่เปลี่ยนไปจากช่วงท้ายครึ่งแรก มากนัก ลิเวอร์พูลเน้นครองบอลไว้กับตัว ไล่เร็วในแดน มีช่องค่อยออกบอลขึ้นหน้า แมนยูพยายามเร่งเกมรุกมากขึ้นแต่บอลไปถึงข้างหน้าน้อย และหาโอกาสเปิดบอลเข้าทำได้น้อยมากๆ ที่แย่ที่สุดคือแดนกลางไม่ค่อยเข้าไล่บอลจากผู้เล่นลิเวอร์พูล ทำให้แมนยูได้บอลกลับมาครองค่อนข้างช้า

_______ ผ่านไปร่วม 15 นาที แมนยูทำได้ดีที่สุดแค่พาบอลมาใกล้เขตโทษได้มากขึ้น แต่การเปิดบอลเข้าทำยังไม่กระเตื้อง ส่วนลิเวอร์พูลก็เคาะเล่นกันไปตามจังหวะ นาที 72 คูตินโย่ได้ลงแทนสเตอริ่ง และนาที 76 มอยส์ก็ถอดเอายานาไซกับเฟอไลนี่ออกส่งเวลเบคกับเคลฟเวอรี่ลง....ทำไม

_______ นาทีถัดมาแมนยู(อันที่จริงต้องบอกผู้ตัดสิน)มาพลาดอีกครั้งจากจังหวะ สเตอริดจ์กระชากบอลเข้าไปในเขตโทษ วีดิชเสียบสกัดไม่โดนบอล...แต่ก็ไม่โดนสเตอริดจ์ด้วย แต่ผู้ตัดสินมาร์ค แคลทเทนเบิร์กเป่าจุดโทษเป็นครั้งที่สามของเกมแถมใบเหลืองที่สองให้วิดีชโดน ไล่ออกไปอีกต่างหาก เจอราร์ดยังคงรับหน้าที่ยิงแต่คราวนี้ยิงไปชนเสา ชวดทำแฮททริคอย่างน่าเสียดาย

_______ ถึงตรงนี้แม้สกอร์จะยังอยู่ที่เดิมแต่แมนยูทำอะไรลำบากแล้ว พยายามจะเล่นเกมรุกมากขึ้นเร็วขึ้นและจ่ายบอลเข้าทำแบบวัดดวงมากขึ้นแต่ก็กด ดันแนวรับไม่ได้มากนักแทบมีช่องให้ลิเวอร์พูลตัดกลับ-โต้กลับได้อยู่ตลอด ยังดีว่าจังหวะสุดท้ายลิเวอร์พูลยังไม่ดีพอที่จะทำประตูเพิ่ม กว่าจะมายิงได้จริงก็ต้องรอจังหวะโชคช่วยนิดๆ นาที 84 ที่สเตอริดจ์รับบอลและพลิกยิงเองหน้าเขตโทษแต่แป็กไปเข้าทางซัวเรสได้หลุด เีดี่ยวจับบอลลงแล้วยิงเร็วเข้าไปได้ 3-0...

_______ พอ 3-0 แถมเหลือ 10 คน ผู้เล่นแมนยูก็แขนขาอ่อนกันไปเป็นที่เรียบร้อย เกมไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก มีแค่จังหวะสเตอริดจ์โดนแซะในเขตโทษเป็นระยะ แต่แคลทเท่นเิบิร์กไม่ได้โหดร้ายกับแมนยูมากไปกว่านี้แล้ว นาที 86 ลูคัสลงแทนเจอราร์ด นาที 87 มอยส์เปลี่ยนเอาเฟอร์ดินานลงมาแทนมาต้า...ทำไม นาที 91 อัสปาสได้ลงแทนสเตอริดจ์ ก่อนจะจบเกมด้วยสกอร์ 3-0 ไปในที่สุด
-----------------------------------------

_______ หมดสภาพ...แมนยูวันนี้หมดสภาพจริงๆ ครับ

_______ 11 ตัวจริงและแทคติคการเล่นของลิเวอร์พูลวันนี้เตรียมมาได้ดีครับ แปลกใจนิดหน่อยกับการที่คูตินโย่เป็นตัวสำรองแล้วใช้สเตอริ่งเล่นในตำแหน่ง นั้นแทนแต่พอเห็นเล่นจริงแล้วสเตอริ่งก็เล่นได้ไม่เลวและปรับวิธีการเล่นของ ตัวเองให้เข้ากับตำแหน่งได้น่าพอใจ ส่วนการวางแดนกลางมาโดยมีอัลเลนกับเฮนเดอร์สันคอยช่วยวิ่งไล่บอลและปิด พื้นที่เป็นสิ่งที่เตรียมมาดีและทำได้ดีมากครับ

_______ การเล่นของอัลเลนกับเฮนเดอร์สันในวันนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของเกมเลยทีเดียว ทั้งคู่ปิดพื้นที่แดนกลางและหน้าเขตโทษได้ดีมากทำเอาแมนยูทำเกมตรงหน้าเขต โทษแทบไม่ได้เลยไม่ว่าจะยิงไกลหรือจ่ายบอลเข้าทำ แถมแบ็คทั้งสองฝั่งไม่ว่าจะจอห์นสันหรือฟลานาแกน มีจังหวะต้องดวลตัวต่อตัวกับ คู่ต่อสู้ไม่มากนักเพราะอัลเลนกับเฮนเดอร์สันจะคอยถอยลงไปช่วยซ้อนอยู่ตลอด ในเมื่อกลางก็เจาะไม่เข้า ริมเส้นก็เผาแบ็คไม่ได้ บอลเข้าทำไม่มี วันนี้แมนยูก็เลยหาทางไปไม่เจอ ไม่สามารถกดดันแนวรับได้อย่างที่ควรและอย่างที่เคย ตั้งแต่ต้นยันจบเกมครับ

_______ อย่างไรก็ตาม อัลเลนกับเฮนเดอร์สันอาจช่วยปิดเกมของแมนยู แต่ประตูที่ทำได้ 3 ลูกต้องยกเครดิตให้กับคู่กองหน้ากับแนวรับของแมนยูกันแบบครึ่งๆ ในมุมของคู่กองหน้า ทั้งซัวเรสและสเตอริดจ์ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี(ยก ยอดไปพูดถึงตอนท้ายทีเดียวแล้วกันครับ) แต่แนวรับของแมนยูนี่ก็ทำเล่นได้สยดสยองจริงๆ เช่นกัน หลายจังหวะเข้าบอลไม่เีนียน หลายจังหวะก็ช้า ทำให้บอลที่ควรจะจัดการได้กลายเป็นโดนคู่ต่อสู้กดดันมันซะอย่างนั้น จริงที่ว่าพวกเขาโดนจุดโทษถึง 3 ครั้งแต่เหตุผลหลักเลยก็เป็นเพราะการเข้าบอลไม่ดีเองนั่นแหล่ะ ครั้งแรกราฟาเอลพรวด ครั้งสองโจนส์เข้าผิดจังหวะ ครั้งสามวิดีชช้าเอง

_______ พูดถึงจุดโทษก็คงต้องพูดถึงกรรมการสักหน่อย มาร์ค แคลทเท่นเบิร์กวันนี้โหดสัสดีจริงๆ ครับ เป่าจุดโทษให้ทีมเยือน 3 ครั้งนี่ไม่เรียกโหด จะเรียกอะไร โอเคครั้งแรกนี่จุดโทษชัดๆ ราฟาเอลยกมือกางขึ้นมาปัดบอลกันเลย ครั้งที่สองผมยังเห็นว่าควรเป่าแต่ก็คิดว่าถ้าไม่เป่าก็ไม่ถึงกับคอขาดบาด ตาย ...ส่วนครั้งที่สามนี่สเตอริดจ์ควรโดนใบเหลืองด้วยซ้ำ

_______ แคลทเท่นเบิร์กยังทำอะไรแปลกๆ อย่างการไม่ไล่ราฟาเอลออกในจังหวะที่ทำเสียจุดโทษแรกที่ดูยังไงก็ควรจะโดน เหลืองใบที่สอง, ไม่ไล่ฟลานาแกนจากจังหวะที่เหลืองแล้วแต่ยังทิ่มพรวดพราดอีก 2-3 ครั้ง, จอห์นสันมือไปโดนบอลในเขตโทษก็ไม่เป่า(จังหวะนี้ไม่ควรโดนจริงๆ นั่นแหล่ะ แต่ถ้ามองว่าจัดให้ทีมเยือนไปสองจุดโทษแล้ว จะให้ก็ไม่แปลก) ก็นับเป็นเกมที่ผู้ตัดสินมีส่วนร่วมกับเกมเยอะและโดดเด่นกว่าผู้เล่นอีกกว่าครึ่งนึงที่อยู่ในสนามด้วยครับ

_______ สำหรับลิเวอร์พูล ท่าจะมีอะไรที่ผมไม่เห็นด้วยนักก็คงหนีไม่พ้นการเก็บฟลานาแกนไว้ครบ 90 นาทีครับ คือตอนที่ได้ 2-0 แล้ว และคุณน้องก็เข้าบอลเจียนไปเจียนอยู่แล้ว มองไม่เห็นความจำเป็นใดๆ เลยที่ร็อดเจอร์ต้องเก็บฟลานาแกนไว้ต่อไป ถ้าฟลานาแกนโดนไล่ออกไปก่อนไอ้ที่ควรจะง่ายมันอาจจะยากขึ้น ส่วนการเปลี่ยนคูตินโย่แทนสเตอริ่งไม่มีอะไรน่าติดใจ และการเปลี่ยนอัสปาสแทนสเตอริดจ์น่าสงสาร(อัสปาส)มากกว่าที่จะบอกว่า ร็อดเจอร์ใจร้ายครับ เพราะสเตอริดจ์ยังกดดันคู่ต่อสู้ได้จริงๆ

_______ สำหรับแมนยู ผู้เล่นหลายคนเล่นไม่ค่อยดีนัก ในเกมรุกกลายเป็นแบ็คอย่างราฟาเอลที่ทำเกมรุกได้ดีกว่าคนอื่น พวกเขาอาจจะมีคู่กองหน้าที่ดีแต่ไม่มีคนสร้างสรรเกมเลย เกมรับอาจคุมพื้นที่กันใช้ได้ แต่แนวรับชุดนี้ไม่ไหวแล้วครับ วีดิชช้าเกิน ราฟาเอลเกมรุกดีแต่เกมรับโคตรพรวดแถมคุมอารมณ์ไม่ค่อยดีอีกต่างหาก เอฟร่าไม่ใช่คนที่วิ่งตะบึงขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเกมแบบแต่ก่อนอีกแล้วและโจนส์เล่นกลางรับบ่อยเกินจนแทบลืมการยืนเซ็น เตอร์ไปแล้วมั้ง ดูแล้วแมนยูทีมนี้ต้องยกเครื่องกันใหม่หลายตำแหน่งเลยทีเดียว

_______ แต่ทีเด็ดเลยก็คงหนีไม่พ้น เดวิด มอยส์ ละครับ  ...คือแบบ... จนนาทีนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าแกส่งเวลเบคลงมาเพิ่มทำไมในเมื่อยังหาคนจ่าย บอลเข้าไปในเขตโทษไม่ได้, ถอดเฟอไลนี่ออกทำไมในเมื่ออย่างน้อยยังพักบอลโด่งได้และแซะบอลจากผู้เล่นลิ เวอร์พูลได้ดีกว่าเพื่อน, เอาเคลฟเวอรี่ลงมาทำไมในเมื่อต้องการเกมทะลุทะลวง(ทำไมไม่ใช้คากาะวะหรือ ยัง), ถอดยานาไซออกทำไมเพราะถึงจะเล่นไม่ออกแต่อย่างน้อยผนึกกำลังกับฟลานาแกนกกด ฟลานาแกนจนเริ่มเป๋แล้ว, เอาเฟอร์ดินานแทนมาต้าทำไมในช่วงที่เวลาก็แทบจะหมดแล้ว โดนไป 3-0 จะมากลัวเสียเพิ่มอะไรอีก

_______ ที่สุดแล้ว ป้ายที่แฟนบอลลิเวอร์พูลทำไปเชิดชู เดวิด มอยส์ ถึงที่นี่อาจจะพูดถูกก็เป็นได้ครับ "David Moyes is a football genius" - "เดวิด มอยส์นี่มันอัจฉริยะทางฟุตบอลนะเนี่ย"
-------------------------------

นัดนี้เล่นค่อนข้างดี

มินโยเล่ - แทบไม่ได้ทำอะไร แต่จังหวะที่ต้องทำก็ทำไ้ด้ดีมาก การเซฟลูกยิงของรูนี่ย์ช่วงท้ายครึ่งแรกทำให้ทีมยังรักษาความได้เปรียบเอา ไว้ได้

จอห์นสัน - เกมรับทำได้ดี ครึ่งชั่วโมงแรกปิดยานาไซได้สนิท ส่วนหนึ่งมาจากไม่ต้องเน้นเติมเกมรุกด้วย ขึ้นไปแค่ตอนมีพื้นที่เท่านั้น

แอกเกอร์ - เกมรับไม่ได้มีอะไรให้ทำมากนักเพราะบอลคู่ต่อสู้ตายตั้งแต่แดนกลางเป็นส่วนใหญ่ ผ่านบอลขึ้นหน้าได้ค่อนข้างดี

สเคอเทล - เกมรับไม่ค่อยได้ทำอะไรเช่นกัน ว่างจัดจนแอบเติมขึ้นไปข้างหน้าเยอะกว่าทุกวัน บล็อคการยิงไกลได้ค่อนข้างดี

ฟลานาแกน - เอาจริงๆ วันนี้เล่นเกมรับได้ค่อนข้างดี แทบไม่มีจังหวะโดนเผาหรือโดนกระชากไปเปิดให้เห็นเลย การเชื่อมเกมก็ทำได้ดีขึ้นผิดหูผิดตา เสียอย่างเดียว(และเสียมากๆ ด้วย)คือเสียฟาล์วง่ายไป, เข้าบอลชวนให้กรรมการแจกใบเหลืองใบแดงมาก

เจอราร์ด - มีพื้นที่ที่ต้องดูแลน้อยลงมากเพราะมีทั้งอัลเลนและเฮนเดอร์สันลงมาช่วย เก็บบอลจังหวะสองและเปลี่ยนรับเป็นรุกได้ดี หาโอกาสเติมขึ้นไปเล่นเกมรุกได้เป็นระยะด้วย

เฮนเดอร์สัน - เชื่อมเกมได้ค่อนข้างดี บอลเกมรุกดูดีกว่าอัลเลนเล็กน้อย คุมพื้นที่ีของตัวเองได้ดี วิ่งไล่บอลได้พอใช้คือเร่งให้คู่ต่อสู้คายบอลได้อยู่

สเตอริ่ง - เปลี่ยนมาเล่นแบบจับ พลิก ส่งในพื้นที่แคบๆ แล้วทำได้ไม่เลวนัก แม้ว่าเทียบกับวันที่คูตินโย่ฟอร์มดีๆ แล้วก็ยังห่างอยู่พอสมควรแต่อย่างน้อยก็เชื่อมเกมได้

อัลเลน - เหมือนเฮนเดอร์สัน เวอร์ชั่นที่วิ่งไล่ได้ดีกว่า ใช่ว่าจะแซะบอลออกมาได้ แต่เกะกะน่ารำคาญดีสุดๆ ถ้าไม่มีอัลเลน ฟลานาแกนงานจะเข้าหนักกว่านี้

สเตอริดจ์ - ยังคงวิ่งทำทางได้สุดยอด มีโอกาสได้เล่นในเขตโทษค่อนข้างเยอะ จบสกอร์วันนี้พอมีโอกาสบ้างแต่ทำได้ไม่ค่อยดีนัก ช่วงที่เกมขาดแล้ว (2-0 และแมนยูเหลือ 10 คน) เล่นน่าโดนตบกะโหลกมากไปหน่อย

ซัวเรส - พาบอลไปเองได้ค่อนข้างดี ออกบอลเกมรุกแม้จะไม่เด่นเท่าหลายนัดที่ผ่านมาแต่ก็จัดว่าใช้ได้ ที่ทำได้ดีคือการหาที่ว่างรับบอลและเก็บบอล

ตัวสำรอง 

คูตินโย่ - เล่นไปตามช่อง ไม่ได้โชว์อะไรเท่าไหร่ แต่ก็ขยันวิ่งดี

ลูคัส - เคาะสนิม ก๊อกๆ

อัสปาส - T^T

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ :
...มาร์ค แคลทเท่นเบิร์ก...วันนี้อัลเลนกับเฮนเดอร์สันเล่นได้ดีทีเดียว เจอราร์ดก็เด่น แต่ 3 คนนี้รวมกันยังไม่เด่นเท่าแคลทเท่นเบิร์กครับ ... หรือไม่จริง
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

เซาแธมตัน 0-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค


...เกมไม่ขาดเหมือนสกอร์...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 ไดม่อน (อัลเลนกับเฮนเดอร์สันไม่ได้เล่นเกมริมเส้นนะครับ)

-----------------ซัวเรส---------สเตอริดจ์---------------
-------------------------คูตินโย่-------------------------
---------อัลเลน-------------------เฮนเดอร์สัน---------
------------------------เจอราร์ด------------------------
จอห์นสัน------แอกเกอร์------สเคอเทล----ฟลานาแกน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเซาท์แธมตัน ซึ่งเป็นทีมที่เคยบุกมาชนะลิเวอร์พูลได้ถึงแอนฟิลด์(และหยุดสถิติชนะรวดใน บ้า่นตั้งแต่เปิดฤดูกาลไว้ตรงนั้นด้วย)  นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับผู้เล่นแค่คนเดียวคือเอาอัลเลนลงแทนสเตอริ่งแต่ปรับ แทคติคไปเยอะ หันมาเล่น 4-4-2 หน้าคู่เต็มตัว
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่เร่งเกมเร็ว วิ่งไล่สูงตั้งแต่แดนหน้า ตัดบอลได้เข้าทำทันที (บรรทัดแรกนี่ก็อปมาจากนัดที่แล้วเลยถ้าจำกันได้) เน้นทำเกมตรงกลางไม่ค่อยออกบอลไปทางริมเส้น แบ็คสองข้างไม่เติมเกมสูง ส่วนทางเซาท์แธมตันเองก็วิธีเล่นคล้ายกัน แต่ผ่านบอลหนีตัววิ่งไล่ไ้ด้ไม่ดีเท่า ทำให้ช่วง 10 นาทีแรก ลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน

_______ ผ่าน 10 นาทีของเกมไป เซาท์แธมตันเริ่มทำได้ดีขึ้นในแดนกลาง เริ่มหยุดการต่อบอลของลิเวอร์พูลได้และบีบให้ต้องโยนบอลยาวบ่อยขึ้น บอลของลิเวอร์พูลเริ่มไปถึงข้างหน้าได้น้อยลง เกมทำท่าจะดีขึ้นแต่กองหลังเซาท์แธมตันมาพลาดแบบโชคร้ายนิดๆ ทำให้เสียประตูในนาที 16 ซัวเรสพาบอลไปกับตัวทำชิ่งกับสเตอริดจ์หน้าเขตโทษ กองหลังดักได้แล้วแต่บอลยังไม่ไปไหน สเตอริดจ์พยายามปั้มบอลกับกองหลังแล้วบอลดันกระดอนไปข้างหน้า เด้งไปโดนกองหลังที่ล้มอยู่กับพื้นกลับไปเข้าทางซัวเรสที่หลุดโล่งและยัง อยู่ในไลน์กองหลังไม่ได้ล้ำหน้า ยิงเร็วจังหวะแรกได้ประตูขึ้นนำ 1-0

_______ สกอร์เปลี่ยนรูปเกมก็เปลี่ยน แต่เปลี่ยนไปในทางที่เซาท์แธมตันดีขึ้นเรื่อยๆ ครองบอลได้มากขึ้น บอลมาถึงหน้าเขตโทษบ่อยขึ้น แดนกลางหยุดการต่อบอลของลิเวอร์พูลได้ค่อนข้างดี ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มตั้งเกมรุกลำบาก เปลี่ยนรับเป็นรุกไม่ค่อยได้ หนักไปทางต้องวางยาวแล้วก็เสียบอลเร็ว นานๆ จะโต้ได้ถึงหน้าเขตโทษบ้างแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

_______ เกือบครึ่งชั่วโมงของเกมผ่านไป เซาท์แธมตันเริ่มหันมาเน้นเกมรุกริมเส้นมากขึ้น ช่วยกันเติมเกมรุกมากขึ้นโดยเฉพาะแบ็คซ้าย มีโอกาสได้เปิดบอลเข้ากลางเป็นระยะ นาที 32 ลาลาน่าได้ยิงระยะ 6 หลาแต่ชนเสาชวดได้ประตูตีเสมอ หลังจากนั้นเกมก็เป็นของเซาท์แธมตันฝ่ายเดียว ลิเวอร์พูลโต้ไม่ขึ้น เก็บบอลไม่ได้ กองกลางไม่ค่อยเข้าปะทะคู่ต่อสู้เอาแต่วิ่งประคองทำให้เซาท์แธมตันพาบอลถึงสุดเส้นได้ง่ายและบ่อย ได้เปิดบอลจากริมเส้นเข้ามาลุ้นหน้าประตูตลอด ได้จังหวะเก็บตกและโหม่งชงอยู่ไม่น้อยแต่จบสกอร์กันไม่เด็ดขาดเอง โดยโอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่นาที 43 โรดริเกวซได้ยิงในเขตโทษแต่มินโยเล่ล้มตัวเซฟได้ ทำให้จบครึ่งแรกยังประคองตัวให้ขึ้นนำได้อยู่ที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เซาท์แธมตันลงมาเร่งเกมได้ดี บุกกดดันตั้งแต่ต้นและเก็บบอลครองบอลได้ต่อเนื่อง ลิเวอร์พูลทำเกมรุกแทบไม่ได้เลยไม่ว่าจะเกมโต้หรือตั้งเกมขึ้นไป ได้แต่เล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ ยังดีว่าเกมรับทำกันได้ดีกว่าในครึ่งแรกพอสมควร รับกันต่ำและปิดพื้นที่ไม่ให้เซาท์แธมตันเปิดบอลเข้าทำได้ง่ายเหมือนในครึ่ง แรก แม้ยังดูอึดอัดอยู่แต่ก็พอเอาตัวรอดกันไปได้แบบดูดีกว่าท้ายครึ่งแรก

_______ นาที 57 ร็อดเจอร์เปลี่ยนเอาคูตินโย่ตัวปลอมออกส่งสเตอริ่งลงมาแทนโดยไม่ได้ปรับตำแหน่ง แล้วก็เหมือนตัวนำโชค แค่นาทีถัดมาทีมก็ได้ประตูนำห่าง เจอราร์ดเปิดบอลเรียดลึกขึ้นหน้าจากกลางสนาม ซัวเรสปล่อยบอลไหลแล้วพลิกตามขึ้นไปได้สวยพาบอลไปได้ถึงสุดเส้นในเขตโทษก่อน จะเปิดหักเข้ากลางให้สเตอริ่งที่วิ่งตามเข้ามาชาร์จได้สำเร็จ 2-0

_______ พอสกอร์ขยับเกมเปลี่ยนอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่ดูดี กว่า(หลังจากเกมเป็นรองอยู่ร่วมชั่วโมง) ลิเวอร์พูลยังไม่ได้ปรับวิธีการเล่นแต่อย่างใด ยังเล่นเหมือนเดิมแต่ความกดดันน้อยลงไปทำให้จังหวะการเล่นดูง่ายขึ้น ผ่านบอลกันแม่นยำขึ้น สวนทางกับทางเซาท์แธมตันที่พอโดนลูกที่สองก็เครื่องสะดุดไป ที่เคยเร่งได้ดีมาตั้งแต่ต้นครึ่งหลังหายไปเกือบหมด อย่าว่าแต่จะได้ลุ้นประตู แค่หาทางเปิดบอลเข้าทำยังหาไม่ค่อยจะได้

_______ ผ่านนาที 70 ไปเซาท์แธมตันก็หมดมุข แม้จะดันแนวรับขึ้นสูง เปลี่ยนตัวสำรองก็แล้วแต่ทำเกมรุกไม่เป็นชิ้นเป็นอันอีกต่อไป แถมหลายๆ จังหวะยังดูเหมือนผู้เล่นเซาท์แธมตันก็ไม่ค่อยจะมีความมุ่งมั่นให้เห็นอีก ต่างหาก กลายเป็นลิเวอร์พูลที่ยิ่งเล่นยิ่งดีแถมมีช่องโต้ให้วางบอลยาว, จ่ายบอลทะลุช่องอยู่เรื่อยๆ แต่ยังทำประตูเพิ่มไม่ได้ นาที 85 อัสปาสได้ลงมาแทนสเตอริดจ์และรูปเกมโดยรวมก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน

_______ เกมทำท่าว่าจะจบลงแล้ว แต่ทดเจ็บนาทีสุดท้าย(90+4) ซัวเรสได้บอลยาวและเอาบอลลงได้ดี ได้ดวลกับกองหลังตัวต่อตัวในเขตโทษก่อนจะโดนดึงล้มลง ผู้ตัดสินให้จุดโทษแล้วก็เป็นเจอราร์ดที่รับหน้าที่ยิงไม่พลาด ทำให้ลิเวอร์พูลได้ประตูปิดกล่องเพิ่มไปอีกเป็น 3-0 และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
-----------------------------------------

_______ นัดนี้มีโชคช่วยอยู่หลายจังหวะก็จริง แต่ต้องชมทีเด็ดทีขาดของซัวเรสด้วยครับ

_______ 11 ตัวจริงปรับแค่คนเดียวแต่ปรับแทคติคเยอะทีเดียว 4-4-2 ไดม่อนนี่ไม่รู้ว่าร็อดเจอร์ตั้งใจจัดมาเพื่อหยุด เกมรุกคู่ต่อสู้หรือเพื่อเจาะแนวรับคู่ต่อสู้กันแน่ ถ้าดูเฉพาะเกมรุกต้องถือว่าทำได้ไม่ดีเลย ไม่ดีเอามากๆ ส่วนหนึ่งคือตำแหน่งสำคัญของแทคติคนี้อย่างคูตินโย่ที่ยืนอยู่หลังคู่กอง หน้าดันเล่นไม่ออกขึ้นมา และอย่างที่สองคือแบ็คสองข้างที่ไม่ค่อยขึ้นสูง(น่าจะถูกสั่งมา ปกติคู่นี้เติมกระจาย) ทำให้เกมกระจุกอยู่ตรงกลางและตั้งเกมลำบากมาก

_______ ถ้าดูในเกมรับก็พอมองได้ว่าค่อนข้างโอเค อัลเลน(ซ้าย)กับเฮนเดอร์สัน(ขวา) ช่วยได้ทั้งเกมรับริมเส้น(ที่ ทำได้ดีกว่าตอนเล่นทรง 4-3-3 ที่จะเป็นซัวเรสกับสเตอริ่งที่ช่วยไม่ได้มากนัก) และเกมรับหน้าเขตโทษที่ช่วยบีบพื้นที่ไม่ให้คู่ต่อสู้มีพื้นที่ได้เล่นมาก นัก (ดีกว่าตอนมีเจอราร์ดคนเดียวแน่) แต่ตอนเล่นจริงโดยเฉพาะครึ่งแรกมีปัญหาอยู่พอสมควรเมื่อทั้งอัลเลนและเฮ นเดอร์สันตัดบอลกลับมาได้ค่อนข้างช้าและน้อยไปหน่อย คือวิ่งไล่ได้แต่ตัดกลับได้ไม่มาก ยังดีว่าครึ่งหลังดูดีขึ้นมาก

_______ ถ้าดูจากผลลัพธ์ล้วนๆ ก็อาจจะมองได้ว่าร็อดเจอร์อยากตีหัวเข้าบ้านเต็มรูปแบบเพราะต้นเกมนี่เร่ง สุดชีวิต พอได้ประตูนำก็ไม่ต้องตั้งเกมมากเท่าไหร่ รอโต้เอา ซึ่งก็ทำได้ตามนั้น แม้จะไม่ค่อยประทับใจกับแทคติคต้นเกมเท่าไหร่แต่ก็ต้องบอกว่าร็อดเจอร์ทำได้ ดีพอที่จะทำให้ทีมเอาชนะได้ตามเป้านั่นละครับ

_______ การเปลี่ยนตัวถ้ามองในแง่ของคนที่ออกไปอย่างคูตินโย่ก็ดูเหมาะสมแล้ว คือครึ่งแรกนับเฉพาะเกมรุกก็ต้องบอกกลางลิเวอร์พูลเล่นไม่ออกกันทุกคน แต่ในเกมรับอัลเลนและเฮนเดอร์สันยังทำหน้าที่ของตัวเองได้อยู่บ้างไม่เหมือน คูตินโย่ที่ยืนตรงนั้นออกบอลเกมรุกไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนการส่งสเตอริ่งลงมาแทนไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่...ดูรายชื่อตัวสำรองก็คง ต้องเป็นคนนี้ล่ะ แต่แปลกใจเล็กน้อยที่ไม่ได้ปรับตำแหน่งการยืน แว่บแรกนึกว่าจะกลับไปเล่นทรง 4-3-3 แต่สุดท้ายเอาสเตอริ่งเล่นมันตรงนั้นเลย ซึ่งส่งผลให้ได้ประตู 2-0 ด้วยสิ อันนี้ขอชื่นชมครับว่าร็อดเจอร์ทำได้ดี(ที่ไม่เปลี่ยนตำแหน่งการยืน)

_______ จุดเปลี่ยนของเกมอยู่ที่จังหวะที่ได้ประตูที่สองนั่นละครับ ตั้งแต่ท้ายครึ่งแรกเรื่อยมาจนถึงต้นครึ่งหลังเซาท์แธมตันกดดันได้ดีอย่าง ต่อเนื่องแต่ทำกันไม่ได้ แต่พอลิเวอร์พูลมีโอกาสกลับทำได้เลยพอสกอร์ห่างเกมก็พลิกทันที ถ้าไม่ได้ลูกนั้นช่วยไว้ได้มีเหนื่อยกันอีกหลายนาที

_______ มองทางฝั่งเซาท์แธมตัน พวกเขาโชคร้ายนิดหน่อยกับประตูแรก แถมยังซวยยิงไปชนเสาอีกหนึ่งครั้ง แต่ถ้าดูจากโอกาสที่พวกเขาหาได้...แ้ล้วโยนทิ้งไป...ก็คงไม่ต้องโทษโชคชะตา ฟ้าดินแล้วล่ะ โทษการจบสกอร์ของตัวเองนั่นแหล่ะดีที่สุด แต่สิ่งที่แย่กว่าการจบสกอร์คือความมุ่งมั่นครับ ตอนโดน 2-0 นั่นพึ่งจะนาที 58 เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงแต่พวกเขาดันเล่นแบบหมดอาลัยตายอยากกันเร็วไป หน่อย ควรจะตั้งหน้าตั้งตาช่วยกันวิ่งและสู้ให้มากกว่านี้แต่ก็ไม่....ก็สมควรแพ้จริงๆ

_______ ...ส่วนลิเวอร์พูลแซงอาร์เซนอลได้จากประตูได้เสียครับ...แฮร่~
-------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้

มินโยเล่ - ออกมาจากเส้นได้ ดีขึ้น ตัดบอลเปิดเข้ากลางดูดีขึ้น เปิดบอลดูไม่ได้เหมือนเดิม แต่ทีเด็ดอยู่ที่การเซฟลูกสำคัญในช่วงท้ายครึ่งแรกทำให้ทีมยังไม่โดนตีเสมอ

จอห์นสัน - แทบไม่เติมเกมรุก พาบอลไปเองไม่ดีนัก เชื่อมเกมก็ไม่ถึงกับดี ครึ่งแรกมีปัญหามากกับเกมรับริมเส้นและการปิดบอลเปิดเข้ากลาง แต่ครึ่งหลังก็จัดการได้ดีขึ้น

แอกเกอร์ - ครึ่งแรกดักทางบอลเปิดเข้ากลางได้ไม่ค่อยดี บอลถึงกองหน้าอยู่บ่อยๆ ครึ่งหลังทำได้ดีขึ้นมาก

สเคอเทล - ครึ่งแรกมีปัญหาคล้ายแอกเกอร์อยู่เหมือนกัน แต่สเคอเทลมีจังหวะเคลียร์เยอะกว่า ซ้อนแบ็คและทิ้งตัวตัดบอลก่อนแนวรุกได้บอลได้ดีกว่า ยิ่งครึ่งหลังยิ่งทำได้ดีขึ้น เป็นแนวรับที่เล่นได้ดีที่สุดของวันนี้

ฟลานาแกน - ออกบอลพลาดบ่อยมากทั้งเกม ครึ่งแรกมีปัญหากับเกมรับพอสมควร ดักทางบอลไม่ค่อยดี ครึ่งหลังกระเตื้องขึ้นมาบ้าง

เจอราร์ด - เล่นแทบจะเป็นเซ็นเตอร์คนที่สามอยู่แล้ว ปิดพื้นที่หน้าและในเขตโทษได้ดี ดักตัดบอลได้ไม่น้อยแต่การเข้าสกัดไม่ค่อยโดดเด่นนัก เปลี่ยนรับเป็นรุกได้ไม่ดีเท่าไหร่(ซึ่งก็ยังดูดีกว่ากองกลางคนอื่น) มีทีเด็ดในการออกบอลฉาบฉวยซึ่งทำให้ทีมได้ประตูที่สอง ยิงจุดโทษปิดท้ายได้ดีด้วย

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกเล่นได้ไม่ดีนัก วิ่งไล่ได้พอสมควรและปิดพื้นที่ในเกมรับได้ดีทีเดียวแต่ไม่ค่อยจะเข้าปะทะ เชื่อมเกมก็ไม่ดี พลิกบอลขึ้นหน้าได้น้อย ครึ่งหลังดูดีขึ้นบ้างในเรื่องเกมรับแต่การเชื่อมเกมกับเกมรุกก็ไม่ได้ กระเตื้องเท่าไหร่ วันนี้หาโอกาสยิงในเขตโทษได้ดี 2-3 ครั้งก็ดันยิงพลาดหมด ไม่ใช่วันที่ฟอร์มดีแต่ก็ทำตามแทคติคได้น่าพอใจ

คูตินโย่ - ส่งตัวปลอมมาเล่นแทน

อัลเลน - ครึ่งแรกโดยเฉพาะช่วง 30 นาทีแรกพยายามจะบู๊ดุดันแต่ความหนาไม่เอื้อ วิ่งเบียดไหล่ต่อไหล่ไปก่อนคู่ต่อสู้ทุกที วิ่งไล่ปิดพื้นทีไ่ด้ดี แต่เชื่อมเกมวันนี้ทำได้ไม่ค่อยดีนัก เกมรุกยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าจะสรุปก็คงเหมือนเฮนเดอร์สัน ไม่ใช่วันที่ฟอร์มดีแต่ก็ทำตามแทคติคได้น่าพอใจ

สเตอริดจ์ - วิ่งทำทางได้ดีมาก ช่วงที่ทีมตั้งเกมไม่ค่อยขึ้นสเตอริดจ์วิ่งไปรับบอลยาวตรงที่ว่างได้ดี จังหวะประสานงานกับซัวเรสก็ดูใช้ได้ เพียงแต่ไม่เป็นประตู ได้โอกาสจบสกอร์ดีๆ ครั้งนึงก็ดันไปล็อคหลบเข้ามุมแคบเลยยิงไม่ได้

ซัวเรส - เอาจริงๆ ถ้ามองทั้งเกมซัวเรสก็ค่อนข้างเงียบ(โดยเฉพาะครึ่งแรก) พาบอลไปเองก็ผ่านไม่มากนัก หาจังหวะจบสกอร์เองก็ไม่ค่อยได้ แต่จังหวะสำคัญๆ ของเกมเขาทำได้ยอดเยี่ยม ลูกแรกพอโอกาสมาแบบส้มหล่นก็ยิงเร็วไม่พลาด ลูกที่สองก็ปล่อยบอลไหลและจ่ายเข้ากลางให้สเตอริ่งยิงได้ดี(จังหวะนี้ผมชอบที่สุดในเกม) ลูกที่สามก็เรียกจุดโทษให้ทีม ยังไม่นับพวกจังหวะเรียกฟาล์วที่ทำได้หลายครั้ง ทั้งๆ ที่ทางไปต่อก็ไม่มีแล้วแต่ยังไม่เสียการครอบครองบอล

ตัวสำรอง

สเตอริ่ง - ลงมาจบสกอร์ให้ทีมได้ดี หลังจากนั้นก็ช่วยเชื่อมเกมได้ดีกว่าคูตินโย่ในช่วงก่อนหน้า

อัสปาส - ไม่ค่อยได้มีโอกาสทำอะไร

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... ความเด็ดขาดในจังหวะสำคัญนับเป็นทีเด็ดจริงๆ มีส่วนกับทั้ง 3 ประตู ยิง 1 จ่าย 1 เรียกจุดโทษ 1
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.