วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 4-3 สวอนซี (พรีเมียร์ลีค)


...เกือบตาย...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

------สเตอลิ่ง----------ซัวเรส---------สเตอริดจ์-------
---------------คูตินโย่------------เฮนเดอร์สัน----------
------------------------เจอราร์ด------------------------
จอห์นสัน------แอกเกอร์------สเคอเทล----ฟลานาแกน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือสวอนซี นัดนี้มีชื่อจอห์นสันกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งในตำแหน่งแบ็คซ้าย นอกนั้นยังเป็นผู้เล่นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่เร่งเกมเร็ว วิ่งไล่สูงตั้งแต่แดนหน้า ตัดบอลได้เข้าทำทันที เพียงแค่นาที 3 ก็ทำได้สำเร็จ สเตอลิ่งวิ่งไล่แซะบอลมาได้ก่อนจะจ่ายทะลุช่องให้สเตอริดจ์ได้แตะหลบผู้ รักษาประตูยิงเข้าไปได้ไม่พลาด 1-0 หลังจากนั้นก็ยังพยายามวิ่งไล่แย่งบอลต่อไป

_______ จังหวะตั้งเกม ลิเวอร์พูลเน้นขึ้นเกมทางซ้ายด้วยสเตอลิ่งและคูตินโย่ พาบอลไปข้างหน้าได้ดีพอควร ส่วนสวอนซียังอาศัยโบนี่ช่วยพักบอลในแดนหน้าแล้วแดนกลางวิ่งเติมขึ้นไปช่วยเป็นหลัก ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และหาโอกาสได้จากความผิดพลาดของลิเวอร์พูลเองเป็นระยะ

_______ ผ่าน 15 นาทีของเกมไป ยิ่งเล่นสวอนซียิ่งดูดีขึ้น กลับกันกับฝั่งลิเวอร์พูลที่เกมรับเริ่มมีปัญหา แดนกลางวิ่งไล่บอลในแดนหน้ามากแต่ไม่ค่อยถอยลงมาช่วยรับในแดนตัวเอง จังหวะสวอนซีพลิกหรือเปิดบอลขึ้นหน้ามาได้มีช่องโจมตีเยอะ โดยเฉพาะแถวหน้าเขตโทษที่มีโอกาสยิงไกลให้เห็นอยู่ตลอด ยังดีว่านาที 20 จากจังหวะทำเร็ว ซัวเรสเปิดบอลให้สเตอริดจ์วิ่งไปรับที่สุดเส้นข้างก่อนจะเลี้่ยงเข้ากลาง จ่ายต่อมาให้เฮนเดอร์สันได้วางเท้ายิงหน้าเส้นเขตโทษบอลพุ่งเสียบเสาได้ สำเร็จให้สกอร์ขยับ 2-0

_______ สกอร์่ห่างแต่ปัญหาของลิเวอร์พูลยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่นานนักก็โดนสวอนซีลงโทษ นาที 23 เชลวี่ย์วิ่งเข้ามายิงบอลหน้าเขตโทษแบบไม่จับ บอลพุ่งเช็ดคานเข้าไปให้สวอนซีตามมาเป็น 2-1 เท่านั้นยังไม่พอ นาที 27 จากลูกฟรีคิก บอลลึกเข้ามาในเขตโทษแล้วเป็นโบนี่ที่โหม่งไปโดนสเคอเทลแฉลบเข้าประตูไป ตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว 2-2

_______ สวอนซีคุมพื้นที่ในแดนตัวเองแน่น สลับกับหาจังหวะขึ้นมาวิ่งไล่แดนหน้าบ้าง ส่วนลิเวอร์พูลหน้าเขตโทษตัวเองก็ยังหลวมอยู่แต่ในแดนหน้ายังพอพาบอลไปถึง เขตโทษคู่ต่อสู้ได้ นาที 36 จากการต่อบอลสั้นหลายจังหวะ สุดท้ายเป็นซัวเรสที่ได้บอลทางด้านซ้ายตักเข้ากลางให้สเตอริดจ์โหม่งเข้าไป ได้เป็น 3-2 หลังจากนั้นรูปเกมก็ไม่เปลี่ยนมากนัก จบครึ่งแรกที่สกอร์ 3-2

_______ เข้าครึ่งหลัง ยังไม่ทันจะได้เห็นอะไรเป็นอะไร นาที 47 สวอนซีได้โอกาสเปิดบอลเข้ากลางจากริมเส้น สเคอเทลวิ่งเบียดไปกับโบนี่ก่อนที่โบนี่จะล้มลงไป กรรมการเป่าให้จุดโทษทันทีแล้วก็เป็นโบนี่รับหน้าที่ยิงไม่พลาด ตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว 3-3

_______ รูปเกมครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลดูจะเน้นการครองบอลมากขึ้น แดนกลางถอยลงต่ำมาช่วยเกมรับมากขึ้น แต่ก็ทำให้เกมรุกเอาบอลขึ้นหน้าได้ช้าลง ส่วนสวอนซียังคุมพื้นที่ในแดนตัวเองได้ดี ทำเกมรุกขึ้นมาได้บ้างแต่จะไม่ได้กดดันอะไรมากนัก นาที 58 อัลเลนได้ลงแทนสเตอลิ่งที่เริ่มหายไปจากเกม เอาคูตินโย่เป็นเล่นริมเส้นซ้าย นาที 63 ตูเร่ลงแทนแอกเกอร์ ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกม เจอราร์ดเริ่มขึ้นมาช่วยเกมรุกมากขึ้น แต่โดยรวมยังเร่งไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ พาบอลไปข้างหน้าได้แต่ช้า ทางสวอนซีก็ยังเล่นไม่ต่างจากเดิม

_______ ลิเวอร์พูลมาขึ้นนำได้สำเร็จอีกครั้งจนได้ในนาที 74 จากจังหวะที่เจอราร์ดวางยาวให้ซัวเรสแถวหน้าเขตโทษได้แม่น ซัวเรสเอาบอลลงแล้วพาบอลเข้ามายิงในเขตโทษ บอลติดกองหลังเข้าทางเฮนเดอร์สันที่ตามเข้ามายิง บอลติดผู้รักษาประตูแต่ก็ยังเป็นเฮนเดอร์สันที่ตามเข้าไปซ้ำได้ 4-3

_______ พอสกอร์ขยับก็เป็นสวอนซีที่พยายามเล่นเกมรุกมากขึ้น ทางลิเวอร์พูลเอาโมเสสแทนสเตอริดจ์ในนาที 79 หันมาเล่นรับแน่นในแดนแล้วรออาศัยจังหวะโต้ยาวเอา ไม่ตั้งเกมบุกแล้ว 10 นาทีสุดท้ายของเกมสวอนซีก็ได้แค่พาบอลมาป้วนเปี้ยนใกล้เขตโทษ ไม่ค่อยได้เปิดบอลเข้าทำมากนัก ส่วนลิเวอร์พูลตัดบอลเล่นเกมโต้ได้บ้างแต่ก็ไม่ดีนัก หาโอกาสได้น้อยกว่าทุกวัน(ที่เล่นในรูปเกมแบบนี้) โอกาสที่มีบ้างก็จบสกอร์ไม่เด็ดขาด แต่จบเกมก็ดีพอที่จะเฉือนชนะไปได้สำเร็จ 4-3
-----------------------------------------

_______ เกมรุกยังได้มาตรฐาน แต่เกมรับชวนเครียดครับ

_______ 11 ตัวจริงมีปรับเล็กน้อยซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนักในภาพรวม แต่สิ่งที่ทำให้ทีมต้องเจอปัญหามากเหลือเกินและทำให้รูปเกมออกมาไม่ดีนักคือ การเล่นเกมรับ เกมรับในครึ่งแรกทำได้ไม่ดีเลยครับ แนวรุกของทีมทั้งแผงวิ่ง ไล่บอลแดนหน้ามาก (ประตูแรกก็ได้มาเพราะการวิ่งไล่จนแซะบอลมาได้นี่ล่ะ) แต่ปัญหาคือไล่แล้วหลุดตำแหน่ง ไม่ค่อยวิ่งตามลงมาช่วยเกมรับ โดยเฉพาะกองกลางอย่างคูตินโย่และเฮนเดอร์สันที่ถอยลงมาช่วยน้อยเกินไป พอคู่ต่อสู้พลิกบอลพาบอลมาถึงในแดนลิเวอร์พูลได้เลยมี พื้นที่ให้เล่นเพียบ มีเจอราร์ดคนเดียวก็คุมพื้นที่เยอะแยะขนาดนั้นไม่ไหว ทำให้ครึ่งแรกสวอนซีมีโอกาสยิงไกลจากหน้าเขตโทษบ่อยมากครับ (แล้วก็ได้มา 1 ประตูด้วย)

_______ การเปลี่ยนตัวและการแก้เกมทำได้ดีบ้างไม่ดีบ้างครับ ในกรณีอัลเลนผมคิดว่าร็อดเจอร์ทำถูกที่เปลี่ยนลงมาเพราะทีมขาดตัวไล่บอล แดนกลางและเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า คูตินโย่กับเฮนเดอร์สันไม่ใช่ว่าจะเล่นแย่แต่ทั้งคู่ขยับลงมาช่วยน้อยเกินไป ทั้งจังหวะที่จะตั้งเกมตัวเองและจังหวะที่ต้องลงไปไล่บอลคุมพื้นที่ อัลเลนลงมาช่วยตรงนั้นได้ ที่แปลกใจสักหน่อยก็คือคนที่เปลี่ยนออกกลายเป็นสเตอลิ่งแทนที่จะเป็นคูติ นโย่หรือเฮนเดอร์สัน

_______ การเปลี่ยนตูเร่ลงมาแทนแอกเกอร์ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บหรือไม่(ยัง ไม่ได้เชคข่าว)เพราะดูแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวกับการปรับเกมอะไร ส่วนการใส่โมเสสลงมาแทนสเตอริดจ์ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่เพราะโมเสสทำอะไร ไม่ได้เลย ซึ่งทำไม่ได้มาหลายนัดแล้วด้วย แต่ถ้านับเฉพาะการปรับแทคติคมาเล่นรับในแดนแล้วรอโต้(ในจังหวะที่โมเสสลง สนาม)นั้นเห็นด้วยครับ ปิดเกมคู่ต่อสู้ได้แล้ว มีจังหวะจะโต้แล้ว เพียงแต่โต้ได้ไม่ดีกันไปเองเท่านั้น

_______ มองทางสวอนซีเอาจริงๆ ผมไม่คิดว่าพวกเขาเล่นดีอะไรตรงไหน รู้สึกเหมือนว่าเล่นไปตามเกมก็เท่านั้น ที่ดีคือใช้โอกาสไม่เปลือง ได้ยิงก็ยิงได้ แต่การทำเกมรุกก็ไม่ได้เด็ดขาดหรือสร้างโอกาสดีได้ด้วยตนเอง เกมรับคุมพื้นที่แน่นดีแต่ก็ยังมีช่องให้โจมตีอยู่ตลอด ไม่ถึงกับเหนียว แน่นเป็นปราการเหล็กอะไรขนาดนั้น ยิงได้ 3 ลูกอาจดูน่าเสียดายที่ไม่ได้สักแต้ม แต่ฟอร์มการเล่นพวกเขาเองก็ไม่ได้ชี้ชวนให้คิดว่าน่าจะได้แต้มตรงไหนเหมือน กัน

_______ เกมรับทำได้ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ซัวเรสก็ฟอร์มตก กว่าจะชนะได้ก็หืดจับ แต่ที่ทำได้ขึ้นกว่าแต่ก่อนก็เห็นจะเป็นเรื่องสภาพจิตใจละครับ พักหลังๆ มานี้ผู้เล่นในทีมโดยเฉพาะดาวรุ่งรับมือการช่วงเวลากดดันได้ดีกว่าเดิมเยอะ ถือว่าพวกดาวรุ่งหลายคนนี่พัฒนาขึ้นมาได้ดีครับ

_______ ...นาทีที่พิมพ์นี้สเปอร์ตามหลังนอริชอยู่ แพ้ขึ้นมาละที่ 4 หวานเลยครับงานนี้...
-------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้

มินโยเล่ - ออกมาจากเส้นช้ามาก มีหลายจังหวะที่บอลมาลึกและใช้มือได้ควรจะออกไปเล่นก็ไม่ค่อยยอมออก โดนไป 3 ลูกแต่ดูแล้วไม่ได้ผิดพลาดในเรื่องการเซฟ

จอห์นสัน - ครึ่งแรกหลุดตำแหน่งหลายครั้ง ขึ้นไปยืนสูงแบบไม่ได้ทำประโยชน์อะไรแต่โดนโต้อยู่หลายจังหวะ ครึ่งหลังเ่ล่นได้ดีขึ้น เกมรับจังหวะที่ลงทันก็ไม่รั่ว เชื่อมเกมได้ดี เกมรุกวันนี้ไม่ค่อยมี

แอกเกอร์ - เกมรับก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เชื่อมเกมพอใช้ได้มีจังหวะหลุดไปบ้างไม่ถึงกับเยอะ

สเคอเทล - มีปัญหากับโบนี่พอสมควร หยุดการพักบอลของโบนี่ไม่ได้ จังหวะเสียลูกโทษก็เป็นจังหวะที่สเคอเทลเล่นมาแทบจะตลอดคือวิ่งเบียดไปกอง หน้ามือไม้นี่ต้องมีดึงมีรั้ง พอดีวันนี้โดนเป่าเท่านั้นเอง

ฟลานาแกน - เชื่อมเกมได้ดีขึ้น การตัดสินใจดีขึ้น พาบอลไปเองให้พ้นจากการโดนไล่ได้ดีหลายครั้ง การเปิดบอลเชื่อมเกมมีทิศทางกว่าเคาะไปให้พ้นๆ ตัว ปัญหาคือยังมีข้อผิดพลาดอยู่ค่อนข้างเยอะ เข้าบอลพรวดโดนแตะหลบไปได้ก็ไม่น้อย ออกบอลทางถูกน้ำหนักผิดก็มีให้เห็นเป็นระยะ

เจอราร์ด - ครึ่งแรกแทบจะเป็นกองกลางคนเดียวที่เล่นเกมรับ คุมพื้นที่ได้ไม่หมด เวลาโดนพาทัวร์นี่ก็วิ่งตามไม่ค่อยทัน ออกบอลเชื่อมเกมก็ได้แค่พื้นๆ เท่านั้น ครึ่งหลังพอมีคนลงมาช่วยไล่บอลมากขึ้นก็เริ่มทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะประมาณนาที 60-75 ที่ทั้งดักตัดบอล, เปลี่ยนรับเป็นรุก, ออกบอลยาว และดันขึ้นไปช่วยเกมรุกได้ดีหลายจังหวะ

เฮนเดอร์สัน - วิ่งไล่แดนหน้าได้ค่อนข้างดี วิ่งทำทาง,เชื่อมเกมได้ค่อนข้างดีและหาโอกาสเติมขึ้นไปเล่นใน-หน้าเขตโทษได้ ดี ที่ไม่ดีคือไม่ค่อยลงมาช่วยไล่บอลในแดนตัวเองเท่าไหร่โดยเฉพาะในครึ่งแรก

คูตินโย่ - เป็นวันที่ไม่ได้ทำอะไรมากนัก หนักไปทางเชื่อมเกมธรรมดา บอลเกมรุกมีไม่มากนัก ขยับหาที่ว่างรับบอลไม่ค่อยดีนักโดยเฉพาะครึ่งแรก

สเตอลิ่ง - ต้นเกมเริ่มได้หวือหวา จ่ายบอลทะลุช่องในจังหวะทีมได้ 1-0 ได้เฉียบขาดมาก หลังจากนั้นก็ใช้ความเล่นงานคู่ต่อสู้ได้ดี จังหวะตัวต่อตัวทำได้ีกว่าแต่ก่อน แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งค่อยๆ หายไปจากเกม ครึ่งหลังนี่แทบไม่รู้ว่าตามลงสนามมาด้วย

สเตอริดจ์ - จบสกอร์ได้ดีทั้งลูกแรกและลูกที่สาม วิ่งทำทางได้ดี วันนี้ลงมาเคาะเชื่อมเกมในแดนกลางเยอะกว่าปกติทำได้ค่อนข้างดีด้วย ครึ่งหลังมีจังหวะฝืนๆ ให้เห็นบ้างแต่ไม่มากนัก

ซัวเรส - วันนี้ทำอะไรเป็นผิดไปหมด หาจังหวะยิงได้พอสมควรแต่ยิงไม่ได้เลยสักลูก ทำเกมได้น้อยกว่าทุกวัน ยังดีว่ายังอุตส่าห์จ่ายแอสซิสต์ให้สเตอริดจ์ได้ 1 ลูก

ตัวสำรอง 

อัลเลน - ลงมาช่วยไล่แดนกลางได้ดี วิ่งหาที่ว่างรับบอลเชื่อมเกมได้ดีกว่าคูตินโย่ พยายามจะช่วยเกมรุกแต่จังหวะสุดท้ายทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ไม่ว่าจะยิงหรือ จ่าย

ตูเร่ - ไม่ได้โดนกดดันอะไรมากนัก บอลมาก็สกัดทิ้ง

โมเสส - แทบไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับเกมเลย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...จอร์แดน เฮนเดอร์สัน... นัดนี้ถ้าต้องเลือก MOM คงหนีไม่พ้นสเตอริดจ์กับเฮนเดอร์สันนี่ละครับ แต่ขอเลือกเฮนเดอร์สันเพราะมีส่วนกับเกมมากกว่า แถมยังยิงได้ตั้ง 2 ลูกอีกต่างหาก (พวก SSS ยิง 2-3 ลูกคงธรรมดา แต่เฮนเดอร์สันยิง 2 ลูกนี่หาดูยากนะครับ)

ป.ล. ถ้านัดนี้อ่านแล้วมันสะดุดๆ ก็ต้องขออภัยด้วยครับ สติสตังค์ไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อาร์เซนอล 2-1 ลิเวอร์พูล (เอฟเอคัพ)


...ตีนบอดนะฮ๊าฟ~...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

------สเตอลิ่ง----------สเตอริดจ์---------ซัวเรส-------
---------------คูตินโย่------------อัลเลน---------------
------------------------เจอราร์ด------------------------
ซิสโซโก้------แอกเกอร์------สเคอเทล----ฟลานาแกน
--------------------------โจนส์-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนอาร์เซนอลในเกมเอฟเอคัพ นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทีม 2 ตำแหน่ง โดยแอกเกอร์กับอัลเลนได้ลงเป็นตัวจริง ส่วนทางอาร์เซนอลพักตัวหลักพอสมควร แต่ยังมีโอซิล, เชมเบอร์เลน, อาร์เตต้าลงตัวจริง
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายก็เปิดเกมเร็วใส่กัน ไม่เคาะบอลนาน บอลไปข้างหน้าตลอด ลิเวอร์พูลเน้นบอลทะลุช่องเจาะตรงกลางสลับขวา ใช้แบ็คช่วยเติมเกมทั้งสองฝั่ง ส่วนอาร์เซนอลเน้นขึ้นบอลเร็วทางริมเส้นในจังหวะที่แบ็คลงไม่ทัน เน้นไปทางซิสโซโก้บ่อยกว่า และไล่บอลแดนหน้ามากกว่าเล็กน้อย ช่วงต้นเกมเป็นลิเวอร์พูลที่ใช้บอลทะลุช่องเล่นงานได้ดีกว่า สเตอริดจ์มีโอกาสถึง 2 ครั้งแต่ยิงติดเซฟทั้ง 2 ครั้ง

_______ ผ่าน 10 นาทีแรกไป อาร์เซนอลเริ่มทำเกมได้ดีกว่า แดนหน้าไล่บอลได้ดีและแดนกลางเข้าถึงบอลเร็วตลอด พาบอลมาถึงหน้าเขตโทษได้บ่อยและเร็วขึ้น นาที 16 ก็ทำประตูขึ้นนำได้สำเร็จ จากจังหวะต่อเนื่องจากลูกฟรีคิก สเคอเทลกับซาโนโก้ขึ้นเบียดโหม่งในเขตโทษแล้วบอลตกแถวจุดโทษเข้าทางเชมเบอร์ เลนยิงเข้าไปสำเร็จ 1-0

_______ หลังสกอร์ขยับยังเป็นอาร์เซนอลที่ทำได้ดีกว่าโดยเฉพาะการประกบตัวรุกและการ เข้าบอลเร็ว ถึงเนื้อถึงตัวถึงบอลตลอดไม่มีรีรอ ทำให้ลิเวอร์พูลบุกได้ลำบาก ไม่ค่อยได้มีโอกาสจา่ยบอลเข้าทำมากนัก อาร์เซนอลยังคงโต้เร็วได้ดีและบอลมาป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษได้บ่อยแต่ยังทำ สกอร์เพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลนั้นได้โอกาสอย่างรวดเร็วจากซัวเรสแต่ก็ยังยิงไปติดเซฟ สุดท้ายกลายเป็นอาร์เซนอลใช้เกมเร็วเล่นงานได้อีกครั้งในนาที 47 เชมเบอร์เลนได้บอลทางริมเส้นพาไปถึงสุดเส้นหลังก่อนจ่ายเรียดหักเข้ามาให้โพลโดลสกี้จบสกอร์ไม่เหลือ 2-0

_______ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลก็ดาหน้าเร่งเกมเต็มที่ พาบอลมาถึงหน้าเขตโทษได้มากขึ้น ส่วนทางอาร์เซนอลรับลึกกว่าเดิมพอสมควรแต่เกมโต้เร็วยังทำได้ดีมาก กดดันแนวรับได้อย่างต่อเนื่อง แต่แล้วนาที 59 ซัวเรสได้บอลริมเขตโทษด้านใน โพลโดลสกี้เข้าพรวดไม่ทันระวังไปเตะโดนซัวเรสเสียจุดโทษ เจอราร์ดรับหน้าที่ยิงจุดโทษไม่พลาด 2-1

_______ พอสกอร์ขยับ ร็อดเจอร์รีบเปลี่ยนตัวทันที ส่งเฮนเดอร์สันลงมาแทนซิสโซโก้ โยกฟลานาแกนไปแบ็คซ้าย ถอยสเตอลิ่งลงมาแบ็คขวา เฮนเดอร์สันเล่นริมเส้นฝั่งขวา เร่งเกมรุกต่อเนื่องซึ่งทำได้ดีขึ้น รวมไปถึงอาร์เซนอลที่ดูจะยิ่งถอยลงไปรับกันมากกว่าเดิม

_______ เวนเกอร์ทยอยเปลี่ยนตัวส่ง กาซอล่าแทนโพลโดลสกี้ในนาที 69 กิ๊บส์แทนเชมเบอร์เลนในนาที 75 ถึงเกมโต้จะยังทำได้อยู่แต่เริ่มอันตรายน้อยลง ช่วงนาทีตั้งแต่ 60-80 ถือเป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลกดดันได้ต่อเนื่อง หาช่องจ่ายบอลเข้าทำได้พอสมควรแต่สุดท้ายยังคงไม่ได้ประตู

_______ เข้า 10 นาทีสุดท้าย อาร์เซนอลที่ถอยลงไปต่ำอยู่พักใหญ่เริ่มกลับมาวิ่งไล่แดนหน้ามากขึ้น เน้นการครองบอลมากขึ้นไม่ได้โต้เร็วตลอดและทำได้ค่อนข้างดี ลิเวอร์พูลเองเริ่มพาบอลขึ้นไปข้างหน้าไม่สะดวกเหมือนช่วงก่อนหน้า แม้จะยังพาบอลไปถึงพื้นที่สุดท้ายได้บ้างแต่ก็หาโอกาสเปิดบอลเข้าทำได้ไม่ มากนัก และบอลเข้าทำส่วนใหญ่ก็ติดแนวรับ ที่พอจะหลุดไปถึงได้ลุ้นยิงบ้างก็ทำไม่สำเร็จ ทำให้จบเกมแพ้ไปเฉียดฉิว 2-1
-----------------------------------------

_______ ตีนบอดอย่างเดียวครับนัดนี้ โอกาสมีแล้วแต่ทำไม่ได้

_______ ร็อดเจอร์จัด 11 ตัวจริงแบบเต็มที่เหมือนกัน วิธีการเล่นก็ไม่ได้มีอะไรผิดพลาดและจริงๆ ก็แทบไม่ได้ต่างอะไรจากนัดที่ชนะมา 5-1 ฟอร์มการเล่นโดยรวมของผู้เล่นลิเวอร์พูลเองก็ไม่ได้ดรอปลงสักเท่าไหร่ยังคง เล่นกันได้ตามมาตรฐาน(ในภาพรวม) แต่ต่างกันแค่การจบสกอร์ที่วันนี้ไม่เด็ดขาดเท่านั้นเอง

_______ สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้ก็คือการจบสกอร์นี่ล่ะครับ สเตอริดจ์มีโอกาสถึง 2 ครั้งช่วงต้นเกมแต่ทำประตูไม่ได้ ในขณะที่อาร์เซนอลพอมีโอกาสแล้วทำได้ พอเป็นฝ่ายได้เปรียบพวกเขาก็เล่นได้ง่ายกว่า เข้าครึ่งหลังก็ยังเป็นลิเวอร์พูลที่มีโอกาสก่อนจากซัวเรสก็ยังไม่ผ่านมือ ผู้รักษาประตู กลายเป็นอาร์เซนอลที่ใช้โอกาสแรกในครึ่งหลังยิงนำห่าง 2-0 ซะอย่างนั้น ทำให้งานของลิเวอร์พูลยากเข้าไปอีก ซึ่งสุดท้ายก็ไล่ไม่ทัน

_______ พูดถึงเรื่องจบสกอร์แล้วก็ต้องขอขยายความสักหน่อย แน่นอนวันนี้จังหวะที่ได้ลุ้นมาจากสเตอริดจ์กับซัวเรสเป็นหลัก แม้จะบอกว่าพวกเขาจบสกอร์พลาดแต่ฟอร์มการเล่นของทั้งคู่ไม่ได้แย่ลงเลย ซัวเรสยังคงทำเกมได้ ป่วนแนวรับได้ดี เรียกจุดโทษได้อีกต่างหาก สเตอริดจ์นี่ยิ่งแล้วใหญ่ การวิ่งทำทางของเขาในช่วง 1 ชั่วโมงแรกของเกมทำได้ดีกว่าบางนัดด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นขอย้ำให้ชัดตรงนี้ว่า ทั้งคู่พลาดจังหวะจบสกอร์...แต่ไม่ได้เล่นแย่ฟอร์มหลุดครับ

_______ สำหรับรูปเกม ถ้าลิเวอร์พูลจะมีอะไรพลาดบ้างก็คงเป็นเรื่องของแบ็คที่สั่งให้ลอยสูงค่อน ข้างมาก อาร์เซนอลใช้พื้นที่ด้านหลังแบ็คในการโต้กลับเร็วได้ดีหลายครั้ง ไอ้ตอนโดนนำแล้วนี่ไม่เท่าไหร่มันไม่มีทางเลือก แต่อีตอนต้นเกมนี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าร็อดเจอร์เอาความกล้ามาจากไหน ให้แบ็คลอยทั้งสองฝั่งแบบนั้น แต่สำหรับการเร่งเกมหลังจากถูกนำแล้วถือว่าำทำได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะช่วงที่ไล่มาเป็น 2-1 แล้วกว่า 20 นาทีที่ลิเวอร์พูลบุกกดดันได้ดีมากทีเดียว แม้จะไม่พับสนามบุกแต่จังหวะเกมรุกก็ได้ลุ้นตลอด ทีเด็ดน่าจะอยู่ที่การใช้สเตอลิ่งเล่นแบ็คแล้วคอยวิ่งสอดขึ้นมาถึงสุดเส้น ในขณะที่แดนกลางก็ไม่ได้ถอดใครออกไป ถ้าร็อดเจอร์เลือกถอดอัลเลนออกแทนที่จะเป็นซิสโซโก้ 20 นาทีนั้นคงไม่ได้ลุ้นขนาดนี้ครับ

_______ ฮาเวิร์ด เวปวันนี้ก็มีส่วนกับความพ่ายแพ้นิดหน่อย หลังจากเป่าจุดโทษไปแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่นาทีซัวเรสก็โดนเชมเบอร์เลนอัดอีกครั้งในเขตโทษซึ่งดูยัง ไงก็จุดโทษแถมเวปเองอยู่ตรงนั้นเห็นเต็มตาอีกต่างหากแต่ไม่ได้เป่าให้ อันที่จริงผมก็ไม่ได้โทษอะไรเค้ามากนักเพราะพึ่งให้จุดโทษไปหยกๆ จะให้ติดๆ กันอีกลูกมัน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่จังหวะจะทำประตูทั้งสองครั้ง (แค่อยู่ในเขตโทษ) ก็ดูโหดร้ายกับเจ้าบ้านไปนิด...เอาเป็นว่าเสียดายแต่เข้าใจก็แล้วกัน อย่าว่าแต่เจอราร์ดเองก็น่าจะโดน 2 เหลืองไล่ออกเหมือนกัน น่าโดนสุดๆ ครับ แต่เวปยังอุตส่าห์ไม่ให้ ไม่งั้นชีวิตคงลำบากอีก ทั้งนัดนี้ที่จะกลับมาไม่ได้ และนัดหน้าเจอราร์ดจะโดนแบนอีก

_______ มองทางฝั่งอาร์เซนอล ... นัดนี้ไม่มองไม่ได้ พวกเขาเล่นกันได้ดีตามแท็คติคที่วางไว้ ที่ผมชอบมากคือการเข้าบอล มันไม่ใช่แค่ถึงตัวเร็วแต่ยังถึงบอลเร็วด้วย ผู้เล่นลิเวอร์พูลหยุดบอลเมื่อไหร่พวกเขาอัดทันที ไม่มีไปยืนรอยืนประคองใดๆ ทั้งสิ้น แถมเข้าบอลได้ค่อนข้างแม่นด้วย (วืดโดนเหลืองไปบ้างล่ะแต่ถือว่าน้อย) กองหน้าตัวรับ(เกมรุกแทบไม่ต่างกับลอร์ดเบนเนอร์)อย่างซาโนโก้ก็ขยันไล่บอล แดนหน้าได้ดี ทำเอาลิเวอร์พูลขึ้นบอลลำบากในหลายจังหวะ แถมวันนี้ผู้รักษาประตูอย่างฟาเบียงสกี้ก็เล่นได้เข้าฝักสุดๆ ไอ้ที่บอกว่ากองหน้าลิเวอร์พูลตีนบอดส่วนนึงมาจากหมอนี่ดันฟอร์มเทพด้วย เหมือนกันครับ

_______ อาร์เซนอลโชคดีนิดๆ ที่ไม่ได้เสียจุดโทษครั้งที่สอง แต่พวกเขาสมควรเป็นผู้ชนะแล้วจริงๆ ดูจากตัวผู้เล่น จากฟอร์มการเล่นของพวกเขาในตอนนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาสร้างปาฏิหารย์ผ่านบาเยิร์นได้ใน UCL, ทะลวงเอฟเวอร์ตันผ่านเข้ารอบเอฟเอคัพเข้าไปได้...

_______ ...แล้วกรอบในเกมลีค หลุด Top4 ไปเลย แฮร่~ ...
-------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้ บางคนดี

โจนส์ - สองลูกที่โดนไปเซฟไม่ได้ก็คงไม่มีใครโทษ...แม้จะพุ่งไปคนละทางเลยทั้งสอง ครั้งก็เถอะ ออกบอลยาวได้ดีกว่ามินโยเล่นิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับดีมาก แต่ทำได้ดีกว่าในเรื่องการออกมาเล่นนอกเส้น ทั้งการดักบอลโยนเข้ากลางและตัดบอลก่อนถึงกองหน้า

ซิสโซโก้ - ลอยแล้วลงไม่ค่อยทัน จังหวะลงทันก็เล่นได้ค่อนข้างดี เชื่อมเกมตามเนื้อผ้าไม่ถึงกับเด่นแต่ก็ไม่พลาดมากนัก เกมรุกทำได้ไม่ดีนัก

แอกเกอร์ - เกมรับโดยรวมค่อนข้างดี จะมีแย่หน่อยก็เรื่องออกไปซ้อนแบ็คที่เข้าไปค่อนข้างช้า ผ่านบอลขึ้นหน้าใช้ได้

สเคอเทล - จังหวะประกบซาโนโก้ทำได้ค่อนข้างดี ไม่ถึงกับล็อคตายแต่อย่างน้อยก็ทำให้คู่ต่อสู้พลิกบอลไม่ค่อยได้ ทำได้ค่อนข้างดีกับการดักตัดบอลก่อนถึงกองหน้าไม่ว่าจะบอลเรียดหรือโด่ง เสียฟาล์วเยอะไปสักนิด

ฟลานาแกน - เข้าบอลพรวดพราดไปหน่อยในบางจังหวะ ลอยสูงลงไม่ค่อยทันเช่นกัน แต่การเชื่อมเกมทำได้ดีขึ้นและการเล่นเกมรุกพัฒนาขึ้นมากทีเดียว...ขออย่าง เดียวอย่างโยนเลยคุณน้อง เปิดเรียดอ่ะดีแล้ว

เจอราร์ด - มีปัญหากับเกมโต้กลับของอาร์เซนอลเยอะอยู่ จังหวะที่ถึงบอลก็เอาอยู่แต่ส่วนใหญ่วิ่งไม่ค่อยทัน ที่ทำได้ดีมากคือการวิ่งตามตัววิ่งสอดซึ่งช่วยทีมไว้ได้หลายครั้ง วันนี้ออกบอลยาวและเปลี่ยนรับเป็นรุกได้ดีทีเดียว

อัล เลน - ลงมาเล่นเกมรุกได้ค่อนข้างดี (ถ้าเทียบกับช่วงก่อนนู๊นที่ได้ลงบ่อยๆ) มีบอลเกมรุกดีๆ ให้เห็นบ้างและวิ่งพาบอลไปเองได้ดีนิดหน่อย ปัญหาใหญ่คือเรื่องแรงปะทะ โดยเฉพาะกับการไล่บอลหรือเล่นเกมรับที่อ่านเกมดีแล้ว ดักถูกทางแล้ว แต่เบียดไม่อยู่ แซะบอลไม่หลุด คู่ต่อสู้วิ่งเบียดหลุดไปหน้าตาเฉย

คูตินโย่ - เป็นเกมที่มีพื้นที่ให้เล่นไม่มาก(กลางอาร์เซนอลคุมแน่นมาก)แต่ก็ยังทำได้ ค่อนข้างน่าประทับใจ จ่ายบอลทะลุช่องแคบๆ ได้ดีเป็นระยะ ทำเสียบอลน้อยด้วย

สเตอลิ่ง - จังหวะดวลตัวต่อตัวกับคู่ต่อสู้ทำได้ดีกดดันได้พอสมควร ช่วงที่ถอยไปเล่นแบ็ควิ่งสอดขึ้นมารับบอลได้ดีหลายครั้ง ถ้านับเฉพาะวันที่ไม่มีพื้นที่จะเล่นเท่าไหร่แบบนี้สเตอลิ่งทำได้ดีกว่าแต่ก่อน แต่ถ้าดูเฉพาะสิ่งที่เขาทำได้ในเกมนี้ก็คงมีไม่มากนัก

สเตอริดจ์ - 1 ชั่วโมงแรกของเกมวิ่งหาช่องได้ดีทั้งๆ ที่อาร์เซนอลคุมพื้นที่แน่นมาก มีโอกาสดีถึง 3 ครั้งแต่จบสกอร์ไม่เด็ดขาดพอจะเป็นประตู (ครั้งที่สามไม่ทันได้ยิงอีกต่างหาก)

ซัวเรส - โดนประกบติดซ้อน 2 ตลอด เก็บบอลได้ดีและทำเกมได้บ้าง เรียกฟาล์วได้เป็นระยะ เรียกจุดโทษได้..แต่โอกาสที่ได้ยิงเองทำไม่สำเร็จ

ตัวสำรอง 

เฮ นเดอร์สัน - ไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่อย่างน้อยยังออกบอลเกมรุกได้ดีอยู่ 2-3 ครั้งและเชื่อมเกมพอใช้ได้ ที่ดรอปลงไปหน่อยก็เรื่องไล่แย่งบอลที่โดนพลิกหลบได้ง่ายไปสักนิด

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ :
...อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์เลน...ปกติทีมแพ้ผมจะข้าม MOM ไป และจะไม่เลือกผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม แต่กับไอ้เด็กบ้านี่ขอหน่อยเถอะ มันเล่นพอๆ หรือดีกว่าวัลคอตอีก วันนี้ถือเป็นอาวุธหลักในเกมโต้กลับของอาร์เซนอลเลย ยิง 1 จ่าย 1 อีกต่างหาก
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ฟูแล่ม 2-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...นัดที่ควรชนะ ไม่เคยชนะกันได้ง่ายๆ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

------ซัวเรส----------สเตอริดจ์---------สเตอลิ่ง-------
---------------เฮนเดอร์สัน----------คูตินโย่------------
------------------------เจอราร์ด------------------------
ซิสโซโก้--------ตูเร่----------สเคอเทล----ฟลานาแกน
------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมบ๊วยของตารางอย่างฟูแล่มที่พึ่งฮึดเสมอแมนฯยูถึงโอ ลแทรฟฟอร์ดมาได้ในนัดก่อน วันนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมขนานใหญ่ด้วยการ...สลับเอาซัวเรสไปอยู่ทางซ้าย สเตอลิ่งอยู่ทางขวา ในม้านั่งสำรองก็มีดาวรุ่งติดมาด้วยมากมายมหาศาลถึง...1 คน คือเตยเซยร่า(ขอถอดเสียงตาม FB ทางการแล้วกัน) ส่วนทางฟูแล่มนัดนี้หันกลับมาใช้หน้าเป้าตัวเก๋าอย่างดาเรน เบนท์หลังจากนัดก่อนใช้เด็กลงหน้าเป้าแล้วไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทางฟูแล่มรับแน่นในแดนตัวเอง เริ่มไล่เร็วเมื่อบอลถึงครึ่งสนาม สลับกับบีบสูงบ้างเป็นระยะ เกมรุกใช้บอลโด่งโยนให้เบนท์พักบอลเล่น สลับกับวางไปทางริมเส้นฝั่งฟลานาแกน ได้ลุ้นตั้งแต่ต้นเกม ส่วนลิเวอร์พูลรุกเร็วตามถนัดไม่ได้เพราะด้านหน้าไม่มีช่อง ตั้งเกมได้ค่อนข้างช้า ดันแผงหลังขึ้นมาช่วยต่อเกมแดนกลางค่อนข้างสูง โดยเฉพาะฟลานาแกนที่ลอยละลิ่วขึ้นไปสูงถึงเกือบกลางแดนฟูแล่ม ยังหาช่องเจาะไม่ได้เท่าไหร่

_______ แค่นาที 8 ฟูแล่มก็ได้ประตูนำก่อน จากจังหวะที่วางบอลยาวออกริมเส้น ฟลานาแกนลงไม่ทัน สเคอเทลพยายามเข้าไปซ้อนบังทางแต่ริชาร์ดสันยังเปิดเรียดเข้ากลางแถวกลาง ประตูได้ บอลมาไม่แรงนักและย้อนหลังเบนท์ไปแล้ว แต่ตูเร่กะจังหวะบอลพลาด หรือเด้งพื้นสนามที่ไม่เรียบ หรือดีไซน์ท่าสกัดไม่ถูกก็ไม่ทราบได้ แต่เอาเป็นว่าเตะผิดเหลี่ยมบอลลอยข้ามตัวเองไปเข้าเสาสอง 1-0

_______ หลังจากสกอร์ขยับ ลิเวอร์พูลที่เกมไม่ได้ดีอยู่แล้วยิ่งดูแย่ลงไปอีก ครองบอลไม่ได้ต่อเนื่อง รุกเร็วไม่ถนัด ทำเกมรุกไม่ได้มากนัก เน้นขึ้นทางขวาพึ่งการเล่นของคูตินโย่, สเตอริ่ง, ฟลานาแกน เป็นส่วนใหญ่แต่ยังหาโอกาสจบสกอร์ได้ลำบาก สลับกับทางฟูแล่มที่วันนี้ออกบอลแม่นและทำเกมโต้ด้วยบอลยาวได้ดี แถมเล่นบอลจังหวะสองได้ดีกว่าด้วย ทำให้รูปเกมดูดีกว่าพอสมควร

_______ ข้อดีของลิเวอร์พูลเพียงอย่างเดียวที่เห็นในครึ่งแรกคือความพยายามที่จะไม่ โยนบอลโด่งเข้ากลาง อดทนรอจังหวะแทงบอลทะลุช่องเพื่อเข้าทำ แม้โอกาสจะน้อยแต่ยังดูประเทืองปัญญากว่าการโยนเข้าไปใส่เซนเตอร์ที่สูงที่ สุดในลีค ส่วนฟูแล่มเองพาบอลไปถึงหน้าเขตโทษได้ดีกว่าแต่ในจังหวะเข้าทำก็เปิดบอลได้ไม่ค่อยดีนัก มีโอกาสลุ้นบ้างแต่ไม่มากเช่นกัน

_______ ในที่สุดความอดทนของลิเวอร์พูลก็สำเร็จ นาที 41 จังหวะที่ฟูแล่มจะโต้แต่จ่ายบอลขวางสนามพลาด เจอราร์ดเก็บบอลได้ก่อนเปิดเร็วทันที บอลโด่งข้ามแนวรับให้สเตอริดจ์สปีดไปเอาบอลได้เข้าไปหลุดเดี่ยวกับผู้รักษา ประตู ยิงชนเสาเด้งเข้าไปได้ไม่พลาด 1-1 และจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลปรับเกมด้วยการใช้เจอราร์ดขึ้นมาเติมเกมรุกมากขึ้นแล้วให้เฮ นเดอร์สันสลับลงไปยืนต่ำแทนในบางจังหวะ ตัวรุก 3S ลงมาต่ำกว่าเดิมเล็กน้อยค่อยรับบอลเชื่อมจากแดนกลาง ไม่เหมือนครึ่งแรกที่หนักไปทางฝังตัวอยู่กับแนวรับเพื่อวิ่งหาช่องเป็นหลัก แดนกลางและหน้าบีบเข้าหาบอลเร็วขึ้นกว่าครึ่งแรกเล็กน้อย ไล่บอลจังหวะที่ทำเสียไปแล้วซึ่งกดดันให้ฟูแล่มออกบอลโต้ได้ลำบากขึ้นบ้าง ทำให้ฟูแล่มต้องคอยๆ ถอยไปรับต่ำมากขึ้นและโต้ได้น้อยลง

_______ ลิเวอร์พูลครองบอลได้ต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ ในเกมรับแม้จะหยุดบอลยาวโต้กลับได้ไม่สนิทนักแต่ทำได้ดีกว่าครึ่งแรกเยอะ ส่วนเกมรุกพอตัวรุกทั้ง 3 คนในแดนหน้าถอยออกห่างจากแนวรับก็เริ่มมีช่องให้ชิ่งและจ่ายทะลุช่องมากขึ้น หาจังหวะจบสกอร์ได้ดีกว่าในครึ่งแรก อะไรๆ ดูจะเข้าทางเป็นใจไปหมดแล้วแต่แนวรับก็ดันมาพลาดอีกจนได้ นาที 63 จากลูกเปิดเข้ากลางจากริมเส้นฝั่งซิสโซโก้ สเคอเทลถึงบอลก่อนแต่สกัดไม่ดีกลายเป็นตั้งให้ริชาร์ดสันได้ชาร์จจ่อๆ ไม่พลาด 2-1

_______ หลังเสียประตู เกมของลิเวอร์พูลที่ดูดีขึ้นสะดุดไปเล็กน้อย ส่วนฟูแล่มถอยลงไปรับต่ำเข้าไปอีก ช่องให้จ่ายบอลในพื้นที่สุดท้ายแทบไม่มีเหลือ แต่ลิเวอร์พูลยังไงก็ไม่ยอมโยน พยายามทำชิ่งและเล่นบอลทะลุช่องต่อไป นาที 71 มิวเลนสตีนตัดสินใจพลาดมากที่สุดของวันด้วยการถอดริชาร์ดสันออกแล้วส่งคาซา นิคลิชลงมาแทน(ไว้อธิบายทีหลัง) นาทีถัดมาลิเวอร์พูลตีเสมอได้สำเร็จ คูตินโย่รับบอลแถวมุมเขตโทษด้านขวาก่อนพาบอลเข้ากลางแล้วยิงไกลจากหน้าเขต โทษ บอลแฉลบกองหลังนิดๆ เข้าประตูไปได้ 2-2

_______ หลัีงตีเสมอได้สำเร็จ กลายเป็นทางฝั่งฟูแล่มที่โต้ได้ลำบากหนักกว่าเดิมเพราะขาดตัวที่วิ่งเข้าไป เล่นกับเบนท์, วิ่งหาที่ว่างรับบอลได้ดีแบบริชาร์ดสัน แม้เบนท์จะยังเก็บบอลได้บ้างแต่คนช่วยไม่มีแล้วก็ทำอะไรต่อลำบาก ขณะที่ลิเวอร์พูลยังเน้นการเล่นบอลบนพื้นทำชิ่งหาช่องจ่ายทะลุกันต่อไป ซึ่งพอหาได้บ้างแต่ยังจบไม่ลง

_______ นาที 82 เตยเซยร่าได้ลงแทนสเตอลิ่งที่ทำอะไรไม่ค่อยได้นัดนี้ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเองก็ยังพยายามช่องตามช่องอยู่ แนวรับลอยขึ้นมาเกินครึ่งสนามแล้ว กองกลางก็ขึ้นมาช่วยต่อบอลกันหมดแล้ว แบ็คสองข้างวิ่งสอดทุกจังหวะที่บอลไปทางริมเส้น จนแล้วจนรอดทำอะไรไม่ได้ ส่วนฟูแล่มเองยังคงได้ลุ้นนิดหน่อยจากบอลยาวและลูกตั้งเตะเป็นระยะแต่ไม่ได้ กดดันอะไรมากนัก เกมทำท่าจะจบที่ผลเสมอ แต่นาทีสุดท้ายก่อนทดเจ็บ สเตอริดจ์วิ่งทำทางขึ้นไปรับบอลทะลุช่องได้แถวริมเขตโทษด้านซ้าย รีเทอร์สกัดผิดจังหวะไปเสียบเอาสเตอริดจ์เข้า ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษทันที เจอราร์ดรับหน้าที่ยิงไม่พลาด ลิเวอร์พูลแซงนำได้อย่างดราม่า 3-2 ซึ่งหลังจากนั้นร็อดเจอร์ส่งแอกเกอร์ลงแทนคูตินโย่ทันที เอามาทำอะไรคงไม่ต้องอธิบาย

_______ เวลาในช่วงทดเจ็บราว 4 นาที ฟูแล่มบอมบ์เข้าใส่เขตโทษอย่างบ้าคลั่งแต่แนวรับก็สกัดไว้ได้หมด ลิเวอร์พูลเองมีโอกาสโต้กลับดีๆ 4-5 ครั้งแต่เกือบทั้งหมดพลาดอีตอนจังหวะจ่ายขึ้นหน้า ไม่ได้ประตูเพิ่มแต่ก็ปิดเกมได้สำเร็จ เฉือนชนะเก็บสามแต้มเต็มไปได้ที่สกอร์ 3-2
-----------------------------------------

_______ ถ้ากองหลังไม่พลาด เกมนี้จะง่ายกว่านี้อีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

_______ ลิเวอร์พูลวันนี้เตรียมตัวมาค่อนข้างดี ในช่วงเริ่มเกม ลิเวอร์พูลทำได้ดีแล้วกับการเลือกที่จะเข้าทำด้วยบอลสั้นทั้งชิ่งและทะลุ ช่องซึ่งแม้จะมีพื้นที่ไม่มากนักแต่ก็ยังพอหาโอกาสได้ รวมไปถึงการดันแบ็คขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมค่อนข้างสูงเพราะถ้าแดนกลางตัวน้อยจะ เอาชนะการวิ่งไล่ในแดนกลางได้ลำบาก แต่ฟูแล่มกลับทำได้ดีกว่า โอเคการไล่บอลแดนกลางเร็วและเน้นปิดพื้นที่ในแดนตัวเองแน่นเป็นสิ่งที่ต้อง ทำอยู่แล้ว(ซึ่งดันทำได้ดีมากด้วย) แต่การเน้นโต้ด้วยบอลยาวไปที่เบนท์ สลับกับการวางบอลย้อนไปทางริมเส้นฝั่งฟลานาแกนที่ลอยสูงได้ผลดีเอามากๆ นอกจากจะทำเอาลิเวอร์พูลครองบอลลำบาก, พะวงกับเกมรับแล้วยังสามารถทำประตูแรกขึ้นนำก่อนได้ด้วย

_______ อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกตอนต้น ลิเวอร์พูลเลือกวิธีการเข้าทำได้ดี และเป็นสาเหตุหลักเลยที่ทำให้ทีมอุตส่าห์แซงชนะกลับมาได้ ถ้าเลือกสาดยาวมั่วซั่วคงบรรลัยกันไปตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว แต่นี่ไม่ว่าจะเป็นจังหวะที่ตามหลังหรือยังเสมออยู่, เวลาเหลือน้อยลิเวอร์พูลยังไงๆ ก็เลือกที่จะไม่โยน อดทนกับการเล่นบอลสั้นทะลุช่องในพื้นที่แคบๆ กันต่อไป ค่อยๆ ตีเสมอและแซงนำจนได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างแท้จริงสำหรับนัดนี้ครับ

_______ จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมอยู่ที่นาที 71-72 ครับ มิวเลนสตีนไม่รู้คิดยังไงกับการถอดริชาร์ดสันออก ทั้งๆ ที่วันนี้เขาเป็นผู้เล่นฟูแล่มที่เล่นได้ดีมาก ทั้งแอสซิสลูกแรกและยิงลูกที่สอง ทั้งยังเป็นตัวหลักในเกมโต้กลับ ซึ่งหลังจากนั้นเกมโต้ของฟูแล่มแม้ยังโต้ได้อยู่แต่ก็ลดความอันตรายไปเยอะ เลย ในขณะเดียวกัน นาทีถัดมาการตีเสมอของคูตินโย่ก็สำคัญกับเกมไม่แพ้กัน เพราะถ้าเขายิงไม่ได้ แล้วเวลาไหลไปถึง 10 นาทีท้าย ความกดดันน่าจะหนักกว่านี้ไม่ต้องพูดถึงแซงชนะ เอาแค่เสมอยังยาก แต่พอสองจังหวะนี้เกิดขึ้น (เปลี่ยนริชาร์ดสันออก - คูตินโย่ยิงได้) เลยส่งผลไปกลับทำให้ลิเวอร์พูลทั้งเล่นง่ายขึ้นและฟูแล่มเล่นยากขึ้นนั่นเอง

_______ นัดนี้ร็อดเจอร์ทำได้ดีกับการวางแท็คติคและปรับเกมครับ การเข้าทำก็อย่างที่พูดถึงไปแล้ว และช่วงพักครึ่งการตัดสินใจดันเจอราร์ดมาเล่นเกมรุกมากขึ้น ถอยตัวรุกลงมาต่ำกว่าเดิมหน่อยช่วยให้เกมรุกดูดีขึ้นกว่าครึ่งแรกพอสมควร รวมไปถึงการส่งเตยเซยร่าลงมาแทนสเตอลิ่งก็ช่วยได้บ้างเพราะสเตอลิ่งที่ไม่มี พื้นที่เล่นนี่ไม่ได้ต่างอะไรกับการเอายูเซน โบลไปเล่นหมากรุกเลย หาประโยชน์แทบไม่ได้ เตยเซยร่าใช่ว่าจะลงมาแล้วพลิกเกมหรือทำอะไรมหัศจรรย์ได้ แต่อย่างน้อยสุดเขาเชื่อมเกมและผ่านบอลสั้นได้ดีกว่าที่สเตอลิ่งทำอยู่ก่อน หน้านั้นเยอะ ส่วนเรื่องการส่งแอกเกอร์มาแทนคูตินโย่ท้ายเกม จะชมก็คงไม่เต็มปากเพราะถ้าไม่ทำสิแปลก โควต้ายังเหลือ, เวลาจะหมด, นำแล้ว ไม่ว่าใครก็คงต้องเปลี่ยนกองหลังมาช่วยทั้งนั้น

_______ อ้อ...ไม่ใช่ว่าร็อดเจอร์คนเดียวจะทำให้ทีมชนะได้ ต้องชมผู้เล่นด้วยว่าอดทนได้ดีมาก ไม่สติขาดไปซะก่อน โดยเฉพาะพวกของขึ้นง่ายอย่างซัวเรส, พวกเห็นเพื่อนทำไม่ได้แล้วชอบฝืนจะทำเองอย่างสเตอริดจ์, เจอราร์ด ยังไงก็ต้องให้เครดิตคนเล่นด้วยเช่นกันครับ

_______ ถ้าจะมีอะไรให้หนักใจอยู่บ้างก็หนีไม่พ้นกองหลังนี่ล่ะครับ เล่นไปเล่นมาฟอร์มยิ่งค่อยๆ ดรอปลง โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ นัดนี้ถ้าเซนเตอร์ไม่สกัดพลาดแบบไม่น่าพลาดกันคนละครั้ง เกมนี้่จะง่ายขึ้นอีกเยอะเลยครับ ลูกแรกดูยังไงๆ ตูเร่ก็ไม่ควรพลาดได้ขนาดนั้น ส่วนลูกที่สองสเคอเทลเองน่าจะจับจังหวะบอลได้ดีกว่านั้นอีกมากๆ เพราะเจ้าตัวไม่ได้มีใครวิ่งเบียดอยู่ ส่วนฟลานาแกนเองแม้จะถูกสั่งให้ขึ้นสูงก็เถอะ (มั่นใจมากว่าถูกสั่งมาครับ ปกติคุณน้องเธอไม่ได้ลอยสูงขนาดนี้) แต่ควรอ่านเกมให้ดีกว่านี้สักหน่อยและขยันวิ่งลงให้มากกว่านี้(โดยเฉพาะ ครึ่งแรก ครึ่งหลังดีขึ้นหน่อย) ยังดีตอนนี้แอกเกอร์กลับมาได้แล้ว และแบ็คตัวจริงทั้งสองฝั่งก็ร่ำๆ จะกลับมาเช่นกัน น่าจะทำให้แนวรับมีทางเลือกมากขึ้น และคนที่เล่นอยู่เ่ร่งฟอร์มได้ดีขึ้นด้วย

_______ ยังกังวลอยู่นิดๆ กับการต้องใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมติดๆ กันแบบนี้ แต่เมื่อไม่มีทางเลือกก็ไม่รู้จะบ่นไปทำไม หวังว่าจะไม่กรอบเป็นข้าวเกรียบพึ่งขึ้นจากกระทะกันไปซะก่อน ถ้านัดไหนจะหมดแรงวิ่ง ฟอร์มช็อตไปดื้อๆ ก็จะเข้าใจล่ะ ทำใจล่วงหน้าแล้ว

_______ ...ตอนนี้มีความสุขกับชัยชนะกันไปก่อนแล้วกัน...
-------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้

มินโยเล่ - สองลูกที่โดนไม่ต้องสืบครับ ช่วยอะไรไม่ได้แน่ แต่ลูกที่พอเซฟได้ก็เซฟได้อยู่ รักษาตำแหน่งและสมาธิดี โดยเฉพาะลูกลักไก่ยิงไกลแบบเข้ากรอบของซิลเวลด์ที่มินโยเล่ยังถอยไปทัน แต่จังหวะที่เคืองมากๆ อยู่ที่ท้ายครึ่งแรก บอลลอยโด่งแบบไร้น้ำหนักเข้ามาลึกถึงเขต 6 หลา ไม่มีกองหน้ากดดัน พี่แกดันไม่กระโดดคว้า ปล่อยบอลตกพื้นมันซะงั้น

ซิสโซโก้ - เกมรับทำ ได้ตามเนื้อผ้า โชคดีที่ฟูแล่มไม่ค่อยขึ้นทางนั้นด้วย เชื่อมแดนกลางพอใช้ได้ แต่พอขึ้นไปสูงถึงพื้นที่สุดทำอะไรไม่ได้ ช่วยทะลุทะลวงอะไรไม่ได้เลย

ตูเร่ - พลาดอีกแล้ว หลังจากนั้นก็เล่นแบบเสียความมั่นใจไปเลย บอลที่เคยกล้าเก็บวันนี้เตะทิ้งตลอด มีปัญหาไม่น้อยกับการรับมือเบนท์ แต่ยังดีว่าการเข้าสกัดยังไม่ได้หลอนตามไปด้วย และท้ายเกมที่โดนบอมบ์ก็ช่วยสกัดได้ดี

สเคอ เทล - ครึ่งแรกจัดการเบนท์แทบไม่ได้ คู่ต่อสู้พักบอล, โหม่งชงได้ตลอด ครึ่งหลังดีขึ้นพอสมควรแต่ก็ดันมาพลาดทำเสียประตูเข้าไปอีก ฟอร์มโดยรวมเอาจริงๆ ก็ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร

ฟลานาแกน - ผีจอห์นสันเข้าสิง วันนี้เชื่อมเกมค่อนข้างดี พลาดบ้างแต่ไม่มากนัก วิ่งสอดขึ้นหน้าได้ดีหลายครั้ง แต่เกมรับมีปัญหา แน่นอนส่วนนึงเป็นเพราะต้องเติมสูงทำให้ลงไม่ค่อยทัน แต่จังหวะที่ควรจะลงทันก็ดันไม่ลง เข้าพรวดโดนแตะหลบไปก็หลายครั้งอีกต่างหาก

เจอราร์ด - ช่วงครึ่งแรกเก็บบอลจังหวะสองได้ไม่ค่อยดีนัก แต่มาโชว์ทีเด็ดกับการเล่นฉาบฉวยให้ทีมตีเสมอได้ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ครึ่งหลังต้องขึ้นไปเล่นสูงมากขึ้นทำได้ดีขึ้น รองบอลที่ไปต่อไม่ได้แล้วกระจายบอลได้ดี สุดท้ายยิงจุดโทษได้เด็ดขาดช่วยทีมชนะอีกต่างหาก

เฮ นเดอร์สัน - มีปัญหากับการโดนวิ่งไล่มาก พลิกบอลได้ช้าและทำได้แค่เชื่อมเกมเท่านั้น เกมรับก็ช่วยได้ไม่มากเท่าไหร่เพราะฟูแล่มเล่นโยนเอาอย่างเดียว เฮนเดอร์สันจะเหาะจากแดนฟูแล่มมาเก็บบอลจังหวะสองหน้าเขตโทษตัวเองคงไม่ไหว แถมการวิ่งไล่บอลพอเจอพวกคล่องๆ แล้วเอาไม่อยู่ ครึ่งหลังพอปรับมาคอยสลับกับเจอราร์ด มีหน้าที่แค่เชื่อมเกมเป็นหลักและทำได้ตามหน้าที่ ที่สำคัญคือเขาออกบอลพลาดค่อนข้างน้อย

คูตินโย่ - เจอเกมลำบากสุดๆ โดนวิ่งไล่เร็วตลอดเวลาและทำอะไรไม่ได้มาก เพียรจะจ่ายบอลทะลุช่องอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นเกม แต่ไม่ดีพอจะเอาชนะการคุมพื้นที่ที่แน่นสุดๆ ของฟูแล่ม อาจจะเอาชนะได้น้อยก็จริงแต่ยังดีที่ยังกดดันได้ (เกือบถึงๆ อยู่หลายครั้ง) แต่อย่างน้อยนัดนี้ก็ยิงตีัเสมอ 2-2 ให้กับทีมได้ในเวลาที่เหมาะเจาะจริงๆ

สเตอลิ่ง - ไม่มีพื้นที่เล่น ดับสนิท ยังรักษาการครองบอลได้ค่อนข้างดี แต่ประสิทธิภาพในการทำเกมแทบไม่มีเลย

สเตอริดจ์ - มีส่วนร่วมกับการเชื่อมเกมเยอะกว่าหลายนัดที่เล่นมา ทำได้ค่อนข้างดีแม้ว่าจะช่วยทำเกมรุกอะไรไม่ได้มากนัก แต่อาวุธหลักอย่างการวิ่งทำทางและการจบสกอร์ยังทำได้ดีไม่ผิดพลาด ทั้งลูกที่ยิงได้ ทั้งการเรียกจุดโทษได้ในนาทีสุดท้าย มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในชัยชนะวันนี้

ซัวเรส - เป็นตัวหลักในการเชื่อมเกมและเก็บบอล คอยวิ่งหาพื้นที่ว่างรับบอลอยู่ตลอดไม่ว่าจะตอนอยู่ซ้ายหรือขวา ช่วยให้ทีมพาบอลไปถึงข้างหน้าได้ดีกว่าทุกคน เสียดายจังหวะสุดท้ายไม่ค่อยมีพื้นที่ให้เล่นไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย โดนเร่งและประกบติดในพื้นที่สุดท้ายอยู่ตลอด อุตส่าห์หาช่องยิงได้บ้างก็เฉี่ยวเสากับชนเสา

ตัวสำรอง 

เตย เซยร่า - เล่นได้ตามเนื้อผ้า ออกบอลสวยๆ ที่เป็นมากกว่าบอลเชื่อมเกมได้บ้าง ไม่ถึงกับหวือหวามากนักแต่ก็สร้างประโยชน์ได้มากกว่าสเตอลิ่งในช่วงก่อนหน้า ช่วงทดเจ็บที่ทีมนำแล้วจ่ายบอลโต้พลาดบ่อยไปหน่อย

แอกเกอร์ - ลงมาได้โหม่งอยู่ 3-4 ที ... เยอะอยู่นะสำหรับเวลาแค่ 3-4 นาที

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...แบรนดอน ร็อดเจอร์... เอาจริงๆ คงหนีไม่พ้นเจอราร์ดกับไหวพริบในลูกแรก และจุดโทษสุดกดดัน, สเตอริดจ์กับความคมและการวิ่งทำทางที่ทำให้ได้ลูกแรกและลูกสุดท้าย แต่ที่ขอเลือกร็อดเจอร์เพราะการเลือกการเข้าทำที่ตะบี้ตะบันเจาะทะลุช่องและ บอลบนพื้น อดทนจนได้มาทีละลูกๆ ...เรื่องของเรื่องคือซึ้งที่มีผู้จัดการทีมมีกึ๋นพอที่จะไม่บ้าโยนเข้าไป 81 ครั้งให้กองหลังที่สูงพอๆ กับปีเตอร์ เคร้าช์โหม่งทิ้ง ไม่ว่าเวลาหรือสถานการณ์จะบีบแค่ไหนก็ตาม
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 5-1 อาร์เซนอล (พรีเมียร์ลีค)


...ไม่ต้องกูนเนอร์หรอก ลิเวอร์พัลเลี่ยนก็ช็อค...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

------สเตอริ่ง----------สเตอริดจ์---------ซัวเรส-------
---------------เฮนเดอร์สัน----------คูตินโย่------------
------------------------เจอราร์ด------------------------
ซิสโซโก้--------ตูเร่----------สเคอเทล----ฟลานาแกน
------------------------มินโยเล่------------------------

_______ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมืออาร์เซนอล 11 ตัวจริงไม่ต้องถามถึงกันแล้ว ส่วนอาร์เซนอลมีผู้เล่นบาดเจ็บบ้างแต่ 11 ตัวจริงก็ดูไม่ขี้เหร่อะไร ชิรูด์ โอซิล วิลเชียร์ อาเตต้า มาครบ เชมเบอร์เลนที่พึ่งได้กลับมาเป็นตัวจริงไม่นานก็อยู่ในช่วงฟอร์มดี
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาก็ได้ประตูเลยครับ วินาที 53 ซัวเรสได้บอลทางฝั่งซ้ายแล้วเรียกฟาล์วได้ เจอราร์ดเปิดบอลลึกเข้าไปในเขตหกหลา สเคอเทลชาร์จถึงบอล 1-0 หลังจากนั้นก็ยังเป็นลิเวอร์พูลที่วิ่งไล่บอลกลางสนามได้เร็วมาก ตัดบอลได้เร็วและหยุดเกมของอาร์เซนอลได้หมด เมื่อตัดบอลได้ก็เร่งเข้าทำเร็วและหาโอกาสได้ต่อเนื่อง แค่นาที 10 ก็ทำได้อีกครั้ง จากลูกเตะมุม เจอราร์ดเปิดเข้ามาให้สเคอเทลวิ่งโฉบโหม่ง บอลย้อยเข้าเสาสองข้ามหัวตัวคุมเสาเข้าไปได้ 2-0

_______ อาร์เซนอลยังคงตั้งตัวไม่ได้ อย่าว่าแต่จะทำเกมรุกแค่ครองบอลยังทำไม่ได้ ชิรูด์แทบไม่ได้บอล แดนกลางโดนไล่แซะบอลอยู่ตลอด แนวรับก็เล่นเหมือนลืมพกสติมาจากบ้าน ลิเวอร์พูลตัดบอลได้เร่งทำเร็วด้วยบอลทะลุช่องได้ตลอด นาที 17 ก็มานำห่างเข้าไปอีก เฮนเดอร์สันแซะบอลจากโอซิลมาได้ ก่อนที่จะเป็นซัวเรสที่พาบอลลากเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาแล้ว จ่ายข้ามไปเสาสองให้สเตอริ่งชาร์จง่ายๆ 3-0 เท่านั้นยังไม่พอ นาที 20 หนังม้วนเดิม ลิเวอร์พูลตัดบอลได้กลางสนามแล้วเป็นคูตินโย่จ่ายทะลุให้สเตอริดจ์ได้หลุด เข้าไปยิง 4-0 เรียกว่า 20 นาทีแรกนี่อาร์เซนอลแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากโดนอัดอยู่ฝ่ายเดียว

_______ หลังจากสกอร์ 4-0 ไปแล้วเกมถึงเริ่มช้าลง อาร์เซนอลครองบอลได้มากขึ้นแต่พาบอลมาไม่ค่อยถึงหน้าเขตโทษ หาโอกาสยิงไม่ได้เลย ทั้งยังไล่บอลน้อยและช้า เล่นเหมือนรอกลับเข้าไปห้องแต่งตัวอย่างเดียว ส่วนทางลิเวอร์พูลเองก็หันมาเคาะบอลกันมากขึ้น มีช่องก็ค่อยลองจ่ายบอลเข้าทำบ้าง ครองบอลน้อยกว่าเล็กน้อยแต่คุมเกมได้หมดแล้ว ก่อนจะจบครึ่งแรกที่สกอร์ 4-0

_______เข้าครึ่งหลัง อาร์เซนอลลงมาแบบกระตือรือร้นมากกว่าท้ายครึ่งแรก ไล่บอลมากขึ้นและเร็วขึ้นตั้งแต่แดนหน้า จังหวะตั้งเกมบุกก็เน้นการพาบอลเลี้ยงจี้มากกว่าในครึ่งแรก และเน้นขึ้นเกมบุกทางฝั่งซิสโซโก้ค่อนข้างมาก เกมดีขึ้นพอสมควรและเริ่มหาโอกาสยิงได้บ้าง แม้จะไม่กดดันมินโยเล่มากนักแต่ก็พอได้ยิงบ้าง ไม่เหมือนครึ่งแรกที่ได้ลุ้นอยู่แค่ 1 หรือ 2 ครั้ง

_______ ลิเวอร์พูลยังเล่นในจังหวะเดิมคล้ายท้ายครึ่งแรก แต่เกมโต้กลับและการวางบอลยาววันนี้ทำได้ดี อาร์เซนอลยังไม่ทันจะกดดันได้เท่าไหร่ก็มาโดนบอลยาวเล่นงาน นาที 52 ตูเร่เลี้ยงบอลหนีตัวไล่ไปจนถึงกลางสนามแถวสุดเส้นข้างก่อนจะตักบอลข้ามแนว รับให้สเตอริ่งหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงในเขตโทษ จังหวะแรกติดเซฟเชสนี่แต่บอลเด้งกลับมาให้ซ้ำได้อีกไม่พลาด 5-0

_______ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลตั้งเกมน้อยลงแล้วหันไปเน้นการวางบอลยาวมากขึ้น แดนกลางและหน้ายังไล่บอลอยู่บ้างแต่น้อยลงกว่าช่วงครึ่งแรกเยอะ แดนกลางถอยลงมายืนคุมพื้นที่หน้าเขตโทษตัวเองกันเป็นแผง ทำให้อาร์เซนอลได้ครองบอลกลางสนามง่ายขึ้น การเลี้ยงบอลจี้ก็ทำให้พวกเขาพาบอลมาถึงหน้าเขตโทษ, ได้จังหวะยิงมากขึ้นแต่ยังเจาะแนวรับลิเวอร์พูลได้ลำบากและกดดันไม่ได้มาก นัก

_______ ยิ่งเล่นลิเวอร์พูลก็ยิ่งเสียบอลกลับให้คู่ต่อสู้เร็วขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากแดนกลางเติมขึ้นไปช่วยกองหน้าได้น้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีจังหวะที่โต้จนบอลไปถึงเขตโทษอาร์เซนอลได้เป็นระยะ ในเกมรับเริ่มไม่มีแรงวิ่งตามนักเตะอาร์เซนอลจังหวะที่เร่งฝีเท้าไปแล้ว อาศัยการคุมพื้นที่หน้าเขตโทษอย่างแน่นหนาเป็นหลักในการหยุดการโจมตีของอาร์ เซอลซึ่งยังทำได้ค่อนข้างดี นาที 66 อัลเลนได้ลงแทนสเตอริดจ์ เฮนเดอร์สันต้องรับผิดชอบพื้นที่ทางฝั่งขวามากขึ้น

_______ นาที 68 อาร์เซนอลที่โดนไป 5 ลูกแล้วแต่ยังพยายามอยู่ก็ได้รางวัลปลอบใจ เชมเบอร์เลนพาบอลหลุดเข้าไปแถวริมเส้นเขตโทษ เจอราร์ดพุ่งเข้ามาสกัดแต่ช้าไปหนึ่งจังหวะทำให้ไม่โดนบอล อาร์เซนอลได้จุดโทษ อาร์เตต้ารับหน้าที่ยิงไม่พลาด 5-1

_______ หลัีงจากนั้นอาร์เซนอลยังได้ครองบอลต่อเนื่องแต่เจาะแนวรับไม่สำเร็จ เกมริมเส้นยังหาโอกาสเปิดบอลได้ลำบาก เกมรุกหน้าเขตโทษก็หาพื้นที่ว่างไม่ได้เพราะกลางลิเวอร์พูลยืนปิดพื้่นที่ ได้หมด ยิงไกลก็ติดบล็อค นาที 76 ไอบ์ลงแทนเจอราร์ด ถอยอัลเลนลงมายืนต่ำสุด เวลาที่เหลือรูปเกมไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก อาร์เซนอลยังบุกเป็นส่วนใหญ่แต่ก็หาโอกาสได้ไม่มากนัก ลิเวอร์พูลเองหนักไปทางรับแต่ยังมีลูกโต้ยาวที่ดีอยู่เรื่อยๆ กลายเป็นฝ่ายที่ได้ลุ้นประตูมากกว่าเสียอีก แต่ก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ นาที 85 อัสปาสได้ลงมาแทนซัวเรสอีกคนแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน จบเกมด้วยสกอร์ 5-1
-----------------------------------------

_______ จบตั้งแต่ 20 นาทีแรกแล้วครับ ดูแล้วสงสารเชสนี่ย์เลยทีเดียว

_______ ลิเวอร์พูลวันนี้เล่นคล้ายกับวันทีเ่จอเอฟเวอร์ตัน คือวิ่งไล่เร็วพร้อมๆ กัน ไล่เป็นกลุ่มไม่ได้เข้าทีละคน ซึ่งก็ไม่ได้น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะถ้าถอยลงมารับชะตากรรมก็คงไม่พ้นเป็นแบบ นัดแรกที่เจอกันซึ่งลิเวอร์พูลหาบอลแทบไม่เจอแล้วก็โดนบี้ไปทีละลูก ดังนั้นยังไงลิเวอร์พูลก็ต้องเล่นแบบนี้ แต่มีสาเหตุหลายอย่างที่ำทำให้เกมมันออกมาขาดได้แบบไม่น่าเชื่อ

_______ ประการแรกเลยคือการเปิดแผล 2 ลูกแรกซึ่งได้มาเร็วและทำให้เกมของอาร์เซนอลเสียศูนย์ไปเลย ทั้ง 2 ลูกได้มากจากลูกตั้งเตะ ทั้งฟรีคิกและเตะมุม คนเปิดคนยิงก็เป็นคนเดิมทั้งสองครั้ง ฤดูนี้ลิเวอร์พูลขัดเกลาลูกตั้งเตะมาได้ดีขึ้นกว่าหลายฤดูที่ผ่านมาและได้ ประตูจากลูกตั้งเตะเยอะทีเดียวครับ ตั้งเกือบครึ่งจากทั้งหมดที่ำทำได้ ซึ่งนับเฉพาะราวๆ 10 นาทีแรก ลิเวอร์พูลรุกได้ดีอยู่ก็จริง แต่ถ้าไม่มีลูกตั้งเตะที่มีประสิทธิภาพแบบนั้นกว่าจะได้ลูกแรกคงต้องเหนื่อย อีกสักพัก แต่พอได้แถมได้ถึง 2 ลูก ทำให้เกมมันเปลี่ยนไปหมดตั้งแต่ต้นเกมเลย

_______ ประการต่อมาคือการตัดสินของผู้ตัดสิน ไมเคิล โอลิเวอร์...พูล โอเค ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่าผู้ตัดสินเข้าข้างหรอก  ยิ่งถ้าดูทั้งเกมยิ่งไม่รู้สึกแบบนั้น แต่จังหวะสำคัญๆ ในช่วงต้นเกม มีหลายครั้งที่มันหวุดหวิดจะล้ำหน้า ยืนไลน์เดียวกันเป๊ะ หวุดหวิดจะฟาล์ว แต่หลายจังหวะเหล่านั้นผู้ตัดสินเป่า(และไม่เป่า)แล้วลิเวอร์พูลได้ประโยชน์ หมด ซึ่งหลายจังหวะเหล่านั้น ในบางวันมันต้องมีบางครั้งที่ลิเวอร์พูลน่าจะเสียประโยชน์มากกว่านี้ พอเป็นแบบที่เกิดขึ้นมันเลยยิ่งไปกันใหญ่

_______ ประการที่สาม ผู้เล่นอาร์เซนอล พวกเขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานมากโดยเฉพาะในช่วง 20 นาทีแรก จริงอยู่ว่าลิเวอร์พูลเข้าไล่บอลได้เร็วแล้วเข้ากันไปเป็นฝู...เอ้ย แผง เก่งกว่านี้ก็รอดยาก แต่พวกเขาก็เอาตัวรอดได้แย่กว่าที่เคยไปมาก กองหน้าเก็บบอลไม่ได้ กองกลางอย่าว่าแต่จะพลิกบอล แค่ผ่านบอลเชื่อมเกมยังหนีไม่พ้นการวิ่งไล่ หนักสุดอยู่แนวรับที่ช่วง 20 นาทีแรก คุมพื้นที่ได้เข้าขั้นห่วยแตก เรียกว่าผู้เล่นลิเวอร์พูลไม่ว่าใครจ่ายบอลทะลุเมื่อไหร่เป็นหลุด แนวรับดักบอลแทบไม่ได้เลย สองลูกแรกก่อนจะได้ฟรีคิกก็เป็นเพราะบอลทะลุช่องที่กองหลังคุมไม่ดีนี่ล่ะ ลูก 3-4 นี่ยิ่งชัดว่าเปิดช่องไว้เยอะมาก เละสิครับ

_______ ประการสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด ฟอร์มส่วนตัวของผู้เล่นลิเวอร์พูลเอง โดยเฉพาะ 20 นาทีแรก ทุกคนทำหน้าที่ตัวเองได้ดี นอกจากจะไม่ผิดพลาดแล้วยังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วย เพราะถ้าพวกเขาทำพลาดมากกว่านี้สักหน่อย ต่อให้อาร์เซนอลเล่นหลุดฟอร์มแค่ไหนมันก็ยากที่จะได้ถึง 4 ประตูภายใน 20 นาที

_______ ในช่วงครึ่งหลัง แม้ลิเวอร์พูลจะิเริ่มหมดแรงให้เห็นแล้ว แต่ด้วยสกอร์ที่ขาดกระจายก็ทำให้ไม่มีความกดดันใดๆ ทั้งสิ้น อันที่จริงต้องชมอาร์เซนอลด้วยซ้ำที่โดยไป 4 ลูกแต่กลับลงมาครึ่งหลังยังมีแรงฮึด การปรับเกมรุกเน้นเลี้ยงจี้มากขึ้นได้ผลพอสมควรเลย แต่ก็ด้วยเหตุผลเดิมคือสกอร์ขาดเลยทำให้กดดันไม่ได้ ถ้าถูกนำอยู่แค่ 1 หรือ 2 ลูก อาร์เซนอลน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในช่วงครึ่งหลังครับ

_______ นัดนี้มีความสุขกับการเปลี่ยนตัวครับ เพราะเป็นครั้งแรกเลยมั้งถ้าจำไม่ผิด ที่ร็อดเจอร์ถอดเจอราร์ดไปพัก เท่านั้นยังไม่พอ ยังถอดออกหมดทั้งสเตอริดจ์, ซัวเรส ซึ่งก็ควรจะเป็นแบบนั้นเพราะทีมชุดนี้เล่นกันได้บ้าพลังมากครับ 11 ตัวจริงถ้าไม่เจ็บก็ไม่เปลี่ยนเลย แถมแต่ละนัดๆ ก็ไม่ค่อยจะถอดใครมาพักด้วย แต่อย่างว่าแหล่ะครับ เกมมันขาดกระจายร็อดเจอร์เลยกล้าเปลี่ยน ถ้านำแค่ 2 ลูกหรือแม้กระทั่ง 3 ผมว่าทั้งสามคนอาจจะได้เล่นยันจบเกมนั่นแหล่ะ

_______ นี่เป็นอย่างเดียวที่ห่วงครับ อยากให้ตัวหลักได้พักบ้าง จะตะบี้ตะบันใช้งานกัน 90 นาทีเต็ม อาทิตย์ชนอาทิตย์แบบนี้ไม่ไหวหรอก
-------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดีจริงๆ

มินโยเล่ - ครึ่งแรกไม่รู้ว่าอยู่ในสนามมั้ย ส่วนครึ่งหลังมีลูกยากให้เซฟอยู่ครั้งสองครั้งซึ่งทำได้ดี นอกนั้นก็มีแต่ลูกง่ายๆ ทั้งนั้น เตะเปิดเกมดีกว่าเกมที่แล้วพอสมควร

ซิสโซโก้ - เกมรับทำได้ค่อนข้างดี แย่งบอลกลับมาได้น้อยไปหน่อยแต่เข้าสกัดได้มาก หยุดเกมรุกได้ดี คู่ต่อสู้เปิดบอลเข้ากลางลำบาก เชื่อมเกมนัดนี้ใช้ได้ มีปัญหาหน่อยก็ช่วงครึ่งหลังที่มีจังหวะที่หลุดตำแหน่งคุมพื้นที่หลวมให้เห็นบ้างเหมือนกัน

ตูเร่ - กลับมาเล่นในฟอร์มที่ดีมากอีกครั้ง จัดการบอลที่เปิดเข้ามาในเขตโทษได้ตลอดเกม ผ่านบอลเชื่อมเกมก็ค่อนข้างดี แถมมีทีเด็ดในการวางบอลยาวให้สเตอริ่งได้หลุดเดี่ยวไปยิงลูกที่ 5 ด้วย นับเป็นกองหลังที่เล่นเกมรับได้ดีที่สุดของวันนี้

สเคอเทล - ทำได้ถึงสองประตูในช่วงต้นเกม ประกบกองหน้าได้ดีโดยเฉพาะการชิงจังหวะเล่นลูกโ่ด่ง

ฟลานาแกน - อ่านเกมและตัดสินใจได้ดีขึ้น มีหลายจังหวะที่หุบเข้ากลางมาช่วยหยุดคู่ต่อสู้ได้ เข้าบอลหนักขึ้น ดีตรงที่หยุดคู่ต่อสู้ได้ดีกว่าเดิมแต่บางจังหวะก็โฉ่งฉ่างไปหน่อย วันนี้ไม่ค่อยได้ช่วยเชื่อมเกม แต่จังหวะที่ได้เล่นก็ผ่านบอลได้ดี

เจอราร์ด - ครึ่งแรกไม่มีปัญหาอะไร เพราะบอลอาร์เซนอลตายตั้งแต่วงกลมกลางสนามแล้ว ครึ่งหลังที่โดนเลี้ยงจี้บ่อยขึ้นเริ่มมีปัญหาให้เห็นเล็กน้อยกับการพลิกตัว แล้ววิ่งตามซึ่งวิ่งไม่ค่อยทัน จังหวะเสียจุดโทษเพื่อนพลาดก็ใช่แต่เจ้าตัวก็ช้าไปจังหวะนึงเช่นกัน จังหวะเข้าสกัดส่วนใหญ่ยังใช้ได้ และวันนี้เก็บบอลจังหวะสองในเกมรับได้ดี

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกเด่นมากกับการวิ่งไล่, แย่งบอลกลับมาและออกบอลเร็ว ครึ่งหลังวิ่งน้อยลงแต่ก็ยังนับว่าเป็นแดนกลางที่วิ่งเยอะกว่าชาวบ้านอยู่ดี และยังคงออกบอลได้เร็วและค่อนข้างแม่น เป็นวันที่เจ้าตัวเล่นได้ดีมากอีกนัดหนึ่ง

คูตินโย่ - กลับมาเป็นคูตินโย่คนเดิมแบบเต็มตัวแล้ว เล่นง่ายไม่ฝืน แตะบอลหนีตัวไล่ได้ดี เชื่อมเกมได้ลื่นไหล จ่ายบอลทะลุช่องน้อยลงแต่สวนทางกับคุณภาพที่มีมากขึ้น ช่วงครึ่งหลังได้บอลน้อยลงเพราะทีมเปลี่ยนวิธีเล่นแล้ว ไล่บอลไม่ดีเท่านัดเอฟเวอร์ตันแต่ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว

สเตอริ่ง - กล้าไปเองมากขึ้น เล่นบอลจังหวะแรกได้ดีขึ้นโดยเฉพาะจังหวะการแตะบอลไปข้างหน้าแล้วสปีดตามไป เอาบอล การจบสกอร์ยังดูมีปัญหาอยู่บ้าง และการจ่ายบอลก็ไม่กับดี แต่สิ่งที่สเตอริ่งทำได้ดีมากๆ ในวันนี้คือการตัดสินใจ ในเกมรับก็ช่วยทีมได้พอสมควร ซึ่งดีกว่าช่วงก่อนที่จะกลับมาเป็นตัวจริงที่เจ้าตัวช่วยอะไรเกมรับไม่ได้เลย

สเตอริดจ์ - วิ่งทำทางและจับบอลได้ดี จังหวะจบสกอร์มีไม่มากนักแต่ก็ทำได้ดี วันนี้เคลื่อนที่ในจังหวะไม่มีบอลได้ดีมาก

ซัวเรส - ได้บอลน้อยลงไป (บอลไปที่สเตอริ่งมากขึ้น) ยิงไม่ได้แต่การจบสกอร์ที่จริงไม่ได้แย่เลย มีทั้งยิงชนเสาและยิงเกือบเสียบสามเหลี่ยมแต่โดนเซฟ จ่ายบอลเข้าทำในจังหวะที่ได้ลูก 2 ได้ดีั ที่ทำได้ดีสำหรับวันนี้อยู่ที่การเก็บบอลและการเชื่อมเกม

ตัวสำรอง 

อัลเลน - อ่านเกมได้ค่อนข้างดี แต่ขาดลูกหนักแบบที่เจอราร์ดมี บางจังหวะเบียดได้แล้วแต่เอาไม่ค่อยอยู่

ไอบ์ - ไม่ได้ทำอะไรมากนัก

อัสปาส - ได้โอกาสแต่ไม่ได้บอล

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ :
...ราฮีม สเตอริ่ง... นัดนี้เลือกได้หลายคนเลย แต่ขอเลือกสเตอริ่งเพราะ "การตัดสินใจ" ที่ทำได้น่าประทับใจขึ้นมาก ไอ้ลูกงึกๆ งักๆ ได้บอลแล้วไม่รู้จะทำอะไรโดนเค้าแซะไปดื้อๆ นี่แทบไม่เห็นแล้ว แถมยิงได้ 2 ลูกอีกต่างหาก
------------------------------------------------------------


Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เวสต์บรอมวิชฯ 1-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...ก็เล่นไม่ออกบ้าง อะไรบ้าง...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

------สเตอริดจ์---------ซัวเรส--------สเตอริ่ง---------
---------------เฮนเดอร์สัน----------คูตินโย่------------
------------------------เจอราร์ด------------------------
ซิสโซโก้--------ตูเร่----------สเคอเทล----ฟลานาแกน
------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเวสต์บรอมวิช นัดนี้ร็อดเจอร์ยังคงใช้ผู้เล่น 11 ตัวจริงชุดเดิมจากนัดก่อน(มีใครให้เปลี่ยนเหรอ)
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาเป็นเวสต์บรอมวิชที่วิ่งเข้าใส่ ไล่บอลเต็มสนามตั้งแต่แดนหน้า บีบแดนกลางให้แคบและเข้าบอลทั้งหนักและเร็ว เกมรุกเน้นขึ้นทางริมเส้น ส่วนลิเวอร์พูลตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ ครองบอลได้ไม่นาน บอลไปไม่ถึงข้างหน้า แต่เกมรับยังเล่นได้รัดกุม เวสต์บรอมฯ อย่าว่าแต่จะได้ลุ้นยิงประตู แค่เปิดบอลเข้าทำยังทำไม่ได้

_______ ผ่าน 20 นาทีของเกมไป ลิเวอร์พูลยังทำเกมรุกได้ไม่ปะติดปะต่อ แต่เวสต์บรอมฯ เองก็ทำเกมกดดันอะไรไม่ได้และเสียฟาล์วกลางสนามบ่อย ถึงนาที 24 หนึ่งในไม่กี่จังหวะตั้งแต่เริ่มเกมมาที่ลิเวอร์พูลพาบอลไปถึงข้างหน้าได้ก็ นำมาซึ่งประตูทันที คูตินโย่จ่ายตัดแบ็คให้สเตอริ่งได้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษด้านข้างก่อนจะผ่าน ให้ซัวเรสที่อยู่ใกล้ๆ ซัวเรสตักบอลผ่านแนวรับ 2 ตัวข้ามมาเสาสองให้สเตอริดจ์ชาร์จง่ายๆ แค่ 1 หลาเข้าไปได้สำเร็จ 1-0

_______ หลังจากขึ้นนำได้ รูปเกมของลิเวอร์พูลเริ่มดูดีขึ้นในแง่การเก็บบอลจังหวะสองในเกมรับและการ ครองบอล ปิดเกมรุกของเวสต์บรอมฯ ได้เด็ดขาด แต่เกมรุกของตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้ หันมาใช้การวางบอลยาวข้ามแนวรับบ่อยขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้ผลมากนัก ครึ่งแรกจบที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เวสต์บรอมฯ ลงมาเ่ร่งได้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังแทบไม่ได้ลุ้นเหมือนเดิม ส่วนทางลิเวอร์พูลกลับลงมาแล้วถอยต่ำลงไปมากกว่าครึ่งแรกแบบเห็นได้ชัด เล่นเหมือนคนพึ่งตื่นอยู่ร่วม 10 นาที เก็บบอลเล่นแทบไม่ได้ โต้กลับก็ไม่ดีนัก พาบอลถึงเขตโทษได้น้อยมาก

_______ ผ่าน 10 นาทีของเกมไปวิญญาณถึงเริ่มกลับเข้าร่าง ครองบอลได้มากขึ้นแต่เกมโดยรวมก็ยังเป็นเหมือนช่วงท้ายครึ่งแรก ต่างฝ่ายต่างทำเกมรุกจังหวะสุดท้ายไม่ดี อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลเกือบจะขึ้นนำห่างเป็น 2-0 ประมาณนาที 59 จากจังหวะที่ตูเร่หวดยาวตูมเดียวจากแดนหลัง กองหลังปล่อยบอลตกไปเข้าทางซัวเรส ซึ่งซัวเรสก็เอาบอลลงและหลบกองหลังได้แล้วแต่ยิงไม่ดีพอเลยติดเซฟ ชวดได้ประตูนำห่างอย่างน่าเสียดาย

_______ แนวรุกของลิเวอร์พูลยังคงเล่นไม่ค่อยออก แต่เกมรับยังทำได้ดีโดยเฉพาะเจอราร์ดที่ทำหน้าที่ตัวรับได้สมบูรณ์แบบมาก ตั้งแต่ต้นเกม เวสต์บรอมฯ เองก็ไม่มีปัญญาทำอะไรให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น จังหวะเข้าทำตั้งแต่ต้นเกมเป็นยังไงก็ยังทำได้แค่นั้น แต่แล้ว... นาที 67 ตูเร่ก็ทำพลาดมหันต์ จ่ายบอลหน้าเขตโทษตัวเองพลาด บอลไปเข้าเท้าอานิเชบี้ที่ยืนอยู่เฉยๆ ได้ยิงโล่งๆ จากแถวหน้าเขตโทษเข้าไปได้สำเร็จ 1-1

_______ หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูลเล่นพลาดกันมากขึ้น แนวรับเริ่มเก็บบอลได้น้อยลง ออกแนวสาดทิ้งซะเยอะ ส่วนแดนกลางกับหน้าก็ออกบอลพลาดบ่อย ส่วนทางเวสต์บรอมฯ ก็เหมือนได้ใจ เร่งเกมได้ดีขึ้นในแง่ที่ว่าสามารถพาบอลไปถึงด้านหน้าได้เยอะขึ้น แต่บอลเข้าทำยังด้อยพัฒนาตามเดิม

_______ นาที 74 อัลเลนกับเคลลี่ได้ลงมาแทนคูตินโย่กับฟลานาแกน กองกลางสามคนขยับมายืนระนาบเดียวกัน ลิเวอร์พูลหันมาไล่บอลเร็วในแดนกลางและหน้าได้ดีขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ เป็นช่วงที่เกมมีสีสรรมากที่สุดในนัดนี้ เพราะเกมเปิดแลกกัน แต่โอกาสลุ้นจริงๆ จังๆ ก็แทบไม่มีทั้งคู่

_______ ช่วงสิบนาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลพยายามจะเร่งเกมรุกมากขึ้นแต่ยิ่งเร่งก็ยิ่งพลาด ส่วนเวสต์บรอมฯ การครองบอลดูดีกว่า พาบอลมาถึงข้างหน้าได้ดีกว่า แต่บอลเข้าทำก็ยังไม่ได้กระเตื้อง มีลุ้นบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ ส่วนโอกาสที่ดีที่สุึดของลิเวอร์พูลคือจังหวะที่สเตอริดจ์หลุดเข้าไปในเขต โทษแต่ยิงติดผู้รักษาประตูที่ออกมาปิดมุมเร็ว ทำให้จบเกมเสมอกันไปแบบจืดๆ 1-1
-----------------------------------------

_______ ถึงจะเป็นวันที่เกมรุกดับสนิท แต่ก็น่าเสียดายมากที่ได้แค่ 1 แต้มถ้าดูจากโอกาสและรูปเกมครับ

_______ ลิเวอร์พูลปรับวิธีการเล่นเล็กน้อย วันนี้แนวรุกไม่ได้วิ่งไล่คู่ต่อสู้เหมือนนัดก่อน แต่ปล่อยให้ครองบอลในแดนกลางค่อนข้างมาก อาศัยแผงหลัง 4 คนกับเจอราร์ดคอยสกัดบอลเข้าทำเอา ซึ่งได้ผลตลอดเกม เวสต์บรอมฯ ทำอะไรแทบไม่ได้เลย สร้างโอกาสด้วยตัวเองได้แค่ 2-3 ครั้งเท่านั้น เกมรุกก็ปล่อยให้ตัวรุกเล่นกันไป ซึ่ง(เคย)ได้ผลมาตลอด ทางด้านแท็คติคผม คิดว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเลยสำหรับนัดนี้ สิ่งที่ผิดพลาดคือฟอร์มการเล่นของผู้เล่นแนวรุกและการกระตุ้นลูกทีมของ ร็อดเจอร์ที่ทำได้ไม่ดีพอมากกว่า

_______ ผู้เล่นแนวรุกในวันนี้เล่นกันผิดฟอร์มมากครับ โดยเฉพาะซัวเรส, สเตอริดจ์, คูตินโย่ แน่นอนส่วนหนึ่งก็ต้องชม คู่ต่อสู้ด้วยว่าเข้าถึงตัวได้เร็ว แต่ถึงอย่างนั้นนี่เป็นวันที่แนวรุกนัดกันฟอร์มตกจริงๆ บอลไม่เชื่องเท้า, ผ่านบอลไม่แม่นยำ, จบสกอร์(ที่ไม่ค่อยมีโอกาสมากนัก)ก็ไม่เด็ดขาด ส่วนการกระตุ้นลูกทีมของร็อดเจอร์วันนี้ก็ไม่มีให้เห็น ทั้งในช่วงต้นครึ่งหลังที่เล่นเหมือนคนละเมออยู่ราว 10 นาที ช่วงหลังจากโดนตีเสมอแล้วก็ยังไม่ค่อยจะกระฉับกระเฉงกันเท่าไหร่ เร่งไม่ขึ้น และทำให้รูปเกมเป็นอย่างที่เห็นกัน

_______ อย่างไรก็ตาม แม้รูปเกมจะไม่ได้เหนือกว่ามากนักแต่ก็สามารถควบคุมเกมไว้ได้ น่าจะเก็บสามแต้มได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ตัดสินเกมทำให้ทีมพลาดสามแต้มเต็มอย่างน่าเสียดายหนีไม่พ้นความ ผิดพลาดส่วนบุคคลของตูเร่ที่จ่ายพลาดแบบไม่ได้ใกล้เพื่อนเลย เข้าเท้าคู่ต่อสู้เต็มๆ แบบไม่ต้องพยายาม

_______ การแก้เกมในลักษณะการปรับแทคติคหรือการเปลี่ยนตัวไม่มีอะไรน่าพูดถึงครับ เพราะลิเวอร์พูลไม่มีทางเลือกในม้านั่งสำรองและวิธีเล่นแบบอื่นที่เคยใช้ไม่ ว่าจะหลัง 3 หรือหน้าคู่แบบ 4-2-2-2 ก็ไม่ชวนให้คิดว่าจะทำอะไรให้ดีขึ้นในวันที่ตัวรุก(โดยเฉพาะคู่หน้า)เล่นไม่ ออกแบบนี้ เพราะทุกแทคติคที่เคยเล่นเคยใช้ได้ผลมาหวังพึ่งความสามารถของกองหน้าสองคน นี้ในการวิ่งทำทางและจบสกอร์ทั้งนั้นครับ

_______ เราต้องนั่งภาวนาให้ตัวรุกโดยเฉพาะคู่กองหน้าไม่มีใครบาดเจ็บและเล่นได้ใน ฟอร์มที่ดีได้บ่อยที่สุด ในวันที่พวกเขาเล่นออกลิเวอร์พูลชนะได้ทุกทีม, ทุกสนาม และทีมก็จะจบใน Top4 ได้สำเร็จ ถ้าพวกเขาเล่นไม่ได้..เช่นวันนี้เป็นต้น...ตัวเลือกในม้านั่งสำรองหรือแม้ กระทั่งตัวเลือกในการปรับเปลี่ยนแท็คติคหรือ 11 ตัวจริงได้บ้างเพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์จะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

_______ ...ลิเวอร์พูลไม่มีสิ่งนั้นครับ...
-------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้ หนักไปทางไม่ค่อยดี

มินโยเล่ - เตะเปิดเกมได้สยองขวัญยิ่งกว่าเดอะริงส์สิบภาครวมกัน แต่งานหลักในเรื่องการเซฟวันนี้ทำได้ดีมากๆ เซฟลูกสำคัญได้สองสามครั้ง โดยเฉพาะจังหวะที่ใช้มือเดียวปัดลูกยิงระยะประชิดได้นี่เข้าตาจริงๆ

ซิสโซโก้ - เกมรับทำได้ดีโดยเฉพาะการปิดลูกเปิดเข้ากลางซึ่งนัดนี้เขาทำได้ดีที่สุด ตั้งแต่ดูแบ็คลิเวอร์พูลทุกคนเล่นมาในฤดูกาลนี้...เน้นว่าเฉพาะการปิดลูก เปิดเข้ากลางนะ ช่วงครึ่งแรกเติมขึ้นไปเล่นเกมรุกและพาบอลไปเองได้ดีมากๆ 2-3 ครั้ง เปิดพลาดเรียบ แต่จุดสลบจริงๆ ยังคงอยู่ที่การเชื่อมเกมที่พอเจอการไล่เร็วเข้าไปแล้วต้องเคาะคืนหลังอย่าง เดียว

ตูเร่ - เล่นผิดฟอร์มไปมาก โดยเฉพาะการผ่านบอลขึ้นหน้าที่เคยทำได้ดีกว่านี้เยอะ เลี้ยงบอลขึ้นมาเอง 2-3 ครั้งก็ทำพลาดหมด การเข้าบล็อคลูกยิงไกลหรือการประกบก็ไม่ถึงกับดี อีกทั้งจังหวะที่ทำพลาดจนทีมเสียประตูนี่...ถ้าอยู่เมืองไทยคงโดนกองเชียร์ หิ้วไปสาบานที่วัดพระแก้วว่าไม่ได้ล้มบอลแล้วครับ

สเคอเทล - ก่อนเสียประตูเล่นได้ดีมาก จัดการได้หมดทุกจังหวะไม่ว่าจะบนพื้นหรือกลางอากาศ แต่พอทีมโดยตีเสมอเริ่มออกอาการลนให้เห็น เคลียร์ทิ้งแบบไม่มีหางเสือ เข้าบอลเริ่มไม่แม่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พลาดนะ

ฟลานาแกน - เกมรับยัง ทำได้ค่อนข้างดี จังหวะดวลตัวต่อตัวไม่มีปัญหา แต่การผ่านบอลเชื่อมเกมทำได้ไม่ดีเลย พลาดจนทีมเกือบพังอยู่หนสองหน นอกนั้นก็ใช่ว่าจะดี จ่ายพาเพื่อนเครียดบ้าง จ่ายขึ้นหน้าไม่ได้บ้าง

เจอราร์ด - เป็นวันที่เล่นในฐานะกลางรับได้ดีที่สุดตั้งแต่เล่นมา อ่านเกมได้ดีเข้าสกัดได้เด็ดขาด แย่งบอลตัดบอลได้เยอะมาก โดยเฉพาะครึ่งแรกนี่เก็บเรียบจนกองหลังแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ครึ่งหลังไม่เด่นเท่าครึ่งแรกแต่ก็ยังอยู่ในฟอร์มที่ดี

เฮนเดอร์สัน - ช่วยไล่บอลกลางสนามและคุมพื้นที่ช่วยเจอราร์ดในเกมรับได้ดี มีปัญหาพอสมควรกับการโดนไล่เร็วทำให้เชื่อมเกมและพลิกบอลขึ้นหน้าได้ด้อยกว่านัดก่อนๆ เกมรุกแทบไม่มีส่วนร่วม

คูตินโย่ - โดนวิ่งไล่จนไปไม่เป็น ยังพาบอลหนีได้ค่อนข้างดีแต่จ่ายบอลดีๆ ไม่ค่อยได้ เชื่อมเกมได้ไม่ดีนัก และเหตุผลที่เขาโดนเปลียนตัวออกก็คงเป็นเพราะช่วยเกมรับได้ไม่เท่าเฮนเดอร์ สัน ในขณะที่เกมรุกก็ไม่ได้ดูดีกว่าเท่าไหร่

สเตอริ่ง - เล่นพอใช้ได้ ทำได้ดีในการเบียดกับคู่ต่อสู้ไม่ค่อยโดยแซะบอลไปง่ายๆ แล้ว พาบอลไปเองไม่ถึงกับสุดยอดแต่ก็กดดันพอให้คู่ต่อสู้ต้องทำฟาล์วได้เป็นระยะ จ่ายบอลเชื่อมเกมพอใช้ได้แต่บอลเกมรุกไม่ค่อยมีเหมือนกัน

สเตอริดจ์ - ยิงประตูได้ในครึ่งแรก และเกือบยิงได้ในครึ่งหลัง นอกจากสองจังหวะนี้แล้วแทบไม่รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ในสนาม

ซัวเรส - ผิดฟอร์มไปเยอะมาก จับบอลไม่ค่อยดีนัก พาบอลไปก็ไม่ทะลุทะลวง การวิ่งทำทางหรือการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมก็มีน้อยกว่าทุกวัน ทำได้ดีมากๆ แค่จังหวะเดียวที่เปิดให้สเตอริดจ์ยิงได้ประตู แล้วก็เกือบดีมากในจังหวะที่วิ่งตามบอลไปแตะหลบกองหลังได้สวยแต่ตกม้าตายตอน ยิง นอกจากนั้นก็ไม่ค่อยได้กดดันคู่ต่อสู้เท่าไหร่

ตัวสำรอง 

อัลเลน - ช่วยเล่นเกมรับได้ดีกว่าคูตินโย่เล็กน้อย แต่นอกนั้นก็แทบไม่ต่างกัน

เคลลี่ - เกมรับออกแนวลนลาน บอลมาเตะทิ้งอย่างเดียว ไม่ได้รั่วอะไรแต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความแตกต่างเช่นกัน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด... เล่นเกมรับได้เด่นเด้งมาก หยุดเกมรุกของคู่ต่อสู้ได้หลายต่อหลายครั้ง
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.