วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

ซันเดอร์แลนด์ 1 - 3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...แมวดุแต่แมวไม่กัด...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 3-4-1-2 (เหมือนนัดก่อนแหล่ะครับ)

---------------สเตอริดจ์-------ซัวเรส------------------
-------------------------โมเสส-------------------------
เอนริเก้---------เจอราร์ด----------ลูคัส----เฮนเดอร์สัน
---------ซาโก้---------สเคอเทล-----------ตูเร่---------
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมเยือนอีกครั้ง นัดนี้ออกไปเยือนทีมบ๊วยอย่างซันเดอร์แลนด์ที่ยังหาผู้จัดการทีมใหม่ไม่ได้หลังปลดดิ คานิโอออกไป ร็อดเจอร์ยังเลือกใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมจากนัดก่อน สเตอริดจ์กับซัวเรสยังได้ลงพร้อมกันต่อไป และเฮนเดอร์สันก็ยังต้องริมเส้นต่อไปเช่นกัน
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทางซันเดอร์แลนด์ก็ตั้งเกมรุกสู้ทันที ขยันเติมและวิ่งไล่ในแดนหน้าตลอด ทำเกมได้ต่อเนื่อง ส่วนทางลิเวอร์พูลในจังหวะรับยืนกันลึก และพื้นที่ตรงกลางช่วยกันบีบให้แคบ เกมรับไม่ค่อยมีปัญหาและทำได้ดี แต่ทำให้เกมรุกขึ้นเกมลำบากเพราะวิ่งเติมทำทางกันไม่ทัน ทำให้บุกได้น้อยและเสียบอลกลับไปค่อนข้างเร็ว

_______ ราวๆ 20 นาทีแรกซันเดอร์แลนด์ครองบอลทำเกมได้มากกว่า แต่หลังจากผ่าน 20 นาทีไปลิเวอร์พูลก็เริ่มครองบอลได้นานขึ้น เกมยังไม่ถึงขั้นได้เปรียบแต่มาได้ประตูขึ้นนำก่อนแบบโชคดีนิดๆ จากจังหวะลูกเตะมุมในนาที 28 เจอราร์ดเปิดข้ามไปในเส้นหกหลาแล้วเป็นสเตอริดจ์ที่พยายามจะโหม่งแต่ไม่โดน บอล บอลไปเด้งโดนบริเวณไหล่เข้าประตูไป 1-0

_______ หลังจากเสียประตูกลายเป็นซันเดอร์แลนด์ที่ฮึดขึ้นมาอีกรอบ เร่งเกมเต็มที่และกดดันได้พอสมควร ได้ลุ้นจากการเปิดเข้ากลางบ้าง ส่วนลิเวอร์พูลหลังจากโดนกดดันหนักๆ อยู่ราว 5 นาทีก็กลับมาคุมเกม(รับ)ได้ดีและไม่ได้เปิดโอกาสให้ซันเดอร์แลนด์เท่าไหร่ แต่เกมรุกยังไม่ต่อเนื่องนัก

_______ ซันเดอร์แลนด์เร่งแล้วเร่งอีกแต่ยังไม่ได้ประตู อีกทั้งยังมาเสียเพิ่มในนาที 36 จากจังหวะโต้กลับ เจอราร์ดวางยาวข้ามฟากไปให้สเตอริดจ์ที่ริมเส้นก่อนจะกระชากเข้าไปถึงเส้น หลังในเขตโทษแล้วเปิดหักเข้ากลางให้ซัวเรสชาร์จจ่อๆ 2-0 หลังจากนั้นก็คุมเกมรับได้ดี แม้ซันเดอร์แลนด์จะครองบอลได้ต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่ได้ประตู ก่อนจบครึ่งแรกที่ 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ซันเดอร์แลนด์ยังลงมาเดินหน้าฆ่ามันต่อ แถมดันแผงหลังสูงมากขึ้น บดจนทำได้สำเร็จในนาที 52 จากการยิงไกลแล้วมินโยเล่เซฟได้แต่บอลไม่พ้นกรอบ จัคเครินี่ตามเข้าไปซ้ำได้เป็น 2-1 ถึงตรงนี้ซันเดอร์แลนด์ยังไม่ยอมเลิก และลิเวอร์พูลก็มีพื้นที่มากขึ้นแล้ว ทำให้เกมเปิดแลกกันมากกว่าในครึ่งแรก

_______ ลิเวอร์พูลเน้นบุกทางด้านขวาเป็นหลัก พาบอลไปได้ใกล้เขตโทษคู่ต่อสู้เป็นระยะ ส่วนทางซันเดอร์แลนด์ยังวิ่งไล่กันได้ไม่หมด(สักที) ได้ลุ้นพอสมควรโดยเฉพาะจากลูกยิงไกล นาที 75 ร็อดเจอร์ตัดสินใจปรับเกมโดยส่งสเตอริ่งลงมาแทนโมเสส โดยให้เ่ล่นตำแหน่งเฮนเดอร์สัน หุบเฮนเดอร์สันเข้าไปตรงกลาง

_______ หลังจากปรับแล้วลิเวอร์พูลหันมาเล่นรับ-โต้เต็มตัว ไม่ตั้งเกมขึ้นไปมากนักและทำได้ค่อนข้างดี ส่วนซันเดอร์แลนด์แม้จะพยายามแค่ไหนก็เจาะเข้าไปในเขตโทษไม่ได้ โอกาสได้ลุ้นส่วนใหญ่มาจากการยิงไกลและลูกตั้งเตะ ก่อนหมดเวลายังมาโดนอีกลูกในนาที 89 ลิเวอร์พูลโต้กลับเร็วเริ่มจากมินโยเล่ที่ขว้างเร็วมาให้ซัวเรส พาบอลเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้ก่อนจะวางข้ามไปให้สเตอริดจ์รับบอลแล้วพาเข้าไปใน เขตโทษ กระชากหนึ่งจังหวะแล้วเปิดเข้ากลางกลับมาให้ซัวเรสยิงเข้าไปได้ 3-1 และจบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
-----------------------------------------

_______ วันนี้จังหวะเกมเป็นใจครับ

_______ ลิเวอร์พูลยังคงใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมและแทคติคเดิม ที่ดีขึ้นคือการประสานงานระหว่าง 3 คนในแดนหน้าที่ดูจะเข้าขากันมากขึ้น รวมไปถึงที่ทางของแต่ละคนที่ชัดเจนกว่านัดก่อน สเตอริดจ์วิ่งทำทางไปไม่ต้องลงต่ำ ปล่อยให้ซัวเรสลงไปเชื่อมกับแดนกลางและทำเกมไป โมเสสหาพื้นที่ว่างรอรับบอลจากเพื่อน ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกดูจะประสานงานกันได้ไม่ค่อยดีนัก แต่หลังจากได้ประตูนำและซันเดอร์แลนด์เริ่มดันสูงขึ้นๆ จนมีพื้นที่เล่น ทั้ง 3 คน (รวมเฮนเดอร์สันด้วยก็ได้) เริ่มประสานงานและเล่นด้วยกันได้ดีขึ้น

_______ คู่แดนกลางเจอราร์ดเคลื่อนที่มากขึ้น มีหลายจังหวะที่เติมขึ้นมาช่วยในแดนหน้ามากกว่า 2-3 นัดก่อนหน้านี้และทำให้โมเสสกับซัวเรสไม่โดนรุมกินโต๊ะมากนัก ในเกมรับพอได้ประตูนำก่อนเลยทำให้ริมเส้นทั้ง 2 ข้างไม่ต้องเติมบ่อยเลยทำให้มีตัวผู้เล่นช่วยคุมพื้นที่ในแดนกลางเยอะ เลยคุมเกมรับได้ค่อนข้างดี โดนบุกเยอะแต่ไม่ถึงกับโดนกดจนแบนแต๊ดแต๋ ส่วนเกมรุกนั้นวันนี้เกมโต้กลับทำได้น่าประทับใจมาก นอกจากจะทำได้ 2 ประตูแล้วยังมีอีกหลายครั้งที่พาบอลขึ้นได้ลุ้นแถวหน้าเขตโทษ

_______ อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลยังมีปัญหาอยู่ไม่น้อย วันนี้ร็อดเจอร์เลือกให้ทีมเล่นเกมรับเป็นหลัก ถอยกันไปรับกันลึกและทำให้จังหวะเปลี่ยนเป็นรุกทำได้ลำบาก เล่นเกมของตัวเองไม่ได้มากนัก และปัญหาใหญ่เลยคือแม้ทีมจะเล่นรับเยอะแล้ว มีตัวผู้เล่นเยอะแล้วในแดนตัวเองแต่กลับปล่อยให้คู่ต่อสู้ยิงไกลหน้าเขตโทษ ตัวเองอยู่บ่อยๆ บ่อยมากจนไม่น่าเชื่อ ส่วนในเกมรุกในช่วงที่ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำและไม่มีพื้นที่เล่นมากนัก ก็เล่นเกมรุกกันได้ไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่ หนักไปทางให้ลุ้นพึ่งซัวเรส(บางจังหวะเป็นโมเสส)เป็นหลักซึ่งคู่ต่อสู้ก็รู้ทาง รับมือกันได้หมดแล้ว ถ้าไม่ได้ประตูขึ้นนำก่อนจนซันเดอร์แลนด์ต้องบุกมากขึ้นสงสัยได้เหนื่อยกว่านี้

_______ ส่วนทางฝั่งซันเดอร์แลนด์ ที่จริงเล่นเกมนี้ได้ดีทีเดียว ได้ลุ้นประตูไม่ได้น้อยไปกว่าลิเวอร์พูล ขยันวิ่งกันมากกว่า แต่การเลือกเล่นเกมรุกมากเกินไปหน่อย ทั้งๆ ที่คุณภาพผู้เล่นในเกมรุกมีไม่มากนัก ทำให้แม้จะกดดันได้ ครองบอลมากกว่า อีกทั้งยังได้ลุ้นตีเสมอได้อยู่ร่วม 20 นาที แต่สุดท้ายก็ได้แค่นั้น แค่ลุ้น

_______ ...แค่ข่วนพอแสบๆ แต่บาดแผลไม่ลึกเท่าไหร่...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีหลายคน

ร็อดเจอร์ - วางรายละเอียดในการเล่นได้ดี ทั้งตอน 0-0 ที่เลือกเล่นรับลึก แบ็คขึ้นข้างเดียว ตอน 1-0,2-0 ที่รับก็จริงอยู่แต่วาง ตัวรุกทิ้งเผื่อโต้ไว้ข้างหน้า 2 คนตลอด ที่คาใจอยู่บ้างคือตอนส่งสเตอริ่งลงไปเล่นแบ็คขวาซึ่งเล่นเกมรับได้หลอนสุด เข้าใจว่าเพื่อช่วยเกมโต้กลับ(ซึ่งทำได้ดีในเรื่องนั้น) แต่ทำเอาเกมรับริมเส้นแ่ย่กว่าตอนเฮนเดอร์สันยืนพอสมควร

มินโยเล่ - เป็นผู้รักษาประตูที่มีมารยาท มือไม้อ่อนตลอด ปัดบอลไม่ค่อยไปไหน แต่การรักษาตำแหน่งและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเซฟทำได้สุดยอดเอามากๆ ช่วยเซฟไว้ได้หลายลูก ต่อบอลสั้นกับเพื่อนได้ดีขึ้น แถมมีทีเด็ดท้ายเกมที่ออกบอลโต้กลับนำไปสู่ประตูปิดกระป๋องมีโอด้วย

เอนริเก้ - ฟอร์มเฉพาะตัวยังทำได้ดี เปิดบอลเข้ากลางก่อนถึงเส้นหลังได้ดีหลายลูกและเชื่อมเกมได้เนียน เกมรับรักษาพื้นที่ของตัวเองดี ที่มีปัญหาน่าจะอยู่ที่การประสานกับซาโก้ที่ดูจะไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่ และการปิดทางการโยนบอลเข้ากลางที่ดูจะหลวมเกินไปสักนิด

ซาโก้ - เล่นได้ดีขึ้น ประกบกองหน้าได้ค่อนข้างดี เล่นบอลกับเท้าได้ดีด้วย ที่ด้อยไปสักนิดก็เรื่องการวิ่งเข้าไปซ้อนเพื่อนไม่ว่าจะทางริมเส้นหรือกลาง รับที่ทำได้ค่อนข้างช้า

สเคอเทล - ประกบกองหน้าได้สุดยอดมากระดับที่นึกว่าผีฮูเปียเข้าสิง(ฮูเปียยังไม่ตายนะครับ) เป็นเหตุผลหลักเลยที่ทำให้เกมรุกซันเดอร์แลนด์ไม่ทะลุทะลวงเท่าที่ควรเพราะ กองหน้าดับสนิททำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย จังหวะที่เสียประตูจะว่าพลาดก็ไม่น่าใช่เพราะพยายามหุบขาบล็อคลูกยิงเลยล้ม

ตูเร่ - เล่นเกมรับได้ดี ที่โดดเด่นกว่ากองหลังคนอื่นคือการอ่านเกม ตูเร่มีจังหวะวิ่งออกจากตำแหน่งไปเพื่อตัดบอล, หยุดเกม, ซ้อนเพื่อนที่หลุดตำแหน่งได้ดีกว่าแผงหลังทุกคน

ลูคัส - ฟอร์มกระเตื้องขึ้น หยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้มาก ที่ยังไม่ดีนักคือการเคลื่อนที่ เพราะทั้งๆ ที่ตัวเองไม่้ต้องวิ่งขึ้นลงบ่อยเท่าเจอราร์ดแต่กลับช่วยคุมพื้นที่หน้าเขต โทษได้ไม่ดีเท่าที่ควร และจังหวะทีมได้บอลเจ้าตัวก็วิ่งหาที่ว่างรับบอลได้ห่วยแตกมากๆ

เจอราร์ด - เล่นได้ดีขึ้น วางบอลยาวคมขึ้นกว่า 2-3 นัดที่ผ่านมาทั้งยังขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมในแดนหน้าได้ดี แต่จังหวะไล่บอลทำได้ดีไม่ดีนักและวิ่งไล่น้อยไปหน่อย

เฮนเดอร์สัน - เล่นได้มิติเดียว กระชากบอลไปไม่ได้และเปิดบอลเข้ากลางได้ทื่อสุดๆ แต่ในเรื่องเชื่อมเกมและการเล่นเกมรับเล่นได้เนียน ไม่พาเพื่อนเครียด

โมเสส - ครึ่งชั่วโมงแรกไม่แน่ใจว่าเล่นเป็นตัวรุกให้ลิเวอร์พูลหรือเป็นตัวรับให้ซันเดอร์แลนด์ แต่หลังจากทีมขึ้นนำและมีพื้นที่ให้เล่นมากขึ้น โมเสสยิ่งเล่นยิ่งดี โดยเฉพาะจังหวะออกบอลที่ไม่ฝืนและเพื่อนเล่นง่าย

ซัวเรส - เลี้ยงบอลจี้คู่ต่อสู้เมื่อไหร่ ทีมสิ้นสุดการครองบอลเมื่อนั้น แต่เด่นมากในการทำเกมรุกโดยเฉพาะจังหวะโต้เร็ว ออกบอลให้เพื่อนได้ดีตลอดเกม หาช่องวิ่งเติมเข้าไปยิงได้สุดยอด ทำได้ถึง 2 ประตู

สเตอริดจ์ - มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนักถ้าเทียบกับซัวเรสและโมเสส แต่อยู่ด้วยทุกครั้งกับจังหวะได้ลุ้นได้เสีย ทั้งยังยิง 1 จ่าย 2 ด้วย

ตัวสำรอง

สเตอริ่ง - เกมรับชวนสยองมาก ยังดีว่าทั้งเฮนเดอร์สันและตูเร่ช่วยกันประคองไว้ได้ ส่วนการเปลี่ยนรับเป็นรุกตัดสินใจและทำได้ดี การเล่นในจังหวะโต้กลับช่วยทีมได้มาก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...แดเนียล สเตอริดจ์...ถ้าเกมนี้จบแค่ 2-1 ตั้งใจว่าจะเลือกมินโยเล่ที่เซฟแล้วเซฟอีกจนดูแล้วเหนื่อยแทน แต่พอมีประตูที่ 3 ที่สเตอริดจ์ทำได้ดีอีกครั้งก็ขอเปลี่ยนใจแล้วกันครับ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1-0 ลิเวอร์พูล (แคปปิตอลวันคัพ)


...คืนนั้น สวรรค์ล่ม...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 (ก็ไม่เชิงหรอก เดี๋ยวอธิบายทีหลัง)

----------------สเตอริดจ์-------ซัวเรส-----------------
โมเสส---------ลูคัส----------เจอราร์ด-----เฮนเดอร์สัน
เอนริเก้---------ซาโก้----------สเคอเทล-----------ตูเร่
-----------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมแคปปิตอลวันคัพรอบสามต้องออกไปเยือนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่โอลแทรฟฟอร์ด นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทัพค่อนข้างมาก แดนหน้าได้ซัวเรสกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง แดนกลางยังคงใช้ชุดเดิม และแผงหลังก็มีชื่อเอนริเก้เป็นตัวจริง ส่วนทางฝั่งยูไนเต็ดขาดฟานเพอร์ซี่(เจ็บ)กับเฟอร์ไลนี่(คัพไท) รวมไปถึงปรับ 11 ตัวจริงอีกพอสมควร
-------------------------------------------------------

_______ ช่วงต้นเกมยังคุมเกมครองบอลอะไรกันไม่ค่อยได้ทั้งสองฝ่าย รูปเกมสูสีโดยเป็นฝั่งยูไนเต็ดที่ทำได้ดีกว่าเมื่อสามารถเปิดบอลเข้าไปลุ้น และได้ยิงไกลบ้าง ทางด้านลิเวอร์พูลค่อยๆ จับจังหวะของตัวเองและเริ่มตั้งเกมได้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเมื่อผ่าน 15 นาทีแรกของเกมไป แม้รูปเกมจะไม่ได้ไหลลื่นแต่ก็ครองบอลได้มากขึ้นและพาบอลไปป้วนเปี้ยนแถวเขต โทษคู่ต่อสู้ได้

_______ ยิ่งเล่นลิเวอร์พูลยิ่งดูดีขึ้น ตัดบอลกลับมาได้เร็วกว่า บอลไปถึงเขตโทษมากขึ้นและหาจังหวะลุ้นจบสกอร์ได้บ้างแล้ว ในขณะที่ยูไนเต็ดเองก็เริ่มสะดุด ทำเกมของตัวเองได้น้อยกว่าในช่วงต้นเกม แดนกลางตกเป็นรองอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายมีจังหวะการเล่นที่ดูติดขัด ฝั่งลิเวอร์พูลตัวรุกสามคนเล่นหนักไปทางประสานงาเฉี่ยวชนคร่อมเล่นแทนที่จะ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนยูไนเต็ดแดนกลางก็ดูไม่จืดเพราะเกมรับดูไม่ได้และเกมรุกก็มีแค่รูนี่ย์ คนเดียวที่ดูจะเป็นสัปปะรดสำปะหลังสังขยาอยู่บ้าง ทำให้เกมในช่วงครึ่งแรกดูอึดอัดพอสมควร และยังทำอะไรกันไม่ได้ที่ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง นกกระจอกได้กินน้ำแล้วแต่ยังไม่ทันอิ่ม ยูไนเต็ดก็ได้ลูกเตะมุม...มุึม...มุม(กรุณาอ่านด้วยเสียงเอคโค่) รูนี่ย์เปิดบอลเข้าเขตหกหลาแล้วก็เป็นชิชาริโต้ที่วิ่งหนีตัวประกบเข้าชาร์จ บอลเข้าไปได้สำเร็จ 1-0

_______ พอเสียประตูไป ลิเวอร์พูลเริ่มเร่งเกมรุกมากขึ้น และทำได้ดีขึ้นอย่างช้าๆ (เน้นว่าช้าๆ) ยิ่งเล่นไปแนวรับยิ่งลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนยูไนเต็ดก็หันมาเล่นรับแล้วโต้เร็วซึ่งทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง โต้มาแต่ละทีถึงหน้าเขตโทษตลอดและหลายครั้งก็ได้ยิงแต่ยังไม่เป็นประตูนาที 67 เคลลี่ได้ลงมาแทนลูคัส โดยเคลลี่เล่นแบ็คขวาขยับเอาตูเร่เข้ามาเล่นแทนลูัคัส

_______ ช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายลิเวอร์พูลเริ่มทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแนว รุก 3 คนที่เริ่มประสานงานกันได้ดีมากขึ้น จังหวะกั๊ก วิ่งทับช่อง ให้บอลคนละทางเริ่มมีให้เห็นน้อยลงๆ ตูเร่ดันขึ้นมาช่วยด้านบนบ่อยๆ และเฮนเดอร์สันหาจุดยืนของตัวเองเจอ ทำให้เริ่มหาช่องเจาะเข้าไปได้บ้างแม้ยูไนเต็ดจะเน้นคุมพื้นที่อย่างเหนียว แน่น ลิเวอร์พูลได้ลุ้นประตูมากขึ้นกว่าในช่วงต้นครึ่งหลัง เกือบจะตีเสมอได้อยู่หลายครั้งเหมือนกัน

_______ ...แต่ไม่ได้

_______ จบเกม ยูไนเต็ดเอาชนะไปได้ 1-0 ลิเวอร์พูลตกรอบฟุตบอลถ้วยไป 1 รายการอย่างรวดเร็ว

_______ เฮ้ย เกือบลืม นาที 82 สเตอริ่งได้ลงแทนโมเสสนะครับ

-----------------------------------------

_______ อาฮะ เกมนี้เป็นเกมที่ดูแล้วออกจะแปลกตาไปสักหน่อยเพราะทั้งสองฝ่ายปรับทีมมาเยอะ และหลายๆ คนในสนามก็ฟอร์มหลุด ทำให้ครึ่งแรกเกมดูไม่ค่อยไหลลื่น และอันที่จริงถ้าไม่มีประตูเกิดขึ้นเร็วตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง คาดว่ารูปเกมก็คงไม่เปลี่ยน เล่นแบบตะกุกตะกักกันไปอย่างนั้นจนจบเกม แต่มันดันมามีประตูนี้สิ...ผิดฝั่งด้วย

_______ ทางฝั่งลิเวอร์พูลแม้จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นไม่มากนัก หลักๆ ก็มีแค่ซัวเรสคนเดียวที่กลับมา แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าแทคติคการเล่นของทีมเปลี่ยนไปแบบคนละเรื่องจากนัดก่อนๆ ร็อดเจอร์ตอบโจทย์การได้ซัวเรสกลับมาด้วยการส่งลงเล่นคู่กับสเตอริดจ์ ตำแหน่งยืนที่ผมบอกว่า 4-4-2 ตอนเล่นจริงในเกมรุกโมเสสจะหุบเข้าในเล่นค่อนข้างใกล้กับซัวเรสและสเตอริดจ์ ทั้ง 3 คนจะสลับกันลงไปล้วงบอลกลางสนาม ทำชิ่ง ทำทางให้กัน ส่วนเกมริมเส้น ฝั่งซ้ายจะเป็นเอนริเก้ที่เติมมายันสุดเส้นตลอด ลูคัสกับเจอราร์ดจะไม่ขึ้นมาช่วยเกมแดนหน้ามากนักแค่คอยเชื่อมเกมอยู่แถวๆ กลางสนาม ส่วนเฮนเดอร์สันก็ไปยืนเหงาๆ อยู่ริมเส้นขวา

_______ ฟังดูก็น่าตื่นเต้นดีครับ แต่ตอนเล่นจริงน่าตื่นตระหนกมากกว่า แน่นอนว่าก่อนเอามาเล่นจริงต้องมีการซ้อมกันมาแล้วล่ะ แต่ลงมาแล้วตัวรุก 3 คน ประสานงานกันแทบไม่ได้ เฮนเดอร์สันที่ถูกตรึงไว้ที่ริมเส้น กลายเป็นว่าหน้าที่คือเปิดบอลเข้ากลางเท่านั้น ซึ่งถึงแม้จะเปิดแม่น(กว่าคนอื่นในทีม) แต่ดูเหมือนเล่นกันไปคนละคีย์กับคนอื่นไปเลย ไม่มีใครไปเล่นเชื่อมกับเฮนเดอร์สันมากนัก เพราะตูเร่ไม่ได้ขึ้นสูงเท่าเอนริเก้ คู่กองกลางไม่ได้เติม และตัวรุก 3 คนก็ไปวิ่งๆ ชิ่งๆ อยู่ด้วยกัน สรุปแล้วเลยกลายเป็นบอลเข้าทำในช่วง 1 ชั่วโมงแรกนี่กดดันแนวรับได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น (คนละคำกับ กดดันไม่ได้ นะครับ)

_______ ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับการเปลี่ยนวิธีการเล่น "ทั้งดุ้น" แบบนี้เพียงเพราะว่าขาดใครไป หรือได้ใครมา ไม่งั้นคงต้องเปลี่ยนกันไปอีกหลายตลบแล้วความเข้าขารู้ใจกันแบบที่เคยเห็นในเกมนัดแรกๆ คงจะไม่ได้เห็นกันไปอีกนาน

_______ ลูกเตะมุมหวนกลับมาเป็นฝันร้ายของทีมอีกครั้ง หลังจากเคยดีขึ้นแล้วในช่วงปลายฤดูกาลก่อน, โดนนำแล้วก็ยังกลับมาไม่ได้เหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม การเล่นในสถานการณ์คับขัน เวลาเหลือน้อย ประตูตามอยู่ ดูจะกระเตื้องขึ้นมาบ้าง เพราะนัดนี้ได้ลุ้นยาวๆ อยู่เหมือนกัน หาช่องได้บ้าง เจาะได้บ้าง ไม่ได้อาศัยลูกฉาบฉวยอย่างเดียว อีกทั้งการใช้ สเตอริดจ์ ซัวเรส โมเสส พร้อมกันก็เริ่มเห็นตอเรสบ้างแล้วในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้่ายของเกม คือจะเอาแบบนี้ต่อก็ได้นะ น่าจะไหวอยู่ ขอแค่อย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ แล้วกัน

_______ ...ไม่งั้นเดี๋ยวได้ล่มอีก...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันไม่ค่อยดีนัก

ร็อดเจอร์ - จัดแทคติคใหม่มาลองแล้วไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ แต่การเปลี่ยนเคลลี่ลงมาแทนลูคัสน่าประทับใจมาก

มินโยเล่ - เซฟช่วยทีมเอาไว้ได้ไม่น้อย จังหวะออกมาตัดบอลที่เปิดเข้ากลางทั้งโด่งและเรียดทำได้ดี

เอนริเก้ - วิ่งค่อนข้างเยอะ เชื่อมเกมได้ดีและเปิดบอลเข้ากลางพอใช้ได้ เกมรับหนักไปทางต้องวิ่งตามหลังคู่ต่อสู้เพราะตัวเองหลุดตำแหน่งซึ่งจะไปโทษ ก็คงไม่ได้เพราะต้องขึ้นตามแทคติค มีพลาดก็ตอนประกบชิชาริโต้จังหวะเตะมุมที่เสียประตูไม่ดี

ซาโก้ - จังหวะผิดพลาดลดน้อยลงไปมากแล้ว แต่ความเสียวไม่ได้น้อยลงเลย เข้าบอลพรวดหลายครั้งแต่ดีว่าแม่น เข้าไปซ้อนแบ็คได้ไม่ค่อยดีนัก

สเคอเทล - ฟอร์มส่วนตัวก็เล่นได้ไม่เลว อ่านเกมใช้ได้ ขวางทางยิงไกลได้ดี

ตูเร่ - เกมรับทำได้น่าพอใจ แต่ขึ้นมาช่วยเกมรุกแค่กลางสนาม ตอนที่ขยับเข้ามาเล่นกองกลางเล่นได้สะใจมาก เคลื่อนที่ได้ดีวิ่งขึ้นวิ่งลงตลอด

ลูคัส - ฟอร์มหลุดไปดื้อๆ หวังว่าลูคัส "คนนู๊นน" จะไม่กลับมานะ

เจอราร์ด - ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นเจอราร์ดเดินเล่นในเกมแดงเดือด ความดุดันที่เคยมีนัดนี้แทบไม่เห็นเลย การเชื่อมเกมกลางสนามยังทำได้ดีอยู่ แต่เขาเคยทำอะไรได้มากกว่านี้เยอะ

เฮนเดอร์สัน - ช่วง 1 ชั่วโมงแรกเล่นได้แค่มิติเดียวคือวิ่งไปที่ว่างๆ รับบอลแล้วก็เปิดเข้าไปในเขตโทษ แทบไม่ได้ทำอย่างอื่น แต่ครึ่งชั่วโมงหลังที่ทีมเร่งเกม มีเคลลี่และตูเร่ขยับเข้ามาช่วยดูเล่นได้ดีขึ้นหลากหลายขึ้นกว่าช่วงก่อน หน้า

โมเสส - ผ่านบอลมากขึ้น เล่นกับเพื่อนมากขึ้น (ตามแทคติค) แต่ความเข้าใจกับเพื่อนร่วมทีมยังมีไม่มากนัก

ซัวเรส - ประสานงานกับโมเสสและสเตอริดจ์ในช่วง 1 ชั่วโมงแรกไม่ค่อยดีนัก แต่ยังอุตส่าห์หาจังหวะลุ้นได้จากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของคู่ต่อสู้ ช่วงครึ่งชั่วโมงหลังเน้นไปที่การทำเกมมากขึ้น, ประสานงานกับเพื่อนได้ดีขึ้น

สเตอริดจ์ - ดูงงๆ กับชีวิต ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้ผิด แค่ไม่รู้จะเอาตัวไปวางไว้ตรงไหนกับวิธีการเล่นแบบนี้ ตอนลงไปล้วงบอลถึงแดนกลางก็ดูไม่ใช่สิ่งที่เจ้าตัวถนัด จะวิ่งทำทางขึ้นไปก็ไปทับโมเสสบ้าง ซัวเรสบ้าง

ตัวสำรอง 

เคลลี่ - ลงมาในช่วงที่ยูไนเต็ดเริ่มถอยลงไปรับมากขึ้นแล้ว เกมรับไม่ได้ถูกทดสอบมากนัก วิ่งขึ้นมาช่วยเชื่อมเกมได้ดี

สเตอริ่ง - ก็ยังวิ่งเร็วอยู่นะ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.   

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 0 - 1 เซาท์แธมป์ตัน (พรีเมียร์ลีค)


...อะไรดลใจครับร็อดเจอร์...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

-----------------------สเตอริดจ์------------------------
โมเสส-----------------อัสปาส-------------เฮนเดอร์สัน
-----------------ลูคัส----------เจอราร์ด----------------
ซาโก้--------แอกเกอร์---------สเคอเทล----------ตูเร่
-----------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับเซาท์แธมป์ตันในเกมพรีเมียร์ลีค นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมพอสมควร แนวรับใช้ซาโก้กับตูเร่เล่นแบ็คซ้ายขวาตามลำดับ แอกเกอร์กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ตำแหน่งกลางรุกที่ขาดคูตินโย่ไปตัดสินใจใช้อัสปาสเล่นแทน
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาเซาท์ฯ ยืนกันค่อนข้างสูง เ้น้นไล่แดนกลางเป็นหลัก ลิเวอร์พูลเน้นการเข้าทำเร็วเมื่อตัดบอลได้บอลไปข้างหน้าทันที ทำเกมได้พอสมควรต่อไม่ต่อเนื่องนักเพราะเก็บบอลจังหวะสองในเกมรุกไม่ค่อยได้ ช่วง 15 นาทีแรกเป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าเล็กน้อย

_______ ผ่าน 15 นาทีแรกไป เซาท์ฯ ค่อยๆ ตั้งเกมของตัวเองได้มากขึ้น โดยเฉพาะการไล่บอลแดนหน้าและกลางที่ทำให้ลิเวอร์พูลครองบอลได้ไม่ต่อเนื่อง เน้นเจาะทางริมเส้นโดยเฉพาะฝั่งซาโก้ค่อนข้างเยอะ ส่วนลิเวอร์พูลยังเล่นบอลจังหวะฉาบฉวยต่อไป แม้เกมจะไม่ค่อยต่อเนื่องแต่ก็พอได้ลุ้นบ้าง มาทำได้ดีในเกมรับที่ตัดบอลเปิดเข้าทำได้ดี ทำให้ยังไม่โดนกดดันสักเท่าไหร่ จนกระทั่งจบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง สเตอริ่งได้ลงแทนอัสปาสที่เล่นไม่ออก สเตอริ่งลงไปเล่นทางริมเส้นฝั่งขวา ขยับเฮนเดอร์สันเข้าไปตรงกลาง แบ็คสองฝั่งเติมเกมสูงและขึ้นบ่อยกว่าในครึ่งแรก รูปเกมดีกว่าท้ายครึ่งแรกเล็กน้อยแต่ยังกดดันแนวรับไม่ได้เท่าไหร่

_______ เกมมาเปลี่ยนในนาที 53 จากจังหวะลูกเตะมุม แนวรับลิเวอร์พูลประกบกันไม่ดีพอ ลอฟเลนเข้าถึงบอลก่อนและโหม่งเข้าไปได้ 1-0 หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูลยังตั้งเกมไม่ได้และกลายเป็นเซาท์ฯ ที่ทำเกมรุกกดดันต่อเนื่องแต่ยังไม่ได้ประตูเพิ่ม

_______ นาที 57 เอนริเก้ได้ลงแทนแอกเกอร์ ขยับเอาซาโก้เข้าไปเล่นเซนเตอร์ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลพยายามโหมเกมรุกเต็มที่แต่ทำได้ไม่ดีนัก ไม่ต่อเนื่องและพลาดกันเองเป็นระยะ ทางด้านเซาท์ฯ หันมาเล่นตั้งรับโต้กลับเต็มตัวและทำได้น่าพอใจเมื่อสามารถตัดบอลเข้าทำได้ตลอดและเก็บบอลไปโต้ได้ต่อเนื่อง

_______ นาที 72 ร็อดเจอร์ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ถอดสเคอเทลออกแล้วส่งอัลแบร์โต้ลงมาแทน ถ่างเฮนเดอร์สันไปเล่นทางริมเส้นฝั่งขวามากขึ้น ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลยังคงเร่งและพยายามจะทำเกมรุก แต่ขาดความแม่นยำและไม่ต่อเนื่อง ไม่ค่อยได้ลุ้นประตูสักเท่าไหร่ อีกทั้งเกมแดนกลางยังตายสนิททั้งเกมรุกเกมรับ ในเกมรุกขาดคนจ่ายบอลเข้าทำ ในเกมรับหยุดเกมโต้ของเซาท์ ฯ ได้ไม่ดี โต้มาแต่ละครั้งมาถึงหน้าเขตโทษได้แทบตลอด

_______ 10 นาทีสุดท้ายรูปเกมยังไม่เปลี่ยน ลิเวอร์พูลตั้งบอลในแดนกลางได้น้อยลง ต้องหันมาวางบอลยาวไปมุมธงมากขึ้น มีจังหวะลุ้นนิดหน่อยๆ จากบอลที่เปิดเข้ากลางจากสุดเส้นหลังแต่ก็โดนตัดได้ก่อนถึงตัวชาร์จ โอกาสดีที่สุดคือจังหวะหลุดขึ้นไปของสเตอริ่งก็ดันจับบอลลั่นทำให้ชวดโอกาส ไป จบเกมลิเวอร์พูลเลยแพ้เป็นนัดแรกของฤดูกาลด้วยสกอร์ 1-0
-----------------------------------------

_______ วันนี้เกมรุกดูไม่จืดเลยครับ

_______ 11 ตัวจริงในวันนี้มีผลเยอะมากกับรูปเกม ไม่รู้ว่าอะไรดลใจร็อดเจอร์ให้ตัดสินใจใช้เซนเตอร์ 4 ตัวลงเล่นในแผงหลัง ในรายของซาโก้นั้นถึงเจ้าตัวจะเคยเล่นและเล่นได้ในตำแหน่งแบ็คซ้าย แต่ถ้าวัดกันเฉพาะการเชื่อมเกมและการช่วยเกมรุก ซาโก้ยังห่างไกลจากเอนริเก้อยู่ ยิ่งพอไปรวมกับแบ็คขวาอย่างตูเร่ที่แม้จะเล่นได้นิ่งกว่าวิสดอมแต่การเชื่อม เกมก็ช่วยไม่ได้มากนัก ทำให้เกมรุกของทีมที่เคยพึ่งพาการสนับสนุนของแบ็คสองฝั่งเยอะวันนี้ขาดหายไป เลย

_______ เท่านั้นยังไม่พอ ร็อดเจอร์ยังตัดสินใจใช้อัสปาสเล่นในตำแหน่งกลางรุก ทั้งๆ ที่นัดก่อนที่เจ้าตัวได้ลงมาเป็นตัวสำรองไม่ได้มีอะไรชี้ชวนให้เห็นว่าจะ เล่นในตำแหน่งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ไม่เหมือนกรณีตูเร่ที่ลงแทนวิสดอมในนัดก่อนที่เจ้าตัวทำได้ดีกว่าวิสดอมเห็นๆ) ยิ่งทำให้เกมรุกฝืดหนักเข้าไปอีก สเตอริ่งโดนตัดออกจากเกม เฮนเดอร์สันกับโมเสสขาดการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีม สุดท้ายเลยเจาะแนวรับคู่ต่อสู้ไม่ได้ ได้ลุ้นแค่จังหวะฉาบฉวยนิดๆ หน่อยๆ และทำประตูไม่ได้ไปในที่สุด ซึ่งการที่ร็อดเจอร์ต้องถอดทั้งอัสปาสและซาโก้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าจัด 11 ตัวจริงมาผิดพลาด

_______ อย่างไรก็ตาม ถ้าดูเฉพาะการปรับแทคติคในเกม วันนี้ร็อดเจอร์คิดเร็วทำเร็ว ทั้งการเปลี่ยนตัวตั้งแต่พักครึ่ง, การดันแบ็คขึ้นสูงในช่วงต้นครึ่งหลัง และการเอาอัลแบร์โต้มาช่วยเพิ่มมิติเกมรุกตรงกลาง ...แต่ก็นั่นแหล่ะ....ทำไมพี่แกไม่ทำซะตั้งแต่ต้นเก๊มมม~

_______ ลิเวอร์พูลโชคร้ายอยู่บ้างที่ไม่ได้จุดโทษในครึ่งแรก และการเล่นในสถานการณ์กดดัน(โดนนำ,เวลาเหลือน้อย)ก็ยังทำได้ไม่ดีต่อไป ส่วนสิ่งที่ควรรีบกลับไปจูนกันใหม่คือการเล่นร่วมกันของตัวจริงกับตัวสำรอง การครองบอลและการทำเกมรุกของลิเวอร์พูลตอนใช้ 11 ตัวจริง(ตอนเปิดฤดูกาล) กับตอนที่ต้องใช้ตัวสำรอง,ปรับแทคติคตามสถานการณ์(อย่างการเล่นด้วยเซนเตอร์ 3 ตัว) เล่นกันเป็นคนละทีมเลย ถ้าปรับตรงนี้ได้การขาดตัวจริงตัวหลักไปบ้างจะไม่ส่งผลมากขนาดนี้

_______ หนทางยังอีกยาวไกลครับ...แพ้สักนัดสวรรค์ยังไม่ล่มหรอก
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันไม่ค่อยดีนัก

ร็อดเจอร์ - จัดแทคติคและ 11 ตัวจริงพลาด แต่ปรับทีมระหว่างเกมได้ดีแล้ว

มินโยเล่ - ไม่ถนัดเล่นบอลสั้น (แต่น่าจะโดนสั่งให้เล่น) ทำเอาทีมโดนกดดันไปหลายครั้ง เตะเปิดเกมไม่ดีเลย แต่การเซฟทำได้สุดยอดเอามากๆ เซฟลูกสำคัญได้หลายครั้ง ถ้าไม่ได้เจ้าตัวช่วยไว้ สกอร์ไม่จบแค่ 1-0 แน่

ซาโก้ - โดนเจาะเยอะกว่าแนวรับคนอื่น ปิดทางได้ก็จริงแต่แย่งบอลกลับมาไม่ค่อยได้ เชื่อมเกมได้ไม่ดีนอกจากจะช่วยไม่ได้แล้วยังพาเพื่อนเครียดอีกหลายครั้ง พอขยับมาเล่นเซนเตอร์เล่นได้ดีกว่า

แอกเกอร์ - อ่านเกมได้ดี ดักตัดบอลก่อนถึงกองหน้าได้สุดยอด ฟอร์มส่วนตัวไม่มีอะไรพลาดที่โดนเปลี่ยนออกไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บหรือปล่าว

สเคอเทล - ฟอร์มส่วนตัวเล่นได้ดี แข็งแกร่งในการประกบและลูกกลางอากาศ ถูกเปลี่ยนออกตามแทคติคเท่านั้น

ตูเร่ - เกมรับดูจะหุบเข้ากลางบ่อยไปสักนิด แต่โดยรวมแล้วยังเล่นเกมรับได้ดีมาก เข้าบอลแม่นและหยุดคู่ต่อสู้ได้ จังหวะพาบอลตะลุยไปข้างหน้าทำได้ดีแต่ไม่ค่อยทำ เชื่อมเกมไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ลูคัส - ครึ่งแรกเล่นได้ดี อ่านเกมและดักตัดบอลได้ตลอด วิ่งไล่ก็เข้าถึงบอล แถมผ่านบอลไปข้างหน้าได้ดีด้วย แต่หลังจากทีมเสียประตู มีพื้นที่ให้รับผิดชอบเยอะเกินไปและพะวงกับการผ่านบอลขึ้นหน้ามากไปจนเล่น ไม่ดีเหมือนครึ่งแรก

เจอราร์ด - ต้นเกมเล่นได้ีดี วางบอลยาวสวยๆ ได้เป็นระยะและช่วยตั้งเกมรุกกับทีมได้พอสมควร แต่ครึ่งหลังเล่นพลาดบ่อยครั้ง ถอยไปยืนต่ำช่วงท้ายเกมก็ช่วยเกมรับไม่ค่อยได้ อาจต้องพักให้กัปตันชาร์จแบตสักนัดน่าจะดี

เฮนเดอร์สัน - วิ่งทำทาง จับและผ่านบอลได้ดี แต่ด้วยความที่กระชากบอลไปเองไม่ได้ พอไม่มีคนช่วยทำให้เฮนเดอร์สันทำเกมรุกได้ไม่ค่อยดีนัก ช่วงที่ถูกขยับเข้ากลางก็หาช่องโจมตีไม่ค่อยได้ ในเกมรับที่เคยวิ่งไล่บอลได้ดีวันนี้ก็ไม่เด่นเท่าไหร่

อัสปาส - ได้บอลน้อยและแทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลย

โมเสส - ผีซัวเรสเข้าสิง เป็นพ่อที่ประเสริฐมาก

สเตอริดจ์ - เพื่อนจ่ายบอลให้แต่ละครั้งเป็นบอลตลอด คือไม่ได้เป็นสัปปะรดเลย ทำให้โดนตัดออกจากเกม จังหวะที่ได้บอลบ้างก็เล่นฝืนเกินไปหน่อย

ตัวสำรอง 

สเตอริ่ง -  ไม่ค่อยมีพื้นที่ให้เล่น จังหวะที่หลุดไปถึงสุดเส้นบ้างก็เปิดเข้ากลางแบบทื่อๆ เกินไปหน่อย จังหวะหลุดตอนท้ายเกมก็จับบอลไกลตัวจนแฟนบอลต้องกุมขมับไปตามๆ กัน

เอนริเก้ - ลงมาเล่นช่วยเชื่อมเกมได้ดีกว่าซาโก้ แต่การเปิดบอลเข้าทำไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่

อัลแบร์โต้ - ฟอร์มส่วนตัวไม่ได้แย่ จับบอลและหาจังหวะผ่านบอลได้ดี แต่ตอนลงมานั้นคู่ต่อสู้คุมพื้นที่แดนตัวเองกันแน่นจนหาช่องจ่ายบอลเข้าทำ ไม่ได้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโยเล่... นัดนี้แพ้ก็จริง แต่คงไม่มีใครลืมฟอร์มของมินโยเล่ได้
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.  

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

สวอนซี 2 - 2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...ก็มันเหนื่อยอ้ะ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

-----------------------สเตอริดจ์------------------------
โมเสส-----------------คูตินโย่-------------เฮนเดอร์สัน
-----------------ลูคัส----------เจอราร์ด----------------
เอนริเก้--------ซาโก้---------สเคอเทล---------วิสดอม
-----------------------มินโยเล่-------------------------

_______ หลังพักเบรคไปจากเกมทีมชาติ ลิเวอร์พูลลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีคอีกครั้งโดนออกไปเยือนสวอนซี นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมเยอะพอสมควร โดยซาโก้กับโมเสสได้ลงเป็นตัวจริงทั้งคู่(เข้าใจว่าแอกเกอร์เจ็บ) คูตินโย่ขยับมาเล่นตรงกลางเต็มตัว และวิสดอมได้ลงเป็นตัวจริงแทนจอห์นสันตามคาด
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาผู้เล่น 21 คนในสนามก็ต้องมองตากันปริบๆ เมื่อเชลวี่ย์โชว์เดี่ยวเรียกแสงสปอร์ตไลท์ไว้คนเดียว เริ่มจากนาที 2 จะยิงไกลแต่แป็กกลายเป็นดีบอลทะลักไปข้างหน้า เจ้าตัวตามเข้าไปยิงเข้าได้สำเร็จ 1-0 แต่หลังจากนั้นแค่ 2 นาที ก็จัดการส่งกลับหลังไม่ดูตาม้าตาเรือโดนสเตอริดจ์แอบวิ่งโฉบมายิงก่อนบอลถึง ผู้รักษาประตูได้ 1-1

_______ เกมกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง ลิเวอร์พูลเน้นการครอบครองบอลเป็นหลัก แบ็คเติมขึ้นมาช่วยต่อบอลและคูตินโย่ก็ถอยลงมาช่วยเชื่อมตลอด ทำให้ครองบอลได้มากกว่าขึ้นเรื่อยๆ แต่กลายเป็นด้านหน้าไม่ค่อยมีคนทำทาง ถึงอย่างนั้นก็ยังพอหาช่องเจาะได้บ้าง ส่วนทางสวอนซีได้ครองบอลไม่มาก แต่พอได้บอลก็เน้นทำเกมเร็วพอได้ลุ้นนิดหน่อย

_______ ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมไป สวอนซีเริ่มเล่นช้าลงและหันมาครองบอลมากขึ้น แต่แล้วพระเอกคนเดิมก็แผลงฤทธิ์อีกครั้ง นาที 36 เชลวี่ย์จ่ายบอลกลางสนามพลาดไปเข้าเท้าโมเสส แล้วก็เป็นโมเสสที่พาบอลมาเองจนถึงหน้าเขตโทษแล้วยิงหักข้อเสียบเสาแรกเข้า ไปได้เป็น 2-1 หลังจากนั้นสวอนซีหันมาเล่นเกมรุกเต็มตัวและเริ่มทำได้ดีขึ้นแต่สกอร์ยังไม่ขยับจนกระทั่งจบครึ่งแรกที่ 2-1

_______ เข้าครึ่งหลัง สวอนซีกลับลงมาเปิดเดินหน้าเปิดเกมรุกต่อ ทางด้านลิเวอร์พูลเริ่มหันมาเล่นเกมรับเน้นคุมพื้นที่ในแดนตัวเองมากขึ้น รูปเกมดูสูสีเพราะสวอนซีแม้จะเล่นเกมรุกแต่ก็ไม่ได้ดาหน้าเติมกันขึ้นมาพร่ำ เพรื่อ ลิเวอร์พูลเองก็ยังเกมบอลได้และพอทำเกมขึ้นไปได้เป็นระยะ รวมไปถึงลุ้นได้บ้างอีกด้วย

_______ แต่แล้วนาที 54 คูตินโย่ก็เจ็บจนเล่นต่อไม่ได้(น่าจะที่ไหล่) อัสปาสได้ลงมาแทนและเล่นในตำแหน่งของคูตินโย่เลย ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลได้น้อยลง และต้องหันไปพึ่งลูกวางยาวมากขึ้นซึ่งไม่ค่อยได้ผลนัก ส่วนสวอนซีขยับเกมรุกของตัวเองดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทำสำเร็จในนาที 64 จากบอลโด่งกลางสนามมาหน้าเขตโทษ แล้วก็เป็นเชลวี่ย์(อีกแล้ว)โหม่งชงไปให้มิชูวิ่งเข้ายิงเข้าไปได้สำเร็จ 2-2

_______ เกมของสวอนซียังดีต่อเนื่อง ตรงกันข้ามกับลิเวอร์พูลที่เิริ่มออกอาการเป๋ไปเป๋มา นาที 69 ร็อดเจอร์ต้องส่งตูเร่ลงมาแทนวิสดอมที่เล่นไม่ค่อยดีนักและรับใบเหลืองไป แล้ว ถึงตรงนี้สวอนซีเริ่มไล่ในแดนหน้ามากขึ้นและครองบอลเอาไว้ได้ตลอด ลิเวอร์พูลโต้แทบไม่ขึ้นแล้ว อีกทั้งผู้เล่นหลายคนยังออกอาการล้าและหมดแรงวิ่งไปหลายคน

_______ นาที 80 สเตอริ่งได้ลงมาแทนโมเสส ลิเวอร์พูลถอยไปรับเต็มที่ตัดได้วางยาวไปข้างหน้าทันที ซึ่งบอลส่วนใหญ่ไม่ผ่านแนวรับสวอนซี ส่วนสวอนซีก็บดเข้าใส่อย่างหนัก ได้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แนวรับและผู้รักษาประตูยังประคับประคองเอาตัวรอดไปได้แบบสะบักสะบอมจน กระทั่งหมดเวลา ยันสกอร์เอาไว้ได้ที่ 2-2 อย่างน้อยก็เก็บ 1 แต้มออกไปได้สำเร็จ
-----------------------------------------

_______ ให้สรุปสั้นๆ เลยคือวันนี้ไม่มีแรงวิ่งครับ

_______ 11 ตัวจริงในวันนี้แม้จะเปลี่ยนไปพอสมควรแต่ก็ไม่ถึงขั้นน่าแปลกใจอะไรนัก วิสดอมยังดูดีกว่าเคลลี่ที่พึ่งฟิต, อิยอริที่พึ่งมา(แถมตำแหน่งหลักของเจ้าตัวยังเป็นเซนเตอร์ด้วย) ซาโก้ได้ลงแทนแอกเกอร์ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องดรอปแอกเกอร์ ในรายของโมเสส อัสปาสที่ได้ลงตัวจริงติดต่อกันก่อนหน้านี้ก็ผลงานไม่ค่อยดีนัก โมเสสจะได้ลงก่อนก็เหมาะแล้ว

_______ แทคติคตอนเริ่มเกมที่เน้นการครองบอลแล้วค่อยๆ หาช่องเจาะดูเหมาะสมรัดกุมดีแล้ว ส่วนครึ่งหลังหากดูจากสภาพผู้เล่นหลายคนแล้ว คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าที่เห็น เพราะคูตินโย่เจ็บ เจอราร์ดดูหมดแรง เกมรับกลางสนามที่เคยวิ่งไล่บีบเร็วก็วิ่งกันไม่ค่อยไหว ลงท้ายเลยได้แค่ประคองเกมไปเรื่อยๆ เท่านั้น

_______ เกมนี้เป็นเกมของเชลวี่ย์อย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเจ้าตัวมีส่วนร่วมกับทุกประตูที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้รูปเกมมันออกมาเป็นอย่างที่เห็น ผมมองว่าเป็นเพราะเกมแดนกลางของลิเวอร์พูลเองมากกว่า วันนี้เกมแดนกลางทำได้ไม่ดีนัก ลูคัสกับเจอราร์ดปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ไม่ดีพอ รวมไปถึงช่วงเวลาหลังจากไม่มีคูตินโย่แล้ว แดนกลางลิเวอร์พูลเก็บบอลและเปลี่ยนรับเป็นรุกแทบไม่ได้เลย

_______ นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องของความฟอร์มการเล่นรายบุคคล วิสดอมหลุดตำแหน่งบ่อยครั้งมาก และซาโก้เองก็ดูจะพรวดพราดเข้าบอลอยู่ตลอด ส่วนหนึ่งมาจากการต้องเล่นคู่กับสเคอเทลที่ดูจะต้องจูนกันอีกหลายตลบเพราะ ทั้งคู่ถนัดเป็นตัวชนมากกว่าจะเป็นตัวซ้อน สเคอเทลก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเล่นกับแอกเกอร์,คาราเกอร์,โคอาเตส เขารับบทเป็นตัวชนมาตลอด มาเจอซาโก้ที่พุ่งเข้าไปก่อนเสมอทำให้สเคอเทลต้องเป็นตัวซ้อนทำเอาดูเก้ๆ กังๆ ยังไงชอบกล

_______ ถึงรูปเกมจะดูไม่ดีนัก และผลลัพธ์อาจจะไม่ใช่ผลเลิศ แต่เกมนี้ลิเวอร์พูลยังมีอะไรดีๆ ให้ดูอีกหลายอย่าง ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก ผู้เล่นลิเวอร์พูลทุกคนเล่นฟุตบอลจังหวะเดียวได้ดีมาก และการจับบอลทำได้สุดยอด ไม่มีลั่น ไม่ค่อยพลาด การจบสกอร์ในจังหวะที่มีไม่มากนักก็ทำได้ถึง 2 ประตู และในวันที่รูปเกม "ไม่น่ารอด" แบบนี้ยังเก็บได้ 1 แต้ก็ทำให้ยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงต่อไปได้อีก 1 อา่ทิตย์ (แม้จะขาสั่นๆ สักเล็กน้อยก็ตาม)

_______ ไอ้เรื่องที่บ่นก็บ่นกันไป แต่ยังไงๆ ผลงานโดยรวมก็ยังดูดีนะเนี่ย
 -------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้ ค่อนไปทางไม่ค่อยดีนัก

ร็อดเจอร์ - วางแทคติคเริ่มเกมได้ดี ตอนครึ่งหลังน่าจะมีอะไรมาช่วยลูกทีมดีกว่านี้สักหน่อยเพราะท้ายครึ่งแรกก็ เริ่มเห็นช่องโหว่แล้ว (อุดเลยมั้ย หรือขยับเฮนเดอร์สันเข้ากลางมาช่วยไล่ ฯลฯ) ตอนเปลี่ยนอัสปาสลงมาน่าจะลงมาสลับตำแหน่งกับเฮนเดอร์สัน (แต่อาจจะเป็นเพราะหวังให้เฮนเดอร์สันลงไปช่วยวิสดอมก็เป็นได้) การเปลี่ยนตูเร่ลงมาแทนวิสดอมก็โอเคดีในแง่ที่ไม่ดันทุรังใช้วิสดอมต่อใน สถานการณ์ที่เจ้าตัวเริ่มพลาดเยอะและได้ใบเหลืองแล้ว ส่วนการส่งสเตอริ่งก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร อย่างน้อยก็ได้ลุ้นกับลูกโต้ยาวๆ

มินโยเล่ - เซฟได้ดี (เอาจริงๆ แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว) ตัดบอลกลางอากาศได้ตลอด เล่นบอลกับพื้นโดยเฉพาะลูกส่งคืนหลังได้ดีขึ้นมาก ออกบอลพอใช้ได้ ดูมีทิศทางขึ้น

เอนริเก้ - หลังจาก 10 นาทีแรกก็แทบไม่ได้ขึ้นมาช่วยเกมรุกอีกเลย เกมรับคุมพื้นที่ของตัวเองได้ดี เก็บบอลและผ่านบอลขึ้นหน้าได้ เป็นแนวรับที่ดูดีที่สุดในวันนี้

ซาโก้ - พรวดพราดได้ถึงอกถึงใจมาก เห็นบอลเมื่อไหร่พุ่งเข้าใส่ทันที ส่วนใหญ่ก็แม่น แต่ส่วนน้อยที่วืดนี่พาเอาทีมแย่ไปหลายครั้งเหมือนกัน ที่ดูดีคือเร็ว,หนา กลางอากาศไว้ใจได้

สเคอเทล - ซ้อนเพื่อนได้ไม่ดีนัก รวมไปถึงการวิ่งตามคู่ต่อสู้ที่วิ่งทำทางก็ดูจะมีปัญหา แต่การเข้าสกัดและโหม่งทำได้ดี

วิสดอม - ช่วงครึ่งชั่วโมงทำได้ดี แต่ท้ายครึ่งแรกต่อต้นครึ่งหลังที่โดนกดดันหนักขึ้นๆ เริ่มออกอาการสะเปสะปะให้เห็น อ่านเกมไม่ดีและยืนหลุดตำแหน่งหลายครั้งทั้งๆ ที่ไม่ได้เติมขึ้นไปข้างหน้า

ลูคัส - ครึ่งแรกเล่นใช้ได้ เด่นในการเชื่อมเกมและผ่านบอลไปข้างหน้า แต่ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ไม่ดีนัก ส่วนครึ่งหลังนี่วิ่งแทบไม่เจอบอลและเก็บบอลแทบไม่ได้เลย

เจอราร์ด - ความฟิตดูมีปัญหา เคลื่อนที่น้อย (ก็เล่นไปฟัดเกมทีมชาติ 90 นาทีเต็มมาสองนัดนี่) เกมรับช่วยทีมได้น้อยกว่าที่ควร และการเปลี่ยนรับเป็นรุกเคยทำได้ดีกว่านี้

เฮนเดอร์สัน - วิ่งเยอะมากตั้งแต่ต้นเกม ทั้งทำทางแถวริมเส้น, วิ่งไล่แดนกลาง แถมต้องลงไปช่วยถึงมุมธง ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยทีมได้มาก เล่นกับบอลได้ดีด้วย วันนี้จังหวะจับบอลทำได้สุดยอด อย่างไรก็ตาม พอผ่าน 1 ชั่วโมงไปก็ดูหมดแรงวิ่ง ซึ่งทำให้ช่วยทีมได้น้อยลงตามไปด้วย

คูตินโย่ - ไม่มีบอลทะลุช่องให้เห็นสักเท่าไหร่ ลงมาช่วยเชื่อมเกมแดนกลางเยอะกว่าที่ผ่านมาและทำได้ดีเอามากๆ ช่วงเวลาที่มีกับไม่มีคูตินโย่ รูปเกมของลิเวอร์พูลต่างกันไปคนละเรื่องเลย โดยเฉพาะการครอบครองบอล

โมเสส - พาบอลไปกับตัวได้ดี ปัญหาคือคุณน้องเธอเล่นจะพาไปเองอยู่ตลอด จังหวะจบและจ่ายในพื้นที่สุดท้ายทำได้น่าพอใจ

สเตอริดจ์ - เป็นอีกคนที่ดูหมดแรง วิ่งเต็มที่ได้แค่ครึ่งแรก ตอนที่ยังมีแรงอยู่วิ่งทำทาง, จับบอลและเก็บบอลได้ยอดเยี่ยม ฉวยโอกาสยิงลูกแรกได้ดีด้วย พอเริ่มหมดแรงประกอบกับแดนกลางทำเกมไม่ได้ก็หายละลายไปกับพื้นหญ้าในที่สุด

ตัวสำรอง 

อัสปาส -  เล่นคนละสไตล์กับคูตินโย่ ไม่ถนัดในการเก็บบอล ชอบให้แล้วไปมากกว่า ซึ่งพอไม่มีคนวิ่งทำทางดีๆ (สเตอริดจ์หมดแรง, คนอื่นๆ เติมไม่ทันเพราะรับอยู่) เลยกลายเป็นทำให้ทีมเสียบอลเร็ว เล่นไม่ได้แย่(อันที่จริงดูดีด้วยซ้ำ) แต่วิธีเล่นมันไม่เหมาะกับตำแหน่งและสถานการณ์ นาทีสุดท้ายเกือบเป็นฮีโร่แล้วแต่ดันโดนสกัดเสียก่อน

ตูเร่ - ลงมาเล่นได้ดูดีกว่าวิสดอม...แม้จะใช้งานเฮนเดอร์สันหนักไปนิด(ให้เด็กเข้า ก่อนตลอด) แต่รักษาตำแหน่งและเก็บบอลเล่นได้ดีกว่าวิสดอมมาก

สเตอริ่ง - ลงมาลุ้นตามแทคติค แต่ก็ไม่ได้ลุ้นอะไรมาก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...จอนโจ้ เชลวี่ย์... ลอร์ดโวลเดอร์มอร์เวอร์ชั่นมีจมูกคนนี้ ยิง 1 จ่าย 3 ให้กับทั้งสองทีม เล่นเอาสเตอริดจ์ที่ยิง 4 นัดรวด, เอนริเก้ที่เล่นดีสุดในแผงหลังหงอยไปเลย
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments. 

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 1 - 0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีค)


...แฮททริค!...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

----------------------สเตอริดจ์------------------------
คูตินโย่-----------------------------------------อัสปาส
--------ลูคัส----------เจอราร์ด-------เฮนเดอร์สัน-----
เอนริเก้-----แอกเกอร์---------สเคอเทล------จอห์นสัน
-----------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านต่อเนื่องอีกนัด คราวนี้เป็นเกมพรีเมียร์ลีคนัดสำคัญเมื่อต้องเจอกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ร็อดเจอร์ปรับทีมจากนัดก่อนพอสมควร โดยเฉพาะสเคอเทลที่ได้ลงมาแทนตูเร่ที่ฟอร์มกำลังดีแต่เจ็บจากนัดก่อน ส่วนทางฝั่งยูไนเต็ดจัดทีมใช้กองหน้าคู่เป็นเวลเบคกับฟานเพอร์ซี่
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาต่างฝ่ายต่างวิ่งไล่บีบพื้นที่เร็ว อย่าว่าแต่ผู้เล่น คนดูยังแทบหายใจไม่ทัน บอลเคลื่อนที่เร็วมากยังไม่มีใครตั้งเกมหรือครองบอลได้ต่อเนื่อง แล้วก็เป็นลิเวอร์พูลที่ฉวยโอกาสได้ก่อนจากลูกเตะมุมในนาที 4 เจอราร์ดเปิดเข้ามาให้แอกเกอร์โหม่งเข้าไปกลางประตูใส่หัวสเตอริดจ์ที่ เบี่ยงตัวเช็ดบอลตามน้ำเข้าไปได้ 1-0

_______ สกอร์เปลี่ยนแต่รูปเกมยังไม่เปลี่ยน ทั้งสองฝ่ายยังคงเล่นตี่จับกันต่อไป คนครองบอลหันหน้าไปทางไหนก็เจอแต่สตั๊ดพุ่งเข้าหา ช่วงแรกลิเวอร์พูลดูดีกว่าเล็กน้อยเมื่อช่วยกันไล่มากกว่าและตัดบอลได้ มากกว่า แต่พอเลยนาที 10 ไป ยูไนเต็ดเริ่มเล่นช้าลงทำให้ครองบอลได้ต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ

_______ ยูไนเต็ดไม่ได้เน้นแต่ตะบี้ตะบันบุกขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา(ทางเอนริเก้) แล้วผ่านบอลเข้ากลาง บุกได้ต่อเนื่องแต่หาจังหวะจบได้ไม่มากนัก ถึงประมาณนาที 20 ลิเวอร์พูลเริ่มชะลอเกมลงบ้างทำให้การครองบอลกลับมาสูสี รวมทั้งขยับเอาอัสปาสมายืนตรงกลางมากขึ้น เล่นเป็น 4-4-1-1 พอลิเวอร์พูลปรับเกมแล้วทำให้ยูไนเต็ดบุกได้น้อยลงจนกระทั่งจบครึ่งแรกก็ทำ อะไรไม่ได้ สกอร์ยังอยู่ที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเริ่มผ่อนเกมลงไปบ้าง ไล่สูงน้อยลง เน้นคุมพื้นที่กันมากขึ้น ส่วนทางยูไนเต็ดเริ่มเร่งเกมรุกใส่ ดันแผงหลังเติมขึ้นสูงเต็มตัว ทำเกมได้ดีพอสมควรเมื่อครองบอลบุกได้ต่อเนื่อง พาบอลไปได้ถึงสุดเส้นแต่เปิดเข้ากลางได้ลุ้นไม่มากนัก จังหวะได้ลุ้นส่วนใหญ่ได้มาจากลูกตั้งเตะโดยเฉพาะลูกเตะมุม

_______ ลิเวอร์พูลเน้นเกมโต้กลับมากขึ้นแต่โต้ได้ไม่ดีพอทำให้เสียบอลเร็ว ช่วงนี้เป็นเกมของยูไนเต็ดอย่างต่อเนื่องแต่แนวรับลิเวอร์พูลยังเล่นกันได้ ดี นาที 60 สเตอริ่งได้ลงแทนอัสปาสและกลายเป็นเป้าหลักของการทำเกมโต้กลับ ขยับเอาคูตินโย่ไปยืนตรงกลางมากขึ้น และเล่นรับลึก+โต้ยาวเต็มตัว

_______ ยูไนเต็ดยังครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่ และลิเวอร์พูลเองก็ยังเล่นโต้กลับได้ไม่ค่อยดีนัก แต่ยังคุมพื้นที่สุดท้ายได้ดีอยู่ นาที 78 จอห์นสันเจ็บและวิสดอมได้ลงแทน ถึงตรงนี้ยูไนเต็ดเร่งเกมเต็มที่ แต่หาช่องผ่านบอลไม่ค่อยได้ ต้องหันไปโยนยาวออกริมเส้นอยู่ตลอด และบอลเปิดเข้ากลางยังไม่ผ่านแนวรับลิเวอร์พูลสักเท่าไหร่

_______ นาที 83 อัลแบร์โต้แทนคูตินโย่ เวลายิ่งเหลือน้อยยูไนเต็ดยิ่งเริ่มหมดไอเดียและดันสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะพอมีโอกาสบ้างแต่ก็ไม่จะแจ้งนัก โดนบีบมุมแคบบ้าง ต้องยิงไกลเอาบ้าง ทำให้ได้ลุ้นประตูไม่มากนัก กลับกันเป็นลิเวอร์พูลที่นอกจากจะคุ้มพื้นที่และประกบตัวรุกได้ยอดเยี่ยม แล้ว เกมโต้กลับยังเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จากพื้นที่ที่ยูไนเต็ดเปิดไว้ค่อนข้างมาก แต่สุดท้ายก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกมลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 เป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน(เฉพาะในลีค) แถมคนยิงยังเป็นสเตอริดจ์คนเดิมและคนเดียวด้วย
-----------------------------------------

_______ ตอนเห็น 11 ตัวจริง ผมไม่ได้แปลกใจกับตัวจริงลิเวอร์พูลเท่าไหร่ แต่แปลกใจเล็กน้อยกับตัวจริงของยูไนเต็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเล่นจริง ยูไนเต็ดเล่น 4-4-2 เต็มตัว เน้นเกมริมเส้นแล้วเปิดเข้ากลาง...ทรงบอลเอฟเวอร์ตัน(ยุคก่อนที่เฟอร์ไลนี่ จะเล่นได้อย่างตอนนี้)เป๊ะๆ ซึ่งดูจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ในเกมนี้

_______ ผมมองว่าแทคติคของมอยส์เป็น สิ่งที่ตัดสินรูปเกมในวันนี้ ครึ่งแรกมอยส์เลือกให้ลูกทีมขึ้นเกมริมเส้นก่อนเน้นไปที่ฝั่งขวา ที่ทำเอาผมงงมากๆ เพราะวัดเฉพาะเกมรับ เอนริเก้ดูดีกว่าจอห์นสันอยู่แล้ว แถมแบ็คของยูไนเต็ดเองก็เป็นฟิล โจนส์ที่แม้จะเล่นได้ แต่ถ้าเทียบกับเอฟร่าที่อยู่อีกฝั่ง เกมรุกไม่น่าจะดีกว่า ทำให้ครึ่งแรกเกมของยูไนเต็ดต้องหวังพึ่งฟาน เพอร์ซี่อย่างเดียวและทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก ครึ่งหลังแม้ยูไนเต็ดจะเร่งเกมเต็มที่ แต่วิธีเข้าทำไม่เปลี่ยน เพียงแต่ย้ายไปขึ้นอีกฝั่งบ่อยขึ้น ฟานเพอร์ซี่กับเวลเบคอาจจะเป็นกองหน้าที่เล่นลูกกลางอากาศไม่ขี้เหร่แต่ก็ ไม่ใช่จุดเด่น ตัวสำรองที่ลงมาทั้งสามคนก็ไม่ได้มีผลกระทบในแง่แทคติค ถ้าจะเล่นกันแบบนี้อย่างเดียวไปซื้อเฟอร์ไลนี่มาเลยดีมั้ย?

_______ สาเหตุสำคัญที่ตัดสินรูปเกม รวมไปถึงตัดสินเกมในวันนี้ด้วย หนีไม่พ้นผู้ตัดสินอย่างอังเดร มาริเนอร์(หวังว่าจะฟังชื่อไม่ผิด) เกมวันนี้เข้าบอลกันค่อนข้างหนัก แต่ผู้ตัดสินปล่อยเกมไหลบ่อยครั้ง และผู้เล่นยูไนเต็ดโดนใบเหลืองกันเร็วและง่ายเหลือเกิน...4 ใบตั้งแต่ครึ่งแรก เทียบกับผู้เล่นลิเวอร์พูลที่โดนจับฟาลว์ในจังหวะเข้าบอลหนักๆ น้อยกว่า และโดนใบเหลืองกันแต่ 2 คน ทำให้เล่นง่ายไม่ต้องพะวงใบเหลืองเหมือนผู้เล่นยูไนเต็ด อย่าว่าแต่จังหวะจุดโทษที่ถ้าเป็นสมัยเซอร์อเล็กซ์ยังคุมอยู่ ดีไม่ดีโดนไป 2 จุดโทษแล้วครับ

_______ มองแบบเป็นกลาง (แต่โปรดอย่าลืมว่าคนพิมพ์เป็นเด็กหงส์) ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าเข้าข้างลิเวอร์พูล แค่ไม่เข้าข้างยูไนเต็ดเท่านั้นเอง แต่ถ้ามองจากมุมเด็กผี...สงสัยจะหนีไม่พ้นคำกล่าวหาที่เด็กหงส์บางคนไปก่น ด่าเค้าไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี่ละครับ

_______ โอเค วกกลับมาที่ทีม วันนี้ลิเวอร์พูลโชคดีที่ได้ประตูออกนำเร็ว แต่ที่น่าประทับใจเอามากๆ คือสามารถเกาะกุมความได้เปรียบเอาไว้ได้จนจบเกม ผู้เล่นเล่นได้ตามแทคติคที่วางไว้ตลอดเกม ครึ่งแรกไล่บีบกันเร็วมากๆ และช่วยกันทุกคน ครึ่งหลังก็คุมพื้นที่สุดท้ายได้ดี ประกบคู่ต่อสู้ได้ยอดเยี่ยม แถมจังหวะที่ผู้เล่นยูไนเต็ดจับบอลหรืออกบอลไม่ดี ผู้เล่นลิเวอร์พูลก็พร้อมใจกันไล่ทันที แทบไม่มีจังหวะที่เห็นใครวิ่งไล่ดุ่ยๆ แบบไร้สาระอยู่คนเดียวให้เห็นเลย เรียกว่าวิ่งไม่เหนื่อยเปล่าครับ ที่สำคัญคือช่วงครึ่งหลังที่ยูไนเต็ดได้ครองบอลบุกใส่เยอะ แต่ลิเวอร์พูลกลับไม่ได้ถูกกดดันมากนัก (ไม่เหมือนนัดก่อนกับ 2 นัดล่าสุด ที่โดนกดหัวทิ่ม) นัดนี้โดนบุกเยอะก็จริง แต่กลายเป็นบอลที่ผ่านเข้ามาถึงเขตโทษเหมือนเตะอัดใส่กำแพง คู่ต่อสู้หาโอกาสยิงแทบไม่ได้เลย นี่ถ้าสเตอริ่งหรือคูตินโย่เล่นได้ท๊อปฟอร์ม มีสิทธิชนะขาด

_______ ดูในเกมอาจจะต้องลุ้นเหนื่อยหน่อย แต่ชนะรวด 3 นัด...ไม่เสียประตูอีกต่างหาก ดีกว่านี้ไม่มีแล้วครับ ไม่ต้องเล่นเหนือชั้นอลังการครองบอล 80 เปอร์เซ็นต์พับสนามบุกก็ได้
 -------------------------------

นัดนี้เล่นตามแทคติคได้ดี

ร็อดเจอร์ - ปรับแทคติคตามสถานการณ์ได้ดี โดยเฉพาะการตัดสินใจเปลี่ยนมาเล่น 4-4-1-1 ตั้งแต่ช่วงกลางครึ่งแรกที่ทำให้แดนกลางแน่นกว่า เก็บบอลจังหวะสองและบีบให้ยูไนเต็ดเล่นตรงกลางไม่ได้เลย ต้องวางยาวเป็นส่วนใหญ่

มินโยเล่ - ยืนตำแหน่งได้ดี มีลูกเซฟสวยมากๆ ให้เห็นอยู่ครั้งสองครั้ง ปิดมุมได้เร็ว ที่ยังดูไม่ดีนักก็เรื่องตัดลูกกลางอากาศที่ทุบไม่ค่อยไปไหน และการเตะเปิดเกมที่ได้ดีเท่าไหร่

เอนริเก้ - แทบไม่ได้ขึ้นมาเกินกว่าครึ่งสนาม เล่นเกมรับอย่างเดียวและทำได้ค่อนข้างดี ตัดบอลคืนมาได้น้อยกว่าที่ผ่านมาแต่ก็ไม่โดนเผาและคู่ต่อสู้ไปได้ไม่ค่อยถึง เส้นหลัง

แอกเกอร์ - เล่นได้เหนียวแน่นทั้งกลางอากาศและบนพื้น ประกบกองหน้าได้สุดยอดมาก คู่ต่อสู้แทบไม่มีจังหวะเล่นเลย

สเคอเทล - ประกบคู่ต่อสู้ได้ดีเช่นกัน เข้าบอลได้หนักแน่นและไม่เสียฟาลว์

จอห์นสัน - เกมรุกขึ้นน้อยกว่าที่ผ่านๆ มา ตัดสินใจเลี้ยงเองเมื่อไหร่บรรลัยเมื่อนั้น เกมรับมีจังหวะที่เล่นไม่ค่อยละเอียดเกือบทำทีมเสียจุดโทษ แต่โดยรวมนั้นคุมพื้นที่และเล่นเกมรับได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะการคุมเสาสองในจังหวะที่คู่ต่อสู้เปิดบอลเข้ามา

ลูคัส - เคลื่อนที่และอ่านเกมได้ดีมาก ตัดเกมในจังหวะสำคัญได้ดี ทำเสียฟาลว์ระยะอันตรายเยอะพอสมควรแต่ถ้าไม่ทำบอลก็ไปถึงเขตโทษแล้ว ตัดบอลและเชื่อมเกมได้โดดเด่น

เฮนเดอร์สัน - เคลื่อนที่ได้ดี ช่วยบีบพื้นที่กลางสนามได้เยอะ เข้าถึงบอลตลอด เก็บบอลและคุมจังหวะการเล่นในเกมโต้กลับได้ดี ส่วนเกมรุกในจังหวะเข้าทำแทบไม่ได้มีส่วนร่วมเลย...แหงล่ะ ต้องเล่นเกมรับเป็นหลักนี่

เจอราร์ด - วางบอลยาวได้ไม่ดีนัก ผ่านบอลเชื่อมเกมพอใช้ได้ แต่บอลเกมรุกก็ไม่ได้เด็ดขาดอะไร การอ่านเกมช่วยทีมไว้ได้เยอะ ดักตัดบอลกลางทางและเก็บบอลจังหวะสองที่กองหลังสกัดออกมาแล้วได้ดี

คูตินโย่ - ไม่มีพื้นที่และเวลาให้เล่น โดนเข้าเร็วตลอด เล่นเกมรุกไม่ออก แต่มาทำดีในเกมรับที่วิ่งไล่แล้วไม่เข้าพรวดพราด บีบพื้นที่ได้ดี แถมแอบแซะบอลได้พอสมควร

อัสปาส - เล่นไม่ค่อยออก โดนจับฟาลว์บ่อย มีดีตรงความขยันที่ขยันได้เิดิร์ค เค้าท์จริงๆ ช่วยงานกองกลางได้เยอะทีเดียว

สเตอริดจ์ - มีสติและปฏิกิริยาที่ดีจนทำให้ทีมได้ประตูแรก ถ้าลนลานหรือตกใจไปก่อนดีไม่ดีจะกลายเป็นช่วยคู่ต่อสู้สกัดเอา ช่วงท้ายครึ่งแรกต่อต้นครึ่งหลังโดนตัดออกจากเกมไปพอสมควร นัดนี้ดึงจังหวะเรียกฟาลว์ได้ดีหลายครั้ง ในเกมรุกไม่ค่อยมีคนช่วยเท่าไหร่และไปเองก็โดนรุมจนทำอะไรไม่ถนัด

ตัวสำรอง 

วิสดอม - เล่นเกมรับได้ดี สกัดได้เด็ดขาด

สเตอริ่ง - ลงมาทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลยอยู่พักใหญ่ๆ เลี้ยงก็ไม่ผ่าน ทำทีมเสียบอลตลอด แต่ช่วง 4-5 นาทีก่อนหมดเวลาที่มีพื้นที่ให้เล่นเยอะๆ ก็เริ่มกระเตื้องขึ้น เกือบยิงปิดกล่องได้ด้วย

อัลแบร์โต้ - ไม่ได้ทำอะไรมากนัก พยายามจะช่วยเล่นแบบเผาเวลาก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มาร์ติน สเคอเทล + ดาเนี่ยล แอกเกอร์... เพราะการเก็บฟานเพอร์ซี่ให้มีโอกาสยิงแค่ 2-3 ครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนั้นยังลืมไปเลยว่าเวลแบคอยู่ในสนาม และชิชาริโต้ถูกเปลี่ยนลงมา
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.