วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 1-1 ฮาร์ท(ยูโรป้า) ลิเวอร์พูลเข้ารอบด้วยประตูรวม 2-1


...ก็กลัวจะเบื่อ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

---------------------ซัวเรส---------------------

---เฮนเดอร์สัน----เจอราร์ด-----มอแกน-----

----------------อัลเลน--------เชลวี่------------

ดาวนิ่ง----คาราเกอร์----สเคอเทล-----เคลลี่

----------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับฮาร์ทในเกมยูโรป้านัดที่สอง ร็อดเจอร์สส่งตัวสำรองลงพอสมควร โดยเฉพาะริมเส้นที่เปลี่ยนยกแผงทั้งสองฝั่ง เฮนเดอร์สันกับมอแกนได้โอกาสลงสนามทั้งคู่ รวมไปถึงดาวนิ่งที่ได้เล่นในตำแหน่งแบคซ้าย  และเคลลี่ได้เล่นแบคขวา แต่ยังมีหัวใจในแนวรุกอย่างเจอราร์ดและซัวเรสลงสนาม
-------------------------------------------------------

               เกมครึ่งแรกเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า "ไม่มีอะไร" ฮาร์ทนั้นพยายามจะเร่งเกมเร็ว วิ่งไล่บีบพื้นที่ตั้งแต่แดนหน้า เน้นเกมรุกขึ้นทางด้านขวา(ดาวนิ่ง)เป็นส่วนใหญ่ ชลอเกมรุกของลิเวอร์พูลได้แต่หาโอกาสจบสกอร์แทบไม่ได้ ส่วนทางฝั่งลิเวอร์พูลเน้นการครองบอลเต็มที่ เคาะบอลกันไปมาในแดนหลังและแดนกลาง สลับกับเล่นเร็วไปข้างหน้าในบางจังหวะ ครองบอลได้มาก ปิดเกมรุกของฮาร์ทได้สนิท แต่เกมรุกของตัวเองบอลไปไม่ค่อยถึงเขตโทษและหาโอกาสจบไม่ค่อยได้เช่นกัน จบครึ่งแรกไปในลักษณะนี้ 0-0

               เข้าครึ่งหลังรูปเกมคล้ายเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือฮาร์ทเริ่มไล่บอลน้อยลงและตั้งเกมของตัวเองไม่ได้เลย ส่วนลิเวอร์พูลที่ไม่ได้เร่งอะไรมากนักแต่มีพื้นที่และมีเวลามากขึ้นค่อยๆ ทำเกมรุกกดดันได้มากขึ้น เข้าถึงพื้นที่สุดท้ายและได้ลุ้นประตูเป็นระยะแต่พลาดในจังหวะสุดท้ายบ่อยครั้งทำให้ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำ

               นาที 62 สเตอริ่งได้ลงมาแทนมอแกน ลิเวอร์พูลที่เห็นฮาร์ทไม่มีอะไรมาสู้เริ่มหันมาเน้นเกมบุกและเร่งเกมมากขึ้น กดดันได้อย่างต่อเนื่องมีโอกาสหลายต่อหลายครั้งแต่จังหวะสุดท้ายถ้าไม่ออกบอลพลาดกันไปเองก็เป็นซัวเรสที่ฝืนเล่นจนเสียบอลอยู่ตลอดจนทำให้เกมยัง 0-0 อยู่

               นาที 76 บอรินี่ได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สันอีกคน รูปเกมยังไม่เปลี่ยนและลิเวอร์พูลก็ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำสักที กลับกลายเป็นฮาร์ทที่มาโชคดีได้ประตูนำก่อนอย่างเหลือเชื่อในนาที 85 จากจังหวะที่ทิมเปิลตันเก็บบอลจังหวะสองได้แตะหาช่องแล้วยิงไกลนอกเขต บอลพุ่งเข้าตรงตัวเรน่า แต่เรน่าดันรับไม่อยู่บอลปลิ้นเข้าประตูให้ฮาร์ทขึ้นนำ 1-0

               หลังจากได้ประตูกลายเป็นฮาร์ทที่มีแรงฮึดพยายามเร่งเกมอีกครั้งและทำได้ดีพอสมควร ส่วนลิเวอร์พูลก็โต้กลับด้วยบอลยาวจากพื้นที่ด้านหลังของฮาร์ทที่เปิดไว้ค่อนข้างเยอะ และสุดท้ายเป็นลิเวอร์พูลที่ทำก่อน นาที 88 จากจังหวะที่ตัดบอลได้แล้วโต้เร็วกลับมา บอรินี่จ่ายให้ซัวเรสพลิกหลบแนวรับแล้วลากไปจนเกือบสุดเส้นหลังก่อนที่จะยิงมุมแคบเสาแรกผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปได้ 1-1

               เวลาที่เหลืออยู่ฮาร์ทพยายามเร่งแต่ก็พลาดกันไปเองหมดไม่ได้ลุ้นอะไร ลิเวอร์พูลปิดเกมเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จด้วยผลเสมอ 1-1 สกอร์รวม 2-1
-----------------------------------------

               ร็อดเจอร์สวางแทคติคเกมนี้มาชัดเจนมากว่าต้องการเน้นการครองบอล ไม่ได้ต้องการเปิดเกมรุกใส่ ในแนวรับแม้แบ็คจะขึ้นสูงทั้งสองข้าง แต่ตรงกลางจะมีอัลเลนยืนต่ำอยู่ใกล้คู่เซ็นเตอร์อยู่ตลอด รวมไปถึงเชลวี่ย์ที่ไม่ได้ดันขึ้นไปสูงมากนัก ทำให้จังหวะขึ้นบอลของฮาร์ทที่เน้นวางยาวมาที่กองหน้าโดนรุมกินโต๊ะเก็บบอลไม่ได้ ส่วนการต่อบอลสั้นไม่ผ่านตั้งแต่แนวเชลวี่ย์ - เจอราร์ด ไกลมาได้ถึงแค่อัลเลน คู่เซ็นเตอร์แทบไม่ต้องสกัดบอลเรียดเลย ส่วนเกมรุกแค่เล่นกันไปตามจังหวะ มีช่องก็ค่อยให้ ซึ่งกับแนวรับยุ่ยๆ ของฮาร์ทแค่นี้ก็ดีพอที่จะทำให้ทีมมีโอกาสจบสกอร์อยู่เรื่อยๆ ถ้าดูในมุมเน้นผลการแข่งขัน วันนี้ลิเวอร์พูลก็ทำได้ตามเป้าในเรื่องรูปเกมไม่มีอะไรผิดพลาด

               แต่สิ่งที่ทำให้เกมที่ไม่มีอะไรและไม่ควรจะมีอะไรกลายเป็นต้องเจอความกดดัน (4 นาที) อย่างไม่น่าเชื่อก็หนีไม่พ้นความผิดพลาดส่วนบุคคล ซึ่งหนีไม่พ้นนักแตะสองคนคือซัวเรสกับเรน่า คนแรกฝืนแล้วฝืนอีกทำทีมเสียโอกาสขึ้นนำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ส่วนคนหลังพลาดลูกง่ายๆ ในช่วงที่เกือบหมดเวลาทำเอาทีมเกือบต้องเหนื่อยกันต่อในช่วงต่อเวลา

               ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ควรต้องเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด ไม่งั้นต่อให้เล่นดีให้ตายยังไงก็ยากที่จะได้ผลตามต้องการ ซึ่งนับเป็นปัญหาที่รับมือยากยิ่งกว่าการวางแทคติค, จัดตัวผู้เล่นลงสนาม, เปลี่ยนเกมระหว่างการแข่งเสียอีก ก็ต้องดูต่อไปว่าร็อดเจอร์สจะรับมือกับปัญหาแบบนี้ได้ดีแค่ไหน หลังจากที่ฤดูนี้ในเกมแข่งอย่างเป็นทางการ ลิเวอร์พูลโดนไปแล้ว 6 ประตู จาก 4 นัดและ 4 ใน 6 ประตูที่เสียไปเป็นการผิดพลาดง่ายๆ คล้ายๆ กันนี้ด้วย ถ้าแก้ไม่ได้...

               ...พรุน...
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันค่อนข้างดี

เรน่า - ไม่มีอะไรทำนอกจากเตะบอลที่เพื่อนคืนหลังมาให้ ไม่เจอความกดดัน ไม่ต้องเซฟลูกยาก แต่เรน่าคงกลัวแฟนบอลจะเบื่อเลยปล่อยให้บอลปลิ้นเข้าประตูให้เกมมันตื่นเต้นซะอย่างนั้น

ดาวนิ่ง - เล่นแบ็คซ้ายได้ไม่ขัดเขิน ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกฮาร์ทพยายามจะเจาะตรงพื้นที่นั้นแต่ดาวนิ่งก็รับมือได้ไม่ลำบากนัก ขยันเติมเกมรุก มีความเร็ว แต่เปิดบอล...เข้าป่า

คาราเกอร์ - สกัดบอลหวาดเสียวหวุดหวิดจะฟาลว์หลายครั้งแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่พลาด เล่นลูกกลางอากาศได้ดีและออกบอลใช้ได้ ไม่โยนทิ้งโยนขว้างหรือจ่ายไปเข้าเท้าคู่ต่อสู้

สเคอเทล - ประกบกองหน้าได้ดี แรงปะทะดีกว่าเยอะ ลูกกลางอากาศก็เก็บได้หมด ไม่เจองานยากอะไร วันนี้มีจังหวะวางบอลยาวไปริมเส้นสวยๆ ให้เห็นอยู่ 2-3 ครั้ง

เคลลี่ - แทบไม่ต้องเล่นเกมรับ ไม่เจอความกดดัน ครึ่งแรกเติมเกมรุกเยอะมากและไปได้ถึงสุดเส้น เปิดเข้ากลางดีบ้างไม่ดีบ้าง ก่อนที่ครึ่งหลังจะค่อยๆ หายไป

อัลเลน - ขาดความแข็งแกร่งเอามากๆ เบียดไหล่ต่อไหล่เอาไม่ค่อยจะอยู่ แต่เข้าบอลและอ่านทางแม่น ครองบอลไว้กับตัวได้เหนียวแน่นและผ่านบอลได้ดีมาก

เชลวี่ย์ - ลดความดุลงไปเยอะ ไม่ค่อยวิ่งเข้าไปอัดคู่ต่อสู้สักเท่าไหร่ เบียดและเพรซซิ่งอย่างที่คนอื่นเขาทำกันได้แล้ว ปิดพื้นที่และไล่บอลได้ดี ออกบอลได้แม่นโดยเฉพาะบอลยาวไปพื้นที่ว่างวันนี้เชลวี่ย์ทำได้ยอดเยี่ยม

เจอราร์ด - เล่นไม่ออก การพาบอลไปกับตัวทำได้ไม่ค่อยดีนัก ประสานงานกับผู้เล่นแดนหน้าคนอื่นแทบไม่ได้เลย ยังขยับหาที่ว่างและเชื่อมเกมได้ดีพอใช้ แต่โดยรวมนับเป็นกองกลางที่ฟอร์มด้อยที่สุดในจำนวน 3 คน

เฮนเดอร์สัน - ไม่ค่อยเล่นทางริมเส้นมากนัก ส่วนใหญ่ขยับเข้ามาช่วยตรงกลาง ไม่มีส่วนกับเกมรุกเลย ส่วนเกมรับก็ไม่พลาดแต่ก็ไม่โดดเด่นนัก ที่ดูดีหน่อยคือผ่านบอลสั้นได้เร็วและแม่น ยังคงเอกลักษณ์ของฟอร์มการเล่นแบบชั่วไม่มีดีไม่ปรากฎได้เหนียวแน่น

มอแกน - ครึ่งแรกได้โอกาสเล่นในพื้นที่สุดท้ายพอสมควร ตัดสินใจช้าไปหน่อย ดูเกร็งและตั้งใจจนพลาดเยอะ พาบอลทำเกมเองไม่ได้แต่หาพื้นที่ได้ดีและมีความเร็วกดดันคู่ต่อสู้ได้พอใช้

ซัวเรส - ช่วงต้นเกมออกบอลจังหวะเดียวได้สุดยอดมาก แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งฝืนพาบอลเล่นเองคนเดียวมากเกินไป ทำบอลเสียเยอะมาก จังหวะควรจ่ายไม่จ่าย หลายครั้งที่เพื่อนรอโล่งอยู่ไม่มีตัวประกบก็ไม่ให้ เป็นวันที่ฟอร์มไม่ดีเอามากๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังอุตส่าห์ยิงประตูสำคัญ(แบบยากๆ เช่นเคย)ให้ทีมได้สำเร็จ

ตัวสำรอง

สเตอริ่ง  - เริ่มมั่นใจมากขึ้น มีความเร็วและพาบอลไปกับตัวได้ดีมาก แต่ที่ไม่ดีคือเจ้าตัวเริ่มจะเห็นซัวเรสเป็นไอดอลแล้ว

บอรินี่ - ไม่ค่อยได้เข้ามาใกล้เขตโทษนัก ส่วนใหญ่ก็ช่วยเคาะบอลทำชิ่งอยู่แถวๆ ริมเส้น

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โฮเซ่ เรน่า... ถ้านับฟอร์มโดยรวมวันนี้ก็เล่นดีพอๆ กันหลายคน แต่จำเป็นต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับคนที่ทำให้เกมนี้กลับมาตื่นเต้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ได้ลูกนั้นเกมนี้ก็แทบไม่เหลืออะไรให้พูดถึงแล้ว :P

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 2 - 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้(พรีเมียร์ลีค)



...เอาน่ะ ดีกว่าแพ้...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

---------------------ซัวเรส---------------------

-------สเตอริ่ง------เจอราร์ด-----บอรินี่-------

----------------อัลเลน--------ลูคัส-------------

จอห์นสัน----สเคอเทล----โคอาเตส-----เคลลี่

----------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลเล่นนัดเหย้าในเกมลีคเป็นนัดแรกในฤดูนี้เจอกับของหนักอย่างแมนฯ ซิตี้ ร็อดเจอร์สต้องปรับนักเตะบางตำแหน่งตามสถานการณ์ที่มีตัวเจ็บ-แบน โดยจอห์นสันยังต้องลงเล่นแบคซ้ายต่อไป ขวาเป็นเคลลี่ โคอาเตสได้โอกาสลงแทนแอกเกอร์ที่ติดโทษแบน นอกนั้นยังเป็นผู้เล่นตัวหลักชุดเดิม
-------------------------------------------------------

               เกมเริ่มมาแค่ 5 นาทีลูคัสก็เจ็บจนต้องเปลี่ยนเชลวี่ย์ลงมาแทน ลิเวอร์พูลยืนกันค่อนข้างต่ำกว่านัดที่ผ่านๆ มา เน้นคุมพื้นที่แล้วอาศัยการทำเร็วจังหวะตัดบอลได้ ส่วนซิตี้เคาะบอลตามช่องกันไปเรื่อย ไม่ถึงกับเร่งมาก แต่ก็สามารถพาบอลมาป้วนเปี้ยนแถวหน้าเขตโทษได้บ่อย แนวรับจังหวะ 1-1 เอาตัวรุกซิตี้ไม่อยู่จนทำให้ลิเวอร์พูลต้องถอยลงไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ซิตี้บีบเกมได้ดีจนลิเวอร์พูลครองบอลตั้งเกมของตัวเองได้น้อยลง แต่จังหวะสุดท้ายในการเข้าทำยังฝ่าแนวรับได้น้อยมาก ทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสจบสกอร์

               20 นาทีแรกเป็นของซิตี้เกือบหมด แต่เมื่อเล่นแล้วเจาะพื้นที่สุดท้ายไม่เข้า หลังจากผ่าน 20 นาทีไปเกมเริ่มกลับมาเป็นของลิเวอร์พูลบ้าง ตัวรุกอย่างสเตอริ่ง เจอราร์ด ซัวเรสเริ่มได้บอลและทำเกมได้ต่อเนื่อง หาโอกาสจบสกอร์ได้บ้างเป็นระยะ สุดท้ายหลังจากบดได้สักพักใหญ่ๆ ลิเวอร์พูลก็ทำได้สำเร็จจากลูกเตะมุมในนาที 34 เจอราร์ดเปิดเข้ากลางมาให้สเคอเทลโถมเข้ามาโหม่งเข้าไปได้ 1-0

               เกมส่วนใหญ่ยังเป็นของลิเวอร์พูลอยู่แต่ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ ส่วนซิตี้มาเร่งในช่วง 5 นาทีสุดท้าย กดดันแนวรับได้พอสมควรแต่ยังหาโอกาสไม่ไ้ด้มากนัก จบครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง ซิตี้ดันแผงหลังสูงขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลก็หันมาไล่บอลในแดนหน้ามากขึ้น เกมค่อนข้างสูสีส่วนใหญ่สู้กันอยู่ในแดนกลาง แต่ลิเวอร์พูลมาพลาดก่อนในนาที 63 ซิตี้ได้โอกาสครอสบอลจากริมเส้น เรน่าขึ้นตัดบอลพลาด บอลไปตกใส่หน้าขาเคลลี่ตั้งให้ตูเร่ยิงซ้ำจ่อๆ 1-1

               หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูลยังประคองสถานการณ์อยู่ไม่ตกเป็นรองซิตี้ที่พยายามเร่งเกม นาที 66 เอนริเก้ได้ลงมาแทนเคลลี่ และจอห์นสันได้กลับไปเล่นฝั่งขวาเหมือนเดิม อีกทั้งจากจังหวะเปลี่ยนตัวนั้นซัวเรสยิงฟรีคิกสุดสวยอ้อมกำแพงเสียบเสาแรกเข้าไปให้ทีมพลิกกลับมานำอีกครั้ง 2-1

               ซิตี้พยายามเร่งเกมเต็มที่แต่เจาะไม่ค่อยเข้า กลายเป็นลิเวอร์พูลที่ฉวยโอกาสที่ตัดบอลได้ทำเร็วจนเกือบได้ประตูอยู่หลายครั้งแต่จังหวะสุดท้ายยังขาดๆ เกินๆ อยู่ เข้า 15 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลเริ่มชลอเกมเล่นช้าลงเน้นความแน่นอนมากขึ้น เกมทำท่าว่าจะเข้าทางเพราะซิตี้ยังบุกกดดันได้ไม่ต่อเนื่องเท่าไหร่ และลิเวอร์พูลก็ยังครองบอลได้อยู่ แต่แล้วนาที 80 สเคอเทลส่งคืนหลังพลาด โดนเตเบซวิ่งโฉบเอาบอลไปดวลเดี่ยวกับเรน่าก่อนจะยิงผ่านไปได้ให้ซิตี้ตีเสมอ 2-2

               หลังจากสกอร์กลับมาเท่ากันเกมก็เปิดแลกกันทันที ซิตี้พยายามเร่งต่อจะแซงชนะ ส่วนลิเวอรืพูลก็ไม่ได้ถอยไปรับแต่พยายามตั้งเกมบุกต่อ นาที 83 คาโรลได้ลงแทนบอรินี่สลับเอาสเตอริ่งไปขวา หันมาใช้บอลโด่งโยนเข้าเขตโทษบ่อยขึ้นและกดดันได้เป็นระยะแต่ทำประตูไม่ได้ ส่วนซิตี้เองก็เปิดเกมรุกขึ้นมาได้ถึงเขตโทษเช่นกัน แต่จบสกอร์ไม่สำเร็จ สุดท้ายเลยทำได้แค่เสมอแบ่งแต้มกันไป 2-2
-----------------------------------------

               ขอเริ่มจากซิตี้ก่อนเลย อันเนื่องมาจาก 11 ตัวจริงวันนี้ของซิตี้จัดกลางรับมา 2 คน ไม่ใช้ซิลบา ทั้งยังเอาตูเร่ไปยืนแบ็คซ้ายทำให้เกมรุกของซิตี้ขึ้นไม่ถนัด กองกลางทำเกมรุกไม่ได้ ตูเร่เติมขึ้นมาช่วยเกมรุกไม่ได้ทั้งยังเปิดโอกาสให้สเตอริ่งเล่นได้ค่อนข้างง่าย เป็นเหตุให้ชั่วโมงแรกเกมของซิตี้ดูติดขัดอึดอัดไม่น้อย อีกทั้งฟอร์มของนักเตะซิตี้เองก็เล่นกันได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะตัวรุกอย่างนาสรี่ บาโลเตลี่ เตเบซทำอะไรไม่ได้เลย จนทำเอาทีมเกือบพัง และน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกมวันนี้ออกมาเป็นอย่างที่เห็นด้วย ...แต่อย่าลืมว่าในวันที่เล่นได้ไม่ดีแบบนี้ ยังอุตส่าห์เก็บแต้มได้ (ถ้ารวมนัดแรกด้วยก็ล่อเข้าไป 4 จากที่ควรจะเป็น 0) ซิตี้ทีมนี้น่ากลัวจริงๆ ครับ

               ส่วนสาเหตุสำคัญอีกอย่างคือฟอร์มของลิเวอร์พูลเอง วันนี้ที่โดดเด่นไม่ใช่เรื่องของความสามารถเฉพาะตัวแต่เป็นการเล่นได้ตามแทคติคที่วางไว้มากกว่า ช่วง 20 นาทีแรกของเกมที่โดนซิตี้บุกเข้าใส่ นักเตะทุกคนคุมพื้นที่ของตัวเองได้ดีมาก กองหลังไม่สกัดบอลทิ้งมั่วซั่ว ริมเส้นสองตัวอย่างบอรินี่และสเตอริ่งลงมาช่วยแบ็คตลอด กองกลางสามคนเก็บบอลจังหวะสองและปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดีจนทำให้ซิตี้ไม่มีจังหวะยิงไกลหรือเก็บบอลที่เด้งออกมาจากเขตโทษได้เร็วนัก แม้จะตั้งเกมของตัวเองไม่ได้แต่ก็เล่นได้อย่างอดทนไม่ลนลานเสียสมาธิจนกระทั่งผ่าน 20 นาทีแรกมาได้สำเร็จ ซึ่งเกมหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็กลับมาเล่นเกมของตัวเองได้ดี หาโอกาสจบสกอร์จากโอเพ่นเพลย์ได้ เซตพีซก็เด็ดขาดพอที่จะทำให้ได้ประตูขึ้นนำถึงสองครั้ง เกือบชนะ และอย่างน้อยเก็บแต้มแรกในฤดูนี้ได้สำเร็จจากทีมที่แข็งแกร่งอย่างซิตี้

               ข้อด้อยของนัดนี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่าความผิดพลาดส่วนบุคคล ลูกแรกนี่พลาดกันเป็นชุด ตั้งแต่สเตอริ่งที่บังทางเปิดบอลได้ไม่ดี จอห์นสันที่ดันปล่อยให้สเตอริ่งดวลเดี่ยวกับนักเตะซิตี้ ตัวเองดันวิ่งหุบเข้ากลางไม่ยอมมาช่วยซ้อน ทั้งที่ตรงกลางมีเพื่อนยืนรอดักบอลอยู่หลายคนแล้ว เรน่าที่ขึ้นตัดบอลพลาด และจบที่เคลลี่ที่ถึงแม้บอลจะพุ่งมาหาเร็วแต่ก็น่าจะทำอะไรได้ดีกว่านั้น ส่วนลูกที่สองคงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก... รวมไปถึงโอกาสของซัวเรสที่ใช้ค่อนข้างเปลือง จนพลาดโอกาสการทำประตูอย่างน้อย 2-3 ครั้ง ทั้งหมดนี้เลยทำให้ลิเวอร์พูลชวดชัยชนะนัดแรกของฤดูนี้อย่างน่าเสียดาย

               ส่วนข้อดีมีให้เห็นเยอะเลยทีเดียว การเล่นได้ตามแทคติคเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับฟุตบอลยุคนี้ซึ่งนักเตะลิเวอร์พูลแสดงให้เห็นว่าทำได้ การตั้งเกมรุกในจังหวะโอเพ่นเพลย์ทำได้เร็ว ดุดัน และสร้างโอกาสได้ เซตพีซที่กลับมาทำประตูได้อีกครั้งหลังจากฤดูก่อนได้ประตูจากเซตพีซน้อยเหลือเกิน ซึ่งยืนยันว่าอย่างน้อยที่สุด...

               ... ฤดูนี้ลิเวอร์พูลเล่นได้สนุกน่าดูกว่าเดิมครับ...
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี (เล่นตามแทคติค - เล่นเป็นทีม)

เรน่า - 20 นาทีแรกอ่านเกมยืนตำแหน่งพลาดให้เห็นพอสมควร หลังจากนั้นก็ตั้งสติกลับมาได้ โดยรวมก็เล่นได้พอใช้จนกระทั่งมาพลาดหนักในจังหวะเสียประตูแรก ส่วนประตูที่สองที่โดนไปน่าจะต้องชมมากกว่าที่ไม่ทะลึ่งไปรวบเตเบซจนโดนจุดโทษ-ไล่ออกแล้วทีมอาจจะถึงขั้นพลิกแพ้ได้ ขึ้นตัดบอลกลางอากาศได้ไม่ดีนักตลอดทั้งเกม

จอห์นสัน - เล่นซ้ายแล้วดูจะไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ เติมเกมรุกได้ไม่ถนัดนัก แต่วันนี้เก็บบอลได้ดี จังหวะพาบอลขึ้นหน้าไม่ว่าจะส่งหรือเลี้ยงเองแทบไม่พลาดเลย เกมรับก็ดูใช้ได้ ยกเว้นจังหวะที่ชอบปล่อยให้สเตอริ่งไปดวลกับปีกไม่ยอมเข้าไปไล่หรือซ้อน ซึ่งจอห์นสันทำแบบนั้นอยู่ตลอดที่อยู่ด้านซ้ายเลย แต่พอโดนโยกกลับมาขวาก็เล่นได้ดีทีเดียว

สเคอเทล - ช่วงแรกมีปัญหากับบาโลเตลี่พอสมควรแต่ก็เอาตัวรอดไปได้ เล่นได้อย่างแข็งแกร่งทั้งลูกโด่งและการเข้าปะทะ จนกระทั่งมาตกมาตายจ่ายถวายพานให้เตเบซมันซะอย่างนั้น โดยรวมถือว่าเล่นได้ดีทีเดียว โหม่งทำประตูได้ด้วย

โคอาเตส - เข้าบอลเร็วขึ้น ยังเล่นสไตล์หวาดเสียวด้วยการดักสกัดมากกว่าจะวิ่งเข้าไปเบียดปะทะ พลาดนิดหน่อยจนเกือบทำทีมพังอยู่หนนึง แต่โดยรวมก็ถือว่าเล่นได้ดีไม่แพ้...หรือน่าจะดีกว่าตัวสำรองคนนั้น

เคลลี่ - ทำอะไรไม่ได้เลยตลอดเกม แต่ที่ทำได้ดีขึ้นคือไม่ก่อความผิดพลาด ปิดพื้นที่ตัวเองได้พอใช้ จ่ายบอลไม่พลาด ขยับตัวหาที่ว่างเพื่อช่วยเชื่อมเกมได้ดี เล่นได้ในระดับพอใช้ได้...แต่อย่าพึ่งลงตัวจริงจะดีกว่า

ลูคัส - โดนบอลเหมือนกันนะ

อัลเลน - ลูกหนักในการเ้ข้าปะทะไม่ค่อยมี เบียดไหล่ต่อไหล่เอาไม่ค่อยอยู่ แต่นอกนั้นทำได้ดีมาก ออกบอลได้ดี มองกว้าง มีจังหวะจ่ายได้เสียให้เห็นเป็นระยะด้วย เก็บบอลครองบอลได้เหนียวแน่น เอาเป็นว่าทำให้เกมรับของลิเวอร์พูลที่ไม่มีลูคัสไม่ได้ดูแย่ลงก็แล้วกัน แทบสนับสนุนเกมรุกดีกว่าด้วย

เจอราร์ด - ทำเกมรุกได้ไม่ดุดันนัก หนักไปทางผ่านบอลเร็วไปให้คนอื่นทำมากกว่า ลูกยิงไกล จ่ายทะลุ พาบอลเลี้ยงจี้เข้าไปเองทำได้ไม่ดีและแทบไม่มีให้เห็น แต่มาเด่นเอามากๆ ตรงการคุมจังหวะแดนกลางทั้งในการขึ้นเกมรุกและมาช่วยปิดพื้นที่ในเกมรับ

บอรินี่ - หาตำแหน่งจบสกอร์ได้ดีเอามากๆ แต่พอบอลมาถึงกลับทำพลาดไป และบางครั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีแต่บอลดันมาไม่ถึง มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนัก

สเตอริ่ง - เล่นได้ไม่เลวและกดดันตูเร่ได้ตลอด ถึงแม้ว่าจะหลุดผ่านไปได้จริงๆ ไม่มากนักแต่ก็ยังพอครองบอล เก็บบอลได้ ออกบอลและผ่านบอลเข้ากลางได้ดีด้วย ทั้งยังขยันวิ่งขึ้นวิ่งลงและไล่บอล ถึงแม้ว่าเกมรับจะดูไม่จืดเท่าไหร่นักก็ตาม

ซัวเรส - ใช้โอกาสค่อนข้างเปลือง เล่นฝืนมากไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายการพาบอลไปกับตัวยังกดดันแนวรับได้ดี และยังมีทีเด็ดจากลูกฟรีคิกอีกด้วย

ตัวสำรอง

เชลวี่ย์  - ลดข้อผิดพลาดลงได้มากจนแทบไม่มีให้เห็น ออกบอลได้แม่นยำ ครองบอลได้ดี และเข้าไล่บอลได้อย่างมีสติไม่ค่อยพรวดพราดจนเสียฟาลว์

เอนริเก้ - ลงมาเล่นได้ดีกว่าเคลลี่แค่นิดหน่อย แต่ที่ดีกว่าคือทำให้จอห์นสันได้กลับไปเล่นทางขวา

คาโรล - หาบอลเจอและใช้ลูกกลางอากาศกดดันแนวรับได้พอสมควร ท้ายเกมมีจังหวะโหม่งในกรอบเขตโทษแต่เลือกโหม่งชง ไม่เลือกโหม่งฝัง (หรือโหม่งผิดเหลี่ยมก็ไม่แน่ใจ) มีความแตกต่างจากตัวรุกคนอื่น เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนักเมื่อต้องการเปลี่ยนเกม

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โจ อัลเลน... เล่นได้คงเส้นคงวาที่สุดตลอดระยะเวลาที่อยู่ในสนามแล้ว ข้อผิดพลาดแทบไม่มีให้เห็น

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ฮาร์ท 0 - 1 ลิเวอร์พูล (ยูโรป้าลีค)


...นึกว่าดูผิดคู่...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-5-1 (ริมเส้นสองฝั่งยืนต่ำในแนงกลางมากกว่าขึ้นไปข้างหน้า)

---------------------บอรินี่----------------------

สตอริ่ง--อดัม--สเปียริ่ง--เชลวี่ย์--เฮนเดอร์สัน

โรบินสัน---แอกเกอร์----คาราเกอร์----เคลลี่

----------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมยูโรป้าออกไปเยือนฮาร์ทที่สกอตแลนด์ ร็อดเจอร์สปรับทีมส่งผู้เล่นดาวรุ่งและตัวสำรองลงเพียบเพื่อเก็บตัวหลักไว้กับเกมใหญ่ที่ต้องเจอซิตี้ในช่วงสุดสัปดาห์ โกล์ยังเป็นเรน่าเหมือนเดิม แผงหลังมีดาวรุ่งอย่างโรบินสันที่ได้ลงแบคซ้าย แผงกลางสำรองยกชุดและหน้าเป้าเป็นบอรินี่คนเดียว
-------------------------------------------------------

               เริ่มมาเกมค่อนข้างเร็ว ทั้งสองฝ่ายเร่งเกมและจ่ายบอลกันพลาดไปเองเยอะ ไม่มีใครครองเกมได้ต่อเนื่อง ฮาร์ทนั้นไล่เพรซซิ่งเร็วในแดนกลางและแย่งบอลกลับมาได้เร็ว แต่เร่งมากจนพลาดและบอลไปไม่ค่อยถึงข้างหน้า ส่วนลิเวอร์พูลจ่ายบอลกันพลาดแทบตลอดเวลา บอรินี่แทบไม่เจอบอล เกมส่วนใหญ่เน้นเจาะตรงกลางซึ่งยังฝ่าเข้าไปไม่ได้

               ยิ่งเล่นฮาร์ทยิ่งดูดีขึ้น สวนทางกับฝั่งลิเวอร์พูลที่ยิ่งเล่นยิ่งพลาด เกมเป็นของฮาร์ทมากขึ้น แต่คุณภาพในการเข้าทำที่เข้าขั้นห่วยแตกทำให้ลิเวอร์พูลยังไม่เจอความกดดันอะไรมากนัก ผ่าน 20 นาทีแรกของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มชลอเกมหันมาเล่นช้าลง เน้นความแน่นอนมากขึ้น รวมไปถึงเริ่มเน้นขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายด้วยสเตอริ่งมากขึ้น ทำให้เกมโดยรวมกลับมาสูสี

               ช่วงท้ายครึ่งแรกฮาร์ทเริ่มแผ่วลงไป แต่ลิเวอร์พูลก็ยังรุกได้ไม่ต่อเนื่องและไม่มีความเด็ดขาด จังหวะได้ลุ้นจบสกอร์มีไม่มากและส่วนใหญ่ต้องรอให้ฮาร์ทพลาดให้ซึ่งก็มีไม่บ่อยนัก ลิเวอร์พูลน่าจะได้ประตูขึ้นนำในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเมื่อสเตอริ่งตัดบอลขวางสนามได้ พาบอลขึ้นไปถึงหน้าเขตโทษก่อนจ่ายให้บอรินี่ได้ยิงแบบไม่มีคนประกบ แต่บอรินี่ดันยิงไปชนเสา จบครึ่งแรกยังเสมออยู่ 0-0

               เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลปรับแทคติคด้วยการดันริมเส้นสองฝั่งสูงมากขึ้น เน้นขึ้นเกมทางซ้ายด้วยสเตอริ่งเต็มที่ เล่นช้าลง เพิ่มความแน่นอนในการออกบอลให้มากขึ้น ทำให้เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าและรูปเกมดูดีกว่า แต่สุดท้ายยังหาจังหวะจบได้น้อยและบุกได้ไม่ต่อเนื่องเท่าไหร่

               นาที 62 ดาวนิ่งได้ลงมาเล่นแบคซ้ายแทนโรบินสัน ก่อนที่ 6 นาทีถัดมาอัลเลนจะได้ลงมาแทนสเปียริ่งอีกคน เกมโดยรวมค่อนข้างสูสี ฮาร์ทเริ่มกลับมาเร่งและไล่บอลเร็วอีกครั้งแต่จบสกอร์กันไม่ได้เรื่อง ส่วนลิเวอร์พูลสเตอริ่งโดนดัก 2-3 คนและเข้าประกบเร็วตลอดจนเล่นไม่ค่อยออก ส่วนตัวรุกคนอื่นยังทำเกมกันไม่ได้ ทำให้หาจังหวะลุ้นประตูได้ไม่มากนัก

               อย่างไรก็ตาม สุดท้ายลิเวอร์พูลยังอุตส่าห์ทำประตูขึ้นนำจนได้ นาที 78 เคลลี่เติมขึ้นมาเปิดบอลเรียดเข้ากรอบเขตโทษแบบวัดดวง บอลผ่านกองหลังมาได้ 3 คน บอรินี่ชาร์จบอลไม่โดนแต่บอลไปโดนกองหลังของฮาร์ทที่วิ่งประกบบอรินี่มาเข้าประตูไป 1-0

               หลังจากได้ประตูนำ ลิเวอร์พูลก็เล่นช้าลงไปอีก พยายามเน้นการครองบอลสลับกับออกบอลยาวจังหวะโต้กลับแต่ส่วนใหญ่ก็จ่ายพลาดกันไปเอง ทางด้านฮาร์ทพยายามโหมเกมรุกเต็มที่แต่หาจังหวะเข้าทำในพื้นที่สุดท้ายไม่ได้ ได้แต่บอมบ์เข้ามาวัดดวงในเขตโทษซึ่งไม่ได้ผลมากนัก นาที 92 มอแกนได้ลงมาแทนบอรินี่อีกคนก่อนที่จะจบเกมด้วยสกอร์ 1-0 ลิเวอร์พูลเบียดชนะได้สำเร็จ
-----------------------------------------

               จากโปรแกรมในช่วงนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าร็อดเจอร์สเลือกส่งทีมชุดนี้ลงสนาม ถึงแม้ว่าจะเป็นเกมยุโรปนัดเยือนแต่คู่ต่อสู้อย่างฮาร์ทที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรมาสู้มากนัก การจัดทีมแบบนี้เลยไม่ทำให้รู้สึกว่าประมาทหรือผิดพลาดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นักเตะลิเวอร์พูลก็ยังอุตส่าห์ลดระดับลงไปเล่นให้มันสูสีกับคู่ต่อสู้มันซะอย่างนั้น มันไม่เกี่ยวกับว่าเป็นผู้เล่นดาวรุ่งหรือตัวสำรองหรือแทคติคใหม่ของผู้จัดการทีมเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นฟอร์มส่วนตัวของนักเตะเกือบทั้งทีมที่พากันดรอปอย่างน่าใจหาย ให้บอลสั้นๆ ง่ายๆ ก็ยังอุตส่าห์พลาด บอลยาวไม่ต้องพูด จังหวะการเข้าทำด้วยตัวเองหากันแทบไม่ได้ทั้งๆ ที่คู่ต่อสู้ก็ไม่ได้เล่นเหนียวแน่นอะไร จนดูแทบไม่รู้ว่าเป็นลิเวอร์พูล นึกว่าเวสต์แฮมหรือคิวพีอาร์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกมวันนี้ออกมาดูไม่จืดด้วย

               นับเป็นฟอร์มการเล่นที่ชวนให้หวาดหวั่นจริงๆ เมื่อตระหนักว่าคนที่เล่นกันอยู่นั่นคือคนที่ต้องลงสนามมาในกรณีที่ 11 ตัวจริงเล่นไม่ได้...เรียกว่าตัวจริงห้ามเจ็บห้ามแบนห้ามป่วยห้ามตาย ลูกห้ามป่วยแฟนห้ามคลอดกันเลยทีเดียว

               จังหวะได้ประตูถึงว่าเป็นความพยายามที่ดีของเคลลี่ และเป็นโชคดีเล็กๆ ที่บอลไปโดนกองหลังถูกเหลี่ยม ทำให้ลิเวอร์พูลได้เปรียบลากยาวไปถึงเกมนัดที่สองด้วย ยิ่งดีหนักเข้าไปอีกเมื่อมองไปถึงเกมลีคนัดก่อนและหลังเกมยุโรปนัดที่สองที่จะจัดตัวได้ง่ายขึ้น สรุปแล้วถึงรูปเกมนัดนี้จะแย่ยิ่งกว่านัด WBA แต่การได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เล่นยังไงไม่รู้ล่ะ แต่ชนะ เทียบกับการเล่นดีแต่จบด้วยความพ่ายแพ้หรือได้แค่เสมอ...

                ...ก็ไม่เลวนักหรอก ...
----------------------------------

นัดนี้เล่นกัน...แย่มาก

เรน่า - ฮาร์ทมีจังหวะยิงพอสมควร แต่ลูกยากๆ จริงมีแค่ลูกเดียวและเรน่าก็เซฟได้ดี วันนี้ได้บอลบ่อยกว่าบอรินี่อีก อ่านเกม,ออกมาตัดบอลและใช้เท้าเล่นได้ีดี

โรบินสัน - ...หลอน

แอกเกอร์ - เล่นลูกกลางอากาศได้ดี มีจังหวะสกัดไม่ขาดให้เห็นบ้างนิดหน่อย ผ่านบอลขึ้นหน้าได้ดี ไม่ใช่วันที่เล่นได้ท๊อปฟอร์มแต่ถือว่าเป็นกองหลังที่เล่นดีที่สุดแล้ว

คาราเกอร์ - พลาดนิดๆ หน่อยๆ หลายครั้ง และพลาดหนักจนทีมเกือบเสียประตูถึงสองครั้ง ยังดีว่ากองหน้าฮาร์ทก็ออกทะเลไปด้วยกันเลยพอเอาตัวรอดมาได้แบบสะบักสะบอม อย่างเดียวที่ยังดีอยู่คือลูกกลางอากาศ

เคลลี่ - รับคือกับคู่ต่อสู้ที่พาบอลเลี้ยงจี้ได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าวิ่งเบียดไหล่ต่อไหล่ดูจะลำบากไม่ใช่น้อย ยืนสูงแต่ช่วยเกมรุกไม่ได้เลย ทั้งยังตามมาปิดพื้นที่ด้านหลังได้ช้า จังหวะที่ทำให้ทีมได้ประตูแทบจะเป็นจังหวะเดียวที่เคลลี่ขึ้นไปเล่นเกมรุก

สเปียริ่ง - หาตำแหน่งรองบอลจากกองหลังได้ไม่ดี ทำให้บอลไปถึงข้างหน้าได้ช้า เก็บบอลจังหวะสองได้น้อย อ่านเกมได้ไม่ดีเปิดพื้นที่หน้าเขตโทษไว้เยอะมาก เป็นวันที่เล่นได้ไม่ดีเลย

อดัม - วางบอลยาวพลาดเกือบทุกลูก บอลสั้นดีบ้างไม่ดีบ้าง ทำเกมด้วยการพาบอลขึ้นมาเองได้ดีอยู่สองสามครั้ง รวมไปถึงเป็นคนเดียวในแผงกลางที่หาจังหวะยิงไกลได้ แต่ก็ไม่เข้ากรอบ

เชลวี่ย์ - ได้บอลเยอะที่สุดในทีม มีส่วนร่วมกับเกมเยอะมากทั้งเกมรุกและเกมรับ เล่นในบทบาทคล้ายๆ เจอราร์ด วันนี้ออกบอลพลาดเยอะมากจนน่าใจหาย แต่การเข้าบอลเนียนขึ้น เสียฟาลว์น้อยลง รวมไปถึงยังมีการผ่านบอลดีๆ ให้เห็นมากกว่าคนอื่น

เฮนเดอร์สัน - น่าจะเป็นแทคติคที่โดนสั่งมาที่ทำให้เฮนเดอร์สันไม่ได้เล่นทางกว้างมากนักแต่หุบเข้ามาช่วยตรงกลางซะเยอะ โผล่มาครั้งเดียวคือจังหวะผ่านบอลเข้าเขตโทษให้บอรินี่ได้ลุ้นยิง นอกนั้นก็แทบไม่รู้ว่าอยู่ในสนาม

สเตอริ่ง - เป็นคนเดียวที่กดดันแนวรับได้ ใช้ความเร็วเล่นงานคู่ต่อสู้ได้ดี จังหวะ 1-1 ผ่านได้เกือบทุกครั้ง ปัญหาคือแรงปะทะไม่มี ถ้าคู่ต่อสู้ถึงตัวคือเสร็จทุกครั้ง และจบสกอร์ได้ไม่ดีเท่าไหร่

บอรินี่ - ยังคงวิ่งทำทางและหาตำแหน่งได้ดี แต่เพื่อนจ่ายมาแต่ละลูกถ้าไม่ไปคนละช่องก็ได้แต่ใช้สายตามองตาม ชนิดที่ว่ามีมอเตอร์ไซต์ก็ไม่รู้ว่าจะไปรับทันมั้ย ทำได้ไม่ดีในจังหวะได้ยิงช่วงท้ายครึ่งแรกที่ได้ยิงโล่งๆ ไม่มีคนประกบแต่ทำได้แค่ชนเสา

ตัวสำรอง

ดาวนิ่ง  - ไม่โดนกดดันจากคู่ต่อสู้มากนัก ลงมาช่วยสเตอริ่งได้ดี

อัลเลน - เล่นได้ดี เก็บบอลจังหวะสองและออกบอลได้ดีกว่าสเปียริ่งลิบลับ

มอแกน - ใส่เสื้อเบอร์ 50

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ราฮีม สเตอริ่ง ... นัดนี้ที่จริงไม่มีใครเล่นได้น่าประทับใจสักคน ที่ดูจะดีกว่าชาวบ้านหน่อยก็มีแค่สเตอริ่ง เรน่า แอกเกอร์ แต่ด้วยความที่กองหลังก็ไม่ได้โดนกดดันอะไรมากนัก และสเตอริ่งเป็นความหวังเดียวในการทำเกม มีฟอร์มที่ดีเอามากๆ ถ้าเทียบกับอายุ ขอยกตำแหน่งนี้ให้เด็กไปก็แล้วกัน

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 3 - 0 ลิเวอร์พูล



...อยากใส่สกอร์กลับด้าน :P
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

---------------------ซัวเรส---------------------

-------บอรินี่------เจอราร์ด-----ดาวนิ่ง--------

----------------อัลเลน--------ลูคัส-------------

จอห์นสัน---แอกเกอร์----สเคอเทล----เคลลี่

----------------------เรน่า-----------------------

               นัดเปิดฤดูกาลใหม่ของผู้จัดการทีมคนใหม่ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส ลิเวอร์พูลออกไปเยือน WBA โดนผู้เล่นตัวจริงนั้นแบคซ้ายโยกจอห์นสันมา แล้วทางขวาใช้เคลลี่ ส่วนตรงกลางคนเล่นคู่ลูคัสเป็นอัลเลนที่พึ่งซื้อมาจากสวอนซีไม่นาน
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาค่อนข้างสูสี WBA ที่ใช้แผงกลาง 5 คนสู้กับลิเวอร์พูลได้ไม่เป็นรอง ทั้งสองฝ่ายเพรสซิ่งในแดนกลางกันได้เร็วมากจนขึ้นเกมกันไม่ค่อยถนัด ทำให้บุกกันได้ไม่ค่อยจะต่อเนื่องนัก แต่ยังพอหาโอกาสได้จากจังหวะฉาบฉวยเล็กๆ น้อยๆ

               ผ่าน 15 นาทีของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลและทำเกมได้ต่อเนื่องขึ้นเล็กน้อย โดยเกมส่วนมากจะขึ้นทางซ้ายที่ดันจอห์นสันขึ้นสูง หุบบอรินี่เข้าใน ส่วนด้านหลังจะถ่างแอกเกอร์ออกไปริมเส้นเล่นหลังแค่ 3 ในจังหวะรุก เร่งเกมเร็วขึ้น ส่วนทางฝ่าย WBA ที่เริ่มตกเป็นรองเล็กน้อยก็ยังสู้ได้ดีและโต้ขึ้นมาได้บ้างเป็นระยะ ไม่ได้รับอย่างเดียว

               ลิเวอร์พูลได้โอกาสยิงไม่น้อยโดยส่วนใหญ่เป็นของซัวเรสแต่ยิงนกตกปลาตายเรียบ กลับกลายเป็น WBA ที่มีโอกาสน้อยกว่าทำได้ก่อนในนาที 43 จากจังหวะได้ลูกเตะมุม ลิเวอร์พูลสกัดออกมานอกเขตโทษไปเข้าทางเกร่าจับบอลแล้วหวดตูมเดียวหายให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 และจบครึ่งแรกไปที่สกอร์ดังกล่าว

               เข้าครึ่งหลัง WBA ลงไปรับต่ำมากขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลดันกันขึ้นสูงมากขึ้นเล็กน้อย ครองบอลได้มากขึ้นแต่เกมโดยรวมยังไม่ถึงกับได้เปรียบ แม้จะหาโอกาสได้บ้างแต่ยังจบกันไม่ได้เหมือนเดิม และเกือบจะมาโดนอีกลูกในนาที 58 จากจังหวะวางบอลยาวโต้เร็วของ WBA สเคอเทลไปลื่นล้มบอลเข้าทาง เชน ลอง หลุดเข้าไปในเขตโทษเบียดกับแอกเกอร์แล้วล้ม ผู้ตัดสินฟิล ดาวน์ให้จุดโทษและให้ใบแดงแอกเกอร์ ลอง ยิงเองแต่ไม่ดีพอไปเข้าซองเรน่า ทำให้สกอร์ยังอยู่ที่ 1-0

               ลิเวอร์พูลเหลือ 10 คนทำให้คาราเกอร์ได้ลงมาแทนดาวนิ่ง และวิบากกรรมของลิเวอร์พูลยังไม่หมด เพียงแค่ 3 นาทีถัดมา จากจังหวะสกัดบอลในเขตโทษ บอลอยู่ในการครอบครองของสเคอเทลแล้วแต่โดน ลอง วิ่งมาฉกจากด้านหลังจังหวะเดียวกับที่สเคอเทลกำลังจะเตะบอลเลยไปเลาะเอาข้อเท้าแทน เสียจุดโทษอีกรอบ คราวนี้เป็นโอเดมวิงกี้ยิงไม่เหลือ 2-0

               นาที 69 โจ โคลได้ลงมาแทนลูคัสอีกคน ลิเวอร์พูลที่เหลือ 10 คนเปิดหน้าแลกเต็มที่ พยายามเปิดเกมสู้ต่อไปแต่เจาะแทบไม่ได้ ส่วน WBA ก็รอโต้ไปเรื่อยๆ อย่างไม่กดดันมากนักและทำไ้ด้ค่อนข้างดีด้วย สุดท้ายนาที 77 จากจังหวะเตะมุม WBA ยังมาได้เพิ่มอีกลูกจากจังหวะที่สกัดบอลไม่ขาดโดนวางย้อนเข้าเขตโทษก่อนจะเปิดไปเสาสองให้ลูคาคูโหม่งจ่อๆ เข้าไปได้ 3-0

               เท่านั้นยังไม่พอ โคลที่พึ่งลงมาเป็นตัวสำรองยังเจ็บเล่นต่อไม่ได้ คาโรลเลยได้ลงมาแทน เวลาที่เหลืออยู่นักเตะลิเวอร์พูลเล่นกันแบบไม่ค่อยมีสมาธิแล้ว จ่ายบอลพลาดและไม่ค่อยวิ่งตามบอล กลายเป็น WBA ที่โต้ขึ้นมาเป็นชุดและหวุดหวิดจะได้ประตูที่ 4 อยู่หลายครั้ง แต่ถ้าไม่ติดเซฟเรน่าก็ยิงพลาดกันไปเอง สุดท้ายเลยจบเกมด้วยสกอร์ 3-0 ของเจ้าบ้าน ก่อนที่ลิเวอร์พูลนัดหน้าจะต้องเล่นกับซิตี้แบบไม่มีแอกเกอร์อีกต่างหาก
-----------------------------------------

               เป็นนัดเปิดฤดูกาลที่ "หลอน" เอามากๆ แน่นอนว่า WBA ในบ้านไม่ใช่หมูและเตรียมใจไว้บ้างแล้วว่าผลอาจจะออกมาไม่เป็นใจนักแต่สกอร์ 3-0 ก็ยังชวนผวาอยู่ดี นัดนี้จะว่าไปถ้ามองในช่วงที่สกอร์ยังไม่ขยับ หรือจะเลยไปถึงช่วงก่อนที่จะเหลือ 10 คนก็ยังได้ ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีพอใช้อยู่เหมือนกัน จุดเปลี่ยนสำคัญนั้นน่าจะอยู่ที่การเหลือ 10 คน รวมไปถึงลูกที่ 2 ที่ตามมาติดๆ ที่ทำให้ลิเวอร์พูลช็อคและดับไปอย่างช่วยไม่ได้

               อย่างไรก็ตาม ถ้าจะดูไปถึงสาเหตุสำคัญที่ให้ลิเวอร์พูลตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำและำทำเกมของตัวเองได้ไม่ถนัดนักตั้งแต่แรกก็คงหนีไม่พ้นแดนกลางของคู่ต่อสู้ อันเลนกับลูคัสยังไม่ได้เล่นแย่แต่ปัญหาคือมูลุมบูกับยาคอบของ WBA เล่นได้ดีมาก การเก็บบอลจังหวะสองทำได้ไม่เป็นรอง ทำให้จุดเด่นของแทคติคร็อดเจอร์สที่เน้นการแย่งบอลกลับมาเร็ว รวมไปถึงการชลอเกมโต้กลับของคู่ต่อสู้วันนี้ทำได้ไม่ดี ซึ่งเมื่อแย่งบอลกลับมาได้ช้าและคู่ต่อสู้โต้กลับได้สะดวกก็ทำให้จุดอ่อนของแทคติคนี้แสดงออกมาชัดเจนในรูปเกมตั้งแต่ที่เสียประตูแรกเป็นต้นไป

               มองโลกในแง่ดี อาจพูดได้ว่าเราได้เห็นจุดอ่อนของแทคติคของร็อดเจอร์สแบบครบถ้วนบริบูรณ์กันตั้งแต่นัดแรก ประการแรกคือการดันแผงกลางขึ้นไปเพรสซิ่งเร็วแล้วตัดบอลไม่ได้อย่างที่กล่าวไปแล้วตอนต้น ประการที่สองคือการโดนโต้กลับเร็วแล้วเซนเตอร์ค่อนข้างโดดเดี่ยวไร้แบคและกลางรับมาช่วยกดดันซึ่งทำให้พลาดในจังหวะที่เสียจุดโทษ ประการที่สามคือเมื่อโดนคู่ต่อสู้อุดแล้วจะเจาะยังไง ซึ่งนัดนี้ยังหาคำตอบไม่ได้นอกจากใช้ความสามารถเฉพาะตัวของซัวเรส ประการสุดท้ายที่หลายคนพูดถึงกันมานานแล้วคือ plan B ...ตัวสำรองที่จะลงมาสร้างความเปลี่ยนแปลง หรือการปรับแทคติคให้เหมาะกับสถานการณ์ ในนัดนี้ยังไม่เห็นเลย ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่จะเลือกแก้ว่าจะมาปั้น plan A - บอลสั้นเล่นเร็วเคาะหาช่อง บีบกลางให้แคบ ข้างหน้ามีตัีวเลือกเยอะ ให้มันสุดทางเลยมั้ย เปลี่ยนใครลงมาก็เล่นได้เหมือนกันและไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเล่นยังไงก็จะเจาะได้ หรือจะสร้างแผนสำรองเตรียมไว้บ้าง ไม่ว่าจะเปลี่ยนมาโยนจากริมเส้นมากขึ้น หรือเน้นการพาบอลไปกับตัวมากขึ้นบาง อันนี้ก็คงต้องรอดูว่าร็อดเจอร์สจะเอายังไงแล้วล่ะครับ

               เห็นเร็วก็คงแก้ได้เร็วละครับ

               ...แต่อย่างน้อยที่พูดได้เต็มปากเต็มคำ ลิเวอร์พูลเล่นได้ดุขึ้นและฤดูนี้น่าจะดูบอลกันได้สนุกมากขึ้นครับ...
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ (จนกระทั่งโดนลูกที่ 2)

เรน่า - โดนไปสามลูก แต่ฟอร์มส่วนตัวเล่นได้ดี ถ้าจิตตก สมาธิหลุดตามเพื่อนไป วันนี้อาจโดนครึ่งโหลได้

จอห์นสัน - เติมเกมรุกเยอะ และลงมารับไม่ทัน เปิดพื้นที่ด้านหลังไว้มาก จังหวะสุดท้ายผ่านบอลไม่ว่าจะครอสหรือชิ่งได้ไม่ดี ทั้งอย่างนั้นเกมนี้จอห์นสันแทบจะเป็นตัวทำเกมตัวหลักให้กับทีมเลยทีเดียว

แอกเกอร์ - เล่นได้ดีมาตลอด จนกระทั่งสเคอเทลประเคนมีดมาให้ จังหวะโดนไล่ออกพยายามยั้งแล้วแต่ยังพลาดที่แขนยังกางออกไป

สเคอเทล - เล่นได้ดีมาตลอดครึ่งแรก แต่ครึ่งหลัง หลังจากทำพลาดจนแอกเกอร์โดนไล่ออกก็เริ่มหลุด เก็บบอลไว้กับตัวนานไปนิดจนโดนลูกโทษลูกที่สอง

เคลลี่ - จากแทคติคที่เรียกร้องให้แบคต้องมีส่วนร่วมกับเกมมาก เคลลี่ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่จากการที่เติมเกมรุกไม่ได้ ทำได้แค่เคาะบอลเข้ากลางจนเกมด้านขวาแทบจะตายสนิท เกมรับก็พลอยมีปัญหาไปด้วยการที่ต้องคอยวิ่งขึ้นวิ่งลง

ลูคัส - ต้องวิ่งมากขึ้นและทำให้การตัดบอลทำได้น้อยลง เสียฟาลว์ง่ายขึ้น แต่ดูจากบทบาทที่ได้รับก็ถือว่าทำหน้าที่พอใช้ได้ จ่ายบอลขึ้นหน้าได้ค่อนข้างดี และเข้าถึงบอลได้เร็วแม้จะมีพื้นที่รับผิดชอบกว้างขึ้น

อัลเลน - ...เฮนเดอร์สัน...นัดหน้าว่ากันใหม่

ดาวนิ่ง - จังหวะ 1-1 ไม่ผ่านเลย ทำเกมไม่ได้และทำให้ภาระในเกมรุกไปอยู่กับซัวเรสและจอห์นสันมากเกินไป

บอรินี่ - หายไปจากเกม ไม่ค่อยมีส่วนร่วมมากนัก ไม่เด่นเหมือนตอนที่ได้ทำเกมด้วยตัวเองในนัดก่อนๆ

เจอราร์ด - งานงอก แผงกลางคนอื่นทำเกมไม่ได้ เจอราร์ดต้องรับผิดชอบในการเล่นเกมรุกในพื้นที่แคบๆ อยู่คนเดียว ทำอะไรไม่ได้มากนัก

ซัวเรส - ยังคลำหาเป้าไม่เจอ ยิงยังไงก็ไม่เข้ากรอบ ทั้งที่มีโอกาสมากที่สุดในทีม โดนบังคับให้พาบอลไปเองมากและทำได้บ้างไม่ได้บ้าง

ตัวสำรอง

คาราเกอร์  - หาบอลไม่ค่อยเจอ เข้าไม่ค่อยถึงบอล

โคล - เจ็บอ๊ะ~

คาโรล - ซวยที่สุดที่ได้ลงไปในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับนักฟุตบอล

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 3 - 0 เอฟซี โกเมล (ยูโรป้าลีค)

...ก็เพลินๆ ดี...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

---------------------ซัวเรส---------------------

-------บอรินี่------เจอราร์ด-----ดาวนิ่ง--------

----------------ลูคัส--------เชลวี่ย์-------------

เอนริเก้---แอกเกอร์---สเคอเทล---จอห์นสัน

----------------------เรน่า-----------------------

                 นัดที่สองของรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายฟุตบอลยูโรป้าลีค นัดแรกลิเวอร์พูลบุกไปชนะมาได้ก่อน 1-0 ทำให้เกมนี้ได้เปรียบทั้งเรื่องประตูและได้เล่นในบ้าน จัดผู้เล่นที่น่าจะเป็น 11 ตัวจริงในใจร็อดเจอร์สมาเต็มทีมซึ่งส่วนใหญ่ไม่ต่างจากชุดเดิมเมื่อฤดูก่อนมากนัก มีเพียงบอรินี่ที่ได้เล่นทางฝั่งซ้ายและเชลวี่ย์ที่ได้ลงคู่ลูคัสในแดนกลางที่ต่างออกไป
-------------------------------------------------------

                 เริ่มเกมมาก็เป็นลิเวอร์พูลที่ครองบอลได้มากกว่าและเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ แบคสองข้างยืนสูงครึ่งสนาม เน้นเกมบนพื้นและเล่นกันเร็ว ทางฝั่งโกเมลแม้จะเสียเปรียบเรื่องประตูแต่ยังไม่ได้เร่งเกมมากนักและเน้นเกมรับมากกว่า โดยดันแผงหลังขึ้นสูงทำลายเกมของลิเวอร์พูลด้วยการเชคล้ำหน้าเป็นหลัก และทำได้ค่อนข้างดี

                 ผ่าน 15 นาทีของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มเน้นบุกขึ้นทางริมเส้นฝั่งซ้ายที่ทำได้ไหลลื่น สลับกับวางบอลยาวข้ามแผงหลัง ซึ่งแม้จะโดนดักล้ำหน้าเป็นระยะ แต่รูปเกมโดยรวมกดดันได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงบอลจังหวะสองที่เก็บได้หมด ทำให้เกมเป็นของลิเวอร์พูลอยู่ฝ่ายเดียว จนกระทั่งทำประตูได้สำเร็จในนาที 21 เชลวี่ย์ไปปั้มบอลมาเข้าทางลูคัสจ่ายเร็วให้ซัวเรสในเขตโทษ ก่อนที่ซัวเรสจะไปถึงเส้นหลังหักกลับมาบอลแฉลบไปเข้าทางบอรินี่ยิงเข้าไปได้ 1-0

                 สกอร์เปลี่ยนแต่เกมยังไม่เปลี่ยน โกเมลยังตั้งเกมของตัวเองไม่ค่อยได้ ส่วนลิเวอร์พูลก็ยังพยายามบุกใส่อยู่ จนเข้า 10 นาทีสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลดูจะเริ่มผ่อนเกมลงไปแล้ว แต่โกเมลก็ยังทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก ทั้งยังมาโดนเพิ่มในนาที 41 จากจังหวะที่กองหลังสกัดไม่ขาดโดนซัวเรสปั้มแย่งบอลไปได้ หักเข้ากลางให้เจอราร์ดยิงโล่งๆ 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

                 เข้าครึ่งหลัง โกเมลไล่บอลในแดนกลางมากขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลเล่นช้ากว่าในครึ่งแรก เกมทำท่าว่าจะสูสี แต่ยิ่งเล่นไป เกมก็ค่อยๆ กลับมาเป็นของลิเวอร์พูลเหมือนเดิม เพราะโกเมลไม่สามารถเก็บบอลในแดนกลางได้ รวมไปถึงคุณภาพในการจ่ายบอลที่พลาดกันเองเยอะ สุดท้ายเลยต้องลงไปตั้งรับกันเหมือนเดิม

                 ลิเวอร์พูลบุกไปตามจังหวะและกดดันแนวรับได้เป็นระยะ นาที 71 มาได้เพิ่มอีกประตูจากจังหวะที่กองหลังสกัดไม่ขาด โหม่งมาเข้าทางจอห์นสันได้ยิงไกลนอกเขตโทษเสียบมุมเข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำห่าง 3-0

                 หลังจากนั้นนาที 76 อดัมกับคาราเกอร์ก็ได้ลงแทนเชลวี่ย์กับสเคอเทล เข้า 10 นาทีสุดท้ายของเกม ลิเวอร์พูลเริ่มผ่อนเกมลงไป แต่โกเมลก็ดูเหมือนจะไม่มีลูกฮึดอะไรมาสู้ นาที 86 สเปียริ่งได้ลงมาแทนลูคัสอีกคน หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากนัก จบเกมไปด้วยชัยชนะของลิเวอร์พูลแบบขาดลอยทั้งสกอร์และรูปเกม 3-0
-----------------------------------------

                 เหนือสิ่งอื่นใด ต้องย้ำกันไว้ก่อนเลยว่าวันนี้คู่ต่อสู้เล่นได้ไม่ดีเอามากๆ แผงหลังสกัดบอลไม่เด็ดขาด จัีงหวะขึ้นบอลก็โดนปั้มแย่งไปได้บ่อยๆ แผงกลางหายไปจากเกมแบบยกแผง ส่วนกองหน้าก็โดดเดี่ยวโดนคู่เซ็นเตอร์รุมกินโต๊ะ ทำให้โกเมลวันนี้แทบไม่ได้กดดันอะไรลิเวอร์พูลเลย ไม่ว่าจะเกมรุกหรือเกมรับ และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทั้งสกอร์และรูปเกมวันนี้ออกมาขาดด้วย

                 ทางฝั่งลิเวอร์พูล หลังจากผ่านเกมอุ่นเครื่องและเกมยูโรป้ากับโกเมลในนัดแรกมาแล้ว ถึงตอนนี้แม้จะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนจากเดิมมากนัก แต่อย่างน้อยที่สุดก็เห็นแทคติคที่ต่างกันออกไปได้อย่างหนึ่งคือการเล่นในจังหวะเสียบอลในแดนหน้า จากเดิมในฤดูกาลก่อนที่หลังจากเสียบอลแถวๆ เขตโทษคู่ต่อสู้แล้วเก็บบอลมาบุกต่อได้น้อย หรือกว่าจะเก็บได้บอลก็เลยเข้าไปในฝั่งตัวเองแล้ว มาถึงตอนนี้ แผงกลางแถวสองของลิเวอร์พูล (วันนี้เป็นเชลวี่ย์กับลูคัส) ขึ้นไปกดดันคู่ต่อสู้ที่เก็บบอลแล้วกำลังจะสวนกลับมาได้ดี เข้าถึงบอลได้เร็วมากและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากและบุกได้ต่อเนื่อง

                 อย่างไรก็ตาม วิธีเล่นแบบนั้นใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี สองสามจังหวะของเกมในวันนี้ที่ลูคัสและเชลวี่ย์ดันขึ้นไปบีบสูงแต่โดนแตะหลบหรือจ่ายหักหนีไปได้ ทำเอาแดนกลางเปิดโล่งสุดๆ คู่ต่อสู้บุกขึ้นมาได้เกือบถึงหน้าเขตโทษ ยังดีว่าโกเมลเล่นโต้กลับได้ช้า และเติมกันขึ้นไปไม่ทัน ทำให้คู่เซนเตอร์หรือแบครุมจัดการได้ไม่ยาก ถ้าเล่นแบบนี้กับคู่ต่อสู้ที่เล่นโต้กลับได้ดี มีหวังได้ลุ้นกันหัวใจวายแน่

                 อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้...ฟาบิโอ บอรินี่ นักเตะเพียงคนเดียวที่เติมเข้ามาในทีมแล้วทำให้เกิดความแตกต่าง(ในวิธีการเล่นนะครับ ไม่ได้หมายถึงผลงานของทีม) ฤดูกาลก่อนมีหลายครั้งที่ซัวเรสพาบอลลุยขึ้นไปคนเดียว เพื่อนคนอื่นหลังจากแตะบอลให้แล้วก็ตามไม่ทัน หรือซัวเรสได้บอลแล้วเพื่อนไม่วิ่งทำทางให้ แต่บอรินี่วิ่งตามไปได้แล้วก็ขยันวิ่งด้วย การได้บอรินี่มาร่วมทีมจะทำให้ทีมผลงานดีขึ้นไหมก็ยังไม่แน่ แต่ที่แน่ๆ ซัวเรสน่าจะเล่นได้ง่ายขึ้นมากทีเดียว


                 ...ฤดูกาลนี้น่าจะเล่นกันได้น่าสนุกขึ้นครับ...
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

เรน่า - เล่นหวาดเสียวในเขตโทษอยู่ 3-4 ครั้ง ไม่รู้ผู้จัดการทีมสั่้งมาหรือเรน่าอยากโชว์เอง ไม่พลาดแต่ก็ไม่น่าเล่น จังหวะเซฟไม่มี ออกบอลยาวได้ดีมาก

จอห์นสัน - เติมเกมรุกเยอะมากและทำได้ดี ยิงไกลได้สุดสวยด้วย

แอกเกอร์ - มีงานแค่รอเก็บกินบอลที่ทะลักเข้ามา แทบไม่โดนกดดันอะไร เล่นได้เนียนและไม่มีข้อผิดพลาด

สเคอเทล - เข้าปะทะได้ดี กองหน้าบุกขึ้นมาชนกับสเคอเทลคนเดียวก็ไปแทบไม่ถึงแอกเกอร์แล้ว สกัดได้เด็ดขาดดีมาก ถ้ากองหลังโกเมลเข้าปะทะได้อย่างสเคอเทลคงไม่โดนถึง 3 ลูกหรอก

เอนริเก้ - เติมเกมรุกไม่มากนัก ส่วนใหญ่หนักไปทางช่วยเชื่อมเกมอยู่แถวๆ ครึ่งสนามเพราะเกมรุกข้างหน้า บอรินี่,ซัวเรส,เจอราร์ดทำกันได้เองดีอยู่แล้ว วันนี้จังหวะวิ่งเบียดไปกับคู่ต่อสู้ทำได้ดี ไม่ฟาลว์และเก็บบอลได้เกือบทุกครั้ง

ลูคัส - เล่นต่างออกไปจากเดิมไม่น้อย เกมรับของลูคัสที่เคยเฝ้าอยู่แต่ในแดนตัวเองหรือสูงสุดไม่เกินวงกลม ตอนนี้ต้องขึ้นมาบีบสูงเกือบถึงหน้าเขตโทษคู่ต่อสุ้อยู่ตลอด ในเกมนี้ยังทำได้ดีอยู่ รวมไปถึงการจ่ายบอลไปข้างหน้าที่ทำได้ดีกว่าการแปะบอลไปให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ

เชลวี่ย์ - เล่นแบบวัยรุ่นเหมือนเดิม ไม่ละเอียดและใจร้อน ทำได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่อย่างน้อยก็ทำให้สปีดบอลโดยเฉพาะในครึ่งแรกทำได้เร็วมากๆ

ดาวนิ่ง - ต้นเกมเล่นได้ดี แต่เล่นไปเรื่อยๆ แล้วหายไปจากเกมเพราะเกมไปถึงขึ้นทางซ้ายมากกว่า หาตำแหน่งได้ดี เอาบอลลงได้นิ่ง แต่การกระชากบอลหรือทำชิ่งเล่นได้ไม่ดีนัก ทำเกมในจังหวะตัวต่อตัวก็ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม จังหวะเปิดบอลเรียดเข้ากลางทำได้ลุ้นอยู่หลายครั้งเหมือนกัน

บอรินี่ - คล่องและขยัน การจ่ายบอลเข้าทำดูไม่ค่อยจะดีนัก แต่การหาตำแหน่งทำได้ดี ทั้งการวิ่งทำทางและหาจังหวะยิงเอง ยิงให้ทีมแบบเป็นทางการได้แล้วด้วย ไม่ต้องรอนาน

เจอราร์ด - มีอิสระในการเล่นมาก และดูจะเหมาะกว่าการจับให้อยู่ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งแบบตายตัว ประสานงานกับซัวเรสได้ดี แต่ยังดูจะประสานงากับบอรินี่อยู่ วันนี้คุมจังหวะเกมรุกให้กับทีมได้ดีมาก

ซัวเรส - ถ้าไม่นับเรื่องหงุดหงิดจนหวิดจะเอาฟันไปเฉาะผู้กำกับเส้นที่ยกธงล้ำหน้าบ่อยเหลือเกินแล้ว วันนี้ซัวเรสเล่นได้โดดเด่นมากในเรื่องการทำเกม การเลี้ยงจี้ทำได้ไหลลื่นและผ่านไปได้มากกว่าติด มีส่วนร่วมกับสองประตูแรก รวมไปถึงการสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้มาก แต่เพื่อนดันสร้างโอกาสให้แทบไม่ได้เลยแทบไม่มีโอกาสทำประตูเอง

ตัวสำรอง

อดัม / คาราเกอร์ / สเปียริ่ง - ไม่ได้ลงไปทำอะไรมากนัก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : หลุยส์ ซัวเรส...เป็นคนอื่นได้ยังไงล่ะ

 
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.