วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

นอริช 0 - 3 ลิเวอร์พูล





...El Pistolero...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-5-1

-----------------------ซัวเรส----------------------

เบลามี่--เจอราด--เชลวี่ย์--เฮนเดอร์สัน--ดาวนิ่ง

เอนริเก้----แอกเกอร์----คาราเกอร์----จอห์นสัน

------------------------เรน่า-----------------------

                ลิเวอร์พูลออกไปเยือนนอริชที่ไม่ต้องดิ้นรนอะไรแล้วไม่ว่าจะหนีตกชั้นหรือบอลยุโรป ดัลกลิชเลือกใช้ 4-5-1 โดยใช้ซัวเรสเป็นหน้าเป้า วางเชลวี่ย์ไว้หลังซัวเรส เบลามี่กับดาวนิ่งเล่นทางริมเส้นซ้ายขวาตามลำดับ ส่วนแผงหลังคาราเกอร์ได้ลงเป็นตัวจริงแทนตำแหน่งของสเคอเทล
-------------------------------------------------------

                เริ่มมาเกมก็ค่อนข้างเปิด ทั้งสองฝ่ายตั้งเกมรุกและเล่นบอลบนพื้น นอริชดันแผงหลังค่อนข้างสูง ดันเกมรุกกันขึ้นไปเป็นแผง ในขณะที่ลิเวอร์พูลพอตัดได้ก็จะเร่งจังหวะเกมเร็วและยังพลาดอยู่เป็นระยะ ส่วนทางนอริชพาบอลไปไม่ถึงเขตโทษสักเท่าไหร่

                นาที 24 จากจังหวะการขึ้นเกมผิดพลาดของนอริช โดนเจอราดตัดเอาบอลไปได้ก่อนจะเปิดให้ซัวเรสได้บอลไปยิงเสียบหน้าต่างเสาสองอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0

                หลังจากได้ประตูนำ ลิเวอร์พูลเห็นจุดอ่อนในจังหวะขึ้นเกมของนอริชเลยหันมาเน้นไล่เพรซซิ่งเร็วในแดนหน้าอย่างได้ผล กดดันนอริชได้ต่อเนื่อง จนในที่สุดก็ทำสำเร็จในนาที 28 เป็นซัวเรสที่วิ่งไปดักตัดบอลมาได้ หลุดเดี่ยวไปทางมุมเขตโทษด้านขวาก่อนที่จะแปบอลเสียบโคนเสาสองเข้าไปได้เป็น 2-0

                หลังจากนั้นนอริชค่อยๆ กลับมาตั้งสติครองบอลได้ดีขึ้นแต่เกมรุกยังไม่กระเตื้อง เป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลที่บุกขึ้นไปน้อยกว่าแต่ได้ลุ้นประตูมากกว่า โดยเจอราดเริ่มขึ้นมาเติมเกมรุกมากขึ้นกว่าในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก สุดท้ายยังทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0 ชนิดนอริชยังไม่ได้โอกาสยิงแม้แต่ครั้งเดียว

                เข้าครึ่งหลัง นอริชลงมาเน้นเกมรุกมากขึ้น เน้นลูกยิงไกลและการครอสบอลมากกว่าในครึ่งแรก กดดันได้ถึงหน้าเขตโทษ เรียกลูกเตะมุมได้ติดๆ กันหลายลูกแต่ยังทำประตูไม่ได้ ส่วนลิเวอร์พูลเล่นคล้ายช่วงปลายครึ่งหลังที่ครองบอลน้อยแต่เน้นจังหวะโต้กลับทำเร็วซึ่งยังทำได้ดีอยู่และสามารถลุ้นประตูได้อีกเป็นระยะ แต่ยังไม่สำเร็จ

                ผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกมไป นอริชได้ครองบอลต่อเนื่อง  แต่ยังไม่สามารถหาจังหวะทำประตูหรือกดดันแนวรับได้มากนัก ส่วนลิเวอร์พูลวิ่งไล่บอลน้อยลง ครองบอลน้อยลง และได้โต้น้อยลง ในจังหวะที่หลุดขึ้นไปได้ก็ยังเกือบได้ประตูอยู่เรื่อยๆ แต่พลาดจังหวะสุดท้ายอยู่ตลอด

                นาที 82 นอริชบุกเข้าไปได้ถึงในเขตโทษ ได้ลุ้นประตูแต่ทำไม่สำเร็จ กลายเป็นจังหวะเดียวกันนั้นนักเตะลิเวอร์พูลสกัดบอลออกมาถึงครึ่งสนาม กองหลังนอริชพลาดดักบอลไว้ไม่ได้ทำให้บอลไปถึงเท้าซัวเรส ก่อนจะชิพบอลกว่าครึ่งสนามข้ามหัวผู้รักษาประตูเข้าไปได้อย่างสวยงามและเป็นแฮททริคของเจ้าตัวด้วย ลิเวอร์พูลนำห่าง 3-0

                หลังจากนั้นนอริชก็เริ่มโยนแบบเรื่อยเปื่อย ส่วนลิเวอร์พูลก็เล่นกันไปตามจังหวะ นาที 85 เค้าท์กับโคอาเตสได้ลงสนามแทนเจอราดและซัวเรส ลิเวอร์พูลปิดเกมไปได้อย่างสบาย 3-0
-----------------------------------------

                เป็นนัดที่แทบไม่มีความหมายอะไรแล้วกับทั้งสองฝ่าย ดัลกลิชเลือกใช้ 4-5-1 โดนปรับรายละเอียดแทคติคเล็กน้อย ด้วยการดันเชลวี่ย์ขึ้นมาเป็นตัวรุกเต็มที่ รวมไปถึงการเลือกใช้เชลวี่ย์-เจอราร์ด-เฮนเดอร์สันเล่นพร้อมกันตรงกลาง ซึ่งหลังๆ มาดูเหมือนว่าดัลกลิชเองจะอยากลอง(หรืออยากให้เล่นแบบนี้มากกว่า)ใช้แทนการส่งสเปียริ่งลงสนาม ผลงานโดยรวมที่ออกมาจะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่าสองสามนัดที่ผ่านมาสักเท่าไหร่ แต่ผลลัพธ์(สกอร์)ต่างกันสิ้นเชิง

                สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้คือความคมในการจบสกอร์ ที่ผ่านมาลิเวอร์พูลใช่ว่าจะหาโอกาสไม่ได้แต่ดันยิงทิ้งยิงขว้างไปซะเยอะ ผิดกับวันนี้ที่ซัวเรสในครึ่งแรกยิงสองเข้าสอง ครึ่งหลังยิงสองเข้าหนึ่ง นอกจากเรื่องประตูที่ทำให้ชนะแล้ว ยังหมายถึงการผ่อนคลายความกดดันในเกมลงไปได้ด้วย การนำถึงสองลูกตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกทำให้เล่นง่ายกว่าการเสมออยู่ในขณะที่เวลาเหลือ 10-20 นาทีแน่นอน

                อย่างไรก็ตาม นอกเหนือไปจากการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยมของซัวเรสแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือฟอร์มของนอริชเองด้วย นอริชเล่นแทบจะเป็นคนละทีมกับช่วงครึ่งฤดูกาลแรก พอไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วดูเหมือนความมุ่งมั่นจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งแทคติคที่วางลงมาก็เหมือนจะไม่เน้นผลแต่อยากจะเปิดเกมสู้มากกว่าเพราะทั้งดันสูงและเปิดเกมเข้าใส่ นักเตะเล่นผิดพลาดค่อนข้างมากอีกด้วย

                เป็นอีก 1 นัดในจำนวนไม่กี่นัดที่ลิเวอร์พูลชนะได้ง่ายๆ แบบไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นหรือกังวลในฤดูนี้ แม้จะเปลี่ยนสถานการณ์ในลีคไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะสร้างความมั่นใจให้นักเตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวซัวเรสที่พลาดมาเยอะ มาทำแฮททริคได้แบบใช้โอกาสไม่เปลืองแบบนี้น่าจะมั่นใจขึ้นมากทีเดียว

                ...หวังว่ากระสุนจะไม่หมดไปซะก่อนถึงนัดชิงเอฟเอคัพนะ...
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ค่อนข้างดี

เรน่า - ได้เซฟสวยๆ ครั้งเดียว นอกนั้นก็ไม่มีงานอะไร เตะเปิดเกมเสียค่อนข้างบ่อยแต่ถ้าดูจากการที่กองหน้าเป็นซัวเรสคนเดียว ไม่มีคาโรล ไม่มีเค้าท์ ก็ยังพอรับได้

เอนริเก้ -ออกบอลพลาดเยอะมาก (แต่เกือบทำแอสสิสซ์ได้ถ้าเชลวี่ย์ไม่พลาด) เกมรับไม่ถึงขั้นเหนียวแน่นเหมือนช่วงต้นฤดูกาล แต่โดยรวมแล้วยังดูดีพอใช้ได้ ไม่มีข้อผิดพลาดที่ทำให้ทีมต้องกดดันอะไร

แอกเกอร์ - เข้าปะทะและประกบได้ดี เล่นลูกกลางอากาศได้ดีมาก แต่พอเจอโฮลท์ที่ลงมาเป็นตัวสำรองก็ออกอาการเหมือนกัน

คาราเกอร์
- ช้ามากทั้งจังหวะเข้าบอล, วิ่งตามบอล หลายครั้งที่น่าจะถึงบอลก่อนหรือย่างน้อยตัดบอลทิ้งไปได้ แต่กลับโดนคู่ต่อสู้วิ่งแซงเอาบอลไป อย่างไรก็ตาม ทางบอลวันนี้ไม่พลาด ดักสกัดจังหวะเปิดและยิงได้หมด

จอห์นสัน - แทบลืมว่าอยู่ในสนาม เติมเกมรุกค่อนข้างน้อยและเกมรับก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เล่นได้ดีไม่มีข้อผิดพลาดทั้งเกมรับและการเชื่อมเกมจากหลังไปกลาง เพียงแต่ไม่โดดเด่นสักเท่าไรนัก

เบลามี่ - ยืนฝั่งซ้ายและมีส่วนร่วมกับเกมเป็นระยะๆ กดดันแนวรับพอใช้ได้แต่ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งมาจากทีมเน้นเจาะตรงกลางมากกว่า เล่นในจังหวะโต้กลับหรือทำเร็วได้ดี

เชลวี่ย์ - เล่นตัวรุก - หน้าต่ำเต็มตัว ทำได้ดีในการออกบอลเร็วและมีส่วนทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลวันนี้เร็วขึ้น หาโอกาสและพื้นที่ในเขตโทษได้ดีที่สุดในแผงกองกลางวันนี้ แต่จังหวะยิงพลาดแบบไม่น่าเชื่อทั้งโหม่ง 6 หลาชนคาน และชาร์จ 3 หลาออกข้าง

เฮนเดอร์สัน - ยืนต่ำที่สุดในแผงกลางวันนี้ รักษาพื้นที่ได้ดี นักเตะนอริชที่พาบอลเข้ามาถึงหน้าเขตโทษจะมีเฮนเดอร์สันวิ่งไปนัวเนียอยู่ตลอดเวลา อ่านเกมได้ดีกว่าสเปียริ่ง แต่ดันไม่ค่อยจะเข้าสกัดสักเท่าไหร่สำหรับบทบาทที่ได้รับ ผ่านบอลสั้นได้ดีไม่มีพลาด ส่วนบอลยาวไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก

เจอราร์ด - ช่วงต้นเกมเหมือนจะยืนกลางสนามคอยเปิดเกม แต่เล่นไปเล่นมาด้วยนิสัยส่วนตัวหรือถูกสั่งมาไม่ทราบได้ วิ่งขึ้นไปทำเกมรุกเองมันซะอย่างนั้น มีข้อผิดพลาดน้อยและทำให้เกมรุกไหลลื่นดี ลูกแรกก็ได้มาเพราะเจอราร์ดตัดบอลมาได้

ดาวนิ่ง - ครึ่งแรกคาดว่าไม่ได้ออกมาจากห้องแต่งตัว ส่วนครึ่งหลังมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น ทำได้ไม่เลวในการหาจังหวะยิงเอง(ซึ่งยิงไม่เข้า) วิ่งฉีกออกไปรับบอลทางกว้างได้ดีเอามากๆ ทำให้แผงกลางผ่านบอลไปข้างหน้าได้ง่ายขึ้น

ซัวเรส - หลังจากยิงเสายิงคานยิงติดยิงเหินยิงผ่านปากประตูมาหลายนัด นัดนี้ใช้โอกาสได้คุ้มค่ามาก ทำได้ถึงสามประตู นอกจากนั้นยังดูกระตือรือร้นวิ่งไล่บอล, วิ่งหาพื้นที่ได้ดี บ่นน้อยลงและฝืนเล่นยากๆ น้อยลง

ตัวสำรอง

เค้าท์ - ลงมาเป็นตัวสำรองแต่วิ่งเหมือนเล่นมาแล้วตั้งแต่ต้นเกม ช้าและขาดความคล่องตัวไปมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเกมขาดและเพื่อนไม่ได้เน้นสักเท่าไหร่แล้วด้วย

โคอาเตส - ครั้งเดียวที่เห็นก็คือตอนเปลี่ยนตัวนั่นแหล่ะ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : หลุยส์ ซัวเรส ... เป็นนัดที่เลือก MOM ได้ง่ายที่สุดอีกนัดหนึ่งของฤดูกาลนี้

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 0 - 1 เวสบรอมวิช อัลเบี้ยน


...เจ็บและชินไปเอง...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 (4-4-1-1) เหมือนเดิม


--------------คาโรล------ซัวเรส----------------
มักซี่------สเปียริ่ง------เฮนเดอร์สัน-----เค้าท์
เอนริเก้----แอกเกอร์---สเคอเทล----จอห์นสัน
----------------------เรน่า-----------------------

                กลับมาเล่นในเกมลีคอีกครั้ง ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับ WBA ที่คุมโดยเจ้านายเก่าอย่างรอย ฮอดจ์สัน ดัลกลิชใช้แทคติคเดิมแต่ปรับตัวผู้เล่นไม่น้อย โดยแผงหลังเรน่าพ้นโทษแบน, แอกเกอร์ฟิตสมบูรณ์ ได้กลับมาใช้ชุดที่ดีที่สุดเท่าที่มี แผงกลางพักเจอราดและดรอปดาวนิ่ง

-------------------------------------------------------

                เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายเล่นกันไปตามจังหวะ ไม่ได้เร่งเกมใส่กัน ใช้แผงกลาง 4 คนทั้งสองทีมและไม่ได้เข้าไล่บอลเร็วมากนัก ทำให้เกมไหลไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีจังหวะหยุดแต่ก็ไม่ได้เร็วมากนัก 10 นาทีแรก WBA แทบไม่ได้บอลส่วนลิเวอร์พูลเองที่ครองบอลมากกว่าก็เจาะพื้นที่สุดท้ายไม่ ค่อยได้


                WBA เน้นขึ้นทางขวา(ด้านเอนริเก้) สลับกับบอลยาวแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ ส่วนลิเวอร์พูลกองกลางทำเกมไม่ค่อยได้ แต่มีซัวเรสที่จ่ายบอลสวยๆ ให้เพื่อนหลายครั้งแต่ก็เข้าไม่ถึงบอลบ้าง ยิงพลาดไปเองบ้าง WBA มามีจังหวะลุ้นจริงจังในนาที 28 ที่ได้แถวสองเติมขึ้นมายิงแต่ติดเซฟเรน่า และเป็นจังหวะเดียวในครึ่งแรกที่ WBA ได้ลุ้นประตูด้วย


                ช่วงท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูลกดดันได้ต่อเนื่องแต่จังหวะสุดท้ายยังทำอะไรไม่ได้ใกล้เคียงกับคำ ว่าลุ้นประตู ก่อนจบครึ่งแรกไปเป็นจืดๆ 0-0


                เข้าครึ่งหลังเกมยังเหมือนครึ่งแรก ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่าแต่เจาะเข้าไปลำบาก และจังหวะที่เจาะได้ก็เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ หลุดกรอบบ้าง ชนเสา ชนคานไปเรื่อยๆ ทาง WBA สลับไปขึ้นทางซ้ายดูบ้าง(ด้านจอห์นสัน) แต่ก็ยังทำอะไรได้ไม่ต่างจากครึ่งแรกมากนัก


                จนกระทั่งผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มเร่งเกมและเน้นมากขึ้น กดดันแนวรับได้ต่อเนื่อง ได้ยิงเป็นระยะทั้งใกล้ไกลและลูกเตะมุมเป็นชุดๆ แต่ยังทำอะไรไม่ได้ นาที 68 เบลามี่ได้ลงมาแทนเค้าท์ที่เล่นไม่ค่อยออก ก่อนที่นาที 74 ดาวนิ่งจะได้ลงมาแทนมักซี่อีกคน


                แต่แล้วนาทีถัดมาจากจังหวะไม่น่าจะมีอะไร บอลยาวของ WBA ทิ้งมาที่ว่างริมเส้น จอห์นสันบังบอลได้แล้วแค่คืนให้เพื่อนสั้นโดนตัดไปได้ ก่อนที่โอเดมวิงกี้จะลากเข้าไปยิงผ่านมือเรน่าง่ายให้ทีมเยือนนำ 1-0


                หลังจากเสียประตูลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมมากขึ้นแต่ยังทำประตูไม่ได้ เข้า 10 นาทีสุดท้ายของเกมลิเวอร์พูลยิ่งเร่งยิ่งพลาดเองเยอะขึ้น จ่ายเสียกันไปหมด นาที 83 เชลวี่ย์ได้ลงมาแทนสเปียริ่งแต่ก็ช่วยอะไรทีมไม่ได้ ลิเวอร์พูลทำได้แค่โยนยาวสลับกับครอสบอลแบบไปวัดดวงในเขตโทษเท่านั้นซึ่ง WBA ต้านทานเอาไว้ได้ค่อนข้างดี ก่อนที่จะจบเกมโดยเป็น WBA ที่บุกมาเอาชนะได้ 1-0


-----------------------------------------

                วันนี้นักเตะเล่นกันแบบไร้แรงกระตุ้นและขาดความมุ่งมั่นเอามากๆ ไม่ค่อยวิ่งไล่บอลหรือวิ่งทำทางกันสักเท่าไหร่ รวมไปถึงสมาธิก็ไม่ค่อยจะอยู่กับเกม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักเลยที่ทำให้เกมออกมาเป็นอย่างที่เห็น แต่สุดท้ายแล้ว จุดตัดสินเกมก็หนีไม่พ้นความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ควรเกิดอีกเช่นเคย จอห์นสันพลาดอย่างไม่น่าเชื่อในจังหวะที่ไม่ได้โดนกดดันอะไรมากนักจนทำให้ ทีมเสียประตูถึงขั้นแพ้ไปเลย


                มองไปทางฝั่ง WBA เองก็ไม่ได้เล่นดีสักเท่าไหร่ แค่เล่นไปตามจังหวะเท่านั้น ออกจะไม่ค่อยเน้นด้วยซ้ำ ทั้งการใช้กองกลางแค่ 4 คน, ไล่บอลน้อย และการตั้งโซนรับที่มีช่องโหว่ค่อนข้างมาก แต่ทั้งอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์ชนะกลับไปได้


                ส่วนทางฝั่งลิเวอร์พูล นอกจากเกมรับที่แม้จะได้ตัวหลักกลับมาครบก็ดันไม่ได้เอาฟอร์มดีเหนียวแน่นก่อนหน้านี้กลับมาด้วย เกมรุกก็กลับไปไม่เฉียบคม สภาพคล้ายช่วงต้นฤดูกาลอีกครั้ง มีโอกาสยิงนับไม่ถ้วนทั้งที่พอได้ลุ้นและต้องได้ แต่ก็พลาดเองหมด ชนิดที่ผู้รักษาประตูฝั่งตรงข้ามแทบไม่ได้ต้องโชว์ซูเปอร์เซฟอะไรเลย


                ลิเวอร์พูลยังคงโชคไม่ดีต่อไป จากการยิงชนเสาชนคานอีก 3-4 ครั้งในเกมนี้ แต่สุดท้ายแล้วเสาประตูมันเป็นแค่เสาต้นเล็กๆ 2 ต้น และคานประตูก็อยู่เลยหัวผู้รักษาประตูไปอีกตั้งครึ่งเมตร  มันไม่ใช่เรื่องของโชคที่ทำให้ลิเวอร์พูลไม่ได้ประตู แต่มันเป็นเรื่องความเฉียบขาดมากกว่าจะดีกว่าไหมถ้ายิงให้บอลมันเข้าไปใต้คานระหว่างเสา เป็นประตูไปเลย...


                ...จะได้ไม่ต้องพึ่งโชคกันเยอะขนาดนี้...

----------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ตามมาตรฐานบอลลีคฤดูนี้

เรน่า - เล่นได้ดีทั้งเกม เซฟลูกสำคัญได้ครั้งสองครั้ง ออกบอลเร็ว รวมถึงเปิดเกมได้ดี อย่างไรก็ตาม จังหวะเสียประตูแม้จะเป็นจังหวะตัวต่อตัวที่ทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว เรน่าดูเหมือนจะเสียสมาธิไป ยืนตำแหน่งไม่ดีเอามากๆ ไม่ปิดสักเสาและออกมาปิดมุมช้า


เอนริเก้ - ขยันเติมเกมดี เกมรับแทบไม่มีอะไรให้ทำ ครึ่งแรกแม้จะโดนบุกเจาะแต่ก็ไม่โดนกดดันมากนักพอเอาตัวรอดไปได้ ส่วนครึ่งหลังไม่ได้เล่นเกมรรับเลย ส่วนเกมรุกยังขยันเติมดี แต่การเปิดบอลเข้าเขตโทษเข้าขั้นมั่ว


แอกเกอร์ - เกมรับแทบไม่มีงานให้ทำ เล่นลูกกลางอากาศไม่ดีนัก ส่วนจังหวะที่ขึ้นไปเล่นลูกตั้งเตะน่าจะทำได้ดีกว่านี้ มีอยู่ 2-3 ครั้งที่ควรจะเข้าถึงบอลแต่ก็ทำไม่สำเร็จ


สเคอเทล - ประกบค่อนข้างหลวม เข้าสกัดวันนี้เสียฟาลว์ง่ายไปหน่อย แต่ทางบอลยังดีอยู่ โดยรวมเล่นพอใช้ได้


จอห์นสัน - เกมรับทำได้ดี ส่วนเกมรุกเติมไม่สุดแต่ขึ้นไปต่อบอลเชื่อมเกมได้ระดับนึง มาพลาดหนักเอาตอนจังหวะเสียประตู


มักซี่ - มีส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างมาก แต่จังหวะทีเด็ดทีขาดที่เป็นจุดขายวันนี้ออกไปทางจุดพลุ พอเข้าครึ่งหลังก็ค่อยๆ หายไปก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกในที่สุด


สเปียริ่ง - ขึ้นมาช่วยเกมรุกค่อนข้างบ่อย ออกบอลได้ดี ตัดสินใจยิงไกลได้ดีแต่ดันยิงได้ไม่ดี วิ่งไล่บอลน้อยกว่าที่ผ่านมา


เฮนเดอร์สัน - ช่วงครึ่งแรกเงียบมากและแทบหายไปจากเกม ครึ่งหลังลงมาเล่นได้ดีขึ้น ขยับหาพื้นที่ได้ดีขึ้นและมีส่วนร่วมกับเกมรุกของทีมมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่อยู่ในระดับที่หวังพึ่งอะไรได้


เค้าท์ - เล่นไม่ออก ยังเห็นว่าทุ่มเทแต่ดูเหมือนสังขารจะไม่เอื้ออำนวย ขาดความแข็งแกร่งและวิ่งไม่ค่อยทันไม่ว่าจะหาช่อง, ทำชิ่ง หรือวิ่งลงไปช่วยเกมรับ


ซัวเรส - ครึ่งแรกทำเกมอยู่คนเดียวและจ่ายสวยๆ ให้เพื่อนได้หลายครั้งแต่เพื่อนเอาไปทำเป็นประตูไม่ได้ เข้าครึ่งหลังก็ยังทำเกมคนเดียวเป็นส่วนมาก แต่พอได้โอกาสก็ยิงเองแทบทุกจังหวะ...พลาดเรียบ


คาโรล - เชื่อมเกมได้ดี ทั้งการพักบอลและจ่ายบอล ครึ่งแรกดูเคลื่อนที่น้อยไป หลายครั้งที่ออกบอลไปแล้วดันไม่วิ่งหาตำแหน่งจบสกอร์ เข้าครึ่งหลังเคลื่อนที่มากขึ้น ได้โอกาสมากขึ้น แต่ทำได้ไม่ดีพอจะเป็นประตู


ตัวสำรอง

เบลามี่ - ลงมาทำเกมได้ดีกว่าเค้าท์เล็กน้อย แต่บอลครอสส่วนใหญ่ติดบล็อค รวมไปถึงลูกเตะมุมที่เปิดได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วย


ดาวนิ่ง - แทบไม่ได้บอล เกมไปขึ้นทางเบลามี่เกือบหมด บอลที่มาทางซ้ายบ้างส่วนใหญ่ก็จะไปหาซัวเรสหรือเอนริเก้หมด ไม่มีโอกาสได้ทำอะไร

เชลวี่ย์ - เห็นในจอครั้งเดียวคือพุ่งเข้าไปเสียบข้อเท้่าคู่ต่อสู้

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 2 - 1 เอฟเวอร์ตัน






...ฤดูเดียวต้องไปเล่นที่เวมบลี่ย์ตั้งสามครั้งเลยเหรอ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 (4-4-1-1 ซัวเรสยืนต่ำทำเกมอยู่หลังคาโรล)

--------------คาโรล------ซัวเรส----------------

ดาวนิ่ง----สเปียริ่ง----เจอราร์ด---เฮนเดอร์สัน

แอกเกอร์---สเคอเทล--คาราเกอร์--จอห์นสัน

----------------------โจนส์-----------------------

                เกมตัดเชือก FA Cup ที่เป็นเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้แมทช์ ลิเวอร์พูลส่งตัวที่พักไว้เมื่อเกมกลางสัปดาห์ลงพร้อมหน้า โดยคู่กองหน้าเป็นคาโรล-ซัวเรส ริมเส้นซ้ายเป็นดาวนิ่ง ขวาเป็นเฮนเดอร์สัน แผงหลังมีปรับเล็กน้อยเมื่อแอกเกอร์ได้ลงแบคซ้าย ส่วนตรงกลางเป็นงานของคาราเกอร์
-------------------------------------------------------

                เกมเริ่มมาเป็นเอฟเวอร์ตันที่วิ่งไล่เพรซซิ่งเต็มสนามแต่ลิเวอร์พูลยังใช้บอลสั้นทำเกมได้ค่อนข้างดี เกมสูสีทั้งสองฝ่ายสามารถบุกขึ้นไปจนถึงเขตโทษของอีกฝั่งได้แต่ยังหาโอกาสจบสกอร์กันได้ไม่มากนัก แต่ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ กองกลางของเอฟเวอร์ตันเริ่มทำได้ดีกว่า สามารถปิดเกมรุกของลิเวอร์พูลและครองบอลได้ต่อเนื่องมากขึ้น

                แม้เกมจะเริ่มตกเป็นรองแต่เกมรับลิเวอร์พูลก็ยังสามารถต้านเกมรุกเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จนกระทั่งมาเกิดความผิดพลาดอย่างไม่น่าจะเกิด(ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในช่วงหลัง) นาที 24 จังหวะบอลอยู่ในเขตโทษแต่แอกเกอร์กับคาราเกอร์กั๊กกันเองไม่มีใครสกัด สุดท้ายเป็นคาราเกอร์หวดไปติดเคฮิล บอลเด้งไปเข้าทางเยลาวิชได้ส้มหล่นยิงเข้าไปง่ายๆ 1-0

                หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมและดันขึ้นสูงมากขึ้น แต่กดดันได้ไม่ต่อเนื่องสักเท่าไหร่เพราะเก็บบอลจังหวะสองที่กองหลังเอฟเวอร์ตันสกัดออกมาไม่ค่อยจะได้ ในขณะที่เอฟเวอร์ตันเองก็สามารถเก็บบอลในแดนหน้าได้ดีทำให้ไม่ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับมากนัก

                จนเข้า 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ลิเวอร์พูลปรับแทคติคเล็กน้อย สลับเอาดาวนิ่งมาเล่นขวา เอาเฮนเดอร์สันไปซ้าย แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากนักก็หมดเวลาครึ่งแรกไปก่อนที่สกอร์ 1-0

                เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลหันมาเน้นบุกทางขวาเต็มตัวด้วยการทำเกมของดาวนิ่งและจอห์นสัน รูปเกมดูดีขึ้นมากและสามารถบุกกดดันได้ต่อเนื่องราว 10 นาที ได้ลุ้นจบสกอร์มากขึ้นแต่ยังทำไม่สำเร็จ ส่วนเอฟเวอร์ตันที่ตั้งรับอยู่นานเริ่มหันกลับมาไล่เพรซซิ่งสูงตามเดิมทำให้เริ่มชะลอเกมรุกของลิเวอร์พูลลงได้

                แต่แล้วนาที 62 เอฟเวอร์ตันก็มาพลาดคืนให้ ดิสแตงจ่ายคืนหลังสั้นโดนซัวเรสตัดบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงได้สำเร็จ 1-1 หลังจากเสียประตูเอฟเวอร์ตันเกมรวนไปอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยให้ลิเวอร์พูลโหมเกมรุกกดดันได้อยู่ราว 10 นาที แต่สกอร์ก็ยังไม่ขยับ เข้า15 นาทีสุดท้ายของเกมเอฟเวอร์ตันถึงค่อยตั้งเกมของตัวเองกลับมาได้

                นาที 75 มักซี่ได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สัน เอฟเวอร์ตันเน้นเกมรุกมากขึ้นและเกมเปิดแลกกัน โดยเป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลที่ได้ลุ้นประตูมากกว่า เข้า 10 นาทีสุดท้ายเอฟเวอร์ตันหันมาเน้นการบอบม์เข้าเขตโทษเป็นหลักซึ่งกดดันแนวรับได้พอประมาณ นาที 84 เบลามี่ได้ลงมาแทนดาวนิ่งอีกคน

                ลิเวอร์พูลบุกหนักหวังเอาประตูชัยและมาทำได้สำเร็จในนาที 87 เบลามี่เปิดฟรีคิกจากริมเส้นฝั่งซ้ายแล้วเป็นคาโรลที่ยิงทิ้งยิงขว้างมาทั้งเกม ขึ้นโหม่งเปลี่ยนทางเข้าเสาสองไปได้สำเร็จ 2-1 เวลาที่เหลืออยู่ลิเวอร์พูลยังสามารถเก็บบอลได้ดีทำให้เอฟเวอร์ตันแทบไม่มีโอกาสบุกกลับมาลุ้นเอาประตูตีเสมอและจบเกมไปด้วยสกอร์ 2-1
-----------------------------------------

                นักเตะตัวหลักในแนวรุกได้พักกันมาเต็มที่และดัลกลิชสามารถส่งนักเตะที่ต้องการลงสนามได้ทุกคน การเลือกเล่น 4-4-1-1 แบบนี้ลิเวอร์พูลเล่นมาแล้วหลายนัด แต่นัดนี้น่าแปลกใจนิดหน่อยในตำแหน่งริมเส้นขวาที่เลือกเฮนเดอร์สัน และแบคซ้ายที่เลือกแอกเกอร์เพราะทั้งสองคนเล่นได้ไม่ถนัดในตำแหน่งนั้นๆ เอาเลย ในรายของเฮนเดอร์สันแม้จะได้เล่นในบทบาทนี้มาแทบจะทั้งฤดูกาลแล้วแต่ผลงานก็ลุ่มๆ ดอนๆ ไม่ถึงกับดี ในขณะที่แอกเกอร์นั้นเป็นแบคซ้ายขัดตาทัพมานานแล้วแต่ในวันที่แบคซ้ายอาชีพอย่างเอนริเก้ยังมีให้เลือกก็ยังงงว่าทำไมดัลกลิชถึงเลือกแอกเกอร์ก่อน ซึ่งที่สุดแล้วทั้งสองคนที่ก็ทำผลงานได้ไม่ดีนักและมีส่วนทำให้เกมของลิเวอร์พูลไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งแรก

                อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจสลับตำแหน่งดาวนิ่งกับเฮนเดอร์สันถือเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของดัลกลิช(หรือผิดพลาดในช่วงออกสตาร์ทเกม?) ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกนั้น ฝั่งซ้ายดาวนิ่งทำเกมได้แต่แอกเกอร์ที่ขึ้นมาเติมเกมก็ทำได้ไม่ค่อยดีนักและหลุดตำแหน่งหลายครั้ง ในขณะที่ฝั่งขวาเฮนเดอร์สันทำอะไรไม่ได้เลยและพลอยทำให้จอห์นสันไม่มีโอกาสเติมเกมไปด้วย แต่พอสลับฝั่งกันทำให้เกมฝั่งขวาไหลลื่นและกดดันแนวรับเอฟเวอร์ตันได้ดีตลอดเวลาที่เหลือของเกม รวมไปถึงกดไม่ให้เบห์นได้เติมขึ้นมาเปิดบอลเหมือนในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกด้วย

                ความผิดพลาดส่วนบุคคลและความไม่ละเอียดในเกมรับยังคงเป็นปัญหาของลิเวอร์พูลต่อไป แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือแทคติคการเล่น 4-4-1-1 ที่นอกจากจะลงตัวมากขึ้นแล้ว ยังประสานงานกันได้ดีมากขึ้นด้วย

                จุดเปลี่ยนของเกมคงไม่มีอะไรมากไปกว่าจังหวะที่ดิสแตงดันทะลึ่งคืนหลังสั้น เพราะถ้าจังหวะนั้นไม่พลาดลิเวอร์พูลคงต้องออกแรงอีกเยอะถ้าจะแซงชนะและอาจต้องยืดเยื้อถึงช่วงต่อเวลา

                สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้อยู่ที่กองหน้าตัวเป้า เยลาวิชทำได้สุดยอดมากในช่วงครึ่งแรกและทำให้สเคอเทลมีปัญหาตลอด ซึ่งเกมรุกของเอฟเวอร์ตันเริ่มต้นจากการเก็บบอลของเยลาวิชเป็นส่วนใหญ่ แต่ช่วงครึ่งหลังก็เริ่มหายไปและเล่นไม่ออก(หลังจากโดนสเคอเทลเหยียบไปทีในช่วงกลางครึ่งหลังก็หายไปเลย) ส่วนคาโรลที่แม้ความเด็ดขาดในการทำประตูยังดูเป็นปัญหาแต่ก็สามารถมีส่วนร่วมกับเกมได้ทั้งเกมไม่ว่าจะเป็นช่วงที่รูปเกมเป็นรองหรือได้เปรียบ สามารถโหม่งชงและเก็บบอลได้ค่อนข้างดี ทั้งยังอุตส่าห์โหม่งเข้าไปจนได้ ทั้งๆ ที่พลาดมาหลายครั้ง

                ...ชนะได้เพราะคาโรลนะเนี่ย...
----------------------------------

นัดนี้เล่นดีบ้างไม่ดีบ้าง

โจนส์ - ออกมาตัดบอลได้น่าหวาดผวาตลอดเกม ไม่ถึงบอลบ้าง ชกบอลไม่ขาดบ้าง เตะเปิดเกมแบบลนลานบ่อยครั้ง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มีข้อผิดพลาดหนักหนาสาหัสอะไร

แอกเกอร์ - ช่วงครึ่งแรกเล่นได้แย่มาก หลุดตำแหน่งและเข้าสกัดได้ไม่ดีบ่อยครั้ง ช่วงครึ่งหลังเกมรับดูดีขึ้นแต่เหตุผลหลักก็คือไม่ต้องเติมเกมสูงเหมือนในครึ่งแรกด้วย เล่นได้ไม่น่าประทับใจนัก

คาราเกอร์ - ไม่นับจังหวะที่พลาดจนทีมเสียประตู(ซึ่งไม่นับไม่ได้) เป็นตัวสุดท้ายที่คอยเก็บกวาดได้ดี เอฟเวอร์ตันไม่มีโอกาสได้ทำอะไรมากนักในเขตโทษของลิเวอร์พูล

สเคอเทล - มีปัญหาหนักกับการรับมือเยลาวิช มีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ให้เห็นตลอดเกม โดยรวมทำได้แค่พอใช้เท่านั้น

จอห์นสัน - แม้จะเติมไปไม่ค่อยถึงสุดเส้น แต่โดยรวมก็เชื่อมเกมได้ดี เล่นพลาดน้อยมาก ในเกมรับทำผลงานได้ดีไม่มีการประกบพลาดหรือหลงตำแหน่งให้เห็น

ดาวนิ่ง - เป็นกองกลางคนเดียวที่ทำเกมได้ในวันนี้ เปิดบอลเข้าไปได้ลุ้นบ่อยครั้งไม่ว่าจะยืนซ้ายหรือขวา และมีจังหวะกระชากบอลสวยๆ ให้เห็นบ้างเหมือนกัน

สเปียริ่ง - มีข้อผิดพลาดน้อยลง ขยับหาพื้นที่รอบอลเพื่อเชื่อมเกมน้อยไปหน่อย เกมรับแม้ว่าจะอ่านเกมไม่ค่อยดีปล่อยให้คู่ต่อสู้พาบอลเข้ามาถึงหน้าเขตโทษได้บ่อยแต่ก็เข้าสกัดได้หนักหน่วงและแม่นยำดี

เจอราร์ด - หนักไปทางเล่นเป็นตัวประคองเกม ทำงานหนักในแดนกลางทั้งวิ่งไล่บอล, เชื่อมเกมจากหลังไปหน้า แทบไม่มีโอกาสได้เล่นเกมรุกเลย แต่เกมรุกของลิเวอร์พูลก็เริ่มต้นจากการออกบอลของเขาแทบทั้งสิ้น

เฮนเดอร์สัน - เล่นไม่ออก แทบไม่มีส่วนร่วมในเกมไม่ว่าจะรุกหรือรับ ทำได้แค่วิ่งไล่และแปะบอลไปมา

ซัวเรส - ครึ่งแรกเอา่แต่หงุดหงิดกับคำตัดสินสมาธิไม่ค่อยจะอยู่กับเกมและเล่นไม่ค่อยออก แต่ครึ่งหลังกลับลงมาเล่นได้ดีขึ้นมาก ทำได้ครบไม่ว่าจะเลี้ยงลุย, เรียกฟาลว์, เปิดบอล ทำให้เกมครึ่งหลังของลิเวอร์พูลไหลลื่นกว่าครึ่งแรกมาก หาจังหวะทำประตูได้แค่ครั้งเดียวแต่ก็ไม่พลาดซะด้วย

คาโรล - ทำหน้าที่กองหน้าตัวพักบอลได้ดี เล่นได้แข็งแกร่งมากขึ้นและมีข้อผิดพลาดน้อยลง ที่ดีเอามากๆ คือลดการเสียฟาลว์และล้มไปเองในจังหวะขึ้นโหม่งลงไปได้เยอะมาก แม้จะพลาดในจังหวะที่ควรจะยิงได้ไปถึงสองครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังมายิงประตูชัยได้สำเร็จ

ตัวสำรอง

มักซี่ - โดยรวมแม้จะทำผลงานได้ไม่ต่างจากเฮนเดอร์สันมากนัก แต่การป้วนเปี้ยนอยู่แถวเขตโทษก็กดดันแนวรับของเอฟเวอร์ตันได้ดี โผล่เข้ากล้องครั้งแรกก็ได้โอกาสยิงไปชนเสาแล้ว

เบลามี่ - ลงมาโวย, โวย แล้วก็โวย แต่ยังดูมีสมาธิกับเกมดี การวิ่งไล่บอลเร็วช่วยกดไม่ให้เอฟเวอร์ตันเปิดเกมรุกกลับมาได้ดีอยู่หลายจังหวะ เิปิดฟรีคิกได้ดีจนนำมาซึ่งประตูชัยด้วย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : แอนดี้ คาโรล ... ย้อนกลับไปอ่านข้างบนเอาแล้วกัน

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

แบล็คเบิร์น 2 - 3 ลิเวอร์พูล



...เรน่า เก่งนะ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-5-1

----------------------คาโรล----------------------

มักซี่--เชลวี่ย์---สเปียริ่ง--เฮนเดอร์สัน--เบลามี่

จอห์นสัน---สเคอเทล--โคอาเตส---ฟลานาแกน

-----------------------โดนี่-----------------------

                ลิเวอร์พูลไปเยือนแบล็คเบิร์นก่อนเกมสำคัญที่ต้องตัดตัดเชือก FA Cup กับเอฟเวอร์ตันในวันเสาร์ ดัลกลิชเปลี่ยนทีมแทบยกชุด เก็บผู้เล่นตัวหลักอย่างซัวเรส,เจอราร์ด,ดาวนิ่ง,เอนริเก้,คาราเกอร์(?) เป็นโอกาสของตัวสำรองและดาวรุ่งได้ลงสนาม
-------------------------------------------------------

                เกมเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไปเล่นกันไปตามจังหวะ รูปเกมสูสี ลิเวอร์พูลพยายามต่อบอลสั้นขึ้นไปแต่แผงกองกลางยังทำเกมไม่ได้ ในขณะที่แบล็คเบิร์นเปิดเกมรุกเข้าใส่เน้นการเข้าทำเร็วด้วยความสามารถเฉพาะตัวแต่ก็ยังเจาะแนวรับไม่ได้เช่นกัน แต่แล้วแบล็คเบิร์นมาพลาดก่อน ในนาที 13 จากจังหวะที่แบล็คเบิร์นได้ฟรีคิกแต่แนวรับสกัดไว้ได้ บอลเข้าทางคาโรลบังบอลในเขตโทษก่อนจะไหลให้สเคอเทลวางยาวให้เบลามี่หลุดขึ้นไปถึงสุดเส้น ก่อนจะเปิดกลับมาเสาสองให้มักซี่แปเข้าไปง่ายๆ 1-0

                กองกลางแบล็คเบิร์นดูจะมีปัญหากับการขึ้นบอล จ่ายพลาดและโดนตัดไปได้หลายครั้ง จนมาพลาดอีกครั้งในนาที 16 เชลวี่ย์ตัดบอลได้จากกลางสนามก่อนจะลากขึ้นมายิงเองแถวหน้าเขตโทษแ้ล้วติดเซฟ คาโรลซ้ำก็ติดเซฟ แต่บอลมาเข้าทางมักซี่(อีกแล้ว) ซ้ำเข้าไปได้สำเร็จ 2-0

                หลังจากถูกนำ 2-0 แบล็คเบิร์นยังไม่มีทีท่าจะกลับสู่เกมได้ ถึงตรงนี้น่าจะเป็นเกมที่ง่ายสำหรับลิเวอร์พูล แต่สำหรับลิเวอร์พูลฤดูกาลนี้ไม่มีอะไรง่าย ทั้งที่คุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว แต่ในนาที   25 ฟลานาแกนคืนหลังพลาดเข้าทางฮอยเลตได้หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ โดนี่ไปรวบไม่โดนบอล โดนใบแดง เสียจุดโทษ ดัลกลิชส่งโจนส์ลงมาโดยตัดสินใจเปลี่ยนฟลานาแกนที่โดนใบเหลืองไปแล้วและเล่นพลาดหลายจังหวะออกไป ยาคูบูรับหน้าที่ยิงจุดโทษ แต่ยิงได้น่าเกลียดเหลือเชื่อ โจนส์เซฟไว้ได้ง่ายๆ สกอร์ยังเป็น 2-0 แต่ลิเวอร์พูลเสียเปรียบที่เหลือ 10 คน

                เมื่อเหลือ 10 คนและเปลี่ยนฟลานาแกนออก เฮนเดอร์สันโดนโยกมาเล่นแบคขวาจำเป็น แบล็คเบิร์นเปิดเกมรุกมากขึ้นเน้นไปที่เกมริมเส้น เกมโอเพ่นเพลย์ดูจะยังไม่มีอะไรน่ากลัวแต่แบล็คเบิร์นมาทำสำเร็จจากลูกตั้งเตะ นาที 36 ดันเปิดฟรีคิกเข้าเขตโทษแล้วยาคูบูได้ขึ้นโหม่งโล่งๆ ไม่มีคนประกบเข้าไปได้ 2-1 เวลาที่เหลืออยู่แบล็คเบิร์นพยายามเร่งเกมมากขึ้นแต่ยังไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำเกมริมเส้นที่ไปได้ไม่สุด ยังทำอะไรลิเวอร์พูลเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-1

                เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลพยายามดึงจังหวะเกมให้ช้าลง แต่ไม่ได้ลงมาตั้งรับลึก ยังสู้อยู่ที่กลางสนาม ส่วนแบล็คเบิร์นที่เร่งเกมและเปิดเกมรุกมากขึ้นยังมีปัญหากับการขึ้นบอลตรงกลางสนามเหมือนเดิมทำให้ลิเวอร์พูลไม่โดนกดดันมากนักและยังพอเก็บบอลมาโต้ได้บ้าง นาที 53 แอกเกอร์ได้ลงมาแทนจอห์นสัน โดยแอกเกอร์ลงเล่นในตำแหน่งแบคซ้าย

                จากที่คุมสถานการณ์ไว้ได้ค่อนข้างดี ลิเวอร์พูลมาพลาดอีกครั้งในนาที 60 สเคอเทลจ่ายคืนหลังให้โจนส์ แต่โจนส์เตะเปิดพลาดไปโดนยาคูบูบอลเด้งเข้ากรอบ แต่โจนส์ที่น่าจะคว้าบอลได้ไม่ยากกลับพลาดทำบอลหลุดกลายเป็นไปผลักยาคูบูเสียจุดโทษอีกครั้งโชคดีที่โดนแค่ใบเหลือง ก่อนที่ยาคูบูจะยิงจุดโทษอีกครั้งและคราวนี้ไม่พลาด 2-2

                แม้เกมจะกลับมาเสมอแต่รูปเกมไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แบล็คเบิร์นพยายามเน้นเจาะทางเฮนเดอร์สันแต่บอลจังหวะสุดท้ายยังทำอะไรไม่ได้มากนัก กลับมากดดันได้ดีจากลูกตั้งเตะทั้งฟรีคิกและเตะมุมที่นักเตะแบล็คเบิร์นแทบจะขึ้นโดนบอลทุกครั้ง ในขณะที่ลิเวอร์พูลเองยังสามารถโต้ได้เป็นระยะแต่ยังไม่ดีพอที่จะเป็นประตู

                นาที 77 เอนริเก้ได้ลงแทนมักซี่ เวลาที่เหลืออยู่แบล็คเบิร์นกดดันได้มากขึ้นแต่ยังไม่ดีพอจะเป็นประตู เกมทำท่าว่าจะจบที่ผลเสมอ แต่ในช่วงทดเจ็บนาที 91 ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม แบล็คเบิร์นสกัดกันออกไปได้แล้วแต่โคอาเตสโยนย้อนกลับมาจากครึ่งสนาม แอกเกอร์ขึ้นถึงบอลโหม่งชงเข้ากลาง คาโรลโถมโหม่งเข้าไปได้ ทำให้ลิเวอร์พูลที่มี 10 คนแซงเอาชนะได้สำเร็จ 3-2
-----------------------------------------

                นัดนี้ชัดเจนมากว่าดัลกลิชต้องการพักตัวผู้เล่นเอาไว้บดกับเอฟเวอร์ตัน แต่ผลงาน(ก่อนเหลือ 10 คน) ออกมาดีมาก นักเตะที่ไม่ค่อยได้ลงสนามอย่างมักซี่กับเบลามี่ทำผลงานได้ดีสุดๆ ในขณะที่นักเตะที่เล่นไม่ค่อยดีในช่วงก่อนหน้าอย่างเชลวี่ย์และเฮนเดอร์สันก็ทำได้ดี ทำให้ทีมออกนำไปก่อนถึงสองประตู

                แต่แล้วปัญหาเดิมๆ ก็ตามมาหลอกหลอน ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ทำเอาลิเวอร์พูลต้องเจอเกมยาก ฟลานาแกนพลาดหนักกับการคืนหลังไม่ดูตาม้าตาเรือ ในขณะที่โดนี่ก็พลาดไม่แพ้กันที่ดันไปรวบ สถานการณ์ที่มีเกมสำคัญรออยู่, นำอยู่ 2 ลูก, และเกมลีคแทบไม่มีผลอะไรแล้ว(นอกจากเรื่องศักดิ์ศรีและกำลังใจ) โดนี่ไม่น่าเสี่ยงเล่นอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้น แค่ครั้งเดียวยังไม่พอ คนที่ลงมาแทนอย่างโจนส์ยังมาพลาดง่ายๆ อีก บอลที่สเคอเทลจ่ายกลับไปไม่กดดันใดๆ ทั้งสิ้นเพราะยาคูบูยังอยู่ห่าง อีกทั้งสเคอเทลและโคอาเตสก็วิ่งฉีกออกไปรอรับบอลแ้ล้วทั้งคู่ โจนส์มีทางเลือกให้เล่นมากเหลือเกินแต่ก็ยังพลาด นัดหน้าถ้ายังพลาดกันง่ายขนาดนี้ ไม่น่ารอดเงื้อมมือเอฟเวอร์ตันไปได้ ต่อให้มีซัวเรสกับเจอราดลงก็เถอะ

                นอกจากความผิดพลาดส่วนบุคคลแล้ว นัดนี้ปัญหาใหญ่เอามากๆ คือการรับมือลูกตั้งเตะ แทนที่จะโทษใครคนคนหนึ่งที่ประกบตัวพลาด น่าจะเรียกว่าเป็นความผิดพลาดของแทคติคการตั้งรับลูกฟรีคิกมากกว่า เพราะปล่อยให้แบล็คเบิร์นขึ้นได้แทบจะทุกจังหวะ ถ้าแบล็คเบิร์นมีนักเตะที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีอีกสักคนมาช่วยยาคูบู รับรอง...เละ แล้วนัดหน้าต้องไปเจอตัวเปิดฟรีคิกดีๆ อย่างเบห์นด้วย ได้แต่หวังว่าลิเวอร์พูลจะรับมือลูกฟรีคิกได้ดีกว่านี้

                แต่ไม่ใช่ว่าอะไรจะเลวร้ายไปซะหมด นัดนี้  "ขิงแก่" ของทีมอย่างมักซี่และเบลามี่ยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังเผ็ดอยู่และอาจจะ "เผ็ดกว่า" นักเตะหนุ่ม หรือนักเตะที่ดัลกลิชเลือกเป็นตัวจริงด้วยซ้ำ ถ้าดัลกลิชเลือกใช้งานพวกเขาดีๆ ทั้ง FA Cup ที่ยังมีลุ้น และเกมลีคที่เหลืออยู่ ลิเวอร์พูลอาจจะมีผลงานดีกว่าช่วงย่ำแย่ที่ผ่านมาก็เป็นได้

                สำหรับการเปลี่ยนตัว การที่ดัลกลิชตัดสินใจเปลี่ยนฟลานาแกนออกแทนที่เป็นตัวรุกคนใดคนหนึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจเปลี่ยนตัวที่ดีที่สุดครั้งนึงของดัลกลิชในฤดูนี้ นอกจากจะทำให้เกมโต้กลับยังมีคุณภาพอยู่เหมือนเดิมแล้ว จุดอ่อนสำคัญอย่างฟลานาแกนยังถูกถอดออกไปด้วย นอกจากนั้นเมื่อเหลือ 10 คนแล้ว การไม่ถอยลงไปอุดแต่เลือกที่จะสู้ที่กลางสนาม ทำให้เกมของลิเวอร์พูลไม่เป็นรองมากนัก ถือว่าเป็นการตัดสินใจเลือกแทคติคที่ดีเอามากๆ ด้วย วันนี้ในฐานะผู้จัดการทีมดัลกลิชทำได้น่าประทับใจทีเดียว

                สำหรับการตัดสินนัดนี้ ผู้ตัดสินแกแจกใบเหลืองกระจาย 9 - 10 ดูเหมือนจะให้ง่ายไปนิด แต่กับจังหวะจุดโทษทั้ง 2 ลูกนั้นถูกต้องใสสะอาด โดยเฉพาะลูกที่สองนั้นต้องถือว่าโชคดีด้วยซ้ำที่โจนส์ไม่โดนใบแดงตามโดนี่ไปอีกคน ไม่งั้นนอกจากเกมนี้จะไม่รอดแล้ว เกมนัดหน้าจะมีปัญหาหนักกว่าเดิมจากการที่ไม่มีผู้รักษาประตูมือ 1-2-3 อีกด้วย

                ...เกือบได้เห็นดาวรุ่งลงตัวจริง ในตำแหน่งที่ไม่อยากเห็นแล้วสิ... ----------------------------------

นัดนี้เล่นดีบ้างไม่ดีบ้าง

โดนี่ - พลาดหนักจริงๆ ในจังหวะที่โดนไล่ออก ถ้ามันเป็นนาทีสุดท้ายของเกมสำคัญ สกอร์ห่างไม่เกิน 1 ลูกจะไม่ถือว่าพลาดเลย แต่กับจังหวะนี้ไม่น่าพลาด

จอห์นสัน - เหมือนจะยังฟิตไม่สมบูรณ์ เกมรุกไม่ได้เติมมากนัก ส่วนเกมรับก็แถบไม่ได้ทำอะไรเพราะแบล็คเบิร์นไปเจาะทางขวามากกว่า ที่โดนเปลี่ยนออกก็น่าจะเป็นเพราะความฟิตมากกว่าจะเป็นการเปลี่ยนแทคติค

โคอาเตส - เล่นได้พอใช้ค่อนไปทางดี ในโอเพ่นเพลย์ไม่พลาดอะไร แม้สไตล์การเล่นจะดูหวาดเสียวกับการที่ชอบที่จะเสี่ยงสกัดในจังหวะยิงแทนที่จะใช้วิธีเบียดให้ติดตัวก็ยังไม่เห็นข้อผิดพลาดอะไร โยนกลับเข้าไปจนทีมได้ประตูชัยด้วย

สเคอเทล - เป็นกัปตันทีมในเกมที่แนวรับเปลี่ยนแปลงเยอะเหลือเกิน แค่ออกสตาร์ทก็เปลี่ยนแล้ว ,เหลือ 10 คน แล้วไหนยังจะมาเปลี่ยนผู้รักษาประตู,แบคขวา, แบคซ้าย ระหว่างเกมอีก สเคอเทลประคับประคองแนวรับได้ขนาดนี้ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว

ฟลานาแกน - เล่นพลาดหลายจังหวะ หวุดหวิดจะโดนใบแดงไปก่อนที่จะส่งคืนหลังพลาดด้วยซ้ำ เด็กคนนี้แม้จะยังเล่นได้ไม่ถึงระดับที่ไว้ใจได้แต่ก็พอเห็นแววจะปั้นได้ กลัวแต่ว่าเกมนี้จะทำให้ความมั่นใจของฟลานาแกนหมดไปแล้วกลายเป็น แจ็ค ฮอปป์ คนที่สอง (ยังจำกันได้รึปล่าว)

มักซี่ - 2 ประตูที่ยิงได้ไม่ใช่ฟลุ๊ค การวิ่งทำทางของมักซี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขายิงประตูได้เรื่อยๆ ขอแค่บอลมาถึง ตำแหน่งของมักซี่พร้อมทำประตูทันที นอกจาก 2 ลูกที่ทำได้ยังมีอีกหลายครั้งที่เขาวิ่งไปรอบอลแล้วแต่เพื่อนไม่ส่งให้, บอลไปไม่ถึง อย่างไรก็ตามปัญหาของมักซี่ก็ยังคงเป็นเรื่องเดิม ไม่มีส่วนร่วมกับเกมโดยรวม และทำเกมด้วยตัวเองไม่ได้เลย

เชลวี่ย์ - ทำได้พอใช้ ฉวยโอกาสตัดบอลได้ดีหลายครั้งในจังหวะที่แบล็คเบิร์นขึ้นบอล แต่เล่นเห็นแก่ตัวไปหน่อย ฝืนจะเล่นเองมากเกินไป(ทั้งอย่างนั้นก็ยังทำได้ดีระดับนึงเลย) ในเกมรับช่วยทีมได้น้อยมาก ห่วงแต่เกมรุก ลงมาช่วยเชื่อมเกมในแดนหลังไปกลางน้อยเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีมเหลือ 10 คน

เฮนเดอร์สัน - เล่นได้ดีพอใช้ตอนที่อยู่ตรงกลาง เชื่อมเกมได้ดี แต่มาเล่นได้ค่อนข้างดีจริงๆ คือตอนที่ลงไปเป็นแบค ไม่น่าเชื่อว่าเล่นแบคแล้วดันทำเกมรุกได้ดีกว่าตอนยืนเป็นกองกลาง ทั้งบุกตะลุยและวางบอล อย่างไรก็ตาม เกมรับในฐานะแบค ไม่ไหวเอามากๆ ซึ่งก็คงโทษอะไรไม่ได้

เบลามี่ - เป็นตัวทำเกมหลักของทีม นอกจาก 1 แอสซิสต์แล้ว ยังทำเกมโต้กลับได้ดีตลอดเกม โมโหน้อยกว่าทุกวันด้วย (ซึ่งยังเยอะกว่าเฮนเดอร์สันในวันที่หงุดหงิดที่สุด)

สเปียริ่ง - เป็นโชคดีที่แบล็คเบิร์นเน้นเกมริมเส้น งานเลยน้อยลงไป ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดีทีเดียว แต่กับการเข้าสกัดแย่งบอลทำได้น้อย เพราะเข้าไม่ถึงบอล

คาโรล - ทำผลงานได้ดี เก็บบอลหรืออย่างน้อยเรียกฟาลว์ให้กับทีมได้ ทำให้ทีมไม่เสียการครอบครองบอล ทำประตูในช่วงเวลาสำคัญทั้งยังเป็นประตูชัยให้กับทีมได้ ที่ดูจะยังไม่เปลี่ยนคืออ่านจังหวะโหม่งพลาดบ่อยเหลือเกิน ขึ้นวืดบ้าง โหม่งผิดเหลี่ยมบ้าง ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นจุดแข็งของเขา

ตัวสำรอง

โจนส์ - ทำพลาดจนเสียจุดโทษ และไม่ค่อยจะยอมออกมาตัดบอลโด่ง ปักหลักอยู่บนเส้นมากเกินไป

แอกเกอร์ - ทำเกมด้วยการเลี้ยงขึ้นมาดื้อๆ ได้ดีหลายครั้ง เรียกฟาลว์ได้เกือบทุกครั้ง โหม่งชงให้คาโรลด้วย เป็นวันที่มีส่วนร่วมกับเกมรุกและทำได้ดี ในขณะที่เกมรับแทบไม่ได้ทำอะไร

เอนริเก้ - ลงมาเล่นปีก ครองบอลนานจนพลาด 2-3 ครั้ง แต่ไม่ใช่พื้นที่อันตราย ไม่มีบทบาทอะไรกับเกมมากนัก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : แอนดี้ คาโรล ... ในเรื่องของฟอร์มการเล่น เบลามี่ดูดีกว่าแน่นอน ในเรื่องของประตูมักซี่ก็ทำได้ดีกว่าแน่นอน แต่ในวันที่เหลือ 10 คน, โดนไล่ตีเสมอ, เวลาจะหมด เขา...นักเตะที่ค่าตัว 35 ล้านปอนด์ที่ไม่เคยมีใครคิดว่าจะฝากผีฝากไข้อะไรได้(อย่างน้อยจนถึงตอนนี้) ทำประตูชัยให้กับทีม ก็ยกตำแหน่งนี้ให้เขาไปเถอะ


Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ป.ล. ทำไมวันนี้มันยาวจังฟระ!?

วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 1 - 1 แอสตัน วิลล่า


...ต้องมีโชคมากกว่านี้...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-5-1

----------------------ซัวเรส----------------------

ดาวนิ่ง--เชลวี่ย์---เจอราด--เฮนเดอร์สัน--เค้าท์

เอนริเก้---คาราเกอร์--สเคอเทล---ฟลานาแกน

-----------------------โดนี่-----------------------

                ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านรับมือแอสตันวิลล่าที่ฟอร์มช่วงหลังไม่ค่อยดีนัก ดัลกลิชดรอปคาโรลกับสเปียริ่ง กลับมาเล่น 4-5-1 ใช้ซัวเรสเป็นหน้าเดี่ยว กลางมีเชลวี่ย์ได้ลงเป็นตัวจริง ส่วนแผงหลังยังใช้ชุดเดิม
-------------------------------------------------------

                เกมเริ่มแบบดุเดือด โดยวิลล่าบี้ติดวิ่งไล่ตั้งแต่ต้นเกม เปิดเกมลุกแลกใส่ เน้นเกมริมเส้นด้านซ้าย (เจอฟลานาแกน) ส่วนลิเวอร์พูลเองก็เร่งเกมเร็วเช่นกัน ได้โอกาสลุ้นขึ้นนำก่อนจากจังหวะกระชากของดาวนิ่งที่หลุดไปเกือบสุดเส้นครอสผ่านกองหลังวิลล่าสามคนถึงเค้าท์ทางเสาสองแต่ยิงไปติดเซฟกิฟเว่นบนเส้นประตู

                เกมยังเปิดแลกกันอย่างสนุก แล้วเป็นวิลล่าที่ทำได้ก่อน นาที 10 วอร์นอควิ่งปาดหน้าฟลานาแกนโหม่งเอาบอลไปได้ ก่อนจะเปิดเข้ากลางมาแถวเส้น 6 หลา สเคอเทลไม่ได้ขึ้นส่วนโดนี่ชกออกมาไม่ดีนัก บอลเข้าทางนักเตะวิลล่าที่เสาสองเปิดกลับเข้ากลางแล้วเป็นเพิร์ชที่วิ่งเติมจากแถวสองได้ยิงโล่งๆ ขึ้นนำไปได้ 1-0

                หลังจากได้ประตู วิลล่าเน้นเกมรับมากขึ้นจนลิเวอร์พูลเริ่มหาช่องเจาะได้น้อยลงและสปีดเกมรุกเริ่มช้าลง แม้บอลจะอยู่ที่ลิเวอร์พูลมากขึ้นเล็กน้อยแต่รูปเกมเข้าทางวิลล่ามากกว่า สามารถปิดไม่ให้ลิเวอร์พูเข้าถึงเขตโทษ และสามารถโต้ขึ้นมาได้เป็นระยะ แต่ยิ่งเล่นวิลล่าก็ยิ่งโต้ได้น้อยลงเรื่อยๆ ในขณะที่ลิเวอร์พูลที่ครองบอลที่ได้ครองบอลมากขึ้นค่อยๆ ทำได้ดีขึ้นทีละน้อย จนช่วง 10 นาทีสุดท้ายสามารถกดวิลล่าได้ต่อเนื่อง มีโอกาสยิงมากขึ้นแต่ยังทำไม่สำเร็จ จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0

                เข้าครึ่งหลัง วิลล่าเริ่มเกมด้วยการวิ่งไล่ตั้งแต่แดนหน้าเหมือนช่วงต้นเกม ส่วนลิเวอร์พูลปรับเกมเล็กน้อยด้วยการดันเค้าท์ไปคู่ซัวเรสแล้วเอาเจอราดมาเล่นริมเส้นมากขึ้น ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างดี สามารถกดดันวิลล่าได้ต่อเนื่อง มีโอกาสลุ้นจบสกอร์บ้าง แต่ก็ติดเซฟจนเสาไปเรื่อย

                ลิเวอร์พูลพยายามเร่งแล้วเร่งอีกแต่จังหวะสุดท้ายก็ยังทำไม่สำเร็จ หลุดกรอบบ้าง ติดเซฟบ้าง นาที 58 แมคลีชถอดเฮสกี้ย์ที่หายไปจากเกมออกส่งการ์ดเนอร์ลงไปแทนหวังแพคเกมแดนกลางให้แน่นขึ้นแต่กลับยิ่งทำให้เกมวิลล่าแย่ลง นอกจากจะคุมแดนกลางไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว จังหวะโต้กลายเป็นเหลืออักบาลาฮอร์คนเดียวยิ่งเก็บบอลได้น้อยลงหนักเข้าไปอีก โดนลิเวอร์พูลขึงเกมเอาไว้ได้ตลอด โดนอาศัยการเปิดบอลจากริมเส้นทั้งดาวนิ่ง(ซ้าย) และเจอราด(ขวา)เป็นหลัก ได้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง

                นาที 65 ดัลกลิชส่งคาโรลกับเบลามี่ลงมาแทนดาวนิ่งและเชลวี่ย์ โดยเบลามี่เล่นซ้ายแทนดาวนิ่ง คาโรลไปคู่ซัวเรส ขยับเค้าท์ออกมาริมขวา หุบเจอราดเข้ากลางเหมือนเดิม เกมรุกลิเวอร์พูลชะงักไปชั่วครู่นึงเพราะไม่มีคนเปิดบอลและหาช่องเจาะตรงกลางไม่ได้ ก่อนจะค่อยๆ ปรับตัวได้ด้วยการให้เอนริเก้เติมขึ้นมาเปิดบอลมากขึ้น

                นาที 73 แมคลีชปรับเกมอีกครั้งถอดเพิร์ชออกแล้วส่งไบรแนนที่เป็นกองหน้าลงไปช่วยอักบาลาฮอร์แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น ส่วนดัลกลิชก็ขยับเปลี่ยนเช่นกัน นาที 76 ส่งแอกเกอร์ลงมาแทนเอนริเก้! ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลนวดจนวิลล่าเริ่มออกอาการเหมือนกัน เริ่มสาดบอลทิ้ง สกัดผิดเหลี่ยม แต่ลิเวอร์พูลเองก็ไม่มีบอลเปิดดีๆ เข้าไปให้กองหน้าสักเท่าไหร่

                แต่ในที่สุดลิเวอร์พูลก็ทำสำเร็จจนได้ในนาที 82 จากจังหวะเตะมุมบอลเคลียร์ไม่ขาดเข้าทางเจอราดทางเสาสองเปิดกลับไปให้แอกเกอร์โหม่งชนคานแต่ซัวเรสซ้ำจ่อๆ เข้าไปได้ตีเสมอได้สำเร็จ 1-1 หลังจากนั้นลิเวอร์พูลเร่งจะเอาประตูชัยให้ได้ ส่วนวิลล่าแทบจะอยู่ในเขตโทษกันทั้ง 11 คน แม้จะจวนเจียนได้ประตูอีกหลายรอบแต่สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายได้แค่ผลเสมอ จบเกมไปด้วยสกอร์ 1-1 แบบมีโอกาสยิง 20 กว่าครั้ง
-----------------------------------------

                การจัดทีมและแทคติคตอนต้นเกมถือว่าไม่เลวเลย ถ้าตัดลูกที่เสียประตูออกไป (ซึ่งตัดไม่ได้) เกมของลิเวอร์พูลวันนี้ออกมาค่อนข้างดี มีปัญหาอยู่กับการเกมรับในแดนกลางนิดหน่อยเท่านั้น (นิดหน่อยแต่ทำให้เสียประตู) แต่การขึ้นเกมทำได้เร็ว การขึ้นเกมรุกทำได้หลากหลายมากขึ้น เสียดายที่โดนยิงไปก่อน ลูกนั้นน่าจะเป็นการสื่อสารผิดพลาดระหว่างสเคอเทลกับโดนี่ ที่สเคอเทลเหมือนจะให้โดนี่ขึ้น แต่โดนี่เหมือนรอสเคอเทลขึ้นเลยเล่นช้าไปจังหวะนึงทำให้ชกบอลออกไปไม่ดี รวมไปถึงกองกลางไม่มีใครระวังแถวสองที่เติมขึ้นมา เลยต้องเสียประตูแบบไ่ม่น่าจะเสีย...อีกแล้ว

                อย่างไรก็ตาม วันนี้สิ่งที่น่าชื่นชมคือลิเวอร์พูลเล่นได้ดีขึ้นกว่านัดที่ผ่านๆ มามาก มีความมุ่งมั่นที่จะกลับมาให้เห็นอย่างชัดเจน บุกได้ต่อเนื่องและได้ลุ้นเอามากๆ ไม่ใช่แค่สาดเข้าไปมั่วๆ หรือเล่นไปคอตกไปอย่างที่ผ่านมา

                แต่ที่น่าแปลกใจอยู่การเปลี่ยนตัว ในขณะที่ทีมกำลังกดดันได้ดีเอามากๆ กับการเปิดบอลของดาวนิ่งและเจอราด การส่งคาโรลลงมานั้นย่อมไม่แปลก มาแปลกตรงที่เลือกเปลี่ยนดาวนิ่งออก อีกทั้งยังหุบเจอราดเข้ากลางไปอีก ถึงแม้ว่าเจอราดจะไม่ค่อยได้เล่นริมเส้นมากนักในช่วงหลัง แต่กับสถานการณ์ที่เจอราดกำลังเล่นได้ดีอยู่ก็ยังงงอยู่ว่าทำไมดัลกลิชถึงตัดสินใจแบบนั้น เพราะพอเปลี่ยนเป็นเบลามี่กับเค้าท์เล่นริมเส้น เกมรุกลิเวอร์พูลดูจะสะดุดไปพักใหญ่ทั้งๆ ที่ช่วงก่อนหน้านั้นกำลังกดดันได้ดี เท่านั้นยังไม่พอหลังจากนั้นที่เอนริเก้เริ่มเติมขึ้นมาเปิดบอลได้ต่อเนื่อง เพราะคนอื่นแทบเปิดไม่ได้ เอนริเก้ยังมาโดนเปลี่ยนออกซ้ำเข้าไปอีก กลายเป็นว่าคาโรลลงไปแต่ใช้ประโยชน์อะไรแทบไม่ได้เพราะบอลลอยข้ามหัวไปมาอยู่ตลอด ส่วนแอกเกอร์ที่ลงมาแทนแล้วเล่นแบคซ้าย ถ้าจะมองว่าเอาลงมาหวังเล่นลูกกลางอากาศ (ตีเสมอได้ก็จากลูกโหม่งชนคานของแอกเกอร์) ก็สู้เปลี่ยนฟลานาแกนไม่ดีกว่าหรือ? แล้วปล่อยให้เอนริเก้บอบ์มต่อไป

                ถ้ามีโชคมากกว่านี้อีกสักนิดคงจะเก็บสามแต้มได้ไม่ยาก แต่สำคัญกว่านั้น การยิงทิ้งยิงขว้าง 20 กว่าหน ชนเสาคานติดเซฟอุตลุดมันแสดงถึงความไม่เฉียบขาดของการทำประตูอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถ้าชนเสาแล้วโชคดีเด้งเข้าก็ได้ประตูไปแล้ว แต่จะดีกว่าไหมถ้ายิงแล้วมันเข้าไปเลยโดยไม่ชนเสา?

                ...ลิเวอร์พูลต้องการโชคมากกว่านี้ ตราบเท่าที่ยังจบสกอร์ได้แบบที่เป็นอยู่....
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ค่อนข้างดี

โดนี่ - มีส่วนพลาดกับลูกที่เสียประตู แต่โดยรวมก็ถือว่าเล่นใช้ได้ เปิดบอลด้วยเท้าได้ดี นิ่งพอกับจังหวะที่โดนกดดัน (แหงล่ะ ไม่ใช่มือใหม่โนเนมสักหน่อย)

เอนริเก้ - เกมรับมีข้อผิดพลาดให้เห็นบ้าง ทั้งสกัดผิดเหลี่ยม, บังบอลพลาด, จ่ายบอลพลาด แต่ก็ไม่ถึงกับมากมายอะไร เติมเกมรุกในช่วงครึ่งหลังได้ดี

คาราเกอร์ - รับมือกับอักบาลาฮอร์ที่วันนี้ตั้งใจมาดวลด้วยได้น่าพอใจ (อักบาลาฮอร์วิ่งใส่คาราเกอร์ตลอด ไม่ค่อยจะเฉียดไปใกล้สเคอเทล) เคลี่ยร์บอลได้ดีไม่มีวืด ไม่มีเสียฟาล์ว

สเคอเทล - นอกจากลูกเสียประตูแล้ว สเคอเทลมีปัญหากับลูกกลางอากาศอยู่ตลอดเวลาที่เฮสกี้ย์อยู่ในสนาม วันนี้ยืนตำแหน่งไม่ค่อยดีด้วย ประกบกองหน้าค่อนข้างห่างปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามพลิกบอลเล่นได้ง่ายไป

ฟลานาแกน - โดนรุ่นพี่อย่างวอร์นอคเผาซะเสียคน หลังจากนั้นยังมีอักบาลาฮอร์มาอีก ถ้าดูจากโจทย์ก็ถือว่าทำได้ไม่เลว แต่ถ้าดูจากผลงานก็ถือทำได้ไม่ดีนัก

ดาวนิ่ง - มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากเท่าที่ควร แต่หลายจังหวะทำได้ดี โดนเปลี่ยนออกมันซะอย่างนั้น

เชลวี่ย์ - หาพื้นที่ว่างได้ไม่ดีนัก ทำให้การขึ้นเกมจากหลังมากลางของทีมค่อนข้างลำบากในจังหวะที่ตัวเขาสลับลงมายืนต่ำ ในเกมรุกเติมเกมและจ่ายบอลพอใช้ได้

เจอราด - เกมรับลงไปช่วยไม่ลึกนัก งานหลักอยู่ในเกมรุกมากกว่า วันนี้ทำเกมได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะช่วงที่ถ่างไปรับบอล/เล่นริมเส้น เป็นคนเปิดบอลให้แอกเกอร์ในลูกตีเสมอด้วย

เฮนเดอร์สัน - เล่นได้ดีขึ้น มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น วางบอลได้ดีและมีโอกาสเิติมขึ้นไปเล่นแถวสองได้หลายครั้ง จังหวะยิง 2-3 ครั้ง ยิงไปไหนไม่รู้แต่อย่างน้อยก็กล้าเล่นด้วยตัวเองมากขึ้นนิดนึงแล้ว

เค้าท์ - มีส่วนร่วมกับเกมเยอะที่สุดในทีมแล้ว (ก่อนมีการเปลี่ยนตัวเกิดขึ้น) เล่นบอลจังหวะเดียวได้ดี เสียดายที่พลาดจังหวะสำคัญไปหมด ทั้งๆ ที่น่าจะยิงได้อย่างน้อย 2 ลูก

ซัวเรส - ไปกับบอลไม่ค่อยดีนัก ทำเกมได้ไม่น้อยแต่ก็เสียบอลมากเหมือนกัน พลาดในจังหวะสุดท้ายบ่อย แต่อย่างน้อยก็เป็นคนยิงตีเสมอให้กับทีม

ตัวสำรอง

คาโรล - เป็นคนดูที่อยู่้ในสนาม พักบอลได้บ้าง โหม่งชงได้บ้างแต่ก็น้อยเกินไป

เบลามี่ - ลงไปแล้วหายไปจากเกมอยู่นานมาก ก่อนจะโผล่มาช่วยทีมได้ในช่วงท้ายๆ เกม ที่มีโอกาสเก็บตกหลายครั้ง แต่เปิดและยิงได้ไม่ดีพอจะทำให้ทีมได้ประตู

แอกเกอร์ - เข้าสกัดได้ดีในจังหวะดวลตัวต่อตัว เติมเกมรุกได้ในระดับเซนเตอร์เท่านั้น แต่สุดท้ายก็มีส่วนสำคัญในประตูตีเสมอ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : สตีเว่น เจอราร์ด ทำเกมได้ดีและมีประสิทธิภาพ มีทีเด็ดทีขาดมากกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

นิวคาสเซิล 2 - 0 ลิเวอร์พูล



...ปวดหัวกันเลยทีเดียว...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3 (4-3-2-1 ซัวเรสกับเบลามี่ยืนค่อนข้างต่ำ)

--------ซัวเรส------คาโรล-------เบลามี่--------

---------เชลวี่ย์----สเปียริ่ง-------เจอราด-------

เอนริเก้---คาราเกอร์--สเคอเทล---ฟลานาแกน

-----------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนนิวคาสเซิลที่กำลังมีปัญหาในแผงหลัง ดัลกลิชเลือกเบลามี่กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งทางฝั่งขวา รวมไปถึงเชลวี่ย์ที่ได้โอกาสเป็นตัวจริง ส่วนแบคขวาฟลานาแกนยังได้เป็นตัวจริงต่อเนื่องอีกหนึ่งนัด คู่เซนเตอร์มีการปรับเ็ล็กน้อยที่คาราเกอร์ยืนทางซ้ายแล้วให้สเคอเทลยืนทางขวาซึ่งปรกติถ้าคู่นี้ลงคู่กันคาราเกอร์จะยืนขวา ส่วนทางฝั่งนิวคาสเซิลขาดโคลอชชินี่ไป แบคซ้ายต้องถอยกูตีเรสลงไปเล่น แต่นอกนั้นก็ยังอยู่กันครบ
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า แม้รูปเกมจะไม่ถึงกับได้เปรียบมากนักแต่ก็บุกขึ้นไปได้ลุ้นอยู่หลายจังหวะ เน้นเจาะตรงกลางและด้านขวา ส่วนนิวคาสเซิลเก็บบอลและโต้ได้บ้างไม่ถึงกับต้องรับฝ่ายเดียว และในนาที 19 นิวคาสเซิลที่บุกน้อยกว่ามาได้ประตูนำก่อน อาร์ฟาได้บอลแถวริมเขตโทษล็อคหลบสเปียริ่งกับเชลวี่ย์ก่อนจะโยนข้ามมาเสาสอง สเคอเทลขึ้นไม่ถึงบอล กลายเป็นซิสเซ่ได้โหม่งโล่งๆ ย้อนเข้าเสาแรก 1-0

               หลังจากเสียประตูเกมของลิเวอร์พูลชะงักไปทันที ส่วนนิวคาสเซิลเกมดูดีขึ้นครองบอลได้มากขึ้น แผงกลางของลิเวอร์พูลมีปัญหาหนักเพราะหยุดกลางนิวคาสเซิลไม่ได้และเก็บบอลได้น้อย จนกระทั่งประมาณครึ่งชั่วโมงของเกมลิเวอร์พูลถึงได้กลับมาครองเกมได้ปะติดปะต่ออีกครั้งแต่ก็ยังหาจังหวะสกอร์ได้ไม่มากนัก ส่วนทางนิวคาสเซิลยังโต้กลับมาได้น่ากลัวเป็นระยะ เวลาที่เีหลือยังทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังเร่งไม่ขึ้น จ่ายบอลกันผิดพลาดเยอะ นิวคาสเซิลเข้าบอลกันได้เร็วตลอดจนทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลไม่ต่อเนื่อง แ้ม้ลิเวอร์พูลจะได้ครองบอลมากกว่าแต่กดดันได้น้อยและหาโอกาสจบสกอร์ไม่ค่อยได้ กลับเป็นทางฝั่งนิวคาสเซิลที่โต้ขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษลิเวอร์พูลอยู่เกือบตลอด

               นาที 59 นิวคาสเซิลโต้เร็วขึ้นมาแผงกลางของลิเวอร์พูลหยุดเอาไว้ไม่ได้ อาร์ฟาได้โอกาสเปิดบอลเรียดเข้ากลาง ฟลานาแกนเข้าสกัดไม่โดนบอลก่อนที่บอลจะไหลไปถึงซิสเซ่(ที่น่าจะอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า) ล็อคหลบเรน่ายิงเข้าไปได้ง่ายๆ 2-0

               หลังจากนำห่าง นิวคาสเซิลเริ่มเน้นเกมรับมากขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งพลาดกันมากขึ้น ออกบอลขาดๆ เกินๆ อยู่ตลอด นาที 76 ดาวนิ่งได้ลงแทนเชลวี่ย์ นาที 79 เค้าท์กับเฮนเดอร์สันลงแทนคาโรลกับเบลามี่ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร นาทีถัดมาเรน่าก็ไปโดนใบแดงไล่ออกจากจังหวะที่เอาหัวไปลูบหน้าเพิร์ช ทำให้ลิเวอร์พูลเหลือ 10 ทั้งยังเปลี่ยนโดนี่ลงมาไม่ได้เพราะเปลียนครบ 3 คนไปแล้ว เอนริเก้ต้องรับหน้าที่ผู้รักษาประตูแทน เวลาที่เหลืออยู่นิวคาสเซิลแค่เคาะบอลปิดเกม และลิเวอร์พูลที่ตัวน้อยกว่าเร่งไม่ขึ้น จนกระทั่งจบเกมไปด้วยสกอร์ 2-0
------------------------------------------

               ลิเวอร์พูลไม่ได้ปรับแทคติคอะไรมากนัก ทรงเกมยังเหมือนเดิม แต่รูปเกมออกมาดูไม่จืด สาเหตุหลักมาจากฟอร์มของนักเตะลิเวอร์พูลเองที่นัดกันฟอร์มหลุด ซัวเรสเล่นแทบจะเป็นคนละคนกับที่ผ่านมา เบลามี่ที่หายไปนานก็ดูเหมือนจะยังจับจังหวะเกมได้ไม่ค่อยดีนัก เชลวี่ย์กับสเปียริ่งเคยมีวันที่ดีกว่านี้ รวมไปถึงแผงหลังที่เคยเล่นได้เหนียวแน่นกว่านี้วันนี้มีขอผิดพลาดมากมายเหลือเกิน

               จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมคงหนีไม่พ้นช่วงต้นเกมที่คาโรลได้หลุดเดี่ยวเข้าไปแตะหลบทิม ครูลได้แล้วแต่ตัดสินใจทิ้งตัวเรียกจุดโทษซึ่งไม่สำเร็จทั้งยังโดนใบเหลืองไปอีกต่างหาก จังหวะนั้นถ้าคาโรลไม่ทิ้งตัวแล้วยิงผ่านเข้าไปให้ทีมนำได้ รูปเกมน่าจะเปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่

               ปัญหาสำคัญของลิเวอร์พูลอันดับแรกยังหนีไม่พ้นความผิดพลาดในแนวรับที่เสียง่ายเหลือเกินซึ่งคงไม่ต้องพูดถึงอีก แต่ปัญหารองลงมาที่ส่งผลถึงรูปเกมโดยรวมในระยะหลังๆ ของลิเวอร์พูลคือแผงกลางที่เอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ จากตัวเลือกที่ดูเหมือนมีเยอะในแดนกลาง เล่นไปเล่นมากลายเป็นว่าหาคนที่ทำผลงานได้ดีต่อเนื่องไม่ได้ นอกจากจะทำเกมเพื่อส่งบอลไปให้กองหน้าทำประตูไม่ค่อยได้แล้ว เกมรับก็หยุดคู่ต่อสู้ไม่ได้อีกต่างหาก

               ...จบฤดูจะอยู่ตรงไหนหนอ....
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ไม่ดี

เรน่า - จังหวะที่โดนยิงคงช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ท้ายเกมยังมาเสียท่าโดนยั่วโมโหจนธาตุไฟเข้าแทรก ตบะแตกโดนไล่ออกไปอีก (แม้ใบแดงจะดูรุนแรงเกินกว่าเหตุไปสักนิด)

เอนริเก้ - หยุดอาร์ฟาไม่ได้ (อาร์ฟาเป็นคนแอสซิสทั้งสองลูก) เกมรับมีปัญหาตลอด ในขณะที่เกมรุกก็พลาดเสียบอลค่อนข้างเยอะ

คาราเกอร์ - มีปัญหากับการเล่นลูกกลางอากาศที่ไม่รู้หายไปไหนตอนคู่ต่อสู้โยนเข้ามา ไม่ถึงกับแย่แต่น่าจะดีกว่านี้

สเคอเทล - เล่นกับคาราเกอร์นานเข้าเริ่มอาการออก ความโฉ่งฉ่างที่หายไปนานเริ่มมีมาให้เห็นแล้ว

ฟลานาแกน - ตัดสินใจไม่ค่อยดี เล่นผิดพลาดหลายจังหวะ ขาดความแข็งแกร่ง เบียดไหล่ต่อไหล่เป็นฝ่ายกระเด็นอยู่ตลอด

สเปียริ่ง - เป็นฟอร์มที่ไม่ดีเอามากๆ เกมรุกไม่ต้องพูดถึง เกมรับก็เข้าไม่ถึงบอลโดนหลอกหัวหมุนอยู่ตลอด

เชลวี่ย์
- เป็นสเปียริ่งที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย เกมรับช่วยอะไรไม่ได้เลย ส่วนเกมรุกเติมขึ้นไปได้ดีให้เห็นบ้าง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่มีอะไร

เจอราด - ทำอะไรไม่ได้มากนัก ทำงานหนักในแดนกลางเพราะต้องลงมาช่วยถึงหน้าเขตโทษบ่อยๆ ออกบอลพลาดค่อนข้างเยอะกว่าที่ผ่านมา

ซัวเรส
- เล่นไม่ออก ทำอะไรแทบไม่ได้เลย มีโอกาสยิงที่ควรเป็นประตูครั้งนึงก็ยิงไปติดกองหลังอีกต่างหาก

เบลามี่ - มีอยู่ 2-3 จังหวะที่เบลามี่ควรจะจับหรือตามบอลทันแต่ทำไม่ได้ ออกบอลจังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะจ่ายทะลุหรือครอสได้ไม่ดีนัก

คาโรล - เล่นได้ดีอยู่ในช่วงต้นเกม หลังจากเรียกจุดโทษไม่สำเร็จก็เริ่มหายไปจากเกม

ตัวสำรอง

ดาวนิ่ง - แทบไม่ได้บอลเลย

เค้าท์,เฮนเดอร์สัน - ลงมาปุ๊ป ทีมเหลือ 10 คน ไม่มีโอกาสได้ทำอะไร

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.