วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 1 - 1 คาร์ดิฟ (ต่อเวลา 2-2, จุดโทษ 3-2)


...ดราม่าไปมั้ย?...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2

---------------ซัวเรส-----คาโรล----------------

ดาวนิ่ง------อดัม------เจอราด------เฮนเดอร์สัน

เอนริเก้---สเคอเทล----แอกเกอร์-----จอห์นสัน

----------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมชิงชนะเลิศลีคคัพ ดัลกลิชจัด 4-4-2 ใช้ซัวเรสกับคาโรลเป็นคู่หน้า ริมเส้นขวาเืลือกส่งเฮนเดอร์สัน ส่วนริมซ้ายเป็นดาวนิ่ง คู่กลางเป็นอดัมกับเจอราด และแผงหลังยังอยู่กันครบ
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาคาร์ดิฟวิ่งใส่ทันที ส่วนลิเวอร์พูลขึ้นเกมช้าเล่นด้วยความระมัดระวัง เน้นขึ้นเกมทางริมเส้นโดยเฉพาะฝั่งขวาด้วยการเติมเกมขึ้นไปของจอห์นสัน เกมเป็นของลิเวอร์พูลมากกว่าแต่คาร์ดิฟอาศัยจังหวะผิดพลาดของแนวรับขึ้นนำไปได้ก่อนในนาที 19 คาร์ดิฟจ่ายบอลทะลุช่องเซนเตอร์กับแบคซ้ายเข้าไปยิงลอดขาเรน่าได้ 1-0

               เกมยังเป็นของลิเวอร์พูลมากกว่า โดยคาร์ดิฟครองบอลได้น้อยแต่ยังปิดพื้นที่อันตรายกันได้ดี ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเริ่มบุกไปถึงเขตโทษได้น้อยลง ใช้บอลทางลึกโยนเข้าไปในเขตโทษไม่ค่อยได้ผล จังหวะลุ้นประตูส่วนใหญ่มาจากบอลครอสริมเส้น(โดยเฉพาะฝั่งซ้ายด้วยการเล่นและเปิดของดาวนิ่ง)และลูกเตะมุมซึ่งยังทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งจบครึ่งแรกยังตามอยู่ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง รูปเกมยังคล้ายครึ่งแรก แต่คาร์ดิฟลงไปรับมากกว่าและเน้นการเล่นจังหวะโต้กลับที่โยนยาวรวดเดียวถึงกองหน้ามากขึ้น ลิเวอร์พูลบุกได้ไม่ต่อเนื่องเพราะเก็บบอลจังหวะสองที่กองหลังคาร์ดิฟสกัดออกมาไม่ค่อยได้ นาที 58 เบลามี่ได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สันที่เล่นไม่ออก เบลามี่ลงไปเล่นทางซ้าย ดาวนิ่งถูกโยกมาขวา

               แล้วก็เหมือนกับเป็นตัวนำโชค ไม่กี่นาทีถัดมา นาที 60 จากลูกเตะมุม คาโรลขึ้นเบียดกับกองหลังบอลตกใส่หัวซัวเรสที่สะบัดโหม่งไปชนเสา แต่บอลไปเข้าทางสเคอเทลจับหนึ่งจังหวะก่อนจะแปเรียดเข้าไป ลิเวอร์พูลตีเสมอได้เป็น 1-1

               ลิเวอร์พูลยังครองบอลได้มากและพยายามจะบุกอยู่ แต่เก็บบอลจังหวะสองได้น้อย รวมไปถึงกลางสนามหยุดเกมจังหวะโต้ของคาร์ดิฟไม่ได้ ทำให้รูปเกมโดยรวมออกมาดูสูสี นาที 87 แอกเกอร์ที่มีอาการบาดเจ็บถูกเปลี่ยนตัวออก คาราเกอร์ได้ลงมาแทน และครบ 90 นาทีไปด้วยผลเสมอ 1-1

               ช่วงต่อเวลาครึ่งแรก ต่างฝ่ายต่างหมดแรง ลิเวอร์พูลเล่นช้าและออกบอลพลาดมากขึ้น ส่วนคาร์ดิฟแทบไม่ขึ้น อาศัยบอลยาวให้กองหน้าพักอย่างเดียว นาที 103 เค้าท์ได้ลงมาแทนคาโรล และ 5 นาทีถัดมา เค้าท์ได้บอลเลี้ยงจี้เข้าไปถึงหน้าเขตโทษ ยิงไกลจังหวะแรกไม่ดีโดนสกัดออกมา บอลมาเข้าทางเค้าท์ยิงอีกครั้งก็ลื่นแต่บอลพุ่งเสียบเสาแรกเข้าไปได้ให้ลิเวอร์พูลพลิกนำ 2-1

               หลังจากนั้นคาร์ดิฟก็หันมาเปิดเกมรุกโหมใส่เต็มที่ ในขณะที่ลิเวอร์พูลไม่เก็บบอลไว้กับตัว หนักไปทางสกัดทิ้งอย่างเดียว แม้คาร์ดิฟจะกดดันได้ไม่ต่อเนื่องมากนัก แต่ก็มาทำสำเร็จจนได้ นาที 118 จากจังหวะทีไ่ด้เตะมุมติดๆ กัน 2-3 ครั้ง บอลโยนเข้ามาในเขต 6 หลาตกแถวเสาสอง เค้าท์เสียหลักสกัดไม่ถึงบอลแล้วเป็นนักเตะคาร์ดิฟจิ้มบอลลอดขาเรน่าเข้าไปได้ ตีเสมอลากเกมไปจนถึงการยิงจุดโทษได้สำเร็จ 2-2

               ในการยิงจุดโทษ ยิงทางฝั่งกองเชียร์ลิเวอร์พูลและลิเวอร์พูลได้ยิงก่อน

               เจอราดยิงไปติดเซฟ แต่มิลเลอร์ก็ยิงไปชนเสาด้านขวา ยัง 0-0

               อดัมยิงข้ามคานไปไกล  ส่วนฮาวี่ย์ยิงเข้า เป็น 0-1

               เค้าท์ยิงไม่พลาด แต่เกสเต้ยิงชนเสาด้านซ้าย ตีเสมอเป็น 1-1 สำเร็จ

               ดาวนิ่งก็ไม่พลาด แต่วิทติ้งแฮมก็ยิงตามมาได้ 2-2

               คนสุดท้ายจอห์นสันยิงเสียบคานได้แบบหวาดเสียว แต่ (แอนโทนี่) เจอราดแปบอลหลุดเสาไป สุดท้ายลิเวอร์พูลเลยเอาชนะไปได้สำเร็จ 3-2 ทั้งๆ ที่สองคนแรกยิงไม่เข้า คว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ
------------------------------------------

               ดัลกลิชจัด 4-4-2 ในช่วงเวลาที่กองหน้าเริ่มกลับมาเล่นได้ดีขึ้นก็ไม่น่าแปลกใจนัก แต่วันนี้ตัวริมเส้นที่เลือกเฮนเดอร์สันลงมาก่อนทั้งเค้าท์และทั้งเบลามี่ถือเป็นจุดที่ทำให้เกมรุกเล่นได้แค่ฝั่งเดียว นอกจากนั้น การไม่ส่งกลางรับอาชีพอย่างสเปียริ่งลงมาถือว่าส่งผลกับเกมของลิเวอร์พูลมากเหลือเกิน การเก็บบอลจังหวะสองและการหยุดเกมของคาร์ดิฟที่กลางสนามวันนี้ลิเวอร์พูลทำได้แย่มาก ทำให้เกมที่ควรจะง่าย(กว่านี้) ยากขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ

               แต่สิ่งที่สำคัญกว่าแทคติคและส่งผลต่อรูปเกมของลิเวอร์พูลในวันนี้คือฟอร์มของนักเตะเอง แบคที่เคยเล่นได้ดีวันนี้นัดกันหลุด เอนริเก้เล่นเหมือนไม่มีสมาธิในหลายจังหวะ (รวมถึงจังหวะที่เสียประตูแรก) จอห์นสันไม่สามารถปิดเกมริมเส้นของคาร์ดิฟได้เท่าที่ควรจะเป็น มองขึ้นมาถึงกองกลาง อดัมกับเจอราดไม่ค่อยมีใครเข้าบอลและไล่บอลน้อย ส่วนเฮนเดอร์สันทำอะไรก็ดูผิดไปหมด ทั้งโยนพลาด, ยิงวืด, ตัดบอลไม่ได้ เวลากลางคาร์ดิฟพาบอลขึ้นมาเกือบทุกครั้งที่ต้องกลายเป็นหน้าที่ของคู่เซนเตอร์ที่มาสกัดเอาไว้ ส่วนคู่กองหน้าก็โดนประกบติดจนพากันเล่นไม่ออก ยังดีว่าเอาตัวรอดได้ในการยิงจุดโทษ

               มองทางฝั่งคาร์ดิฟ พวกเขาเล่นได้ดีในเกมรับ ยืนตำแหน่งกันได้ดีอย่างกับเกมคอมพิวเตอร์ มีคนไล่ มีคนซ้อน แผงหลัีงยืนตรงเป๊ะ เข้าบอลแม่นเสียฟาลว์น้อย แต่สิ่งที่ต้องแลกคือเกมรุกที่ทำกันแทบไม่ได้เลย หน้าเป้าของพวกเขาโดนสเคอเทลเล่นงานจนเก็บบอลหรือโหม่งชงให้เพื่อนได้น้อยมาก แล้วก็ไม่ค่อยมีใครเติมขึ้นมาช่วยด้วย อย่างไรก็ตาม พวกเขาฉวยโอกาสจากความผิดพลาดได้ดี ในจังหวะที่ลิเวอร์พูลขึ้นบอลพลาดหรือยืนตำแหน่งไม่ดี คาร์ดิฟสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้เกือบตลอด เพียงแต่หาจังหวะจบสกอร์กันได้น้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง แล้วยังมาพลาดจุดโทษกันตั้งสามคนอีก ทั้งๆ ที่ได้เปรียบก่อนด้วยซ้ำ

               ขอบคุณมาก...คาร์ดิฟ!
----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ค่อนข้างแย่

เรน่า - 2 ลูกที่เสียไม่ได้พลาด ออกมาตัดบอลโด่งได้ดีมากๆ รวมไปถึงการเซฟจุดโทษที่ถึงแม้จะเซฟไม่ได้เลยสักครั้ง แต่พุ่งผิดทางแค่ครั้งเดียว!

เอนริเก้ - พลาดเยอะมากเหลือเกินจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนๆ เดียวกับที่เคยเล่นมาก่อนหน้านี้ สมาธิในเกมรับไม่ดีเอามากๆ หลายครั้งที่ไม่วิ่งเข้าไปบังบอล (ซึ่งนำมาซึ่งการเสียประตูแรกด้วย) การขึ้นบอลก็พลาดเยอะ โดนตัดไปได้หลายครั้ง

แอกเกอร์ - ซ้อนแบค (และกองกลาง?) ได้ดี เข้าสกัดได้แม่นยำ หยุดไม่ให้บอลเข้าเขตโทษได้ดี

สเคอเทล - เล่นได้ดีมากที่สุดในทีมแล้ว กองหน้าคาร์ดิฟเล่นลูกกลางอากาศได้ดีแต่สเคอเทลก็เบียดโหม่ง ดักโหม่งก่อนกองหน้าจะเล่นได้เยอะ จนทำให้คาร์ดิฟบุกได้ไม่สะดวกนัก เป็นคนตีเสมอในเกม 90 นาทีได้ด้วย

จอห์นสัน - ช่วงต้นเกมขึ้นมาเติมเกมรุกได้ดีั ยิงชนคานแบบสุดสวยไปครั้งนึงด้วย แต่หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ริมเส้น(ที่นานๆ จะขึ้นมาสักครั้ง) เล่นได้อย่างสะดวกเหลือเกิน ยืนผิดตำแหน่งและสกัดลูกครอสแทบไม่ได้เลย

ดาวนิ่ง - เป็นอาวุธหลักในเกมรุกของทีม ทำได้ดีทีเดียว หลายครั้งที่สลัดหลุดพาบอลไปถึงสุดเส้นได้ เปิดเข้ามาได้ดีเยอะมากด้วย ...แต่เพื่อนเข้ามาไม่ถึงบอล ช่วงที่ถูกโยกไปขวายังเล่นพอได้อยู่แต่เปิดบอลไม่ผ่านแล้ว

อดัม - หาจังหวะสอดขึ้นมายิงไกลได้ดี ได้ลุ้น 2-3 ครั้ง เชื่อมเกมพอใช้ได้ แต่การบีบพื้นที่และเ้ข้าสกัดแทบไม่มีเลย เก็บบอลได้น้อยไม่ว่าจะเป็นหน้าเขตโทษตัวเองหรือหน้าเขตโทษคู่ต่อสู้

เจอราด - เป็นคนคุมจังหวะเกมรุก ทำได้พอใช้ในเรื่องนั้น แต่วันนี้ยิงไกลโล่งๆ ที่ควรจะได้ลุ้น ยิงยังไงก็หลุดกรอบหมด (5-6 ลูกได้) ส่วนเกมรับทำได้ไม่ดีนัก

เฮนเดอร์สัน - เป็นวันที่ทำอะไรก็ดูไม่ดีจริงๆ ผิดพลาดไปหมดและแทบไม่มีส่วนทำให้เกมมันดีขึ้นเลยไม่ว่าจะรับหรือรุก มีโอกาสได้จบสกอร์ในเขตโทษโล่งๆ ครั้งนึงก็ยังอุตส่าห์ยิงวืดมันซะอย่างนั้น

ซัวเรส - โดยประกบติดและได้บอลไม่มากนัก ยังหาพื้นที่และกระชากบอลได้ดีแต่เล่นหลายจังหวะไปหน่อย ล็อคจนเสียบอลหลายครั้ง จังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะยิงหรือชิ่งหรือเปิดทำได้ไม่ดีนัก

คาโรล - นี่ก็โดนประกบติด ยังเบียดโหม่งเอาชนะกองหลังได้ไม่น้อย ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ...ยกเว้นเวลาอยู่ในเขตโทษ

ตัวสำรอง

เบลามี่ - ลงมาทำได้ดีกว่าเฮนเดอร์สัน พาบอลขึ้นไปได้ดีในบางจังหวะ ทำเกมริมเส้นไม่ค่อยได้ แต่เชื่อมเกมตรงกลางและเร่งจังหวะเข้าทำใช้ได้

คาราเกอร์ - บอลมาทางไหน เด้งกลับไปทางนั้น ไม่ค่อยเก็บบอลแต่นอกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด

เค้าท์ - อาศัยที่ลงมาทีหลังและแรงยังดีกว่าชาวบ้าน พาบอลขึ้นไปเองได้ดีหลายครั้ง เปลี่ยนการยิงไกลเข้าขั้นแย่สองครั้งติดๆ เป็น 1 ประตูได้และทำให้ทีมเกือบชนะตั้งแต่ช่วงทดเวลา

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : มาร์ติน สเคอเทล...ถ้าเกมจบในเวลาคงจะเป็นดาวนิ่งหรือเค้าท์ไปแล้ว แต่เมื่อต้องเล่นครบ 120 นาที ขอยกให้คนที่เล่นได้เด่นที่สุดอย่างสเคอเทลแล้วกัน

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 6 - 1 ไบรตัน






...เยอะไปมั้ย?...ไม่!
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2

---------------คาโรล-----ซัวเรส----------------

ดาวนิ่ง------อดัม------เจอราด------เฮนเดอร์สัน

เอนริเก้---คาราเกอร์----สเคอเทล-----จอห์นสัน

----------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลเล่น FA Cup เปิดบ้านรับไบรตัน ทีมกลางตารางลีกแชมป์เปี้ยนชิพ ดัลกลิชเลือกใช้ 4-4-2 วางคาโรลกับซัวเรสเล่นหน้าคู่กัน กองกลางไม่ใช้ตัวรับ แต่เป็นอดัมกับเจอราด ส่วนริมเส้นเป็นดาวนิ่งทางซ้าย, เฮนเดอร์สันทางขวา แผงหลังมีคาราเกอร์ที่ได้ลงแทนแอกเกอร์แค่ตำแหน่งเดียว นอกนั้นยังเป็นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่เคาะบอลตามช่องเดินเกมรุกใส่ ส่วนไบรตันตั้งโซนแน่นแต่ไม่ค่อยวิ่งไล่มากนัก แค่นาที 5 ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุมครั้งแรก เจอราดเปิดมาที่เสาแรกแล้วเป็นสเคอเทลที่โหม่งเช็ดเข้าไปได้ให้ทีมนำ 1-0

               หลังจากเสียประตูไป ไบรตันก็เปิดเกมแลกทันที ไล่บอลเร็วและไล่สูงขึ้น, ใช้บอลสั้นกับพื้นเช่นกันและทำได้ดีพอใช้ เกมโดยรวมค่อนข้างช้า แต่แล้วไบรตันที่หาช่องเจาะไม่ได้มาทำได้ในจังหวะฟรีคิก นาที 17 ลัว ลัวกดเต็มข้อบอลเรียดพุ่งเสียบเสาเข้าไปให้ไบรตันตีเสมอได้สำเร็จ 1-1

               พอสกอร์กลับมาเท่ากัน เกมก็เปิดแลกกันทันที เกมเร็วและครองบอลได้พอๆ กัน เป็นลิเวอร์พูลที่บุกเข้าไปถึงในเขตโทษได้เป็นระยะ ส่วนไบรตันได้ครองบอลอยู่แถวกลางสนามเป็นส่วนใหญ่ แต่ยิ่งเล่นไปลิเวอร์พูลเริ่มบุกได้ลุ้นจบสกอร์น้อยลง เกมครึ่งแรกทำท่าจะจบที่ผลเสมอ แต่ในนาที 44 ลิเวอร์พูลมาได้ลูกเตะมุม อดัมเปิดเข้ากลางซัวเรสเอาบอลลงได้แต่ยิงไปติด บอลเด้งไปเข้าทางจอห์นสันโหม่งกลับเข้าไป สุดท้ายเป็นกองหลังไบรตันที่โหม่งเคลียร์จากเส้นไปโดนพวกเดียวกันเด้งเข้าประตูไปให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1 ก่อนจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

               เข้าครึ่งหลัง ไบรตันพยายามจะเปิดเกมรุกสู้เต็มที่แต่ครองบอลได้ไม่นานและพาบอลไปได้ไม่ถึงเขตโทษ ส่วนลิเวอร์พูลกลับมาบุกกดดันได้ดีอีกครั้งโดยเฉพาะเกมริมเส้นฝั่งซ้าย นาที 57 ดาวนิ่งได้จังหวะแตะหลบแล้วพาบอลเข้าเขตโทษปาดเข้ากลางมาให้คาโรลยิงเข้าไป ลิเวอร์พูลนำ 3-1

               ผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มผ่อนเกมลงมาบ้าง ไบรตันครองบอลได้มากขึ้นแต่ก็ต่อบอลกันได้ไม่ดีพอและหาโอกาสลุ้นจบสกอร์แทบไม่ได้ กลับเป็นลิเวอร์พูลที่หาโอกาสโต้กลับมาได้ลุ้นกว่า นาที 74 กองหลังไบรตันยังมาพลาด ปล่อยให้เจอราดเก็บบอลได้ยิงในเขตโทษ บอลไปติดผู้รักษาประตูและกำลังจะออกเส้นหลัง เจอราดตามไปทิ้งตัวเปิดเข้ากลางไปโดนกองหลังไบรตันที่เฝ้า่เสาแรกเด้งเข้าไปอีก ลิเวอร์พูลนำห่างเป็น 4-1

               ถึงตรงนี้ไบรตันเริ่มเสียสมาธิและตั้งเกมของตัวเองไม่ได้แล้ว ทั้งยังมาผิดพลาดในเกมรับอีก นาที 74 ซัวเรสเปิดบอลเ้ข้ากลาง ผู้รักษาประตูปัดได้ บอลไปตกใส่กองหลังไบรตันแต่ดันพักบอลพลาดไปโดนเข่า บอลกระดอนเข้าประตูจะตามไปเคลียร์ก็ไม่ทัน สกอร์เปลี่ยนอีกครั้งเป็น 5-1

               นาที 77 ดัลกลิชเปลี่ยนตัวรวดเดียว 3 คน เชลวี่ย์, เค้าท์, มักซี่ ได้ลงแทน เจอราด, เฮนเดอร์สัน, ดาวนิ่ง โดยเป็นการเปลี่ยนตำแหน่งต่อตำแหน่ง เกมของลิเวอร์พูลผ่อนลงและสกัดบอล, ขึ้นบอลกันพลาดไปเองอยู่พักใหญ่ แต่ไบรตันก็ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้

               นาที 81 เค้าท์โดนรวบในเขตโทษจนได้จุดโทษ ดัลกลิชสั่งจากข้างสนามให้ซัวเรสยิง แต่ดันยิงไปติดเซฟ ก่อนที่ 3 นาทีถัดมาลิเวอร์พูลเล่นโต้กลับ เอนริเก้เปิดบอลไปเสาสองคาโรลโหม่งชงกลับมาให้ซัวเรสโหม่งระยะ 1 หลา ทำประตูจนได้ 6-1 เวลาที่เหลือกลายเป็นลิเวอร์พูลที่เร่งเกมบีบเร็วและเปิดเกมรุกต่อ ส่วนไบรตันเล่นแบบหมดอาลัยตายอยากก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์ครึ่งโหล 6-1
------------------------------------------

               วันนี้ดัลกลิชจัดตัวผู้เล่นและแทคติคแบบไม่กลัวและไม่ระมัดระวังคู่ต่อสู้ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งการไม่ส่งมิดฟิลด์ตัวรับ และการใช้กองกลางแค่ 4 คน ยิ่งไปกว่านั้นยังให้แบคเติมสูงอยู่ตลอดเกมด้วย แต่ไบรตันในวันนี้ไ่ม่มีอะไรให้ควรต้องระวังจริงๆ อย่าว่าแต่หาโอกาสจบสกอร์หรือตั้งเกมของตัวเอง แค่เกมรับยังมีข้อผิดพลาดอยู่ตลอดเวลา, พลาดกันแทบทุกตำแหน่ง กองหน้าเก็บบอลไม่ได้ กองกลางปล่อยให้กลางลิเวอร์พูลเล่นง่าย, กองหลังสกัดลูกง่ายๆ พลาด เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สกอร์ออกมาขาดขนาดนี้ย รวมไปถึงทำให้เป็นเกมที่ไม่มีจุดเปลี่ยนอะไร ลิเวอร์พูลได้บุกใส่แบบวันเวย์ตั้งแต่ต้นยันจบ

               อันที่จริงไบรตันก็มีลัวลัวที่พอจะเล่นได้บ้าง และกดดันแนวรับได้ดีระดับนึง แต่เพื่อนร่วมทีมของเขาก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย กลับกันกับทางฝั่งลิเวอร์พูลที่เล่นกันเป็นทีมมากกว่า ช่วยกันเล่นได้ดีทั้งเกมรุกเกมรับ ...ตัวผู้เล่นดีกว่า, ได้เล่นในบ้าน, เล่นกันเป็นทีมมากกว่า ทั้งยังมีโชคมากกว่าจากคู่ต่อสู้ที่ช่วยยิงให้ตั้ง 3 ลูก...

                ...ก็ครึ่งโหลสิครับ....
----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ค่อนข้างดี (แต่คู่ต่อสู้แย่มาก)

เรน่า - ลูกที่เสียไปพลาดเล็กน้อยจากการสั่งกำแพงปิดเสาแรกไม่ค่อยดี แต่นอกนั้นก็แทบไม่มีอะไรให้ทำ

จอห์นสัน - ครึ่งแรกเติมเกมขึ้นไปได้ดี ส่วนครึ่งหลังโดนลัวลัวป่วนจนอาการออกเหมือนกัน เอาไม่อยู่และปล่อยให้คู่ต่อสู้พาบอลหนีไปหรือเปิดเข้ากลางได้สะดวกเหลือเกิน

คาราเกอร์ - เล่นเป็นตัวสุดท้ายที่เก็บกวาดบอลได้ดี สกัดได้เด็ดขาด ไม่มีลูกสกัดผิดเหลี่ยมหรือผิดพลาดให้เห็น

สเคอเทล - เล่นได้แข็งแกร่ง ตามประกบกองหน้าขึ้นมาถึงกลางสนามและตัดบอลได้เกือบทุกครั้ง ทำประตูให้ทีมได้ด้วย

เอนริเก้ - เล่นได้ดีมากโดยเฉพาะการประสานงานกับดาวนิ่ง ทำให้เกมทางซ้ายไหลลื่น

ดาวนิ่ง - เป็นเกมที่ดาวนิ่งเล่นได้ดีที่สุดตั้งแต่ย้ายมา พาบอลไปเองได้และทำชิ่งกับเพื่อนร่วมทีมได้ดี จังหวะเปิดเข้ากลางยังสักแต่ว่าเปิดไปหน่อย หลายครั้งที่เพื่อนยังไม่อยู่ในตำแหน่งก็ดันเปิดเข้าไป แต่โดยรวมแล้วถือว่าทำได้ดีมาก

อดัม - เชื่อมเกมได้ดี ออกบอลได้เร็วและเพื่อนได้เปรียบ แต่ไม่ค่อยได้ดันขึ้นมาสูงเท่าไหร่นัก

เจอราด - ช่วงครึ่งแรกยืนต่ำ หนักไปทางวางบอลยาว แต่พอครึ่งหลังที่เกมเริ่มขาด เจอราดดันขึ้นมาสูงและเล่นเกมรุกกดดันได้ดี

เฮนเดอร์สัน - ดูเก้ๆ กังๆ กับการเล่นแถวริมเส้นในวันนี้ ทำเกมริมเส้นไม่ได้ แต่มาทำได้ดีกับการเชื่อมเกมและการบีบพื้นที่ ออกบอลให้เพื่อนได้ดีหลายครั้ง

ซัวเรส - เล่นได้ง่ายไม่ค่อยมีใครตามประกบ ฉีกไปเล่นริมเส้นบ้าง ลงมาล้วงบอลตรงกลางบ้าง ครึ่งแรกทำเกมและหาจังหวะจบได้ดี แต่ครึ่งหลังดูจะเงียบๆ ไปหน่อย

คาโรล - โดนประกบแน่นทั้งเกมและครึ่งแรกตั้งใจจะล้มตัวเรียกฟาลว์มากไปหน่อย แต่โดยรวมก็ัยังกดดันกองหลังและช่วงดึงตัวประกบได้ดี พักบอลและออกบอลดี วันนี้ยิง 1 จ่าย 1 เลยทีเดียว

ตัวสำรอง

เค้าท์ - จังหวะเดียวที่มีส่วนร่วมในเกมคือการโดนรวบให้ทีมได้จุดโทษ นอกนั้นก็แทบไม่ได้บอลหรือทำอะไร

เชลวี่ย์ - พยายามจะเล่นจังหวะโต้ หาโอกาสวางบอลยาวอยู่ตลอด ทำได้ดีระดับนึง ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษไม่ดีเท่าไหร่ แต่เก็บบอลจังหวะสองที่เพื่อนสกัดออกมาได้ดีทีเีดยว

มักซี่ - ...ไม่รู้ว่าพี่แกได้ลงสนามมาจริงๆ หรือปล่าว หาตัวไม่เจอ...

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : แอนดี้ คาโรล... ไม่บ่อยที่เห็นดาวนิ่งเล่นได้ดีขนาดนี้, ซัวเรสก็ยังทำเกมได้ดี, เจอราดหรือเอนริเก้ก็เล่นได้ยอดเยี่ยม รวมไปถึงบริดคัทที่ซัด(ทีมตัวเอง) ไปซะ 2 ลูก แต่คาโรลเองเล่นได้พอเห็นภาพว่าลิเวอร์พูลซื้อเขามาทำอะไร บวกกับความชอบส่วนตัวอีกเล็กน้อยก็ขอยกตำแหน่งนี้ให้ไปก็แล้วกัน

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - 1 ลิเวอร์พูล


 
...ได้ลุ้นจนถึงท้ายเกม...ได้ยังไง..
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-5-1

------------------------ซัวเรส-----------------------

ดาวนิ่ง---เจอราด---สเปียริ่ง--เฮนเดอร์สัน--เค้าท์

เอนริเก้----แอกเกอร์-----สเคอเทล-----จอห์นสัน

-------------------------เรน่า------------------------

               ลิเวอร์พูลเล่นเกมแดงเดือดโดยเป็นฝ่ายออกไปเยือน ดัลกลิชส่งซัวเรสเป็นตัวจริง ริมเส้นสองฝั่งวันนี้เป็นดาวนิ่งกับเค้าท์ได้โอกาสลงเป็นตัวจริง แผงหลังตัวหลักอยู่กันพร้อมหน้า ส่วนแมนฯยูได้ตัวเก๋าอย่างสโคลกับกิ๊กส์ลงเป็นตัวจริงพร้อมกัน ตัวรุกมีทั้งรูนี่ย์,เวลเบค และวาเลนเซีย
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายก็วิ่งไล่เข้าใส่กัน เข้าบอลกันเร็วจนต้องเร่งออกบอลทั้งคู่ ช่วง 10 นาทีแรกเกมค่อนข้างสูสี ผลัดกันรุกรับ ทางด้านแมนฯยู บุกขึ้นมาทางขวาโดยวาเลนเซียเล่นงานเอนริเก้จนมีปัญหาติดๆ กันหลายครั้ง ส่วนลิเวอร์พูลก็บุกขึ้นไปได้ลุ้นบ้างนิดหน่อย แต่โอกาสยังไม่จะแจ้งมากนัก

               แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เกมเริ่มตกเป็นของแมนฯ ยูมากขึ้นเรื่อยๆ และมีโอกาสได้ลุ้นประตูหลายครั้งแต่แนวรับลิเวอร์พูลยังช่วยกันสกัดเอาไว้ได้ แมนฯ ยูผ่านบอลกันได้ดีและครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนลิเวอร์พูลทำได้แค่ช่วยกันตั้งรับเท่านั้น หาโอกาสโต้กลับไปแทบไม่ได้

               ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ซัวเรสแตะหลบเอฟร่าได้โอกาสจะหลุดเดี่ยว แต่โดนเฟอร์ดินานสกัดบอลจากด้านหลัง ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าให้ และจบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

               เข้าครึ่งหลัง โดนบอลยังไม่ทันจะครบทุกคน แมนฯ ยูได้ลูกเตะมุมในนาที 47 ลิเวอร์พูลโหม่งสกัดไม่ขาด บอลตกเข้าทางรูนี่ย์วอลเล่ย์เข้าไปเต็มๆ 1-0 เท่านั้นยังไม่พอ ลิเวอร์พูลที่ดูยังตั้งสติกับเกมไม่ได้ยังมาโดนเพิ่มอีกลูกในนาที 50 สเปียริ่งพลาดโดนวาเลนเซียปั้มบอลไปได้แถวหน้าเขตโทษตัวเอง ก่อนที่วาเลนเซียจะไหลให้รูนี่ย์ได้จบให้แมนฯ ยูนำห่างเป็น 2-0

               แมนฯ ยูเริ่มผ่อนเกมลง ไม่ค่อยไล่บอลในแดนหน้ามากนัก ส่วนลิเวอร์พูลพยายามเล่นช้าค่อยๆ ตั้งเกมของตัวเองขึ้นมาแต่ก็ยังจ่ายกันพลาด นาที 61 ดัลกลิชรีบเปลี่ยนเอาคาโรลกับเบลามี่ลงมาแทนดาวนิ่งและสเีปียริ่ง ลิเวอร์พูลพยายามเปิดเกมรุกมากขึ้นแต่ยังหาโอกาสทำอะไรไม่ได้เช่นเดิม กลับเป็นฝั่งแมนฯ ยูที่ครองบอลได้มากกว่า เคาะบอลเล่นเวลากันไปเรื่อย โดยที่ลิเวอร์พูลไล่บีบแย่งบอลกันไม่ได้

               นาที 75 อดัมได้ลงมาแทนเค้าท์ แต่เกมโดยรวมของลิเวอร์พูลยังไม่ได้กระเตื้องขึ้น อย่างไรก็ตาม ในนาที 80 จากจังหวะที่ิลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก บอลเปิดเข้าไปในเขตโทษแล้วเฟอร์ดินานสกัดไม่ออก ซัวเรสได้ชาร์จเผาขนไล่ตามมาเป็น 2-1

               หลังจากนั้นเกมของลิเวอร์พูลยังเหมือนเดิม คือไม่สามารถเจาะแนวรับได้และไล่แย่งบอลกลับมาได้ช้า ส่วนแมนฯยูก็เล่นช้าเคาะดึงเวลาสลับกับวางยาวโต้เร็วเป็นระยะ ก่อนจะปิดเกมไปได้ที่สกอร์ 2-1
------------------------------------------

               เรื่องแทคติควันนี้ ดัลกลิชก็ใช้แทคติคเดิมๆ แต่ที่ทำให้ผลออกมาแตกต่างจากเดิมมากคือฟอร์มของผู้เล่น ด้วยแทคติคกลาง 5 แล้วมีซัวเรสค้ำข้างหน้า ชัดเจนว่าต้องการตั้งรับแล้วโต้กลับ ซึ่งริมเส้นฝั่งนึงคือ เค้าท์ ที่ไม่สามารถสร้างสรรค์เกมได้นอกจากการให้ออกบอลเร็วและทำชิ่ง เท่ากับว่าคนที่ต้องรับหน้าที่ในการเปลี่ยนรับเป็นรุกและออกบอลในจังหวะโต้ต้องฝากความหวังไว้ที่ดาวนิ่งและเจอราด (รวมเฮนเดอร์สันด้วยก็ได้) แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ดาวนิ่งดันเล่นไม่ออกอย่างรุนแรง ส่วนเจอราดต้องลงไปช่วยไล่ต่ำมากๆ เพราะสเปียริ่งกับเฮนเดอร์สันเอาแผงกลางแมนฯ ยูไม่อยู่ ทำให้หาโอกาสโต้หรือทำเกมรุกแทบไม่ได้

               จุดเปลี่ยนของเกมในวันนี้คงหนีไม่พ้นการเสียประตูเร็วในช่วงต้นครึ่งหลังถึง 2 ลูก ซึ่งผมมองว่ามาจากการที่นักเตะลิเวอร์พูลเสียสมาธิ แล้วแมนฯ ยูก็ฉวยโอกาสไว้ได้ทั้งสองครั้ง ทำให้เกมที่เป็นรองอยู่แล้วยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่

               อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตัดสินเกมเป็นฟอร์มของผู้เล่นแมนฯ ยูมากกว่า ทุกคนเล่นกันได้ดี ผ่านบอลและเคลื่อนที่กันได้ดีตลอดเกม โดยเฉพาะสองตัวเก๋าอย่างกิ๊กส์และสโคล ที่คุมจังหวะเกมได้ทั้งหมด รวมไปถึงรูนี่ย์ที่จบสกอร์ได้เด็ดขาดทั้ง 2 ลูก อันที่จริงถ้าดูที่สกอร์อย่างเดียว อาจจะคิดว่าเกมสูสี แต่ที่จริงแล้วเป็นเกมที่ลิเวอร์พูลสู้ไม่ได้เลยจริงๆ

               มันจริงที่ว่า ถ้าช่วงท้ายครึ่งแรกกรรมการเป่าฟาลว์ให้ซัวเรส เฟอร์ดินานต้องโดนไล่ออกไปแล้ว และเกมจะต้องเปลี่ยนไปจากนี้แน่ แต่ในเมื่อกรรมการไม่เป่าก็ต้องมองไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น อย่าว่าแต่เอนริเก้เองก็โชคดีไม่น้อยที่ไม่โดนใบเหลืองตอนต้นเกมทั้งๆ ที่ควรโดนในจังหวะที่ทำฟาลว์วาเลนเซียติดๆ กันสองครั้ง ซึ่งถ้าโดนเข้าไป เชื่อว่าแมนฯ ยูจะเ้น้นไปเจาะทางเขามากขึ้นแล้วอาจจะเป็นเอนริเก้นี่แหล่ะที่จะโดนไล่ออก เพราะวาเลนเซียเล่นงานเขาได้อยู่ตลอดเกม

               ...แพ้จริงๆ ครับ...
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ไม่ดีนัก

เรน่า - จังหวะเสียประตูสุดปัญญาจะเซฟได้ เิปิดเกมก็ทำไม่ได้เพราะบอลโด่งซัวเรสเก็บไม่ไหว จะออกบอลเร็วไปริมเส้นก็ไม่มีเพื่อนวิ่งไป เป็นวันที่สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ไม่มากนัก

จอห์นสัน - ต้นเกมเติมเกมรุกได้ดีและยิงใช้ได้ หลังจากนั้นหนักไปทางต้องเล่นเกมรับและทำผลงานส่วนตัวใช้ได้ ลูกแรกที่เสียประตูประกบรูนี่ย์ห่างไปนิด

แอกเกอร์ - วันนี้ต้องออกไปประกบเวลเบคที่มักจะถ่างมาัรับบอลทางฝั่งที่เขารับผิดชอบ ดูมีปัญหาไม่น้อย ดักสกัดไม่ค่อยได้ นอกจากนั้นการซ้อนเพื่อนในจังหวะที่คู่ต่อสู้หลุดมาได้ก็ทำช้าไปหน่อย โดยรวมไม่ถึงกับแย่แต่ก็เรียกว่าดีคงไม่ได้

สเคอเทล - พอกันกับแอกเกอร์ มีปัญหากับการรับมือแนวรุกของแมนฯ ยู ปล่อยให้คู่ต่อสู้บังบอลเล่นง่ายไปนิด

เอนริเก้ - โดนวาเลนเซียป่วนจนแทบหาโอกาสขึ้นมาเติมเกมไม่ได้เลย และในเกมรับก็มีปัญหากับวาเลนเซียตลอด โดยเฉพาะช่วงต้นเกม หลังจากนั้นแม้จะพอรับมือได้แต่ก็หัวหมุนหลังแทบหักเหมือนกัน

ดาวนิ่ง - นิ่ง..นิ่ง...นิ่ง..นิ่ง...(อ่านออกเสียงเป็นเสียงเอคโค่ที่เฟดลงเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน)

เฮนเดอร์สัน -เล่นได้ไม่ีดีนัก ในเกมรับเข้าไม่ถึงบอล จังหวะให้บอลก็หนักไปทางส่งไปให้เพื่อนเล่นยาก เคลื่อนที่หาที่ว่างเพื่อรับบอลได้ไม่ค่อยดี

สเปียริ่ง - ปัญหาของสเปียริ่งยังคงเหมือนเดิมคือการอ่านเกมและการตัดสินใจที่ทำได้ไม่ค่อยดีนัก และวันนี้ทำให้แผงกลางของทีมหยุดเกมของแมนฯ ยูไม่ได้เลย วันนี้จ่ายพลาดเยอะด้วย

เจอราด - โดนกดดันให้ต้องลงไปรับลึก แทบไม่มีโอกาสเข้าใกล้เขตโทษคู่ต่อสู้เลย ไม่ได้ทำอะไรมากนัก

เค้าท์ - ก็พยายามเล่นเท่าที่จะทำได้ แต่เพื่อนอยู่ห่างจะหาคนทำชิ่งก็ไม่ได้ จะพาบอลฝ่าไปเองก็ไม่ใช่สิ่งที่เค้าท์ทำไม่ได้อยู่แล้ว เป็นวันที่เงียบไป

ซัวเรส - โดนตัดออกจากเกมไปเลย บอลมาไม่ถึง จังหวะที่พอจะได้บอลบ้างก็ยังเอาไปทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะโดนซ้อนอยู่ 2 - 3 คนตลอด ยังดีว่าจังหวะที่ได้ยิงก็ทำได้ไม่พลาด

ตัวสำรอง

เบลามี่ - ลงสนามมาในช่วงที่แมนฯ ยูลงไปรับและระวังเกมรับแล้ว ทำอะไรไม่ได้มากนัก

คาโรล - เห็นว่าเอาชนะลูกกลางอากาศได้ เบียดสู้คู่เซ็นเตอร์ได้ แต่บอลมาไม่ถึง

อดัม - ลงมาทำให้การขึ้นบอลของลิเวอร์พูลดูดีขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ดีพอที่จะกดดันแนวรับแมนฯ ยู

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 0 - 0 สเปอร์


...ผิดที่แมว...(ต้นเกมมีแมวที่ไหนไม่รู้หลุดลงมาเดินเล่นอยู่ในสนาม)
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-5-1

------------------------คาโรล-----------------------

เบลามี่-----อดัม-----สเปียริ่ง----เจอราด----เค้าท์

จอห์นสัน-----แอกเกอร์-----สเคอเทล-----เคลลี่

-------------------------เรน่า------------------------

               ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับทีมอันดับ 3 อย่างสเปอร์ที่ขาดทั้งฟาร์ทและเลนนอน ส่วนลิเวอร์พูลเองยังเล่น 4-5-1 โดยให้เค้าท์กับสเปียริ่งเป็นตัวจริงต่อไป ในแผงหลังไม่มีชื่อของเอนริเก้ จอห์นสันต้องไปยืนแบคซ้ายแล้วเคลลี่เล่นทางขวา
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมทั้งสองฝ่ายก็ไล่สูงเข้าบอลเร็วกันทั้งคู่ ทำให้ต่อบอลกันลำบากและเกมค่อนข้างช้า เป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย ได้ครองบอลมากกว่า ตัดเกมรุกของสเปอร์ได้ตั้งแต่ตรงกลางสนาม แต่เจาะพื้นที่สุดท้ายของสเปอร์ไม่ได้เช่นกัน รูปเกมและจังหวะเกมไม่เปลี่ยนเลยตลอดครึ่งแรก ลิเวอร์พูลที่ได้บอลเยอะกว่า ถ้าพยายามเร่งทำเร็วก็จะพลาดกันไปเอง แต่ถ้าทำช้าก็เจาะไม่เข้า ส่วนสเปอร์ครองบอลได้น้อยกว่าก็จริง แต่ไม่มากนัก ขึ้นเกมรุกไม่ค่อยได้แต่เกมรับเล่นกันได้นิ่งและเนียน นอกจากลิเวอร์พูลจะเจาะไม่เข้าแล้ว ยังไม่สามารถกดดันให้เกมรับของสเปอร์ผิดพลาดให้เห็นเลย จนจบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

               เข้าครึ่งหลังรูปเกมยังคล้ายครึ่งแรก แต่กลับด้านกัน เป็นสเปอร์ที่ครองบอลได้มากกว่านิดหน่อยและเริ่มขยับเข้าใกล้เขตโทษได้มากขึ้นแต่ก็ยังหาเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายแทบไม่ได้ ลิเวอร์พูลที่เกมรุกดูจะ้ด้อยลงกว่าในครึ่งแรกก็ยังสามารถบีบเกมกลางสนามของสเปอร์ได้ตลอด

               ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มกลับมาครองบอลได้ดีขึ้นอีกครั้ง มีโอกาสได้บุกใส่สเปอร์มากขึ้น นาที 66 ซัวเรสได้ลงมาแทนเค้าท์แต่ดูเหมือนจะเล่นสูงกว่าเค้าท์ ไม่ลงมาล้วงบอลลึกนัก เกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อมีเป้าอยู่ข้างหน้า 2 ตัว แต่ภาพรวมเกมยังไม่เปลี่ยนมากนัก

               จุดเปลี่ยนเล็กๆ ของเกมเกิดขึ้นในนาที 71 เรดเนป(ที่ตกเครื่องบินอยู่ลอนดอน) เปลี่ยนซาฮาลงมาแทนอเดบายอร์ แล้วซาฮาเก็บบอลได้น้อยกว่า ทำให้ลิเวอร์พูลครองบอลได้ต่อเนื่องขึ้น พยายามบุกกดดันจนเข้าไปได้ลุ้นในพื้นที่อันตรายได้มากขึ้น แต่จังหวะสุดท้ายยังติดแนวรับของสเปอร์อยู่ตลอด

               ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเปิดเกมรุกเต็มที่และสเปอร์ถูกดันให้ต้องถอยไปรับกันลึก มีโอกาสลุ้นพังประตูบ้างเป็นระยะ แต่ก็ฟาลว์, เปิดโด่งไป, ยิงติดบล๊อค,ติดเซฟ ยังทำประตูไม่ได้ ส่วนสเปอร์ได้ลุ้นสุดๆ จากจังหวะวางยาวแล้วเบลได้หลุดเดี่ยวไปดวลกับเรน่าแต่ยิงติดเซฟในนาที 84

               เวลาที่เหลือลิเวอร์พูลบุกกดดันอย่างหนักแต่สเปอร์ต้านทานเอาไว้ได้หมดชนิดที่ฟรีเดลไม่ต้องโชว์ซูเปอร์เซฟให้เห็น ทำให้จบเกมเสมอกันไป 0-0
------------------------------------------

               เรื่องแทคติคและตัวผู้เล่นดูเหมือนตอนนี้จะลงตัวแล้วด้วย 4-5-1 ด้วยแผงหลังชุดที่ลงตัว กลางที่มีสเปียริ่งเป็นตัวรับและเจอราดเป็นตัวรุก หน้าเป้าเป็นคาโรล ส่วนตำแหน่งอื่นหมุนเวียนไปเรื่อยแล้วแต่ลักษณะของเกมและสภาพร่างกายของนักเตะ

               ส่วนเกมในวันนี้ ถ้าดูจากบทสรุปทั้งเรื่องสกอร์และรูปเกมอาจจะทำให้รู้สึกว่าเป็นเกมที่จืดชืดไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ที่จริงแล้วเป็นเกมที่มีคุณภาพ ทั้งสองฝ่ายเล่นกันได้ดีและสู้กันได้สนุกมากในแดนกลาง ทางฝั่งลิเวอร์พูลตัดตัวรุกหลักอย่างเบลและโมดริชไปได้อย่างหมดจดในครึ่งแรกส่วนในครึ่งหลังก็ยังไม่ปล่อยให้ทั้งคู่เล่นง่ายนัก ในขณะที่เกมรุกแม้จะเจาะแทบไม่เข้าแต่สามารถเปิดเกมรุกได้หลากหลายทั้งจากตรงกลางและริมเส้น ทั้งบอลสั้นบอลยาวและการเลี้ยงจี้ ส่วนสเปอร์มีเกมรับที่ดี ไม่ลนลานและเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ถูกไล่บีบได้ดีมาก โดยเฉพาะปาร์คเกอร์ที่โดดเด่นสุดๆในการปิดพื้นที่หน้าเขตโทษ รวมไปถึงการเข้าไปซ้อนแบคได้ดีอยู่ตลอดเกม ส่วนเกมรุกยังใช้โอกาสที่มีอยู่เล็กน้อยทำจนได้ลุ้นประตูเช่นกัน

               โดยรวมแล้ว ลิเวอร์พูลยังห่างกับสเปอร์อยู่ไม่น้อย สเปอร์ผ่านบอลกันได้ดีกว่าลิเวอร์พูลมาก บอลสั้นเท้าสู่เท้าทำกันได้แม่นยำและไม่ลนลาน ยิ่งมองไปถึงเรื่องที่สเปอร์ไม่มีทั้งฟาร์ทและเลนน่อนยังทำได้ถึงขนาด "สูสี" ในวันที่ต้องออกมาเยือนลิเวอร์พูลที่ฟูลทีมและเล่นกันได้ดี ลิเวอร์พูลยังต้องพัฒนาเกมของตัวเองอีกมากหากจะหวังกลับขึ้นไปสู่ยอดบนของตารางพรีเมียร์ลีค

               อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลเองวันนี้เล่นได้ดี มีโอกาสลุ้นประตูมากกว่า เป็นผลเสมอที่น่าผิดหวังเล็กๆ ที่ทำแต้มจี้อันดับ 4 ไม่ได้ แต่กับรูปเกมและฟอร์มการเล่นแล้ว ถือว่าเป็นช่วงที่ทำได้ดีต่อเนื่อง

               ...ถ้าเล่นได้แบบนี้ นัดหน้าแมนฯยูอาจจะต้องทำใจกับการเป็นรองแชมป์กันแต่เนิ่นๆ เหมือนกัน...
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

เรน่า - ทั้งเกมก็ไม่ได้เซฟอะไร เปิดบอลได้ตามมาตรฐานของตัวเอง แต่การเซฟลูกยิงจังหวะหลุดเดี่ยวของเบลในช่วงท้ายเกมได้นั้น ทำให้เกมวันนี้ไม่กลายเป็นหนังสยองขวัญตอนรุ่งสาง

จอห์นสัน - เล่นได้โดดเด่นทีเดียว เกมรับเนียนใช้ได้ ส่วนเกมรุกแม้จะดูลำบากไปหน่อยกับการเล่นทางฝั่งซ้ายทำให้ไปได้ไม่สุด แต่การตัดเข้ากลางและตัดบอลเร็วก่อนถึงตัวรุกทำได้สุดยอด

แอกเกอร์ - เล่นได้ละเอียดหมดจด ซ้อนและเข้าสกัดได้ดี

สเคอเทล - เล่นได้หนักหน่วงถึงใจเหลือเกิน เข้าสกัดได้แน่นอน ประกบอเดบายอร์ได้ดีระดับนึง ไม่ปล่อยให้เล่นง่าย สู้ลูกกลางอากาศกับอเดบายอร์ได้ดีกว่าที่คิดเพราะเอาชนะได้เป็นส่วนใหญ่

เคลลี่ - เกมรับทำไ้ด้ดี มีสติหลุดไปนิดในช่วง 15 นาทีแรกของครึ่งหลังแต่ก็ไม่ถึงขั้นผิดพลาดอะไร ที่ดรอปลงไปมากๆ คือการเติมเกมรุกที่ขึ้นช้า(ในจังหวะที่ควรขึ้น)และเปิดบอลไม่แม่น น้ำหนัดไม่ได้เลย

เบลามี่ - ไม่ค่อยได้บอลในแดนหน้า ส่วนใหญ่ต้องลงมารับบอลตรงครึ่งสนามทำให้ไม่มีโอกาสได้ทำเกมรุกมากนัก ที่ดีคือการลงมาช่วยไล่บอลและตัดบอลได้หลายจังหวะ

อดัม - เป็นวันที่ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยมีจังหวะเสี่ยงให้บอล 50/50 หรือลุยไปเองสักเท่าไหร่ ผลักภาระการให้บอลในจังหวะรุกกับสเปียริ่งและเจอราดมากเกินไป แต่เกมรับทำได้ดี ปิดพื้นที่ใช้ได้และเข้าบอลได้อย่างมีสติสตังค์ไม่เสียฟาลว์พร่ำเพรื่อ

สเปียริ่ง - เจอเกมกดดันอาการออกเหมือนกัน หลายครั้งที่ออกบอลช้าและหลายครั้งที่จ่ายพลาดแต่ยังดีที่ไม่พลาดในจังหวะอันตราย ที่ทำได้ดีวันนี้คือการอ่านเกมและบีบพื้นที่ เข้าซ้อนและเก็บบอลจังหวะสองได้ดีทีเดียว

เจอราด - ดูจะระวังเกมรับมากเป็นพิเศษ แม้จะเป็นกลางที่ยืนสูงที่สุดแต่ก็มักจะยืนอยู่ไม่ไกลจากวงกลมครึ่งสนามมากนัก ทำเกมรุกได้น้อยไปหน่อย แต่ก็เป็นคนที่ทำเกมให้ทีมได้มากที่สุดของทีมในวันนี้แล้ว

เค้าท์ - ครึ่งแรกเล่นได้อย่างน่าเอามือก่ายหน้าผาก ชิ่งบอลพลาดอยู่เกือบตลอด ออกบอลก็น้ำหนักผิดทิศทางไม่ได้บ่อยครั้ง ลูกขยันวิ่งไล่ยังอยู่แต่เจอแนวรับที่ไม่ลนลานก็เลยทำอะไรไม่ได้มากนัก เข้าครึ่งหลังค่อยดูดีขึ้นแต่ก็โดนเปลี่ยนออกไปจนได้

คาโรล - ถ้าไม่นับเรื่องบ่นๆๆ หงุดหงิดอยู่ตลอดเกมและจังหวะยิงที่ทำได้ไม่ดีเลย เกมนี้คาโรลเล่นได้ดีทีเดียว เก็บบอลพักบอลได้ในระดับนึง โดยเฉพาะในเกมที่โดนกองหลังอย่างดอร์สันกับคิงอัดก๊อปปี้ทำได้ขนาดนี้ถือว่าดีมากแล้ว เสียดายบอลครอสวันนี้เพื่อนโยนมาไม่แม่นเอามากๆ ไม่ขาดเยอะก็เกินเยอะอยู่ตลอด

ตัวสำรอง

ซัวเรส - ลงมากดดันแนวรับได้ดีกว่าเค้าท์ ดูยังจับจังหวะเกมไม่ค่อยจะได้ มีโอกาสโหม่งโล่งๆ ครั้งนึงแต่ทำได้ไม่ดีพอ

ดาวนิ่ง - ลงมาพยายามจะเร่งเกมอยู่ตลอดแต่ทำได้พอๆ กับเบลามี่ในช่วงก่อนหน้า คือกดดันอะไรไม่ได้มากนัก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : แมว...เอ๊ย..โฮเซ่ เรน่า ไม่งั้นเจ๊งไปแล้ว แต่ถ้ารวมฝั่งสเปอร์ด้วยต้องปาร์คเกอร์เท่านั้น

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.