วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

ซันเดอร์แลนด์ 0 - 2 ลิเวอร์พูล

ครั้งแรกผ่านไป...ยังไม่เิวิร์ค
-------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2

----------------ซัวเรส--------คาโรล----------------
ไมราเลส--------ลูคัส--------สเปียริ่ง---------เค้าท์
จอห์นสัน----แอกเกอร์----สเคอเทล----คาราเกอร์
-------------------------เรน่า-------------------------

หลังจากช้ำใจจากเกมยุโรป ลิเวอร์พูลต้องออกไปเยือนซันเดอร์แลนด์โดยเล่นในระบบ 4-4-2 ซัวเรสกับคาโรลได้เล่นเป็นตัวจริงร่วมกันเป็นครั้งแรก ในขณะที่แผงกลางปรับอีกครั้ง เอาไมราเลสไปเล่นซ้าย และเค้าท์ถอยลงไปยืนปีกขวาตามเดิม ส่วนแผงหลังจอห์นสันโดนโยกกลับไปซ้ายอีกแล้ว ขวาเป็นหน้าที่ของคาราเกอร์ ในขณะที่แอกเกอร์กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง

-------------------------------------------------------

เริ่มเกมซันเดอร์แลนด์วิ่งไ่ล่เต็มสนามทันที โดยอาศัยขอได้เปรียบที่พักมามากกว่าและทำได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่จนแดนกลางลิเวอร์พูลทำอะไรไม่ได้ ต่อบอลกันไม่ขึ้น ซันเดอร์แลนด์พับสนามบุกได้ใน 10 นาทีแรกแต่หาโอกาสยิงไม่ได้ ก่อนที่มุนตารี่กับริชาร์ดสันจะทยอยเจ็บกันไปเองจนต้องเปลี่ยนตัวออก ทำให้การครองเกมของซันเดอร์แลนด์ทำได้น้อยลง

จนนาที 33 บอลยาวของลิเวอร์พูลโยนมาหน้าเขตโทษซันเดอร์แลนด์เมนซ่าพักบอลพลาด สเปียริ่งกระชากบอลจะเข้าเขตโทษโดนเมนซ่าเสียบบนเส้นเสียจุดโทษ เค้าท์ยิงไม่พลาดให้ทีมนำ 1-0

หลังจากเสียประตู ซันเดอร์แลนด์ออกอาการเป๋อย่างเห็นได้ชัด แต่ลิเวอร์พูลก็เล่นได้แค่สูสีมันซะอย่างนั้น ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0

เข้าครึ่งหลัง ซันเดอร์แลนด์ฮึดกลับมาโหมบุกอีกครั้ง กดดันได้เกือบ 10 นาทีเหมือนต้นครึ่งแรกแต่หาโอกาสยิงไม่ได้เหมือนเดิมเป๊ะ ส่วนลิเวอร์พูลเน้นโต้แต่ตอนทำเร็วก็จ่ายพลาด พอทำช้าหลังซันเดอร์แลนด์ก็ลงทันยังทำอะไรไม่ได้มาก นาที 50 คาโรลที่เล่นไม่ค่อยออกในวันนี้ได้ขึ้นโหม่งลูกเตะมุมเต็มๆ แต่บอลไปชนเข่าแคทเทอโมลที่เฝ้าเสาอยู่ชวดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย

ซันเดอร์แลนด์ดันสูงขึ้นแต่ยังผ่านบอลเข้าไปในเขตอันตรายไม่ได้ ลิเวอร์พูลยังโต้ได้ไม่ดีเช่นเดิม โดยเฉพาะคาโรลที่เล่นพลาดหลายจังหวะ จนกระทั่งนาที 72 คาโรลก็โดนเปลี่ยนตัวออกเป็นเอนกอกได้ลงมาแทน เกมยังดูสูสีไม่มีใครเหนือกว่าแต่ในนาที 77 ซัวเรสรับบอลจากเค้าท์ก่อนจะเลี้ยงเลาะเส้นหลังแล้วยิงมุมโคตรแคบเข้าไปแบบ สุดสวยให้ลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0

นาที 82 เกมจบแบบไม่เป็นทางการเมื่อเมนซ่าโดนไล่ออกจากการไปดึงซัวเรสในจังหวะจะวิ่ง ไปรับบอล หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็เล่นปิดเกมสบาย นาที 83 มักซี่ลงแทนไมราเลส นาที 89 โคลลงมาแทนซัวเรสที่มีอาการเจ็บขาหนีบ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าพูดถึง จบเกมลิเวอร์พูลชนะไป 2-0
------------------------------------------

ครั้งแรกสำหรับคู่หน้า 7(25)+9(35) ดัลกลิชจัดตัวแบบปลอบใจแฟนบอล รวมทั้งลองทีมไปในตัว ตอนแรกคิดว่าจังหวะเล่นจริงซัวเรสจะลงมาอยู่ริมเส้นด้านซ้ายแต่ก็ไม่ ยืนด้านหน้าทั้งคู่ ภาระไปตกอยู่ที่แผงกลางที่ต้องทำงานหนักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองดูตัวผู้เล่น ลูคัสผู้ซึ่งไม่ค่อยได้เล่นเกมรุก สเปียริ่งเด็กที่ขาข้างนึงยังอยู่ในทีมเยาวชน ไมราเลสที่ไม่ใช่ปีก รวมไปถึงเค้าท์อดีตกองหน้า ทำให้เกมแดนกลางเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานมาก แต่เกมรับทั้งแผงหลังและกองกลางทำงานกันได้ีดีทำให้ซันเดอร์แลนด์ไม่มี จังหวะยิงในกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว และมีโอกาสยิงนอกกรอบน้อยมาก

ถ้าทีมปรับทัศนคติของกองกลางตรงกลางคือลูคัสและสเปียริ่ง(ที่ดูเหมือนจะเป็นตัว จริงในใจดัลกลิช ยามไม่มีเจอราดกับเชลวี่) ให้รู้จักการทำเกมรุกและเชื่อมเกมไปข้างหน้าให้ได้ดีกว่านี้ ทีมน่าจะมีผลงานพุ่งกระฉูดทีเดียวเพราะแดนหน้าเล่นกันได้น่ากลัวอยู่แล้ว
-----------------------------------

ผลงานแต่ละคนทำได้ดีกว่านัดที่แล้ว

เรน่า - ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเตะเปิดอีกหนึ่งเกม


จอห์นสัน - เล่นซ้ายอีกแล้ว เติมเกมไม่ได้เลย แต่พอสมาธิอยู่ที่เกมรับอย่างเดียวทำได้เนียนตาดี


แอกเกอร์ - กลับมาเล่นได้อีกครั้ง เป็นสาเหตุที่ทำให้กองหลังไม่โยนมั่วซั่วเหมือนนัดก่อน แอกเกอร์ชอบไม่กลัวที่จะพาบอลหลบกองหน้าและกล้าเล่นบอลสั้นบอลชิ่ง


สเคอเทล - เข้าบอลได้ดีมาก เสียฟาลว์แค่ครั้งเดียวไหนเกม เล่นได้ดีไม่น่าเชื่อ


คาราเกอร์ - ไม่วิ่งเกินครึ่งสนาม โยนไปไหนไม่รู้อีกแล้ว แต่เกมรับทำได้ดีทั้งการจัดการริมเส้นและหุบเข้ามาช่วยตรงกลาง


ไมราเลส - โดนถ่างไปเล่นปีกก็ว่าซวยแล้ว ซวยซ้ำด้วยการเล่นซ้ายอีกต่างหาก เกมรุกดับสนิท เกมรับทำได้แค่ยืนเกะกะ


ลูคัส - หาจังหวะเล่นเกมรุกมากขึ้น ทำได้ดีขึ้นกว่านัดก่อนเล็กน้อย


สเปียริ่ง - เกมที่กดดันไม่มากนักแบบนี้ สเปียริ่งทำได้ดีกว่าในเกมยุโรปอย่างเห็นได้ชัด เล่นได้เด่นกว่าลูคัสเสียอีก


เค้าท์ - จุดโทษเชื่อใจได้เหมือนเดิมเป็นกองกลางที่ทำเกมรุกได้ดีที่สุดของทีมในวันนี้


ซัวเรส - ครึ่งแรกช่วยประคองทีมไว้ได้พอสมควรทำให้ทีมได้เล่นเกมรุกบ้าง ยิ่งเข้าครึ่งหลังพอซันเดอร์แลนด์ดันกันขึ้นสูง ซัวเรสยิ่งป่วนหนัก ทั้งเรียกฟาลว์หน้าเขตโทษ ยิงเอง เรียกใบแดง ทำได้ทุกอย่างที่กองหน้า 1 คนควรจะทำได้ยกเว้นลูกกลางอากาศ


คาโรล - โดยส่วนตัวเล่นได้ดี พักบอลได้ โหม่งบอลดี แต่เหมือนกลองยาวที่เล่นอยู่ในวงสตริง ทำอะไรไม่เข้ากับชาวบ้านเค้าตลอดเวลา ยังปรับตัวไม่ได้ ความฟิตยังดูมีปัญหา ลูกที่ควรจะได้ดันซวยโหม่งไปชนเข่าตัวคุมเส้นอีก


เอนกอก/มักซี่/โคล - ลงมาเพื่อพิสูจน์ว่าเกมฟุตบอลสามารถเปลี่ยนตัวได้ 3 คนระหว่างเกม


แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ซัวเรส เล่นในเกมได้น่าประทับใจมาก ปรับตัวได้เร็วกว่าคาโรลมันซะอย่างนั้น ถ้าลดดีกรีดาราเจ้าบทบาทลงอีกหน่อยจะดูดีกว่านี้เยอะ นี้โดนเตะข้อเท้ากรูเจ็บเข่า โดนดึงเสื้อกรูเจ็บเข่า ยังดีว่าตอนเจ็บขาหนีบท้ายเกมไม่เอามือมากุมหัวเข่าด้วย ไม่งั้นจะได้ตุ๊กตาทองแถมให้อีกตัว
----------------------------------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

ลิเวอร์พูล 0 - 0 สปอร์ติ้ง บราก้า (บราก้าเข้ารอบด้วยประตูรวม 1-0)

จบข่าว

-------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2

----------------คาโรล--------เค้าท์----------------
มักซี่---------ลูคัส---------ไมราเลส----------โคล
วิลสัน-----สเคอเทล-----คาราเกอร์-----จอห์นสัน
-------------------------เรน่า------------------------

ลิเวอร์พูลปรับหลายตำแหน่งจากนัดก่อน หันมาเล่น 4-4-2 หน้าคู่มีคาโรลเป็นตัวจริงคู่เค้าท์ ปีกซ้ายเป็นมักซี่ ขวาเป็นโคล ส่วนแผงหลังจอห์นสันได้กลับไปยืนทางขวา ทางซ้ายกลั้นใจใช้วิลสันลงเป็นตัวจริง โดยนัดนี้ลิเวอร์พูลต้องชนะเท่านั้นถึงจะมีโอกาสผ่านเข้ารอบ

-------------------------------------------------------

เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลเปิดเกมบุกทันที ส่วนบราก้ามาเน้นรับแล้วโต้ ลิเวอร์พูลใช้เล่นเร็วโดยใช้บอลสั้นสลับบอลยาวไปที่คาโรล ช่วงต้นเกมลูกกลางอากาศของคาโรลกดดันบราก้าได้ดีมาก เข้าไปป้วนเปี้ยนในเขตโทษได้บ่อยครั้ง แต่โอกาสจบสกอร์ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่


ทางบราก้าเล่นด้วยความอดทนใช้การวิ่งไล่ในแดนกลางและการ ดักล้ำหน้าเพื่อหยุดเกมรุกของลิเวอร์พูลและทำได้ดี ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ เกมรุกของลิเวอร์พูลก็เริ่มขาดช่วงและเกมเริ่มช้าลงตามจังหวะที่บราก้าต้อง การ ยังดีว่าบอลยาวข้ามกองกลางของลิเวอร์พูลวันนี้ทำได้ดีกว่าทุกวันทำให้ยังพอ มีอะไรเล่นงานบราก้าได้บ้าง แต่เกมริมเส้นและตรงกลางยังทำอันตรายอะไรไม่ได้เลย ก่อนจบครึ่งแรกไปแบบชวนอึดอัด 0-0

เข้าครึ่งหลังลิเวอร์พู ลพยายามโหมบุกอีกครั้ง โดยหันมาเน้นบอลยาวมากขึ้นต่อบอลสั้นกันน้อยลง แต่ก็เหมือนหนังม้วนเดิมจากครึ่งแรก การดักล้ำหน้าและการวิ่งไล่ในแดนกลางของบราก้าทำได้ดีมากจนลิเวอร์พูลทำอะไร ไม่ได้ ยิ่งเล่นไปยิ่งหมดมุข ยังดีว่าจังหวะโต้ของบราก้าก็ไม่ได้เน้นกันสักเท่าไหร่ทำให้สถานการณ์ยังไม่ ถึงกับแย่ลง

จนนาที 75 ดัลกลิชเปลี่ยนทีเดียวสองคน เอาสเปียริ่งแทนมักซี่และเอนกอกแทนโคล แล้วถ่างเค้าท์ไปซ้าย ไมราเลสไปขวา เกมดูกระเตื้องขึ้นทันตาเห็น โดยเฉพาะกันเล่นของเอนกอกที่ดูวูบวาบเมื่อลงมา ก่อนจะค่อยๆ หายไปเหมือนคนอื่นๆ

ช่วงท้ายเกมลิเวอร์พูลได้ลุ้นจากลูก เตะมุม คาโรลได้โหม่งเต็มๆ แต่บอลไปโดนหัวเค้าท์ชวดได้ประตูไป หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็ได้แต่โยนอย่างสิ้นหวัง จนกระทั่งหมดหวังเมื่อสิ้นเสียงนกหวีด ลิเวอร์พูลทำได้แค่เสมอบราก้า 0-0 ตกรอบยูโรป้า ถ้วยสุดท้ายที่ได้ลุ้นในฤดูกาลนี้ไปเรียบร้อย
------------------------------------------

วันนี้ดัลกลิชจัดแทคติคและตัวผู้เล่นแบบเน้นเกมรุกเต็มที่ ใช้ไพ่ทุกใบที่มี ทั้งคาโรล มักซี่ โคล ไมราเลส เป็นตัวจริงทั้งหมด ใช้กองหน้าคู่ กล้าเสี่ยงใช้วิลสันเป็นตัวจริงเพื่อให้จอห์นสันเล่นทางขวา แต่ก็ยัีงทำอะไรไม่ได้ ต้องยกเครดิตกับบราก้ามากๆ ที่เล่นกันได้อย่างเป็นระบบ และวิ่งไล่ได้ตลอดเกมในทุกตำแหน่งด้วย

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลตกรอบวันนี้ชัดเจนมากว่าอยู่ที่แดนกลาง เมื่อเล่น 4-4-2 ทำให้แดนกลางตรงกลางมีแค่ลูคัสกับไมราเลส ลูคัสยืนต่ำมาก ในขณะที่ไมราเลสยืนสูงกว่า ทำให้ทุกครั้งที่คนใดคนหนึ่งได้บอล จะเจอนักเตะบราก้า 3 คน ยืนดักเป็นแผงทำให้ทั้งคู่เล่นไม่ออก ถ้าลูคัสกล้าที่จะสลับกับไมราเลสในการเติมเกมมากกว่านี้เกมแดนกลางน่าจะทำ ได้ดีขึ้น แต่เมื่อลูคัสไม่กล้าขึ้น  แถมปีกทั้งสองข้างคือมักซี่กับโคลไม่กล้าเล่นในจังหวะ 1-1 กับนักเตะบราก้า เลยทำให้แดนกลางทำเกมไม่ได้ ได้แต่เคาะคืนหลังให้กองหลังโยนยาว

อีกประเด็นคือการเล่นของคาโรล โดยส่วนตัวเขาทำได้ดี การประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมดูดีกว่านัดก่อนแต่ยังไม่ดีพอที่จะเอาชนะแนว รับที่เล่นกันได้เป็นระบบของบราก้า ทำให้แดนหน้าทำเกมด้วยตัวเองก็ไม่ได้ บทสรุปคือทั้งเกมลิเวอร์พูลยิงเข้ากรอบได้ไม่ถึง 5 ลูก พูดแบบเป็นกลางต้องบอกว่าไม่ได้ลุ้นตั้งแต่ต้นยันจบกันเลยทีเดียว
-----------------------------------

ผลงานแต่ละคนทำได้ดีกว่านัดที่แล้วไม่มาก

เรน่า - ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเตะเปิดเกม

จอห์นสัน - เป็นริมเส้นที่เล่นได้ดีที่สุดของทีม ถ้าจอห์นสันโดนจับไปเล่นซ้าย สงสัียทีมจะเล่นกันได้อนาถกว่านี้อีก


คาราเกอร์ - เล่นเป็นตัวซ้อนเลยไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก วันนี้มาแปลกด้วยการเปิดบอลยาวค่อนข้างแม่นยำ ไม่เตะทิ้งเตะขว้างเหมือนที่ผ่านมา


สเคอเทล - เข้าบอลได้หนักหน่วงแม่นยำ ยังคงเสียฟาลว์ง่ายอยู่แต่โดยรวมนับเป็นวันที่ฟอร์มดี


วิลสัน - ไม่กล้าเล่น ค่อนข้างลนลาน ยังต้องเรียนรู้อีกมาก


โคล - โดนประกบติด พลิกไม่ได้ ดับสนิท


ลูคัส - ระบบกลาง 4 คน เรียกร้องความสามารถจากตำแหน่งนี้มาก และลูคัสยังทำได้ไม่ดีพอสำหรับแทคติคนี้ ถ้าจะให้ลูคัสเล่นได้ดีและเด่นเหมือนที่ผ่านมาคงต้องกลับไปเล่นกลาง 5 คน


ไมราเลส - ถูกบังคับให้ต้องลงไปช่วยลูคัสในจังหวะที่ทีมเสียบอล ทำให้จังหวะได้บอลกลับมายืนต่ำเกินกว่าจะทำอะไรได้ แถมลูคัสไม่ช่วยเกมรุกทำให้ไมราเลสพลอยโดนรุมกินโต๊ะเล่นไม่ออกไปอีกคนด้วย


มักซี่ - เหมือนโคล

เค้าท์ - โดนดักล้ำหน้าจนไปไม่เป็น แถมขาดการสนับสนุนจากมิดฟิลด์ทำให้ได้บอลแล้วทำอะไรไม่ได้มาก


คาโรล - เหมือนเค้าท์ รักษาตำแหน่งตัวเองได้ไม่ดีพอ โดนดักล้ำหน้าบ่อย จังหวะการเล่นดูจะเข้ากับเพื่อนร่วมทีมมากกว่านัดก่อน แต่ถึงอย่างนั้นส่วนใหญ่ก็ยังไปคนละทางกันอยู่ แต่การเล่นลูกกลางอากาศทำได้น่าประทับใจมากๆ ดีกว่าสมัยเคร้าช์และเฮสกี้เสียอีก


สเปียริ่ง - ได้เล่นในช่วงที่บราก้าเริ่มถอยไปรับลึก ทำให้ไม่โดนกดดันมากนัก เล่นได้พอใช้ มีดีที่ลูกขยัน ทำให้ทีมได้บอลกลับมาค่อนข้างเร็ว

เอนกอก - ทำได้ดีกว่าที่คิดในการเอาบอลลงเล่น แต่ประสานงานกับเค้าท์และคาโรลได้ไม่ดีพอ ทำให้ัหาจังหวะยิงกันไม่ได้ โดยรวมดูแล้วยังมีประโยชน์กับทีมอยู่ไม่น้อย
----------------------------------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

สปอร์ติ้ง บราก้า 1 - 0 ลิเวอร์พูล

วิบากกรรมไม่สิ้นสุด
-------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-1-1

------------------------เค้าท์------------------------
---------------------ไมราเลส-----------------------
โคล---------โพลเซ่น--------ลูคัส--------สเปียริ่ง
จอห์นสัน----สเคอเทล----กีเกียคอส----คาราเกอร์
-------------------------เรน่า------------------------

กลับ มาเล่นบอลยุโรปในสภาพที่ไม่ค่อยจะสมบูรณ์เท่าไหร่ ซัวเรสลงเล่นถ้วยนี้ไม่ได้ เจอราดและเคลลี่ รวมไปถึงออเรลิโอเจ็บ ในขณะที่คาโรลยังเริ่มต้นเกมในม้านั่งสำรอง ต้องปรับแทคติคหันมาเล่น 4-4-1-1 ใช้เค้าท์เป็นหน้าเดี่ยว มีไมราเลสยืนยืนอยู่ข้างหลัง ปีกซ้ายใช้โคล ขวาใช้สเปียริ่ง ตรงกลางเป็นโพลเซ่นกับลูคัส ในขณะที่กองหลังต้องโยกจอห์นสันมาซ้ายอีกครั้ง โดยทางขวาถ่างคาราเกอร์ไปเล่น...เรียกว่าแถบไม่มีตัวรุกและหลายคนต้องเล่นใน ตำแหน่งไม่ถนัดด้วย
-------------------------------------------------------

เริ่ม เกมด้วยความระมัดระวังทั้งคู่ ลิเวอร์พูลมาเน้นรับและเก็บบอลไว้กับตัว ส่วนบราก้าเล่นเร็วในจังหวะบุกเข้าใส่แต่ถ้าไม่มีช่องก็จะเคาะคืนหลัง เกมค่อนข้างอืด จนกระทั่งนาที 18 จอห์นสันเติมเกมขึ้นไปสูงแล้วโดนตัดบอลได้ บราก้าโต้กลับมาเร็วแล้วเป็นกีเกียคอสที่เข้าบอลผิดจังหวะทำให้เสียจุดโทษ บราก้าขึ้นนำได้เร็ว 1-0

หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูลยังเล่นไปเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งอะไร แผงกลางในวันนี้มีตัวรุกถึง 3 คน ทำให้เปิดเกมรุกกันแทบไม่ได้ แถมบราก้ายังวิ่งไล่เร็วอยู่ตลอดตั้งแต่แดนหน้า ทำให้ลิเวอร์พูลทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0

เข้า ครึ่งหลังรูปเกมก็ยังไม่เปลี่ยน บราก้ายังคงเล่นในจังหวะเดิม ไม่ได้เร่งแต่ก็ไม่ได้ลงไปรับลึก ส่วนลิเวอร์พูลยังเล่นแบบกล้าๆ กลัวๆ จนนาที 57 ดัลกลิชส่งคาโรลลงมาแทนโพลเซ่น ปรับมาเล่น 4-4-2 เต็มตัว ถ่างไมราเลสไปเล่นขวาแล้วหุบสเปียริ่งเข้ากลาง ลิเวอร์พูลทำได้ดีขึ้นอย่างทันตาเห็น กดดันบราก้าได้อยู่ราวๆ 10 นาที แต่ยังหาโอกาสยิงไม่ได้

แต่หลังจากนั้นบราก้าก็เปลี่ยนกอง หลังลงมาเพิ่ม เกมรุกของลิเวอร์พูลก็เริ่มดับไป พอผ่านนาที 70 บราก้าหันมาเล่นแบบปิดเกมเต็มตัว ลิเวอร์พูลทำได้แค่วิ่งไล่บอลแล้วก็ไล่ไม่ค่อยถึงด้วย เพราะบอลสั้นและบอลชิ่งจังหวะเดียวของบราก้าทำกันได้ดีมาก

ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลหมดมุขหันมาโยนบอบม์เข้าไปให้คาโรลอย่างเดียว พอกดดันได้บ้างแต่ยังหาจังหวะยิงไม่ได้ ส่วนบราก้าเล่นเกมรับกันได้ดีและปิดเกมได้สำเร็จแบบไม่เหนื่อยอะไรด้วยสกอร์ 1-0
------------------------------------------

ดูจาก แทคติคและตัวผู้เล่น ชัดเจนว่าดัลกลิชหวังแค่ผลเสมอ ซึ่งถ้าดูจากตัวผู้เล่นที่มีอยู่ก็ไม่แปลกใจอะไร สงสัยเล็กน้อยอยู่แค่คนเดียวคือมักซี่ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเจ็บหรือปล่าวถึงไม่ได้ลง เพราะถ้าใช้มักซี่แทนที่จะเป็นสเปียริ่ง น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้
อย่าง ไรก็ตาม แทคติคของดัลกลิชไม่ได้ผิดพลาด จังหวะเสียประตูเป็นความผิดพลาดส่วนตัวของกีเกียคอสเท่านั้น นอกจากจังหวะนั้นเกมรุกของบราก้าก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ถ้าไม่เสียจังหวะนั้นทีมน่าจะได้ผลที่ต้องการ

เหตุผลที่ทำให้ ผลงานออกมาไม่ดีน่าจะมาจาก 3 สาเหตุหลัก อันดับแรกคือเค้าท์เล่นหน้าแต่ลงมาต่ำบ่อยเกินไป ถัดมาคือการไม่มีตัวทำเกมในแดนกลาง สเปียริ่งยังประสบการณ์ไม่พอ ในขณะที่คนที่น่าจะเล่นได้อย่างโคลกลับได้บอลน้อยเกินไป อันดับสุดท้ายคือตัวสนับสนุนจากแบคทั้ง 2 ฝั่ง จอห์นสันกับคาราเกอร์แทบไม่ช่วยอะไรเลย

ข้อเสียที่เห็นได้ชัด คือเรื่องผู้เล่นทดแทนที่ได้พูดถึงไปแล้วในนัดก่อน การต้องฝืนใช้จอห์นสันทางซ้ายนับว่าเสียของ ในขณะที่คาราเกอร์ยืนแบคขวาเรียกได้่ว่าติดลบ ยิ่งต้องการปรับแทคติคยิ่งแย่ใหญ่ เพราะเมื่อไมราเลสไปอยู่ริมเส้นก็หายไปจากเกม ถ้ามี 1 แบคซ้าย 1 เซนเตอร์ 1 ปีกขวา น่าจะทำให้ทีมมั่นคงกว่านี้
-----------------------------------

ผลงานแต่ละคนทำได้ตามอัตภาพ

เรน่า - ไม่มีงานให้ทำนอกจากจุดโทษที่คงโทษอะไรไม่ได้ วันนี้เตะเปิดเกมได้ดีทีเดียว

จอห์นสัน - พลาดครั้งแรกก็ส่งผลให้ทีมเสียจุดโทษในจังหวะถัดมา ไม่กล้าเติมเกมอีกเลยจนกระทั่งช่วงท้ายเกม

กีเกียคอส - พลาดอย่างไม่น่าให้อภัยในจังหวะจุดโทษ เพราะยังไม่ใช่ตำแหน่งที่กองหน้าจะยิงได้ด้วยซ้ำ แต่นอกจากนั้นถือว่าเล่นได้เด่นที่สุดในแผงกองหลัง

สเคอเทล - ไม่บ่อยนักที่ได้เล่นเป็นตัวซ้อนแบบนี้ แทบไม่ต้องทำอะไรเพราะกีเกียคอสจัดการให้หมด

คาราเกอร์ -สาดเสีย เทเสีย

โคล - เล่นได้กระเตื้องขึ้น เรียกฟาลว์ได้หลายครั้ง แต่บอลไม่ค่อยขึ้นทางซ้ายมันซะงั้น

ลูคัส - เล่นได้เด่นในแดนกลาง ตัดเกมและรักษาพื้นที่ได้ดีมาก ตรงกันข้ามกับการทำเกมรุก...

ไมราเลส - ไม่มีคนจะต่อบอลด้วย เค้าท์ชอบลงมาล้วงบอลแทนที่จะค้ำข้างหน้า กองกลางมีแต่ตัวรับ ทำอะไรไม่ได้เลย

โพลเซ่น - เล่นได้ค่อนข้างน่าพอใจ พอโดนเปลี่ยนตัวออก กลางลิเวอร์พูลแพ้บราก้าอย่างสิ้นเชิงเลย

สเีปียริ่ง - ตอนอยู่ริมเส้นทำเกมรุกไม่ได้ แต่ยังช่วยเชื่อมเกมได้อยู่ แต่พอโดนหุบเข้ากลาง กลายเป็นเล่นผิดพลาดอยู่ตลอด เป็นสาเหตุที่เกมแดนกลางสู้บราก้าไม่ได้

เค้าท์ - เล่นหน้าเดี่ยวแต่ดันลงมาล้วงบอลตรงกลางบ่อยเกินไป พอตัดบอลได้หรือเพื่อนขึ้นบอลทำให้ไม่สามารถจ่ายขึ้นหน้าได้ พอมีคาโรลลงมาค้ำให้ เค้าท์ทำผลงานได้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่การประสานงานกับคาโรลยังทำไม่ได้เลย ไปคนละทางตลอด

คาโรล - เล่นลูกกลางอากาศและเก็บบอลได้ดีมาก แต่วิ่งไม่ตรงทาง โหม่งไม่ตรงคน ชิ่งกันผิดพลาด ต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่าจะเล่นได้เข้าขากับเพื่อนร่วมทีม
----------------------------------------------------------------

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

ลิเวอร์พูล 3 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แดงเดือด ภาค 3 ถึงคราวผีลงหลุม

-------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2

-----------------ซัวเรส--------เค้าท์----------------
มักซี่---------ลูคัส--------เจอราด--------ไมราเลส
ออเรลิโอ----สเคอเทล----คาราเกอร์----จอห์นสัน
-------------------------เรน่า------------------------

เกมแดงเดือดที่ได้เล่นในบ้าน ดัลกลิชปรับแทคติคด้วยการกลับมาเล่น 4-4-2 ข้างหน้าเป็นซัวเรสกับเค้าท์ มักซี่ได้ยืนทางซ้าย ไมราเลสทางขวา ส่วนแบคซ้ายได้ออเรลิโอกลับมาอีกครั้ง ทางด้านแมนฯยูส่งรูนี่ย์และเบอบาตอฟมาพร้อมกัน แต่ขาดทั้งวีดิชและเฟอร์ดินานด้วยโทษแบนและอาการบาดเจ็บตามลำดับ

-------------------------------------------------------

เริ่มเกมมาก็ลุยใส่กันทั้งคู่ ช่วงต้นเกม 5 นาทีแรกลิเวอร์พูลเปิดเกมบุกได้ดี หาโอกาสได้เล็กน้อย แต่หลังจากนั้นรูปเกมก็ดูสูสี แนวรุก 4 ตัวของลิเวอร์พูลคือซัวเรส เค้าท์ มักซี่ ไมราเลส วิ่งสลับตำแหน่งกันอยู่ตลอด ทำให้มีช่องจ่ายบอลกันได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงการเติมเกมของจอห์นสันที่ทำได้ดี ส่วนทางแมนฯยูยังใช้ความสามารถของคู่กองหน้าทำเกมได้อยู่


ยังไม่ทันไร นาที 29 ออเรลิโอก็เจ็บต้องส่งกีเกียคอสลงแทน โดยปรับเอาคาราเกอร์ไปเล่นแบคขวา ขยับจอห์นสันไปทางซ้าย ซึ่งหลังจากนั้นทำให้จอห์นสันไม่สามารถเติมเกมรุกได้อีกเลย

ถึง นาที 34 จากจังหวะลูกเตะมุม แมนฯยูเคลียร์กันไม่ขาดบอลมาอยู่ที่ซัวเรส ก่อนจะหลบ 3 คนแล้วจิ้มบอลลอดขาซาร์กลิ้งเกือบจะข้ามเส้น แต่เค้าท์มาแย่งซีนทิ่มบอลเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลนำ 1-0

นำ แล้วลิเวอร์พูลยังเล่นกันได้ดี นาที 37 ซัวเรสเปิดบอลจากสุดเส้นไปทางเสาสอง นานี่ิวิ่งลงมาช่วยโหม่ง แต่ดันโหม่งบอลย้อนกลับหลังไปให้เค้าท์ได้ยืนโหม่งจ่อๆ เข้าไปอีกให้ทีมนำห่างเป็น 2-0

หลังจากนั้นเป็นแมนฯยูได้ ครองบอลบุกบ้าง แต่ลิเวอร์พูลยังตั้งรับได้เหนียวแน่น คาราเกอร์ไปเสียบนานี่เจ็บ ชิชาริโต้ได้ลงมาแทน ก่อนจะจบครึ่งแรก

เข้า ครึ่งหลังแมนฯยู กลับมาบุกได้อย่างน่ากลัว ครองบอลได้อยู่ตลอดในขณะที่ลิเวอร์พูลรับกันลึกแต่จังหวะโต้ทำได้ไม่ดีเท่า ไหร่ เกมเป็นของแมนฯยูทั้งหมด กดดันได้อยู่ราวๆ 15 นาที แต่ยังไม่ได้ประตู

เกมมาเปลี่ยนอีกครั้งในนาที 65 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก ซัวเรสรับหน้าที่ยิง ซาร์พุ่งไปจะคว้าบอลแต่กระฉอก โดนเค้าท์วิ่งตามเข้าไปซ้ำให้ลิเวอร์พูลนำห่าง 3-0 และเป็นแฮททริคของเค้าท์ด้วย

นาที 74 คาโรลได้ลงมาแทนไมราเลสที่ดูมีอาการล้า ทางด้านแมนฯยูดูจะเสียสมาธิและเล่นกันไม่ออก แต่ทางลิเวอร์พูลเองก็เล่นไม่เน้นเท่าไหร่ นาที 89 โคลได้ลงแทนไมราเลส เกมทำท่าจบแล้วแต่ในช่วงทดเจ็บ นาที 92 แมนฯยูมาได้ประตูปลอบใจจากการโหม่งของชิชาริโต้ ก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์ 3-1
------------------------------------------

เป็นอีกครั้งที่ลิเวอร์พูลเล่นกันได้ดี เริ่มจากแทคติคที่แม้จะเป็น 4-4-2 แต่ซัวเรสกับเค้าท์สลับกันถอยลงมาเชื่อมเกมกับกองกลางอยู่ตลอด ทำให้เวลาเล่นจริงจะอยู่ในระบบ 4-5-1 เป็นส่วนใหญ่ นอกจากจะเล่นกันได้ดีแล้ว ทางแมนฯยูเองก็เล่นได้แย่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่เซนเตอร์ที่ทำผลงานได้ไม่ดี รวมไปถึงแผงกองหลังทั้งแผงที่ยืนตำแหน่งได้ไม่ดี ปล่อยให้มีพื้นที่ว่างค่อนข้างมาก

ที่น่าชื่นชมที่สุดใน เกมนี้คือทีมเวิร์ค แนวรุกของลิเวอร์พูลสามารถสลับตำแหน่งกันเล่นได้ดี ทำให้ทุึกคนมีส่วนร่วมกับเกมเกือบตลอดและหาที่ว่างได้ดีขึ้น นอกจากนั้นคือฟอร์มที่น่าประทับใจของซัวเรสด้วย

ที่ยังดู มีปัญหาอยู่ก็ไม่พ้นกองหลังเช่นเดิม แบคซ้ายยังมีปัญหาอยู่ คู่เซนเตอร์ก็เล่นกันได้ไม่ดีนัก รวมไปถึงการขาดสมาธิในช่วงท้ายเกมทำให้เสียโอกาสเก็บคลีนชึตไปอย่างน่า เสียดาย
-----------------------------------

ผลงานแต่ละคนจัดว่าดีมาก

เรน่า - ไม่มีลูกยากให้เซฟ ดูจะติดประมาทไปหน่อยกับการไม่ปัดลูกยิงของเบอร์บาตอฟ แต่วันนี้เปิดเกมได้ดีกว่าหลายนัดที่ผ่านมา


ออเรลิโอ - เล่นเกมรับได้ดี แต่ได้อยู่ในสนามแค่ครึ่งชั่วโมง


คาราเกอร์ - หายเอ๋อทันเวลา พอเอาตัวรอดไปได้ โชคดีนิดหน่อยที่ไม่โดนใบแดงในจังหวะเสียบนานี่


สเคอเทล - ประกบกองหน้าได้ไม่ดีนัก แต่เข้าสกัดยังนับว่าใช้ได้ เล่นได้แค่พอใช้


จอห์นสัน - ตอนอยู่ทางขวาเล่นดีมากทั้งรุกทั้งรับ ตอนอยู่ซ้ายเติมเกมไม่ได้เลยแต่เกมรับยังพอใช้ได้อยู่ี


มักซี่ - ครึ่งแรกมีส่วนร่วมกับเกมตลอด ทำผลงานได้ไม่เลว แต่ครึ่งหลังหายไปเลย จนนึกว่าไม่ได้ออกมาจากห้องแต่งตัว


ลูคัส - วันนี้เพื่อนช่วยไล่ ลูคัสก็เล่นได้ง่ายขึ้น ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดีมาก


ไมราเลส - แม้จะเล่นอยู่ทางขวาเป็นส่วนใหญ่แต่ยังทำได้ดี เป็นตัวเปิดบอลในจังหวะรุกของทีม แต่พอผ่าน 1 ชั่วโมงไปแล้วเล่นไม่ออก เหมือนหมดแรงวิ่งยังไงชอบกล


เจอราด - กลับมาเล่นได้ดีอีกครั้ง ในเกมรับช่วยลูคัสได้ดี ในเกมรุกก็มีส่วนร่วมตลอด เป็นฟอร์มที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว


เค้าท์ - ยิงได้ 3 ลูก จาก 3 จังหวะที่ดูขี้เหร่เอามากๆ ลูกแรกจะเข้าอยู่แล้ว ลูกที่สองฝั่งตรงข้ามประเคนมาให้ ลูกที่สามแค่วิ่งไปซ้ำ แต่ทั้งสามลูกต้องยอมรับว่าเป็นเพราะความขยันและหาตำแหน่งได้ดีด้วย นอกจากนั้นยังมีส่วนร่วมกับเกมอยู่ตลอดด้วย


ซัวเรส - เป็นความเปลี่ยนแปลงในเกมรุกของลิเวอร์พูล ทำเกมได้ดีมาก ไม่หวงบอล จ่ายในจังหวะที่ควรจ่าย เล่นสไตล์ FW มากกว่าจะเป็น SS เป็นที่มาของแฮทริคของเค้าท์


กีเกียคอส - สกัดลูกโด่งไว้ได้หมดจด เป็นเหตุผลที่แมนฯยู ไม่เลือกที่จะโยนบอลมาเสี่ยงในเขตโทษมากนัก จังหวะที่โดนตีไข่แตก เป็นเพราะกีเกียคอสออกไปซ้อนแบคซ้าย ไม่ได้ยืนอยู่ตรงกลาง

คาโรล - ดูแล้วคิดถึงเฮสกี้ย์กับเคร้าช์...ในเวอร์ชั่นที่ดีกว่า เพราะโหม่งพักได้ดีเหมือนเคร้าช์ แรงปะทะเหมือนเฮสกี้ แต่ยังไม่เห็นจังหวะโหม่งทำประตู หวังว่าจะไม่เหมือน  2 คนนั้น

โคล - ได้ลงมาอยู่ในสนาม 4 นาที...และกล้องไม่จับเลยสักครั้ง


แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เค้าท์...ใครก็ตามที่ทำแฮททริคใส่แมนฯยูได้ ต้องได้ MOM อยู่แล้ว แต่ถ้าไม่นับแฮททริค ต้องใ้ห้ซัวเรสแน่นอน

----------------------------------------------------------------