วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เวสต์แฮม 3-1 ลิเวอร์พูล

แผลเก่า...นำแสดงโดยไมราเลส...เคลลี่...ดัลกลิช
-------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 3-5-2

-----------------ซัวเรส--------เค้าท์---------------
--------------ไมราเลส---------เจอราด------------
จอห์นสัน----------------ลูคัส----------------เคลลี่
-------วิลสัน------คาราเกอร์-------สเคอเทล------
------------------------เรน่า-------------------------

กลับมาเล่นในเกมพรีเมียร์ลีคอีกครั้ง ออกไปเยือนเวสต์แฮมที่อยู่ท้ายตาราง ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 3-5-2 โดนแผงหลังมีวิลสันโผล่มาเป็นเซนเตอร์แบคด้วย จอห์นสันกลับไปประจำการที่วิงแบคซ้ายอีกครั้ง กองกลางตัวรุกใช้ไมราเลสกับเจอราดคู่กัน ข้างหน้าเป็นซัวเรสคู่เค้าท์
-------------------------------------------------------

เริ่มเกมทั้งสองทีมเปิดเกมรุกใส่กัน ลิเวอร์พูลพยายามต่อบอลสั้นเน้นความแน่นอน ส่วนเวสต์แฮมวิ่งไล่บอลปิดพื้นที่กันได้ดี ปิดเกมรุกลิเวอร์พูลได้หมด โดยเฉพาะแดนกลางที่ไล่ตัดบอลได้ตลอด แต่ในเกมรุกเวสต์แฮมยังต่อบอลกันไม่ค่อยได้ รูปเกมเลยยังดูสูสีกันอยู่

แต่จนถึงนาที 22 เวสต์แฮมต่อบอลกันได้ลื่นไหลเป็นครั้งแรก ทำชิ่งกันอยู่แถวหน้าเขตโทษลิเวอร์พูล จังหวะสุดท้ายเป็นปาร์คเกอร์ที่จิ้มบอลที่ดูเหมือนจับลั่นของตัวเองเลี้ยว เสียบเสาสองอย่างสวยงามให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0

เมื่อสกอร์ เปลี่ยน เกมเปลี่ยนทันที บอลของเวสต์แฮมส่งกันได้แม่นยำมากขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลจ่ายพลาดกันไปหมดบอลไปไม่ถึงกองหน้า เวสต์แฮมเริ่มหันมาเล่นบอลยาวไปที่ว่างอย่างได้ผล ทำให้ลิเวอร์พูลโดนกดดันให้ถอยไปรับกันต่ำ แผงมิดฟิลด์ก็ตัดเกมไม่ได้ทำให้เกมเป็นของเวสต์แฮมอย่างต่อเนื่อง

นาที 43 เคลลี่มีอาการบาดเจ็บดัลกลิชต้องส่งโคลลงมาแทน ดูเหมือนจะปรับมาเล่นหลัง 4 คน และจากเป็นเหตุให้นักเตะในแดนรับยังหลงตำแหน่งกันอยู่ นาทีสุดท้ายก่อนทดเจ็บโดนเวสต์แฮมโต้เร็วกลับมา บอลไปถึงสุดเส้นก่อนจะเปิดกลับเข้ามา หลังลิเวอร์พูลหลงตำแหน่งปล่อยให้ บา ชาร์จโหม่งง่ายๆ ที่เสาแรกให้ทีมนำห่าง 2-0 ก่อนจบครึ่งแรก

เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 4-4-2 เอาไมราเลสยืนทางขวา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร นาที 49 ไมราเลสก็โดนเปลี่ยนตัวเพราะบาดเจ็บที่มีอาการมาตั้งแต่ครึ่งแรก เอนกอกได้ลงไปแทน คราวนี้เลยต้องปรับให้เค้าท์ไปเล่นทางขวา ดันให้เอนกอกไปยืนคู่กับซัวเรส

ลิเวอร์พูลยังจ่ายบอลเสียกัน เป็นส่วนมาก โดยเฉพาะในรายของวิลสัน คาราเกอร์ เจอราด ส่วนทางด้านเวสต์แฮมยังเล่นกันได้อย่างลื่นไหลโดยเน้นไปขึ้นทางด้านวิลสัน และสร้างโอกาสได้ตลอด มีโอกาสยิงไกลบ้างใกล้บ้างอยู่หลายจังหวะ เกมเป็นของเวสต์แฮมอยู่ฝ่ายเดียวจนกระทั่งเข้านาที 70 เวสต์แฮมถึงได้ผ่อนเกมลงเปลี่ยนตัวรับลงมาเพิ่มและทำให้ลิเวอร์พูลได้ครอง เกมเล่นบ้าง

ลิเวอร์พูลค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาทีละนิด ประกอบกับเวสต์แฮมไล่บอลแดนกลางน้อยลง ทำให้ลิเวอร์พูลได้เข้าไปป้วนเปี้ยนในเขตโทษบ้าง นาที 84 ซัวเรสได้บอลในเขตโทษก่อนจะพลิกตัวไปสุดเส้นแล้วหักกลับมาให้จอห์นสันชาร์จ ง่ายๆ เข้าไปให้ทีมตามมา 2-1

เมื่อสกอร์ไล่เข้ามา ลิเวอร์พูลพยายามโหมบุกมากขึ้น แต่กองหลังเวสต์แฮมยังเล่นกันได้ดี นาที 91 จากจังหวะโต้กลับ คาร์ตัน โคลที่พึ่งถูกเปลี่ยนลงมาไม่นานเบียดเอาชนะสเคอเทลไปได้ ลากไปยิงเข้าเสาแรกให้เวสต์แฮมชนะอย่างเด็ดขาด 3-1
------------------------------------------

ต้องบอก ว่าเวสต์แฮมทำได้ดีกว่าในวันนี้ โดยเฉพาะแผงมิดฟิลด์ที่ทำลายเกมของลิเวอร์พูลได้เกือบตลอด ในขณะที่ลิเวอร์พูลเล่นกันได้ไม่ค่อยดีนัก สาเหตุหลักน่าจะมาจากเรื่องความฟิต หลายคนออกอาการล้าให้เห็น ทั้งยังมีอาการบาดเจ็บมารบกวนทั้งในรายของเคลลี่ ไมราเลส นอกจากนั้นยังมีการเล่นที่ผิดฟอร์มของเจอราดและลูคัส รวมไปถึงคนที่เล่นไม่ดีอยู่แล้วแต่วันนี้เล่นแย่ลงไปอีกอย่างวิลสัน ด้านดีที่พอจะเห็นอยู่บ้างมีเรื่องเดียวคือซัวเรสดูจะปรับตัวกับทีมได้ดี แล้ว

นอกเหนือจากเรื่องในสนามแล้ว ยังทำให้สงสัยถึงการทำงานของทีมในช่วงเปิดตลาดที่ผ่านมา ว่าทำไมถึงไม่ดึงเอาแบคซ้ายหรือเซนเตอร์มาเพิ่มบ้าง นอกเหนือจากกองหน้า 2 คน ดัลกลิชดูเหมือนจะมั่นใจกับนักเตะในเกมรับที่มีอยู่ แต่วันนี้แสดงให้เห็นแล้วไม่พอ คาราเกอร์กับสเคอเทลกลับฟอร์มเดิม เคลลี่เจ็บก็ไม่มีตัวทดแทน วิลสันชั้นยังไม่ถึง แล้วถึงตรงนี้ไม่มีโอกาสซื้อใครได้อีกแล้วด้วย หวังว่าทีมจะประคองตัวได้ดีพอสำหรับการไปยูโรป้าตอนจบฤดู
-----------------------------------

ผลงานแต่ละคนไม่ค่อยจะดีนัก

เรน่า - เล่นได้ไม่เลว วันนี้เปิดเสาแรกค่อนข้างกว้าง แต่ยังพอเข้าใจได้ว่าต้องการเสี่ยงกับการพุ่งเซฟ

วิลสัน - แย่กว่านัดก่อนอีก แย่กว่าคอนเชสกี้ในช่วงนัดท้ายๆ ของเขาเสียอีก

คาราเกอร์ - เอ๋อลง...

สเคอเทล - ตอนเล่นหลัง 3 ยังดูดีอยู่ พอเปลี่ยนมาเล่นหลัง 4 อาการออกทันที ทั้ง 3 ประตูมีส่วนรับผิดชอบหมดโดยเฉพาะลูกสุดท้ายที่รับไปเต็มๆ

เคลลี่ - เล่นดี แต่เจ็บอีกแล้ว

จอห์นสัน - เล่นซ้ายยังทำอะไรไม่ได้ พอโดนโยกกลับฝั่งขวาเล่นได้ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะการเติมเกมรุก

ลูคัส - เพื่อนไม่ช่วยไล่ วิ่งเหนื่อยอยู่คนเดียว แถมออกอาการไม่มีแรงจะวิ่งด้วยเลยยิ่งไปกันใหญ่

ไมราเลส - โดนไล่เร็วจนทำอะไรไม่ถูก แถมมีอาการเจ็บจนโดนเปลี่ยนออกอีกต่างหาก

เจอราด - 70 นาทีแรกของเกม เล่นไม่ได้เลย จ่ายผิดพลาดตลอด แต่ 20 นาทีท้ายเริ่มทำเกมได้ดี

เค้าท์ - เล่นไปเรื่อยๆ ตามจังหวะ ทำผลงานได้ตามมาตรฐานของตัวเอง

ซัวเรส - เชื่อมเกมได้ดี ดีกว่าเค้าท์และเอนกอก ปัญหาเล็กๆ คือซัวเรสชอบชิ่งบอลกลับหลัง ไม่เก็บบอลเหมือนตอเรส เพื่อนๆ ดูจะยังชินกับกองหน้าสไตล์ตอเรสมากกว่า แต่สักพักหน้าจะดีขึ้น

โคล - ไม่ค่อยกล้าเล่นอะไรเสี่ยงๆ สักเท่าไหร่ เป็นส่วนนึงที่เกมรุกของทีมค่อนข้างตัน

เอนกอก - ดีกว่านัดก่อนมากทีเดียว ซึ่งแปลว่าเล่นได้แค่พอใช้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ซัวเรส...ดีสุดแล้วล่ะ
----------------------------------------------------------------

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลิเวอร์พูล 1-0 สปาต้า ปราก


อุปสรรคขวากหนามเยอะเหลือเกิน...แต่ก็ผ่านมาได้
-------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

---------------------เอนกอก-----------------------
--------โคล--------ไมราเลส---------เค้าท์-------
--------------โพลเซ่น---------ลูคัส---------------
วิลสัน------แอกเกอร์-------กีเกียคอส------เคลลี่
------------------------เรน่า-------------------------

หลังจากเสมอมาในนัดก่อน ลิเวอร์พูลยังคงใช้แทคติคเดิมอีกครั้งแต่มีการปรับผู้เล่นบางตำแหน่ง โคลกับโพลเซ่นได้ลงเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับแอกเกอร์ที่ได้ออกสตาร์ทก่อนคาราเกอร์ ทางแบคขวาเคลลี่ได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง
-------------------------------------------------------

เริ่มเกมเป็นปรากที่บุกมาได้ลุ้นนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็เป็นลิเวอร์พูลที่เปิดเกมรุกเข้าใส่เน้นเล่นบอลเร็ว ทางด้านปรากไม่ได้ลงไปรับลึกถ้าได้โอกาสก็รีบเปิดเกมโต้กลับเร็วอยู่ตลอด ลิเวอร์พูลทำเกมได้ไม่ถึงกับดี ในแดนกลางตรงกลางโดนปรากไล่ตัดไว้ได้ตลอด แต่ลิเวอร์พูลไปทำได้ดีทางด้านริมเส้นด้านขวา การเติมขึ้นมาของเคลลี่ทำได้ดีมากเปิดบอลสวยๆ เข้าไปในเขตโทษได้หลายครั้งแต่ยังทำอะไรได้ไม่ถนัดนักเพราะกองหลังปรากยังรักษาตำแหน่งและเล่นลูกกลางอากาศได้ดี

ช่วงปลายครึ่งหลังปรากเริ่มจับทางได้เพราะลิเวอร์พูลขึ้นอยู่ด้านเดียว และมีเคลลี่คนเดียวที่ทำเกมได้ ทำให้เกมรุกลิเวอร์พูลเริ่มชอตไปก่อนจะจบครึ่งแรกแบบยังทำอะไรกันไม่ได้ 0-0

เข้าครึ่งหลังก็มีข่าวร้ายทันที คาราเกอร์ลงมาแทนเคลลี่ที่น่าจะมีอาการบาดเจ็บ ลิเวอร์พูลปรับแทคติคเล็กน้อยด้วยการดันลูคัสมาเล่นสูงขึ้น ทิ้งโพลเซ่นไว้หน้ากองหลังคนเดียว สลัีบเอาไมราเลสไปเล่นทางขวา โคลตรงกลาง และเค้าท์ทางซ้าย เมื่อไม่มีเคลลี่เกมรุกด้านขวาจอดสนิท แต่มาทำกันได้ดีขึ้นในพื้นที่ตรงกลาง เอนกอกมีโอกาสติดๆ กัน 2 ครั้งแต่เงอะงะจนพลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

นาที 65 ดัลกลิชตัดสินใจเอาสเีปียริ่งลงมาแทนโพลเซ่นที่เล่นไม่ดีและได้ใบเหลืองไปแล้ว ปรับมาเล่น 4-4-2 โดนดันเค้าท์ไปยืนคู่กับเอนกอก โคลเล่นซ้าย ไมราเลสเล่นขวา เปิดเกมรุกเต็มตัว ส่วนทางปรากเองบุกกันไม่ขึ้น เริ่มถอยไปรับกันลึก

นาที 77 วิบากกรรมเกิดอีกครั้ง กีเกียคอสที่เล่นได้โดดเด่นเกิดหางคิ้วแตกจากจังหวะขึ้นโหม่ง ต้องออกไปเย็บแผล ทำให้ลิเวอร์พูลต้องเล่น 10 คนไปก่อน เท่านั้นยังไม่พอ 3 นาทีถัดมาแอกเกอร์ปะทะกับกองหน้าปรากแล้วลงไปกองกับพื้นอีกคน หมดสภาพจะเล่นต่อได้แต่ต้องฝืนอยู่ในสนามเพราะกีเกียคอสยังไม่กลับมา เป็นช่วงเวลาที่น่าหวาดผวาที่สุดในเกมของลิเวอร์พูล แต่ปรากเองก็ฉวยโอกาสเอาไว้ไม่ได้ ไม่ได้ดันเกมกันขึ้นมาสักเท่าไหร่

นาที 83 กีเกียคอสก็โพกผ้าแดงลงมาลุยต่อได้ นาที 85 สเคอเทลวอร์มจนได้ที่ถูกส่งลงมาแทนแอกเกอร์ แล้วสเคอเทลก็เหมือนตัวนำโชคนาทีถัดมา ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม ไมราเลสโยนเข้าไปในกรอบ 6 หลา เป็นเค้าท์ที่เบียดโหม่งได้ ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำสำเร็จ 1-0

หลังจากขึ้นนำปรากก็ดันสูงโหมบุกเต็มที่ แต่ฝ่าด่านลิเวอร์พูลที่ลงไปรับกันลึกไม่ได้ ทดเจ็บนาทีแรกลิเวอร์พูลได้โอกาสโต้กลับ โคลล๊อคหลบหลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่โดนเอนกอกแย่งไปยิงมันซะงั้นแล้วก็ยิงติด  นาทีถัดมาโต้อีกครั้งเค้าท์เปิดให้โคลหลุดเข้าไปถึงเขตโทษแต่จังหวะยิงโดนเบียดจนบอลหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย

สุดท้ายลิเวอร์พูลก็เอาตัวรอดไปได้อย่างเหนื่อยๆ ด้วยสกอร์ 1-0 ผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ
------------------------------------------

รูปเกมวันนี้ต้องบอกว่าเหนื่อยมาก เนื่องจากมีนักเตะบางคนที่หลุดฟอร์มไป ประกอบกับอาการบาดเจ็บของนักเตะในสนามเป็นระยะๆ ทำให้เกมไม่ค่อยจะต่อเนื่องและเด็ดขาดสักเท่าไหร่ ด้านดีๆ ที่เห็นในวันนี้คือแผงหลังลิเวอร์พูลเล่นกันไ้ด้ดีมากๆ สกัดเกมรุกของปรากไว้ได้หมด ไม่มีจังหวะที่เรน่าต้องโชว์เซฟลูกยากๆ เลย

แต่ที่ไม่ดีคือการประสานงานในเกมรุก เอนกอก-โคล-ไมราเลส-เค้าท์ พึ่งได้เล่นด้วยกันไม่กี่นัด การประสานงานยังทำไ้ด้ไม่ดี ถ้านัดต่อๆ ไป มีซัวเรส-คาโรลมาเพิ่มอีก ยังไม่รู้จะจูนกันเจอหรือจูนกันเจ๊ง คงต้องรอจนถึงฤดูกาลหน้ากว่าจะได้เห็นการประสานงานที่ลงตัวในเกมรุก
-----------------------------------

ผลงานแต่ละคนต่างกันสุดกู่

เรน่า - เกมรับเพื่อนเล่นกันได้ดี แต่ตัวเรน่าดันออกลูกเหวอให้เห็นอยู่ครั้งสองครั้ง ยังดีไม่ทำให้ทีมเสียประตู

วิลสัน - นัดนี้ชัดเจนมากว่ายังไม่แกร่งพอจะเป็นตัวจริง ไม่มีประสิทธิภาพในการเติมเกมเลย การอ่านเกมในจังหวะตั้งรับก็ยังไม่ดีพอ

กีเกียคอส - องค์ลงอีกแล้ว แม้จะเสียเลือดไปเยอะ ครึ่งแรกปากแตก ครึ่งหลังหางคิ้วแตก แต่สกัดและประกบได้อย่างสุดยอด เป็นเหตุผลที่ปรากแทบหาโอกาสยิงไม่ได้เลย

แอกเกอร์ - มีกีเกียคอสช่วยไว้เยอะ ทำให้งานในเกมรับง่ายขึ้น มีจังหวะลากบอลขึ้นมาได้สวยๆ หลายครั้ง

เคลลี่ - ได้เล่นแค่ครึ่งแรกและเด่นอยู่คนเดียวเลย เปิดบอลจังหวะที่วิ่งเต็มสปีดได้ดีเหลือเชื่อ  เกมรับก็เล่นได้เหนียวแน่นดี มีฟอร์มที่ชวนให้น่าห่วงเกล็น จอห์นสันจะย้ายทีมหนีเหลือเกิน

โพลเซ่น - ช้า จ่ายบอลพลาดหลายครั้ง ยังดีว่าปิดเกมกลางสนามได้ดีในระดับนึง

ลูคัส - ปัญหาคล้ายนัดที่แล้ว เจอมิดฟิลด์ตัวใหญ่แรงปะทะดี ลูคัสทำอะไรไม่ได้มากนัก โชคดีนิดหน่อยที่นัดนี้ปรากไปเน้นเล่นบอลริมเส้นมากกว่าตรงกลาง

โคล - จังหวะที่บอลอยู่กับเท้าเล่นได้ดีไม่น้อย ปัญหาคือครึ่งแรกบอลไปทางขวาหมด พอครึ่งหลังก็ไปประสานงากับเอนกอก ถ้าเล่นเข้ากับเพื่อนร่วมทีมเมื่อไหร่ น่าจะอันตรายกว่านี้

ไมราเลส - เป็นคนที่ลิเวอร์พูลขาดไม่ได้ไปแล้ว เป็นคนขับเคลื่อนเกมรุกของทีม

เค้าท์ - ตอนยืนหลังเอนกอกทางด้านขวา ทำอะไรไม่ได้เป็นสัปปะรดเลยแม้แต่น้อย ผิดพลาด 100% หมดทุกจังหวะการเล่น แต่พอโดนดันไปเล่นข้างหน้าคู่กับเอนกอก กลับเล่นดีมันซะอย่างนั้น เกมรุกในช่วงที่เค้าท์อยู่ข้างหน้าอันตรายมากกว่าช่วงที่มีเอนกอกคนเดียวแบบหน้ามือเราเป็นหลังมือคนอื่นเลยทีเดียว ทำประตูสำคัญได้อีกต่างหาก

เอนกอก - เล่นได้แย่มากที่สุดตั้งแต่ดูเอนกอกเล่นมา ปัญหาไม่ใช่ความสามารถแต่อยู่ที่ใจ กำลังขาดความมั่นใจอย่างรุนแรง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : กีเกียคอส นัดไหนพี่เล่นดี พี่ดีใจหายจริงๆ (แต่ถ้านับแค่ครึ่งแรกคงต้องเป็นเคลลี่แล้วล่ะ)
----------------------------------------------------------------